ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาจารย์สีหน้าตายด้านในโลกฮงไก

    ลำดับตอนที่ #5 : เพราะความอยากรู้

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 65


     “ลงจอดอย่างปลอดภัย” เสียงที่เป่งออกมาจากปากคุโระพร้อมกับใบหน้าที่ตายแล้ว

    พูดไม่ผิด ตอนนี้รถได้จอดอย่างปลอดภัยแล้วภายในอาคารหลังหนึ่ง เดินลงจากรถมาทีละคนพบกับตัวอาคารที่ถูกทิ้งร้าง ถ้าดูดีๆ มันจะเป็นห้างสรรพสินค้าเล็กๆ มีสองชั้น

    “ไอ้…หนอนแมลง!” เสียงคำรามของราชินี

    คุโระแตะไหล่ราชินีจนกลายเป็นเมย์คนเดิม ซึ่งเมย์ตัวจริงนั้นจำเหตุการณ์ได้หมดทุกอย่าง และไม่กล่าวโทษคุโระ เพราะว่าเขาได้นำพวกเรามาอยู่ที่ห้างที่ไร้ผู้คนและมีอาหารเพียงพอ รวมถึงความปลอดภัย

    “แยกย้ายกันไปหาอาหาร…ตอนกลางคืนมารวมกันที่ดาดฟ้า”

    เมย์ โบรเนียและเคียน่าไปสำรวจข้างใน ส่วนคุโระเดินไปบนชั้นดาดฟ้าและหยิบเก้าอี้บริเวณนั้นมานั่งลงและมองพระอาทิตย์

    ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าพร้อมกับแสงที่ค่อยๆหายไป คุโระนั่งทบทวนตัวเองอยู่นานพอสมควร ทำไมตัวเองต้องมาทำเรื่องอะไรแบบนี้ แถมยังมีเด็กปัญหาติดมาด้วย

    คุโระลูบดาบยามาโตะเบาๆ เขาถือครองดาบเล่มนี้มานานแล้วตั้งแต่เกิดในโลกฮงไก พ่อแม่เป็นพนักงานของแอนตี้แอนโทปิ ส่วนเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไร

    เคยพยายามชักดาบยามาโตะออกมาตั้งแต่เด็กๆ ทว่ามันก็ชักไม่ออก จนลากยาวมาถึงอายุ 25 ที่เรียนจบมหาลัย เข้าทำงานที่แอนตี้แอนโทปิ ปัจจุบันก็ยังชักไม่ออก

    อย่างน้อยมือขวาก็ยังคงมีประโยชน์ สามารถลบล้างพลังเหนือธรรมชาติได้ ซึ่งในสมัยเด็กที่ไปเที่ยวทัศนศึกษาที่ไซบีเรีย และบังเอิญเป็นเหตุการณ์การปะทุฮงไกครั้งที่ 2 พอดี

    คุณครู เพื่อนทั้งคันรถกลายเป็นคนตาย จนตัวเองต้องหนีเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทว่าก็มีโชคดีปนโชคร้าย เพราะหมู่บ้านแห่งนี้ทุกคนกลายเป็นคนตายกันหมด เหลือแค่พี่น้องชายหญิงที่อายุเท่ากัน

    จึงรวมกลุ่มแล้วหนีไปด้วยกัน ทว่าทั้งสองคนก็ติดเชื้อฮงไก จนเส้นเลือดเริ่มกลายเป็นสีชมพู คุโระจึงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้มือขวาชำระล้าง แล้วโชคดีที่เด็กผู้หญิงคนนั้นรอดมาได้ แต่ว่าพี่ชายเสียชีวิต

    ‘มันก็ผ่านมานานแล้ว…ตอนนี้คิดถึงตัวเองดีกว่า’

    “คุณคุโระ…ตอนนี้พี่เมย์กำลังเตรียมอาหารอยู่ จะมาด้วยกันไหม?”

    “ไปก่อนเลย เดี๋ยวตามไป” คุโระพูดโดยไม่หันหลังมอง

    ‘สมกับเป็นคุณคุโระ สนใจความปลอดภัยของพวกเรา’ โบรเนียพยายามยิ้มแต่สุดท้ายก็กลายเป็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์

    คุโระสลัดทิ้งความคิดในอดีตและเดินลงไปชั้นล่าง ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเมย์จะหาไม้มาตอกประตูและหน้าต่างเพื่อป้องกันพวกคนตาย พวกเธอทั้งสามคนนั่งล้อมหม้อไฟพร้อมกับเตาปิ้งย่าง

    “คุโระ มานั่งด้วยกันสิ”

    คุโระนั่งลงและมองหม้อไฟที่เดือดปุดๆ วันนี้คงหนีไม่พ้นเมนูสุกี้และหมูย่างสไตล์ญี่ปุ่น บอกเลยว่ามีเพียงเคียน่าที่กินอย่างตะกละตะกลามจนเศษอาหารเปื้อนปาก และก็มีเมย์ที่คอยเช็ดให้

    เมย์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกินเหมือนสาวนาเดชิโกะ ผู้หญิงในอุดมคติของญี่ปุ่น และยิ้มให้คุโระพลางหยิบอาหารใส่จาน บอกเลยว่าเด็กพวกนี้แทบไม่กังวลอะไรเลย

    “เคียน่าจังกินดีๆ สิ ไม่มีใครแย่งหรอก”

    “ไอ้โง่เคียน่า กินยังไงให้หก”

    ‘ถ้าเราเป็นแบบพวกนี้ได้บ้างก็ดีอะนะ…’

    เมื่อกินเข้าไปคำนึง ใบหน้าของคุโระยังคงไร้อารมณ์เหมือนเดิมจนบอกไม่ได้ว่าอร่อยหรือไม่อร่อย เมย์ที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกท้อแท้เล็กน้อยก่อนจะฮึดสู้ในใจ

    ‘นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นคุโระ ครั้งหน้าฉันจะทำอาหารที่อร่อยกว่านี้ให้คุณกินให้ได้เลย!’

    “ถ้าคุโระไม่เอา ฉันขอนะ!” เคียน่าคีบเนื้อหมูทั้งหมดบนจานแล้วยัดเข้ามาปากอย่างรวดเร็วพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอร่อย

    ‘ไอ้เด็กเวร! ขอถอนคำพูด!’

    “เคียน่าจัง อย่าเสียมารยาทแบบนั้น!” เมย์ดึงหูเคียน่าจนแดง และก้มหัวขอโทษ จากนั้นยื่นอาหารที่เหลือในจานให้แก่คุโระ

    “ไม่เป็นอะไร…เด็กกำลังโต”

    ‘ครั้งนี้จะปล่อยไปก่อน…ครั้งหน้าค่อยว่ากัน ไอ้พารามีเซียม!’ สาปแช่งในใจ

    หลังจากกินเสร็จ คุโระเป็นคนช่วยเมย์ล้างจานส่วนเคียน่ากับโบรเนียไปอาบน้ำ ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องล้างจาน ทั้งที่มันไม่มีเจ้าของ แต่ด้วยสีหน้าของเมย์ทำให้คุโระต้องทำใจ

    “คุโระ…ใจดีจังนะคะ อุตส่าห์ช่วยพวกเรามาขนาดนี้และยังไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่รู้ว่าฉันจะขอบคุณยังไงดี”

    ‘ไม่ๆ สิ่งตอบแทนฉันได้มาแล้ว คือการที่พวกเธอฆ่าคนตายแทนฉันยังไงละ ฮ่าฮ่าฮ่า’

    “พวกเธอต้องการประสบการณ์”

    คำพูดสั้นๆ ไม่กี่คำของคุโระ จุดไฟแห่งความหวังในดวงตาของเมย์ ถ้าเทียบกับเคียน่าแล้ว เธอยังมีประสบการณ์น้อยกว่า เมย์ได้รู้มาว่าเคียน่าได้เดินทางรอบโลกตามหาพ่อพร้อมกับฆ่าฮงไกไปด้วย ซึ่งมีความแข็งแกร่งกว่าตัวเองมากและโง่ไปหน่อย

    ทว่าตัวเมย์ในตอนนี้ยังเป็นแค่เด็กสาวที่ไร้ประสบการณ์ คอยพึ่งพาคุโระอยู่เสมอ ทว่าเขาก็ปฏิเสธ (สู้ฮงไกไม่ได้) และให้เมย์เติบโตด้วยตัวเอง (โดนหลอก)

    “คือว่าคุโระ…คุณจะไม่ทิ้งพวกเราใช่ไหมคะ”

    คุโระหยุดการกระทำของตัวเองและมองหน้าเมย์ คำพูดนี้มันปวดใจมาก เขาถอนหายใจออกมาและพูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ว่า “ไม่”

    ‘ไม่ใช่ตอนนี้แต่อาจจะในอนาคต อิอิ’

    เมย์หัวเราะ “นั่นสินะคะ…เป็นคำถามที่โง่ๆ …คุณไม่มีทางทิ้งพวกเราอยู่แล้ว ก็เพราะว่าคุณ…เป็นผู้ปกครองของฉันนี่คะ”

    ‘เมย์อย่าทำให้ฉันรู้สึกแย่ได้ไหม!?’

    “พี่เมย์ หนูกับโบรเนียอาบเสร็จแล้วนะ”

    กลิ่นสบู่และยาสระผมโชยเข้าจมูกคุโระ เขาเหลือบมองเคียน่าที่ถูกคลุมไปด้วยผ้าขนหนูสีขาว ผิวที่เปล่งปลั่งและสัดส่วนที่อุดมสมบูรณ์

    ‘นี่นะหรอเด็ก…มันช่างดีจริงๆ’

    “เคียน่าจังจะวิ่งออกมาแบบนี้ไม่ได้นะ” เมย์วิ่งไปคว้าตัวเคียน่าและก้มหัวขอโทษคุโระ จากนั้นลากไปที่ห้องแต่งตัว

    ก่อนเข้านอน เมย์ โบรเนียและเคียน่ามองหน้ากันว่าใครจะเป็นคนเฝ้ายาม ถ้าให้เคียน่าเฝ้ามีหวังอาหารหมดแน่ๆ เมย์คงไม่ไหวเพราะความรู้สึกของเธอยังไม่เฉียบคมและประหม่า ถ้าเป็นโบรเนียถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี

    “พวกเธอนอน..เดี๋ยวฉันเฝ้า”

    “ไม่ เดี๋ยวโบรเนียเฝ้ายามเอง คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

    ‘เหนื่อยจริง ขับรถทะลุตึกอะนะ’

    “เด็กๆ ควรจะนอนพักผ่อนเพียงพอและอีกอย่าง…”

    “หมายความว่ายังไง สายตานั่น!?” เคียน่าก้าวถอยหลังด้วยความกลัว เมื่อถูกคุโระมอง

    คุโระหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของเคียน่า ซึ่งมันก็คืออาหารชุดสุดท้ายของวันพรุ่งนี้ เมื่อเห็นแบบนั้นเคียน่าได้แต่เกาหัวด้วยความเขินอายและแลบลิ้น

    “ไอ้โง่เคียน่าคิดจะเก็บอาหารไว้กินคนเดียว”

    “เคียน่าจัง…เอาอีกแล้วนะ”

    “แฮะๆ พี่เมย์”

    ก่อนที่เคียน่าจะเข้านอน เธอชี้หน้าคุโระด้วยไม้เบสบอลและเตรียมพร้อมสำหรับการจู่โจมตอนกลางคืน หลังจากผ่านไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงกรนมาจากเคียน่า

    ‘หึๆ ถ้าเป็นคนอื่นคงโดนไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ฉัน’ หัวเราะในใจ

    คุโระไปหยิบชุดนักเรียนสีขาวของเด็กผู้หญิง อาหารชุดสุดท้ายใส่กระเป๋า และเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาว ตอนกลางคืนมันเงียบสงบ ได้ยินเสียงคนตายเป็นระยะระยะ

    ช่วงรัตติกาลอันตรายกว่าตอนกลางวัน เพราะไม่รู้ว่าจะมีตัวอะไรโผล่มาบ้าง แถมคนที่โง่อย่างเคียน่าอาจจะไปสะดุดกับดักก็ได้ ต่อมาก็มีข้อความจากเทเรซ่าส่งมา

    “พรุ่งนี้ฉันจะเอาไฮเปอเรียนไปรับ…ฝากดูแลหลานสาวที่โง่เขลาของฉันด้วย…จากเทเรซ่าที่น่ารักที่สุดในโลก”

    “เฮ้อ…ในที่สุดพรุ่งนี้ก็จะได้ออกจากเมืองบ้าๆ แห่งนี้แล้ว” พูดด้วยสีหน้าที่ตายแล้วในขณะที่ชักดาบยามาโตะออกมาโดยไม่ตั้งใจ

    ‘เอ๊ะ!? คราวนี้ชักออกหรอ?’

    แสงจันทร์สะท้อนกับใบมีดที่คมกริบ คุโระอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ ในที่สุดเขาก็ชักมันออกมาได้แล้ว จากนั้นลองฟันเหมือนของเล่น ตัดประตู ตัดเก้าอีก ฯลฯ จนสุดท้ายตัดอากาศ

    “อะ…เผลอตัดมิติออก”

    มิติสีดำรูปไม้กางเขนอยู่ตรงหน้าคุโระและมันไม่มีท่าทีจะปิด จะลองกระโดดเข้าไปมันก็ยังไงอยู่ หรือจะเดินเข้าไปแบบหล่อๆแล้วไปโผ่ลที่ไหนไม่รู้ คุโระเดินวนอยู่หลายรอบจนสรุปได้ว่า

    “เขียนจดหมายบอกว่าไปธุระเดี๋ยวกลับมาก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง”

    ตัดสินใจได้แบบนี้คุโระจึงเขียนจดหมายว่าจะไปธุระ และพรุ่งนี้จะมียานไฮเปอร์เรียนมารับ ถ้าหามาไม่ทันให้ผู้อำนวยการโทรเข้าเบอร์ 09xxx

    เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว คุโระสะพายกระเป๋าและถือดาบยามาโตะเดินเข้าประตูมิติด้วยความมั่นใจ

    ภายในคุกใต้ดินที่มืดมิด หญิงสาวผมสีดำยาว ดวงตาสีทอง ในชุดที่ขาดรุ่งริ่ง เผยให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้าที่แสนจะยั่วยวน ต่อสู้กับสัตว์ร้ายคล้ายมนุษย์หมาป่า เมื่อจัดการมันได้แขนซ้ายของเธอได้เปลี่ยนเป็นแขนปีศาจสีดำลายแดงที่แหลมคม จากนั้นเขมือบมันจนเลือดกระเซ็น

    ฉันอยู่มานานเท่าไหร่แล้ว ฆ่าพวกนี้ไปเท่าไหร่แล้ว กินมันไปเท่าไหร่แล้ว ทั้งหมดก็เพื่อล้างแค้นผู้ชายเพียงคนเดียว

    ทันใดนั้นช่องว่างอากาศถูกฉีกขาด หญิงสาวจึงกระโดดถอยหลังตั้งท่าโจมตี เธอรู้สึกถึงตรายที่คืบคลานเข้ามา ผู้ชายผมสีดำ สีหน้าที่ไร้อารมณ์พร้อมกับคาตานะสีดำเดินออกมา

    ชุดของเขาแตกต่างจากมนุษย์ที่เธอเคยเห็นและสะพายบางอย่างที่คล้ายกระเป๋า ในมือยังมีอาวุธที่เรียกว่าดาบขนาดเล็ก ดูไม่เหมาะกับพวกอัศวิน

    “อา!” หญิงสาวคำรามและใช้มือปีศาจโจมตี

    หญิงสาวต้องประหลาดใจเมื่อชายคนนั้นเลือกที่ยืนอยู่เฉยๆ (มืดเกินไปมองไม่เห็น) ถึงแม้มันจะไม่นานแต่ออร่าที่อันตายได้พุ่งออกมาจากชายแปลกหน้า (มโนไปเอง)

    ‘เสร็จกัน-’

    หญิงสาวสาปแช่งในใจที่เลือกต่อสู้กับสัตว์ประหลาด เมื่อมือซ้ายของเธอสัมผัสกับมือขวา แขนปีศาจก็กลายเป็นแขนธรรมดา เธอมองด้วยดวงตาเบิกกว้างก่อนจะเหยียบอากาศแล้วกระโดดไปด้านหลัง

    ‘เอ๊ะ!? เมื่อกี้เหมือนจับอะไรบางอย่าง’ เหมือนมีแสงสีแดงเข้ามาใกล้ เขาเลยยื่นมือไปสัมผัส จากนั้นมันก็หายไป

    “แกเป็นตัวอะไรกันแน่!? มนุษย์หรือโกม่า!?” หญิงสาวคำรามและตั้งท่าจู่โจม

    คุโระมองเด็กสาวผมสีดำยาว ที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เมื่อเห็นสัดส่วนแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ‘อะ…เด็กเสียสติหรอ…น่าเสียดายแฮะ สวยขนาด-’

    คุโระต้องหยุดคิดกลางคันเมื่อเห็นคราบเลือดบนหน้าหญิงสาว และเมื่อมองไปด้านบนมันก็มีประตูกรงเหล็กที่คล้ายกับคุก เป็นไปได้ว่าที่นี่คือคุกกังขังนักโทษโรคจิต

    ‘ชิบผายละ..รีบกลับดีกว่า!’

    เมื่อหันหลัง ประตูมิติก็หายไปทันทีพร้อมกับสายลม  ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี เพราะความอยากรู้ถึงได้มาติดอยู่ในคุกแบบนี้ จากนั้นมองหญิงสาวอย่างช้าๆ ก่อนพูดว่า

    “ฉันก็แค่อาจารย์ที่ผ่านมา” พร้อมกับคุโระเอนจินที่ดังกึกก้อง ตุบตับๆ

    หญิงสาวได้ยินอะไรบางอย่างที่ดังกังวาลอยู่ในคุก ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร ทว่าแววตาและออร่าของชายแปลกหน้าทำให้เธอรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก

    ‘อะไรกันความรู้สึกนี้…ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่…แล้วออร่าที่อันตรายนั่น!?’ (คิดไปเอง)

    สีหน้าที่ไร้อารมณ์พร้อมคาตานะสีดำ บอกได้เลยว่าเป็นปรมาจารย์ดาบขั้นสูง

    ‘ถ้าเราไม่ฆ่า มันก็จะฆ่าเรา!’ หญิงสาวกัดฟันและเรียกแขนปีศาจออกมา

    ‘เชี่ย! อะไรวะนั่น!? แขนบ้าอะไรวะ ตูตายแน่ๆ’

    “ตัวเธอในตอนนี้ไม่หนาวหรอ?”

    ‘หนาวหรอ? …ตัวเราในตอนนี้ไม่มีอารมณ์พวกนั้นอีกแล้ว…หรือว่า! เจ้านั่นคิดจะโจมตีเราด้วยความเร็วที่มองไม่เห็น จนหนาวถึงกระดูก!?’ (เข้าใจผิด)

    “เข้ามา” 

    ‘ถ้าให้เสื้อผ้าบางทีเธออาจจะขอบคุณเราก็ได้’

    คุโระควักมือเรียกหญิงสาวและหยิบชุดนักเรียนออกมาเพื่อหวังว่ามันจะช่วยให้ความอบอุ่นแก่เธอ แต่รู้หรือไม่ การควักมือของคุโระเป็นการเชิญชวนหญิงสาวให้โจมตี

    'ชุดอะไร? เราไม่เคยเห็นมาก่อนเลยแต่ว่า…ถ้าขืนเราไม่ทำอะไรมีหวังโดนฆ่าแน่…ตอนนี้ต้องตามน้ำไปก่อน' หญิงสาวกัดฟันอย่างไม่พอใจและเดินไปอย่างช้าๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×