ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาจารย์สีหน้าตายด้านในโลกฮงไก

    ลำดับตอนที่ #9 : กลับบ้าน

    • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 66


    ​ บรรยากาศด้านหลังเกาะเงียบมากจนน่าขนลุก มันแทบไม่มีเสียงหรือสิ่งมีชีวิตใดเลย ได้ยินแต่เสียงเท้าของทั้งสามคนที่วิ่งตรงไปยังเรือขนาดใหญ่ที่ถูกทำด้วยไม้ จอดอยู่ตรงท่าพร้อมกับคลื่นที่ซัดมาเป็นระยะระยะ

    การออกแบบเรือเน้นไปทางตะวันตก มีขนาดที่ใหญ่รองรับลูกเรือได้เป็นจำนวนมาก ใบเรือสีขาวมีตราของมือปราบปีศาจเอ็กเซอร์อยู่ใจกลางใบ ไม่มีลูกเรือหรือกัปตัน

    คุโระมองอย่างชื่นชม แทบไม่เคยเห็นการออกแบบเรือที่ดูมีเสน่ห์และเต็มไปด้วยศิลปะแบบนี้ ปัจจุบันเต็มไปด้วยเรือที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเหล็ก มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าโลกนี้

    ทว่าก็มีความรู้สึกไม่ดีบางอย่างกำลังผุดขึ้นมา มันจะออกไปได้ง่ายๆ เลยหรอ ซึ่งคำตอบคือไม่ โดยปกติพวกเกม JRPG มันจะต้องมีบอสดักรออยู่ที่ทางเข้าหรือจุดสำคัญของเกม

    “หยุดแค่นั้นแหละ!” เสียงของชายหนุ่มมือปราบปีศาจเอ็กเซอร์ซิสต์ดังมาจากท่าเรือ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือบอสด่านสุดท้าย จึงทำให้พวกคุโระต้องหยุดและมองชายหนุ่มผมบลอนด์พร้อมกับกองกำลังเอ็กเซอร์ซิสต์

    ผมสั้นสีบลอนด์แพลตินั่ม และดวงตาสีเขียว ชุดของเขาเด่นกว่าเอ็กเซอร์ซิสต์คนอื่นๆ ชุดสีขาวและมีลวดลายสีทอง ไม่ปิดบังใบหน้า มีผ้าคลุมไหล่ ซึ่งแสดงถึงยศที่สูงกว่าและห้อยดาบที่มีลักษณะพิเศษไว้ข้างเอว

    ‘นี่คงไม่ใช่ตัวเอกหรอกใช่ไหม? หน้าตามันหล่อกว่าชาวบ้านและดูเหมือนผู้กล้ายังไงยังงั้น’ คุโระสาปแช่งในใจ ที่ต้องมาเจอกับชายหนุ่มที่คล้ายกับตัวเอก

    “ออสการ์…ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเอ็กเซอร์ซิสต์ชั้นหนึ่งอย่างท่านจะถูกส่งมาที่เกาะนี้” เซเรสพูดในขณะที่มองผู้ชายที่ชื่อว่าออสการ์อย่างระวัง แต่เมื่อมีคุโระอยู่ด้วยเธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

    “เอ็กเซอร์ซิสต์ชั้นหนึ่ง?” คุโระถาม

    “ถ้านับตามยศแล้ว จะมีทั้งหมดสามขั้น ชั้นสอง ชั้นหนึ่ง และชั้นพิเศษ ส่วนมากเอ็กเซอร์ซิสต์ที่ประจำเกราะนี้จะเป็นชั้นสอง… ซึ่งชั้นหนึ่งอันตรายกว่าชั้นสองหลายเท่า…แต่ว่า ถ้ามีเจ้าอยู่…คุโระ พวกข้าก็ไม่ต้องห่วงอะไร”

    ‘เห้ยๆ อย่าพูดแบบนั้น! จะโยนทุกอย่างมาแบบนี้ไม่ได้ ตูไม่มีความสามารถในการต่อสู้เลย!’

    “โห? มั่นใจในตัวผู้ชายคนนั้นจังนะ…แต่เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจ เซเรส…ที่เจ้าก่ออาชญากรรมเช่นนี้…หรือว่าเป็นคำสั่งของท่านอาโทเรียส?”

    “ไม่ นี่เป็นความต้องการของข้าเอง”

    “ภูตทำตามความต้องการตัวเองเนี่ยนะ? เป็นไปไม่ได้และดูเหมือนว่าจะมีคนชักนำเจ้าอยู่นะ” ออสการ์มองเวลเวทที่เป็นปีศาจหญิง และสายตาหยุดอยู่ที่คุโระ ซึ่งเป็นนักดาบและจากการแต่งตัวเต็มยศ สามารถบอกได้เลยว่า เป็นคนชั้นสูง มีศิลปะดาบจากตระกูลขุนนาง

    มันแปลกที่มนุษย์ ภูตและปีศาจจะร่วมมือกันแหกคุก

    ‘เขาเป็นตระกูลขุนนางที่ไหน? ทำไมถึงมาร่วมมือกับปีศาจ…หรือว่ากำลังถูกหลอกอยู่!? …ถ้าอย่างงั้นในฐานะเอ็กเซอร์ซิสต์ข้าก็ควรจะช่วย!’

    ออสการ์จึงพูดขึ้นว่า “ข้าไม่รู้หรอกนะท่านเป็นขุนนางของตระกูลไหน…แต่ทางที่ดี ท่านควรจะมาทางนี้ดีกว่า ในฐานะเอ็กเซอร์ซิสต์ ข้าจะจัดการปีศาจที่หลอกท่าน”

    ‘เห้ยๆ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว ตูไม่ใช่ขุนนางสักนิดเป็นแค่อาจารย์เท่านั้น!’

    “หึหึ…ขุนนางงั้นหรอ…ผิดแล้ว ท่านนี้คืออาจารย์ของข้าต่างหาก!” เวลเวทคำรามและมองคุโระด้วยสายตาขี้เล่น เธอรู้สึกว่าควรเอาคืนผู้ชายคนนี้ที่ทำให้ตัวเองหงุดหงิด

    ‘อย่าว่ากันละ นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการแก้แค้นของข้า’

    ‘แม่คุณ! อย่าไปเติมไฟแบบนั้นสิ!’

    ‘อาจารย์? เป็นไปไม่ได้!? มันไม่มีมนุษย์คนไหนจะเป็นอาจารย์ให้ปีศาจ…เว้นแต่พวกเขาจะถูกหลอกใช้…แต่ว่าออร่าอันตรายที่ข้าสัมผัสได้ เขาเป็นปรมารย์ดาบตัวจริง!’

    ออสการ์มองเวลเวทด้วยความโกรธจากนั้นชักดาบออกมา และพูดขึ้นว่า “ช่วยไม่ได้…ถ้าคำพูดเรียกสติท่านไม่ได้ข้าก็จะใช้กำลัง…ข้าคือออสการ์ ดราโกเนีย เอ็กเซอร์ซิสต์ชั้นหนึ่งของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งจักรวรรดิมิดแกนด์ แล้วท่านละ?”

    ทันใดนั้นคุโระเอนจินเริ่มทำงานพร้อมกับใบหน้าที่ตายแล้ว จิตใจเต็มไปด้วยความกลัวเมื่อเห็นตัวละครที่คล้ายกับพระเอกชี้ดาบ

    ‘แม่ง…ทำไมกลายเป็นแบบนี้ จะทำยังไง? ดาบก็ชักไม่ออก สู้ก็ไม่ได้…หรือเดินไปฝั่งนั้นดี…แต่มันก็ไม่เลวนะ เพราะเราแค่อยากจะกลับบ้านไม่เห็นต้องมาสู้ให้เปลืองแรงเลยนี่นา’

    คุโระเลือกที่จะไม่ตอบและเดินไปหาออสการ์อย่างช้าๆ เวลเวทและเซเรสที่เห็นแบบนั้นก็มองเขาด้วยรอยยิ้ม คุโระต้องมีแผนอะไรแน่ถึงเลือกที่เปลี่ยนฝั่ง

    ‘คุโระต้องมีแผนอะไรแน่ๆ ข้าเชื่อใจเจ้า’

    ‘จะแผนอะไรก็ช่าง ข้าขอแค่ออกจากเกาะก็พอ’ เวลเวทยืนกอดอกอย่างอดทน

    ‘รู้นะคิดอะไรอยู่ ตูไม่มีแผนอะไรทั้งนั้นแหละ…อย่าว่ากันเลย เราก็แค่อยากจะกลับบ้าน เรื่องอันตรายไม่เอาด้วยแล้ว’

    “ดูเหมือนว่าท่านจะถูกควบคุมโดยสมบูรณ์จนไม่สามารถพูดได้แล้วสินะ…ถ้างั้นข้าไม่เกรงใจ”

    เอ็กเซอร์ซิสต์ชั้นสองเริ่มปะทะกับพวกเวลเวท

    ออสการ์และภูตอีกสองตนพุ่งเข้าหาคุโระอย่างรวดเร็วโดยแยกกันไปล้อมทั้งสามทิศ

    มันแปลกที่ชายผมดำยังไม่โจมตีและยืนอยู่นิ่งๆ คมดาบยังไม่ถูกชักออกจากฝัก ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่ดัง ตุบตับๆ รอบทิศทาง เหงื่อของพวกเขาเริ่มไหลโชกเต็มหลังและมองไปรอบๆ

    ‘เสียงอะไร? มันดังมาจากทางไหน? ข้าสัมผัสจิตสังหารของชายคนนี้ไม่ได้เลย…หรือว่า!? …ชายคนนี้จงใจเก็บจิตสังหารและเลือกที่จะปล่อยออร่าแทน!? …ช่างเป็นปรมาจารย์ดาบที่น่ากลัวจริงๆ’ ออสการ์กลืนน้ำลายและมองคุโระอย่างเกรงกลัว จากนั้นก้าวถอยหลังเล็กน้อย

    ‘แม่งเอ๊ย! กลัวจนขยับไปไหนไม่ได้เลย…หรือเอาดาบไปฟาดดี? ไม่ได้! มีหวังโดนฟันขาดเป็นสองท่อนแน่’

    ทันใดนั้นก็มีเสียงของชายที่คุ้นเคยดังมาจากด้านบน “คุโระ ข้าเอาของตอบแทนมาให้!”

    เมื่อพูดแบบนั้นโรคุโระเข้าร่วมวงต่อสู้กับเวลเวท พร้อมกับกริชคู่ในมือ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่ใช้โกรัน ถ้ามันสบายใจก็ปล่อยเขาไป

    หลังรับของบางอย่างที่โรคุโระโยนมาให้ ซึ่งดูจากภายนอกเป็นแค่ขวดแก้วธรรมดา เมื่อเปิดจุก มันก็เต็มไปด้วยกลิ่นไวน์หอมโชยเข้าจมูก และยังเป็นไวน์แท้ที่ไม่มีส่วนผสมแปลกปลอมใดๆ เลย

    อีกใจหนึ่งก็อยากดื่ม อีกใจหนึ่งก็อยากจะออกจากที่นี่เร็วๆ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะฝ่าวงล้อมของออสการ์พร้อมกับภูตรับใช้ของเขา คุโระกัดฟันและดื่มไวน์เป็นครั้งสุดท้าย

    ‘อะไร? ท่านผู้นั้นดื่มไวน์ขณะต่อสู้เนี่ยนะ บ้าไปแล้ว!? …แต่ข้ารู้สึกไม่ดี-’

    “ความตายมันน่ากลัว ไอ้หนู”

    ‘ได้ยังไง!?’ ออสการ์ต้องสะดุ้งที่จู่ๆ คุโระก็โผล่มาด้านหลังพร้อมกับเสียงที่นิ่งเงียบราวกับคนตาย ทันใดขนตามร่างกายก็ลุกซู่

    “อ๊ะ!”

    ออสการ์กระเด็นออกไปด้วยการตวัดดาบเพียงครั้งเดียว ภูตอีกสองตนจึงพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไร ก็เห็นแสงวาบจนกระเด็นตามออสการ์

    การสู้รบหยุดกลางคันเมื่อได้ยินเสียง ตู้ม! จนเกิดควันปกคลุมท่าเรือ เมื่อควันจางหายไปก็พบกับร่างสามร่าง ออสการ์และภูตอีกสองคนที่นอนอยู่ในสภาพบาดเจ็บ พวกเขาค่อยๆ ลุกขึ้นมาและตั้งท่าโจมตีอีกครั้ง

    ‘ถ้าข้าป้องกันไม่ทันละก็…ป่านนี้แขนขาดไปแล้ว…แต่การโจมตีนั่นมันอะไร? ข้ามองไม่เห็นเลย’

    แสงจันทร์ยามค่ำคืนสะท้อนใบหน้าของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและไร้อารมณ์ ถ้ามองดูดีๆ คุณจะเห็นดวงตาที่หม่นหมองของเขากลายเป็นสีม่วงเข้ม และแก้มที่แดงเล็กน้อย (เมา)

    พยายามมองให้เป็นสีม่วง

    ไม่มีใครกล้าขยับไปไหนเพราะรู้สึกถึงออร่าอันตรายที่อธิบายไม่ได้ เหมือนกับว่าจะตายได้ทุกเมื่อถ้าขยับเพียงนิดเดียว

    ‘ขยับไม่ได้!? …ความกดดันนี่มันอะไรกัน…ฝีมือของเจ้านั่นงั้นหรอ!?’ เวลเวทมองคุโระที่ยืนอยู่กลางสนามรบ ในขณะที่บุคลิกของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

    ‘คุโระ…นี่คือพลังของเจ้างั้นหรอ…กลิ่นที่เต็มไปด้วยความตาย…’ เซเรสเห็นออร่าสีดำจางๆ ที่ปล่อยออกมาจากมือขวา

    ‘เห้ยๆ เอาจริง? ตอนที่สู้กับข้าในคุก เจ้ายังไม่เอาจริงอีกหรอ?’ โรคุโระกำกริชในมือด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

    คุโระฟันออสการ์อย่างรวดเร็ว ทว่าในสายตาคนธรรมดา ดาบในฝักแทบจะไม่ถูกชักออกมาเลย แต่ในความเป็นจริง มันเร็วเกินไปที่ตาเปล่าจะมองเห็น

    ออสการ์ทำได้แต่ตั้งรับและมีบาดแผลเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ส่วนภูตอีกสองตนหมดสภาพด้วยรอยฟันที่นับไม่ถ้วนตามตัว ในสายตาของพวกเขามันเหมือนกับความตายที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา

    ‘แข็งแกร่ง!…นี่นะหรอปรมาจารย์ดาบ…ช่วยไม่ได้!’

    “พวกเจ้า!”

    เมื่อได้ยินคำสั่งของออสการ์ ภูตตนหนึ่งถ่ายเทพลังสีดำให้อีกตนหนึ่ง หลังจากผ่านไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความทรมานจากภูตตนนั้น คุโระจึงหยุดต่อสู้และมองด้วยรอยยิ้ม

    “โห…น่าสนใจ”

    ทันใดนั้นภูตก็ถูกความชั่วร้ายกลืนกินจนกลายเป็นมังกรดำขนาดใหญ่พร้อมกับเสียงคำราม โฮกกกกก! ทำให้ทุกคนแตกตื่นและมองมังกรอย่างหวาดกลัว

    “เจ้าทำบ้าอะไร ออสการ์!” เซเรสตะโกน

    “มันหลุดการควบคุม!”

    เวลเวทมองมังกรอย่างตกตะลึง เพียงแค่โดนความชั่วร้ายสีดำกัดกินก็กลายเป็นมังกร มันเป็นเรื่องที่ไม่เหลือเชื่อ เธอถอยหลังหนึ่งก้าวและพูดว่า “ภูตกลายเป็นปีศาจ!?”

    “ทำบ้าอะไรอยู่ รีบถอยเร็ว!” โรคุโระตะโกน จากนั้นวิ่งไปพาตัวเวลเวทไปอีกด้านหนึ่งในขณะที่ตัวเองมองคุโระยืนอยู่เฉยๆ ท่ามกลางเสียงคำรามและความวุ่นวาย

    ‘ไม่กลัวงั้นหรอ? …หรือว่าเจ้าคิดจะสู้กับมังกร!’

    “มาเต้นกันดีกว่าจิ้งเหลนน้อย…คืนนี้อีกยาวไกล”

    ดวงตาสีม่วงของคุโระเข้มขึ้น จากนั้นพุ่งเข้าหามังกรอย่างไม่ลังเล โดยปกติเกล็ดมังกรจะแข็งเป็นอย่างมาก เมื่ออยู่ต่อหน้าคุโระ (เมา) มันก็เหมือนเต้าหู้บางๆ เขาสามารถตัดเกล็ดได้อย่างง่ายดายพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่โหยหวนของมังกร

    ทุกคนในสนามรบต่างตกตะลึงและมองชายหนุ่มที่บ้าบิ่นต่อสู้กับมังกร ในขณะที่มันบินหนีไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นคุโระเพียงแค่ตัดอากาศเบาๆ ปีกของมันก็ขาดออกมาอย่างง่ายดาย ทั้งที่เจ้าตัวอยู่บนพื้น

    ตู้ม! เสียงของมังกรที่ตกลงพื้น มันค่อยๆ ลุกขึ้นและมองศัตรูอย่างเกรี้ยวกราด

    “คุโระ มันกำลังพ่นลมหายใจมังกร!” เซเรสเตือน

    “ลมหายใจมังกร? หึหึ…เมื่อมันอยู่ต่อหน้าอิมเมจินเบรกเกอร์มันก็เป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น”

    "อิมเมจินเบรกเกอร์?"

    คุโระเพียงแค่ใช้มือขวารับลมหายใจมังกรจนทำให้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก มันไม่สามารถทำอะไรผู้ชายคนนี้ได้เลย เมื่อการโจมตีไม่ได้ผล มันอ้าปากกว้างวิ่งไปหาคุโระเพื่อที่จะกินทั้งเป็น

    คุโระย่อตัวไปด้านหลังเล็กน้อยจากนั้นพุ่งเข้าหามันอย่างรวดเร็ว จากนั้นตัดมิติให้ขาดสะบั้นด้วยความเร็วที่ตาเปล่ามองไม่เห็น

    “เร็วเกินไป!” เวลเวทอุทาน

    ทันใดนั้นมังกรก็ถูกตัดขาดเป็นชิ้นๆ ได้อย่างง่ายดายพร้อมกับชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยออร่าแห่งความตายกวาดสายตามองทุกคน พวกเขาได้แต่ยืนกลัวจนตัวสั่นหนาวไปถึงกระดูก ไม่มีใครกล้าขยับไปไหน

    “บ้าน่า”

    “เจ้านั่นจัดการมังกรด้วยตัวคนเดียว”

    “มนุษย์นั่นเป็นใครกันแน่?”

    ‘คุโระ…เจ้าเป็นใครกันแน่…ความแข็งแกร่งนี่ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาและออร่าแห่งความตายที่แขนขวานั่น…’ เซเรสมองมือทั้งสองข้างของตัวเองที่สั่นเครือ

    ‘ขุนนางตระกูลไหนที่แข็งแกร่งขนาดนี้!’ ออสการ์กัดฟันจากนั้นวิ่งไปหาคุโระอย่างไม่กลัวตาย เมื่อมาอยู่ต่อหน้าคำพูดที่เตรียมไว้กลับไม่ออกมาจากปาก

    “ต้องการอะไร ไอ้หนู?”

    ‘เอ๊ะ…ทำไมข้าพูดไม่ได้…ข้ากลัวเกินไปงั้นหรอ!?’

    “รออะไรกันอยู่ ทำไมไม่รีบขึ้นเรือ!” คุโระตะโกน

    โรคุโระ เวลเวท เซเรส ได้สติเมื่อได้ยินคำพูดของคุโระ พวกเขาจึงรีบวิ่งขึ้นไปบนเรือ ทันใดนั้นก็มีแม่มดตัวตลกบินตามมาจากที่ไหนไม่รู้พร้อมกับตะโกนว่า

    “รอข้าด้วย!” ไม่ต้องเดาเลยว่าคือ มาจิลู

    เรือออกไปทะเลพร้อมกับกลุ่มคุโระ ในขณะที่ออสการ์ยืนกลัวจนตัวสั่นรวมถึงเอ็กเซอร์ซิสต์คนอื่นๆ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกถึงความตาย

    ‘งั้นหรอ…เจ้าไว้ชีวิตข้างั้นสินะ…ถ้าเจอกันครั้งหน้า ข้าจะแข็งแกร่งกว่านี้!’

    “ท่านช่วยบอกชื่อให้ข้าทราบได้หรือไม่ ท่านปรมาจารย์ดาบ!” ออสการ์ตะโกนสุดเสียง

    “คุโระ ชิบิโตะ ความหวาดกลัวแห่งความตาย!”

    "คุโระ...ชิบิโตะ ข้าจะจำเอาไว้ซักวัน ข้าจะช่วยท่านให้ได้!"

    จากนั้นหันมองลูกเรือทั้งสี่คนที่มีมาจิลูมาเพิ่ม เธอมองคุโระด้วยรอยยิ้มขี้เล่น ไม่เกรงกลัว และเดินไปบนดาดฟ้าเรือเพื่อนอนกลางวัน โรคุโระทำหน้าที่เป็นนายเรือ

    เวลเวทมองคุโระด้วยความคิดซับซ้อน ความแข็งแกร่งเมื่อกี้เป็นของจริง ไม่รู้ว่าเขาเก็บความแข็งแกร่งไว้มากขนาดไหน

    ‘อย่างที่คิด ผู้ชายคนนี้อันตราย…’

    คุโระไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง จากนั้นตัดมิติเป็นรูปไม้กางเขนและก้าวเท้าเข้าไป เวลเวทจึงถามว่า “เจ้าคิดจะไปไหน?”

    ‘นี่มันเวทมิติ…คุโระ ช่างเป็นผู้ชายที่เต็มไปด้วยความลับ’ เซเรสคิดในใจ

    “กลับบ้าน”

    เพียงแค่คำตอบสั้นก็ทำให้เวลเวทตกตะลึง ถึงแม้จะไม่ได้ต่อสู้แล้วก็ตาม น้ำเสียงของเขายังคงเต็มไปด้วยความกดดัน เธอจึงกัดฟันแล้วถามไปว่า “จะได้เจอกันอีกไหม?”

    “แน่นอน…ก็เธอเป็นลูกศิษย์ของฉัน” เมื่อพูดเสร็จคุโระก็เดินหายไปภายในมิติที่ถูกปิด

    ‘ลูกศิษย์หรอ…’

    เวลเวทสลัดความคิดทิ้งอย่างรวดเร็วจากนั้นสั่งโรคุโระว่า “มุ่งหน้าไปมิดแลนด์!”

    ‘หือ…นี่มันกระเป๋าของเจ้านั่น?’ เวลเวทหยิบกระเป๋าของคุโระที่ตกอยู่บนเรือขึ้นมาพร้อมกับเครื่องเกม ninxxx

    โรคุโระ มาจิลูและเซเรสยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าจะพบกันอีกแน่นอน ถ้าเป็นไปได้ก็ควรอยู่ด้วยกันจนถึงที่สุดเพราะเขาเป็นเกาะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่ม

    นางาโซระ

    เมื่อกลับมาคุโระได้ไปนั่งเก้าอี้พร้อมกับเสียงกรนดังออกมาเป็นระยะระยะ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของเคียน่าว่า “คุโระรีบไปเร็ว เช้าแล้ว!”

    “หือ? นี่มันที่ไหน? อ่าว เวลเวทกับเซเรสละ? มันเป็นความฝันหรอ? …เฮ้อ…ค่อยดีใจหน่อยที่เป็นความฝัน” คุโระเกาหัวอย่างงและนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นาน มันเหมือนความจริงมากเกินไป

    ทว่าเมื่อมองกระเป๋าสะพาย มันกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

    ‘เอาจริง? นั่นเป็นความจริง…ชิบผาย เครื่องเกมหาย!’

    “บ่นอะไรอยู่ได้ รีบมาเร็ว!” 

    “รู้แล้ว”

    คุโระ เมย์ โบรเนียและเคียน่าเริ่มต้นออกเดินทางอีกครั้ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×