ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : + + Chapter 2 + + [Fixed : แก้คำผิด]
ณ. โรงจอดรถสถานที่เกิดเหตุ...
“รายงานผลมาซิ !” เจสสิก้าที่เดินเข้ามาในสถานที่เกิดเหตุพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะก้มตัวลอดเขตหวงห้าม ‘Keep out’ เข้ามา สายตาจ้องมองไปยังร่างที่ไร้วิญญาณของผู้เคราะห์ร้าย
เธอค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงและเปิดผ้าคลุมศพออกเพื่อดูหน้า พร้อมกับที่นายตำรวจอีกคนหนึ่งรายงานผลให้กับเธอ
“นาย ปีเตอร์ แมคโดเวอร์ เลขาประจำบริษัทไทรเซลล์ โปรดักชั่น อายุ 35 ปี เกิดเมื่อวันที่ 22/06/1975 กรุ๊ปเลือด A เรื่องความบาดหมางกับคนอื่นๆ หลังจากที่ได้ลองเช็คประวัติดูแล้ว ก็มีเพียง นาย อัลเบิร์ต วิลโทบี้เท่านั้น...”
“ลองเล่าให้ละเอียดกว่านั้นอีกหน่อยซิ ?”
“มีเรื่องบาดหมางกันเมื่อราวๆ 2 เดือนก่อนหน้านี้ ในเรื่องการตกลงซื้อขายหุ้น ซึ่งทางฝ่ายของแมคโดเวอร์เสนอในราคาที่สูงกว่า ทำให้วิลโทบี้ต้องเป็นฝ่ายเสียผลประโยชน์”
เจสสิก้าฟังพร้อมกับใช้ความคิดอยู่ สักพัก
“พบรอยกระสุนที่บริเวณศรีษะและคาดว่าจะเสียชีวิตในทันที จากการชัณสูตร พบว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงครับ...”
“ตรวจสอบกล้องวงจรปิดรึยัง ?” เจสสิก้าหันไปถามนายตำรวจข้างๆ
“เชิญทางนี้เลยครับ...”
นายตำรวจคนนั้นพูดพร้อมกับเดินนำเจสสิก้าเข้ามายังห้องบันทึกภาพ และทำการเปิดภาพที่ทำการบันทึกเอาไว้ดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งหลังจากที่เช็คดูหลายต่อหลายครั้ง สิ่งที่เห็นก็มีเพียงร่างของเหยื่อ ที่อยู่ๆ ลอยกระเด็นไปและนอนจมกองเลือดอยู่เท่านั้น
รอยกระสุนเจาะเข้ากลางกะโหลกศรีษะอย่างแม่นยำ... ถ้าไม่ใช่คนที่มีฝีมือในการยิงปืน คงจะทำไม่ได้แบบนี้
“ส่งคนไปสำรวจยังอาคารรอบๆ แล้วตรวจหาผู้ต้องสงสัยด้วย ไปๆ !!”
หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันออกไปเก็บข้อมูล ซึ่งผ่านไปแล้ว 1 ชั่วโมงก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะไม่ว่าจะหาอะไรยังไง ก็ไม่พบสิ่งของที่ต้องสงสัยเลย
“ส่งคนไปหานายวิลโทบี้ด้วย เพราะตอนนี้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์ 1...” ระหว่างที่กำลังพูด เจสสิก้าก็เหลือบไปเห็นโรงแรมหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นอาคารสูง ซึ่งถ้าเป็นการซุ่มยิงระยะไกล สถานที่นั้นก็มีความเป็นไปได้ แต่หลังจากที่ได้ลองวัดระยะแล้ว ระยะที่ห่างจากจุดเกิดเหตุราวๆ 1.87 กิโลเมตร ไม่ใช่สถานที่ๆ จะทำการซุ่มยิงได้เลย
เพราะไม่มีใครสามารถยิงได้จากในระยะแบบนั้น อีกทั้งเพียงแค่กระแสลม ความชื้นของอากาศ หรือปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายก็สามารถเบี่ยงวิถีกระสุนออกไปได้แล้ว และที่สำคัญ...
เป้าหมายไม่ได้ยืนเป็นเป้านิ่งให้ยิงด้วย โอกาสที่จะยิงมาจากระยะนั้น จึงลดน้อยลงจนต้องตัดออกไปจากข้อสันนิษฐานเลยทีเดียว
เธอหันมองไปยังรอบๆ ตัวอีกครั้ง และหาสถานที่ๆ คาดว่าน่าจะทำการซุ่มยิงได้ต่อไป
อาคารจอดรถที่เป็นจุดเกิดเหตุสูง 4 ชั้น ซึ่งอาคารที่จะทำการซุ่มยิงได้ จะต้องเป็นอาคารที่สูงไม่ต่ำกว่า 4 ชั้นด้วยเช่นกัน เพราะจากการคำนวนดูวิถีกระสุน และรอยเลือดที่สาดกระเซ็นไปจุดๆ ก็พอจะเอาทางได้ ว่ามาจากทิศทางไหน
“ไปถึงไหนแล้ว ?”
เจสสิก้าเดินกลับเข้ามาหากองพิสูจน์หลักฐาน ก่อนที่จะพบหัวกระสุนขนาด .487 ฝังอยู่บริเวณกำแพงที่มีเลือดสาดกระเซ็นอยู่ ซึ่งหลังจากที่ได้ลองตรวจสอบและเทียบขนาดกระสุน จึงสามารถระบุได้ว่าเป็นการยิงจากปืนรุ่นอะไร และจากวิถีกระสุนและศพที่นอนอยู่ ก็พอจะรู้ได้ว่าทิศที่ยิงมา คือทิศไหน
ซึ่งจากที่ได้ลองดูจากกล้องวงจรปิดตัวที่ 2 ซึ่งติดอยู่ใกล้ๆ กับจุดเกิดเหตุ ก็ระบุได้ทันทีถึงจุดที่ทำการยิง ซึ่งมันเป็นทิศเดียวกับทางโรงแรมที่เจสสิก้าได้สันนิษฐานไว้ในตอนแรกนั่นเอง
ซึ่งก่อนหน้าที่จะถึงโรงแรมนั้น ยังคงมีอาคารสูง 3 ชั้นอยู่ด้วย และทางด้านบนนั้นจะเป็นชั้นดาดฟ้า และอาคารข้างๆ ที่เยื้องๆ กันอยู่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน ที่จะมีการซุ่มยิงจากที่นั่น
เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนที่ยิงมาจากโรงแรมนั้น เพราะงั้น...
เธอจึงมุ่งประเด็นไปยังชั้นดาดฟ้าของอาคารที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าไรนักแทน พร้อมกับเดินออกมาจากอาคารจอดรถ และหยิบกุญแจรถขึ้นมากดปลดล๊อค ก่อนที่จะขับรถคันงามของเธอออกมาจากบริเวณนั้น และตรงไปยังจุดที่เธอตั้งข้อสงสัยไว้ทันที
“บ้าชะมัด !”
เจสสิก้าสบถออกมาอย่างหัวเสีย เพราะเธอไม่พบสิ่งที่เป็นหลักฐานชี้ตัวคนร้ายได้เลย ทั้งๆ ที่เธอคิดว่าน่าจะทำการยิงมาจากสถานที่นี้แท้ๆ แต่สุดท้ายเธอก็คว้าน้ำเหลว...
เจสสิก้าเหลือบมองไปยังโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปอย่างเซงๆ สายลมที่พัดผ่านไปมาทำให้ยิ่งต้องตัดโรงแรมนั้นออกไปจากความคิด และจากการที่ส่งคนไปสำรวจยังอาคารที่อยู่ข้างๆ ด้วยแล้ว สิ่งที่พบก็มีแต่เพียงความว่างเปล่าเช่นกัน
ให้มันได้ยังงี้สิ !!
เธอเปลี่ยนเป็นระบายอารมณ์กับกระป๋องเปล่าที่กลิ้งไปมาอยู่ตรงนั้น และเตะมันอย่างเต็มแรงจนกระป๋องใบนั้นกระเด็นหายไปจากสายตา
“คอยดูเถอะ ชั้นจะต้องตามจับแกให้ได้เลยคอยดู ชิ !!”
ทางด้านของยูริ เธอกลับมาถึงร้านของตัวเองและขับรถเข้าไปจอดในโรงรถอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะค่อยๆ เปิดประตูลงจากรถมา และสะพายกระเป๋าเดินกลับมาทางหลังร้านและค่อยๆ ไขประตูเข้าไปด้านใน
ยูริวางกระเป๋าปืนของเธอลงกับพื้นข้างๆ บันไดและค่อยๆ เปิดไฟในร้านเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อย ซึ่งหลังจากที่เดินตรวจทานดูแล้ว ซูซี่พนักงานฝึกหัดของเธอก็ทำงานได้ดีตามที่สั่งจริงๆ จะเสียก็เพียงแต่ว่า เธอมักจะมาสายอยู่บ่อยๆ นั่นเอง
“เฮ้อ~” เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าขึ้นมาพาดบ่าและเดินกลับขึ้นไปยังห้องนอนที่ชั้น 2 ของเธอทันที
รุ่งเช้า ยูริค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย สายตาที่ยังคงปรือๆ อยู่เหลือบมองไปทางนาฬิกาปลุก ซึ่งยังเหลือเวลาอีกราวๆ 10 นาทีก่อนที่มันจะปลุก
ยูริค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียง และเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานต่อไป
เช่นเคย ยูริยังคงนั่งรอเวลาที่เธอจะได้พบกับเจสสิก้าอย่างใจจดใจจ่อ จนเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว
“มีอะไรดีๆ งั้นเหรอคะ ?”
ซูซี่ถามขึ้นอย่างประหลาดใจ เพราะคนอย่างยูรินั้นไม่ใช่ว่าจะยิ้มได้อย่างง่ายๆ เลย
“ไม่มีอะไรหรอก...”
ยูริหุบยิ้มและตอบกลับไปตามปกติ ก่อนที่เจสสิก้าจะปรากฏตัวขึ้นในสายตาของเธอ ซึ่งนั่นทำให้ยูริรู้สึกดีขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“เดี๋ยวชั้นมาแล้วกัน... หากาแฟดื่มหน่อย”
เธอพูดเบาๆ ก่อนที่จะเดินออกมาจากร้านและข้ามถนนไปยังร้านกาแฟตรงข้ามทันที
“เจอกันอีกแล้วนะคะ ^^”
ยูริพูดขึ้นทักทายเจสสิก้าที่กำลังต่อแถวอยู่ทางด้านหน้าของเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“อ้าว ! บ้านอยู่แถวนี้หรอกเหรอ ?” เจสสิก้าถามขึ้นอย่างประหลาดใจ แต่ยูริได้แต่ยิ้มตอบกลับไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร หลังจากที่ได้รับกาแฟมาแล้ว พวกเธอจึงพากันเดินมานั่งลงที่โซฟา ซึ่งเป็นที่ๆ ยูริได้รู้จักเจสสิก้าเมื่อวานนั่นเอง
หนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ทำให้ยูริรู้สึกสนใจขึ้นมา เธอค่อยๆ เอื้อมไปหยิบมันมาอ่าน
ข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งทำเอายูริรู้สึกดีไม่น้อย เธอนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขณะนั่งจิบกาแฟไปด้วย ซึ่งทุกครั้งที่เธอนึกถึงงานที่เธอทำ รอยยิ้มเย็นๆ มักจะปรากฏขึ้นบนหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เจสสิก้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองดูหญิงสาวตรงหน้า ในใจเธอหลงนึกกลัวขึ้นมาแวบหนึ่งเพราะเธอไม่รู้เลยว่า จริงๆ แล้วยูรินั้นเป็นคนยังไงกันแน่
“ขอโทษนะแต่ว่า
เธอมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า เห็นดูเครียดๆ นะ ?”
คำถามดังกล่าวทำให้เจสสิก้ารู้สึกตัวขึ้นมา เธอยิ้มตอบกลับไป ก่อนที่จะพูดขึ้น
“เปล่าหรอก
พอดีพักผ่อนน้อยน่ะ”
ด้วยความที่ลืมตัวทำให้ยูริเอื้อมมือไปสัมผัสกับหน้าผากของเจสสิก้า ทำให้เจสสิก้าต้องสะดุ้งเล็กน้อย
“อ๊ะ !”
ทันทีที่รู้สึกตัว ยูริจึงรีบชักมือกลับทันที พร้อมกับเกาหัวแกรกๆ เป็นการแก้เขิน
ท่าทางเขินๆ ของยูริทำให้เจสสิก้าเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว ซึ่งรอยยิ้มดังกล่าวนั้นทำให้ยูริกลับยิ่งชื่นชมหญิงสาวตรงหน้ามากขึ้นไปอีก
คนอะไร ทำไมช่างน่ารักเสียเหลือเกินนะ
หลังจากที่แยกย้ายกันแล้ว ยูริจึงเดินข้ามถนนกลับมายังร้านของตัวเอง ด้วยใบหน้าเฉยเมยตามปกติ ก่อนที่โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าจะเริ่มสั่น
RRRRRRR
RRRRRRRRRR
เธอค่อยๆ ล้วงหยิบมันออกมาจากกระเป๋า พร้อมกับกดดูข้อความที่โชว์อยู่บนหน้าจอทันที
1 ข้อความใหม่
จาก: XXX
10/09/18 10.13
[แสดง] [ออก]
เธอกดเลือกเข้าไปดูยอดเงินในบัญชีอย่างเช่นเคย ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างพอใจและเก็บโทรศัพท์กลับลงไปในกระเป๋าดังเดิม และเริ่มต้นทำงานของเธอไปตามปกติ
อย่างน้อย ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจสสิก้า ก็เพิ่มขึ้นละนะ
เธอคิดในใจพร้อมกับยิ้มออกมาบางๆ
รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้า ทำให้บรรดาชายหนุ่มหลายต่อหลายคนพากันหลงรัก ไม่เว้นแม้กระทั่งหญิงสาวด้วยกันที่จะเผลอคิดชื่นชมในความงามของเธอ
เมื่อถึงช่วงบ่าย ยูริจึงเดินออกมาจากร้านของตัวเองอีกครั้งเพื่อหาอะไรกินเป็นมื้อกลางวันของเธอ หลังจากที่เธอต้องอยู่เฝ้าร้านเกือบหนึ่งชั่วโมงตามลำพัง เพราะซูซี่ออกไปหาซื้ออะไรกินนั่นเอง
ยูริเดินออกมาตามทางเรื่อยๆ จนเดินผ่านสวนสาธารณะที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเธอพบว่าเจสสิก้านั้นกำลังจะเดินข้ามถนนมาทางฝั่งของเธอ ยูริจึงหยุดอยู่กับที่เพื่อรอเธอ
“ไง ^^”
“วันนี้เจอกันบ่อยนะรู้สึก ^^” เจสสิก้าตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม
“แล้วนี่กำลังจะไปไหนเหรอ ?” เธอหันมาถามยูริอีกครั้งหนึ่ง
“ว่าจะออกไปหาอะไรกินน่ะ เธอกินอะไรรึยังล่ะ เจสสิก้า ?”
“เธอรู้ชื่อชั้นได้ยังไงน่ะ ?” ร่างบางถามขึ้นอย่างสงสัย พร้อมกับหันมาหาหญิงสาวร่างสูงข้างตัว
“ก็เมื่อวาน ตอนที่เก็บกระเป๋าได้ ชั้นไปเปิดดูแล้วก็เห็นบัตรประชาชนของเธอนี่ล่ะ ก็เลยรู้ว่าเธอชื่ออะไร
”
ยูริตอบกลับอย่างสบายๆ
“อย่างงั้นเองหรอกเหรอ
”
เจสสิก้าพูดขึ้นเบาๆ
“จะไปกินอะไรด้วยกันไหมล่ะ ?”
ยูริถามขึ้นอีกครั้งและรอฟังคำตอบจากเจสสิก้า
“เธอเลี้ยงนะ ^^”
เธอตอบกลับมาแบบขำๆ เป็นการหยอกเล่น แต่สิ่งที่ยูริทำกลับทำให้เธอรู้สึกเกรงใจขึ้นมาทันที เมื่อยูริตอบคำว่า
ตกลง
ทั้งสองคนยังคงเดินคุยกันมาตามทางเรื่อยๆ ยูริรู้สึกว่าเจสสิก้าที่เดินอยู่ข้างตัวนั้น ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูเยือกเย็น จนบางครั้งอาจจะถึงกับไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แต่พอได้รู้จักกัน ได้คุยกันจริงๆ เธอกลับได้รู้จักอีกด้านหนึ่งของเธอ ซึ่งเป็นด้านที่ทำให้ยูริรู้สึกหลงรักเธอขึ้นมาจริงๆ
เช่นเดียวกับเจสสิก้า หลังจากที่ได้พูดคุยกับยูริแล้ว เธอรู้สึกได้ทันทีว่า ยูริเป็นคนที่นิสัยดีคนหนึ่ง มักจะเป็นห่วงเป็นใยเธออยู่เสมอ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะรู้จักกันในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้เธอรู้สึกชอบหญิงสาวคนนี้ขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะมีบางช่วงเวลาที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับ เธอไม่รู้จักยูริเอาเสียเลยก็ตาม
มันอาจจะแปลก ที่ในมุมมองของใครต่อใคร ที่มองว่าการรักเพศเดียวกันนั้นเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด และไม่ค่อยจะเป็นที่ยอมรับเท่าไรนัก แต่สำหรับยูริแล้ว ถ้าเธอได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเจสสิก้า ไม่ว่าใครจะคิดอะไรยังไงกับเธอ เธอก็จะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่เธอและเจสสิก้ามีความสุขอยู่ด้วยกันก็เพียงพอ
แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้น ก็มักจะสั้นเสมอๆ
เมื่อโทรศัพท์ของเจสสิก้าดังขึ้นขัดจังหวะ
“ว่าอะไรนะ !? อืมๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ รอก่อนนะ !”
พูดจบเธอก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที ก่อนที่จะหันมาหายูริที่ยืนอยู่ข้างตัว
“วันนี้ชั้นขอตัวก่อนนะ พอดีมีงานด่วนเข้ามาน่ะ”
“อะ
อือๆ”
ยูริตอบกลับอย่างเศร้าๆ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกไป เธอได้แต่พยักหน้าและโบกมือลาเธอไป
เจสสิก้าที่ค่อยๆ วิ่งหายไปจากสายตาของยูริ ทำให้เธอต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และพูดออกมาอย่างเสียดาย
“ให้มันได้ยังงี้สิ !”
ณ. สำนักงานสถานีตำรวจ หน่วยสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ
“มาแล้วเหรอเจส ?” นายตำรวจอีกคนหนึ่งพูดขึ้น
“ที่เรียกมาบอกว่าได้รับแจ้งมาว่ามีคดีปล้นฆ่าที่แมนชั่นในเขต 2 นั่นจริงรึ ?”
เธอหันไปถามแมทธิวเพื่อนร่วมงานของเธอ
“อ่าฮะ !”
“งั้นเราจะมัวรออะไรอยู่ล่ะ ! ก็ไปกันเลยสิ !!”
หลังจากที่ได้เปลี่ยนชุดและเตรียมตัวกันมาเรียบร้อยแล้ว ไม่กี่นาทีต่อมาเจสสิก้าก็ขับรถสปอร์ตคันงามของเธอมาเทียบจอดบริเวณถนนห่างออกมาจากตัวแมนชั่น ซึ่งตอนนี้มีหน่วยตำรวจกำลังปิดล้อมสถานที่อยู่
“รายงานสถานการณ์มาซิ ?”
เจสสิก้าที่อยู่ๆ เดินเข้ามากลางกลุ่มตำรวจที่กำลังวางแผนกันอยู่ถามขึ้น
“ที่นี่คนนอกไม่เกี่ยว กรุณาถอยออกไปด้วยครับ
”
บัตรประจำตัวของทั้งเจสสิก้าและแมทธิวที่โชว์ไปให้ดู ทำให้นายตำรวจคนนั้นต้องยอมขอโทษและทำความเคารพเธอทันที เนื่องจากยศของเธอนั้นถือว่าสูงมากเลยทีเดียว ถ้านำมาเทียบกับหน่วยอื่นๆ
“ขออภัยที่เสียมารยาทครับ !”
ก่อนที่นายตำรวจคนนั้นจะรายงานสถานการณ์ให้กับเธอฟัง
“ตอนนี้มีผู้ก่อการร้ายอาวุธครบมืออยู่ในตัวอาคาร 4 คน แล้วยังจับตัวประกันไว้อีก 6 คนครับ
”
“แล้วพวกมันต้องการอะไร ?”
เจสสิก้าถามกลับพร้อมกับขยับแว่นกันแดดลงเล็กน้อย
“มันเรียกร้องเงินจำนวน 10 ล้านเหรียญดอลล่า แล้วก็เฮลิคอปเตอร์สำหรับการหลบหนี”
“แล้วได้เตรียมเอาไว้ให้มันรึยัง ?”
แมทธิวถามขึ้น ก่อนที่จะหันไปสบตากับเจสสิก้าอย่างเข้าใจ
“อย่างที่ได้บอกเอาไว้ จัดทีม S.W.A.T บุกเข้าไปทางด้านหลังของแมนชั้น โดยให้ใครก็ได้ไปเจรจาต่อรองเพื่อดึงความสนใจของคนพวกนั้น แล้วก็เพื่อเป็นการเช็คตำแหน่งของพวกผู้ก่อการร้ายไปในตัวด้วย
”
เจสสิก้าเริ่มอธิบายแผนการของเธอ
“แล้วก็ให้พลแม่นปืนขึ้นไปประจำตำแหน่งที่จุด 3 จุดนี้” เธอพูดพร้อมกับชี้ให้ดูในแผนที่ ซึ่งมันก็คืออาคารที่ล้อมรอบตัวแมนชั่นนั้นเอาไว้นั้นเอง
“คอยรายงานผลเป็นระยะๆ ด้วย ถ้าเห็นตัวคนร้าย ไม่ว่าใครเห็น ต้องแจ้งให้ทราบก่อน เพื่อรออนุมัติการยิง แล้วถ้าเป็นไปได้
อยากจะให้จับเป็นมากกว่า เพราะเราจะได้จับมาสอบสวนต่อ เผื่ออาจจะโยงต่อไปยังคดีอื่นๆ ด้วยก็ได้”
พูดจบเธอก็หันไปหาแมทธิวและผงกหัวให้สัญญาณ
“มีใครสงสัยอะไรไหม ?”
“ถ้าไม่มีก็ตกลงตามนั้น !” เจสสิก้าพูดขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะแยกตัวไปและรวมกลุ่มกับหน่วยสวาทอีก 4 คน ที่เตรียมพร้อมสำหรับการบุกเข้าไปทางบันไดหนีไฟข้างๆ และแมทธิว จะเป็นคนนำหน่วยสวาทที่เหลืออีก 6 คนบุกเข้าไปทางด้านหลัง
“ตรวจเช็คความพร้อมอีกครั้ง
อัลฟาพร้อม”
/เบต้าพร้อม/ แมทธิวตอบกลับมา
/แกมม่า จุด A พร้อม/
/จุด B พร้อม/
/จุด C พร้อม/
“เอาล่ะ
3, 2, Goo !!”
สิ้นเสียงของเจสสิก้า ตำรวจนายหนึ่งก็ทำตามหน้าที่ที่ตนเองได้รับมอบหมาย นั่นคือการเจรจาเพื่อดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้ก่อการร้ายนั่นเอง
/แกมม่า จุด A พบเป้าหมายอยู่ที่บริเวณชั้น 3 ของอาคาร/
/จุด B พบเป้าหมายอยู่บริเวณชั้น 3 ของอาคารทางปีกซ้าย/
/จุด C ไม่พบเป้าหมาย
/
“เอาล่ะแมท
ได้เวลาที่นายจะออกโรงแล้ว”
เจสสิก้าพูดสื่อสารกับเพื่อนของเธอ ก่อนที่หน่วยสวาททั้งสองทีมจะเริ่มทำการบุกเข้าไปยังด้านในตัวของอาคารอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายได้ทันรู้ตัว
เจสสิก้าวิ่งนำหน่วยย่อยทีมของเธอมาหยุดอยู่ที่บริเวณด้านข้างของแมนชั่นดังกล่าว พร้อมกับสบตากันเหมือนรู้ว่าจะต้องทำอะไร นายตำรวจ 2 คนย่อตัวลงพร้อมกับเอามือประสานกันไว้ พร้อมกับให้นายตำรวจคนหนึ่งเหยียบและส่งตัวเพื่อนร่วมทีมขึ้นไปยังบันไดหนีไฟชั้น 2
“เคลียร์ !”
เมื่อได้ยินดังนั้น นายตำรวจอีกคนหนึ่งจึงถูกส่งตัวขึ้นไป และไปหยุดยืนประจำที่ไว้ ก่อนที่จะถึงรอบของเจสสิก้า ทันทีที่เธอถูกส่งตัวขึ้นมา นายตำรวจอีก 2 คนที่อยู่ทางด้านบนจึงช่วยกันดึงตัวของเธอขึ้นมา ซึ่งเมื่อเธอขึ้นมาได้แล้ว เธอจึงหยิบ HK-G36C ขึ้นมาประทับบ่าไว้ เพื่อเตรีมพร้อมสำหรับการบุกเข้าไปยังด้านใน
กระจกยังคงปิดกั้นอยู่ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเธอเสียทีเดียว
ที่ตัดกระจกถูกงัดออกมาใช้ พร้อมกับค่อยๆ กรีดมันลงไปอย่างเบามือ ซึ่งใช้เวลาไม่นานในการเปิดทางเข้าไปยังด้านใน เจสสิก้าที่ลอดเข้าไปเป็นคนแรกยังคงถือปืนขึ้นประทับบ่าเตรียมพร้อมเอาไว้ตลอด เธอเดินนำนายตำรวจคนอื่นๆ สำรวจห้องทีละห้อง ซึ่งมันก็ไม่ได้ดูสวยงามและน่าชมเท่าไรนัก
ห้อง 201
กลิ่นคาวเลือดที่โชยออกมาเตะจมูกทำให้คาดเดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้นภายในห้องดังกล่าว
เจสสิก้าสบตากับนายตำรวจอีกคนหนึ่งเป็นสัญญาณให้เปิดประตู
แกร๊กก !!
ทันทีที่ประตูเปิดออก เจสสิก้าและตำรวจอีกนายหนึ่งก็ทำการบุกเข้าไปทันที
สภาพภายในห้องที่น่าสะอิดสะเอียน กับเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วทั้งห้อง อีกทั้งยังมีศพของหญิงสาวคนหนึ่งถูกยิงนอนเสียชีวิตอยู่ที่กำแพงห้อง ไม่ไกลออกไปจากเธอเท่าไรนัก
“ชิท !!”
เธอสบถออกมา ก่อนที่จะทำการสำรวจภายในห้องต่อไป
“ทางนั้นเป็นไงบ้างแมท ?” เจสสิก้าถามเพื่อนหนุ่มของเธอ
/สภาพไม่ได้น่าดูเท่าไร
/
“อืม
เหมือนกัน”
เธอตอบกลับก่อนที่จะตัดสายไป และเริ่มทำการค้นหาผู้ก่อการร้ายและบรรดาตัวประกันต่อไป
สภาพของห้องพักแต่ละห้องไม่ได้แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย ข้าวของกระจัดกระจาย เลือดสีแดงฉานละเลงไปทั่วทั้งบริเวณ ซึ่งถือว่าเป็นคดีที่น่าสยดสยองมากเลยทีเดียว ซึ่งมันเหมือนกับเป็นคดีฆาตรกรรมหมู่เสียมากกว่า
“ตอนนี้อยู่ที่บันไดริม ปีกซ้าย กำลังจะมุ่งหน้าขึ้นไปยังชั้น 3 ขอการสนับสนุนจากทีมแกมม่าด้วย ทราบแล้วเปลี่ยน
” เจสสิก้าพูดขึ้น ก่อนที่จะทำสัญญาณมือบอกขั้นตอนต่อไปให้กับลูกทีม
“สถานการณ์เป็นไงบ้างแมท ?”
เจสสิก้าถามขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะบังเอิญเห็นชายที่คาดว่าเป็นผู้ก่อการร้ายเดินมาทางบันได และตรงมาทางเธอ ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้น
ปังง ปังง ปังง !!!
เจสสิก้ากระโดดพุ่งตัวหลบกระสุนไปยังกำแพงที่อยู่ข้างๆ พร้อมกับเริ่มยิงตอบโต้บ้าง
ปังงง ปังงง ปังงง !!!
กระสุนนัดหนึ่งโดนเข้าที่แขนของผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เจสสิก้าพุ่งตัวเข้าไปหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว มือที่กำลังจะชักปืนพกออกมายิง ทำให้เจสสิก้าต้องใช้ขาอันเรียวงามของเธอเตะเข้าไปเต็มแรง
พลั่คคคค !!!
“อั่คคค !!!”
เมื่อสูญเสียการทรงตัว เจสสิก้าจึงไม่รอช้าที่จะศอกเข้าที่กลางลำตัวของผู้ก่อการร้าย ก่อนที่เธอจะจับเหวี่ยงข้ามบ่าและทุ่มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว
“อั๊กกกก !!!”
“ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น !!?” ผู้ก่อการร้ายอีกคนที่กำลังวิ่งลงมา ใช้ปืนทำการเล็งเจสสิก้าทันทีที่เห็นตัว ก่อนที่จะกดลั่นกระสุนใส่ โดยที่เธอไม่ทันได้ระวังตัว
ปังงงงงงง !!!!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น