ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : + + Day 06 : Dawn of the dead + + [แก้คำผิด 100%]
“อ… โอ๊ยยยยย !!!!!”
.
.
.
เลือดสีแดงสดพุ่งพรวดออกมาจากบาดแผลที่ถูกเศษกระจกบาดเข้าบริเวณหัวเข่า นั่นจึงทำให้เจสสิก้าหยิบเอากระจกแผ่นนั้นออกและใช้มันเสียบเข้าที่หัวของเจ้าผีดิบตนนั้นอย่างรวดเร็ว
ฉึกกกกก !!!
กระจกที่เสียบสวนเข้าที่ปากของเจ้าผีดิบตนนั้นทำให้เลือดพุ่งพรวดออกมาจนเปรอะเปื้อนใบหน้า เธอกดกระจกแผ่นนั้นยังด้านที่ไม่มีคมจนมันแทบจะทะลุคอหอยออกมาปักกับพื้น
“ตาย ตายซะ ไอผีบ้า !!!”
“อ... อ่อคคคคคคคคคคคค !!!”
กระทั่งมันแน่นิ่งไป เจสสิก้าจึงค่อยๆ ลุกขึ้นมาและเดินไปหยิบมีดที่กระเด็นไปกลับขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้เธอยิ่งรู้สึกหวาดระแวงมากขึ้นไปอีก แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ต้องเดินไปให้ถึงจุดที่ยุนอาเพื่อนสาวของยูริหายไปให้จงได้
เธอค่อยๆ เดินข้ามศพของเจ้าผีดิบตนนั้นออกมาจากร้านแผงลอยดังกล่าวอย่างช้าๆ พร้อมกับมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวัง มีดที่ถืออยู่ในมือเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานได้ทุกเมื่อ ความมืดมิดเริ่มเข้าปกคลุมอีกครั้งจนมองหนทางเบื้องหน้าแทบไม่เห็น เมื่อไร้ซึ่งแสงไฟจากเปลวเพลิง
“โอออออ...”
เสียงร้องที่ดังใกล้เข้ามาทำให้เจสสิก้าเริ่มมองซ้ายมองขวาอีกครั้ง กระทั่งเห็นผีดิบตัวหนึ่งเดินใกล้เข้ามา ด้วยความกลัวจึงทำให้เจสสิก้าก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณจนแทบจะติดกำแพงทางด้านหลัง... จนไม่มีทางให้เธอหนีไปไหนอีกแล้ว อีกทั้งเจ้าผีดิบตนนั้นก็เดินเขยิบใกล้เข้ามาเรื่อยๆ... เรื่อยๆ
“อืออออ...”
จนเจสสิก้าต้องเลือกที่จะใช้มีดในมือนั้นจ่อชี้ไปทางเจ้าผีดิบตนนั้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ พร้อมกับถอยหลังต่อมาจนชิดติดกับกำแพง เจสสิก้าจึงรวบรวมเอาความกล้าที่พอจะเหลืออยู่จับมีดในมือให้มั่นแม้ว่ามันจะสั่นจนแทบจะหลุดออกจากมือ
กึกกกๆ กึกกกก...
มือไม้เริ่มสั่นมากยิ่งขึ้นเมื่อร่างนั้นค่อยๆ เขยิบเข้ามาใกล้ กระทั่งเห็นบาดแผลเหวอะบนใบหน้า นั่นทำให้เจสสิก้าแทบอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ และวิ่งหนีออกไปจากบริเวณดังกล่าวให้พ้นๆ ไม่เพียงแค่มือเท่านั้นที่สั่น แม้กระทั่งขาของเธอก็สั่นจนไม่สามารถจะก้าวหนีออกไปไหนได้เลย
“โอออออออ !!!!”
ทันทีที่เจ้าผีดิบตนนั้นพุ่งเข้าใส่ เจสสิก้าก็ใช้มีดในมือเสียบสวนเข้าไปทันที
ฉึกกก !!!!
พร้อมกับดึงออกจนเลือดนั้นพุ่งพรวดออกมา นั่นยิ่งทำให้เจสสิก้าร็สึกตกใจมากยิ่งขึ้นจนเผลอใช้มีดในมือปาดเข้าที่คอของเจ้าผีดิบตนนั้นจนเกือบขาด เลือดก็ยิ่งไหลทะลักออกมามากยิ่งขึ้นจนเปรอะเปื้อนกำแพงรวมไปทั้งตัวของเธอด้วย มีดในมือยังคงใช้ทิ่มแทงร่างนั้นไปเรื่อยๆ โดยที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นมาดู จนร่างนั้นล้มไปตั้งแต่เมื่อไรเจสสิก้าก็ยังไม่รู้
“แฮ่กๆ แฮ่กก...”
ทันทีที่ตั้งสติได้ เธก็รีบแจ้นออกมาจากตรงนั้นทันที
แม้ว่าระยะทางนั้นจะดูเหมือนใกล้ แต่ด้วยอุปสรรคต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งกีดขวาง เหล่าผีดิบตายซาก หรือแม้กระทั่งความกลัวในจิตใจที่ทำให้เรี่ยวแรงที่เคยมีนั้นเหือดหายไปหลายต่อหลายครั้งจนแม้แต่แรงที่จะใช้เพื่อก้าวขาก็ยังแทบไม่เหลือ
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง จนในที่สุดเจสสิก้าก็สามารถเดินมาจนถึงจุดที่เกิดอุบัติเหตุทำให้เพื่อนของยูริต้องจากไป เธอค่อยๆ ก้าวเดินข้ามสิ่งกีดขวางมาเรื่อยๆ พยายามจะเข้าไปให้ถึงซากของอาคารนั้น แม้ว่าจะค่อนข้างมืดและน่ากลัว มีเพียงแสงไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้นที่พอจะทำให้เธอมองเห็นเส้นทาง
เพราะเอาแต่จ้องไปแต่ทางด้านหน้า จนรอบตัวนั้นเต็มไปด้วยเหล่าผีดิบที่โผล่มาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ เจสสิก้าเมื่อเห็นดังนั้นจึงได้ตัดสินใจวิ่งทันทีพลันสายตาเหลือบไปเห็นขวานที่ครั้งหนึ่งยูริเคยใช้เข้า เธอจึงตรงเข้าไปและหยิบมันขึ้นมาทันที แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับสิ่งที่อยู่ข้างๆ
.
.
.
เมื่อเธอพบกับข้อมือที่โชกไปด้วยเลือดใกล้ๆ กับขวาน ส่วนที่เหลือนั้นถูกคอนกรีตที่ถล่มลงมาทับจนแหลกเละไม่มีชิ้นดี และที่ยิ่งไปกว่านั้น มันกลับมีสร้อยข้อมือที่เหมือนกับที่ยุนอาเพื่อนของยูริใส่ไม่มีผิด
ม... ไม่จริงน่า...
“โอออออออ !!!!!”
กระทั่งเหล่าผีดิบพวกนั้นเริ่มกรูกันเข้ามา ด้วยความเร่งรีบทำให้เจสสิก้าต้องเร่งฝีเท้าออกมาจากบริเวณดังกล่าว เป็นจังหวะเดียวกับที่หม้อแปลงด้านข้างของอาคารนั้นเกิดระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง
ตูมมมมมมม !!!!!
แรงระเบิดดังกล่าวทำเอาเหล่าผีดิบที่อยู่ใกล้ๆ ถึงกับปลิวกระเด็น บ้างก็กระจายออกเป็นชิ้นๆ โชคดีนักที่เจสสิก้าสามารถวิ่งหนีออกมาได้อย่างทันท่วงที เธอใช้ขวานที่อยู่ในมือเหวี่ยงสับเข้าใส่เจ้าผีดิบที่อยู่ใกล้ๆ เต็มแรง
ฉึกกกก !!!
พร้อมกับออกแรงกระชากเอาขวานนั้นออกทำให้เลือดสีคล้ำพุ่งพรวดออกมาเป็นวงกว้าง เจสสิก้าใช้ขวานนั้นฟาดซ้ำกลับเข้าใส่ที่เดิมอีกครั้ง ทำเอาร่างของมันนั้นแทบจะขาดครึ่งและเมื่อร่างนั้นล้มลงเธอก็รีบกระโดดข้ามมาทันที โดยที่ไม่คิดจะหันกลับไปมองภาพด้านหลังอีกเลย
ตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้มีแต่วิ่ง
วิ่ง…
และวิ่งเท่านั้น
“แฮ่กๆ แฮ่กกก !!”
“โออออออออ !!!!!”
เธอหักเลี้ยวที่มุมตึกและเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองเพื่อหลบเจ้าผีดิบพวกนั้น ระยะห่างจากจุดที่เธออยู่นั้น ไม่ไกลจากห้องน้ำที่ยูริอยู่เท่าไรนัก ซึ่งเธอก็สามารถมองเห็นมันได้บ้างแล้วในตอนนี้ เธอหันกลับมาทางด้านหลังและพบเจ้าผีดิบจอมตื้อตัวหนึ่งที่ไม่ยอมเลิกรา จนเธอตัดสินใจใช้ขวานในมือนั้นเหวี่ยงฟาดเข้าใส่กลางอกอย่างแรงจนร่างนั้นล้มหงายไปกับพื้น
เจสสิก้าดึงเอาขวานนั้นออกมาก่อนที่จะใช้มีดที่พกอยู่ปาดที่คอของมัน แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่ยอมหยุดสักที จนเธอต้องใช้ขานั้นยันตัวของซอมบี้ตัวนั้นเอาไว้และใช้ขวานนั้นสับเข้าไปที่กลางกะโหลกของมันอีกครั้ง
โพล๊ะ !!!
เศษชิ้นส่วนของกะโหลกถูกผ่าออกเป็นสองซีกจนสมองนั้นกระจัดกระจายไปยังบริเวณใกล้เคียง แต่ก็ถือเป็นความโชคดีของเจสสิก้าที่มันค่อนข้างมืด เพราะฉะนั้นเธอจะได้ไม่ต้องมาเห็นภาพให้ชวนแหวะอย่างในตอนนี้ แต่ต่อให้ไม่เห็น เพียงแค่กลิ่นที่โชยขึ้นมาก็ทำให้เธอรู้สึกอยากจะขย้อนแล้ว
.
.
.
เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนท้องฟ้านั้นเริ่มสว่างขึ้น แสงอาทิตย์ที่เริ่มสาดส่องขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้าทำให้เห็นไอดอลสาวในสภาพอิฐโรย เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของเหล่าคนตายจนไม่เหลือเค้าของไอดอลสาวเหมือนเมื่อตอนแรกเลย เจสสิก้าเดินลากขวานกลับมายังห้องน้ำสาธารณะที่ยูริอยู่ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปเบาๆ
แอ๊ดดดดด…
แสงอาทิตย์ที่ส่องไล่หลังมาทำให้เห็นสภาพภายในห้องน้ำนั้น ประตูด้านในยังคงปิดอยู่ทำให้เจสสิก้าค่อยๆ เดินตรงเข้าไป และผลักประตูเปิดออกเบาๆ เผยให้เห็นสาวร่างสูงที่ยังคงนอนหลับไม่รู้ตื่น ท่าทางของเธอคงกำลังหลับสบายจนน่าอิจฉาเสียทีเดียว
เจสสิก้าเดินมาหยุดอยู่ที่อ่างล้างมือหน้ากระจกและค่อยๆ เปิดก๊อกน้ำเบาๆ พอให้เห็นสายน้ำนั้นไหลรินออกมา
เธอค่อยๆ ถอดเสื้อที่เปื้อนเลือดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นผิวอันขาวเนียนดูน่าหลงใหล เจสสิก้าค่อยๆ ใช้มือนั้นรองน้ำและนำมาล้างเอาคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่ตามตัวออก พร้อมกับมองดูความเรียบร้อยในกระจกอีกครั้ง
ตอนนี้เธอเองก็รู้สึกเหนื่อยจนแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว หากได้นอนสักพัก… ก็คงจะดี
นั่นจึงทำให้เจสสิก้าเดินไปปิดประตูและล็อคเอาไว้อีกครั้ง อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง ก่อนที่จะเดินมายังห้องน้ำด้านในสุดที่ยูริยังคงนอนหลับอยู่ ก่อนที่จะค่อยๆ แทรกตัวเข้าไปอย่างช้าๆ และเบาๆ พยายามไม่ให้เธอต้องรู้สึกตัวขึ้นมา
.
.
.
ก่อนที่จะโอบกอดร่างของยูริเอาไว้บางๆ และผล็อยหลับไปในที่สุด
-------------------------------
แสงแดดที่สาดส่องเข้ามากระทบกับเปลือกตาของซูยองทำให้เธอเริ่มรู้สึกตัวและลืมตาขึ้นช้าๆ ต้อนรับแสงแดดยามเช้าอย่างงัวเงีย แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อคืนก็ทำให้เธอสปริงตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว สายตามองกวาดไปรอบๆ ห้องสีขาวสะอาดที่ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นเป็นเพียงแค่ฝันร้ายตื่นหนึ่ง
แต่เมื่อหันออกมาอีกทาง... สิ่งที่เห็นอยู่ทางด้านนอกกลับทำให้เธอแทบอยากจะเป็นบ้า เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริง... สภาพของกรุงโซลที่เคยดูสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในความคิดของเธอ กลับเหลือแต่เพียงซากปรักหักพังและเต็มไปด้วยซากรถที่กำลังลุกไหม้ เลือดสีแดงสดเปรอะเปื้อนอยู่ตามส่วนต่างๆ ของตัวอาคารจนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
น... นี่มันเรื่องบ้า อ... อะไรกัน...
พร้อมกับลุกขึ้นจากเตียงไปยืนมองอยู่ที่หน้าต่าง สภาพของตัวเมืองที่เต็มไปด้วยเหล่าซากศพเดินได้ ทำให้เธอนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องเมื่อคืนอีกครั้ง แล้วแทยอนล่ะ ?
“ท... แทยอน !!”
พร้อมกับหันมา
ร่างเล็กของแทยอนที่อยู่ทางด้านหลังทำให้เธอรู้สึกตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น เมื่อร่างนั้นกลับยืนนิ่งและเอาแต่ก้มหน้า สภาพที่พร้อมจะล้มได้ทุกเมื่อราวกับหลับทั้งยืนยิ่งทำให้ซูยองรู้สึกระแวงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเนื้อตัวของแทยอนกลับดูซีดจนผิดปกติ
“ท... แทยอน ?”
จังหวะที่แทยอนก้าวเข้ามา ซูยองก็ก้าวถอยไปก้าวหนึ่งจนมันไม่มีทางให้ถอยไปไหนอีกแล้ว
กึกกกก...
แทยอนยังคงก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ ในสภาพที่ดูไม่ต่างอะไรกับผีดิบพวกนั้น ทำเอาหัวใจของซูยองเต้นระรัวไปด้วยความหวาดกลัว จนร่างของแทยอนใกล้เข้ามาจนแทบจะถึงตัวพร้อมกับยกมือขึ้นอย่างช้าๆ สภาพของเธอในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับพวกผีดิบตายซากพวกนั้นเลย
ซูยองเอื้อมมือไปคว้าเอากระถางดอกไม้ที่อยู่ใกล้ๆ มาเตรียมเอาไว้ แม้ว่าไม่อยากจะทำ... แต่มันก็จำเป็น
“ชั้นขอโทษนะ... ท.. แท แทยอน”
พร้อมกับหลับตาและง้างแจกันในมือเตรียมฟาด
“ซ... ซูยอง”
โชคยังดีนักที่ซูยองนั้นหยุดมือของเธอทัน ไม่อย่างนั้นหัวของแทยอนคงจะโชกไปด้วยเลือดสีแดงสดแล้ว ซูยองปล่อยแจกันในมือพร้อมกับจับที่ใบหน้าของแทยอนด้วยความดีใจ
“ขอบคุณพระเจ้าที่เธอไม่เป็นคนพวกนั้น ขอบคุณพระเจ้า...”
“ชั้นรู้สึกเพลียม... มากเลย ร... รู้สึกหัวมันหนักๆ สายตามัน บ... เบลอๆ”
พูดไม่ทันจะจบร่างของแทยอนก็ทรุดฮวบลงไป โชคยังดีนักที่ซูยองสามารถคว้าเอาไว้ได้ทัน แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทำให้ซูยองเห็นสภาพของแทยอนในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน ร่างกายที่ดูซีดเผือดราวกับขาดเลือดทำให้เธอก้มไปดูบาดแผลที่ข้อเท้า และได้เห็นกับรอบแผลเหมือนกับถูกของมีคมบาด และที่สำคัญ มันค่อนข้างจะดูน่ากลัวทีเดียว
ซูยองอุ้มร่างของแทยอนมานอนลงบนเตียง แม้ว่าเธอจะไม่มีความรู้ทางด้านการแพทย์ แต่เรื่องการทำแผล เธอก็เคยผ่านมานักต่อนัก ซูยองเดินไปเปิดดูตู้ภายในห้องเพื่อหาอุปกรณ์ทำแผล แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็หามันไม่พบจนเธอต้องหันกลับมาถามแทยอนที่นอนอยู่
“ท... แทยอน อุปกรณ์ทำแผลพวกนั้นปกติพวกหมอพวกพยาบาลจะเก็บมันไว้ที่ไหนน่ะ ?” [Quest Start]
“ป… ปกติแล้วจ… จะ จะอยู่ที่ห้อง… เก็บอุปกรณ์”
“ห้องเก็บอุปกรณ์ใช่มั๊ย ? ถ้างั้นเธออยู่ในห้องนี้ดีๆ นะ รอชั้นแปปนึง อดทนไว้นะแทยอน แข็งใจเอาไว้ เดี๋ยวชั้นจะรีบกลับมา !”
ไม่ทันที่แทยอนจะได้พูดอะไรต่อ ซูยองก็รีบวิ่งออกมาจากห้องทันที เธอชะงักเท้าและหันกลับมามองที่ประตูห้องอีกครั้ง ทำยังไงถึงจะกันไม่ให้พวกผีดิบเข้าไปกันได้นะ… ซูยองใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ หากเธอล็อคจากทางด้านในแม้ว่ามันจะปลอดภัยสำหรับแทยอน แต่เธอก็ไม่สามารถเข้าไปในห้องได้ หรือถ้าเธอลากเอาพวกเก้าอี้อะไรมาขวางเอาไว้ เวลาที่มีอะไรเกิดขึ้น แทยอนจะหนีได้ไหม ?
จนแม้แต่ซูยองเองก็ไม่รุ้จะทำอย่างไร เธอจึงเลือกที่จะเอาเก้าอี้นั่งทางด้านข้างเลื่อนมาปิดขวางประตูเอาไว้ อย่างน้อยถ้าตอนที่เธอกลับมามันมีการเลื่อนหรือขยับ เธอจะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับแทยอนหรือไม่
หลังจากที่จัดการเรื่องประตูเสร็จ สิ่งที่เธอต้องทำต่อไปก็คือค้นหาอุปกรณ์การทำแผล
แล้วกรุ๊ปเลือดล่ะ ?
เป็นอีกครั้งที่ซูยองต้องหันกลับมาและเลื่อนเอาเก้าอี้นั้นออกไปจากทางก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป
“แทยอน !”
“เธอ… เธอเลือดกรุ๊ปอะไร ?”
ซูยองถามขึ้นพร้อมกับรอฟังคำตอบจากปากของร่างบางที่นอนป่วยอยู่บนเตียง แต่เพราะสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดี ซูยองจึงต้องหาถุงเกลือแร่ที่มักจะถูกเตรียมเอาไว้สำหรับคนไข้ที่รู้สึกเพลีย ด้วยหวังว่ามันจะพอช่วยบรรเทาอาการของแทยอนได้บ้าง ไม่นานนักเธอก็พบมันก่อนที่จะนำมาผสมกับน้ำเตรียมจะส่งให้เธอได้ดื่ม
“เธอเลือดกรุ๊ปอะไรแทยอน ?” [Quest Start]
“อ… โอ”
“โอนะ… งั้นเดี๋ยวชั้นจะรีบกลับมา เธออยู่ในห้องนี้ดีๆ อย่าเปิดประตูให้ใคร ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดๆ ให้อยู่ในห้องเงียบๆ หวังว่าเธอคงจะทำได้นะ ?”
ร่างบางพยักหน้าให้น้อยเป็นเชิงตอบรับ ก่อนที่ซูยองจะรีบตรงออกมาจากห้องและจัดของให้เรียบร้อยดังเดิม เมื่อออกมาพ้นระยะสิ่งแรกที่เธอต้องหาก็คืออาวุธที่พอจะใช้สำหรับการป้องกันตัว เธอเดินมาตามเส้นทางเรื่อยๆ กระทั่งพบกับแท่งไม้ขนาดพอเหมาะเข้า เธอจึงก้มไปเก็บมันขึ้นมา
แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาให้ความรู้สึกอบอุ่น และปลอดภัย เพราะอย่างน้อยเธอก็ยังมองเห็น ต่างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ที่มองอะไรแทบไม่เห็น แต่ก็เพราะแสง… จึงทำให้เธอต้องมาเห็นภาพที่น่าสยดสยองเบื้องหน้า ทั้งซากศพของเหล่าคนไข้หรือหมอต่างก็นอนระเกะระกะจนแทบไม่มีที่ว่างให้ก้าวเดิน
เลือดสีคล้ำเปรอะเปื้อนไปทั่วจนผนังที่เคยเป็นสีขาวดูสะอาดตาถูกย้อมไปด้วยสีแดงของเลือดจนดูน่าหวาดกลัว
จนแม้แต่เธอเองก็ยังไม่กล้าที่จะก้าวเดินต่อ…
.
.
.
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ต้องกัดฟันแข็งใจก้าวเดินต่อไป
กึกก… กึกกก…
ยิ่งใกล้ หัวใจก็ยิ่งเต้นระรัวด้วยความกลัว เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าศพพวกนี้จะลุกขึ้นมาทำร้ายเธออีกหรือไม่ กระทั่งเธอผ่านมาได้แล้วเกือบครึ่งทาง ขาของเธอก็พลาดไปเตะเข้ากับร่างอันไร้วิญญาณของนายแพทย์คนหนึ่งเข้า หากว่ามันเป็นเพียงแค่ศพ เธอก็ยังพอจะทำใจเดินไปต่อได้
แต่นี่มันกลับกลายเป็นผีดิบที่สภาพใบหน้านั้นเละจนดูน่ากลัว ซ้ำร้ายไปกว่านั้น… มันไม่ได้ลุกขึ้นมาเพียบตัวเดียว ทำเอาซูยองต้องก้าวถอยออกมาเพื่อตั้งหลัก แต่จะหนีก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้เธอถูกมันล้อมเอาไว้หมดแล้ว
“บ้าชิบ !”
เธอสบถออกมาเบาๆ แม้ว่าจะรู้สึกกลัว แต่เธอก็ต้องเอาชีวิตรอดไปจากตรงนี้ให้ได้ เพราะตอนนี้แทยอนกำลังรอความช่วยเหลือของเธออยู่ หากเธอไม่สามารถกลับไปได้ทันเวลา จะเกิดอะไรขึ้นกับแทยอนเธอเองก็ยังไม่รู้เลย ซูยองตัดสินใจจับไม้ในมือให้มั่น และถอยออกมาตั้งหลักดูการเคลื่อนไหวของเจ้าผีดิบพวกนี้ที่ค่อยๆ เดินเข้ามาหาเธอทีละตัวๆ
ก่อนที่จะตัดสินใจหวดไม้ในมือเข้าใส่อย่างเต็มแรง
ผัวะ !!!
ร่างนั้นถูกหวดจนหงายล้มลงกับพื้น แต่ก็ลุกขึ้นมาใหม่ จนซูยองต้องหวดซ้ำเข้าใส่อีกครั้ง
ผัวะ !!!!
ไม้ที่ถูกหวดเข้าใส่บริเวณปากอย่างแรงทำให้ฟันหน้าของผีดิบตนนั้นถึงกับหักกระเด็น จังหวะที่มันเสียการทรงตัวซูยองก็จัดการหวดซ้ำเข้าไปอีกครั้งอย่างแรง
“โอออออออ !!!!”
ผัวะ !!!!
.
.
.
ผัวะ !!!!
แต่ไม่ว่าจะหวดมันยังไง มันก็ไม่ยอมล้มลงไปสักที ครั้งแล้วครั้งเล่าที่มันลุกขึ้นมาจนซูยองเริ่มรู้สึกท้อ เธอใช้ไม้ในมือหวดซ้ำเข้าไปที่หัวของมันอีกครั้ง และคาดว่าแรงพอสมควรจนทำให้ได้ยินเสียงราวกับกระดูกหัก อีกทั้งแรงเหวี่ยงที่ไม่ใช่น้อยๆ ทำให้ตัวของมันปลิวไปฟาดกับผนังจนล้มลง
เป็นจังหวะเดียวกับที่ผีดิบตัวที่เหลือจะพุ่งเข้าใส่ ทำให้ซูยองต้องใช้ไม้นั้นฟาดสวนกลับไปอีกครั้งด้วยความตกใจ
ผัวะ !! พลั่คคคคค !!!!
ไม่เพียงแค่นั้น ซูยองกลับไม่สนใจแล้วว่าเจ้าผีดิบพวกนี้มันจะตายหรือไม่ เพราะความรู้สึกเสียวสันหลังแบบแปลกๆ ราวกับสิ่งไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น นั่นจึงทำให้ซูยองเร่งผลักเจ้าผีดิบพวกนั้นออกไปให้พ้นทาง
ปึงง ปึงงงง !!!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นตลอดเส้นทางที่เธอวิ่งผ่านราวกับสิ่งที่อยู่ด้านในพยายามที่จะพังมันออกมา
“โออออออออ !!!!”
ยิ่งเสียงเหล่านั้นดังใกล้เข้ามาเท่าไร ซูยองก็เร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้นเท่านั้น สายตายังคงมองดูผ่านป้ายบอกทิศไปเรื่อยๆ กระทั่งเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าโถงกว้าง ด้านหน้าไกลออกไปมีโต๊ะประชาสัมพันธ์ของอาคารผู้ป่วยที่ตนอยู่ เธอมองดูทั้งซ้ายและขวาจนมาพบเข้ากับแผงผังของอาคารเข้า ซูยองไม่รอช้าเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ทันที
ห้องเก็บอุปกรณ์… ห้องเก็บอุปกรณ์…
เธอพยายามมองหาเจ้าห้องดังกล่าวอย่างเร่งรีบ เพราะตอนนี้เธอต้องเร่งแข่งกับเวลา พลันสายตาเหลือบไปเห็นเข้าเธอจึงใช้นิ้วชี้จิ้มเอาไว้บนแผนที่ก่อนที่จะมองดูจุดที่ตนอยู่ในแผนภาพ กับจุดหมายที่เธอกำลังจะไป เพราะระยะทางนั้นมันไม่ใช่ใกล้ๆ เลย
“บ้าเอ๊ย !”
เธอสบถออกมาพร้อมกับมองหาเส้นทางที่จะไปได้เร็วที่สุด กระทั่งเธอพบกับระเบียงทางเดินที่เชื่อมต่อระหว่างอาคารที่ชั้น 2 ซึ่งเธอต้องลงไปอีก 3 ชั้น ก่อนที่จะต้องเลี้ยวขวาเข้าทางเดินหลักและมุ่งหน้าขึ้นบันไดไปยังชั้น 3 ของอาคารดังกล่าว
“โอออออออ !!!”
เสียงของผีดิบที่ดังใกล้เข้ามาทำให้ซูยองต้องเร่งฝีเท้าออกไปจากจุดดังกล่าว ในหัวพยายามจำแผนที่คร่าวๆ เอาไว้ พร้อมกับเส้นทางที่จะพาเธอไปยังจุดหมายเพื่อกันไม่ให้เกิดการหลง แต่เพราะเวลามีจำกัด อีกทั้งผีดิบก็ใกล้เข้ามาจวนจะถึงตัว ซูยองจึงต้องวิ่งออกมาจากจุดนั้น
พลั่คคค !!
เธอใช้มือทั้งสองข้างผลักเจ้าผีดิบที่ขวางทางอยู่สุดแรงจนมันล้มหงายลงไปกับพื้น ก่อนที่จะหักเลี้ยวและวิ่งมาตรงระเบียงทางเดินที่ค่อนข้างมืด เพราะไร้ซึ่งแสงไฟจากนีออน และแสงจากดวงอาทิตย์ ทำให้มันไม่ต่างอะไรกับบรรยากาศเมื่อตอนกลางคืนเลย
ซูยองพยายามกลั้นใจและวิ่งฝ่าเข้าไปในความมืดนั้น น่าแปลกที่มันกลับไม่มีผีดิบตนไหนอยู่ในบริเวณดังกล่าวเลย จะมีก็เพียงแค่… ซากศพที่นอนเกลื่อนกลาด และที่สำคัญ ซากศพเหล่านั้นก็เพิ่งจะเสียชีวิตมาได้ไม่นาน เพราะเลือดนั้นยังคงไหลรินออกมาจนนองพื้น ราวกับมันเพิ่งจะเกิดอะไรขึ้น
“ช… ช่วย ช่วยด้วยยย…”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือแว่วมาเบาๆ ทำเอาซูยองต้องชะงักฝีเท้าอีกครั้งพร้อมกับพยายามเพ่งสายตาเข้าไปดู เสียงนั้นยังคงดังเป็นระยะๆ แต่ราวกับคนๆ นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ซูยองจึงต้องค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ทีละก้าว
“ช่วย… อ๊ากกกกกก !!!!!”
เสียงกรีดร้องอันโหยหวนที่ดังขึ้นทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง และเพ่งมองไปยังวัตถุที่ดูเหมือนกำลังขยับอยู่เบื้องหน้า เธอลองเพ่งมองดูดีๆ แต่มันก็ไม่จำเป็นอีกต่อไปเมื่อเสียงคล้ายกับหญิงสาวกำลังร้องไห้ดังแว่วสวนออกมา
“ฮึกๆ ฮืออออ…”
เสียงนั้นเธอจำได้ดีไม่มีวันลืม… กระทั่งสิ่งๆ นั้นมันหันเงยหน้าขึ้นมามองซูยอง
เฮือกก !!!
ราวกับถูกสะกดจนไม่สามารถขยับไปไหนได้ พร้อมๆ กับที่ปีศาจสาวตัวนั้นจะค่อยๆ ลุกขึ้นส่งเสียงราวกับกำลังขู่คำราม ดวงตาสีแดงวาบที่จ้องกลับมายังเธอแทบจะทำให้วิญญาณนั้นหลุดลอยออกจากร่าง เหงื่อนั้นไหลออกมาจนแทบจะเปียกชุ่มไปทั้งตัวอีกทั้งอุณหภูมิของร่างกายที่ลดลงอย่างรวดเร็วเพราะความกลัว และความตึงเครียด
บ… บ้าชัดๆ
กระทั่งเจ้าปีศาจสาวเล็บยาวตัวนั้นจะค่อยๆ ขยับและตั้งท่าราวกับเห็นเหยื่อ เสียงเล็บที่เสียดสีกันฟังดูน่าหวาดเสียว ไม่เพียงแค่นั้นมันยังส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจไม่ต่างอะไรกับคนบ้า
แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น… เธอจะทำอย่างไรดีล่ะ ในเมื่อไอเจ้าปีศาจนั่นเหมือนกับจะเห็นเธอเข้าแล้ว
.
.
.
ตึกๆ ตึกกๆ
เสียงหัวใจเต้นระรัวเพราะความกลัวอย่างสุดขีด ในหัวตอนนี้คิดแต่เพียงอยากจะหนีออกไปให้พ้นๆ แต่หากเธอเลือกที่จะหนี ทำอย่างไรเธอถึงจะไปต่อได้ ? หรือหากเธอเลือกที่จะไปต่อ เธอจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไร ?
Time to Survive:0hr 0minutes[Time's Up]
1. เลือกที่จะไปต่อ <-- [This choice was activated]
2. เลือกที่จะถอยกลับ
--------------------------
ต้องขออภัยที่ทำการปิดการโหวดเลือก เพราะตอนนี้คงไม่มีใครลงคะแนนอะไรอีกแล้ว (หรือว่ายังจะมี ?) อันนี้ก็ไม่รุ้นะครับ ที่ปิด เพราะต้องการเร่งเขียนต่อ และที่สำคัญ... เตรียมพบกับการอัพเดต patch ใหม่ ที่จะมาพร้อมกับฉาก Dead End ได้เลย ^^
ส่วนเจ้าฉากที่ว่า จะเป็นอะไรยังไงนั้น... ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปครับ
--------------------------
ต้องขออภัยที่ทำการปิดการโหวดเลือก เพราะตอนนี้คงไม่มีใครลงคะแนนอะไรอีกแล้ว (หรือว่ายังจะมี ?) อันนี้ก็ไม่รุ้นะครับ ที่ปิด เพราะต้องการเร่งเขียนต่อ และที่สำคัญ... เตรียมพบกับการอัพเดต patch ใหม่ ที่จะมาพร้อมกับฉาก Dead End ได้เลย ^^
ส่วนเจ้าฉากที่ว่า จะเป็นอะไรยังไงนั้น... ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น