ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาจารย์สีหน้าตายด้านในโลกฮงไก

    ลำดับตอนที่ #7 : กองร้อย 555(ยังไม่ตรวจคำผิด)

    • อัปเดตล่าสุด 26 ธ.ค. 65


    คุโระเลือกที่จะไม่สนใจในสิ่งที่เซเรสคุยกับเวลเวท มันไม่จำเป็นต้องรู้และไม่อยากจะไปเกี่ยวข้องกับปัญหา เพราะสิ่งที่เป็นเป้าหมายสูงสุดของคุโระคือการออกไปจากคุกบ้าๆนี่

    หลังจากเซเรสทำลายผนึกห้องขัง ทั้งสามคนจึงออกมาได้อย่างปลอดภัย เมื่อคุโระมองไปรอบๆมันก็คล้ายกับคุกในยุคตะวันตกที่ก่อสร้างด้วยอิฐ มีคบเพลิงประดับไว้ตามกำแพง

    แต่สิ่งที่น่าแปลกคือแถวนี้ไม่มีทหารยาม เหมือนกับว่าพวกนั้นยังไม่รู้ตัวว่าเซเรสลอบเข้ามา คุโระได้แต่ทำสีหน้าครุ่นคิดว่าจะทำยังไงต่อไป เซเรสจึงพูดขึ้นว่า “เจ้าชื่อคุโระสินะ…เจ้าจะทำยังไงต่อไป หนีออกไปจากที่นี่พร้อมกับพวกข้าไหม? ตอนนี้เรือจอดอยู่ที่ด้านหลังของเกาะ”

    ‘ถ้ามีมนุษย์คนนี้อยู่ด้วยละก็ ข้ากับเวลเวทน่าจะไม่ต้องกังวลกับพวกทหารยาม’

    “ตกลง” เมื่อพูดแบบนั้น คุโระก็เดินไปอีกทาง 

    ทางที่คุโระเดินไปมันผิด เซเรสกำลังจะพูดเตือนทว่าเวลเวทก็ห้ามเอาไว้ และยังบอกอีกว่าให้เชื่อผู้ชายคนนี้ เซเรสได้แต่ทำใจและเดินตามไปโดยไม่ถามคำถามใดๆ

    ระหว่างที่เดินไปเรื่อยๆคุโระได้มองรอบๆคุก มันค่อนข้างเงียบและยังไม่เจอผู้คุมเลย(หลง) แต่ก็ถือว่าเป็นข้อดีที่หลีกเลี่ยงการปะทะ เพราะไม่รู้ว่าผู้คุมที่นี่มีความสามารถอะไรบ้าง

    ‘นี่มันก็ผ่านมาสักพัก…ยังไม่เจอผู้คุมเลย…หรือว่าผู้ชายคนนั้นรู้อยู่แล้ว่าทางนี้จะไม่มีผู้คุม สมกับเป็นเวลเวทหาคนที่เชื่อใจได้จริงๆ’ (คิดไปเอง)

    ในที่สุดคุโระก็เดินมาถึงห้องเก็บของ มันเต็มไปด้วยอาวุธและชุดเกราะในยุคตะวันตก คุโระเหลือบมองแล้วส่ายๆหน้า ส่วนมากเป็นอาวุธระยะประชิดไม่มีพวกปืนระยะไกล

    ‘เดี๋ยวนะ จำได้ว่าในเป้น่าจะมีปืน Desert Eagle หนึ่งกระปอก’ 

    ในระหว่างที่คุโระกำลังค้นหา เวลเวทก็ได้สำรวจห้องเก็บของและเลือกอาวุธที่จำเป็นรวมถึงเปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วย

     อาวุธที่เธอเลือกคือ Hidden Blade ที่เก็บไว้ในปกแขนด้านขวาและรองเท้า เวลเวทถอดชุดนักเรียนออกและเปลี่ยนเครื่องแบบใหม่ ที่ดูไม่แตกต่างจากชุดเดิมของเธอ ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยเนื้อหนังของหญิงสาวที่โชว์ความเซ็กซี่

    เสื้อโค้ตสีดำขาดรุ่งริ่งพร้อมเข็มขัดหลายเส้น สนับมือและขาสีเงิน ถ้าดูดีๆชุดแบบนี้เหมาะกว่าชุดนักเรียน มีผ้าพันแผลอยู่ที่มือซ้ายเพื่อปิดบังแขนปีศาจ มันสะท้อนถึงนิสัยที่เย็นชาและไร้ความปราณีของเวลเวท

    ข้างๆกล่องมีดาบคาตานะเล่มใหญ่สีดำ เมื่อเวลเวทลองหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าขนาดของใหญ่และมีน้ำหนักมากเกินไป ซึ่งไม่เหมาะกับเธอ เวลเวทจึงพูดกับคุโระว่า “เอาดาบไหม?”

    คุโระหยุดการกระทำของตัวเองและมองดาบสีดำจากนั้นส่ายหัว ขนาดของมันใหญ่และไม่เหมาะกับเขา เมื่อเซเรสเห็นดาบเล่มนั้นเธอก็พูดออกมาอย่างตกใจ “นั่นมันโกรัน(ดาบพายุคลั่ง,Stormhowl) ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่!?”

    “ดาบเล่มนั้นถูกทำขึ้นมาอย่างดี เจ้าไม่สนใจมันหรอ?”

    “ไม่…ดาบเล่มนั้นไม่เหมาะกับฉัน” 

    เวลเวทก็ตอบเช่นเดียวกับคุโระ

    “พวกแกคิดจะทำอะไร!?”

    เสียงของทหารยามที่วิ่งเข้ามาคนเดียว เขาสวมชุดเกราะสีขาว ถือดาบและโล่เหมือนอัศวิน เมื่อเซเรสเห็นแบบนั้นจึงรู้ได้ทันทีว่า สัญญาณเตือนดังขึ้นแล้ว 

    “ระวังตัวด้วยนี่ไม่ใช่ทหารธรรมดา…มือปราบปีศาจเอ็กเซอร์ซิสต์” เซเรสเตือน

    ‘เอ๊ะ!?  มันไม่มีปืนหรอกหรอ?’

    “ระวัง!”

    เมื่อได้ยินเสียงของเซเรส คุโระมองไปด้านหลังและพบกับคมดาบที่กำลังใกล้เข้ามา ทันใดนั้นเขาก็สะดุดกับก้อนหินจนย่อตัวลงเล็กน้อยและดาบยามาโตะได้กระทุ้งท้องของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทำให้อัศวินนอนไปกองกับพื้น

    ‘สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์ดาบ…ไม่จำเป็นต้องให้ดาบเปื้อนเลือด’ เวลเวทคิดในใจ

    ‘เกือบไปแล้ว…เฮ้อ รอดตัวไป’ คุโระถอนหายใจอย่างโล่งอก

    ‘จัดการเอ็กเซอร์ซิสต์ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว…ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่!?’ เวเรสมองคุโระอย่างระมัดระวัง ผู้ชายคนนี้ทำเรื่องที่เหลือเชื่อมาหลายครั้งจนน่าประหลาดใจ บางทีเขาคงยังไม่แสดงพลังที่แท้จริงออกมา

    เมื่อทุกอย่างจบแล้ว คุโระเลือกที่จะเดินไปข้างหน้าอีกครั้งพร้อมกับพวกเวลเวท เพราะเขาเชื่อว่าถ้าเดินตามกำแพงน่าจไปถึงด้านหลังของเกาะได้ โดยระหว่างนี้ก็รู้สึกกล้าๆกลัว ไม่รู้ว่าจะมีตัวอะไรโผล่มาบ้าง

    ‘เส้นทางนนี้มันลงไปชั้นใต้ดิน…หรือว่ามนุษย์ผู้นี้คิดจะใช้นักโทษเป็นเหยื่อล่อ?’ 

    เวลเวทที่คิดแบบนี้ก็พยักหน้าเห็นด้วย ดูเหมือนว่าคุโระจะมีความคิดตรงกันกับตัวเอง(มโน) และยังเชื่ออีกว่าการที่มีคุโระอยู่ด้วย จะนำไปถึงทางออกได้อย่างปลอดภัย

    ‘ไปไหนต่อ? ซ้ายหรือขวา?’

    คุโระหยุดที่ทางแยกและทำสีหน้าครุ่นคิด ขวาหรือซ้ายก็เลือกไม่ถูก มันจะต้องมีทางหนึ่งที่ต้องเจอกับพวกทหารยามแน่ๆ เวลเวทที่เห็นแบบนั้นจึงพูดขึ้นว่า “คราวนี้จะไปทางไหน?”

    ‘ขวาร้ายซ้ายดี!’

    สิ่งที่เขาทำต่อไปทำให้พวกเธออ้าปากค้าง เพราะคุโระปักดาบไว้ที่พื้นและปล่อยให้ดาบตกไปทางฝั่งใดฝั่งหนึ่ง จนสุดท้ายมันก็ไปอยู่ทางขวา เพราะฉะนั้นจึงเป็นเอกฉัน ทางขวาคือดีที่สุด

    ‘นี่มันอะไร? ใครๆก็ทำได้ไม่ใช่หรอ?’ เซเรสถอนหายใจ

    ในที่สุดเซเรสก็ยอมเชื่อคุโระ เพราะทางที่เขานำมา(เดินไปมั่วๆ) แทบไม่เจอทหารยามแม้แต่คนเดียว จนท้ายที่สุดก็ลงมาถึงชั้นล่างสุดของคุก ซึ่งมันเต็มไปด้วยอาชญากรมนุษย์และปีศาจ

    คุโระถึงกับยืนแข็งทื่อ ไม่รู้ว่าจะเดินตามกำแพงแล้วจะมาหยุดอยู่ที่ส่วนล่างสุด ทางที่ดีไม่ควรจะเดินนำ และปล่อยให้เวลททำดีกว่า เพราะเจ้าตัวน่าจะรู้จักคุกดีที่สุด

    ‘เจ้าจะทำยังไงต่อไป…คุโระ’ เวลเวทและเซเรสมองอย่างคาดหวัง

    ‘อย่ามองแบบนั้นได้ไหม!?’

    “อะแฮ่ม วันนี้ก็อากาศนี้เนอะทุกคน เหมาะที่พวกเราจะไปแคมปิ้งกัน…ไหนพูดมาสิ มีใครอยากจะออกไปกับอาจารย์บ้าง?” คุโระพยายามพูดให้เสียงเป็นกันเองมากที่สุดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

    ‘การพูดหน้าชั้นเรียนน่าจะเป็นแบบนี้มั้ง’

    รู้หรือไม่ สีหน้าที่ตายและไร้อารมณ์พร้อมกับเสียงที่เย็นชา ทำให้นักโทษต้องตัวสั่นด้วยความกลัวจนหนาวถึงกระดูก สัญชาตญาณบอกว่าผู้ชายคนนี้อันตราย

    ‘เอ่อ…ทำไมเงียบกันละ พูดอะไรผิดงั้นหรอ?’

    “ถ้างั้นก็นอนต่อไป”

    ‘นอน? หรือว่ามนุษย์คนนี้จะฆ่าพวกเราทั้งหมด!?’

    ‘ไม่หรอกน่า…มนุษย์แค่คนเดียว-’

    คำพูดของเขาต้องถูกขัดจังหวะด้วยลูกอะไรบางอย่างเล็กๆสีดำที่กลิ้งไปทางกำแพงอีกด้านหนึ่ง นักโทษต่างมองมันด้วยความประหลาดใจ ทว่าเมื่อมองกลับไปที่คุโระ ก็ปรากฏว่า ใบหน้าของผู้ชายคนนี้เต็มไปด้วยออร่าแห่งการสังหารและกดดัน

    ‘แม่ง…ระเบิดมือไปอยู่ในกระเป๋าได้ยัง!?’

     ต่อมาก็เกิดเสียงระเบิดดัง ตู้ม! พร้อมกับกำแพงที่ถูกทำลายและคุกที่สั่นสะเทือน

    นักโทษทุกคนรวมถึงเวลเวทและเซเรสต่างรับรู้แรงสะเทือนจนเสียการทรงตัวและล้มลง มองคุโระที่ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน แต่คำพูดต่อมาต้องทำให้ทุกคนตกตะลึง

    “มือลื่น”

    ‘แถๆไปก่อนละกัน’

    ‘อะไรนะ แค่มือลื่นก็ทำให้คุกสั่นสะเทือนได้เชียวหรอ…ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหนกัน!?’ เซเรสคิดในใจและมองคุโระอย่างเกรงกลัว ทางที่ดีควรอยู่เงียบๆและไม่พูดอะไรที่ไม่จำเป็น

    ‘ถ้าเป็นเจ้านี่ละก็…การฆ่าอาโทเรียสก็อยู่ไม่ไกล!’ เวลเวทกำหมัดแล้วคิดจะใช้คุโระเป็นเครื่องมือ

    “ถ้างั้น…ลาก่อน”

    “พี่ชาย ช่วยปล่อยพวกเราออกไปที”

    “ถ้าเป็นพี่ชายละก็ การฆ่าเอ็กเซอร์ซิสต์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก!”

    ‘เดี๋ยวๆ อย่าไปพูดแบบนั้น ตูไม่ใช่แกนนำปฏิวัติ ไอ้คนที่อยากปฏิวัติคือเวลเวท!’ คุโระสาปแช่งความโง่เขลาของตัวเอง

    เวลเวทพยักหน้าแก่เซเรส เซเรสจึงคลายผนึกห้องขัง นักโทษหลายร้อยคนเดินออกมาอย่างช้าๆและมาอยู่ตรงหน้าคุโระพร้อมกับคุกเข่าด้วยความเคารพ

    ทุกคนต่างมีความคิดเดียวกันว่า ถ้าเป็นมนุษย์คนนี้พวกเราต้องหนีออกไปได้แน่ แถมความแข็งแกร่งของเขายังทำให้คุกต้องสั่นสะเทือน

    ‘ไม่ใช่ละ…มันไม่ใช่แบบนี้ คนที่ควรคุกเข่าเคือทางนั้นมากกว่า!’

    “คุโระ จะทำยังไงต่อไป?” เซเรสถาม

    'ช่วยไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ละก็!'

    “ฟัง! ฉันจะจัดต้องกองร้อยขึ้นมา…1 หมวด มี 4 หมู่…หมู่ละ 11 นาย… ในแต่ละกองร้อยจะมีหัวหน้ากองร้อย หัวหน้าหมวด และหัวหน้าหมู่! เขาแถวตอนเรียงหนึ่งได้!”

    นักโทษมองกันด้วยความสับสนก่อนที่คุโระจะตะคอกขึ้นมา จนพวกเขาวิ่งไปรวมกันเป็นกองร้อย ซึ่งรวมแล้วได้ หนึ่งกองร้อยพอดี มีทั้งหมด 4 หมวด 16 หมู่ ถือว่าค่อนข้างเล็กแต่และไม่ใหญ่เกินไป

    “ในแต่ละหมู่ หาคนที่หน้าตาดูฉลาดๆมาเป็นหัวหน้าหมู่ หัวหน้าหมวด และหัวหน้ากองร้อย!”

    "เจ้าฉลาดรึเปล่า?"

    "หน้าข้าเหมือนหมาคงฉลาดมั้ง?"

    พวกเขายังคงสับสนกันอยู่ คุโระจึงอธิบายการจัดหมวดหมู่ของกองทหารคร่าวๆขึ้นมาจากความทรงจำในชาติก่อน การอธิบายเป็นไปอย่างราบรื่นจนในที่สุดก็เริ่มเป็นระเบียบขึ้นมา ในแต่ละหมู่จะมีปีศาจและมนุษย์รวมอยู่ด้วย

    เวลเวทและเซเรสที่มองอยู่ห่างๆก็รู้สึกประหลาดใจ ไม่คิดว่าคุโระจะสามารถสร้างกองกำลังทหารขึ้นมาในระยะเวลาสั้นๆ และนักโทษยังเชื่อฟังแต่โดยดีไม่มีการขัดขืน

    จากนั้นคุโระเริ่มแจกระเบิดให้แต่ละหมู่ หนึ่งถึงสองลูก ซึ่งตอนแรกพวกเขาก็ยังสับสนว่ามันคืออะไร แต่เมื่อคุโระอธิบายพวกเขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที

    ‘โชคดีที่ความรู้ร.ด.ในชาติก่อนยังใช้ได้อยู่ ไอ้การไปเขาชนxxx ไม่อยากไปละเลอะแต่โคลน’

    “ฉันขอตั้งชื่อกองร้อยว่า 555 ถือว่าโชคดีที่พวกคุณได้ผมมาเป็นคนตั้งชื่อ ทั้งโลกจะจดจำกองร้อยนี้ที่ถือกำเนิดมาจนสืบสานไปรุ่นต่อๆไป!”

    “โอ้!” เสียงเชียร์ที่เต็มไปด้วยความฮึกเฮิมของทหาร(นักโทษ)

    “เอาละฟังให้ดี พวกเราจะเล่นกลยุธกองโจร ดับไฟทุกอย่างที่อยู่ในคุกแล้วโจมตีจากความมืด ให้ปีศาจเป็นแนวหน้า มนุษย์เป็นแนวหลัง คอยสนับสนุนซึ่งกันและกัน เราจะแบ่งกันออกไปเป็นหมู่ๆ แล้วจู่โจม…สำหรับใครที่อยากออกจากที่นี่มีเรืออยู่ที่ด้านหน้าคุก สำหรับคนที่ไม่มีที่ไป ขอให้จงรู้ว่า ยึดคุกนี่ซะ มันจะเป็นบ้านใหม่ของพวกคุณ ผมขอตั้งชื่อว่าคุกว่า Black Iron!”

    “Black Iron มันคืออะไร?”

    “ข้าไม่รู้”

    “ข้าว่ามันเท่นะ”

    “โอ้!”

    ‘เห้ยๆ ตูพูดแค่เล่นๆ อย่าไปจริงจัง ไอ้การยึดคุกบ้าอะไรนี่เป็นไปไม่ได้หรอก ตูแค่อยากจะใช้พวกแกเป็นตัวล่อเท่านั้น!’ 

    คุโระถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ทำสีหน้ามาดเข้ม มองไปข้างหน้า ถึงแม้มันจะไร้อารมณ์อยู่แล้วก็ตาม จากนั้นสั่งว่า “บุกได้!”

    กองร้อย 555 เริ่มปฎิบัติการกองโจรจนแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง ส่วนเซเรสและเวลเวทยังมองคูโระด้วยวายตาที่เกรงกลัว และเชื่อว่า ถ้าเป็นเขาละก็ คุกนี้คงใช้เวลายึดได้ไม่นาน

    'คุโระ...เจ้าเป็นใครกันแน่ ขนาดทำให้นักโทษต้องมากมายขนาดนี้ยอมเชื่อฟัง...ช่างเป็นมนุษย์ที่น่ากลัวแต่ว่า...ข้ายังไม่ยอมรับหรอกนะว่าแกคู่ควรกับเวลเวท!'

    'ถ้าลากเจ้านี่มาด้วยละก็...การแก้แค้นของข้าก็อยู่ไม่ไกล'

    'เห้ยๆ ทำไมมองด้วยสายตาแบบนั้น!? ตูไม่ได้ทำอะไรเลย!'

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×