ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาจารย์สีหน้าตายด้านในโลกฮงไก

    ลำดับตอนที่ #76 : ตอนที่76

    • อัปเดตล่าสุด 4 มี.ค. 66


    ความมืดรอบๆ ลุดวิกเปลี่ยนไปอีกครั้ง มันแตกต่างจากก่อนหน้านี้เนื่องจากจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นและรูปแบบที่เปลี่ยนไป

    หากการโจมตีครั้งแรกเป็นการโจมตีของคมเขี้ยวสัตว์ร้าย แต่ครั้งนี้ก็กลายเป็นการโจมตีของกองทัพทหารที่พร้อมจะยิงทุกเมื่อ

    บนท้องฟ้ามีความมืดในรูปแบบเรขาคณิตที่มีรูปแบบไม่ตายตัว ทันใดนั้นก็กลายเป็นวงเวทซ้อนทับกันอยู่ข้างหลังเขาและก็ยิงกระสุนความมืดออกมา

    ซึ่งเมื่ออยู่ต่อหน้ามาคินะ มันแตกตัวออกและกลายเป็นทรงกลมล้อมรอบตัวเขา จากนั้นมันเริ่มหดตัวเพื่อบดขยี้มาคินะ

    “อ่อนหัด”

    กำปั้นของมาคินะทำลายคุกสีดำอันมืดมิด ซึ่งมันก็เป็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเมื่ออยู่ต่อหน้ามาคินะ และลุดวิกก็คาดการเอาไว้แล้ว เพราะเขารู้ว่ามันจะจบแบบนี้แต่มันไม่ใช่แค่นั้น

    ไม่ใช่สอง สาม สี่ ห้า ฯลฯ มันเหมือนกับเสียงปืนที่ยิงอย่างไร้ขีดจำกัด ความมืดปกคลุมมาคินะโดยสมบูรณ์ แม้ว่าเขาจะทำลายทีละอัน แต่จำนวนของคุกก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับเวลาที่มาคินะเหวี่ยงหมัด

    สถานการณ์ของมาคินะเรียกได้ว่าถูกล้อมกรอบโดยสมบูรณ์

    หากจุดอ่อนของชไนเบอร์คือพลังในการทำลาย ดังนั้นจุดอ่อนของมาคินะก็คือความเร็ว ซึ่งคุโระและทุกคนก็มองด้วยความตกตะลึง โดยมาคินะถูกล้อมไปด้วยวงกลมสีดำที่ไม่มีที่สิ้นสุด

    จำนวนขนาดนี้ไม่มีใครสามารถนับได้ มันอาจจะมากกว่าพันหรือไร้ขีดจำกัดก็ได้ แต่มีระยะเวลาการยิงเพียงสิบวินาทีเท่านั้น แม้แต่คุโระก็ยังพูดประโยคแรกไม่จบ

    มาคินะยังคงต่อสู้อยู่ในความมืดที่กลืนกินเขา แต่ไม่มีใครที่อยู่ข้างนอกรู้สถานะของมาคินะได้เลย

    “ฉันอยากรู้ว่าแกจะหนีออกมาได้ตอนไหน อาจใช้เวลาเป็นเดือน เป็นวันหรือบางทีภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง?”

    มาคินะต้องเหวี่ยงหมัดของเขาอย่างน้อยห้าแสนครั้ง และเขาต้องทำมันในขณะที่ถูกล้อมไปด้วยความมืด โดยไม่รู้ว่าส่วนไหนคือด้านบนล่าง หรือซ้ายและขวา

    มาคินะสามารถทำลายลูกทั้งหมดได้โดยต่อยต้นกำเนิดของพลังซึ่งก็คือเมธูเสลาห์ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ลุดวิกกักขังมาคินะไว้ในความมืด

    ไม่นานลุดวิกก็ดีดนิ้วเบาๆ ราวกับไล่แมลงออกไป ทำให้คุกสีดำที่ขังมาคินะบินออกไปเหมือนกระสุน มันทะลุเส้นขอบฟ้าที่มองไม่เห็นหรือบางทีอาจออกนอกโลกไปแล้ว

    ด้วยเหตุนี้สถานการณ์จึงพลิกกลับอีกครั้ง จึงไม่มีไม้ตายที่จะต่อกรกับเมธูเสลาห์ได้ และชไนเบอร์ก็ยังคงโจมตีลุดวิกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความเสียหายนั้นน้อยมาก

    เบียทริซยังคงได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่คนอื่นๆ ก็เริ่มเหนื่อยเช่นกัน

    “ฉันจะต่อสู้กับไอ้บ้านี่ยังไง!?”

    รูซัลริก้าเสียเปรียบเป็นอย่างมาก ความสามารถของเธอคือการควบคุมเงามืด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเมธูเสลาห์ การทำแบบนั้นก็เป็นแค่การฆ่าตัวตาย ดังนั้นรูซัลริก้าจึงทำอะไรไม่ได้

    เช่นเดียวกับลิซ่า สปินเน่และทูบัลคาน ไม่มีใครสามารถต่อสู้กับเทพเจ้าแห่งความมืดนี้ได้

    คนที่สร้างความเสียหายได้มากที่สุดก็คือเอเลนอร์และเธอก็ทำได้ดีกว่าเบียทริซเล็กน้อย แต่เอเลนอร์ก็ทำได้แค่ยิงความมืดที่ประชิดตัวเธอ ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่นั้น

    สถานการณ์จะเปลี่ยนไปถ้าเอเลนอร์ใช้บรีอาห์ แต่มันก็มีความเสี่ยงที่มาพร้อมกับกินพลังงานของเธอมากเกินไป ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้มันได้ และมันก็มีข้อเสียอีกอย่างคือ มันจะฆ่าเพื่อนไปด้วย

    เอเลนอร์จะไม่ลังเลที่จะใช้มันหากจำเป็น แต่ในสถานการณ์นี้มันต่างออกไป มันเป็นการกระทำที่ไร้จุดหมายราวกับฆ่าตัวตาย

    “เฮย์ดริช แกควรออกมาสู้ด้วยตัวเองได้แล้ว แกคิดจะซ่อนอยู่ข้างหลังผู้ใต้บังคับบัญชา? ถ้าแกต้องการแบบนั้น ฉันก็จะจัดให้” ลุดวิกพูดในขณะที่กางผ้าคลุมและท่องคาถา

    สภาทมิฬเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งถัดไปของลุดวิก แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งพวกเขาคิดว่าลุดวิกล้อมเหลว ทันใดนั้นอาคมของลุดวิกก็เริ่มทำงาน ซึ่งเป็นขณะเดียวกันที่คุโระพูด

    “Unsterbliche Versuchungen,Nehmen mich ein”

    ขาของรูซัลริก้ากลายเป็นเกลือและแตกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นก็นิ้วมือ แขน ไหล่ ซึ่งมันผุพังไปหมด

    “อะไร!? เกิดอะไรขึ้น?”

    สิ่งผิดปกตินั้นแพร่กระจายภายในชั่วพริบตา แม้ว่าผลของมันจะแตกต่างกันในแต่ละคน แต่ร่างกายของพวกเขาทั้งหมดก็แตกสลาย

    “Verurteilt,Falle schwach auf meine Knie”

    แม้แต่ฝูงคนตายที่รวมตัวกันเป็นแกลดส์ไฮม์ก็เริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ รถถังและเครื่องบินก็เริ่มขึ้นสนิมและตกลงสู่มหาสมุทรในขณะที่เริ่มสลาย และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือการย่อยสลายของมันเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    “น่าสนใจจริงๆ”

    แม้ว่าท่านเฮย์ดริชจะสงบในขณะที่เขาพูด แต่ก็มีรอยร้าวปรากฏที่แก้มของเขา มันเป็นเพียงบาดแผลเล็กๆ เห็นได้ชัดว่าท่านเฮย์ดริชก็หนีไม่พ้นพลังนี้

    “เมธูเสลาห์กำลังเร่งเวลาให้เร็วอย่างมหาศาล มันเร็วเกินไปที่พวกเราจะรู้ตัว” เมอร์คิวเรียสพูดและแสดงรอยยิ้มของเขาออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย

    สภาทมิฬแสวงหาความเป็นอมตะและข้อเท็จจริงนั้นก็หมายความว่าพวกได้รับความสามารถนั้นเอาไว้แล้ว แม้แต่ท่านเฮย์ดริชก็ด้วย

    แม้ว่าความตายจะไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่พวกเขาก็จะสลายไปหากถูกบังคับให้แบกรับภาระอันหนักอึ้งอย่างเช่น ช่วงเวลาที่ยาวนาน

    “ฉันไม่อนุญาตให้ใครนอกจากฉันฆ่าผู้ใต้บังคับบัญชาของฉัน”

    ท่านเฮย์ดริชลูบผมของเขาขึ้น มือของเขาปิดแก้มที่แตกร้าว และหลังจากเขาเคลื่อนมือออกไป อาการบาดเจ็บก็หายราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

    จากนั้นเขาก็มองไปที่เมธูเสลาห์

    “ลืมอะไรไปหรือเปล่า?”

    ลุดวิกได้ยินคำพูดที่แปลกประหลาดและเขาก็เข้าใจยากด้วยซ้ำ และลุดวิกรู้ดีว่าเขาหมายถึงใคร แต่เขาไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น

    ชายคนนั้นตายไปแล้ว แม้ว่าจะรอดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

    “Beschwöre,Die Stärke des Chaos,Ich bin der nahende Sturm!”

    “หมายความว่ายังไง?” ลุดวิกเหมือนจะได้ยินผิด 

    "Beri'ah Sin Devil Trigger!"

    จู่ๆ พายุก็ปะทุขึ้นรอบๆ ตัวเขา

    คุโระฟันลุดวิกเป็นชิ้นๆ จากนั้นใช้มัดขวาซัดเข้าที่หน้าและโยนออกไป

    ถ้าเรียกได้ว่านี่คือรูปแบบของการต่อสู้ มันก็คือคำอธิบายที่ดีสำหรับคุโระ เขาจะฟันทุกอย่างที่ขวางหน้าให้เป็นชิ้นๆ ด้วยกำลังของเขา

    คุโระรู้ดีว่าอะไรคือทักษะดาบหรือความบ้าคลั่ง ดังนั้นการฟันที่มีรูปแบบไม่ตายตัวก็ถือว่าเป็นศิลปะดาบอีกแขนงหนึ่ง ดังนั้นเขาจะฟันด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี

    “แก! ทำไมถึงยังไม่ตาย?”

    “คุโระ!” เบียทริซ

    “คุโระ!” รูซัลริก้า

    ในหมู่สภาทมิฬทั้งหมดจะมีอยู่หนึ่งคนที่เป็นน้องใหม่และอ่อนแอที่สุดซึ่งก็คือคุโระ ดังนั้นใครๆ ก็คิดว่าเขาควรจะตายเป็นคนแรกด้วยอัตราการแพร่กระจายของเวทมนตร์ แต่เขามีอิมเมจินเบรกเกอร์ที่ลบผลกระทบได้อย่างหวุดหวิด

    Sin Devil Trigger ของคุโระนั้นมีความแตกต่างและเหมือนของเวอร์จิล มีปีกทั้งสี่พับลงในลักษณะที่คล้ายกับหางของเสื้อสูท ใบมีดติดแขนสีน้ำเงิน และหางสัตว์ที่มีปลายเป็นหนามที่ยื่นออกมาจากระหว่างไหล่ของเขา

    สีของเปลวไฟนั้นมีสีม่วงจากๆ เล็กน้อย เนื่องจากเขาก็ได้หลอมรวมกับกุญแจสวรรค์ของฮิโกคุมารุเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาก็สามารถใช้พลังของกุญแจสวรรค์ได้เช่นกัน

    Vergil Devil Trigger Wallpapers - Top Free Vergil Devil Trigger Backgrounds - WallpaperAccess

    “ไม่บอก”

    คุโระใช้ใบมีดติดที่แขนทั้งสองข้างฟันปากของสัตว์ร้ายควบคู่ไปกับเปลวไฟสีม่วงของกุญแจสวรรค์ ซึ่งก็ทำให้แขนของคุโระขาดกระจุย และมันก็ฟื้นฟูกลับมาภายในชั่วพริบตา

    “อะไร?”

    ฉากนี้ทำให้ลุดวิกตกตะลึง และมันก็แสดงให้เห็นว่าเขาสับสนขนาดไหน

    “ฉันรู้ว่าแกตกใจ แต่ฉันก็ไม่บอกอยู่ดี”

    คุโระใช้ยามาโตะตัดมิติไปที่ลุดวิกอย่างต่อเนื่องเหมือนกับพายุคลั่งและทำลายการป้องกันของเขาเหมือนกับกระดาษบางๆ จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ลุดวิก

    คุโระแน่ใจว่ายามาโตะเพียงแค่ทำลายการป้องกันและสร้างความเสียหายได้อย่างแน่นอน แต่ความเร็วในการฟื้นตัวของลุดวิกโกงเกินไป ดังนั้นใช้อิมเมจินเบรกเกอร์น่าจะดีกว่า

    คุโระรวบรวมกำลังทั้งหมดและต่อยลุดวิก ในที่สุดกำปั้นของคุโระก็ถึงใบหน้าดำของเขาๆ และก็มีความรู้สึกส่งมาที่แขนขวานั่นก็คือ มันแข็ง และเห็นได้ชัดว่าลุดวิกแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา

    แต่ลุดวิกก็ไม่ได้หลบหรือโต้กลับเลย และเพื่อแลกกับการโจมตีนี้ ครึ่งร่างของคุโระถูกคมเขี้ยวแห่งความมืดกินไปครึ่งร่าง และมันก็เหมือนก่อนหน้านี้

    ครึ่งร่างของคุโระงอกกลับมาใหม่อย่างรวดเร็ว แม้ว่าความเสียหายจะถึงตายก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุโระไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด

    คุโระไม่สามารถหลบการโจมตีได้อย่างแน่นอน ระดับของลุดวิกต่างจากฮงไกเป็นอย่างมาก แม้แต่พลังก็เช่นกัน ดังนั้นเขาต้องต่อสู้ด้วยทุกอย่างที่มี

    “งงอะดิ”

    วิญญาณของแกลดส์ไฮม์ไหลเข้ามาในตัวคุโระและกลายเป็นเลือดกับเนื้อของเขา นี่เป็นสิ่งที่คุโระได้รับมาจากเมอร์คิวเรียส และมันก็จะใช้ได้สำหรับการต่อสู้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

    กองทัพแกลดส์ไฮม์กำลังเติมพลังชีวิตที่ไร้ขีดจำกัดให้คุโระ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคุโระถึงอยู่ในสภาพพร้อมสู้ตลอดเวลาแม้ว่าจะบาดเจ็บถึงตายก็ตาม

    บาดแผลทั้งหมดของคุโระหายไปทันที และการโจมตีทั้งหมดของคุโระก็แข็งแกร่งขึ้นเท่าที่เขาเพิ่มพลังได้ ดังนั้นคุโระไม่จำเป็นต้องคิดอะไรเลย

    เผาวิญญาณทั้งหมดประมาณแปดพันดวงเพื่อเอาไปเพิ่มพลังในการโจมตี นี่เป็นรางวัลสำหรับศึกแรก แต่คุโระก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจเล็กน้อย มันเหมือนเปิดโหมด ไฮเปอร์มูเทคิของเอ็กเซด

    ซึ่งการเชื่อมต่อกับแกลดส์ไฮม์ครั้งแรกทำให้คุโระต้องใช้เวลานานจนขยับตัวไปไหนไม่ได้ และทำให้เขาไม่สามารถเข้าร่วมการต่อส้ได้ จนต้องฝากมาคินะถ่วงเวลา

    นอกจากนี้ยังเป็นการให้คุโระเข้าถึง Ewigkeit ขั้นที่ 3 อีกด้วย ซึ่งมันมีทั้งหมด 4 ระดับตามทักษะของผู้ใช้งาน

    (อัสซัย) Assiah เป็นผู้ใช้อาวุธในระยะเริ่มแรกในฐานะเหนือมนุษย์ ซึ่งมีความเสี่ยงอย่างมากต่อการสูญเสียการควบคุม และต้องใช้พรสวรรค์อย่างมากในการมาถึงขั้นนี้

    (ยีซาร์ต) Yetzirah ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดึงพลังของวัตถุศักดิ์สิทธิ์ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งขั้นนี้ ผู้ใช้สามารถมีพลังเทียบได้กับหนึ่งกองทัพ

    (บรีอารห์) Beri'ah ช่วยให้ผู้ใช้ตระหนักถึงความปรารถนาในส่วนลึกของจิตใจและสามารถสร้างโลกขึ้นมาด้วยกฎของตัวเอง ดังนั้นกฎฟิสิกส์หรือสามัญสำนึกจะไม่สามารถใช้กับผู้ใช้งานได้

    (อัลติสูท) ไม่มีใครรู้ขั้นนี้แน่ชัด แต่ใครก็ตามที่มาถึงขั้นนี้ก็จะทำให้บรีอาห์กลายเป็นของเด็กเล่นได้เลย ดังนั้น มันมีตัวตนเปรียบเสมือนพระเจ้าหรือไม่ก็คือพระเจ้า

    แต่สำหรับคุโระ มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อการเชื่อมต่อสิ้นสุดก็จะบังคับให้เขามาอยู่ขั้นแรก ในฐานะผู้เริ่มต้น

    “อย่ามาอวดดี ไม่ว่า เฮย์ดริชจะสนับสนุนแกแค่ไหน มันก็ไม่เปลี่ยนแปลงหรอกว่าแกคนเดียวจะทำอะไรได้”

    “หะ? ฉันมันก็แค่ตัวละครสมทบ”

    “โอร่าาาาาาาาาาา” เสียงคำรามของเบย์ที่พุ่งมาจากด้านหลังและหนามเลือดของเขา

    เบย์ฉีกกระชากและทำลายลุดวิกเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ทุ่มเขาออกไปเหมือนกับก้อนหิน

    เบย์ก็เหมือนกับคุโระที่เชื่อมต่อกับแกลดส์ไฮม์ ดังนั้นพลังของทั้งสองคนจึงไร้ขีดจำกัดตราบใดที่เผาวิญญาณ บาดแผล พลังโจมตี ทั้งหมดนั้นอยู่เหนือสภาทมิฬธรรมดาไปแล้ว

    “ไอ้เหี้* มึงรอนานไหมวะ? ทำไมมึงทำหน้าแบบนั้นวะ?”

    ลุดวิกแสดงใบหน้าน่าเกลียดออกมา บาดแผลจากคุโระทำให้เขาฟื้นตัวยากขึ้นและผลของเปลวไฟของกุญแจสวรรค์ และตอนนี้ก็ยังมีตัวเกะกะมาเพิ่ม ดังนั้นการฟื้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

    “ไอ้ตัวปลอม ไม่ว่าแกจะมากี่คนผลลัพธ์ก็ไม่เหมือนเดิม”

    ทั้งสามคนต่อสู้กันและสร้างความเสียหายร้ายแรงให้ลุดวิก แขนซ้ายของคุโระปลิวหายไปและครึ่งร่างของเบย์ก็ถูกกิน แต่แลกมาด้วยการที่ร่างครึ่งบนของลุดวิกถูกทำลาย

    ทั้งสามคนปะทะกันจนเกิดเป็นพายุและหายไปในความว่างเปล่าพร้อมกับเสียงของระเบิดดัง ตู้ม! ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสามคนก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่

    “ฉันไม่เข้าใจ…แกแตะตัวฉันได้ยังไง? แกใช้เวทมนตร์อะไร?”

    ลุดวิกน่าจะรู้แล้วว่าคุโระและเบย์ใช้วิญญาณของแกลดส์ไฮม์โดยตรง ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถต่อสู้กับลุดวิกได้โดยไม่เสียเปรียบ แต่ก็มีอีกหนึ่งสิ่งที่ลุดวิกสงสัย ทำไมเบย์ถึงแตะตัวเขาได้

    แม้ว่าลุดวิกจะรู้แล้วว่าคุโระมีแขนขวาที่พิเศษ และเกินกว่าที่ลุดวิกจะเข้าใจได้ เนื่องจากการบาดเจ็บของเขาฟื้นฟูช้าลง และยังมีการกัดกร่อนเล็กน้อยจากพลังงานสีม่วงที่ไม่รู้จัก

    มันไม่ใช้เวทมนตร์อย่างแน่นอน ลุดวิกยืนยันได้ แต่พลังนั้นมันแพร่กระจายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว แต่โชคดีที่ลุดวิกสามารถแก้ไขได้ แต่มันก็ได้สร้างบาดแผลให้เขาพอสมควร


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×