คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 5 :: FRESH AIR ::
[#MINHOON
#WINNER] :: DAY & NIGHT ::
CHAPTER 5 :: FRESH AIR ::
เครื่องดื่มสีใสจากขวดแก้วเขียวถูกรินลงจอกใบเล็ก
มือหยาบเลื่อนเปลี่ยนทิศทางจากขวดกลมๆ
มายกจอกใสขึ้นซดเอาแอลกอฮอล์เข้าไปโดยไม่สนใจผลลัพธ์ที่ตามมา
รสชาติและกลิ่นขององุ่นขาวซึ่งผสมอยู่ในเครื่องดื่มมึนเมาหวานคลุ้งไปทั่วโพลงปาก
จอกแล้วจอกเล่า ขวดแล้วขวดเล่า แต่ไม่มีทีท่าว่ามินโฮจะมีอาการมึนเมาแต่อย่างใด
"หนึ่ง สอง สาม สี่ โอ้โหมึง ...
ไปตายอดตายอยากมาจากไหนครับ โซจูไม่ใช่น้ำผลไม้นะเว้ย พอๆ
เดี๋ยวก็เมาไม่รู้เรื่องเดือดร้อนจุนฮเวได้เหมาร้องเพลงหมดคืนจนเสียงแหบอีกหรอก"
จินอูผู้ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์รีบชักมือของชายขี้เหล้าที่กำลังยกจอกใบใสขึ้นจรดริมฝีปากให้เลิกดื่ม
แต่คู่ตาเรียวกลับฉายแววรำคาญก่อนเริ่มเอื้อมมือเปิดโซจูขวดที่ห้า
สุดท้ายชายหน้าสวยก็ต้องถอนใจอย่างปลงตกแล้วเริ่มตระเตรียมอุปกรณ์สำหรับประกอบเครื่องดื่มให้พร้อมใช้งานเสมอ
เสียงเพลงภายในคลับยังคงดังนับหนึ่งร้อยถึงสองร้อยเดซิเบลเกินขีดจำกัดที่หูของมนุษย์จะรับรู้ได้ตามเวลาของวันใหม่แม้ฟ้ายังเป็นสีดำสนิท
จินอูไม่รู้หรอกนะว่ามินโฮไปทำอะไรมาในช่วงกลางวันถึงได้กลับมานั่งซดเหล้าต่างน้ำได้มากมายขนาดนี้
แต่ก็ช่างเถอะ มินโฮมักเป็นแบบนี้เสมอ ยิ่งช่วงเลิกลากับแชริน
มินโฮดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในร้านไล่ตั้งแต่โซจู เบียร์ราคาถูก บรั่นดีร้อน
ไวน์รสดี ลิเคียวไล่ถึงเตกีล่าจนเกือบต้องหามร่างหนาส่งโรงพยาบาล
เหตุการณ์ในวันนี้ก็ไม่ต่างกันนัก
จะไม่เหมือนกันตรงที่ ใครทำให้เจ้าหมาบ้าเป็นเอามาถึงขนาดนี้
?
แต่ก็อย่างที่เห็น
ต่อให้เข้าไปห้ามเพียงใด มินโฮก็จะยกเหล้าเข้าปากโดยไม่พูดไม่จา
ท่าทีคล้ายคนสบายดีนั้นอาจจะเมาไปแล้วก็ได้ คนอย่างมินโฮน่ะ เก็บอาการเก่งจะตายไป
...
หวังว่าจะไม่ได้หามไปส่งโรงพยาบาลในคืนนี้หรอกนะ
เสียงโทรศัพท์พร้อมแรงสั่นภายในกระเป๋ากางเกงสแลคเรียกความสนใจของชายเจ้าของใบหน้าขาวใสให้ล้วงมือเข้าไปหยิบตัวมันออกมา
เบอร์โทรศัพท์ที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลยนั้นทำให้จินอูสงสัยไม่น้อย
ปกติแล้วเบอร์โทรศัพท์ของคนรู้จักไม่ว่าจะมีกี่เบอร์ต่อกี่เบอร์
เขามักจะทำการบันทึกเอาไว้
ยามมีคนโทรมาก็จะขึ้นชื่อโดยไม่ต้องนั่งคิดยืนคิดให้เสียเวลาว่าต้นสายนั้นเป็นใคร
จินอูโค้งตัวอย่างสุภาพเพื่อขอตัวไปรับโทรศัพท์กับลูกค้าที่นั่งอยู่ตรงหน้าตนก่อนเลี่ยงออกไปทางด้านหลังร้านซึ่งเงียบสงบไร้เสียงดนตรีดังจังหวะหนักๆ
และนั้นเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับพนักงาน
ระหว่างทางเจ้าตัวนั้นก็เพ่งมองเบอร์โทรแปลกๆ นั้นไปด้วย
"สวัสดีครับ"
เสียงหวานกรอกลงไปกับเครื่องมือสื่อสาร
ความสงสัยยังไม่คลายจากใบหน้่สวย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันน้อยๆ จนเกิดรอยย่นจางๆ
บนหน้าผากเนียนแม้จะมีกลุ่มผมหน้าม้านุ่มนั้นคอยปิดบังไว้อยู่ก็ตาม
[เอ่อ ... พี่จินอูฮะ
ยังไม่นอนอีกหรอครับ ?]
เสียงทุ้มติดแหบนิดๆ
เป็นเอกลักษณ์ของใครบางคนที่เขาพบเจอได้สองวันแล้วลอดมาตามสัญญาณโทรศัพท์นั้นทำให้จินอูแทบร้องอ๋อ
กายบางพิงเข้ากับผนังปูนสีเทาเข้มเปลือยเปล่าแม้มือยังประคองโทรศัพท์ไว้แนบหู
"ยังน่ะ พี่ยังทำงานอยู่เลย ...
แล้วทำไมนายยังไม่นอนอีกล่ะ คังซึงยุน"
[เอ่อ ... พรุ่งนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงบ่าย
อีกอย่างก็เพิ่งอ่านหนังสือเสร็จด้วย เลยโทรหาพี่สักหน่อยน่ะฮะ]
"โทรหาพี่ ?" เสียงหวานทวนคำพูดของเจ้าลูกหมาก่อนยกมือขาวข้างที่ว่างอยู่เกาท้ายทอยงงๆ
มีเหตุผลอะไรที่ซึงยุนต้องโทรหาเขา
ถ้าเปลี่ยนเป็นโทรหาพี่ซึงฮยอนเจ้านายอีกคนของเขาค่อยน่าเชื่อถือกว่าอีก "อ่า
... ได้เบอร์พี่มาจากพี่ซึงฮยอนอย่างนั้นใช่ไหม ?"
[อย่าโกรธอะไรพี่ซึงฮยอนเลยนะฮะ
พี่เขาโทรหาผม ผมเลยขอเบอร์โทรจากพี่เขาเอง ถ้าจะโกรธ โกรธผมดีกว่าที่ถือวิสาสะขอเบอร์โทรศัพท์พี่กับคนอื่น]
"อย่าคิดมากเลย
พี่ไม่โกรธนายหรอก" เจ้าของกายเล็กย่อตัวลงนั่งกับม้านั่งไม้ตัวยาวสภาพดี
"ว่าแต่ โทรหาพี่มีธุระอะไรหรือเปล่า ?"
[เอ่อ ... ไม่มีอะไรฮะ
ผมแค่อยากขอบคุณพี่อีกครั้งน่ะครับสำหรับนมเปรี้ยว แล้วก็ค่ารักษาพยาบาลผมอีก อ๋อ
... รวมถึงไปส่งผมที่มหาวิทยาลัยด้วย]
"เรื่องแค่นี้เอง
ที่จริงนายควรขอบคุณพี่ซึงฮยอนเขานะ พี่ซึงฮยอนน่ะตัวบังคับขู่เข็ญเลยแหละ"
กรอบหน้าหวานเงยขึ้นพลางส่งดวงตากลมโตเหลือบมองท้องฟ้าสีหม่นเบื้องบนที่ตัดกับแสงไฟนวลฉายตัดไปมาราวกับผืนผ้าใบสีดำถูกสาดไปด้วยสีต่างๆ
ด้วยฝีมือของจิตรกรชั้นเอก คู่ขาเล็กยกขึ้นไขว่ไขว้ห้าง
โทรศัพท์มือถือที่แนบหูยังคงส่งเสียงลมหายใจของเด็กแก้มป่องมาไม่ขาดสาย
[อ่า ...
ผมนึกว่าพี่เต็มใจให้ผมซะอีกฮะ]
ปลายสายเสียงสลดลงราวกับกำลังน้อยใจ
สถานการณ์น่าอึดอัดผ่านคลื่นสัญญาณโทรศัพท์แบบนี้มันพลอยทำให้รู้สึกแย่ไม่น้อย
จินอูจึงรีบแก้ไขด้วยการปลอบใจอีกคนไม่ให้รู้สึกแย่ทันที
"แต่นมเปรี้ยวน่ะ
พี่ตั้งใจให้นายนะ คังซึงยุน กินให้หมดด้วยล่ะ อย่าทิ้งเอาไว้ให้หมดอายุ
เสียดายของ"
[ครับผม ผมจะกินอย่างเอร็ดอร่อยเลย]
น้ำเสียงแฝงไปด้วยความร่าเริงแบบเด็กๆ ทำเอาจินอูแอบอมยิ้มน้อยๆ
ก่อนหูของเขาจะได้ยินเสียงหาวหวอดของเด็กน้อย การกระทำน่ารักๆ แม้ไม่เห็นด้วยตา
แต่นั้นกลับทำให้จินอูแอบอมยิ้มโดยไม่รู้ตัว [ผมง่วงนอนแล้ว ผมไปนอนก่อนนะฮะ]
"อืม ... โอเคเลย"
[เอ่อ ... ฝันดีนะฮะพี่จินอู]
"ฝันดีเหมือนกันนะ แก้มป่อง"
[พี่อย่าทำให้ผมไม่อยากวางสายเลยนะฮะ]
ประโยคสั้นๆ
ชวนให้จินอูรู้สึกแปลกใจไม่น้อยว่าเพราะเหตุใดเจ้าแก้มป่องถึงได้อ้อนตนขนาดนี้
ถึงขั้นไม่อยากวางสายแบบนี้ซึงยุนจะคิดอะไรเกินเลยหรือเปล่า
จินอูเองนั้นก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แถมทั้งเขาและเจ้าแก้มป่องก็เป็นผู้ชายด้วยทั้งคู่
มันคงจะดูแปลกพิลึกหากคิดอะไรเกินเลย
'คิมจินอู นายชอบผู้หญิงนะ
ไม่ได้ชอบผู้ชาย' ประโยคนี้วนไปเวียนมาอยู่ภายในห้วงสมองจนไม่อาจสลัดทิ้งได้
"หืม ? อ้อนหรอครับ
? ไปนอนได้แล้วซึงยุน นี่จะตีสองแล้ว
พี่ต้องไปทำงานต่อแล้วนะ"
[โอเคฮะ ผมไปนอนจริงๆ แล้ว ฝันดีอีกครั้งนะฮะ]
เสียงสัญญาณตัดไปพร้อมๆ
กับหัวใจที่หวั่นไหว
เจ้าของกายบางยกมือขึ้นกุมหน้าอกด้านซ้ายซึ่งมีก้อนเนื้อทำงานอยู่ตลอดเวลาฝังไว้ภายใน
บัดนี้มันเต้นแรงจนมือขาวเพื้อมไหวตามไปด้วย
บวกกับใบหน้าร้อนผ่าวจนคิดเอาเองว่าบัดนี้หน้าขาวๆ ของตนนั้นคงแดงไม่น้อย
จินอูไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรถึงได้รู้สึกดีแปลกๆ กับคำว่าฝันดีของอีกคน ทั้งๆ
ที่มินโฮ พี่ซึงฮยอนหรือแม้แต่พี่จียงก็เคยพูดคำว่าฝันดีกับเขาหลายครั้ง
แต่กลับไม่เคยรู้สึกใจเต้นหรือหวั่นไหวแบบนี้มาก่อน
หน้าขาวใสที่ขึ้นสีแดงเรื่อรีบสะบัดไล่ความคิด
แต่กลีบปากบางก็ไม่วายหุบยิ้ม
โทรศัพท์ถูกยัดกลับเข้ากระเป๋ากางเกงเช่นเดิมเมื่อเจ้าของกายบางหยัดตัวลุกขึ้นยืน
สองขาสลับก้าวเดินทอดน่องอย่างมั่นคงแม้หัวใจจะเต้นเป็นจังหวะแปลกๆ
รวมถึงความรู้สึกมวนๆ ในช่องท้องอีกต่างหาก
แต่จินอูกลับคิดเข้าข้างตัวเองว่าคงเป็นเพราะบีทหนักๆ ของดนตรีในคลับเสียมากกว่าจะเป็นความรู้สึกหวั่นไหวจากคำพูดของใครอีกคน
เขาเป็นผู้ชายนี่
ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงสิ มันถึงจะถูกต้อง
เคาน์เตอร์บาร์ยาวราวๆ
สองเมตรจากเดิมมีลูกค้านั่งดื่มอยู่สามคนบัดนี้หายไปจนหมด
อาจเพราะคงเบื่อกับการนั่งอยู่เฉยๆ จึงตัดสินใจลุกขึ้นไปเต้นออกลวดลายตามเสียงเพลงให้คลายเหงา
แต่สิ่งที่จินอูแปลกใจกลับกลายเป็น ...
ซงมินโฮเองก็หายไปด้วย
"ไปไหนของเด็กขี้เมากันนะ ?"
ตัวตึกอาคารสีขาวสูงเสียดฟ้าสีดำและตัดด้วยแสงไฟสีนวลบ้าง
สีแดงจากไฟเตือนต่างๆ ตามยอดตึกบ้างนั้นทำให้มินโฮรู้สึกตาลายไม่น้อย
อาการมึนเมาเริ่มครอบงำความคิดและความทรงจำของชายกายหนาที่ทำทีว่าคอแข็งจากประสบการณ์การดื่มมาร่วมๆ
สิบปี
แต่อย่างไรเสียน้ำเมาก็ย่อมชนะเมื่อร่างกายดูดซึมฤทธิ์แอลกอฮอล์มากเกินขีดจำกัด
เขาตัดสินใจนั่งแท็กซี่มาลงตรงหน้าตึกสูงที่จำได้อย่างแม่นยำว่าเคยมายืนรอใครบางคนเมื่อตอนใกล้ค่ำของเมื่อวาน
ป่านนี้จะออกมาจากโรงพยาบาลหรือยังนะ ?
เป็นคำถามที่ยังย้ำถามกับตัวเองเพียงคำถามเดียวในตอนนี้แม้สติจะเหลือเพียงน้อยนิดแต่ภาพของชายกายสูงโปร่งผิวขาวและดวงตาเล็กนั้นเป็นสิ่งชัดเจนเสมอแม้ตนจะเมามายเพียงใดก็ตาม
หลายห้องยังคงเปิดไฟเอาไว้แม้เวลารวนรันใกล้รุ่งเช้า
มินโฮอยากขึ้นไปหาซึงฮุนเหลือเกิน
อยากเห็นกับตาว่าคุณดวงตะวันแก้มฟูนั้นดีขึ้นจากโรคบ้าๆ ที่รักษาไม่หายนั้นหรือยัง
?
หากแต่ตอนนี้เขาเองยังเดินไม่ตรง
พนักงานรักษาความปลอดภัยก็คอยคุ้มกันอย่างแน่นหนา รวมถึงการเข้าไปในตัวตึกนั้นต้องใช้รหัสซึ่งเขาเองไม่รู้
คงต้องนอนเป็นพวกไร้บ้านอยู่ม้านั่งในสวนด้านหน้าตึกไปก่อน
อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้า ...
นึกสมเพชตัวเองที่ทำได้แค่รอ ทำตัวเป็นพวกไร้บ้านทั้งๆ
ที่ทั้งตัวนั้นคลุมด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับยี่ห้อดัง
ในกระเป๋ามีเงินสดและบัตรเครดิตวงเงินแปดหลักที่สามารถกว้านซื้อที่ดินย่านคังนัมหรือฮงแดได้
พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วชักคิดอะไรสนุกๆ
ได้
แต่ขอนอนพักเสียหน่อยดีกว่า
ตอนนี้อาการปวดหัวหนึบๆ และโลกหมุนได้กำลังเล่นงานเขาเข้าอย่างจัง
ร่างหนาล้มตัวนอนกับม้านั่งตัวยาวในสวนหน้าตึกพลางกระชับเสื้อแขนยาวเนื้อหนาให้คลุมกายก่อนเปลือกตาสีเข้มจะปิดเข้าหากันพร้อมจมดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความอ่อนเพลียและความมึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์
"อาทำเรื่องลางานให้ฮุนแล้วนะครับ
ทีหลังก็หัดเถียงๆ เจ้านายบ้างนะ อย่ายอมก้มหัวให้เขาง่ายๆ
จนตัวเองต้องมาลำบากนอนโรงพยาบาลแบบนี้ ตัวเองก็ไม่ใช่ว่าจะหายดีแล้วสักหน่อย
ถ้าอาการกลัวความมืดกำเริบอีก อาจะงดจ่ายยาให้ตัวสั่นเลยนี่"
จิตแพทย์วัยสี่สิบต้นๆ
บ่นพึมพำพลางพับเสื้อผ้าผู้ป่วยวางไว้บนปลายเตียงพยาบาลอย่างเป็นระเบียบต่างกับผู้เป็นหลานที่สวมเสื้อยืดสีครีมลวกๆ
จนเนื้อผ้าขึ้นรอยยับ
หน้าขาวยู่เข้าเนื่องจากเบื่อเสียงบ่นของผู้เป็นทั้งอาและเป็นทั้งหมอประจำกาย
ร่างสูงโปร่งทิ้งตัวนั่งบนโซฟาชิดผนังก่อนยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง
"เบื่ออาหมอ"
"เบื่อก็ไปหาหมอคนอื่นรักษาดีไหมครับ
?"
"ไม่เอาครับ !"
เจ้าเด็กแก้มยุ้ยรีบกระโจนเข้ามากอดแขนผู้เป็นอาพร้อมใช้ศีรษะทุยถูไถด้วยอาการออดอ้อนราวกับลูกแมวน้อยอย่างที่เคยทำทุกครั้งที่โดนอาหมอของเขานั้นออกปากขับไล่ด้วยอาการน้อยใจอยู่ไม่น้อย
แต่ผู้อาวุโสกว่ากลับสลัดแขนตัวเองออกจากการกอบกุม
ใบหน้าของจิตแพทย์แสดงจริตเกลียดขึ้นเบาๆ พลางลูบแขนผ่านเนื้อผ้าขาวของเสื้อกราวน์
การกระทำน่าขันเรียกเสียงหัวเราะของชายหนุ่ม
ซึงฮุนจัดการเก็บข้าวของลงกระเป๋าเป้ที่ผู้เป็นอายอมลากร่างกายอันเหนื่อยอ่อนหลังจากออกเวรไปนำข้าวของเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนเพื่อกลับบ้านหลังจากอยู่รักษาร่างกายและจิตใจร่วมวันเศษๆ
แถมยังจะอยู่เพื่อพาเขากลับบ้านอีก "อาหมอ
อย่าบอกเรื่องนี้กับแม่และซึงยุนเลยนะครับ"
"อืม ... อาไม่บอกหรอกครับ
วางใจได้" รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าอ่อนกว่าเยาว์ของอาหมอแสดงถึงความสัตย์สัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับระหว่างเราสองคน
"แต่อาก็มีเรื่องอยากจะขอร้องฮุนเหมือนกันนะครับ"
"เอ๊ะ ?! อะไรหรอครับ
?"
"ซงมินโฮน่ะ ..."
"ไม่เอา ไม่ฟัง"
ผู้อายุน้อยกว่ายกมือขึ้นปิดหูพลางเบะปากคว่ำ
หน้าขาวเชิดหนีส่งสายตาเล็กเพ่งมองออกไปนอกหน้าต่าง
ผู้เป็นอาถึงกับถอนหายใจยาวก่อนคว้ามือของหลานตัวโตให้ออกจากใบหู
ซึงฮุนกำลังจะอ้าปากเถียงอีกครั้งแต่สายตาคมของผู้อายุมากกว่ากำราบเขาเอาไว้ไม่ให้ปริปากบ่นอะไรออกมา
"ฟังอาครับ !"
น้ำเสียงจริงจังทำเอาเส้นขนอ่อนๆ ตามท่อนแขนลุกชัน อาหมอไม่ค่อยแสดงมุมนี้ออกมาให้ซึงฮุนได้เห็นสักเท่าไร
หากมีกิริยานี้หลุดออกมานั้นหมายถึงความจริงจังที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนนี้แสดงออกมา
"ซงมินโฮน่ะ คบหาเป็นเพื่อนเอาไว้ก็ดีนะครับ ถึงเขาจะชอบแสดงด้านกวนๆ
ปากร้ายไปหน่อย แต่เท่าที่อาคุยกับเขาเมื่อคืน เขาเป็นคนมีจุดอ่อนไหวและอบอุ่นอยู่ลึกๆ
แถมเขายังรับปากอาด้วยนะว่าจะคอยช่วยเหลือและดูแลฮุนให้อา เนี้ย ... คบๆ
เอาไว้ก็ไม่เสียหายนี่"
"ช่วยหรอ ? ดูแลหรอ
? จะทำชีวิตผมยุ่งยากขึ้นเสียเปล่าๆ นะอา"
"อย่าเพิ่งด่วนสรุปสิครับ"
"อาเองก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเขาเป็นคนดี
น่าคบค้าสมาคมด้วยสิครับ ถ้ายังไม่รู้จักถึงธาตุแท้ของเจ้าบ้านั้น ..."
ซึงฮุนเริ่มฟาดงวงฟาดงา
ได้ยินชื่อของซงมินโฮทีไรแล้วอาการหัวร้อนนั้นก็ปะทุจนแทบจะระเบิด
ชายหนุ่มยืดตัวยืนเต็มความสูงพลางคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นสะพายพาดกับลาดไหล่กว้าง
หน้าขาวยังคงบึ้งตึงราวกับไม่รับแขกแล้วใดๆ ทั้งสิ้น "อาหมอไม่ต้องไปส่งฮุนแล้วนะครับ
ฮุนกลับเองได้ เจอกันเดือนหน้านะครับ"
สิ้นคำ
เจ้าเด็กตัวโตเอาแต่ใจก็เดินกระทืบเท้าจนพื้นยางของรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดกับพื้นหินอ่อนสีสะอาด
บานประตูซึ่งทำจากไม้ถูกปิดกระแทกกับกรอบวงกบจนเกิดเสียงดังปังเรียกความสนใจจากเหล่าพยาบาลหน้าห้องพักให้ตกใจจนต้องหันมองเป็นสายตาเดียวกัน
ทิ้งให้อาหมอของเขาถอดถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับความเอาแต่ใจของหลานชายบุญธรรม
นี่ถ้าซึงฮุนเกิดมาเป็นลูกชายแท้ๆ นะ
เขาคงปวดหัวไม่น้อยกับความดื้อและเอาแต่ใจ
แค่เป็นหลานบุญธรรม ผู้เป็นอาก็แทบจะอกแตกตายวันละหลายๆ
รอบแล้ว ...
อีซึงฮุนก็เป็นเสียอย่างนี้
ถ้าอยู่กับคนอื่นเขามักจะวางตัวเป็นชายหนุ่มสุภาพ อ่อนน้อม
และทำทีท่าว่าเข้มแข็งเสมอ ในทางกลับกัน ถ้าอยู่กับอาหมอ
เขาจะกลายร่างเป็นเด็กน้อย เอาแต่ใจ ซุกซน และดื้อดึงเสมอเมื่อถูกขัดใจ
แต่นั้นคือความน่ารักในอีกมุมหนึ่งของชายหนุ่มแก้มฟูที่มีไม่กี่คนนักจะมองเห็นมัน
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้าแยงกับเปลือกตาของชายหนุ่มไร้บ้านจนเขาเริ่มรำคาญ
มินโฮค่อยๆ
ลืมตาตื่นขึ้นก่อนตาเรียวจะหยีเข้าเนื่องจากดวงสุริยะกลั่นแกล้งแผดความสว่างเจิดจ้าเข้ากับลูกตาที่เพิ่งเปิดออกรับวันใหม่
อีกทั้งเขาไม่ค่อยได้เจอกับแสงแดดยามกลางวันสักเท่าไร
คู่ตาเรียวจึงรู้สึกระคายเคืองจนน้ำตาแทบปริ่ม
มือหนายกขึ้นขยี้เบาๆ
เพื่อปรับโฟกัสสายตาให้มองภาพรอบด้านได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
แต่จมูกโด่งเป็นสันกลับทำงานได้ดีกว่าหลังรับกลิ่นหอมละมุนยามเช้าซึ่งพยายามดมเท่าไรก็ยิ่งแน่ใจว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมเจือกับกลิ่นฟีโรโมนที่เขาไม่เคยได้จากใครคนไหนนอกจากคนที่เขาสนใจจริงๆ
คล้ายแชริน
แต่ไม่ใช่ ...
เพราะกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์นี่
จมูกของเขาเพิ่งรับรู้ได้เป็นครั้งแรก
และคิดว่าคงไม่มีใครมีกลิ่นสดชื่นแบบนี้ได้แน่ๆ
กลิ่นบริสุทธิ์คล้ายแสงอาทิตย์ยามเช้า
แต่อบอุ่นกว่ามาก หอมละมุนกว่ามาก
"อี ... อีซึงฮุน"
"นอกจากจะทำตัวละลานชาวบ้านเขาไปทั่วแล้วแล้วยังไม่มีบ้านมีช่องอยู่หรือไง
?" ตาเรียวเบิกโพลง
อาการง่วงเหงาหาวนอนแบบที่เคยเป็นในทุกๆ
วันที่เขาลืมตาตื่นตั้งแต่เช้าแทบหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ร่างกายรีบดีดตัวให้ลุกขึ้นนั่งแต่เพราะความดันโลหิตรวมถึงระบบของอวัยวะภายในยังไม่เข้าที่พลอยทำให้อาการวิงเวียนทวีขึ้น
บวกกับอาการเมาค้างจากการยกโซจูดื่มเป็นน้ำเปล่าเมื่อคืนนั้นอีก
มือหนายกมือขึ้นกุมขมับทันที "ขี้เมาแบบนี้เองสินะถึงไม่กลับบ้าน เหอะ ! ดูแลตัวเองต่อไปแล้วกันนะ"
เจ้าหน้าตี๋หันหลังเตรียมเดินจากไปแต่กลับต้องชะงักเมื่อรับรู้ถึงแรงฉุดข้อมือจากมือของอีกคน
มือหนานั้นร้อนราวกับไฟแม้อากาศของช่วงต้นฤดูร้อนจะอบอุ่นแต่อุณหภูมิจากกายรุ่มนั้นคงร้อนยิ่งกว่า
คู่ตาเรียวเล็กเบิกโพลงก่อนหันไปมองเจ้าของผิวสีเข้มที่บัดนี้ไร้ซึ่งความหล่อเหลา
มินโฮใบหน้าซีดเผือดราวกับคนไม่สบายมานานนับสามวัน
เจ้าแก้มฟูตกใจกับสภาพกายที่เปลี่ยนไปของอีกคนจนเผลอทิ้งตัวนั่งยองๆ
ลงเพื่อให้ตนมองเห็นใครอีกคนได้ชัดเจนขึ้น
"อี ... ซึงฮุน ปวด ...
ปวดหัวชะมัด"
"ไม่สบายแล้วสินะ ไอ้คนไร้บ้าน"
กำแพงในจิตใจของซึงฮุนนั้นคงหนาและสูงมากเกินไปที่จะญาติดีกับคนอย่างมินโฮ
คำพูดจากปากบางคล้ายๆ ห่วงใยแต่นั้นแฝงเร้นไปด้วยความสมเพช
มินโฮรู้ดีว่าพยายามให้ตายซึงฮุนก็คงเกลียดคนที่เคยทำตัวหยาบคายใส่
ซ้ำยังหยามหน้าด้วยการฟาดแบล็คการ์ดต่อหน้า ซึงฮุนเป็นคนรักในศักดิ์ศรีของตัวเองไม่น้อย
ถึงได้ใจแข็งไม่ยอมรับในตัวเขาแม้มินโฮจะพยายามก้าวออกมาจากกรอบหรือ SAFE
ZONE ก่อนก็ตาม "ปล่อยมือฉันแล้วไปหาหมอซะ"
"ไม่ ... ซึงฮุน ฉะ ...
ฉันรอนายทั้งคืนแล้วนะ จะใจ ... ร้ายขับไล่ฉัน อย่างนี้ ... หรอ ?"
น้ำเสียงทุ้มแต่แหบแห้งราวกับทะเลทรายนั้นแทบพังอคติในใจของซึงฮุน
มือขาวเลื่อนไปสัมผัสหน้าผากกว้างของอีกคนซึ่งมีฮู้ตผ้าสีดำสนิทคลุมอยู่ก่อนชักมือกลับเนื่องจากความร้อนสูงแผ่ออกจากผิวเนียน
ซึงฮุนเผลอทำหน้าเหยเกเพราะตัวร้อนๆ ของมินโฮนั้นคล้ายกองไฟกำลังลวกมือเขาอยู่
"เฮ้อ ... เออๆ ... ลุกขึ้น
ไปหากินข้าวกินยาบนห้องฉันก่อนแล้วกัน"
ผู้ฟังแทบไม่เชื่อหูตัวเองพลางพยายามเงยหน้ามองอีกคนซึ่งกำลังยืดตัวยืนอย่างยากลำบากด้วยอาการปวดกล้ามเนื้อและเวียนศีรษะ
แค่ซึงฮุนยอมให้ขึ้นห้อง ยอมหาข้าวหรือยาให้กิน แค่นี้มันก็ดีต่อใจของมินโฮมากแล้ว
"ขะ ... ขอบใจนะ"
พ่อดวงตะวันแก้มฟูเขายอมให้คุณหมีเข้าห้องแล้วค่าาาาา
แค่นี้ไซเรนท์ก็ฟินจนยิ้มแก้มปริแล้วค่ะ
คิคิ
แต่คนป่วยเขาจะสร้างเรื่องราวน่าปวดหัวให้เจ้าของห้องหรือเปล่านี่
คงต้องมาตามลุ้นกันนะคะ
ส่วนคู่มุ้งมิ้งระหว่างคนแมนกับเด็กแก้มป่องคงต้องดูกันไปนานๆ
ค่ะว่าสุดท้ายจะลงเอยกันยังไง
ต้องมาเอาใจช่วยคนไกลอย่างพี่จินอูและน้องซึงยุนด้วยนะคะ
#DAYNIGTHSTORY
=
WINNER 2018 EVERYWHERE TOUR IN BKK =
ไหนๆ
ขอเสียงคนไปคอนวินเนอร์วันอาทิตย์ที่ผ่านมาหน่อยค่า
ไซเรนท์ก็เป็นอีกหนึ่งคนค่ะที่มีโอกาสได้ไปร่วมสนุกในคอนเสิร์ตครั้งนี้
ประทับใจจนต้องถอดวิญญาณทิ้งไว้ที่ธันเดอร์โดมเลย
5555555
มาร่วมแชร์กันได้นะคะว่าคุณประทับใจอะไรบ้างในคอนเสิร์ตวินเนอร์ครั้งนี้
ส่วนไซเรนท์
... ประทับใจพี่จินอูมากค่ะ อาจเพราะพี่จินอูชอบมาเล่นตกปลาสวายโซนที่ไซเรนท์อยู่มั้งค่ะ
เลยทำให้ไซเรนท์รู้สึกว่าประทับใจพี่จินอูมากเลย
มาร่วมแชร์ประสบการณ์และความน่ารักของหนุ่มๆ
กันนะคะ
ความคิดเห็น