คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : CHAPTER 10 :: MORNING ::
[#MINHOON #WINNER] :: DAY & NIGHT ::
CHAPTER 10 :: MORNING
::
"อื้อ
... โอ้ย !"
ร่างกายเปลือยเปล่าของซึงฮุนที่ซุกตัวอยู่ภายในอ้อมแขนของมินโฮและผ้าห่มนวมผืนหนาขยับพลิกตัวหวังจะให้ตัวเองได้นอนสบายๆ
แต่ก็ต้องรู้สึกตัวตื่นเมื่อรู้สึกเจ็บปวดจากทางด้านหลังโลดแล่นขึ้นตามแนวสันหลังยาว
พลอยปลุกให้ตัวต้นเหตุซึ่งสวมชุดคลุมอาบน้ำใหญ่โคร่งนั้นลืมตาตื่นขึ้นมาด้วย
ถึงแม้จะรู้สึกตัวกันแล้วทั้งคู่ แต่กลับไม่มีใครผละออกจากกัน
มินโฮยังคงกระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นยิ่งขึ้น
ในขณะที่ซึงฮุนนั้นกลับซุกใบหน้าฝังกับแผ่นอกของคนตัวหนาพลางให้เนื้อผ้าบางเบาของชุดที่มินโฮสวมใส่อยู่นั้นดูดซับน้ำตารื้นให้เหือดแห้งไป
อรุณรุ่งของวันใหม่ทอแสงลอดตามเนื้อม่านสีเข้มกระทบเข้ากับเปลือกตาที่เปิดอย่างยากลำบากแม้เจ้าตัวจะรู้สึกตัวตื่นแล้วก็ตาม
"เจ็บมากไหม
?" ริมฝีปากหยักพรมจูบตามขมับขาวและกลุ่มผมนิ่ม
ซึงฮุนพยักหน้าน้อยๆ แทนคำตอบจนเจ้าของกายกำยำรับรู้ผ่านแรงไหวตามแผ่นอก
ในใจเอาแต่พร่ำบอกคำว่าขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ขอโทษนะ
แต่ที่ฉันทำไปเป็นเพราะฉันรักนายนะ อีซึงฮุน"
"รู้แล้ว"
แก้มฟูขึ้นสีแดงเรื่อเงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่มผิวกายสีน้ำผึ้ง ใบหน้าน่ารักของคนใต้ร่างแทบพังความอดทนของมินโฮยากจะตั้งสติจนอยากจับฟัดพ่อดวงตะวันอีกครั้ง
แต่เพราะอีกคนอยู่ในภาวะเจ็บปวดจึงได้เพียงแต่ข่มความรู้สึกดิบของตัวเองเอาไว้พลางพยุงหัวใจของตัวเองไม่ให้แกว่งจนวูบไหว
"ฉันก็รักนายนะ ซงมินโฮ"
คำรักเสียงแผ่วเบากดให้ลอดลึกลงใต้ผ้าห่มหนา
ซึงฮุนคงไม่อยากให้เขาได้ยิน แต่เพราะในห้องไร้ซึ่งเสียงใดๆ
นอกจากเครื่องปรับอากาศครางหึ่งและลมหายใจเข้าออกระหว่างคนสองคน
เจ้าคนหูดีอย่างซงมินโฮนั้นก็จับถ้อยคำได้อย่างชัดเจน
"นายมันน่ารักแบบนี้ไง
ฉันถึงได้หลงจนโงหัวไม่ขึ้น"
มินโฮขยับย่อตัวไปพรมจูบตามเปลือกตาใสของอีกคนราวกับรัก
หวงแหน และเอ็นดูเหลือเกิน ซึงฮุนหลับตาลงรับสัมผัสอบอุ่นจากอีกคนเชื่องช้า
หัวใจเจ้ากรรมนั้นฟูฟ่องเมื่อริมฝีปากของอีกคนเริ่มเลื้อยมาจูบซับผิวเนียนนุ่มบนปลายจมูกและริมฝีปากบางสีอ่อนของเขา
"แล้วไม่ปวดหัวใจแล้วหรือไง
หืม ?"
"ก็มีบ้าง
..." มินโฮตอบหน้านิ่งพลางจดจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเล็กสุกใส
พ่อดวงตะวันคนดีของเขากำลังเลิกคิ้วบางขึ้นสงสัยในคำตอบ
มือหนาไม่ปล่อยให้ว่างลูบไล้ไปตามรอยแดงจ้ำบนผิวสีน้ำนมซึ่งเขาประทับเอาไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
"มีคนเคยถามฉันนะว่าแท้ที่จริงแล้วฉันกลัวความรักจริงๆ
หรือเพียงแค่กลัวคำว่าผิดหวังจากความรักกันแน่
ซึ่งฉันก็ไม่เคยได้คำตอบจากคำถามนั้นเลย"
"..."
"แต่ถ้าถามว่าฉันเจ็บปวดทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆ
นายน่ะเป็นเรื่องจริงไหม ? ฉันขอตอบเลยว่าจริง
ฉันถึงได้พยายามอยู่ข้างๆ นายบ่อยๆ เพราะฉันเลือกเองว่าจะลองหักดิบดูสักครั้ง
เอาให้เจ็บปวดจนตายกันไปข้างหนึ่งเลยเผื่อบางทีฉันจะกล้าเผชิญหน้ากับความรักอีกครั้ง"
ทุกถ้อยคำที่มินโฮพยามอธิบายออกมานั้นสะกิดสร้างความรู้สึกผิดจนซึงฮุนหงอยลง
เอาแต่พร่ำคิดในใจว่าการที่คนสองคนมาเจอกันแม้จะสร้างเรื่องราวความรักสวยงามเพียงใด
แต่ต้องแลกด้วยความเจ็บปวดของอีกคน แล้วความสุข ... มันจะเกิดขึ้นได้จริงหรือเปล่า
? เขาคิดผิดหรือไม่ที่ยอมให้มินโฮมาโคจรอยู่ในรัศมีรอบตัวเขา
"อย่ากังวลอะไรเลยนะ ฉันเป็นคนยื่นข้อเสนอนี่ให้เอง
ยังไงซะฉันจะทำให้นายหายจากอาการกลัวความมืดให้ได้ ส่วนนาย ... อีซึงฮุน"
"หืม
?"
"คอยอยู่ใกล้ๆ
เป็นหัวใจของฉัน อย่าหายไปไหนนะ อย่าทิ้งกันด้วย เข้าใจใช่ไหม ?"
"อือ
... เข้าใจแล้ว อย่าบีบจมูกแรงสิ เจ็บนะ !"
มือขาวผลักอกของอีกคนที่กำลังนอนหัวเราะร่วนเพราะขำขันในใบหน้าฟูกำลังเหยเกจากความเจ็บปวด
ขายาวพยายามถีบเข้าที่คู่ขาของอีกคนเพื่อเป็นการทำโทษแต่ก็ต้องกรีดร้องเพราะความบอบช้ำจากจากการกระทำรุนแรงของคนตัวโตราวกับผ่านมรสุมของราคะตัณหาซึ่งถูกซุกซ่อนเอาไว้นานๆ
แล้วมาลงที่เขาโดยไม่ยั้งคิดและควบคุมมัน
"มันคงช้ำอยู่น่ะ
เดี๋ยวไปหายาแก้อักเสบให้กินนะ"
ชายผ้าห่มถูกเลิกขึ้นพลางร่างกายผิวสีเข้มจะขยับลุกขึ้นนั่ง
เขาส่งเท้าเปลือยเปล่าสวมใส่สลิปเปอร์คู่สีขาวสะอาดราวของใหม่ที่เขาตั้งใจวางทิ้งเอาไว้ข้างเตียงหนึ่งคู่ช้าๆ
แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมือของอีกคนส่งมาดึงข้อมือของเขาไว้ขณะหยัดตัวลุกขึ้นยืน
มินโฮเอี้ยวศีรษะมองร่างกายเปลือยท่อนบนโผล่พ้นออกจากชายผ้าหนาก็อดเป็นห่วงไม่ได้
ต้องหันไปดึงผ้าห่มสีเข้มนั้นปกปิดเรือนกายขาวแต่แดงช้ำราวสีของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รสหวานที่มินโฮดื่มไปจนหมดสูบเป็นตัวกระตุ้นอัดด้วยแรงปรารถนานั้นเกรงว่าไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศจะทำให้ผู้ที่เปรียบเสมือนดวงตะวันเป็นหวัดไปเสียก่อน
"ซงมินโฮเองก็อย่าทิ้งอีซึงฮุนนะ"
"อ้อนเป็นลูกแมวน้อยเชียวนะครับ
สิงโตเมื่อคืนหายไปไหนนะ ?" ตารีเล็กทอประกายออดอ้อนจนอีกคนอดไม่ได้ที่จะก้มตัวลงฝังปลายจมูกโด่งรั้นลงแก้มนิ่มพลางเลื่อนมือไปเกลี่ยปอยผมนุ่มไปด้วย
ซึงฮุนต่างจากคนอื่นที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของมินโฮจริงๆ
เพราะด้วยรสนิยมด้านดนตรีและแฟชั่นที่ไม่เหมือนใครทำให้มินโฮพบเจอกับผู้คนที่มีไลฟ์สไตล์เดียวกันเข้ามามีส่วนพัวพันในชีวิต
แต่ซึงฮุนกลับเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ไม่หวือหวาด้านแฟชั่นและหลงไหลดนตรีคลาสสิค
อาจเพราะอาการของโรคกลัวความมืดที่เป็นส่งผลให้เขาได้รับการบำบัดจิตใจด้วยดนตรีที่มีจังหวะบางเบาและคงที่กว่า
"มินโฮไม่ทิ้งซึงฮุนหรอกครับ แค่เพียงตอนนี้ มินโฮจะไปหายาให้กิน
นอนรอตรงนี้นะครับ"
"อื้อ"
ทันทีที่แผ่นหลังติดจะกว้างนั้นคล้อยหายออกไปจากพื้นที่ห้องนอน
คนซนก็เอื้อมมือควานหาโทรศัพท์มือถือตามโต๊ะเล็กข้างเตียงนอนแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อไร้สิ่งของที่เขาต้องการ
อีซึงฮุนคนโง่
ก็เมื่อคืนเขาเอาโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงวางไว้ตรงโต๊ะกระจกกลางห้องนั่งเล่นก่อนไปทำอาหารเย็นนี่นา
ซ้ำนี่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง เลยลืมไปแล้วว่าข้าวของทุกชิ้นที่เห็นนั้นเป็นของมินโฮทั้งหมด
ป่านนี้ซึงยุนคงตามหาเขาให้วุ่น
"มินโฮ
... เอาโทรศัพท์มาให้ด้วยนะ"
"โอเคคร้าบ"
ไม่นาน
มินโฮก็กลับเข้ามาพร้อมยาหนึ่งเม็ด
น้ำเปล่าสะอาดหนึ่งแก้วก่อนวางมันลงบนโต๊ะเล็กสีเบส
และโทรศัพท์มือถือที่เจ้าของเรียกร้องหามัน
ซึงฮุนพยายามคว้าเอาโทรศัพท์จากมือของชายหนุ่มร่างหมีแต่ก็โดนยื้อแย่งไปเสียก่อน
ชายร่างหนาติดจะกำยำชักมือกลับไปทางด้านหลังหวังซ่อนเครื่องมือสื่อสารให้ไกลห่างจากคนดื้อรั้น
ปล่อยให้ชายคนรักของเขานั้นนั่งเบะหน้าขาวราวกับเด็กเล็กๆ
โดนขัดใจไม่ให้เล่นเครื่องเล่นอย่างไรอย่างนั้น
"มินโฮ
เอาโทรศัพท์คืนมานะ"
"ไม่ให้
... เป็นเด็กดีต้องกินยาก่อนนะครับถึงจะได้ของที่ต้องการไป"
คนเจ้าเล่ห์ก้มตัวลงพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เจ้าแก้มฟูจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นรินรดลงปลายจมูก
สายตาคมนั้นจ้องเข้าลึกสุดราวกับร่ายมนสะกดให้เจ้าของคู่ตาเล็กนั้นนิ่งและยอมเชื่องเป็นลูกสิงโตแรกเกิด
และในวินาทีนั้น
มือหนาได้หยิบเอายาเม็ดเล็กส่งเข้าปากก่อนฉวยโอกาสประกบเข้ากับปากบางตรงหน้าส่งปลายลิ้นร้อนๆ
และเม็ดยารสขมแต่กลับหวานละมุนเหลือเกินเมื่อถูกป้อนด้วยฝีปากของใครอีกคน
และด้วยความหวานที่หาไม่ได้จากที่ไหนแล้วทำเอาซึงฮุนกลืนยานั้นเข้าสู่ร่างกายไปโดยลืมว่าต้องดื่มน้ำตาม
"อื้อ
... พอแล้วมินโฮ เดี๋ยวฉันไปทำงานสาย"
"ลางานไหม
? นายไม่สบายอยู่นะ"
"ไม่ได้หรอก
วันก่อนก็เพิ่งไปนอนโรงพยาบาลมา ขาดบ่อยๆ
เดี๋ยวฉันก็ได้โดนไล่ออกจากงานก่อนพอดี"
"ไปลาออกได้นะ
แฟนคนเดียว ฉันเลี้ยงได้น้า"
คนฟังมีใจสั่นกับสถานะที่อีกคนเพิ่งเรียกขาน
คำว่า 'แฟน'
ที่ดังเข้ากระทบโสตประสาทนั้นไม่รู้ว่าเพราะซึงฮุนไม่เคยถูกใครเรียกด้วยสรรพนามน่ารักๆ
แบบนี้ล่ะมั้งถึงได้รู้สึกร้อนไปทั้งกรอบหน้าลามไปถึงใบหู พร้อมทั้งหัวใจเต้นโครมครามจับจังหวะไม่ถูก
มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบและชาไปทั้งสิบนิ้ว
มนุษย์ซงมินโฮคือผู้มีอิทธิพลกับเขาเหลือเกิน
"ไม่เอาอ่ะ
เดี๋ยวฉันได้เป็นคนขี้เกียจตัวลีบเป็นง่อยไปซะก่อน"
"ไม่เป็นง่อยหรอก
เดี๋ยวพาออกกำลังกายทุกวัน"
"ออกกำลังกายอะไรเล่า
!?"
"หมายถึงพาไปวิ่งที่สวน
ไปปั่นจักรยานริมแม่น้ำฮันทุกวัน นายคิดอะไรเนี้ย ?"
มุมปากคนเจ้าเล่ห์กระตุกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้าแก้มฟูกำลังคิดอะไรทะลึ่งอยู่แน่แท้
ซึงฮุนผลักอกของมินโฮเต็มแรงแก้อาการเคอะเขิน
ก็ใครใช้ให้มนุษย์ซงมินโฮพูดอะไรสองแง่สามง่ามหลังจากผ่านกิจกรรมร่วมรักจนเขาบอบช้ำไปหมดทั้งร่างเช่นนี้กันล่ะ
?
"คะ
... ใครคิดอะไร ? ไม่มีเถอะ"
เจ้าดวงตะวันสุกใสยกมือสองข้างขึ้นลูบพวงแก้มกลมของตนหวังบรรเทาให้อุณหภูมิร้อนรุ่มๆ
ให้คลายตัวลง
ก่อนคิดได้ว่าต้องเอาโทรศัพท์กลับคืนมาจึงเอื้อมมือข้างหนึ่งไปตรงหน้าคู่สนทนา
"ขอโทรศัพท์คืนมาได้แล้วมินโฮ ฉันจำเป็นต้องใช้มันนะ"
"ครับผม"
เรียวนิ้วชี้ยาวกระหน่ำกดกริ่งหน้าห้องจนเกิดเสียงดังลอดออกมาตามรอยแยกของประตูบานใหญ่
ใช้เวลาไม่นานประตูบานเขื่องก็ถูกเปิดออก
ตาเรียวเล็กของเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งรีบสบมองเจ้าของบ้านที่เวลาใกล้จะสายเต็มทีแต่ยังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำด้วยแววเกรี้ยวกราด
แผงอกกำยำสีน้ำผึ้งดูมีสุขภาพดีถูกแต่งแต้มเสน่ห์ด้วยรอยสักเป็นตัวอักษรสไตล์โรมันพาดยาวไปทั่วทั้งอก
แต่นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมคนตรงหน้า ซึงยุนผลักให้เจ้าของบ้านให้เข้าไปพื้นที่ภายใน
ใบหน้าของเด็กหนุ่มระคนกรุ่นด้วยความเกรี้ยวโกรธ
ร่างกายและจิตใจของซึงยุนร้อนราวกับไฟหลังจากพี่ชายสุดที่รักของเขาติดต่อมาและบอกว่าอยู่กับมินโฮตลอดทั้งคืน
อาการหวงพี่ชายจะไม่กำเริบเสิบสานหนักหนาขนาดนี้ถ้าซึงฮุนไม่ได้ป่วยทางจิต
และน้ำเสียงอ่อนแรงของซึงฮุนผ่านสายโทรศัพท์นั้นมันสะกิดใจของซึงยุนว่าต้องเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของตนแน่แท้
...
"อะไรกันเนี้ย
?!"
เลือดในกายของผู้มาเยือนร้อนเสียยิ่งกว่าไฟในขุมนรก
ไม่มีคำตอบผ่านริมฝีปาก
มือทั้งสองข้างแม้จะบางกว่าของคู่สนทนาแต่เรี่ยวแรงมหาศาลจากความโกรธนั้นทำเอาซึงยุนขาดสติ
คว้าเข้ากับคอเสื้อของชุดคลุมอาบน้ำเนื้อหนาก่อนกระชากชายหนุ่มร่างหมีเข้ามาประจัญหน้าในระยะประชิด
"พี่ซึงฮุนอยู่ไหน
?"
"..."
"กูถามว่าพี่ซึงฮุนอยู่ไหน
?" คำหยาบที่ซึงยุนไม่เคยพูดมันออกมาเวลานี้ไม่สามารถเก็บเอาไว้ให้อยู่ได้
แม้มินโฮจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเผลอทำหน้ายียวนอย่างที่เคยทำเมื่อเจอปัญหาจนความอดทนของเด็กหนุ่มหน้ากลมขาดสะบั้น
ปล่อยกำปั้นหนักๆ กระแทกเข้ากับสันกรามคมสวยจนผู้ถูกกระทำล้มลงกับพื้นห้อง
ซึงยุนตามเค้นเอาคำตอบจากเจ้าของบ้านด้วยการนั่งค่อมกายหนาก่อนกระหน่ำปล่อยหมัดลุ่นๆ
ลงใบหน้าหล่อเหลานั้นจนเลือดซึมตามมุมปากรวมถึงเกิดรอยฟกช้ำไปทั่วใบหน้า
"พี่ชายกูอยู่ไหน ? บอกมาสิเว้ย !"
"ซะ
... ซึงยุน"
"พี่ซึงฮุน
!"
เจ้าลูกหมาละจากร่างของมินโฮก่อนพุ่งตัวไปหาซึงฮุนที่เปิดประตูห้องนอนออกมามองสถานการณ์รอบตัวหลังจากได้ยินเสียงโวกเวกโวยวาย
มินโฮทำได้เพียงพยุงกายตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิพลางเกลี่ยเรียวนิ้วไปตามมุมปากที่ชาวาบ
รอยเลือดสีแดงสดเปื้อนติดมากับปลายนิ้วยาวก่อนริมฝีปากหยักจะจิ๊ออกมาด้วยความขัดใจ
"ซึงยุน
นายทำอะไรลงไป พี่บอกแล้วไงว่าพี่สบายดี มินโฮไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับพี่สักหน่อย
เป็นเด็กนิสัยเสียแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร ?"
"พี่ซึงฮุน
..."
"ไปขอโทษมินโฮเดี๋ยวนี้เลยนะ"
"ไม่
!" คำปฏิเสธเสียงแข็งนั้นแทบเรียกความเสียใจของซึงฮุน
ตั้งแต่เขาย้ายเขามาอยู่กับครอบครัวของซึงยุน
ผู้เป็นน้องชายของเขาไม่เคยก้าวร้าวกับใครต่อหน้าเขาขนาดนี้เลย
และยิ่งมาทำเรื่องเลวร้ายกับคนรักของเขาด้วยนั้น
ความเสียใจก็ยิ่งเพิ่มทวีมากขึ้นไปอีก "พี่ซึงฮุน กลับบ้านกัน"
"ซึงยุน
..." แม้มือแดงๆ
ของซึงยุนจะพยายามฉุดดึงให้พี่ชายสุดที่รักเดินตามตนแล้วก็ตาม
แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนด้านหลังชักมือกลับเบาๆ และเรียกชื่อเขาแผ่วเบา "พี่
... พี่รักมินโฮ และมินโฮนี่แหละคือคนที่เขาบอกว่าจะช่วยทำให้พี่หายจากไอ้โรคบ้าๆ
ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ..."
"พี่
... ซึงฮุน ..."
สถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้คืออะไร
ซึงยุนไม่เข้าใจและไม่คาดคิดว่าพี่ชายของตนจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
ความสับสนกัดกินใจของเด็กหนุ่มแก้มกลม ตาเรียวเล็กเบิกโพลงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
สลับมองหน้าของใครอีกคนที่เกือบลืมไปแล้วว่ายังยืนหัวโด่อยู่ในบริเวณห้องนี้
มินโฮยกยิ้มมุมปากอย่างคนกำชัยชนะ
แต่ซึงยุนกลับรู้สึกหมั่นไส้จนอยากพุ่งตัวเข้าไปกระหน่ำสร้างรอยแผลที่ใบหน้าคมคายนั้นอีกสักทีสองที
"ขอโทษมินโฮเถอะนะซึงยุน"
เจ้าของแก้มฟูเดินตรงเข้ามาหามินโฮก่อนลูบไล้ปลายนิ้วไปตามรอยแตกบนผิวหนัง
ซึงยุนมุ่งมองการกระทำของพี่ชายแล้วก็เอาแต่เจ็บแค้นในใจ แต่คำพูดของพี่ชายในคืนนั้นกลับย้อนเข้าสู่ห้วงความคิดจนสุดท้ายต้องยอมจำนนให้กับความเป็นจริง
'ถ้าเขาเปรียบเสมือนยาใจของพี่
และถ้าพี่เปรียบเสมือนยารักษาโรคร้ายของเขาก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหายเลยนะ
มันกลับดีเสียอีก อย่างน้อยจะได้รู้ไงว่าจะได้ผลหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ผลก็คล้ายๆ
กับอาการแพ้ยาอย่างหนึ่ง เราก็แค่ทิ้งมันไปแล้วค่อยหาทางรักษากันใหม่'
คำพูดของตัวเขาเองนั้นประดังเข้ามาจนเจ็บแสบไปทั้งทรวงอก
ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาพูดเอาไว้ในคืนนั้นจะมาถึงรวดเร็วขนาดนี้ ไม่ทันได้ตั้งตัว
ผู้เป็นยาใจให้กับพี่ชายแสนดีก็เข้ามา ได้ทั้งตัวและหัวใจของซึงฮุนไป
แม้ซึงยุนจะเป็นเด็ก
แต่ก็ไม่ได้ใสซื่อจนดูไม่ออกว่าร่องรอยสีแดงกุหลาบตามซอกคอขาวของซึงฮุนเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
'ถามหัวใจตัวเองให้ดีๆ
ว่าพร้อมจะลองดูไหม พร้อมจะลองรักษาด้วยความรักจากคนรอบข้างหรือเปล่า ? พี่อยู่แบบนี้มานานแล้ว อาการของพี่ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย ไม่แน่นะ
เขาคนนั้นอาจเป็นยาวิเศษ อาจทำให้พี่หายขาดได้ ลองเปิดใจดูนะ น้องก็ทำได้แค่แนะนำ
แต่การตัดสินใจอยู่ที่พี่แล้ว'
มีคนเคยบอกไว้ว่ากษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ
เด็กสัตย์ซื่ออย่างคังซึงยุนก็คงต้องทำตามที่ตัวเองเคยพูดไว้เหมือนกัน
"มินโฮ
ตามฉันมา"
ไม่พูดเปล่า
ซึงยุนเข้ามาประชิดร่างพลางฉุดต้นแขนแข็งแรงของมินโฮให้ตามออกไปนอกห้อง
ประตูบานโตปิดลงเสียงดังลั่นไปทั้งชั้นแม้จะมีเพียงแค่สองห้อง
แต่ถ้าเสียงลอดออกไปตามช่องหน้าต่างหรือผนังก็คงดังขึ้นชั้นบนและชั้นล่าง
ปล่อยให้ซึงฮุนสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่พักใหญ่ๆ
"ฟังนะซงมินโฮ"
ไม่พูดพร่ำทำเพลง เจ้าเด็กหน้ากลมก็เปิดประเด็นขึ้นมาเสียดื้อๆ สีหน้าจริงจังไม่ได้ทำให้มินโฮกลัวเลยสักนิด
ในใจเอาแต่คิดไปว่าพี่น้องสองซึงนั้นน่ารักไม่ต่างกัน
แต่ยังไงซะซึงฮุนก็น่ารักกว่า
เจ้าหนุ่มกายหนายกมือขึ้นกอดประสานกันระหว่างแผ่นอกก่อนทิ้งตัวให้แผ่นหลังพิงกำแพงขาวสะอาดพลางเงี้ยหูฟังสิ่งที่เจ้าเด็กแก้มกลมจะพูดต่อไปราวกับกำลังกวนประสาทให้ซึงยุนสติแตกอีกครั้ง
"นายคงรู้แล้วว่าพี่ซึงฮุนเป็นโรคอะไร
พี่ชายฉันบอกหมดทุกอย่างว่านายเป็นคนเข้ามาอาสาบำบัดเยียวยาหัวใจของพี่ซึงฮุน
แต่ฉันขอเตือนนายอย่างหนึ่งนะ
ถ้านายทำให้พี่ชายของฉันเจ็บปวดหรือเสียใจแม้แต่นิดเดียว ฉันจะมาพาพี่ซึงฮุนกลับไป
และนายจะไม่มีโอกาสแม้แต่เห็นหน้าคนที่เขารักนายคนนั้น !"
"นายสั่งเหมือนนายแอบชอบพี่ชายตัวเองเลยนะ
..."
"ไอ้มินโฮ
!"
เพราะคำสบประมาทพร้อมสีหน้ายียวนนั้นเรียกให้เลือดในกายเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้น
ซึงยุนสติแตกอีกครั้งพุ่งกายเข้าไปคว้าบริเวณสาปเสื้อคลุมอาบน้ำตัวนั้นอีกครั้งจนยับยู่คามือ
"ฟังนะซงมินโฮ ฉันคือน้องชายของพี่ซึงฮุน แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันก็ตาม
ที่ฉันคอยเป็นห่วงพี่ชายคนนี้มากขนาดนี้เพราะพี่ฉันป่วยอยู่
และถ้านายยังสบประมาทฉันกับพี่ซึงฮุนอีกล่ะก็ เราจะได้เห็นดีกัน !"
ด้วยความบริสุทธิ์ใจของผู้เป็นน้องชายแม้จะต่างสายเลือดหรือคนละพ่อแม่ก็ตาม
ซึงยุนไม่ได้สนใจคำสบประมาทนั้น
เพียงแต่เขาไม่อยากให้ซึงฮุนต้องมาได้ยินอะไรต่ำช้าเช่นนี้
บวกกับตอนนี้ภายในก้อนเนื้อที่ยังคงเต้นอยู่ของเจ้าเด็กแก้มป่องนั้นก็โดนพี่ชายหน้าหวานยึดครองพื้นที่หัวใจไปหมดแล้วทุกตารางเซนติเมตร
"..."
"อย่าลืมคำพูดของฉันล่ะ
ถ้านายทำให้พี่ฉันเสียใจแม้แต่นิดเดียว ฉันจะมาพาพี่ซึงฮุนกลับบ้านจริงๆ ด้วย
!"
"ฉันไม่มีวันทำให้ซึงฮุนเสียใจ
เพราะฉันรักซึงฮุนยิ่งกว่าชีวิตของฉันเสียอีก"
มือขาวที่บัดนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดค่อยๆ
คลายออกจากเนื้อผ้า
ซึงยุนพยายามข่มความรู้สึกโมโหของตัวเองแต่เมื่อได้ยินคำสัตย์ราวปฏิญาณตนของซงมินโฮ
นิ้วมือทั้งสิบนิ้วที่กำเข้าหาฝ่ามือแน่นจนเส้นเลือดเขียวปูดโปนนั้นก็พลอยคลายออก
ตาเล็กจ้องเขม็งเข้าสายตาเรียวอย่างเอาเรื่อง หวังว่าคู่สนทนานั้นจะไม่กลืนน้ำลายลืมคำพูดของตัวเองเมื่อเวลาผ่านไป
"และฉันจะคอยจับตาดู
! และก็ขอโทษด้วยที่ต่อยนายจนเลือดแตกขนาดนั้น"
แม้จะพ่วงด้วยคำขอโทษตามหลังประโยคคำสั่ง
แต่ไม่วายยกเรียวนิ้วชี้แดงจัดนั้นขึ้นตรงเข้ากับหน้ากวนๆ
ของซงมินโฮราวกับคาดโทษเอาไว้ ก่อนร่างกายสูงโปร่งจะกลับหลังหันเดินเพียงสามก้าวเท้า
เปิดประตูบานเดิมด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
คว้าข้อมือของพี่ชายที่ยืนเงี่ยหูแอบฟังเหตุการณ์ทั้งหมดหลังแผ่นประตูใหญ่สูงสองเมตรนั้นด้วยสีหน้าโมโหอย่างถึงที่สุด
กรอบหน้าฉายความเกรี้ยวกราดแบบที่ซึงฮุนเองก็ยังเกรงกลัว "พี่ซึงฮุน กลับบ้าน
พี่ต้องไปทำงานนะครับ ส่วนเรื่องอื่น เราค่อยว่ากันทีหลัง"
"พี่ซึงฮุน
... พี่ซึงฮุนคะ !" เจ้าของชื่อสะดุ้งตกใจจนตัวโยนเมื่อสัมผัสจากปลายนิ้วชี้สะกิดเรียกบริเวณไหล่พร้อมเสียงหวานสดใสของรุ่นน้องร่วมงานคนสนิท
ซึงฮุนค่อยๆ หันหน้าสบตาคู่สนทนาด้วยความสนใจก่อนยิ้มบางๆ ตอบ
"พี่ซึงฮุนเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ? พักนี้พี่ชอบเหม่อลอยบ่อยๆ
นะ เป็นเพราะพี่มินโฮหรือเปล่าเอ่ย ?"
เพียงแค่ได้ยินชื่อของมินโฮคนที่เข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจของเขาก็ทำให้เจ้าแก้มฟูนั้นเขินจนแทบอยู่ไม่เป็นสุข
แต่ก็ต้องวางฟอร์มว่าไม่รู้สึกอะไรทำนองนั้นเอาไว้ เนื่องจากตอนนี้เขาอยู่ในออฟฟิศ
มีคนอีกมากมายตรงนี้ที่ไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างเขาและผู้ชายอีกคน
"อย่าเสียงดังไปสิ
จีซูอา ..."
หญิงสาวรีบยกมือขึ้นปิดปากทรงกระจับสวยของตัวเองแทบจะทันทีแม้เจ้าหล่อนจะเผลอพูดเสียงดังไปเสียแล้ว
ซึงฮุนแอบขำออกมาเบาๆ กับท่าทางไร้เดียงสาของรุ่นน้องคนสนิท
เมื่อถูกจับได้ว่าโดนกลั่นแกล้ง
สีหน้าตื่นตกใจเมื่อครู่ก็หงอยลงราวกับงอนใส่คนเป็นพี่
เดือดร้อนซึงฮุนต้องคอยตามขอโทษและง้อเป็นการใหญ่
"เชอะ
!" แต่ถึงอย่างนั้นจีซูก็ไม่มีวี่แววว่าจะยกโทษหรือหายงอนแต่อย่างไร
จึงใช้โอกาสนี้ไต่สวนซึงฮุนเสียเลย
"จีซูจะไม่หายงอนแน่ถ้าพี่ซึงฮุนไม่บอกความจริงมาว่าที่พี่เหม่อลอยบ่อยๆ
แบบนี้เป็นเพราะพี่มินโฮใช่หรือไม่ ?"
"..."
มีเพียงการพยักหน้าน้อยๆ
เป็นคำตอบจากพี่ชายปากแข็งเท่านั้น
จีซูเหมือนจะรู้เรื่องราวแบบผิวเผินมาบ้างแล้วเพราะเจ้าตัวแวะไปที่คลับบ่อยๆ
แต่พักนี้ไม่ค่อยเจอตัวนักร้องสุดหล่อนามซงมินโฮ จึงไม่ค่อยแปลกใจนักถ้าต้นเหตุการณ์หายไปของมินโฮคือพี่ซึงฮุน
พี่ชายร่วมงานคนสนิทที่กำลังนั่งหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหูตรงนี้
"พี่ซึงฮุน
แม้จีซูจะไม่ค่อยเข้าใจในความสัมพันธ์ของพวกพี่ๆ เท่าไรนัก แต่พี่รู้ไหมว่าพี่มินโฮเห็นร้ายๆ
แบบนั้นอ่ะ เขายอมโดดงาน ยอมโดนพี่จียงเจ้าของคลับและหุ้นส่วนใหญ่ด่าทุกวันเลย ดูๆ
แล้วพี่มินโฮเขาแคร์พี่มากนะคะ พี่ซึงฮุนน่ะโชคดีมากเลยรู้ไหมคะ ?"
"จริงหรอ
?"
"จีซูจะโกหกพี่ไปทำไมล่ะคะ
?"
"ขอบใจมากนะ
จีซูกับอาหมอนี่เพิ่มความมั่นใจให้กับพี่ได้จริงๆ เลยนะ ขอบใจมากนะ คิมจีซู"
เมื่อมีคนยืนยันความบริสุทธิ์ใจของมินโฮเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
ซึงฮุนคงต้องเชื่อใจและวางใจในตัวของมินโฮให้มากๆ
แม้วันเวลาที่เดินไปข้างหน้านั้นจะเกิดอะไรขึ้น เขาเองก็ไม่อาจล่วงรู้ได้
แม้จะสุขสมหวังหรือเจ็บปวดทรมาน แต่แค่วินาทีนี้
เขามีมินโฮคอยเป็นยาให้กับหัวใจที่เคยว่างเปล่ามาตลอดชั่วชีวิต
หรือเป็นหมออีกหนึ่งคนที่จะคอยกำจัดให้โรคร้ายมลายหายไป แค่นั้น ...
ซึงฮุนก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
โทรศัพท์มือถือเคยนอนนิ่งอยู่นานนั้นเริ่มสั่นจนเคลื่อนที่ด้วยข้อความจากแอปพลิเคชันแชท
ชื่อของคนส่งข้อความเด่นร่าจนจีซูเห็นแล้วก็อดจะวาดรอยยิ้มไม่ได้
รีบขยับตัวก้าวขาช้าพลางทำปากมุบมิบว่าขอตัวไปทำงานต่อก่อน
ก็เพราะจีซูคงไม่อยากขัดความสุขของพี่ชายหน้าตี๋ยิ้มจนแก้มแดงๆ
นั้นฟูฟ่องเต็มไปด้วยความสุข
'ซึงฮุน
วันนี้แวะไปกินข้าวก่อนกลับบ้านกันนะ'
ลุ้นจนตัวโก่ง ความสัมพันธ์เพิ่งจะชัดเจน
อยากจะแหมถึงดาวเสาร์จริงๆ ค่ะ
คุณคังคนหวงพี่ โมโหทีนี่น่ากลัวนะคะ
อย่างที่บอกค่ะว่าคุณคังเขาไม่ได้คิดอะไรกับคุณอี
เขาแค่หวงพี่ชายเขาแค่นั้นเองค่ะ
เราจะไม่ดราม่าเรื่องแอบชอบพี่ชายค่ะ คุณคังเขามีคุณคิมแล้ว
ไปผูกดราม่าเรื่องหัวใจของทั้งสองคู่ดีกว่าเนอะ
กำลังใจสำคัญกับไซเรนท์นะคะ อย่าลืมๆ ^^
#DAYNIGHTSTORY
ปล. มาสั้นๆ เพราะสมองตื้อตันจริงๆ ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ โฮกกกกก T^T
ความคิดเห็น