ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : + + Day 05 : What the + + [แก้คำผิด 100%]
บรืนนนนน...
ตัวรถยังคงขับต่อไปตามเส้นทางเรื่อยๆ มุ่งหน้าสู่สถานีตำรวจ บรรยากาศของตัวเมืองที่มีแต่ซากศพ เศษซากของรถยนต์ที่ถูกเปลวไฟเผาไหม้ และเหล่าผีดิบเดินได้ทำให้กรุงโซลที่เคยสวยงามถูกเปลี่ยนเป็นนรกบนดินไปโดยปริยาย เจสสิก้าหันมองออกไปยังวิวทางด้านนอกของตัวรถ พลันสายตาเหลือบไปเห็นผู้คนที่ยังรอดชีวิตกำลังวิ่งหนีผีดิบที่ไล่ตามมาติดๆ พร้อมทั้งพยายามร้องขอให้พวกเธอช่วย แต่ถึงกระนั้นพวกเธอก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้จริงๆ
ยุนอาที่นั่งอยู่ด้านหน้าเหลือบมองดูเจสสิก้าผ่านทางกระจกหลังอย่างเงียบๆ ต่างฝ่ายก็ต่างไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย กระทั่งยุนอาเบนความสนใจออกไปยังตัวเมืองที่เต็มไปด้วยเหล่าผีดิบกระหายเลือดพวกนั้นแทน
“แล้วนี่อีกนานไหมกว่าจะถึงน่ะ ?”
ยุนอาถามขึ้น
“ก็อีกนิดล่ะ… อย่าน้อยพอไปถึงที่นั่นเราจะได้ไปสมทบกับพวกเจ้าหน้าที่ๆ เหลืออยู่ มันก็พอจะมีโอกาสรอดบ้างล่ะนะ…” เธอตอบกลับก่อนที่จะหักเลี้ยวที่หัวมุมจนเผลอชนเข้ากับคนๆ หนึ่งเข้าไปเต็มๆ
โครมมมม !!!
เอี๊ยดดดดดดด !!!!
ร่างนั้นกระเด็นกลิ้งไปกับพื้นถนน ทำเอายูริตกใจจนเผลอเหยียบเบรกจนรถนั้นจอดสนิท สายตามองตามไปและพบว่าสิ่งๆ นั้นคือผีดิบตายซากที่นอนจมกองเลือดอยู่กลางพื้นถนนเธอจึงรู้สึกโล่งอกขึ้นมาที่สิ่งๆ นั้นไม่ใช่คนก่อนที่เธอจะตัดสินใจเหยียบคันเร่งและขับต่อไปอีกครั้ง
“เมื่อกี้ทำเอาชั้นตกใจหมด นึกว่าเธอจะขับไปชนคนเข้าซะอีก”
“ชั้นเองก็ตกใจไม่น้อยไปกว่าเธอหรอกน่า !”
ยูริบ่นกลับและขับรถต่อไปอีกครั้ง
.
.
.
จนเธอขับมาได้เกือบๆ ครึ่งทาง อยู่ๆ รถที่ขับอยู่ก็เกิดดับลงเสียดื้อๆ
“เวรเอ๊ย !!”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ ?”
เจสสิก้าที่นั่งเงียบมานานเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“อย่าบอกนะว่า… น้ำมันหมด ?”
ยุนอากล่าวเสริมขึ้น
“ก็แล้วมันจะมีอะไรอีกล่ะ… บ้าชะมัด !”
“แล้วนี่พวกเราจะทำยังไงต่อ ?”
เจสสิก้าถามขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทางร้อนรน เพราะเธอที่รู้สึกปลอดภัยยามที่อยู่ในรถ ก็ไม่อยากจะออกไปเสี่ยงอันตรายข้างนอกอีก ส่วนยุนอาก็รู้สึกไม่ต่างอะไรเท่าไรนัก ยูริมองดูเพื่อนสาวของตนก่อนที่จะเหลือบหันไปมองยังบริเวณรอบๆ ที่มีแต่ซากนู่นซากนี่จนเต็มไปหมด
“สงสัยเราคงได้เดินต่อไปจริงๆ น่ะแหล่ะ…”
ยูริเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเปิดประตูลงไปจากรถ
“ฮ… เฮ้ !! รอชั้นเดี๋ยวสิ !”
ยุนอาโพล่งขึ้นและเปิดประตูรถตามเพื่อนสาวออกไป เจสสิก้าที่เหลืออยู่เพียงลำพังก็ไม่มีทางอื่นนอกจากจะรอความตายอยู่ที่นี่ หรือจะร่วมทางไปกับทั้งสองคนนี้ ซึ่งมันก็ดีกว่าอยู่เฉยๆ แล้วรอความตาย เจสสิก้าถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูตามออกมา
“รอชั้นด้วยคนสิ !”
.
.
.
ยูริเดินนำหน้าเพื่อนสาวอีกสองคนมาเรื่อยๆ สายตาพยายามมองหาอะไรที่พอจะใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้บ้าง จนเธอเลี้ยวที่หัวมุมถนนและเห็นรถตำรวจที่จอดกันเรียงรายเป็นแถบ ซึ่งดูเหมือนว่าตรงนั้นจะเคยมีการตั้งด่านสกัดอยู่ แต่ก็คงต้านเอาไว้ไม่ไหวจนพากันแตกออกไป
แสงไซเรนสีฟ้าสลับแดงสว่างวาบพอให้อีกสองคนที่อยู่ทางด้านหลังได้เห็นหนทางเบื้องหน้า ซึ่งจุดที่มีซากรถตำรวจจอดอยู่ ณ. จุดนั้นก็มีเหล่าผีดิบตายซากเดินป้วนเปี้ยนไปมาเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่ามันอาจจะมีอาวุธให้พวกเธอได้ใช้ แต่มันก็เสี่ยงเกินไปอยู่ดี
“แล้วเราจะเอายังไงกันต่อดีล่ะ ?”
ยุนอาหันมาถามยูริเพื่อนสาวขณะก้มลงไปหยิบเอาแท่งไม้ที่วางพิงกำแพงข้างตัวขึ้นมาถือไว้ในมือ
“จะไหวไหมนี่…”
“ยังไงเราก็ต้องเสี่ยง… เพราะมันก็มีโอกาสที่เราจะได้อาวุธมาใช้ป้องกันตัวจากไอผีดิบพวกนี้”
ยูริกล่าวอธิบาย
“แต่เธอดูเอาสิ ยังกะมันมีน้อยๆ งั้นล่ะ !”
“ชั้นก็เห็นด้วยกับเธอนะ… ตรงนั้นมันเสี่ยงเกินไปนะ”
เจสสิก้าเสริมขึ้น
“นั่นสิยูริ ชั้นว่าเราอย่าเสี่ยงเลยดีกว่า… ค่อยไปหาอะไรจากที่อื่นก็ได้ ชั้นว่าแบบนั้นยังจะดีซะกว่า เชื่อชั้นเถอะ”
ยุนอาพยายามพูดโน้มน้าวเพื่อนสาวของตน พร้อมกับเหลือบมองไปยังกลุ่มซากรถตำรวจที่รายล้อมไปด้วยเหล่าผีดิบกระหายเลือดอีกครั้ง ยูริกระชับขวานในมือให้แน่นขึ้น ก่อนที่จะง้างขวานนั้นสับเข้าที่คอของผีดิบตัวหนึ่งที่เข้ามาใกล้ๆ จนคอนั้นแทบจะขาดวิ่ง เลือดสีแดงพุ่งพรวดออกมาก่อนที่ยูริใช้ใช้ขาของเธอเตะเอาร่างนั้นให้กระเด็นออกไป
ชุดเครื่องแบบตำรวจที่ผีดิบตนนั้นสวมอยู่ทำให้ยูริเข้าไปใกล้ๆ และลองตรวจค้นหาอะไรดู ด้วยความหวังที่จะพบอะไรที่มันมีประโยชน์บ้าง แต่เธอกลับไม่พบอะไรเลยสร้างความผิดหวังให้กับยูริไม่น้อย
“แล้วเราจะเอาไงต่อ ?”
ยูริเหลือบมองไปทางรถตำรวจเหล่านั้นอีกครั้ง เหมือนกับอยู่ๆ โอกาสก็มาถึงเพราะเหล่าผีดิบที่อยู่แถวๆ นั้นกลับพากันเดินออกไปจากบริเวณดังกล่าวราวกับมีเหยื่อล่อ เธอลองมองตามไปเรื่อยๆ จนพบเด็กสาวที่อายุน่าจะอยู่ในช่วง 19 – 20 คนหนึ่งกำลังวิ่งหนีผีดิบพวกนั้นอย่างสุดความสามารถพร้อมกับตะโกนร้องขอความช่วยเหลือไปเรื่อยๆ
แต่หารู้ไม่เลยว่า... ยิ่งเสียงดังมากเท่าไร มันก็ยิ่งเรียกเหล่าผีดิบที่อยู่รอบๆ ให้มากัดกินเธอมากขึ้นเท่านั้น
“ใครก็ได้… ช่วย ช่วยด้วยยยยย !!!!”
เด็กสาวคนนั้นยังคงตะโกนร้องต่อไป กระทั่งเธอเสียหลักล้มลงกับพื้นอย่างแรง ท่าทางของเธอที่พยายามถอยกรูดด้วยความกลัวทำให้ทั้งยุนอาและเจสสิก้าอยากจะยื่นมือเข้าไปช่วยให้ได้เสียในวินาทีนั้น แต่ยูริกลับได้แต่ดูอยู่เฉยๆ พร้อมกับพูดขึ้น
“ทำไมทีสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้ เธอถึงอยากจะเสี่ยงเข้าไปล่ะ ?”
“เธอว่าอะไรนะ ?”
ยุนอาถามกลับเพราะแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอได้ยินจากปากของเพื่อนสาวเลย
“ชั้นถามว่าทำไมสถานการณ์เสี่ยงๆ แบบนั้น เธอยังจะเข้าไปช่วยอีกล่ะ ?”
“นี่เธอบ้าไปแล้วรึไงน่ะ ! เธอจะยอมปล่อยให้เห็นคนอื่นตายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่ยอมช่วยเลยรึไง !! ควอนยูริ เธอกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน !!?”
ยุนอาตวาดอย่างเดือดดาล เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ายูริจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้
“ฟังชั้นดีๆ นะ อิมยุนอา… ลองใช้หัวของเธอคิดบ้าง ว่าตอนนี้เรายังสามารถช่วยเหลือใครได้อีก ยังงั้นเหรอ ?”
ยูริกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดไม่แพ้กัน
“ชั้นก็เห็นด้วยกับยูรินะ…”
เจสสิก้ากล่าวเสริมขึ้น
“เธอก็ด้วยอีกคนงั้นเหรอ !?”
“ฟังชั้นให้ดีๆ นะอิมยุนอา… ชั้นจะพูดให้ฟังครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”
เธอเงียบไปสักพัก ก่อนที่จะพูดต่อ
“เธอลองดูบ้าง ว่าตอนนี้เราอยู่ในฐานะที่จะไปช่วยคนอื่นได้อีกเหรอ ? แล้วต่อให้เราเข้าไป ช่วยเธอคนนั้นได้ แต่ตัวเองไม่รอด ชั้นขอถามหน่อยเถอะ ว่าเธอจะเข้าไปเพื่ออะไร ตอนนี้การจะรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ มันก็ยากเต็มทีแล้ว เธอเข้าใจไหม ? ไอตอนที่ชั้นจะเสี่ยงเข้าไปเอาอาวุธ ไปเอาพวกอุปกรณ์อะไรมาใช้ ใครล่ะที่บอกว่าอย่า…”
“ก็เธอเองไม่ใช่รึไง ? แล้วพอเราไม่มีอาวุธ เราจะไปช่วยใครได้ แค่ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดเลย !”
“ถ้า… ถ้าเธอไม่เข้า ชั้นเข้าเองก็ได้ !!”
พูดไม่ทันขาดคำ ยุนอาก็แย่งเอาขวานจากมือของเพื่อนสาวไป พร้อมกับวิ่งตรงเข้าไปช่วยหญิงสาวคนนั้น
“ย… ยัยบ้า !!!”
“ย๊ากกกกกก !!!!!”
ยุนอาใช้ขวานในมือนั้นเหวี่ยงสับเข้าไปที่กลางอกของเจ้าผีดิบตนนั้นอย่างแรง เสียงขวานที่เฉาะเข้าไปกับเสียงกระดูกซี่โครงที่แตกหัก ช่างเป็นเสียงที่น่าสยดสยองยิ่งนัก เลือดที่พุ่งออกมาจากบาดแผลทันทีที่เธอดึงขวานออกกระเด็นเปรอะเปื้อนไปทั่ว
“ยัยบ้าเอ๊ยยย !!!”
ยูริตะโกนลั่นพร้อมกับตามเพื่อนสาวเข้าไปทันทีเพราะความเป็นห่วง สาเหตุที่เธอต้องพูดปรามออกไปแบบนั้น ก็เพราะเธอรู้นิสัยของยุนอาเป็นอย่างดี ตั้งแต่ไหนแต่ไร นิสัยที่ชอบเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงของยุนอาก็ยังแก้ไม่หายเลยสักที เช่นครั้งหนึ่ง ที่ยูริเคยจมน้ำเพราะขาเป็นตะคริว ยุนอาก็ยังกระโดดลงมาช่วยทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังว่ายน้ำไม่แข็ง นั่นยังโชคดีที่มีผู้ใหญ่ผ่านมาเห็นเข้า พวกเธอจึงได้รอด…
แต่ครั้งนี้มันต่างกัน เพราะสถานการณ์ในตอนนี้มันเลวร้ายยิ่งกว่านัก เพราะในตอนนี้… มันไม่มีใครที่จะมาคอยช่วยพวกเธออีกแล้ว นอกเสียจากพวกเธอเอง… การที่จะเอาชีวิตเข้าไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายที่พร้อมจะขาดได้ทุกเมื่อ มันจึงไม่ใช่เรื่องดีเลย ดังเช่นสิ่งที่ยุนอากำลังทำอยู่ในตอนนี้
เพราะหากเธอพลาดขึ้นมา… ก็ไม่มีใครจะช่วยเหลือเธอได้อีกแล้ว
.
.
.
“ย… ยัยบ้า !!!!”
ยูริตวาดลั่นพร้อมกับใช้หมัดขวาของตนต่อยซัดเข้าไปที่ใบหน้าของผีดิบตรงหน้าอย่างแรง
ผัวะ !!!
พร้อมกับตามเข้าไปเตะซ้ำเพื่อเปิดทางจนร่างนั้นกระเด็นล้มไปกับพื้น ในตอนนี้เธอไม่ได้เป็นห่วงตัวของตัวเองเลย สิ่งที่เธอเป็นกังวลมากที่สุดก็คือยุนอาเพื่อนสาวของเธอ… เท่านั้น
พลั่คคคค !!!!
แม้แต่ยูริเองก็ขาดความระวังตัวไปด้วยจนเจสสิก้าต้องใช้แท่งไม้ที่เพิ่งจะเก็บมาหวดอัดเข้าไปที่ใบหน้าของผีดิบตัวนั้นอย่างแรงจนไม้ในมือนั้นหัก เพียงแค่นั้นยังไม่พอ เธอยังเอาส่วนที่เหลืออยู่แทงเข้าปากที่อ้ากว้างนั้นอย่างแรงจนมันแทบจะทะลุกะโหลกศีรษะ
พรวดดดด !!!!
เลือดสีแดงสดพุ่งพรวดออกมาจนเฉียดใบหน้าของพวกเธอไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยูริบิดตัวตวัดและอาศัยแรงเหวี่ยงนั้นเตะซ้ำเข้าไปที่ลำตัวของผีดิบพวกนั้นอย่างแรงจนมันกระเด็นไป สายตายังคงจับจ้องไปยังยุนอาเพื่อนสาว ก่อนที่จะเกิดแรงระเบิดขึ้นที่หม้อแปลงบริเวณด้านข้างของอาคาร
ตูมมมมมม !!!!!
ด้วยแรงระเบิดอันมหาศาลทำให้อาคารที่อยู่ด้านข้างของเสาไฟฟ้าต้นนั้น ชั้นสองทางด้านบนของจุดที่ยุนอาเพิ่งจะเข้าไปถึงได้ทรุดตัวและถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา
“ไม่… ไม่นะ”
.
.
.
“ม่ายยยยยยยย !!!!!!”
--------------------------
--------------------------
ครืนนนนนน…
เศษชิ้นส่วนของคอนกรีตที่ถล่มลงมาทับถมกันจนฝุ่นนั้นคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณทำให้มองอะไรแทบไม่เห็นเลยทีเดียว ยูริที่ถูกเจสสิก้าดึงเสื้อเอาไว้สามารถรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด น้ำตาใสๆ นั้นไหลรินจนอาบแก้มเมื่อเธอต้องสูญเสียเพื่อนสาวที่รู้จักกันมานานไปต่อหน้าต่อตา
“ยุน… ยุนนนนน !!!!”
เธอยังคงแหกปากตะโกนอย่างบ้าคลั่งด้วยความหวังที่ว่าเพื่อนสาวของเธอจะไม่เป็นอะไร หวังว่ายุนอาจะเดินกลับออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเฉกเช่นทุกครั้ง แต่ความหวังนั้นมันไม่มีทางเป็นจริงไปได้เลย ในเมื่อยูรินั้นเห็นยุนอาได้ตายจากไปต่อหน้าต่อตา
“ไม่… ม่ายยยยยยยยยย !!!!!”
.
.
.
เปรี้ยงงง !!!
ยูริซัดหมัดขวาของเธอเข้าใส่กระจกในห้องน้ำอย่างแรงจนมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ สาเหตุก็เพราะเธอไม่สามารถช่วยเพื่อนของเธอเอาไว้ได้ เจสสิก้าที่อยู่ข้างๆ ก็พยายามจะห้าม แต่ยูริในตอนนี้ดูช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน แววตาแข็งกร้าวจนแม้แต่เจสสิก้าเองก็ยังรู้สึกหวั่นๆ
“โถ่เว้ยยยย !!!!”
ยูริตะโกนออกมาอีกครั้งพร้อมกับจะง้างหมัดที่ชุ่มไปด้วยเลือดซัดเข้ากำแพงอีกครั้ง จนเจสสิก้าต้องห้ามเอาไว้
“ปล่อย !!”
“ม... ไม่ !!”
“ชั้นบอกให้ปล่อยยย !!!!”
เพี๊ยะ !!!
แรงตบที่ปะทะเข้ากับใบหน้าทำเอายูริถึงกับช็อคและค้างไปเกือบนาที จนเจสสิก้าต้องง้างมือของยูริเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอต้องมาทำร้ายตัวเองอีก
“นี่เธอจะบ้าไปถึงไหนฮะ !? ชั้นขอถามเธอหน่อยเถอะ มาทำร้ายตัวเองแบบนี้แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา !”
“แล้วเธอจะให้ชั้นทำยังไงล่ะ !! เธอจะให้ชั้นทำยังไง !!!!”
น้ำตาใสๆ ค่อยๆ ไหลรินออกมาจนอาบแก้ม เป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างของยูริจะค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ในสายตาของเจสสิก้า ยูรินั้นเป็นหญิงสาวที่เข้มแข็งและสามารถพึ่งพาฝากความหวังได้... กลับดูอ่อนแอลงจนน่าใจหาย จนแม้แต่เจสสิก้าเองก็ยังรู้สึกแย่ตามไปด้วย
“ฮือออๆ”
“นี่ชั้นควรจะทำยังไง... ชั้นควรทำยังไง...”
จนเจสสิก้าตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปหาพร้อมกับโอบกอดร่างของยูริเอาไว้อย่างแผ่วเบา ร่างที่สั่นเทาไปด้วยความเจ็บปวดทำให้เจสสิก้าก็รู้สึกร่วมไปด้วยกันกับเธอราวกับหัวใจของทั้งคู่นั้นสามารถสื่อได้ถึงกัน ยิ่งเห็นว่ายูริได้สูญเสียเพื่อนสาวของเธอไป มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา เพราะตอนนี้เธอเองก็ยังไม่รู้ชะตากรรมของน้องสาวของเธอเลย
เจสสิก้ายังคงโอบกอดร่างของยูริเอาไว้อย่างนั้นก่อนที่จะค่อยๆ หลับตาลงและสัมผัสได้ถึงแรงโอบกลับจากสาวร่างสูงที่อยู่ในอ้อมกอด ยูริซบใบหน้าเข้ากับอกอิ่มของเจสสิก้าพร้อมกับปล่อยโฮออกมา ถึงแม้ว่ายูริจะเป็นคนที่เก่งยังไง… แต่เธอก็ยังเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
ที่เจ็บเป็น…
เศร้าเป็น…
และ…
ร้องไห้เป็น…
“ฮือๆ”
ยูริยังคงเอาแต่นั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น เช่นเดียวกับเจสสิก้า แม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้จักยูริมาก่อน แต่เธอกลับรู้สึกสงสารหญิงสาวตรงหน้าเป็นอย่างมาก ราวกับมองเห็นภาพของตัวเองที่กำลังเศร้าเสียใจ หากว่าคนที่จากไปไม่ใช่ยุนอา แต่เป็นคริสตัล น้องสาวของเธอ
หากเปลี่ยนจากยุนอาเป็นคริสตัล สภาพของเธอก็คงไม่ต่างอะไรกับยูริในตอนนี้
ยูริที่ผล็อยหลับไปทั้งน้ำตาทำให้ตอนนี้เจสสิก้าต้องเป็นฝ่ายที่จะต้องคอยตรวจตราความเรียบร้อยและปกป้องยูริเสียบ้าง เธอเริ่มจากการเดินออกมาจากห้องน้ำสาธารณะนั้นอย่างเงียบๆ เฝ้าดูว่ามีการเคลื่อนไหวของเหล่าผีดิบรอบๆ ตัวหรือไม่ แต่สิ่งที่เธอเห็นในตอนนี้มีเพียงแต่ความว่างเปล่าและความน่ากลัวของยามค่ำคืนที่ไร้ซึ่งผู้คนเท่านั้น
แม้ว่าจะมีแสงไฟจากเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ แต่นั่นมันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เห็นหนทางอยู่ดี
เจสสิก้าตัดสินใจหันหลังกลับมาและตรวจดูว่ายูรินั้นอยู่ในห้องน้ำปลอดภัยดีหรือไม่ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจปิดประตูเสีย อย่างน้อยมันก็ยังพออุ่นใจขึ้นมาบ้างก่อนที่จะมองไปยังรอบๆ ตัวเพื่อหาอาวุธที่พอจะใช้ป้องกันตัวได้บ้างขึ้นมา เจสสิก้าลองเดินห่างออกมาอย่างระมัดระวัง สิ่งที่เธอเจอก็ไม่พ้นกิ่งไม้อันเปราะบาง ซึ่งหาประโยชน์ไม่มี
นี่มันพอจะมีอะไรให้ใช้ได้มั่งไหมนะ ?
เธอคิดในใจและเดินหน้าต่อไป สายตายังคงมองซ้ายมองขวาตลอดก่อนที่จะลองหันกลับไปดูห้องน้ำจุดที่ยูริอยู่ ซึ่งมันก็ไกลออกมาพอสมควร
กึกกก… กึกกกกๆ
เสียงที่เหมือนกับมีอะไรกำลังขยับอยู่ในที่มืดด้านหน้าทำให้เจสสิก้าถึงกับชะงักฝีเท้าและเพ่งมองเข้าไปยังจุดๆ นั้น ความกลัวตรงเข้ามาเล่นงานเธออีกครั้งเพราะเธอเองก็รู้สึกกลัวที่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้ และในสถานการณ์ที่มันเลวร้ายเช่นนี้ อีกทั้งเธอก็ยังไม่รู้ด้วยว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของเธอนั้น…
มันคืออะไรกันแน่…
เธอค่อยๆ ก้าวต่อไปอย่างช้าๆ ยิ่งใกล้เท่าไร เสียงหัวใจของเธอก็จะยิ่งเต้นแรงขึ้น และดังขึ้นมากเท่านั้น
กึกกก…
จนปลายขาสะดุดเข้ากับเศษไม้ที่หักออกมาจากร้านแผงลอยเข้า เธอจึงเปลี่ยนเป้าไปที่ร้านนั้นและลองหาสิ่งที่พอจะมีประโยชน์ได้บ้าง จนในที่สุดเธอก็พบมีดทำครัวเล่มหนึ่ง ถึงแม้ว่าขนาดมันจะไม่ใหญ่มาก แต่มันก็ได้ความยาวเข้ามาทดแทน อย่างน้อยมันก็ทำให้เจสสิก้าในตอนนี้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเปลาะหนึ่ง
กึกกๆ กึกกกกก…
เสียงนั้นเริ่มดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนเจสสิก้าถึงกับชะงักและหันกลับไปดูทางด้านหลังของตน
“โอออออออ !!!!!”
และสิ่งที่ตรงเข้าจู่โจมเธอโดยไม่ทันให้ได้ตั้งตัวก็คือผีดิบกระหายเลือดตนหนึ่ง การจู่โจมดังกล่าวทำให้ทั้งมันและเจสสิก้าต่างก็เสียหลักล้มลงกับพื้นจนหัวนั้นกระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรง
“โอ๊ยยย !!!”
พร้อมๆ กับที่มีดนั้นจะกระเด็นหลุดออกจากมือไป
ความปวดหัวอย่างรุนแรงที่ราวกับสมองนั้นถูกกระทบกระเทือนทำให้สายตานั้นเบลอจนใช้การแทบไม่ได้ จากผีดิบที่กำลังคร่อมอยู่เพียงหนึ่ง กลับเห็นมันเพิ่มขึ้นเป็นสอง เธอพยายามใช้แขนนั้นยันที่หัวของเจ้าผีดิบตนนั้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถพร้อมกับพยายามดิ้นให้หลุดออก
“อ… ออกไปนะ !!!”
“แฮ่ !!!!”
“ออกไป !!!!!”
ทั้งเข่าที่พยายามจะกระแทกถีบตัวมันออก ทั้งแขนที่พยายามดันและตบตีไปอย่างสุดแรง ดูเหมือนมันจะไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกกลัวอย่างสุดขีดทำให้มือไม้เริ่มสั่นจนเรี่ยวแรงนั้นแทบจะมลายหายตามไปด้วย เจสสิก้าพยายามเหลือบซ้ายแลขวาหาสิ่งของที่จะสามารถช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ได้
กระทั่งเธอเหลือบไปเห็นเก้าอี้ไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ที่มือเธอพอจะเอื้อมถึง
“ธ… โธ่เว้ยย !!!”
เธอยังคงไม่ละความพยายามดังกล่าวและเอื้อมมือออกไปจนนิ้วมือนั้นสัมผัสกับขาเก้าอี้ แต่อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น… อีกเพียงนิดเดียวเธอก็จะคว้ามันมาได้แล้ว
อีกแค่… นิดเดียว
เจสสิก้าตัดสินใจดึงมือกลับเพราะมันเกินจากระยะ จนตัวของเธอพลิกกลับมาคร่อมอยู่บนผีดิบสาวตัวนั้นอย่างบังเอิญ แต่ถึงกระนั้นเจ้าผีดิบตัวนั้นก็ยังไม่ละความพยายามที่จะกัดกินเนื้อสดๆ ของเจสสิก้า ทันทีที่มันคว้าข้อมือของเจสสิก้าได้ มันก็ตรงเข้าจะกัดทันที
.
.
.
“อ… โอ๊ยยยยย !!!!!”
----------------------
เกิดอะไรขึ้นกับเจสสิก้ากันแน่ !? เธอโดนอะไรเข้า ?
แล้วเธอจะรอดออกไปจากสถานการณ์นี้ ได้หรือไม่...
โปรดติดตามตอนต่อไป...
----------------------
เกิดอะไรขึ้นกับเจสสิก้ากันแน่ !? เธอโดนอะไรเข้า ?
แล้วเธอจะรอดออกไปจากสถานการณ์นี้ ได้หรือไม่...
โปรดติดตามตอนต่อไป...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น