คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #76 : ตอนที่76
ความมืดรอบๆ ลุดวิกเปลี่ยนไปอีกครั้ง มันแตกต่างจากก่อนหน้านี้เนื่องจากจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นและรูปแบบที่เปลี่ยนไป
หากการโจมตีครั้งแรกเป็นการโจมตีของคมเขี้ยวสัตว์ร้าย แต่ครั้งนี้ก็กลายเป็นการโจมตีของกองทัพทหารที่พร้อมจะยิงทุกเมื่อ
บนท้องฟ้ามีความมืดในรูปแบบเรขาคณิตที่มีรูปแบบไม่ตายตัว ทันใดนั้นก็กลายเป็นวงเวทซ้อนทับกันอยู่ข้างหลังเขาและก็ยิงกระสุนความมืดออกมา
ซึ่งเมื่ออยู่ต่อหน้ามาคินะ มันแตกตัวออกและกลายเป็นทรงกลมล้อมรอบตัวเขา จากนั้นมันเริ่มหดตัวเพื่อบดขยี้มาคินะ
“อ่อนหัด”
กำปั้นของมาคินะทำลายคุกสีดำอันมืดมิด ซึ่งมันก็เป็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเมื่ออยู่ต่อหน้ามาคินะ และลุดวิกก็คาดการเอาไว้แล้ว เพราะเขารู้ว่ามันจะจบแบบนี้แต่มันไม่ใช่แค่นั้น
ไม่ใช่สอง สาม สี่ ห้า ฯลฯ มันเหมือนกับเสียงปืนที่ยิงอย่างไร้ขีดจำกัด ความมืดปกคลุมมาคินะโดยสมบูรณ์ แม้ว่าเขาจะทำลายทีละอัน แต่จำนวนของคุกก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับเวลาที่มาคินะเหวี่ยงหมัด
สถานการณ์ของมาคินะเรียกได้ว่าถูกล้อมกรอบโดยสมบูรณ์
หากจุดอ่อนของชไนเบอร์คือพลังในการทำลาย ดังนั้นจุดอ่อนของมาคินะก็คือความเร็ว ซึ่งคุโระและทุกคนก็มองด้วยความตกตะลึง โดยมาคินะถูกล้อมไปด้วยวงกลมสีดำที่ไม่มีที่สิ้นสุด
จำนวนขนาดนี้ไม่มีใครสามารถนับได้ มันอาจจะมากกว่าพันหรือไร้ขีดจำกัดก็ได้ แต่มีระยะเวลาการยิงเพียงสิบวินาทีเท่านั้น แม้แต่คุโระก็ยังพูดประโยคแรกไม่จบ
มาคินะยังคงต่อสู้อยู่ในความมืดที่กลืนกินเขา แต่ไม่มีใครที่อยู่ข้างนอกรู้สถานะของมาคินะได้เลย
“ฉันอยากรู้ว่าแกจะหนีออกมาได้ตอนไหน อาจใช้เวลาเป็นเดือน เป็นวันหรือบางทีภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง?”
มาคินะต้องเหวี่ยงหมัดของเขาอย่างน้อยห้าแสนครั้ง และเขาต้องทำมันในขณะที่ถูกล้อมไปด้วยความมืด โดยไม่รู้ว่าส่วนไหนคือด้านบนล่าง หรือซ้ายและขวา
มาคินะสามารถทำลายลูกทั้งหมดได้โดยต่อยต้นกำเนิดของพลังซึ่งก็คือเมธูเสลาห์ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ลุดวิกกักขังมาคินะไว้ในความมืด
ไม่นานลุดวิกก็ดีดนิ้วเบาๆ ราวกับไล่แมลงออกไป ทำให้คุกสีดำที่ขังมาคินะบินออกไปเหมือนกระสุน มันทะลุเส้นขอบฟ้าที่มองไม่เห็นหรือบางทีอาจออกนอกโลกไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้สถานการณ์จึงพลิกกลับอีกครั้ง จึงไม่มีไม้ตายที่จะต่อกรกับเมธูเสลาห์ได้ และชไนเบอร์ก็ยังคงโจมตีลุดวิกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความเสียหายนั้นน้อยมาก
เบียทริซยังคงได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่คนอื่นๆ ก็เริ่มเหนื่อยเช่นกัน
“ฉันจะต่อสู้กับไอ้บ้านี่ยังไง!?”
รูซัลริก้าเสียเปรียบเป็นอย่างมาก ความสามารถของเธอคือการควบคุมเงามืด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเมธูเสลาห์ การทำแบบนั้นก็เป็นแค่การฆ่าตัวตาย ดังนั้นรูซัลริก้าจึงทำอะไรไม่ได้
เช่นเดียวกับลิซ่า สปินเน่และทูบัลคาน ไม่มีใครสามารถต่อสู้กับเทพเจ้าแห่งความมืดนี้ได้
คนที่สร้างความเสียหายได้มากที่สุดก็คือเอเลนอร์และเธอก็ทำได้ดีกว่าเบียทริซเล็กน้อย แต่เอเลนอร์ก็ทำได้แค่ยิงความมืดที่ประชิดตัวเธอ ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่นั้น
สถานการณ์จะเปลี่ยนไปถ้าเอเลนอร์ใช้บรีอาห์ แต่มันก็มีความเสี่ยงที่มาพร้อมกับกินพลังงานของเธอมากเกินไป ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้มันได้ และมันก็มีข้อเสียอีกอย่างคือ มันจะฆ่าเพื่อนไปด้วย
เอเลนอร์จะไม่ลังเลที่จะใช้มันหากจำเป็น แต่ในสถานการณ์นี้มันต่างออกไป มันเป็นการกระทำที่ไร้จุดหมายราวกับฆ่าตัวตาย
“เฮย์ดริช แกควรออกมาสู้ด้วยตัวเองได้แล้ว แกคิดจะซ่อนอยู่ข้างหลังผู้ใต้บังคับบัญชา? ถ้าแกต้องการแบบนั้น ฉันก็จะจัดให้” ลุดวิกพูดในขณะที่กางผ้าคลุมและท่องคาถา
สภาทมิฬเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งถัดไปของลุดวิก แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งพวกเขาคิดว่าลุดวิกล้อมเหลว ทันใดนั้นอาคมของลุดวิกก็เริ่มทำงาน ซึ่งเป็นขณะเดียวกันที่คุโระพูด
“Unsterbliche Versuchungen,Nehmen mich ein”
ขาของรูซัลริก้ากลายเป็นเกลือและแตกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นก็นิ้วมือ แขน ไหล่ ซึ่งมันผุพังไปหมด
“อะไร!? เกิดอะไรขึ้น?”
สิ่งผิดปกตินั้นแพร่กระจายภายในชั่วพริบตา แม้ว่าผลของมันจะแตกต่างกันในแต่ละคน แต่ร่างกายของพวกเขาทั้งหมดก็แตกสลาย
“Verurteilt,Falle schwach auf meine Knie”
แม้แต่ฝูงคนตายที่รวมตัวกันเป็นแกลดส์ไฮม์ก็เริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ รถถังและเครื่องบินก็เริ่มขึ้นสนิมและตกลงสู่มหาสมุทรในขณะที่เริ่มสลาย และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือการย่อยสลายของมันเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“น่าสนใจจริงๆ”
แม้ว่าท่านเฮย์ดริชจะสงบในขณะที่เขาพูด แต่ก็มีรอยร้าวปรากฏที่แก้มของเขา มันเป็นเพียงบาดแผลเล็กๆ เห็นได้ชัดว่าท่านเฮย์ดริชก็หนีไม่พ้นพลังนี้
“เมธูเสลาห์กำลังเร่งเวลาให้เร็วอย่างมหาศาล มันเร็วเกินไปที่พวกเราจะรู้ตัว” เมอร์คิวเรียสพูดและแสดงรอยยิ้มของเขาออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย
สภาทมิฬแสวงหาความเป็นอมตะและข้อเท็จจริงนั้นก็หมายความว่าพวกได้รับความสามารถนั้นเอาไว้แล้ว แม้แต่ท่านเฮย์ดริชก็ด้วย
แม้ว่าความตายจะไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่พวกเขาก็จะสลายไปหากถูกบังคับให้แบกรับภาระอันหนักอึ้งอย่างเช่น ช่วงเวลาที่ยาวนาน
“ฉันไม่อนุญาตให้ใครนอกจากฉันฆ่าผู้ใต้บังคับบัญชาของฉัน”
ท่านเฮย์ดริชลูบผมของเขาขึ้น มือของเขาปิดแก้มที่แตกร้าว และหลังจากเขาเคลื่อนมือออกไป อาการบาดเจ็บก็หายราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
จากนั้นเขาก็มองไปที่เมธูเสลาห์
“ลืมอะไรไปหรือเปล่า?”
ลุดวิกได้ยินคำพูดที่แปลกประหลาดและเขาก็เข้าใจยากด้วยซ้ำ และลุดวิกรู้ดีว่าเขาหมายถึงใคร แต่เขาไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น
ชายคนนั้นตายไปแล้ว แม้ว่าจะรอดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“Beschwöre,Die Stärke des Chaos,Ich bin der nahende Sturm!”
“หมายความว่ายังไง?” ลุดวิกเหมือนจะได้ยินผิด
"Beri'ah Sin Devil Trigger!"
จู่ๆ พายุก็ปะทุขึ้นรอบๆ ตัวเขา
คุโระฟันลุดวิกเป็นชิ้นๆ จากนั้นใช้มัดขวาซัดเข้าที่หน้าและโยนออกไป
ถ้าเรียกได้ว่านี่คือรูปแบบของการต่อสู้ มันก็คือคำอธิบายที่ดีสำหรับคุโระ เขาจะฟันทุกอย่างที่ขวางหน้าให้เป็นชิ้นๆ ด้วยกำลังของเขา
คุโระรู้ดีว่าอะไรคือทักษะดาบหรือความบ้าคลั่ง ดังนั้นการฟันที่มีรูปแบบไม่ตายตัวก็ถือว่าเป็นศิลปะดาบอีกแขนงหนึ่ง ดังนั้นเขาจะฟันด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี
“แก! ทำไมถึงยังไม่ตาย?”
“คุโระ!” เบียทริซ
“คุโระ!” รูซัลริก้า
ในหมู่สภาทมิฬทั้งหมดจะมีอยู่หนึ่งคนที่เป็นน้องใหม่และอ่อนแอที่สุดซึ่งก็คือคุโระ ดังนั้นใครๆ ก็คิดว่าเขาควรจะตายเป็นคนแรกด้วยอัตราการแพร่กระจายของเวทมนตร์ แต่เขามีอิมเมจินเบรกเกอร์ที่ลบผลกระทบได้อย่างหวุดหวิด
Sin Devil Trigger ของคุโระนั้นมีความแตกต่างและเหมือนของเวอร์จิล มีปีกทั้งสี่พับลงในลักษณะที่คล้ายกับหางของเสื้อสูท ใบมีดติดแขนสีน้ำเงิน และหางสัตว์ที่มีปลายเป็นหนามที่ยื่นออกมาจากระหว่างไหล่ของเขา
สีของเปลวไฟนั้นมีสีม่วงจากๆ เล็กน้อย เนื่องจากเขาก็ได้หลอมรวมกับกุญแจสวรรค์ของฮิโกคุมารุเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาก็สามารถใช้พลังของกุญแจสวรรค์ได้เช่นกัน
“ไม่บอก”
คุโระใช้ใบมีดติดที่แขนทั้งสองข้างฟันปากของสัตว์ร้ายควบคู่ไปกับเปลวไฟสีม่วงของกุญแจสวรรค์ ซึ่งก็ทำให้แขนของคุโระขาดกระจุย และมันก็ฟื้นฟูกลับมาภายในชั่วพริบตา
“อะไร?”
ฉากนี้ทำให้ลุดวิกตกตะลึง และมันก็แสดงให้เห็นว่าเขาสับสนขนาดไหน
“ฉันรู้ว่าแกตกใจ แต่ฉันก็ไม่บอกอยู่ดี”
คุโระใช้ยามาโตะตัดมิติไปที่ลุดวิกอย่างต่อเนื่องเหมือนกับพายุคลั่งและทำลายการป้องกันของเขาเหมือนกับกระดาษบางๆ จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ลุดวิก
คุโระแน่ใจว่ายามาโตะเพียงแค่ทำลายการป้องกันและสร้างความเสียหายได้อย่างแน่นอน แต่ความเร็วในการฟื้นตัวของลุดวิกโกงเกินไป ดังนั้นใช้อิมเมจินเบรกเกอร์น่าจะดีกว่า
คุโระรวบรวมกำลังทั้งหมดและต่อยลุดวิก ในที่สุดกำปั้นของคุโระก็ถึงใบหน้าดำของเขาๆ และก็มีความรู้สึกส่งมาที่แขนขวานั่นก็คือ มันแข็ง และเห็นได้ชัดว่าลุดวิกแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา
แต่ลุดวิกก็ไม่ได้หลบหรือโต้กลับเลย และเพื่อแลกกับการโจมตีนี้ ครึ่งร่างของคุโระถูกคมเขี้ยวแห่งความมืดกินไปครึ่งร่าง และมันก็เหมือนก่อนหน้านี้
ครึ่งร่างของคุโระงอกกลับมาใหม่อย่างรวดเร็ว แม้ว่าความเสียหายจะถึงตายก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุโระไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด
คุโระไม่สามารถหลบการโจมตีได้อย่างแน่นอน ระดับของลุดวิกต่างจากฮงไกเป็นอย่างมาก แม้แต่พลังก็เช่นกัน ดังนั้นเขาต้องต่อสู้ด้วยทุกอย่างที่มี
“งงอะดิ”
วิญญาณของแกลดส์ไฮม์ไหลเข้ามาในตัวคุโระและกลายเป็นเลือดกับเนื้อของเขา นี่เป็นสิ่งที่คุโระได้รับมาจากเมอร์คิวเรียส และมันก็จะใช้ได้สำหรับการต่อสู้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
กองทัพแกลดส์ไฮม์กำลังเติมพลังชีวิตที่ไร้ขีดจำกัดให้คุโระ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคุโระถึงอยู่ในสภาพพร้อมสู้ตลอดเวลาแม้ว่าจะบาดเจ็บถึงตายก็ตาม
บาดแผลทั้งหมดของคุโระหายไปทันที และการโจมตีทั้งหมดของคุโระก็แข็งแกร่งขึ้นเท่าที่เขาเพิ่มพลังได้ ดังนั้นคุโระไม่จำเป็นต้องคิดอะไรเลย
เผาวิญญาณทั้งหมดประมาณแปดพันดวงเพื่อเอาไปเพิ่มพลังในการโจมตี นี่เป็นรางวัลสำหรับศึกแรก แต่คุโระก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจเล็กน้อย มันเหมือนเปิดโหมด ไฮเปอร์มูเทคิของเอ็กเซด
ซึ่งการเชื่อมต่อกับแกลดส์ไฮม์ครั้งแรกทำให้คุโระต้องใช้เวลานานจนขยับตัวไปไหนไม่ได้ และทำให้เขาไม่สามารถเข้าร่วมการต่อส้ได้ จนต้องฝากมาคินะถ่วงเวลา
นอกจากนี้ยังเป็นการให้คุโระเข้าถึง Ewigkeit ขั้นที่ 3 อีกด้วย ซึ่งมันมีทั้งหมด 4 ระดับตามทักษะของผู้ใช้งาน
(อัสซัย) Assiah เป็นผู้ใช้อาวุธในระยะเริ่มแรกในฐานะเหนือมนุษย์ ซึ่งมีความเสี่ยงอย่างมากต่อการสูญเสียการควบคุม และต้องใช้พรสวรรค์อย่างมากในการมาถึงขั้นนี้
(ยีซาร์ต) Yetzirah ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดึงพลังของวัตถุศักดิ์สิทธิ์ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งขั้นนี้ ผู้ใช้สามารถมีพลังเทียบได้กับหนึ่งกองทัพ
(บรีอารห์) Beri'ah ช่วยให้ผู้ใช้ตระหนักถึงความปรารถนาในส่วนลึกของจิตใจและสามารถสร้างโลกขึ้นมาด้วยกฎของตัวเอง ดังนั้นกฎฟิสิกส์หรือสามัญสำนึกจะไม่สามารถใช้กับผู้ใช้งานได้
(อัลติสูท) ไม่มีใครรู้ขั้นนี้แน่ชัด แต่ใครก็ตามที่มาถึงขั้นนี้ก็จะทำให้บรีอาห์กลายเป็นของเด็กเล่นได้เลย ดังนั้น มันมีตัวตนเปรียบเสมือนพระเจ้าหรือไม่ก็คือพระเจ้า
แต่สำหรับคุโระ มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อการเชื่อมต่อสิ้นสุดก็จะบังคับให้เขามาอยู่ขั้นแรก ในฐานะผู้เริ่มต้น
“อย่ามาอวดดี ไม่ว่า เฮย์ดริชจะสนับสนุนแกแค่ไหน มันก็ไม่เปลี่ยนแปลงหรอกว่าแกคนเดียวจะทำอะไรได้”
“หะ? ฉันมันก็แค่ตัวละครสมทบ”
“โอร่าาาาาาาาาาา” เสียงคำรามของเบย์ที่พุ่งมาจากด้านหลังและหนามเลือดของเขา
เบย์ฉีกกระชากและทำลายลุดวิกเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ทุ่มเขาออกไปเหมือนกับก้อนหิน
เบย์ก็เหมือนกับคุโระที่เชื่อมต่อกับแกลดส์ไฮม์ ดังนั้นพลังของทั้งสองคนจึงไร้ขีดจำกัดตราบใดที่เผาวิญญาณ บาดแผล พลังโจมตี ทั้งหมดนั้นอยู่เหนือสภาทมิฬธรรมดาไปแล้ว
“ไอ้เหี้* มึงรอนานไหมวะ? ทำไมมึงทำหน้าแบบนั้นวะ?”
ลุดวิกแสดงใบหน้าน่าเกลียดออกมา บาดแผลจากคุโระทำให้เขาฟื้นตัวยากขึ้นและผลของเปลวไฟของกุญแจสวรรค์ และตอนนี้ก็ยังมีตัวเกะกะมาเพิ่ม ดังนั้นการฟื้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
“ไอ้ตัวปลอม ไม่ว่าแกจะมากี่คนผลลัพธ์ก็ไม่เหมือนเดิม”
ทั้งสามคนต่อสู้กันและสร้างความเสียหายร้ายแรงให้ลุดวิก แขนซ้ายของคุโระปลิวหายไปและครึ่งร่างของเบย์ก็ถูกกิน แต่แลกมาด้วยการที่ร่างครึ่งบนของลุดวิกถูกทำลาย
ทั้งสามคนปะทะกันจนเกิดเป็นพายุและหายไปในความว่างเปล่าพร้อมกับเสียงของระเบิดดัง ตู้ม! ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสามคนก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่
“ฉันไม่เข้าใจ…แกแตะตัวฉันได้ยังไง? แกใช้เวทมนตร์อะไร?”
ลุดวิกน่าจะรู้แล้วว่าคุโระและเบย์ใช้วิญญาณของแกลดส์ไฮม์โดยตรง ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถต่อสู้กับลุดวิกได้โดยไม่เสียเปรียบ แต่ก็มีอีกหนึ่งสิ่งที่ลุดวิกสงสัย ทำไมเบย์ถึงแตะตัวเขาได้
แม้ว่าลุดวิกจะรู้แล้วว่าคุโระมีแขนขวาที่พิเศษ และเกินกว่าที่ลุดวิกจะเข้าใจได้ เนื่องจากการบาดเจ็บของเขาฟื้นฟูช้าลง และยังมีการกัดกร่อนเล็กน้อยจากพลังงานสีม่วงที่ไม่รู้จัก
มันไม่ใช้เวทมนตร์อย่างแน่นอน ลุดวิกยืนยันได้ แต่พลังนั้นมันแพร่กระจายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว แต่โชคดีที่ลุดวิกสามารถแก้ไขได้ แต่มันก็ได้สร้างบาดแผลให้เขาพอสมควร
ความคิดเห็น