ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : + + Day 02 : Stay Alive... + + [แก้คำผิด 100%]
กึงงงงง !!!
อีกทั้งเสียงที่คล้ายกับอะไรบางอย่างกำลังพยายามที่จะพังประตูห้องพักที่อยู่ใกล้ๆ ออกมาทำให้ยุนอาต้องรีบหันไปมอง ความรู้สึกหวาดกลัวแบบขีดสุดค่อยๆ คุกคามเข้ามาจนมือไม้ของเธอเริ่มสั่น เหล่าซากศพเดินได้ต่างก็ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
หมั่บบบ !!
ความรู้สึกที่ถูกใครสักคนจับที่ขาทำให้เธอถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ เธอหันกลับไปมองสิ่งที่จับข้อเท้าของตน เมื่อพบว่าเป็นศพที่เคยนอนจมกองเลือดอยู่ใกล้ๆ จึงทำให้ยุนอาพยายามสะบัดขาของเธอให้หลุดจากการจับกุมนั้น
“ป... ปล่อย ปล่อยชั้น !!”
เธอออกแรงสะบัดให้มากขึ้นจนขาของเธอหลุดออกมาได้สำเร็จ แต่แรงเหวี่ยงนั้นก็ทำให้เธอเตะซัดเข้าที่ใบหน้าของเจ้าผีดิบตัวนั้นอย่างแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ
กร๊อบบบ !!
เสียงที่ดังขึ้นคล้ายกับกระดูกที่คอหัก ทำให้เจ้าผีดิบตัวนั้นถึงกับแน่นิ่งไป ยุนอาหันมองไปดูรอบๆ ตัวอีกครั้งและพยายามจะหาทางหนีออกไปจากจุดที่เธออยู่ แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ซอมบี้ทั้งนั้น กระทั่งผีดิบตัวที่อยู่ในมุมอับสายตาของเธอจะพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว
“โอออออออออ !!!!”
ถึงแม้จะรู้สึกตกใจจนสะดุ้งเฮือกและแทบจะไร้สิ้นเรี่ยวแรง แต่ยุนอาก็ต้องเอาชีวิตรอดออกไปให้ได้ อาจถือเป็นความโชคดีในโชคร้าย เพราะช่วงที่เธอเข่าอ่อนนั้นทำให้เธอรอดมาได้จากการโจมตีของเจ้าผีดิบตนนั้นได้อย่างหวุดหวิด
แกร๊กกก...
กระทั่งปืนพกที่ถืออยู่ร่วงหลุดจากมือและกระทบกับพื้นเกิดเป็นเสียงเบาๆ แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาสะท้อนกับตัวกระบอกปืนเกิดเงาแวววับอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ยุนอาจึงตัดสินใจเก็บมันขึ้นมาและเล็งจ่อเข้าใส่ที่กลางลำตัวของเจ้าซอมบี้ตัวนั้น
“อ... อย่าเข้ามานะ !”
“ชั้นบอกว่าอย่าเข้ามา !!!”
.
.
.
ปังงงงง !!!!
เฮือกกก !!
เสียงปืนที่ดังขึ้นทำให้ยูริต้องแหงนหน้าขึ้นไปมอง แม้ว่าจะมองอะไรไม่เห็นก็ตามที และที่สำคัญตอนนี้เธอไม่รู้เช่นกันว่าตัวเองอยู่ ณ. ที่ชั้นไหน ลิฟต์จะตกลงไปอีกเมื่อไร หรือสิ้นสุดแล้ว เธอเองก็ไม่รู้ ทางเดียวที่พอจะทำได้ก็คือต้องรีบหาทางออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเท่านั้น
ปังงง !!!
.
ปังงงงง !!!
เสียงปืนที่ดังขึ้นอย่างน้อยก็ทำให้ยูริรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา เพราะมันทำให้รู้ว่ายุนอายังคงอยู่ แม้ว่าอาการบาดเจ็บจากแรงกระแทกซ้ำสองจะทำให้เคลื่อนที่ได้ไม่สะดวกเท่าที่ควร แต่หากเทียบกับตอนที่เธอต้องฝึกอย่างหนักที่ศูนย์ก่อนที่จะได้เป็นหนึ่งในหน่วย STARS แล้ว เรื่องแค่นี้มันถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไปเลยทีเดียว
เธอพยายามมองไปหาช่องทางอื่นๆ ที่นอกจากประตูหน้า เพราะตอนนี้ด้านหน้านั้นดูเหมือนจะถูกเศษหินหรือซากคอนกรีตปิดกั้นเอาไว้ แต่อย่างน้อยมันก็ยังมีแสงไฟให้เธอได้เห็นอยู่บ้างพอเลือนลาง ยูริใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่จะเหลือบมองขึ้นไปยังช่องทางด้านบน
เธอไม่รอช้าค่อยๆ ใช้ขาข้างหนึ่งยันคอนกรีตที่ประตูลิฟต์และพยุงร่างตัวเองปีนขึ้นไป มือข้างหนึ่งจับที่ขอบส่วนบนของลิฟต์ส่วนอีกข้างค่อยๆ เอื้อมไปยังช่องว่างที่ถูกแง้มเอาไว้และพยายามที่จะดันขึ้นไปเพื่อเปิดมัน
อีกนิด... อีกนิด...
แกร๊กก !
เสียงปลดล๊อคดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ยูริจะเอื้อมมือไปอีกนิดและดันเปิดขึ้นไปทางด้านบน สายลมเอื่อยๆ ที่พัดโชยเข้ามาช่วยทำให้ความรู้สึกร้อนอบอ้าวจนแทบจะขาดอากาศหายใจนั้นค่อยยังชั่วขึ้นบ้าง ยูริลงมาจากคอนกรีตนั้นและค่อยๆ ปีนขึ้นไปยังช่องระบายอากาศทางด้านบนที่เพิ่งจะเปิดออกเมื่อครู่
“ฮึบบ !!”
เธอพยายามออกแรงดึงตัวเองขึ้นไปอยู่สักพัก จนในที่สุดก็ขึ้นมาได้สำเร็จ แม้ว่ามันจะค่อนข้างยากและลำบากซักเล็กน้อยเพราะแรงกระแทกตอนที่ลิฟต์นั้นตกลงมาทำให้ช่องระบายอากาศทางด้านบนนั้นแคบลงไปด้วย ยูริแหงนมองขึ้นไปยังช่องลิฟต์ทางด้านบน มองไปยังประตูที่แง้มเอาไว้ทำให้แสงสว่างลอดผ่านเข้ามา
“ยุน !!!”
เธอพยายามตะโกนเรียกเพื่อนสาว หวังว่ายุนอาจะยังอยู่แถวนั้นและได้ยินเธอ
“ยุนนนน !!!!”
“…”
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ จะมีก็เพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบกลับมา
“ไปเจอกันที่โรงจอดรถนะ ชั้นจะไปรอเธออยู่ที่นั่น ชั้นจะไปรอเธออยู่ที่นั่นนะยุน !!!”
เวลา 02.00 นาฬิกา ณ. โรงพยาบาล กังนัม เซนท์ แมรี่ (Kangnum St. Mary’s Hospital)
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย !!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าที่ถูกนำตัวส่งเข้ามาในโรงพยาบาลบ่นโวยวายขึ้น
“มันระเบิดสะพานทิ้ง ปล่อยให้ประชาชนตั้งมากมายติดอยู่ในเมือง มันทำแบบนี้ได้ยังไงกัน !!”
“ใจเย็นๆ ก่อนดีกว่านะคะ”
“ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว !!! เวลาแบบนี้จะมาบอกให้ใจเย็นๆ อีกงั้นเหรอ !!”
ชายคนนั้นตวาดใส่ ท่าทางของเขาดูน่ากลัวยิ่งนัก ไม่ใช่เฉพาะแค่ท่าทาง แต่บาดแผลที่ได้รับมาก็ดูน่ากลัวไม่แพ้กัน เพราะรอยแผลนั้นค่อนข้างลึกจนแทบจะเห็นกระดูก ลักษณะคล้ายกับถูกสัตว์ร้ายขย้ำมา คิมแทยอนพยาบาลฝึกหัดที่รับหน้าที่ดูแลผู้ป่วยระหว่างรอการรักษารู้สึกหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น้อย
ตูมมมมมมม !!!!
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเปลวเพลิงสีแดงลุกวาบขึ้น
“ดูซิ คราวนี้มันจะไประเบิดที่ไหนอีกล่ะ !!”
ชายคนนั้นยังคงตะโกนโวยวายไม่ยอมหยุด แทยอนหันมองไปทางเหล่าคนไข้คนอื่นๆ ที่ยังคงถูกส่งตัวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บางรายก็บาดเจ็บสาหัสชนิดเลือดท่วมตัว ยิ่งเห็นก็ยิ่งสะอิดสะเอียนมากยิ่งขึ้น
“อ๊ากกกกกกก !!!!”
“ก… กรี๊ดดดดดดดด !!!!!”
เสียงกรีดร้องอันโหยหวนดังขึ้นทำเอาแทยอนและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่ออยู่ๆ คนไข้ที่คาดว่าน่าจะเสียชีวิตไปแล้วกลับลุกขึ้นมาและจู่โจมเข้าใส่พยาบาลสาวโชคร้ายที่อยู่ใกล้ๆ
กร้วมมมม !!
“กรี๊ดดดดดดดด !!!!!”
เลือดสีแดงสดพุ่งพรวดออกมาจากบาดแผลเหวอะที่ลำคอที่เกือบจะขาดวิ่น และไม่ใช่เพียงแค่ชายคนนั้นเท่านั้นที่ลุกขึ้นมา แม้แต่คนอื่นๆ ที่เหมือนจะตายไปแล้วกลับลุกขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มจู่โจมใส่ผู้คนที่อยู่ใกล้ๆ อย่างบ้าคลั่ง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำเอาผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็พากันวิ่งหนีตายกันอย่างไม่คิดชีวิต
จากพื้นกระเบื้องทางเดินสีขาวผ่านไปเพียงไม่ถึง 5 นาทีกลับถูกย้อมไปด้วยสีแดงสดของเลือด และซากศพของผู้คนจำนวนมากที่นอนเกลื่อนกลาดระเกะระกะทางเดิน แทยอนถอยกรูดด้วยความตกใจกลัวราวกับเรี่ยวแรงทั้งหมดถูกสูบหายไปจนหมด กระทั่งไปชนเข้ากับชายคนที่ตะโกนโหวกเหวกโวยวายเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเข้า
ซึ่งคนๆ นั้นก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คนอีกต่อไปแล้ว…
“อ… อือออออออออออ…”
และพอรู้สึกตัวอีกทีรอบๆ ตัวของเธอก็เต็มไปด้วยเหล่าผีดิบตายซากนี่ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ไม่ว่าจะมองไปทางซ้ายหรือขวา มันก็ไม่มีทางใดให้เธอหนีออกไปได้เลย
“โออออออออ !!!!!”
ผัวะ !!!
ร่างของซอมบี้ทางด้านหน้าของแทยอนถูกหวดเข้าด้วยไม้ดามขาสำหรับคนขาหักอย่างแรงจนร่างนั้นเซไปกระแทกเข้ากับซอมบี้ตัวอื่นๆ เปิดเป็นหนทางให้เธอหนีได้ แทยอนมองดูชายหนุ่มที่เป็นคนเปิดทางให้กับเธออย่างขอบคุณ
“วิ่งไปไม่ต้องหันกลับมานะ ไป !!!”
ชายคนนั้นกล่าวขึ้นและใช้ไม้นั้นหวดใส่ผีดิบตัวอื่นๆ ต่อ
พลั่คคคค !!!
เพราะความที่ไม่ระวัง ขาของเขากลับไปสะดุดเข้ากับข้าวของที่ล้มระเนระนาดจนเสียหลักล้มลงกับพื้นอย่างแรง แทยอนที่เห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวถึงกับตัวแข็งทื่อ เพราะชายที่เพิ่งจะช่วยเธอได้เมื่อสักครู่กำลังถูกเหล่าผีดิบพวกนั้นกัดกินอย่างทรมานและส่งเสียงร้องอย่างโหยหวน เลือดสีแดงสดพุ่งพรวดสาดกระเซ็นไปเปรอะผนังกำแพงข้างๆ
“ม… ไม่ ไม่ !!!!!!”
.
.
.
“แฮ่กๆ แฮ่กกกก !!”
แทยอนยังคงวิ่งต่อไปตามเส้นทางเรื่อยๆ พยายามจะเปิดห้องต่างๆ เพื่อใช้ซ่อนตัว แต่ผู้คนที่อยู่ทางด้านในก็ไม่มีใครยอมเปิดรับเธอเลยสักคน เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนน้อยๆ ราวกับมันเกิดการระเบิดขึ้นใกล้ๆ โรงพยาบาลที่เธออยู่
เอี๊ยดดดด…
เสียงของรถเข็นดังขึ้นมาจากหัวมุมทางด้านหน้าทำให้ขาของเธอถึงกับชะงัก ซ้ำร้ายไฟฟ้าที่เคยให้แสงสว่างกับเธออยู่ๆ ก็เกิดดับลงอย่างกะทันหัน ทำให้บรรยากาศในตอนนี้ยิ่งทวีความน่ากลัวมากยิ่งขึ้น แทยอนค่อยๆ ก้าวขาถอยเข้าหากำแพงโดยเอาหลังของเธอพิงเอาไว้และเขยิบไปทีละน้อยๆ
ตุบๆ ตุบๆ…
เสียงของหัวใจเต้นแรงขึ้นราวกับมันจะกระโดดออกมาจากอก ความหวาดกลัวตรงเข้าจู่โจมจนทำให้เธอกลายเป็นคนขี้ระแวง เพราะเพียงเสียงอะไรนิดๆ หน่อยๆ ดังขึ้นก็ทำให้เธอตกใจจนแทบราดเลยทีเดียว
เอี๊ยดดดดดดด…
เสียงของรถเข็นนั้นดังขึ้นอีกครั้งราวกับมีอะไรกำลังขยับมันอยู่ ยิ่งเข้าใกล้ เสียงนั้นก็ยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้นจนทำให้เธอแทบจะกลายเป็นคนบ้าที่ระแวงมันทุกสิ่งทุกอย่าง
ตูมมมมมมม !!!
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับแสงไฟที่สว่างวาบขึ้นพอจะทำให้เห็นเส้นทางเบื้องหน้าได้อย่างลางๆ แทยอนพยายามเพ่งสายตาไปยังรถเข็นที่โผล่ยื่นออกมาจากหัวมุมและค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ๆ อย่างช้าๆ ในใจภาวนาขอให้ไม่มีอะไรเพราะตอนนี้เธอกลัวจนไม่รู้ว่าจะกลัวยังไงแล้ว
ยิ่งใกล้… หัวใจก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้น… และแรงขึ้น
กระทั่งเธอตัดสินใจกลืนน้ำลายลงไปอึกหนึ่งและกลั้นใจโผล่พรวดเข้าไป ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือ… !!?
------------------------------
“ป... เป็นอะไรรึเปล่าคะ !?”
แทยอนกล่าวถามหญิงสาวที่กำลังยืนหันหลังให้กับเธออยู่ ท่าทางของเธอเหมือนกับกำลังร้องไห้ก่อนที่จะทรุดตัวนั่งลงกับพื้น แทยอนยังคงพยายามจะเดินเข้าไปใกล้ๆ โดยที่หญิงสาวคนนั้นก็ยังคงเอาแต่นั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น แต่ยิ่งใกล้เท่าไร... ยิ่งรู้สึกเหมือนกับเธอคนนั้นอาจจะไม่ใช่มนุษย์ เพราะแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทำให้เธอเหลือบไปเห็นเหมือนกับนิ้วมือของเธอคนนั้นจะยาวเกินปกติ และที่สำคัญมันเหมือนกับชุ่มไปด้วยเลือด
แต่ผีดิบที่ไหนมันจะมานั่งร้องไห้กันได้ล่ะ... ?
“ฮึกๆ... ฮืออออ...”
“เอ่อ... เป็นอะไรรึเปล่าคะ ?”
เธอยังคงกลั้นใจและเดินเข้าไปใกล้ๆ มือเอื้อมไปหวังจะแตะไหล่เพื่อสะกิดเรียก แต่กลับถูกใครบางคนฉุดเธอเอาไว้จากทางด้านข้างพร้อมกับดึงเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว แทยอนพยายามดิ้นให้หลุดและเริ่มตบตีสิ่งที่ฉุดเธอเข้ามา
“อื้อออออ !!!!”
“อย่าดิ้นสิ ! อยู่เฉยๆ แล้วเงียบๆ ด้วย !!”
สาวร่างสูงที่เป็นคนฉุดเธอเข้ามากล่าวเตือนเบาๆ เพราะเธอไม่อยากตะโกนส่งเสียงดัง ไม่อย่างนั้นไอสิ่งที่เธอเพิ่งจะหนีรอดมาได้เมื่อชั่วครู่อาจจะได้ยินและตรงเข้ามาทำร้ายเธออีกก็เป็นได้ แทยอนหันกลับมามองหญิงสาวร่างสูงทางด้านหลัง
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ ถ้าเมื่อกี้เธอเข้าไปใกล้ๆ ไอตัวบ้านั่น คงได้มีโดนมันฆ่าบ้างแหล่ะ !”
“ข… ขอบคุณนะ ที่ช่วย”
“อืม...”
เธอตอบกลับพร้อมกับเอนหลังพิงกับผนังห้องเอาไว้และถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นนะ...”
ตุบบๆ ตุบบๆ
เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาทำให้ทั้งแทยอนและหญิงสาวคนนั้นต่างก็มองผ่านกระจกออกไปทางระเบียงด้านนอก แสงไฟที่คาดว่าส่องออกมาจากไฟฉายสาดขึ้นลงไปมาลักษณะเหมือนกับมีคนกำลังวิ่งใกล้เข้ามา กระทั่งชายหนุ่มเจ้าของแสงไฟคนนั้นจะวิ่งผ่านเข้ามา ด้านหลังนั้นเต็มไปด้วยฝูงผีดิบกระหายเลือดหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว หญิงสาวร่างสูงจับหัวของแทยอนและกดต่ำลงให้พ้นจากสายตาจนชายคนนั้นวิ่งผ่านหน้าพวกเธอตรงไปยังหญิงสาวที่ยังคงนั่งสะอึกสะอื้นอยู่เบื้องหน้า
“ฮึกกๆ ฮึก....”
เพราะความไม่ระวังทำให้ชายคนนั้นสะดุดเข้ากับขาของหญิงคนนั้นอย่างจังจนล้มกลิ้งไปกับพื้น
โครมมมม !!!
“โอ๊ยยย !”
ทันทีที่หันมา แสงจันทร์ที่สะท้อนกับดวงตาสีแดงก่ำดูยังไงสิ่งๆ นั้นก็ไม่ใช่มนุษย์ สิ่งๆ นั้นกรีดร้องโหยหวนจนแสบแก้วหูก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่ชายผู้โชคร้ายคนนั้น
ฉัวะ !!
“อ... อ๊ากกกกกกกกก !!!!!!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไปทั่วทั้งชั้นที่พวกเธออยู่ เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่ว รวมไปถึงกระจกที่พวกเธอกำลังมองอยู่ด้วย แทยอนมองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นอย่างสยดสยองของชายผู้โชคร้ายที่ถูกเล็บมือที่ยาวและคมกริบกระซวกจนเครื่องในกระเด็นไปทั่ว ก่อนที่จะเบือนหน้าหนีเพราะเธอไม่สามารถทนดูต่อได้จริงๆ
“ถ้าชั้นไม่ลากเธอเข้ามา ป่านนี้เธออาจจะเป็นอย่างชายคนนั้นไปแล้วก็ได้...”
เธอคนนั้นพูดพร้อมกับปล่อยตัวนั่งลงพิงกำแพงอีกครั้ง
“ตอนนี้เรามาช่วยกันคิดหาวิธีออกไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่า...”
หญิงสาวร่างสูงคนนั้นกล่าวขึ้นพร้อมกับหันมองแทยอนที่อยู่ข้างๆ
“เธอเป็นพยาบาล... ท่าทางเธอน่าจะรู้จักสถานที่ดีกว่าชั้นนะ...”
พูดพร้อมกับเอื้อมมือส่งมาจับที่ไหล่ของแทยอนเบาๆ
“ชั้นซูยอง ชเว ซูยอง... แล้วเธอล่ะ ?”
“ท... แทยอน คิมแทยอน...”
ก่อนที่ซูยองจะค่อยๆ ลุกขึ้นและส่งมือมาให้กับแทยอน
“ไปกันเถอะ... เราต้องรีบออกไปจากตรงนี้แล้ว”
“อ… อือ”
ซูยองยังคงเดินสำรวจรอบๆ บริเวณห้องจนทั่วเช่นเดียวกับแทยอนที่พยายามหาอะไรติดไม้ติดมือเอาไว้ เพราะเธอเองก็ต้องหาอะไรมาใช้สำหรับการป้องกันตัวเช่นกัน กระทั่งเธอหยิบเอาท่อนไม้ที่หักมาถือเอาไว้ ขนาดกับความยาวของมันก็จัดว่าพอเหมาะพอดีเลยทีเดียว
“มานี่หน่อยสิ…”
ซูยองกล่าวเรียกพร้อมกับกวักมือให้เข้าไปหา แต่ด้วยความมืดมิดที่ปกคลุมพื้นที่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะเดินไปแบบปกติ แทยอนจึงต้องเดินไปพร้อมกับคลำดูทางไปด้วย
“ช่องระบายอากาศตรงนี้มันจะเชื่อมไปออกทางไหนได้บ้างน่ะ ?”
“ไหน ?”
เพราะค่อนข้างมืด มันจึงไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรนัก ซูยองค่อยๆ ถอดเอาตะแกรงที่กั้นช่องระบายอากาศออกและวางมันลงกับพื้นเบาๆ ก่อนที่จะพยายามเพ่งมองไปยังช่องระบายอากาศทางด้านในที่มืดสนิท
“ถ้ามีไฟฉายก็ดีสิ…”
เธออุทานออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเหลือบหันกลับมาทางด้านหลังและเห็นแสงไฟที่สว่างวาบจากกระบอกไฟฉายกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ทางด้านนอก ซึ่งด้านนอกที่ว่านั้นก็ดันมีผีดิบเดินกันเพ่นพ่านจนเต็มไปหมด แต่นั่นก็ไม่เท่ากับปีศาจสาวตนนั้นที่เพิ่งจะคร่าชีวิตคนไปแล้วเกือบ 10 คน
ซูยองหันมาสบตากับแทยอนที่อยู่ข้างๆ ราวกับกำลังชั่งใจกับไฟฉายทางด้านนอกที่ต้องเสี่ยงแลกชีวิตออกไปเอา ถ้าเธอลอดช่องระบายอากาศนี้ไปโดยที่ไม่มีแสงสว่าง มันก็เป็นเรื่องอันตรายอยู่ดี
“เดี๋ยวชั้นจะออกไปเก็บไฟฉายเอง เธอเองคอยหลบอยู่ในนี้ คอยเปิดประตูให้ชั้นด้วยแล้วกัน…”
“ธ… เธอจะบ้าเหรอ ! ด้านนอกเธอก็เห็นว่ามันมีตัวอะไรอยู่ !!”
แทยอนแย้งขึ้นทันควัน เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยเมื่ออยู่ด้วยกัน 2 คน 2 หัวย่อมดีกว่าหัวเดียวอยู่แล้ว…
“ใช่สิ… ชั้นรู้ว่ามันมีตัวอะไรอยู่ แต่อย่างน้อยชั้นอยู่ตรงนี้มาก่อนเธอ แล้วชั้นก็รอดจากไอตัวบ้านั่นมาแล้ว เพราะฉะนั้น ชั้นเองก็ย่อมมีประสบการณ์มากกว่าเธอ คิม แทยอน… เพราะงั้นเธอคอยปิดเปิดประตูดีๆ ก็แล้วกัน”
“แล้วถ้าเธอออกไปตายล่ะ !”
“ฟังชั้นให้ดีนะคิม แทยอน… จะออกไปเสี่ยงข้างนอก หรือรออยู่ในนี้ มันก็มีค่าเท่ากันนั่นแหล่ะ ! ออกไปเสี่ยงเพื่อโอกาสรอด หรือเธอจะทนรอความตายอยู่เฉยๆ ก็ตามใจแล้วกัน !”
“งั้นชั้นจะออกไปด้วย !”
“เธอจะบ้าเหรอ ถ้าเธอออกไปแล้วใครจะเป็นคนคอยล๊อคคอยเปิดประตูกันล่ะฮะ ?”
ซูยองหันกลับมาถามก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“ยังไงชั้นก็จะออกไปเอง เธอคอยรออยู่ในห้องนั่นแหล่ะ ปิดเปิดประตูดีๆ ก็แล้วกัน”
พูดจบซูยองก็เดินมาหยุดอยู่ที่ประตูหน้าที่ล็อคเอาไว้ แทยอนดึงแท่งไม้ที่สอดคาไว้แทนสลักล๊อคเพื่อความปลอดภัยออกและส่งมันให้กับซูยอง เพราะอย่างน้อยมันก็พอจะใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้… ก็ดีกว่าออกไปมือเปล่าไม่มีอะไร
“เอานะ นับ 3 เธอเปิดเลยนะ ?”
ซูยองกล่าวขึ้นอีกครั้งพร้อมกับตั้งท่าเตรียมวิ่งออกไป เธอมองดูระยะห่างจากประตูห้องไปยังเจ้าไฟฉายกระบอกนั้น จากการกะคาดคะเนมันไม่น่าจะเกินระยะสัก 5 – 6 เมตรได้ ซูยองสูดหายใจลึกๆ อีกครั้งเพื่อใช้เวลาทำใจ ก่อนที่จะหันมาพยักหน้าให้สัญญาณกับแทยอนที่ยืนประจำที่อยู่ที่ประตู
“พร้อมนะ…”
“ด… เดี๋ยว !”
แทยอนท้วงขึ้น
“อะไรอีกล่ะ ?”
“ธ… เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ”
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสาวร่างสูง แม้ว่าเธอจะยังไม่รู้จักแทยอนดี แต่การที่แทยอนแสดงออกมาอย่างนี้ อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอรู้ว่ายังมีคนที่คิดเป็นห่วงเธออยู่ แม้ว่าจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่นาที
“อืม…”
ซูยองตอบกลับพร้อมกับสูดอากาศเข้าปอดอีกครั้ง
“นับ 3 แล้วเปิดเลยนะ…”
“อ… อื้อ !”
ซูยองหันกลับไปมองภาพที่อยู่เบื้องหน้าของตนและเตรียมตัวตั้งท่าจะวิ่งออกไปข้างนอก
1
.
2
.
.
“3 !!!”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น