ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [#MINHOON #WINNER] :: DAY & NIGHT ::

    ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 5 :: FRESH AIR ::

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 61


    [#MINHOON #WINNER] :: DAY & NIGHT ::

     

    CHAPTER 5 :: FRESH AIR ::

     

    เครื่องดื่มสีใสจากขวดแก้วเขียวถูกรินลงจอกใบเล็ก มือหยาบเลื่อนเปลี่ยนทิศทางจากขวดกลมๆ มายกจอกใสขึ้นซดเอาแอลกอฮอล์เข้าไปโดยไม่สนใจผลลัพธ์ที่ตามมา รสชาติและกลิ่นขององุ่นขาวซึ่งผสมอยู่ในเครื่องดื่มมึนเมาหวานคลุ้งไปทั่วโพลงปาก จอกแล้วจอกเล่า ขวดแล้วขวดเล่า แต่ไม่มีทีท่าว่ามินโฮจะมีอาการมึนเมาแต่อย่างใด

     

    "หนึ่ง สอง สาม สี่ โอ้โหมึง ... ไปตายอดตายอยากมาจากไหนครับ โซจูไม่ใช่น้ำผลไม้นะเว้ย พอๆ เดี๋ยวก็เมาไม่รู้เรื่องเดือดร้อนจุนฮเวได้เหมาร้องเพลงหมดคืนจนเสียงแหบอีกหรอก"

     

    จินอูผู้ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์รีบชักมือของชายขี้เหล้าที่กำลังยกจอกใบใสขึ้นจรดริมฝีปากให้เลิกดื่ม แต่คู่ตาเรียวกลับฉายแววรำคาญก่อนเริ่มเอื้อมมือเปิดโซจูขวดที่ห้า สุดท้ายชายหน้าสวยก็ต้องถอนใจอย่างปลงตกแล้วเริ่มตระเตรียมอุปกรณ์สำหรับประกอบเครื่องดื่มให้พร้อมใช้งานเสมอ

     

    เสียงเพลงภายในคลับยังคงดังนับหนึ่งร้อยถึงสองร้อยเดซิเบลเกินขีดจำกัดที่หูของมนุษย์จะรับรู้ได้ตามเวลาของวันใหม่แม้ฟ้ายังเป็นสีดำสนิท จินอูไม่รู้หรอกนะว่ามินโฮไปทำอะไรมาในช่วงกลางวันถึงได้กลับมานั่งซดเหล้าต่างน้ำได้มากมายขนาดนี้ แต่ก็ช่างเถอะ มินโฮมักเป็นแบบนี้เสมอ ยิ่งช่วงเลิกลากับแชริน มินโฮดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในร้านไล่ตั้งแต่โซจู เบียร์ราคาถูก บรั่นดีร้อน ไวน์รสดี ลิเคียวไล่ถึงเตกีล่าจนเกือบต้องหามร่างหนาส่งโรงพยาบาล

     

    เหตุการณ์ในวันนี้ก็ไม่ต่างกันนัก

     

    จะไม่เหมือนกันตรงที่ ใครทำให้เจ้าหมาบ้าเป็นเอามาถึงขนาดนี้ ?

     

    แต่ก็อย่างที่เห็น ต่อให้เข้าไปห้ามเพียงใด มินโฮก็จะยกเหล้าเข้าปากโดยไม่พูดไม่จา ท่าทีคล้ายคนสบายดีนั้นอาจจะเมาไปแล้วก็ได้ คนอย่างมินโฮน่ะ เก็บอาการเก่งจะตายไป ...

     

    หวังว่าจะไม่ได้หามไปส่งโรงพยาบาลในคืนนี้หรอกนะ

     

    เสียงโทรศัพท์พร้อมแรงสั่นภายในกระเป๋ากางเกงสแลคเรียกความสนใจของชายเจ้าของใบหน้าขาวใสให้ล้วงมือเข้าไปหยิบตัวมันออกมา เบอร์โทรศัพท์ที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลยนั้นทำให้จินอูสงสัยไม่น้อย ปกติแล้วเบอร์โทรศัพท์ของคนรู้จักไม่ว่าจะมีกี่เบอร์ต่อกี่เบอร์ เขามักจะทำการบันทึกเอาไว้ ยามมีคนโทรมาก็จะขึ้นชื่อโดยไม่ต้องนั่งคิดยืนคิดให้เสียเวลาว่าต้นสายนั้นเป็นใคร

     

    จินอูโค้งตัวอย่างสุภาพเพื่อขอตัวไปรับโทรศัพท์กับลูกค้าที่นั่งอยู่ตรงหน้าตนก่อนเลี่ยงออกไปทางด้านหลังร้านซึ่งเงียบสงบไร้เสียงดนตรีดังจังหวะหนักๆ และนั้นเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับพนักงาน ระหว่างทางเจ้าตัวนั้นก็เพ่งมองเบอร์โทรแปลกๆ นั้นไปด้วย

     

    "สวัสดีครับ"

     

    เสียงหวานกรอกลงไปกับเครื่องมือสื่อสาร ความสงสัยยังไม่คลายจากใบหน้่สวย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันน้อยๆ จนเกิดรอยย่นจางๆ บนหน้าผากเนียนแม้จะมีกลุ่มผมหน้าม้านุ่มนั้นคอยปิดบังไว้อยู่ก็ตาม

     

    [เอ่อ ... พี่จินอูฮะ ยังไม่นอนอีกหรอครับ ?]

     

    เสียงทุ้มติดแหบนิดๆ เป็นเอกลักษณ์ของใครบางคนที่เขาพบเจอได้สองวันแล้วลอดมาตามสัญญาณโทรศัพท์นั้นทำให้จินอูแทบร้องอ๋อ กายบางพิงเข้ากับผนังปูนสีเทาเข้มเปลือยเปล่าแม้มือยังประคองโทรศัพท์ไว้แนบหู

     

    "ยังน่ะ พี่ยังทำงานอยู่เลย ... แล้วทำไมนายยังไม่นอนอีกล่ะ คังซึงยุน"

     

    [เอ่อ ... พรุ่งนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงบ่าย อีกอย่างก็เพิ่งอ่านหนังสือเสร็จด้วย เลยโทรหาพี่สักหน่อยน่ะฮะ]

     

    "โทรหาพี่ ?" เสียงหวานทวนคำพูดของเจ้าลูกหมาก่อนยกมือขาวข้างที่ว่างอยู่เกาท้ายทอยงงๆ มีเหตุผลอะไรที่ซึงยุนต้องโทรหาเขา ถ้าเปลี่ยนเป็นโทรหาพี่ซึงฮยอนเจ้านายอีกคนของเขาค่อยน่าเชื่อถือกว่าอีก "อ่า ... ได้เบอร์พี่มาจากพี่ซึงฮยอนอย่างนั้นใช่ไหม ?"

     

    [อย่าโกรธอะไรพี่ซึงฮยอนเลยนะฮะ พี่เขาโทรหาผม ผมเลยขอเบอร์โทรจากพี่เขาเอง ถ้าจะโกรธ โกรธผมดีกว่าที่ถือวิสาสะขอเบอร์โทรศัพท์พี่กับคนอื่น]

     

    "อย่าคิดมากเลย พี่ไม่โกรธนายหรอก" เจ้าของกายเล็กย่อตัวลงนั่งกับม้านั่งไม้ตัวยาวสภาพดี "ว่าแต่ โทรหาพี่มีธุระอะไรหรือเปล่า ?"

     

    [เอ่อ ... ไม่มีอะไรฮะ ผมแค่อยากขอบคุณพี่อีกครั้งน่ะครับสำหรับนมเปรี้ยว แล้วก็ค่ารักษาพยาบาลผมอีก อ๋อ ... รวมถึงไปส่งผมที่มหาวิทยาลัยด้วย]

     

    "เรื่องแค่นี้เอง ที่จริงนายควรขอบคุณพี่ซึงฮยอนเขานะ พี่ซึงฮยอนน่ะตัวบังคับขู่เข็ญเลยแหละ"

     

    กรอบหน้าหวานเงยขึ้นพลางส่งดวงตากลมโตเหลือบมองท้องฟ้าสีหม่นเบื้องบนที่ตัดกับแสงไฟนวลฉายตัดไปมาราวกับผืนผ้าใบสีดำถูกสาดไปด้วยสีต่างๆ ด้วยฝีมือของจิตรกรชั้นเอก คู่ขาเล็กยกขึ้นไขว่ไขว้ห้าง โทรศัพท์มือถือที่แนบหูยังคงส่งเสียงลมหายใจของเด็กแก้มป่องมาไม่ขาดสาย

     

    [อ่า ... ผมนึกว่าพี่เต็มใจให้ผมซะอีกฮะ]

     

    ปลายสายเสียงสลดลงราวกับกำลังน้อยใจ สถานการณ์น่าอึดอัดผ่านคลื่นสัญญาณโทรศัพท์แบบนี้มันพลอยทำให้รู้สึกแย่ไม่น้อย จินอูจึงรีบแก้ไขด้วยการปลอบใจอีกคนไม่ให้รู้สึกแย่ทันที

     

    "แต่นมเปรี้ยวน่ะ พี่ตั้งใจให้นายนะ คังซึงยุน กินให้หมดด้วยล่ะ อย่าทิ้งเอาไว้ให้หมดอายุ เสียดายของ"

     

    [ครับผม ผมจะกินอย่างเอร็ดอร่อยเลย] น้ำเสียงแฝงไปด้วยความร่าเริงแบบเด็กๆ ทำเอาจินอูแอบอมยิ้มน้อยๆ ก่อนหูของเขาจะได้ยินเสียงหาวหวอดของเด็กน้อย การกระทำน่ารักๆ แม้ไม่เห็นด้วยตา แต่นั้นกลับทำให้จินอูแอบอมยิ้มโดยไม่รู้ตัว [ผมง่วงนอนแล้ว ผมไปนอนก่อนนะฮะ]

     

    "อืม ... โอเคเลย"

     

    [เอ่อ ... ฝันดีนะฮะพี่จินอู]

     

    "ฝันดีเหมือนกันนะ แก้มป่อง"

     

    [พี่อย่าทำให้ผมไม่อยากวางสายเลยนะฮะ]

     

    ประโยคสั้นๆ ชวนให้จินอูรู้สึกแปลกใจไม่น้อยว่าเพราะเหตุใดเจ้าแก้มป่องถึงได้อ้อนตนขนาดนี้ ถึงขั้นไม่อยากวางสายแบบนี้ซึงยุนจะคิดอะไรเกินเลยหรือเปล่า จินอูเองนั้นก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แถมทั้งเขาและเจ้าแก้มป่องก็เป็นผู้ชายด้วยทั้งคู่ มันคงจะดูแปลกพิลึกหากคิดอะไรเกินเลย

     

    'คิมจินอู นายชอบผู้หญิงนะ ไม่ได้ชอบผู้ชาย' ประโยคนี้วนไปเวียนมาอยู่ภายในห้วงสมองจนไม่อาจสลัดทิ้งได้

     

    "หืม ? อ้อนหรอครับ ? ไปนอนได้แล้วซึงยุน นี่จะตีสองแล้ว พี่ต้องไปทำงานต่อแล้วนะ"

     

    [โอเคฮะ ผมไปนอนจริงๆ แล้ว ฝันดีอีกครั้งนะฮะ]

     

    เสียงสัญญาณตัดไปพร้อมๆ กับหัวใจที่หวั่นไหว เจ้าของกายบางยกมือขึ้นกุมหน้าอกด้านซ้ายซึ่งมีก้อนเนื้อทำงานอยู่ตลอดเวลาฝังไว้ภายใน บัดนี้มันเต้นแรงจนมือขาวเพื้อมไหวตามไปด้วย บวกกับใบหน้าร้อนผ่าวจนคิดเอาเองว่าบัดนี้หน้าขาวๆ ของตนนั้นคงแดงไม่น้อย จินอูไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรถึงได้รู้สึกดีแปลกๆ กับคำว่าฝันดีของอีกคน ทั้งๆ ที่มินโฮ พี่ซึงฮยอนหรือแม้แต่พี่จียงก็เคยพูดคำว่าฝันดีกับเขาหลายครั้ง แต่กลับไม่เคยรู้สึกใจเต้นหรือหวั่นไหวแบบนี้มาก่อน

     

    หน้าขาวใสที่ขึ้นสีแดงเรื่อรีบสะบัดไล่ความคิด แต่กลีบปากบางก็ไม่วายหุบยิ้ม โทรศัพท์ถูกยัดกลับเข้ากระเป๋ากางเกงเช่นเดิมเมื่อเจ้าของกายบางหยัดตัวลุกขึ้นยืน สองขาสลับก้าวเดินทอดน่องอย่างมั่นคงแม้หัวใจจะเต้นเป็นจังหวะแปลกๆ รวมถึงความรู้สึกมวนๆ ในช่องท้องอีกต่างหาก แต่จินอูกลับคิดเข้าข้างตัวเองว่าคงเป็นเพราะบีทหนักๆ ของดนตรีในคลับเสียมากกว่าจะเป็นความรู้สึกหวั่นไหวจากคำพูดของใครอีกคน

     

    เขาเป็นผู้ชายนี่ ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงสิ มันถึงจะถูกต้อง

     

    เคาน์เตอร์บาร์ยาวราวๆ สองเมตรจากเดิมมีลูกค้านั่งดื่มอยู่สามคนบัดนี้หายไปจนหมด อาจเพราะคงเบื่อกับการนั่งอยู่เฉยๆ จึงตัดสินใจลุกขึ้นไปเต้นออกลวดลายตามเสียงเพลงให้คลายเหงา แต่สิ่งที่จินอูแปลกใจกลับกลายเป็น ...

     

    ซงมินโฮเองก็หายไปด้วย

     

    "ไปไหนของเด็กขี้เมากันนะ ?"

     


     

    ตัวตึกอาคารสีขาวสูงเสียดฟ้าสีดำและตัดด้วยแสงไฟสีนวลบ้าง สีแดงจากไฟเตือนต่างๆ ตามยอดตึกบ้างนั้นทำให้มินโฮรู้สึกตาลายไม่น้อย อาการมึนเมาเริ่มครอบงำความคิดและความทรงจำของชายกายหนาที่ทำทีว่าคอแข็งจากประสบการณ์การดื่มมาร่วมๆ สิบปี แต่อย่างไรเสียน้ำเมาก็ย่อมชนะเมื่อร่างกายดูดซึมฤทธิ์แอลกอฮอล์มากเกินขีดจำกัด

     

    เขาตัดสินใจนั่งแท็กซี่มาลงตรงหน้าตึกสูงที่จำได้อย่างแม่นยำว่าเคยมายืนรอใครบางคนเมื่อตอนใกล้ค่ำของเมื่อวาน

     

    ป่านนี้จะออกมาจากโรงพยาบาลหรือยังนะ ?

     

    เป็นคำถามที่ยังย้ำถามกับตัวเองเพียงคำถามเดียวในตอนนี้แม้สติจะเหลือเพียงน้อยนิดแต่ภาพของชายกายสูงโปร่งผิวขาวและดวงตาเล็กนั้นเป็นสิ่งชัดเจนเสมอแม้ตนจะเมามายเพียงใดก็ตาม

     

    หลายห้องยังคงเปิดไฟเอาไว้แม้เวลารวนรันใกล้รุ่งเช้า มินโฮอยากขึ้นไปหาซึงฮุนเหลือเกิน อยากเห็นกับตาว่าคุณดวงตะวันแก้มฟูนั้นดีขึ้นจากโรคบ้าๆ ที่รักษาไม่หายนั้นหรือยัง ? หากแต่ตอนนี้เขาเองยังเดินไม่ตรง พนักงานรักษาความปลอดภัยก็คอยคุ้มกันอย่างแน่นหนา รวมถึงการเข้าไปในตัวตึกนั้นต้องใช้รหัสซึ่งเขาเองไม่รู้ คงต้องนอนเป็นพวกไร้บ้านอยู่ม้านั่งในสวนด้านหน้าตึกไปก่อน

     

    อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้า ...

     

    นึกสมเพชตัวเองที่ทำได้แค่รอ ทำตัวเป็นพวกไร้บ้านทั้งๆ ที่ทั้งตัวนั้นคลุมด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับยี่ห้อดัง ในกระเป๋ามีเงินสดและบัตรเครดิตวงเงินแปดหลักที่สามารถกว้านซื้อที่ดินย่านคังนัมหรือฮงแดได้

     

    พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วชักคิดอะไรสนุกๆ ได้

     

    แต่ขอนอนพักเสียหน่อยดีกว่า ตอนนี้อาการปวดหัวหนึบๆ และโลกหมุนได้กำลังเล่นงานเขาเข้าอย่างจัง

     

    ร่างหนาล้มตัวนอนกับม้านั่งตัวยาวในสวนหน้าตึกพลางกระชับเสื้อแขนยาวเนื้อหนาให้คลุมกายก่อนเปลือกตาสีเข้มจะปิดเข้าหากันพร้อมจมดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความอ่อนเพลียและความมึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์

     


     

     

    "อาทำเรื่องลางานให้ฮุนแล้วนะครับ ทีหลังก็หัดเถียงๆ เจ้านายบ้างนะ อย่ายอมก้มหัวให้เขาง่ายๆ จนตัวเองต้องมาลำบากนอนโรงพยาบาลแบบนี้ ตัวเองก็ไม่ใช่ว่าจะหายดีแล้วสักหน่อย ถ้าอาการกลัวความมืดกำเริบอีก อาจะงดจ่ายยาให้ตัวสั่นเลยนี่"

     

    จิตแพทย์วัยสี่สิบต้นๆ บ่นพึมพำพลางพับเสื้อผ้าผู้ป่วยวางไว้บนปลายเตียงพยาบาลอย่างเป็นระเบียบต่างกับผู้เป็นหลานที่สวมเสื้อยืดสีครีมลวกๆ จนเนื้อผ้าขึ้นรอยยับ หน้าขาวยู่เข้าเนื่องจากเบื่อเสียงบ่นของผู้เป็นทั้งอาและเป็นทั้งหมอประจำกาย ร่างสูงโปร่งทิ้งตัวนั่งบนโซฟาชิดผนังก่อนยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง

     

    "เบื่ออาหมอ"

     

    "เบื่อก็ไปหาหมอคนอื่นรักษาดีไหมครับ ?"

     

    "ไม่เอาครับ !" เจ้าเด็กแก้มยุ้ยรีบกระโจนเข้ามากอดแขนผู้เป็นอาพร้อมใช้ศีรษะทุยถูไถด้วยอาการออดอ้อนราวกับลูกแมวน้อยอย่างที่เคยทำทุกครั้งที่โดนอาหมอของเขานั้นออกปากขับไล่ด้วยอาการน้อยใจอยู่ไม่น้อย แต่ผู้อาวุโสกว่ากลับสลัดแขนตัวเองออกจากการกอบกุม ใบหน้าของจิตแพทย์แสดงจริตเกลียดขึ้นเบาๆ พลางลูบแขนผ่านเนื้อผ้าขาวของเสื้อกราวน์ การกระทำน่าขันเรียกเสียงหัวเราะของชายหนุ่ม ซึงฮุนจัดการเก็บข้าวของลงกระเป๋าเป้ที่ผู้เป็นอายอมลากร่างกายอันเหนื่อยอ่อนหลังจากออกเวรไปนำข้าวของเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนเพื่อกลับบ้านหลังจากอยู่รักษาร่างกายและจิตใจร่วมวันเศษๆ แถมยังจะอยู่เพื่อพาเขากลับบ้านอีก "อาหมอ อย่าบอกเรื่องนี้กับแม่และซึงยุนเลยนะครับ"

     

    "อืม ... อาไม่บอกหรอกครับ วางใจได้" รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าอ่อนกว่าเยาว์ของอาหมอแสดงถึงความสัตย์สัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับระหว่างเราสองคน "แต่อาก็มีเรื่องอยากจะขอร้องฮุนเหมือนกันนะครับ"

     

    "เอ๊ะ ?! อะไรหรอครับ ?"

     

    "ซงมินโฮน่ะ ..."

     

    "ไม่เอา ไม่ฟัง"

     

    ผู้อายุน้อยกว่ายกมือขึ้นปิดหูพลางเบะปากคว่ำ หน้าขาวเชิดหนีส่งสายตาเล็กเพ่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ผู้เป็นอาถึงกับถอนหายใจยาวก่อนคว้ามือของหลานตัวโตให้ออกจากใบหู ซึงฮุนกำลังจะอ้าปากเถียงอีกครั้งแต่สายตาคมของผู้อายุมากกว่ากำราบเขาเอาไว้ไม่ให้ปริปากบ่นอะไรออกมา

     

    "ฟังอาครับ !" น้ำเสียงจริงจังทำเอาเส้นขนอ่อนๆ ตามท่อนแขนลุกชัน อาหมอไม่ค่อยแสดงมุมนี้ออกมาให้ซึงฮุนได้เห็นสักเท่าไร หากมีกิริยานี้หลุดออกมานั้นหมายถึงความจริงจังที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนนี้แสดงออกมา "ซงมินโฮน่ะ คบหาเป็นเพื่อนเอาไว้ก็ดีนะครับ ถึงเขาจะชอบแสดงด้านกวนๆ ปากร้ายไปหน่อย แต่เท่าที่อาคุยกับเขาเมื่อคืน เขาเป็นคนมีจุดอ่อนไหวและอบอุ่นอยู่ลึกๆ แถมเขายังรับปากอาด้วยนะว่าจะคอยช่วยเหลือและดูแลฮุนให้อา เนี้ย ... คบๆ เอาไว้ก็ไม่เสียหายนี่"

     

    "ช่วยหรอ ? ดูแลหรอ ? จะทำชีวิตผมยุ่งยากขึ้นเสียเปล่าๆ นะอา"

     

    "อย่าเพิ่งด่วนสรุปสิครับ"

     

    "อาเองก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเขาเป็นคนดี น่าคบค้าสมาคมด้วยสิครับ ถ้ายังไม่รู้จักถึงธาตุแท้ของเจ้าบ้านั้น ..." ซึงฮุนเริ่มฟาดงวงฟาดงา ได้ยินชื่อของซงมินโฮทีไรแล้วอาการหัวร้อนนั้นก็ปะทุจนแทบจะระเบิด ชายหนุ่มยืดตัวยืนเต็มความสูงพลางคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นสะพายพาดกับลาดไหล่กว้าง หน้าขาวยังคงบึ้งตึงราวกับไม่รับแขกแล้วใดๆ ทั้งสิ้น "อาหมอไม่ต้องไปส่งฮุนแล้วนะครับ ฮุนกลับเองได้ เจอกันเดือนหน้านะครับ"

     

    สิ้นคำ เจ้าเด็กตัวโตเอาแต่ใจก็เดินกระทืบเท้าจนพื้นยางของรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดกับพื้นหินอ่อนสีสะอาด บานประตูซึ่งทำจากไม้ถูกปิดกระแทกกับกรอบวงกบจนเกิดเสียงดังปังเรียกความสนใจจากเหล่าพยาบาลหน้าห้องพักให้ตกใจจนต้องหันมองเป็นสายตาเดียวกัน ทิ้งให้อาหมอของเขาถอดถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับความเอาแต่ใจของหลานชายบุญธรรม

     

    นี่ถ้าซึงฮุนเกิดมาเป็นลูกชายแท้ๆ นะ เขาคงปวดหัวไม่น้อยกับความดื้อและเอาแต่ใจ

     

    แค่เป็นหลานบุญธรรม ผู้เป็นอาก็แทบจะอกแตกตายวันละหลายๆ รอบแล้ว ...

     

    อีซึงฮุนก็เป็นเสียอย่างนี้ ถ้าอยู่กับคนอื่นเขามักจะวางตัวเป็นชายหนุ่มสุภาพ อ่อนน้อม และทำทีท่าว่าเข้มแข็งเสมอ ในทางกลับกัน ถ้าอยู่กับอาหมอ เขาจะกลายร่างเป็นเด็กน้อย เอาแต่ใจ ซุกซน และดื้อดึงเสมอเมื่อถูกขัดใจ

     

    แต่นั้นคือความน่ารักในอีกมุมหนึ่งของชายหนุ่มแก้มฟูที่มีไม่กี่คนนักจะมองเห็นมัน

     


     

    แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้าแยงกับเปลือกตาของชายหนุ่มไร้บ้านจนเขาเริ่มรำคาญ มินโฮค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นก่อนตาเรียวจะหยีเข้าเนื่องจากดวงสุริยะกลั่นแกล้งแผดความสว่างเจิดจ้าเข้ากับลูกตาที่เพิ่งเปิดออกรับวันใหม่ อีกทั้งเขาไม่ค่อยได้เจอกับแสงแดดยามกลางวันสักเท่าไร คู่ตาเรียวจึงรู้สึกระคายเคืองจนน้ำตาแทบปริ่ม

     

    มือหนายกขึ้นขยี้เบาๆ เพื่อปรับโฟกัสสายตาให้มองภาพรอบด้านได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่จมูกโด่งเป็นสันกลับทำงานได้ดีกว่าหลังรับกลิ่นหอมละมุนยามเช้าซึ่งพยายามดมเท่าไรก็ยิ่งแน่ใจว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมเจือกับกลิ่นฟีโรโมนที่เขาไม่เคยได้จากใครคนไหนนอกจากคนที่เขาสนใจจริงๆ

     

    คล้ายแชริน

     

    แต่ไม่ใช่ ...

     

    เพราะกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์นี่ จมูกของเขาเพิ่งรับรู้ได้เป็นครั้งแรก

     

    และคิดว่าคงไม่มีใครมีกลิ่นสดชื่นแบบนี้ได้แน่ๆ

     

    กลิ่นบริสุทธิ์คล้ายแสงอาทิตย์ยามเช้า แต่อบอุ่นกว่ามาก หอมละมุนกว่ามาก

     

    "อี ... อีซึงฮุน"

     

    "นอกจากจะทำตัวละลานชาวบ้านเขาไปทั่วแล้วแล้วยังไม่มีบ้านมีช่องอยู่หรือไง ?" ตาเรียวเบิกโพลง อาการง่วงเหงาหาวนอนแบบที่เคยเป็นในทุกๆ วันที่เขาลืมตาตื่นตั้งแต่เช้าแทบหายไปเป็นปลิดทิ้ง ร่างกายรีบดีดตัวให้ลุกขึ้นนั่งแต่เพราะความดันโลหิตรวมถึงระบบของอวัยวะภายในยังไม่เข้าที่พลอยทำให้อาการวิงเวียนทวีขึ้น บวกกับอาการเมาค้างจากการยกโซจูดื่มเป็นน้ำเปล่าเมื่อคืนนั้นอีก มือหนายกมือขึ้นกุมขมับทันที "ขี้เมาแบบนี้เองสินะถึงไม่กลับบ้าน เหอะ ! ดูแลตัวเองต่อไปแล้วกันนะ"

     

    เจ้าหน้าตี๋หันหลังเตรียมเดินจากไปแต่กลับต้องชะงักเมื่อรับรู้ถึงแรงฉุดข้อมือจากมือของอีกคน มือหนานั้นร้อนราวกับไฟแม้อากาศของช่วงต้นฤดูร้อนจะอบอุ่นแต่อุณหภูมิจากกายรุ่มนั้นคงร้อนยิ่งกว่า คู่ตาเรียวเล็กเบิกโพลงก่อนหันไปมองเจ้าของผิวสีเข้มที่บัดนี้ไร้ซึ่งความหล่อเหลา มินโฮใบหน้าซีดเผือดราวกับคนไม่สบายมานานนับสามวัน เจ้าแก้มฟูตกใจกับสภาพกายที่เปลี่ยนไปของอีกคนจนเผลอทิ้งตัวนั่งยองๆ ลงเพื่อให้ตนมองเห็นใครอีกคนได้ชัดเจนขึ้น

     

    "อี ... ซึงฮุน ปวด ... ปวดหัวชะมัด"

     

    "ไม่สบายแล้วสินะ ไอ้คนไร้บ้าน" กำแพงในจิตใจของซึงฮุนนั้นคงหนาและสูงมากเกินไปที่จะญาติดีกับคนอย่างมินโฮ คำพูดจากปากบางคล้ายๆ ห่วงใยแต่นั้นแฝงเร้นไปด้วยความสมเพช มินโฮรู้ดีว่าพยายามให้ตายซึงฮุนก็คงเกลียดคนที่เคยทำตัวหยาบคายใส่ ซ้ำยังหยามหน้าด้วยการฟาดแบล็คการ์ดต่อหน้า ซึงฮุนเป็นคนรักในศักดิ์ศรีของตัวเองไม่น้อย ถึงได้ใจแข็งไม่ยอมรับในตัวเขาแม้มินโฮจะพยายามก้าวออกมาจากกรอบหรือ SAFE ZONE ก่อนก็ตาม "ปล่อยมือฉันแล้วไปหาหมอซะ"

     

    "ไม่ ... ซึงฮุน ฉะ ... ฉันรอนายทั้งคืนแล้วนะ จะใจ ... ร้ายขับไล่ฉัน อย่างนี้ ... หรอ ?"

     

    น้ำเสียงทุ้มแต่แหบแห้งราวกับทะเลทรายนั้นแทบพังอคติในใจของซึงฮุน มือขาวเลื่อนไปสัมผัสหน้าผากกว้างของอีกคนซึ่งมีฮู้ตผ้าสีดำสนิทคลุมอยู่ก่อนชักมือกลับเนื่องจากความร้อนสูงแผ่ออกจากผิวเนียน ซึงฮุนเผลอทำหน้าเหยเกเพราะตัวร้อนๆ ของมินโฮนั้นคล้ายกองไฟกำลังลวกมือเขาอยู่

     

    "เฮ้อ ... เออๆ ... ลุกขึ้น ไปหากินข้าวกินยาบนห้องฉันก่อนแล้วกัน"

     

    ผู้ฟังแทบไม่เชื่อหูตัวเองพลางพยายามเงยหน้ามองอีกคนซึ่งกำลังยืดตัวยืนอย่างยากลำบากด้วยอาการปวดกล้ามเนื้อและเวียนศีรษะ แค่ซึงฮุนยอมให้ขึ้นห้อง ยอมหาข้าวหรือยาให้กิน แค่นี้มันก็ดีต่อใจของมินโฮมากแล้ว

     

    "ขะ ... ขอบใจนะ"

     


     

    พ่อดวงตะวันแก้มฟูเขายอมให้คุณหมีเข้าห้องแล้วค่าาาาา

     

    แค่นี้ไซเรนท์ก็ฟินจนยิ้มแก้มปริแล้วค่ะ คิคิ

     

    แต่คนป่วยเขาจะสร้างเรื่องราวน่าปวดหัวให้เจ้าของห้องหรือเปล่านี่ คงต้องมาตามลุ้นกันนะคะ

     

    ส่วนคู่มุ้งมิ้งระหว่างคนแมนกับเด็กแก้มป่องคงต้องดูกันไปนานๆ ค่ะว่าสุดท้ายจะลงเอยกันยังไง

     

     ต้องมาเอาใจช่วยคนไกลอย่างพี่จินอูและน้องซึงยุนด้วยนะคะ

     

    #DAYNIGTHSTORY

     

    = WINNER 2018 EVERYWHERE TOUR IN BKK =

     

    ไหนๆ ขอเสียงคนไปคอนวินเนอร์วันอาทิตย์ที่ผ่านมาหน่อยค่า

     

    ไซเรนท์ก็เป็นอีกหนึ่งคนค่ะที่มีโอกาสได้ไปร่วมสนุกในคอนเสิร์ตครั้งนี้

     

    ประทับใจจนต้องถอดวิญญาณทิ้งไว้ที่ธันเดอร์โดมเลย 5555555

     

    มาร่วมแชร์กันได้นะคะว่าคุณประทับใจอะไรบ้างในคอนเสิร์ตวินเนอร์ครั้งนี้

     

    ส่วนไซเรนท์ ... ประทับใจพี่จินอูมากค่ะ อาจเพราะพี่จินอูชอบมาเล่นตกปลาสวายโซนที่ไซเรนท์อยู่มั้งค่ะ เลยทำให้ไซเรนท์รู้สึกว่าประทับใจพี่จินอูมากเลย

     

    มาร่วมแชร์ประสบการณ์และความน่ารักของหนุ่มๆ กันนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×