ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาจารย์สีหน้าตายด้านในโลกฮงไก

    ลำดับตอนที่ #4 : สีแดงแรงสามเท่า

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 65


    เป็นไปตามที่คุโระคำนวณเอาไว้ เวลาตี 5 เกิดการระบาดของพลังงานฮงไกทั่วทั้งเมืองหลังจากทุกคนเห็นแสงสีชมพูบนน่านฟ้า เพียงไม่นานมนุษย์ทุกคนก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นคนตายไม่เว้นเด็กหรือผู้ใหญ่

    เสียงกรีดร้องดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ถ้ามองดีๆ จะเห็นเส้นเลือดสีชมพูปูดทั่วทั้งร่างกาย บางครั้งก็จะมีสัตว์ที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นฮงไกเดินเพ่นพ่าน จากเมืองที่เงียบสงบเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ถูกเปลี่ยนให้เป็นเมืองแห่งความตายภายในไม่กี่นาที

    “เมย์เราต้องไปกันแล้ว เมืองนี้จบสิ้นแล้ว”

    เมย์ขยี้ตาและมองคุโระที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง และเหลือบมองชุดนอนของตัวเอง มันก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมาก่อนจะพูดว่า “เอ่อ…ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหมคะ?”

    ‘ลืมไปเลย…เมย์ยังอยู่ในชุดนอน’

    “อา…เดี๋ยวจะไปปลุกเคียน่า”

    เมื่อเห็นว่าคุโระออกไปจากห้องแล้ว เมย์กอดผ้าห่มด้วยใบหน้าที่แดงยิ่งกว่าเดิม มันน่าอายเกินไปที่จะให้เขาเห็นตัวเองในสภาพชุดนอน และทรงผมที่ยุ่งเหยิง จากนั้นตั้งสติและรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า

    คุโระหรี่ตามองเคียน่าที่เสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบ กางเกงเกือบจะหลุดออกมา เสื้อด้านบนแทบจะเห็นเสื้อใน คุโระถอนหายใจออกมาเบาๆ และเขย่าตัว

    เคียน่ายังคงงัวเงียอยู่เมื่อถูกปลุกกลางคัน เหลือบมองนาฬิกาเล็กน้อย มันพึ่งจะตีห้า ยังเหลือเวลาอีกสามชั่วโมงกว่าๆ จะเข้าเรียน

    “ใครมาปลุกเนี่ย…ยังเช้าอยู่-”

    คำพูดต้องหยุดกลางคันเมื่อเห็นผู้ชายบุกเข้ามาในห้อง

    “ไอ้โรคจิต!”

    เคียน่ากัดฟันด้วยความโกรธและปาหมอนผ้าใส่คุโระ ต่อมาก็ต้องมองด้วยสายตาที่ตกตกตะลึง เพราะคุโระสามารถหลบได้โดยไม่ขยับแม้แต่ก้าวเดียว

    ‘ไม่จริงใช่ไหม…มันหลบได้หมดเลย!?’ เคียน่าถอยหลังติดหัวเตียงด้วยความกลัว

     ‘แม่งเอ๊ยเฉียดหัวไปนิดเดียว!’

    คุโระไม่รู้ว่าเคียน่าจะปาหมอน จึงยืนอยู่เฉยๆ และผลคือ เคียน่าปาไปทางด้านขวาและคุโระไม่ได้หลบเพราะแบบนี้เคียน่าจึงมโนไปเองว่าอีกฝ่ายหลบได้

    “รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เราจะอพยพกันแล้ว ตอนนี้ในเมืองเต็มไปด้วยฮงไก” พูดเสร็จคุโระก็เดินออกไป

    “เดี๋ยว หมายความว่ายังไง!?”

    คุโระยืนพิงกำแพงและได้รับข้อความจากโบรเนียให้ไปเจอกันที่จุดนัดพบตามแผนที่ ซึ่งเจ้าตัวกำลังหลบซ่อนพวกฮงไกอยู่ 

    คุโระมองหน้าต่างด้วยใบหน้าที่ตายแล้ว มันไม่ควรเข้าไปในเมืองเพราะตอนนี้เต็มไปด้วยคนตาย ยังไม่รู้ว่าจะมีตัวอะไรโผล่มาบ้าง แค่ชีวิตตัวเองยังเอาไม่รอด

    หลังจากที่สองคนมารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่น เคียน่าที่รู้จักฮงไกดีอยู่แล้ว รู้สึกปฏิกิริยาจากพลังงานมาจากนอกตัวบ้าน เป็นไปได้ว่าเริ่มมีบางส่วนกำลังมาที่บ้านของเมย์ เธอจึงมองคุโระเพื่อดูว่าเขาจะทำอะไรต่อไป

    ‘ยังนั่งจิบชาสบายใจอยู่อีกหรอ? หรือว่าเขาจะรู้แล้วว่ามีพวกฮงไกบุกเข้ามาแน่ๆ’

    ความจริงคือ คุโระจิบชาเพื่อให้ตัวเองใจเย็นลงและไม่รู้ด้วยว่ามีคนตายกำลังมา เมื่อทำใจได้เขาเริ่มอธิบายสถานการณ์คร่าวๆ ให้ทั้งสองคนฟังและยังบอกอีกว่าโบรเนียเป็นคนรู้จักของเขา ซึ่งในตอนนี้กำลังอยู่ในเมือง

    “ยัยโบรเนียหรอ ปล่อยไปเถอะคนแบบนั้น!”

    “อย่าพูดแบบนั้นเคียน่าจัง โบรเนียก็เป็นเพื่อนของพวกเราไม่ใช่หรอ เราต้องไปช่วยเธอนะ”

    เมื่อเห็นว่าเมย์มองตัวเองด้วยสีหน้าโกรธๆ เคียน่าจึงตอบตกลงอย่างช่วยไม่ได้

    “คุโระ คุณจะไปในเมืองด้วยไหม?”

    ต่อให้ไม่อยากไปก็ต้องไป ถ้าเมย์กับเคียน่าไม่อยู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไร เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว เคียน่าจึงถือไม้เบสบอล ส่วนเมย์ใช้ดาบคาตานะ

    คุโระก็กำลังหมุนลูกบิดประตู เคียน่าจึงพูดว่า “ข้างนอกมีคนตายกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้”

    “…” คุโระหยุดการกระทำทุกอย่างพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นกึกก้อง ตุบตับๆ

    ‘ชิบผาย เมย์ก็มองอย่างคาดหวัง เคียน่าก็ไม่ต่างกัน ถ้าขืนบอกไปว่าสู้ไม่ได้ มีหวังภาพลักษณ์เสียแน่…’

    ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เคียน่าผลักออกไปทันทีพร้อมกับพูดว่า "ฝากจัดการด้วยนะ ถ้าเสร็จแล้วค่อยเคาะประตู อิอิ"

    คุโระตกตะลึงด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ ที่จู่ๆ ก็ถูกผลักออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ด้านหน้าเต็มไปด้วยคนตาย 20 ตัว

    'ไอ้เด็กเวร!'

    หลังติดกับประตู ขาสั่นด้วยความกลัวถือดาบที่ชักไม่ออก กลืนน้ำลายอย่างไม่เต็มใจ ภาวนาว่าจะมีใครสักคนมาช่วย

    ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างวาบ เมื่อรู้ตัวอีกทีคนตายด้านหน้าก็ถูกตัดขาดเป็นสองท่อนด้วยกันฟันเพียงครั้งเดียว

    หญิงสาวผมสีชมพูชุดมิโกะ หน้าตาสวยสดงดงาม ริมฝีปากอมชมพูอ่อนๆ พร้อมคาตานะในมือ ไม่แน่ใจว่าบนหัวของเธอคือหูกระต่ายหรือหูลา บอกได้อย่างเดียวว่า เธอคือเทพธิดาในสงคราม

    "ท่านรีบหนีไปเถอะ ตอนนี้ในเมืองมันอันตราย"

    หญิงสาวทิ้งท้ายก่อนจะหายไปกับสายลม

    "ยาเอะ...ซากุระ?"

    ตัวตนของเธอคือยาเอะ ซากุระ แฮชเชอร์ลำดับที่ 12 แฮชเชอร์แห่งการกัดเซาะ และเป็นหญิงสาวที่มีชะตากรรมอันน่าเศร้า การที่เธอทาที่นี่แสดงว่ารู้สึกถึงพลังแฮชเชอร์แห่งสายฟ้า

    เคียน่าแง้มประตูออกไปเล็กน้อยและพบกับคุโระที่ยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางซากศพของคนตาย เคียน่าร้องออกมาด้วยความดีใจก่อนจะจูงมือเมย์วิ่งออกไป

    เคียน่าตบไหล่คุโระและยกนิ้วให้ เขาทำดีมากที่อุตส่าห์จัดการคนตายทั้งหมด เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องออกแรงอะไรมาก

    สำหรับเมย์ ยิ่งมองคุโระด้วยความชื่นชมและนับถือขึ้นไปอีก ดูจากบาดแผลของศพแล้วถูกตัดขาดด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว ไม่แน่ว่า คุโระอาจจะเป็นนักดาบที่มีชื่อเสียงและปกปิดตัวตนอยู่ก็ได้ (มโนไปไกล)

    “คุโระ…ถ้ามีเวลาว่างเมื่อไหร่ ช่วยมาฝึกดาบด้วยกันได้ไหมคะ?” เมย์มองด้วยสายตาจริงจัง

    ‘ตูไม่ได้ทำอะไรเลย อย่าเข้าใจผิด!’

    คุโระกระแอมในลำคอ “มันยังไม่ถึงเวลา”

    ‘นั่นสินะ…ตัวเราในตอนนี้ยังไม่มีคุณสมบัติพอ…ถ้าเราแสดงให้เขาได้เห็นละก็!’ เมย์สบตากับคุโระที่เต็มไปด้วยเปลวไฟลุกโชน

    คุโระรู้สึกว่าเริ่มมีเรื่องไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้หลังจากเห็นปฏิกิริยาของเมย์ ดังนั้นจะพูดน้อยๆ สั้นๆ ให้ได้ใจความ ไม่จำเป็นต้องทำตัวสนิทสนมกับเมย์มากเกินไป

    เมื่อเข้ามาในเมืองคุโระไม่ได้เป็นคนต่อสู้กับคนตาย ส่วนมากจะเป็นเมย์กับเคียน่ามากกว่า แต่ครั้งนี้เมย์มีไฟต่อสู้จนน่าตกใจ และมองคุโระด้วยสายตามุ่งมั่น

    คุโระไม่รู้จะพูดอะไรดีเพียงแค่พูดไปว่า “เรื่องจัดการคนตาย ฝากด้วย…มันคงไม่จำเป็นต้องถึงมือของฉันหรอกเมย์…อีกอย่าง การมีประสบการณ์ก็น่าจะช่วยเธอได้บ้าง”

    เมย์พยักหน้าอย่างจริงจัง ‘หมายความว่า เขากำลังคาดหวังในตัวฉันอยู่สินะ!’

    ‘ดีละ คราวนี้เราก็ไม่ต้องทำอะไร แค่รอให้เทเรซ่ามารับตัวแล้วกลายเป็นอาจารย์สังคมธรรมดา’ คุโระหัวเราะในใจอย่างชั่วร้าย

    ทันใดนั้นคุโระเจอรถฮัมวีสีแดงจอดข้างทาง ด้านในไม่มีคนขับและมีกุญแจเสียบเอาไว้ เคียน่าที่เดินตามมาก็ดวงตาเป็นประกายและกระโดดเข้าในรถ ทว่าเมย์ได้มาจับคอเสื้อแล้วลากออกมา

    “เคียน่าจัง จะขับรถไม่ได้นะ เธอยังไม่มีใบขับขี่เลย”

    “พี่เมย์…” เคียน่าแก้มปล่อง

    “คนที่ขับรถได้ก็คงเป็น…” เมย์มองคุโระด้วยรอยยิ้มที่บริสุทธิ์

    ‘ไม่! ตูขับรถไม่เป็น ใบขับขี่ก็ไม่มี!’

    “ฉันไม่-”

    “ไม่ต้องห่วงสินะคะ ฉันเข้าใจดีเลยค่ะ คุณน่าจะเคยขับรถมาก่อน…เคียน่าจัง ขึ้นรถกัน”

    ‘เดี๋ยว! รอให้พูดจบก่อนไม่ได้รึไง!?’

    คุโระสาปแช่งในใจกับเด็กมีปัญหา สุดท้ายต้องเป็นคนขับ เมย์และเคียน่านั่งอยู่ด้านหลังและมองข้างหน้าอย่างคาดหวัง

    รถพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักของเคียน่า ความเร็วเป็นสิ่งที่เธอต้องการ ส่วนเมย์พยายามรัดเข็มขัดให้เคียน่า

    ขับไปได้ไม่นานคุโระก็กรีดร้องในใจ ‘ชิบผายละ เบรกแตก!’

    รถไม่มีท่าทีจะลดความเร็วจนเมย์ต้องประหลาดใจ  เธอจึงถามไปว่า “คุโระ คุณไม่ลดความเร็วหน่อยหรอคะ”

    ‘ถ้าบอกไปตอนนี้ได้กระโดดออกไปกันแน่!’

    “ตอนนี้ต้องแข่งกับเวลา…โบรเนียกำลังตกอยู่ในอันตราย”

    ด้วยสีหน้าของคุโระ เมย์จึงไม่ถามและเชื่อในคำพูดของเขา ส่วนเคียน่าออกไปนอกหน้าต่างครึ่งตัวและตะโกนรับลม

    ทันใดนั้นดวงตาของเมย์กลายเป็นสีม่วงเข้มพร้อมกับเสียงที่เย็นชาของราชินีสายฟ้า “เบรกแตกใช่ไหมละ ไอ้หนอนแมลง”

    คุโระหันไปมองด้านหลังและคิดในใจด้วยสีหน้าที่ตายแล้ว ‘แม่งเอ๊ย!? รู้ได้ไงวะ? …เดี๋ยวนะ นั่นราชินีสายฟ้านิ-’

    “ข้างหน้า!” เสียงของราชินีสายฟ้า

    ตู้ม! เสียงของรถที่ชนกับประตูกระจก ทว่าตัวรถยังคงเพิ่มความเร็ววิ่งเข้าไปในตัวของห้างสรรสินค้า ราชินีจึงถามคุโระด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดว่า “ขับรถภาษาอะไร!?”

    “ไปเลย! เอาอีก ฮ่าฮ่าฮ่า” เคียน่าหัวเราะคิกคักในขณะที่หยิบบางอย่างมาจากนอกหน้าต่าง

    “เธอเคยได้ยินไหม? ทางตรงคือทางที่สั้นที่สุด” คุโระพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเงียบในขณะที่พยายามแตะเบรกอย่างสุดชีวิต

    “จะจอดดีๆ หรือจะให้จอดด้วยน้ำตา-”

    คำพูดของราชินีต้องหยุดด้วยแรงกระแทกมหาศาลจากด้านหน้า จนตัวเธอนั่งติดเบาะ แถมความเร็วตอนนี้มันเกิน 180 ไปแล้ว ราชินีได้แต่กัดฟันด้วยน้ำตาในขณะที่เกาะเบาะด้วยแรงทั้งหมดที่มี

    “ไอ้หนอนแมลง! ถ้ารถหยุดเมื่อไหร่ แกเจอดีแน่-”

    ตู้ม!

    “เอาอีก!”

    ‘แม่งเอ๊ย จะหยุดยังไงวะเนี่ย!?’

    โบรเนียนั่งแอบอยู่ในซอกซอยและสั่งให้ Project Bunny คอยลาดตระเวร ภารกิจในครั้งนี้จะสำเร็จไปด้วยดี ถ้าคุโระนำตัวของเมย์มาส่ง จากนั้นทั้งคู่ก็จะเดินทางกลับอย่างปลอดภัย

    แต่ว่าลึกๆ ในใจ เธอยังมีความรู้สึกต่อเมย์ ถึงจะเจอกันได้ไม่นานแต่ก็ได้สร้างความสัมพันธ์กันไว้แล้ว บางทีควรจะขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์อย่างคุโระ ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

    ‘เซเล่…’

    ตู้ม!

    เพียงเสี้ยววินาที โบรเนียเห็นรถฮัมวีสีแดงพุ่งออกมาจากกำแพงพร้อมกับใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของคุโระ โบรเนียคิดว่าคุโรไม่น่ารีบมาเพราะกำลังเตรียมตัวอยู่ แต่เธอคิดผิด

    ‘คุโระ…อุตส่าห์มาถึงที่นี่เพื่อโบรเนียเลยหรอ? …โบรเนียต้องมองคุณใหม่แล้ว’

    แขนที่ขาวราวกับหิมะของเคียน่าคว้าตัวโบรเนียเข้ามาอยู่ในรถ และโยนไปนั่งเบาะหน้ากับคุโระ เพราะเคียน่าอยากจะนั่งกับเมย์อยู่สองคน ซึ่งในขณะนั้นก็ยื่นโคล่าที่หยิบได้ระหว่างทางให้ราชินีที่มีสีหน้าบิดเบี้ยว

    “พี่เมย์”

    “อย่าพึ่ง! ตอนนี้เบรกแตก!” เสียงของราชินีสายฟ้าในขณะที่พยายามสร้างแรงเสียดทานกับพื้นด้วยไฟฟ้า

    “เบรก? …เบรกแตก!?”

    “ไอ้บ้าคุโระ เบรกแตกงั้นหรอ!? หยุดรถเดี๋ยวนี้” เคียน่ากระชากปกคอเสื้อด้านหลัง จนคุโระหายใจไม่ออกและมองทางข้างหน้าไม่ได้ ทว่าสีหน้าที่ไร้อารมณ์ของเขายังสื่อมาอีกว่า ไม่ต้องห่วง

    “ไม่…กระโดดออกไปซะ”

    คุโระพูดในขณะที่มองเคียน่าด้วยรอยยิ้มที่อันตรายพร้อมกับสีหน้าที่ไร้อารมณ์ เคียน่าที่เห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายและนั่งเงียบๆ

    ‘หรือว่า!? …ที่แท้แบบนี้นี่เอง หมอนี่ก็มีความคิดดีๆ เหมือนกันนี่น่า’

    “ไปเลยคุโระ เราจะออกจากเมืองทั้งอย่างงี้แหละ ฮ่าฮ่าฮ่า”

    ‘ไม่ใช่! จะบอกว่ารถมันหยุดไม่ได้! มีแต่ต้องกระโดดออกไปเท่านั้น!’ คุโระสาปแช่งในใจอย่างน่าสมเพช

    “เฮ้อ…เคียน่าโง่ เข้าใจที่คุโระสื่อผิดไปแล้ว”

    ‘เยี่ยม! อย่างน้อยก็มีคนคิดได้’

    “เขาหมายความว่า เราจะออกจากเมืองด้วยการเหินฟ้า”

    ‘แม่ง! เข้าใจผิดกันอีกแล้ว จะมีใครสักคนที่เข้าใจบ้างไหมเนี่ย!? …เอ๊ะ? ทำไมระบบไฟฟ้ารวน’

    คุโระหันมองไปด้านหลังและพบกับราชินีสายฟ้าที่มองมาอย่างเย็นชา รอบๆ ตัวเธอเต็มไปด้วยสายฟ้าสีม่วงที่พุ่งผ่านพร้อมกับพูดว่า “เฮ้อ…ฉันผิดเองที่เชื่อใจแก ไอ้หนอน-”

    “ข้างหน้า!” เสียงกรีดร้องของเคียน่า

    ตู้ม!


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×