คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ช่วยงาน
ลืมตาพบกับเพดานสีขาวที่ไม่คุ้นเคย มีพัดลมหมุนเบาๆ รู้สึกว่านี่จะเป็นพื้นไม้แข็งๆ อีกด้านมีเตียงสีขาวตั้งอยู่ แน่นอนไม่ใช่เตียงของตัวเองแน่ คุโระพยายามลุกขึ้น แต่จู่ๆ ก็เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง
“เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อมองดูตัวเองปรากฏว่าเสื้อผ้าท่อนบนหายไป แต่โชคดีท่อนล่างยังอยู่ครบ ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายตามพื้น มีเสื้อในติดอยู่ด้วย ชัดเจนเลยว่าเป็นห้องของผู้หญิง
“อา~ ไม่ไหวแล้ว”
คุโระสะดุ้งและค่อยๆ มองหญิงสาวผมแดงที่ละเมออยู่บนเตียง ริมฝีปากแดงก่ำ เปิดผ้าหุ่มดูเล็กน้อย เธอยังคงสวมชุดชั้นในนอน ร่างกายที่เย้ายวนและส่วนที่โค้งเว้าตรงหน้าอก ถือว่าเป็นหญิงสาวที่สวยมาก แต่มันดูคุ้นๆ
‘เห้ยๆ นี่มันฮิเมโกะไม่ใช่หรอ!? มันเกิดอะไรขึ้น!? ทำไมเรามานอนอยู่ข้างล่างวะ!? …นี่มันไม่ใช่ห้องตูนี่หว่า!’
ด้วยความคิดแบบนี้ คุโระจึงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน จำได้ว่ากินเบียร์ตอนดึก จู่ๆ ก็วูปขึ้นมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พอเดาได้ว่าเขาน่าจะมานอนกับฮิเมโกะในห้องของเธอ แต่ปัญหาคือ
‘ทำไปหรือเปล่าวะ? ครั้งแรกซะด้วย หรือไม่ได้ทำ? แค่นอนเฉยๆ’
คุโระสลัดความคิดลามกทิ้งไป จากนั้นหยิบเสื้อสีดำที่กองกับพื้น และเดินไปตรงมุมห้อง เตรียมใจไว้ก่อนว่าได้ทำเรื่องแบบนั้นไปแล้ว เมื่อเปิดถังขยะออกมาดู
‘หูว…รอดไปที ก็พกมันไว้ตลอดนี่นา...แต่ครั้งนี้โชคดีที่ไม่ได้ทำอะไร…’
มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่าคอนดอมและกลิ่นคาวอยู่ในถังขยะ คุโระถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ปัญหาคือ คุโระจะออกไปจากห้องได้อย่างไร ประตูหน้าก็มีเมย์ เคียน่าและโบรเนียอยู่
ถ้าเจอเข้าจะถูกตราหน้าเป็นไอ้โรคจิตไปตลอดชีวิต มีหวังถูกไล่ออกอีก คุโระกัดฟันและเดินไปดูนอกหน้าต่าง มันสูงแค่ 2 ชั้น ตกลงไปก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะที่คุก สูง 6 ชั้นก็เคยตกมาแล้ว
‘ถือว่าเราไม่เคยได้ทำอะไรกันนะ…เพราะฉันมีจิตสำนึกของจริยธรรมอยู่ในใจ’
ที่พูดมาไม่ผิด ในจิตใจของคุโระยังมีสิ่งที่เรียกว่าจิตสำนึกอยู่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสมองจะเปิดระบบป้องกันทันที ไม่ให้ร่างกายทำตามสัญชาตญาณดิบเถื่อน เพราะฉะนั้นหายห่วง
คุโระกระโดดออกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว และไม่ลืมที่จะปิดหน้าต่าง และบ่นพึมพำว่า “ครั้งนี้ไม่เป็นไร คราวหน้าเอาใหม่!”
“อือ…แสบตา”
ฮิเมโกะค่อยลืมตา รู้สึกปวดหัวตุบๆ เมื่อมองดูดีๆ มันเป็นห้องนอนของตัวเอง จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ๆ คงมีคนพาตัวเองกลับมาที่ห้อง ฮิเมโกะลุกขึ้นยืนและใส่เสื้อผ้า
“เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อย…ใครพาฉันกลับมา เมย์? เคียน่า? โบรเนีย? …เดี๋ยวนะ! ไอ้คุโระ!”
ฮิเมโกะหน้าซีดและสำรวจร่างกายของตัวเอง มันไม่มีความผิดปกติ ช่วงล่างไม่มีความเจ็บปวด ยังคงมีกลิ่นเบียร์เหมือนเดิม แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุโระที่พามา
‘เจ้านั่นทำอะไรกับร่างกายฉันรึเปล่า? …ชิ! ต้องไปถามให้รู้!’
ฮิเมโกะวิ่งลงไปด้านล่าง ทว่าเธอต้องตกตะลึงเพราะคุโระได้มานั่งทานอาหารกับเด็กทั้งสามคน ฮิเมโกะก้มต่ำด้วยใบหน้าเขินอายและค่อยๆ เดินไปหาคุโระ
ฮิเมโกะพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาว่า “เมื่อคืน…ได้ทำอะไรกับฉันรึเปล่า?”
พรวด!
“ทำบ้าอะไรคุโระ!? นมเต็มหน้าฉันหมดเลย!” เคียน่าเช็ดหน้าด้วยผ้าบางๆ และมองคุโระอย่างโกรธเคือง ไม่รู้ว่าเป็นอะไรถึงได้รีบมาตั้งแต่เช้า แถมสีหน้าดูลุกลี้ลุกลน
‘เดี๋ยวๆ ถามตรงนี้เลย ไม่ถามที่ลับๆ ละแม่คุณ!’ คุโระกรีดร้องในใจและค่อยๆ หันมองฮิเมโกะอย่างช้าๆ
คุโระมองซ้ายทีขวาที ไม่รู้จะพูดแก้ตัวยังไง เมื่อคืนก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนพื้นในห้องของฮิเมโกะ ถ้าตอบตามความจริงคงไม่เชื่อแน่ๆ
คุโระเอนจินเริ่มทำงานอีกครั้งด้วยเสียงหัวใจเต้น ตุบตับๆ บรรยากาศภายในห้องนักเล่นเริ่มปกคลุมไปด้วยกลิ่นของความตาย เคียน่าหยุดกินโจ๊กและมองฮิเมโกะกับคุโระ
‘มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมบรรยากาศดูอึดอัดจัง?’
คุโระกัดฟันและพูดไปว่า “ฉัน-”
“คุโระแค่แบกคุณมาส่งเฉยๆ ค่ะ อาจารย์ฮิเมโกะ หนูกับโบรเนียเป็นพยานได้เลย” เมย์พูดขึ้นและโชว์ภาพที่คุโระแบกฮิเมโกะมาส่งถึงหน้าประตูโดยมีโบรเนียเป็นคนถ่าย เนื่องจากเป็นคำของคุโระ
‘อย่างงั้นหรอ? ความเป็นจริยธรรมของเราทำงานสินะ…ค่อยโล่งอกหน่อย…แต่ตูมาอยู่ในห้องได้ยังไง!?’
“อ่อ…แล้วไป แต่ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าจะเป็นคนรอบคอบขนาดนี้ ฮ่าฮ่า” ฮิเมโกะหัวเราะอย่างเป็นกันเองและเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์มาดื่ม ทว่าเมย์ก็คว้าไว้และดุฮิเมโกะยกใหญ่
“คุโระ ครั้งหน้าคุณก็อย่าไปดื่มกับอาจารย์ฮิเมโกะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าอาจารย์ฮิเมโกะคออ่อน…แต่ถ้าคุณเมาแล้วทำอะไรไม่เข้าเรื่องไปละก็ หนูก็ช่วยไม่ได้เหมือนกันนะคะ”
คุโระกินโจ๊กด้วยอารมณ์หดหู่ เมย์ดุเหมือนเมย์เลย ส่วนเคียน่าก็หัวเราะคิกคักจนเศษอาหารกระเด็นเต็มโต๊ะ เมย์จึงใช้ทัพพีทุบหัวและพูดว่า “เวลาอาหารอย่าพูด!”
คุโระรู้สึกกลัวเมย์เล็กน้อย เหมือนกับว่าเธอเป็นผู้นำครอบครัว ขนาดตัวเองที่เป็นผู้ปกครองยังไม่มีสิทธิ์ไปว่าเลย คุโระได้แต่ทำใจและกินโจ๊กอย่างเงียบๆ
“จริงสิคุโระ วันนี้เทเรซ่าขอให้ไปช่วยเป็นแคชเชียร์ที่ร้านสะดวกซื้อ เห็นว่าพนักงานประจำป่วยเลยขอคนมาทำแทน”
ฮิเมโกะมองคุโระด้วยสายตาที่ตายแล้ว เธอไม่เชื่อว่าอาจารย์คนนี้จะเป็นแคชเชียร์ประจำร้านได้ เพียงแค่มองหน้าลูกค้าก็หนีกันไปหมด
คุโระถอนหายใจ “โอเค เริ่มงานเมื่อไหร่?”
“วันนี้ เห็นว่า คุณไม่มีการสอนวันนี้เธอเลยขอให้คุณเริ่มตอน 7 โมงเช้า”
คุโระเหลือบมองนาฬิกาเล็กน้อย มันเหลืออีก 10 นาที จะเริ่มงาน เขาจึงรีบกินโจ๊กก่อนจะโบกมือลาทุกคนและวิ่งตรงไปยังร้านสะดวกซื้อของโรงเรียน
คำว่าร้านสะดวกซื้อคงจินตนาการว่าเล็ก แต่ที่นี่ไม่ใช่ มันใหญ่และมีนักเรียนแวะเวียนไปเยอะมาก คุโระยืนมองร้านสีเหลืองที่ครอบคลุมหลายพื้นที่ เมื่อเข้ามาข้างในก็เห็นพนักงานอยู่ 2 คน
“คุณคืออาจารย์คุโระสินะคะ…วันนี้ผู้จัดการป่วย คุณเทเรซ่าเลยขอให้คุณมาช่วย” พนักงานหญิงพูดอย่างสุภาพและยื่นชุดพนักงานลายโฮมุให้ จากนั้นรีบไปดูของเวฟ
‘โฮมุ? ไอ้ตัวบ้านี่มันนิยมกันหรอ? …แต่เท่าที่ดู ทำไมพนักงานเหมือนแม่งไม่รู้งานวะ?’
พนักงานหญิงคนแรกผมสีน้ำตาลสั้นบ็อบ คิดเงินให้นักเรียนอย่างลุกลี้ลุกลน คนสุดท้ายผมสีเขียวยาวที่ยื่นชุดให้ เวฟแซนด์วิชแล้วไหม้ คุโระยืนมองอย่างเหม่อเลยด้วยใบหน้าที่ตายแล้ว
ทันใดนั้นพนักงานหญิงทั้งสองคน เริ่มขนลุกซู่ เต็มไปด้วยความกลัว เพียงแค่มองหน้าของคุโระผ่านๆ พวกเธอรู้สึกออร่าที่อันตรายแผ่ออกมาจากตัวของผู้ชายคนนี้
“เธอคิดว่าเขาเป็นยังไง หน้าตาน่ากลัวเนอะ”
“ฉันก็คิดว่างั้น…พวกเราจบแล้วละ”
‘ได้ยินนะ’ คุโระคิดในใจ
ทันใดนั้นคุโระก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของพนักงาน “แย่แล้ว ทอนเงินผิด!”
“แซนด์วิชไหม้!”
“…”
คำว่า จบ สะท้อนอยู่บนใบหน้าของพนักงาน อยู่กันมาได้ไงด้วยพนักงานแบบนี้ อีกคนทอนเงินผิดและแถมเงินให้ลูกค้าด้วย คนสุดท้ายปิ้งแซนด์วิชแล้วไหม้
หลังจากที่คุโระเปลี่ยนชุดเป็นพนักงาน และมองดูเครื่องคิดเงิน มันไม่ต่างจากร้านสะดวกซื้อในโลกเก่า มีเมนูต่างๆ อยู่ในหน้าจอ ไม่มีการทำน้ำหรือข้าว เพียงแค่เวฟของและทอนตัง
แต่เมื่อมาดูพื้นที่ขายปรากฏว่า โบ๋มาก จนแทบจะไม่มีของเลย พนักงานเติมของหายไปในหมด ตู้แช่เย็นแทบจะไม่มีเครื่องดื่ม ตู้แช่แข็งก็ปรับอุณหภูมิผิด พื้นก็สกปรก มีขยะเต็มไปหมด
‘นี่มันอะไร? ระบบการจัดการของที่นี่มันคืออะไร?’ คุโระเกาหัวอย่างหงุดหงิด
“พวกเธอสองคนยืนคิดเงินกับเวฟของไป ถ้ามีเรื่องก็เรียก”
“ค่ะ!” x2
คุโระถกแขนเสื้อขึ้น อย่างแรกไปเอาไปกวาดจากหลังร้านมาเก็บขยะก่อน ตามด้วยถูพื้นให้สะอาดไร้เศษฝุ่น ซึ่งกินระยะเวลาไปกว่า 10 นาที ถือว่าเร็วมากสำหรับหนึ่งคน
ต่อมาเข้าไปในห้องแช่เย็นปรากฏว่า ข้างในเละตุ้มเป๊ะ เต็มไปด้วยขวดเครื่องดื่มที่กองอยู่กับพื้น ไร้ระเบียบโดยสิ้นเชิง ขวดน้ำบางตัวก็วางไม่ตรงป้าย เศษลังก็ไม่เอาออกไป คุโระได้แต่ปาดเหงื่อและคิดในใจ ‘แม่ง…รู้งี้ปฏิเสธก็ดี’
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
สภาพของคุโระเหมือนอยู่ขั้วโลกเหนือ เต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ไม่มีเสื้อกันหนาวสำหรับพนักงาน โรงเรียนออกจะรวย ในห้องแช่เย็นทุกอย่างเต็มไปด้วยระเบียบหลังจากการทำความสะอาดของคุโระ เติมน้ำเต็มทุกบาน
อย่าลืม ยังมีพื้นที่ขายที่กลวงโบ๋ คุโระได้แต่ถอนหายใจและลากของทุกอย่างที่มีไปเติมอย่างรวดเร็ว อันที่เติมแล้วเหลือก็ยัดเข้าไปจนแน่น กินระยะเวลากว่า 40 นาที
จากนั้นมาดูตู้แช่แข็ง ปรากฏว่าระบบทำงานภายในเกิดขัดข้อง ต้องถ่ายโอนไปยังอีกตู้และเริ่มซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน กินเวลาไปกว่า 20 นาที
“คุณคุโระ มีของแช่เย็นและข้าวมาส่งค่ะ” พนักงานหญิงควักมือเรียกและส่งแท็บเล็ตมาให้
คุโระได้แต่มองด้วยสายตาที่ตายแล้ว รับของไม่เป็นหรอ? ทำงานมากี่ปีแล้ว? พนักงานหญิงได้แต่เกาแก้มด้วยความเขินอายและบิดตัว จากนั้นแลบลิ้น “แฮะๆ”
‘ไม่ต้องมาขายความน่ารักเลย!’
“เฮ้อ…เดี๋ยวสอน”
คุโระสอนพนักงานหญิงรับของอย่างช้าๆ และละเอียด อธิบายตรงไหนที่ไม่เข้าใจ คอยชี้แจง และให้ลงมือปฏิบัติควบคู่กับทฤษฎี จนในที่สุดเธอก็รับเป็น
“ลูกค้าเยอะค่ะ!” พนักงานแคชเชียร์เรียก
“รับของไปก่อน…เดี๋ยวฉันมา”
คุโระวิ่งไปรับลูกค้าหน้าร้านอย่างรวดเร็ว สแกนสินค้า ตรวจสอบความถูกต้อง ทบทวนเงินทอน ส่งสินค้าและกล่าวขอบคุณ
พนักงานหญิงที่อยู่ข้างๆ มองด้วยความตกตะลึง นี่อาจารย์แน่หรอ? ทำไมเก่งจัง? เขาเคยทำงานแบบนี้มาก่อนหรอ? เธอเริ่มรู้สึกว่า อาจารย์คนนี้จริงใจ ไม่เคยบ่น
‘เชี่ย! อย่ายืนมอง คิดเงินสิ!’ คุโระกรีดร้องในใจ
หลังจากลูกค้าน้อยลง รีบวิ่งมาเติมของแช่เย็นและข้าว กินเวลากว่า 1 ชั่วโมง เป็นความเร็วที่น่าเหลือเชื่อสำหรับหนักงานหนึ่งคน
หนึ่งทุ่ม
หลังจากตรวจสอบก็พบว่าสินค้าบางตัวไม่มีในร้าน ไปหยิบแท็บเล็ตมาสั่งของ ระบบที่นี่ค่อนข้างสะดวก มันตั้งค่าให้เองว่าจะสั่งอะไรมาบ้าง เหลือแค่กดปุ่มยืนยัน
นอกจากนี้ยังต้องทำงานด้านเอกสารอีก ทั้งวันเขาต้องเติมของ คิดเงิน สอนพนักงาน วนไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด จนเกือบจะถึงเวลาเลิกงาน ประมาณสามทุ่ม
‘นี่งานแคชเชียร์หรอ?’ คุโระสาปแช่งในใจ ทำงานวันนี้เสร็จพรุ่งนี้จะไม่มาทำแล้ว
ทันใดนั้น เมย์ โบรเนียและเคียน่าก็เดินเข้ามาในร้าน เป็นไปได้ว่ากำลังหาวัตถุดิบสำหรับคืนนี้ เมย์เดินตรงมาที่คุโระ เห็นว่าเขาเหงื่อท่วมตัวและสีหน้าซีดๆ
“วันนี้เหนื่อยไหมคะ?”
‘เหนื่อยสุดๆ อยากจะลาออกได้ทุกเมื่อ!’ คุโระบ่นในใจ
“ไม่”
“ใกล้เลิกงานแล้วเดี๋ยวหนูจะเก็บอาหารไว้ให้ในบ้านนะคะ” เมื่อพูดแบบนั้นเมย์ก็เดินไปซื้อวัตถุดิบ
คุโระได้แต่มองนาฬิกาเมื่อไหร่จะเลิกงานสักที อยากกลับบ้านไปนอน จู่ๆ เคียน่าก็วิ่งเข้ามาและวางข้าวกล่องแช่แข็งบนเคาร์เตอร์ จากนั้นเคียน่ามองคุโระด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
‘สายตาแบบนั้นมันคืออะไร!?’
“หนักงานไม่ใช่หรอ? ทำไมไม่พูดจาดีๆ กับลูกค้า หึหึ”
‘ไอ้เด็กเวร ทีนี้เอาใหญ่เลยน้า!’
“ยินดีต้อนรับครับ ไม่ทราบว่าจะเวฟไหมครับ?”
เคียน่าพยักหน้าอย่างพึงพอใจและถามว่า “ไม่เวฟแล้วจะกินยังไง?”
คุโระอ้าปากค้าง ‘จะรู้ไหม!? จะเวฟไม่เวฟ!’
คุโระกัดฟันด้วยความโกรธ เคียน่าเล่นตลกต่อหน้าลูกค้า ถ้าขืนใช้ความรุนแรงมีหวังโดนปรับเงินเดือนแน่ คุโระได้แต่เก็บความโกรธไว้ในใจและเวฟให้เคียน่า
ทันใดนั้นก็มีฝ่ามือก็ทุบหัวเคียน่า จนเธอกรีดร้องออกมา
‘สมน้ำหน้า ฮ่าฮ่า’
ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเมย์ จากนั้นเมย์ได้บ่นเคียน่ายกใหญ่และขอโทษคุโระก่อนจะจ่ายเงินและเดินออกจากร้านไป
ในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงาน พนักงานเตรียมตัวปิดร้านและโค้งคำนับคุโระด้วยความขอบคุณ เขาสอนงานเกือบทุกอย่างให้แก่พวกเธอ โดยไม่บ่นสักคำและยังดูแลเอาใจใส่ด้วย
มีกล่องอาหารวางอยู่ที่บ้าน คุโระยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย มันเป็นอาหารที่เมย์เก็บไว้ให้
‘สมกับเป็นภรรย-เอ๊ย เมย์ แม่ครัวตัวน้อย’
ความคิดเห็น