ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : + + Chapter 2 + + [100%]
“ไม่เห็นมีแผ่นดินไหวอะไรเลยนี่
คุณเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ ?”
เธอเงียบไปสักพักก่อนที่จะพูดต่อ
“แล้วอีกอย่าง
ฉันไม่ได้ชื่อยูริอาอะไรนั่นอย่างที่คุณเรียกนะคะ
ฉันชื่อยูระ”
.
.
.
“ควอน ยูระ”
“ธ
เธอ เธอว่าไงนะ !?” เจสสิก้าถามทวนอีกครั้ง
“ฉันชื่อ ควอน ยูระ น้องสาวฝาแฝดของ ควอน ยูริ ค่ะ
”
เธอตอบกลับมา เมื่อได้ยินดังนั้น เจสสิก้าก็ถึงกับช๊อคไปในทันที ราวกับเรี่ยวแรงที่เคยมีมันถูกดูดออกไปจนหมดสิ้น แข้งขาเริ่มอ่อนและไร้เรี่ยวแรงจนกระทั่งทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างไม่รู้ตัว
ตุบบ
“ป... เป็นอะไรมากรึเปล่าคะ !!?”
ยูระที่ไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจสสิก้ากับยูริรู้สึกตกใจไม่น้อย เมื่ออยู่ๆ หญิงสาวผมสีบลอนด์ตรงหน้าร้องไห้โฮออกมาอีกทั้งยังทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ฮืออๆ”
เวลาผ่านไปนานพอสมควร กว่าการที่เจสสิก้าจะยอมสงบสติอารมณ์ลง ถึงแม้น้ำตาจะไม่หลงเหลือแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับรู้ความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้น
เป็น
เพียงแค่
ความฝัน
และยูริที่เธอรักก็ได้ตายจากไปแล้ว หลงเหลือไว้เพียงแค่เธอเท่านั้น
ยูระมองดูหญิงสาวผมบลอนด์ที่นั่งสะอื้นอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆ ในใจเธอก็รู้สึกเป็นห่วงอาการของเจสสิก้า และอีกเรื่องที่เธออยากจะรู้ก็คือความเกี่ยวข้องระหว่างเธอกับพี่สาว แต่ถึงแม้จะอยากรู้มากขนาดไหน เธอก็ไม่อยากจะเข้าไปขัดจังหวะของเจสสิก้าในขณะนี้เลย
เพราะเธอเองก็รู้ว่าการที่รู้สึกเศร้า หรือไม่ชอบใจเรื่องอะไร คนเรามักอยากจะอยู่อย่างเงียบๆ ตามลำพังเท่านั้น
เธอเลือกที่จะถอยออกมาและปล่อยให้เจสสิก้าได้อยู่ตามลำพัง โดยที่เธอเองก็คอยช่วยจับตาดูอยู่ห่างๆ เท่านั้น เพราะนั่นคือสิ่งที่ยูระพอจะทำได้ในขณะนี้
เวลานี้
เวลายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนเคลื่อนเข้าสู่เวลาบ่ายของช่วงวัน เจสสิก้าเดินออกมาหยุดอยู่ที่ระเบียงด้านนอก กระแสลมที่พัดผ่านไปมาอยู่ๆ ก็หยุดลงราวกับเวลารอบกายหยุดหมุน
แม้แต่นกที่เกาะอยู่บริเวณสายไฟไม่ไกลจากเธอนัก มันยังคงแน่นิ่งราวกับสายตากำลังจดจ้องมาทางเธอ
แม้แต่ใบไม้ที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ
มันก็ยังหยุดค้างอยู่แบบนั้น
“เธอมองอะไรอยู่เหรอ สิก้า ?”
เสียงของยูริที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังจึงทำให้เวลารอบกายนั้นเริ่มหมุนต่ออีกครั้ง ใบไม้ใบนั้นปลิวร่วงหล่นลงสู่พื้น นกน้อยตัวนั้นโผออกจากสายไฟเส้นนั้นและโบยบินต่อไปบนท้องฟ้าสีคราม
สัมผัสของอ้อมกอดอันอบอุ่นจากยูริทำให้เจสสิก้าสะดุ้งและหันกลับไปมองดูคนทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ใบหน้าจะเหมือนกับยูระ แต่จากท่าทางการกระทำ อีกทั้งน้ำเสียงที่พูดออกมา
คนนี้คือยูริ
แน่ๆ
แต่ทำไม
เจสสิก้ารู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก จนแทบจะแยกไม่ออกว่าเรื่องไหนคือเรื่องจริง และเรื่องไหนคือความฝัน จากข้อมูลที่เธอมีในตอนนี้ ยูริที่เห็นตรงหน้านั้นไม่ควรจะมีตัวตนมาอยู่ตรงนี้ได้ เพราะเธอเห็นกับตาว่ายูริฆ่าตัวตายเพราะเธอ อีกทั้งยังมียูระ น้องสาวของยูริมาช่วยยืนยันอีกด้วย
“เธอเป็นอะไรไปน่ะสิก้า
ทำอย่างกับเห็นผียังงั้นแหล่ะ”
ยูริพูดพร้อมกับโอบกอดเธอแน่นขึ้น
เจสสิก้าลองหยิกตัวเองเพราะตามความเชื่อแล้ว หากเราอยู่ในโลกแห่งความฝัน เราจะไม่รู้สึกเจ็บ
อ
โอ๊ยยย
เธอสะดุ้งพร้อมกับมองดูที่แขนของตัวเองที่เป็นรอยแดงจากการหยิก ความเจ็บปวดเมื่อครู่ทำให้เจสสิก้ามั่นในว่ายูริตรงนี้ ไม่ใช่ภาพลวงตา นั่นจึงทำให้น้ำตาแห่งความปิติไหลรินออกมาอีกครั้ง และโอบกอดคนรักของเธอเอาไว้อย่างแนบแน่น
ให้แน่นที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
“อ
โอ๊ยยยยย !!! แผลชั้น สิก้า แผลลล !!!!”
ยูริโวยลั่นเมื่อเจสสิก้ากอดเข้าที่บริเวณแผลของเธอ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ข ขอโทษ ! สิก้า
สิก้าไม่ได้ตั้งใจ !”
เธอพูดพร้อมกับสปริงตัวออกมาทันที
“เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ยสิก้า ! เมื่อวานก็ทีนึงแล้วนะ วันนี้ก็อีกรอบ คอยดูเถอะแผลชั้นไม่หายซะที !”
ยูริพูดอย่างเคืองๆ ทำเอาเจสสิก้ารู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้ง
และก็อย่างเคย ยูริดีดหน้าผากของเจสสิก้าเบาๆ พร้อมกับยิ้มออกมา
“ทีหลังจะกอดน่ะ จำเอาไว้บ้างว่าแผลเค้าอยู่ตรงนี้”
ก่อนที่จะดึงร่างของเจสสิก้าเข้าไปโอบกอดเอาไว้เบาๆ แต่ถึงอย่างนั้น
เธอก็ยังอดสงสัยเรื่องของคนรักเธอไม่หาย รวมไปถึงเรื่องของยูระด้วย
เจสสิก้าค่อยๆ ดันตัวออกจากอ้อมกอดของคนรัก ก่อนที่จะพูดขึ้นเบาๆ
“ยูริอา
”
“อะไรเหรอสิก้า ?”
“สิก้ามีเรื่องอยากจะถามเธอหน่อย
” เธอพูดพร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมองยูริ
“
”
“เรื่องของ
ยูระ น้องสาวของเธอ”
เรื่องของ
ยูระ น้องสาวของเธอ
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของยูริก็ดูเปลี่ยนไปทันที จากใบหน้ายิ้มแย้มจะแปรเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย เพราะอะไรอย่างนั้นน่ะเหรอ
? ก็เพราะว่าครั้งหนึ่งเธอเคยเล่าถึงเรื่องครอบครัวของเธอให้กับเจสสิก้าได้ฟังไปแล้ว และนั่นก็รวมถึงการที่น้องสาวของเธอยูระได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปด้วยในเหตุการณ์ครั้งนั้น
แต่ในเมื่อเจสสิก้าเป็นฝ่ายถาม เธอก็จะตอบ แม้ว่ามันจะทำให้เธอรู้สึกแย่ก็ตาม
“เธอจำได้ไหมสิก้า
ในวันที่ฝนตกวันนั้น ที่เธอเล่านิทานให้ชั้นฟังน่ะ
”
ยูริถามกลับ
“จำได้สิ
”
“แล้วเธอจำได้ไหมว่าชั้นเล่าอะไรให้เธอฟัง
”
“
”
เจสสิก้าเงียบและพยายามคิดตามในสิ่งที่ยูริพูด
“ครอบครัวของชั้นประสบอุบัติเหตุตายหมด รวมถึงน้องของชั้นด้วย เธอจำไม่ได้เหรอเจสสิก้า
”
น้ำเสียงของยูริที่แฝงความรู้สึกเจ็บปวดผ่านออกมาทางคำพูด ทำให้เจสสิก้าสลดลงทันที
จริงอย่างที่ยูริว่า
ยูระน้องสาวฝาแฝดของยูริประสบอุบัติเหตุตายไปแล้ว ท่องเอาไว้เจสสิก้า
เธอตายไปแล้ว !
ไม่มีทางที่จะมีตัวตนขึ้นมาอีกแล้ว !
.
.
.
เจสสิก้าโอบกอดร่างของคนรักเอาไว้อีกครั้ง โดยที่เลี่ยงบริเวณแผลของยูริเอาไว้ ใบหน้าซบเข้ากับอกอิ่มของคนรัก ยูริก้มลงมองการกระทำของคนรักและยิ้มออกมาบางๆ ก่อนที่จะจุมพิตที่กลางกระหม่อมของเจสสิก้าเบาๆ ด้วยความรักเหมือนกับทุกครั้ง
“แล้วเรื่องแผ่นดินไหวเมื่อคืนล่ะ !?”
เจสสิก้าเงยหน้าขึ้นมาถามยูริอีกครั้ง
“แผ่นดินไหวอะไรของเธอน่ะสิก้า ?”
ไม่ต่างจากยูระ ยูริเองก็ไม่รู้เรื่องแผ่นดินไหวอะไรนั่นเลย นั่นกลับสร้างความสงสัยให้กับเจสสิก้าอีกครั้ง เพราะเธอจำภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน แผ่นดินไหวอย่างรุนแรงที่ทำให้ข้าวของต่างๆ พากันล้มกระจัดกระจาย พื้นที่เอียงขึ้นเกือบ 45 องศา และเพดานห้องที่ร่วงลงมาทับเธอ
เจสสิก้ามองดูเพดานจุดที่ว่า ซึ่งมันยังคงอยู่ที่เดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แผ่นดินไหวเมื่อคืน
”
เจสสิก้าพูดทวนอีกครั้ง
“เธอฝันไปเองน่ะสิสิก้า
เพราะหลังจากที่หัวถึงหมอน เธอก็หลับไปเลยจำไม่ได้เหรอ
เธอเป็นคนบอกชั้นเองว่าอยากจะนอนพักเพราะเหนื่อยนะสิก้า”
ยูริตอบกลับและเงียบไปสักพัก ก่อนที่จะพูดขึ้นอีกครั้ง
“แล้วถ้าหากมันมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นจริงๆ นะ
ข้าวของที่เห็นมันคงไม่อยู่ที่เดิมแบบนี้หรอกสิก้า เธอน่ะคิดมากจนเก็บไปฝันร้ายเองน่ะสิ”
เจสสิก้าฟังในสิ่งที่ยูริพูดพร้อมกับเอาเก็บมาคิดเงียบๆ
มันก็จริงอย่างที่ยูริพูด
เธอคงจะเหนื่อยมากและเก็บเอาไปฝันร้ายเองเสียมากกว่า
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตกใจตื่นเพราะฝันร้ายเรื่องแผ่นดินไหว
หรือเรื่องของยูระก็ตาม
“ชั้นว่าเธอนอนพักสักหน่อยน่าจะดีกว่านะสิก้า
เพราะดูท่าทางเธอเพลียๆ เหลือเกินนะ เดี๋ยวจะไม่ไหวเอา”
ยูริพูดเตือนคนรักด้วยความเป็นห่วง เจสสิก้าพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงตอบรับ
เธอเดินกลับมาที่เตียงก่อนที่จะคลานขึ้นไปและดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มตัวเอาไว้ ยูริมองดูคนรักของเธอและยิ้มออกมาน้อยๆ เธอปีนขึ้นมาบนเตียงและนั่งลงข้างๆ เจสสิก้าคนรักและก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากของเธอเบาๆ
รสจูบนั้นยังคงอ่อนหวานและนุ่มนวลไม่เคยเปลี่ยน
“ฝันดีล่ะ ^^”
“อ
อือ”
เธอตอบกลับและยิ้มออกมาบางๆ ก่อนที่จะผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย
เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งและพบว่ายูรินั้นนอนหลับอยู่ข้างๆ ใบหน้ายามหลับของเธอนั้นดูช่างสวยงามน่าหลงใหลไม่เคยเปลี่ยน รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจสสิก้าอีกครั้ง เธอมีความสุขเหลือเกินเมื่อพบว่าตื่นขึ้นมาแล้วไม่ใช่ความฝันเหมือนที่ผ่านๆ มา
เธอล้มตัวนอนลงอีกครั้งและโอบกอดร่างของยูริเอาไว้เบาๆ ด้วยความรัก
เวลาผ่านไปนานหลายนาทีกว่าที่เจสสิก้าจะตัดสินใจลุกขึ้นมาจากเตียง เธอเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าต่างและใช้สายตามองออกไปอย่างเหม่อๆ วิวทิวทัศน์ที่ดูแปลกตาสามารถดึงดูดความสนใจของเจสสิก้าได้เป็นอย่างดี เธอไม่เคยเห็นโครงสร้างของอาคารที่ดูแปลกตาขนาดนี้มาก่อน แม้ว่าจะเห็นอยู่เพียงไกลๆ แต่เพราะสีสันของมันก็ทำให้ดูสวยงามไม่น้อย หากเป็นช่วงกลางคืน มันจะสวยขนาดไหนกันนะ
เธอเหลือบหันกลับมามองยูริอีกครั้งและยิ้มออกมาบางๆ ก่อนที่จะเปิดประตูออกมาจากห้องนอนและลงมายังชั้นล่าง พลันสายตาเหลือบมาเห็นสวิตซ์ไฟที่ครั้งหนึ่งเธอพยายามจะเปิด แต่ถูกยูริมาทักเอาไว้เสียก่อน และด้วยความอยากรู้ เธอจึงเดินมาเลื่อนแถบสวิตซ์ไฟออก แผงรหัสลับที่ถูกซ่อนไว้จึงเริ่มต้นทำงาน
Ø [LOCK] [UNLOCK]
Ø [UNLOCK]
เจสสิก้ากดเลื่อนมาที่ปลดล็อค ก่อนที่แถบตัวเลขจะแสดงขึ้นมา
เธอพยายามนึกถึงรหัสผ่านดังกล่าว แต่ไม่ว่าจะพยายามนึกยังไงมันก็นึกไม่ออกเลย เจสสิก้าลองคิดย้อนกลับไปถึงตัวเลขที่ยูริมักจะพูดติดปาก แต่มันเลขอะไรล่ะ
?
“โถ่เว้ย !”
เธอสบถออกมาเบาๆ พร้อมกับเอามือเกาศีรษะอย่างหงุดหงิด
เจสสิก้าลองสุ่มกดตัวเลขมั่วๆ ดู ซึ่งเอามาจากวันเดือนปีเกิดของยูริ
PASSWORD ACCESS!
ทั้งๆ ที่เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่สุ่มมามั่วๆ อย่างสิ้นคิด แต่มันกลับใช้ได้จนทำให้เจสสิก้ารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เสียงกลไกที่เริ่มต้นทำงานมันก็ดังพอที่จะทำให้หญิงสาวที่นอนอยู่ชั้นบนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
เจสสิก้ายกประตูลับที่พื้นออกและเอาเหล็กด้านในที่ยื่นออกมาดามเอาไว้ ก่อนที่จะก้าวเดินลงบันไดมาตามทางเรื่อยๆ สวิตซ์ไฟที่อยู่ข้างๆ ถูกเปิดพร้อมกับแสงไฟที่สว่างขึ้นส่องไปตามเส้นทางลึกเข้าไปด้านใน จนกระทั่งมาถึงปะตูด้านในอีกชั้น
แกร๊กกก
ทันทีที่ประตูเลื่อนเปิดออก เจสสิก้าก็ก้าวขาเดินเข้าไปด้านในทันที แต่เพราะความมืดที่อยู่ภายในห้องจึงทำให้มองอะไรแทบไม่เห็นเลย
“สวิตซ์ไฟอยู่ตรงไหนเนี่ย
” เธอบ่นกับตัวเองเบาๆ
“ตรงนี้ไง
”
“ว๊ายยยยยย !!!”
เพราะเสียงของยูริที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังจึงทำให้เจสสิก้าตกใจสะดุ้งจนหลังติดข้างฝา แสงไฟที่สว่างวาบขึ้นทำให้เห็นสภาพของห้องสีขาวโล่ง ซึ่งมันแทบจะเหมือนกับที่นิวยอร์คไม่มีผิด
มีเพียงตู้ที่เอาไว้ใช้เก็บปืน และเป้าสำหรับซ้อมยิงเท่านั้น
“นี่เธอยังเก็บปืนพวกนี้เอาไว้อีกเหรอ ?”
น้ำเสียงของเธอกลับมาเคร่งเครียดขึ้นพอสมควร
“แหงสิ
เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีใครมาตามล่าเราอีกไหม จะเก็บเอาไว้ใช้ป้องกันตัวเวลาจำเป็น
มันก็ไม่เสียหายอะไรนี่ ?” ยูริพูดอธิบายพร้อมกับยกเอามือขึ้นป้องปากหาว ดูท่าเธอยังคงไม่อยากจะตื่นเท่าไรนัก
“ทำไมงั้นเหรอสิก้า ?”
“ไม่ใช่ว่าเธอยังแอบไปทำงานอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้นอีกนะ ชั้นไม่ยอมจริงๆ ด้วย”
เธอพูดออกไปตามความรู้สึกของตน เพราะเธอไม่อยากเห็นคนที่เธอรักต้องไปเสี่ยงตายแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว ยูริยิ้มออกมาบางๆ และดึงร่างของคนรักเข้ามากอดเอาไว้อีกครั้ง พร้อมกับกระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ
“แน่นอนสิเจสสิก้า
ชั้นจะไม่ทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้นอีกแล้ว”
.
.
.
“ชั้นสัญญา
”
เธอเงียบไปอีกครั้ง
“ชั้นจะอยู่กับเธอตลอดไป
”
พร้อมกับเชยคางของเจสสิก้าขึ้นมาและจูบเธออย่างแผ่วเบา
พระอาทิตย์ที่เริ่มลับขอบฟ้าไปทีละน้อย ทำให้บรรยากาศในตอนนี้ดูโรแมนติกยิ่งนัก แสงแดดสีส้มที่สะท้อนกับผืนน้ำดูเป็นประกายสวยงาม สายลมเย็นที่พัดโชยไปมาหอบเอากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้นานาชนิดมาด้วย เจสสิก้าเดินเลียบคลองมาเรื่อยๆ ตามหลังมาด้วยยูริคนรัก
“สวยจัง
”
เธออุทานออกมาเบาๆ และยิ้มออกมาอย่างชอบอกชอบใจ ยูริที่เห็นดังนั้นเธอก็พลอยมีความสุขไปด้วย เธอเดินเร่งฝีเท้าขึ้นมาและคว้ามือของเจสสิก้ากุมเอาไว้อย่างอ่อนโยน เธอหันกลับมามองยูริและยิ้มกว้าง
ไม่ว่าเมื่อไร รอยยิ้มของเธอก็ดูสดใสไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ
เจสสิก้า
ดูอย่างกับ
นางฟ้า ไม่มีผิด
ยูริมองดูหญิงสาวคนรักที่นั่งเอามือราน้ำเล่นอย่างสบายอารมณ์ ท่าทางของเธอดูแทบไม่ต่างจากเด็กตัวเล็กๆ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเลย ยูริเบนสายตากลับมามาที่เจสสิก้า ก่อนที่จะย่อตัวนั่งลงข้างๆ เธอ
“ดูเธอมีความสุขเหลือเกินนะ ^^”
“แหงสิ ^^”
เจสสิก้าตอบกลับก่อนที่จะวักน้ำขึ้นมาน้อยๆ และดีดใส่หน้าของยูริพร้อมกับหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ
“นี่แน่ะ !”
“เล่นอะไรของเธอเนี่ยสิก้า !”
“นี่แน่ะๆ ^_^”
เจสสิก้ายังคงสนุกกับการแกล้งยูริ โดยที่ยูริก็พยายามหลบเลี่ยงน้ำที่ถูกดีดใส่ ท่าทางของทั้งคู่ดูแทบไม่ต่างจากเด็กวัยสิบขวบที่ชอบกลั่นแกล้งกันเลย แม้อายุจะปาเข้าไปยี่สิบกว่าๆ แล้วก็ตาม
“ว๊ายยยย !!!”
ตูมมม !!
สิ้นเสียงของเจสสิก้าที่เหยียบพลาดจนตกลงไปนั่งอยู่ในน้ำ ก็ถึงคราวที่ยูริจะเป็นฝ่ายยิ้มร่าบ้าง
“เป็นไงล่ะ อยากแกล้งชั้นดีนัก ^^”
ผู้คนที่เดินสวนกันไปมาต่างก็พากันหยุดและจ้องมองเจสสิก้าเป็นทางเดียว ทำเอาเธอรู้สึกอายจนหน้าแดง เธอหันมองยูริอย่างอ้อนๆ ราวกับต้องการความช่วยเหลือ และยูริก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธที่จะช่วยเลยสักครั้ง
เธอถอดเสื้อนอกวางเอาไว้กับพื้นและก้าวลงไปส่งมือไปให้กับเจสสิก้า พลันความคิดอย่างหนึ่งก็แว่บเข้ามในหัว
จะมีความเป็นไปได้ไหมที่เจสสิก้าจะแสร้งทำเป็นขอความช่วยเหลือ แต่ความจริงจ้องจะดึงเธอหล่นไปด้วยกัน ?
เมื่อคิดได้ดังนั้น ตัวเลือกจึงโผล่ขึ้นมาทำให้รู้สึกลังเล
ว่าจะ
Ø ช่วย ไม่ช่วย
แต่สุดท้าย เธอก็ไม่อาจจะทนต่อสายาวิงวอนของคนรักได้ เธอจึงเลือกที่จะช่วยแม้ว่าอาจจะถูกดึงลงไปจนเปียกด้วยกันก็ตาม และมันก็เป็นอย่างที่ยูริคิด
ตูมมม !!!
เมื่อเจสสิก้าจ้องจะดึงเธอลงมาให้เปียกด้วยกัน
แต่เพราะร่างของยูริที่กดทับเธอเอาไว้ จึงทำให้มีเพียงส่วนบนเหนือช่วงท้องขึ้นมาเท่านั้นที่โผล่พ้นน้ำ ร่างที่นอนราบอยู่กับพื้นคลองโดยใช้ข้อศอกยันตัวเอาไว้ และมีร่างของยูริที่ค่อยๆ เลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความรู้สึกเขินอาย และตื่นเต้น เธอจึงเลือกที่จะกลืนน้ำลายลงไปอึกหนึ่งและค่อยๆ ก้มหลบสายตา
แต่ยูริก็ไม่ยอมหยุดแค่นั้น
จนกระทั่งริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันอย่างแผ่วเบา
และยูริจะเป็นฝ่ายสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากของเธอ นั่นยิ่งทำให้เจสสิก้ารู้สึกเขินและอายมากขึ้นเพราะสายตาของผู้คนจำนวนมากที่จับจ้องมายังพวกเธอ เวลาผ่านไปนานพอสมควรกว่ายูริจะยอมถอนริมฝีปากออก
นอกจากเจสสิก้าที่รู้สึกอายแล้ว สาวๆ ที่อยู่แถวนั้นยังพลอยกรี๊ดกร๊าดกันไปด้วย เพราะขนาดเป็นผู้หญิงด้วยกัน ยังอดที่จะยอมรับไม่ได้ว่ายูริที่เปียกน้ำนั้น ดูช่างเซ็กซี่และดูดีเสียเหลือเกิน
ยูริยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนที่จะก้มลงจุมพิตเจสสิก้าเบาๆ
“มาเถอะ
”
ยูริพูดขึ้นพร้อมกับส่งมือมาให้กับเจสสิก้าคนรัก ซึ่งเธอก็คว้ามือของยูริเอาไว้ และพากันเดินออกมาจากบริเวณนั้น โดยที่ยูริก็ไม่ลืมที่จะเอาเสื้อนอกของเธอคลุมตัวของเจสสิก้าเอาไว้
ถึงแม้ว่ามันจะอายที่มาทำอะไรต่อหน้าคนจำนวนมากแบบนี้
แต่อีกใจหนึ่งเธอก็อดที่จะรู้สึกดีใจเสียมิได้
เจสสิก้าหันมามองยูริและยิ้มออกมาบางๆ และกุมมือของคนรักเอาไว้อย่างแนบแน่น
.
.
.
ด้วยความรัก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น