ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : + + Chapter 1 + + [100%]
เปรี๊ยะ !!
เสียงที่ดังขึ้นราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่าน
จากร่างกายและกระจายไปยังส่วนต่างๆ สร้างความเจ็บแปลบให้กับเจสสิก้าไม่น้อย เธอยกมือขึ้นสัมผัสกับหน้าอกข้างซ้ายของตนเบาๆ
.
.
เปรี๊ยะ !!
ความรู้สึกราวกับโดนไฟฟ้าช๊อตทำให้เธอสะบัดมือออกด้วยความตกใจ
นี่มันอะไรกัน
ขนาดตายแล้ว ยังต้องเจ็บอีกเหรอ
?
.
.
.
เปรี๊ยะ !!
ความเจ็บปวดกระจายไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างรวดเร็ว นอกจากมันจะเร็วแล้ว มันยังชัดเจนมากขึ้นๆ อีกด้วย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เจสสิก้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ
เธอมองไปยังบริเวณรอบๆ ก่อนที่จะเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
ผมยาวสลวยสีน้ำตาล ชุดหนังสีดำที่แสนคุ้นตา ยิ่งไปกว่านั้นภาพใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น เธอจำได้ดีไม่มีลืมเลย
“เธอ
เธอมารับสิก้าแล้วใช่ไหม ยูริอา ?”
เธอกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขและเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
.
เปรี๊ยะ !!
“อ
โอ๊ยย !”
แต่
ยิ่งเข้าไปใกล้ หัวใจเธอก็ยิ่งรู้สึกเจ็บ
ทั้งๆ ที่อยากเข้าไปกอด แต่ร่างกายมันไม่ยอมเอื้ออำนวยเลย... ราวกับมีหมุดขนาดยักษ์ตอกขาของเธอยึดกับพื้นเอาไว้จนไม่สามารถขยับไปไหนได้ ราวกับไม่ต้องการที่จะรู้สึกเจ็บไปมากกว่านี้
แต่...
สำหรับเจสสิก้าแล้ว ความเจ็บปวดแค่นี้มันไม่ถึงเศษเสี้ยวของความรู้สึกตอนที่เธอต้องสูญเสียยูริไปเลย เธอเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวคนรักอีกครั้งด้วยความคิดถึง หากแต่ใบหน้าของยูริกลับดูเศร้าสลด ราวกับไม่ต้องการจะพบกับเธอ
เปรี๊ยะ !!
“ทำไมกัน...”
เปรี๊ยะ !!
.
“ทั้งๆ ที่ชั้นอยากจะพบ เธอมาตลอด !!”
เจสสิก้าพูดพร้อมกับเอามือกุมที่หน้าอกข้างซ้ายของตนอย่างเจ็บปวด ร่างที่กระตุกราวกับกำลังถูกช๊อตด้วยกระแสไฟฟ้า ทำให้เธอพอจะเข้าใจเรื่องทุกอย่าง
.
“เพราะมันยังไม่ถึงเวลาของเธอ เจสสิก้า...”
“มันยังไม่ถึงเวลาของเธอ...”
ยูริพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
กับคำพูดสุดท้ายของยูริ จึงทำให้เจสสิก้าเข้าใจ ถึงแรงช๊อตดังกล่าว เพราะว่าเธอยังไม่ตาย แม้ว่าจะพยายามยังไงก็ตาม แต่การที่เธอได้พบกับยูริอีกครั้ง แค่นั้นก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แม้ว่ามันจะตามมาด้วยความขมขื่นก็ตาม
จนภาพที่เห็นค่อยๆ เลือนรางและมืดลงในที่สุด
เปรี๊ยะ !!
สิ้นเสียงการช๊อตครั้งสุดท้าย ร่างของเจสสิก้ากระตุกขึ้นมาอย่างแรง ก่อนที่ชีพจรของเธอจะเริ่มเต้นอีกครั้ง
“ชีพจรของเธอกลับมาเต้นแล้วค่ะ !”
ทีมแพทย์คนหนึ่งพูดขึ้นรายงานผล
“ขอยากระตุ้นหัวใจ !”
“ขอยากระตุ้น !”
นายแพทย์อีกคนหนึ่งทวนคำสั่ง ก่อนที่จะรับยานั้นมาและส่งให้กับหัวหน้าแพทย์ เพื่อทำการรักษาเจสสิก้าต่อไป
2 วันต่อมา...
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น เจสสิก้าก็ค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง ภาพแรกที่เห็นคือแสงสีขาวสว่างจ้า แต่หาใช่สวรรค์ไม่... มันคือแสงไฟจากหลอดฟูลออเรสเซนต์ที่ติดไว้บนเพดานห้องเท่านั้น
ภาพที่เห็นค่อยๆ เลือนรางเพราะน้ำตาที่เริ่มไหลรินออกมาอีกครั้ง
ความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาทำให้เจสสิก้าไม่สามารถจะสะกัดกั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีก หัวใจมันเจ็บ และปวดเสียจนแทบไม่รู้สึกอะไรอีก... ราวกับเกิดที่ว่างขึ้นบริเวณอกข้างซ้าย ตรงที่ๆ เคยมีหัวใจของเธออยู่
เธอมองไปยังบริเวณรอบๆ ห้องก่อนที่จะลุกขึ้นมาและกอดเข่าของเธอ ปล่อยให้น้ำตานั้นไหลรินต่อไป
.
.
.
แม้ว่าเวลาจะเคลื่อนเข้าสู่ช่วงเย็นของวันแล้ว แต่เจสสิก้าก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดร้องไห้เลย เธอยังคงเฝ้าคิดถึงแต่ยูริเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน แหวนเงินที่อยู่บนนิ้วนางยังคงส่องประกายแวววับสะท้อนกับแสงแดดยามเย็นดูช่างเจ็บปวดยิ่งนัก ในเมื่อ...
มันถูกทิ้งให้เหลืออยู่เพียงวงเดียวอย่างโดดเดี่ยว และไม่มีโอกาสจะได้พบคู่ของมันอีกแล้ว
เธอค่อยๆ ล้มตัวลงนอนอีกครั้งและหันหน้าออกไปทางนอกหน้าต่าง มือดึงเอาผ้าห่มผืนบางมากอดเอาไว้และเริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ชีวิตของเธอในตอนนี้มีแต่สิ่งที่เรียกว่า
‘น้ำตา’
เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
วันแล้ววันเล่า การใช้ชีวิตของเจสสิก้าก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เธอยังคงเอาแต่ร้องไห้ นั่งเศร้าคิดถึงคนรัก และมองออกไปยังวิวนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ เท่านั้น ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วก็ตาม จนกระทั่งพยาบาลสาวคนหนึ่งจะเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับช่อดอกไม้ช่อหนึ่ง เธอยิ้มให้กับเจสสิก้าบางๆ และส่งดอกไม้ช่อนั้นมาให้กับเธอ
เจสสิก้ามองดูข้อความที่ถูกเขียนไว้ในกระดาษที่เหน็บมากับช่อดอกไม้นั้น พร้อมกับพลิกเปิดออก
‘ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมขอโทษ
’
หนึ่งข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้ ถึงแม้จะไม่ระบุชื่อว่าใครเป็นคนเขียน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลยที่จะเดา เพราะคนๆ เดียวที่จะสามารถพูดแบบนี้กับเธอได้ ก็คงจะมีเพียงแต่ แมทธิว คนเดียวเท่านั้น เธอมองดูช่อดอกไม้ในมือสักพัก ก่อนที่จะวางมันลงบนโต๊ะที่ข้างเตียง โดยที่ไม่คิดจะหันไปมองอีกเลย
เพราะอะไร ?
เพราะว่าชายคนนี้ เป็นคนที่แย่งเอาความสุขทั้งหมดในชีวิตของเธอไป...
หลังจากที่ได้ออกจากโรงพยาบาล สถานที่แรกที่เจสสิก้าจะมุ่งหน้าไปก็คงไม่ใช่ที่ไหน นอกจากบ้านของยูริคนรักของเธอ ระหว่างทางที่เดินไปตามถนน สายตาก็มองตามทางไปเรื่อยๆ ผู้คนมากมายที่เดินสวนกันไปมาดูช่างน่าอึดอัดยิ่งนัก โดยเฉพาะกับเหล่าบรรดาคู่รักที่เดินควงแขนผ่านเธอไป
มันทำให้หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้นเลยทีเดียว
เจสสิก้าหันกลับไปมองอย่างเศร้าๆ ก่อนที่ภาพที่เห็นจะถูกเปลี่ยนจากคู่รักคู่นั้นเป็นยูริโดยที่มีเธอเดินควงแขนอยู่ เธอค่อยๆ หลับตาลงและหันหลังกลับ ก่อนที่จะก้าวเดินต่อไปอีกครั้ง เธอหันมองไปยังฝั่งตรงข้ามของถนน ภาพหลอนของยูริยังคงคอยยืนยิ้มให้กับเธอตลอด จนสุดท้าย... น้ำตาใสๆ ก็ไหลรินออกมาอีกครั้ง
แม้ว่าผู้คนที่เดินสวนไปมา ในสายตาของพวกเขาเธออาจจะเหมือนกับคนบ้าที่เอาแต่ร้องไห้ แต่หากได้ลองมาอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน พวกเขาก็คงจะเข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเป็นอยู่ในขณะนี้
.
.
.
ยูริอา...
สิก้าเจ็บเหลือเกิน...
เธอคิดในใจ มือยังคงกุมอยู่ที่หน้าอกข้างซ้ายและปล่อยให้น้ำตาไหลต่อไป
เมื่อเลี้ยวที่หัวมุมถนน ร้านกาแฟสตาร์บัคคอฟฟี่ที่ดูคุ้นตาตั้งตระหง่านอยู่ตรงข้ามกับบ้านของคนที่เธอรัก ความทรงจำเมื่อตอนที่ได้พบกับยูริครั้งแรกค่อยๆ ฉายซ้ำกลับเข้ามาในหัว มันยังคงชัดเจนไม่เคยเปลี่ยนแม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม...
เจสสิก้าเหลือบหันไปมองบ้านของคนรักที่ยังคงปิดสนิทอย่างเศร้าๆ
เธอเลือกที่จะเดินเข้าไปยังร้านกาแฟเสียก่อน มือทั้งสองถูกยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกอย่างช้าๆ จังหวะนั้นจึงทำให้หญิงสาวคนหนึ่งเดินสวนออกไปจากร้าน โดยที่เจสสิก้าไม่ได้สังเกตเห็นเลย
ยูระแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าพร้อมกับสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ ก่อนที่เธอจะก้มหน้าลงมาและมองไปทางร้านถ่ายรูปของยูริพี่สาว เธอล้วงเข้าไปในกระเป๋าพร้อมกับหยิบเอากุญแจออกมา ก่อนที่จะตัดสินใจไขเข้าไปยังด้านใน
บรรยากาศในร้านยังคงมืดสนิท ข้าวของต่างๆยังคงถูกวางจัดไว้ที่เดิม หากแต่บางส่วนเท่านั้นที่หายไป
ยูระเดินเข้ามายังด้านในของตัวบ้านและเดินขึ้นมายังห้องนอน แต่เป็นห้องนอนที่แทบจะไม่เหลืออะไรเอาไว้เลย ราวกับมันถูกขนออกไปจนหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งตู้เสื้อผ้า เธอเดินมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับหลับตาลงอย่างเหนื่อยๆ ก่อนที่จะผล็อยหลับไปในที่สุด
กลับมาที่ด้านของเจสสิก้า เธอที่นั่งอยู่บริเวณด้านในสุดของร้าน และเพราะเธอนั่งหันหลังอยู่จึงไม่ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่อยู่ด้านหลังเลย
“คาเฟลาเต้ที่สั่งได้แล้วค่ะ ^^”
พนักงานสาวคนนั้นพูดขึ้นพร้อมกับวางแก้วกาแฟนั้นลงบนโต๊ะ
กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่โชยขึ้นมามันช่างทำให้เธอรู้สึกคิดถึงยูริเสียเหลือเกิน...
นั่นก็เพราะ... กาแฟแก้วนี้ เป็นแก้วโปรดของยูริคนรักของเธอ
เจสสิก้าค่อยๆ ยกกาแฟแก้วนั้นขึ้นดื่มทีละน้อย สายตามองไปยังบริเวณรอบๆ ตัวอย่างช้าๆ บรรยากาศภายในนั้นยังคงเหมือนเดิมทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย
“มองอะไรอยู่เหรอสิก้า ?”
เสียงใสๆ อันคุ้นหูดังขึ้นทำให้เจสสิก้าถึงกับชะงัก เธอหันกลับหลัง สายตามองตามหญิงสาวคนนั้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามและยิ้มให้
“ย... ยูริ !?”
“ก็ชั้นน่ะสิ แล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ ?”
ยูริถามขึ้นอย่างสงสัย เธอเอื้อมมือมาหยิกที่แก้มของเจสสิก้าเบาๆ และยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเช่นทุกครั้ง
“ท... ทำไมเธอ...”
----------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------
เจสสิก้าที่แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเห็นกลับต้องรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น เมื่อหญิงสาวคนรักที่เธอคิดว่าตายไปแล้ว กลับมานั่งยิ้มให้กับเธออยู่ตรงข้ามแบบนี้
“อะไรของเธอน่ะสิก้า รีบๆ กินสิ เราจะได้ไปกันต่อ !”
ยูริพูดเร่ง เจสสิก้ามองคนรักของเธออย่างงงๆ ก่อนที่จะก้มลงมองที่โต๊ะของตัวเองซึ่งจะมีแก้วกาแฟวางอยู่ แต่นี่มันกลับกลายเป็นอาหารที่ใครไม่รู้เป็นคนสั่ง เธอหันไปมองดูรอบๆ ตัวและต้องประหลาดใจมากขึ้น เมื่อบรรยากาศของร้านกาแฟถูกเปลี่ยนเป็นร้านอาหาร และที่ยิ่งไปกว่านั้น เวลาที่เห็นบนหน้าปัดนาฬิกากลับกลายเป็น...
“หนึ่งทุ่ม...”
“ก็ใช่น่ะสิ เธอเป็นอะไรรึเปล่าน่ะเจสสิก้า หลังจากที่เธอหลับไป 2 วันแล้วตื่นขึ้นมา เธอดูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ เป็นอะไรมากรึเปล่าเนี่ย ?” ยูริถามขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเอามือมาอังที่หน้าผากของเจสสิก้าเบาๆ
“ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา... แล้วทำไมหว่า ?”
ไม่ทันที่ยูริจะได้พูดต่อ เจสสิก้าก็ลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกับฉุดตัวของยูริออกมาจากบริเวณร้านดังกล่าวทันที บรรยากาศและวิวทิวทัศน์ที่ดูแปลกตาทำให้เจสสิก้ารู้สึกตกใจไม่น้อย เพราะ... เธอไม่รู้เลยว่าที่นี่มันที่ไหน จนกระทั่งเธอเหลือบไปเห็นชื่อของร้านอาหารฝั่งตรงข้ามเขียนด้วยภาษาเกาหลี
“ที่นี่... เกาหลีงั้นเหรอ ?”
“ก็ใช่น่ะสิ ! เราหนีมาด้วยกันเธอจำไม่ได้เหรอสิก้า ที่ท่าเรือวันนั้น...”
ยูริเริ่มอธิบาย
“ด... เดี๋ยวนะ !? เธอบอกว่าที่ท่าเรือ... แล้วเราหนีมาด้วยกัน อย่างนั้นเหรอ ?”
“ก็ใช่น่ะสิ ! วันนั้นเธอรู้ไหม ชั้นเป็นห่วงเธอแทบแย่ เพราะปลุกยังไงเธอก็ไม่ยอมตื่นซะที 2 วันเชียวนะที่เธอหลับไปน่ะ” ยูริพูดต่อก่อนที่เจ้าของร้านจะเดินออกมาเพราะนึกว่าพวกเธอจะหนี แต่ยูริก็อธิบายกลับไปก่อนที่จะจ่ายเงินและพาเจสสิก้าออกมาจากตรงนั้น เพราะเธอรู้ว่าเจสสิก้าคงไม่กินอะไรต่อแน่ๆ
“แล้วนี่เธอเป็นอะไรไปอีกน่ะ... ?”
ยูริถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อสังเกตเห็นว่าเจสสิก้ามีท่าทางสลดลงและออกไปทางเศร้าๆ ก่อนที่เธอจะโผเข้ากอดร่างของยูริและปล่อยโฮออกมา ทำเอาสาวร่างสูงข้างๆ ตั้งตัวแทบไม่ทันเลยทีเดียว
“โฮๆ ยูริอา !!”
“ด... เดี๋ยวๆ !! เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ยสิก้า !”
ยูริรู้สึกตกใจไม่น้อยที่อยู่ๆ คนรักของเธอก็มาร้องไห้แบบนี้
“สิก้า... สิก้านึกว่าเธอต... ตายไปแล้วซะอีก ฮือๆ”
เจสสิก้าพูดและโอบกอดร่างของยูริเอาไว้ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น
“อ โอ๊ยยย !!!!”
ยูริร้องเสียงหลงจนเจสสิก้าผละออกจากตัวเธอ มองดูหญิงสาวร่างสูงตรงหน้าเอามือกุมที่สีข้างของตนอย่างเจ็บปวด เจสสิก้าที่เพิ่งนึกได้ว่าตรงนั้นมีบาดแผลสาหัสจากการถูกยิงอยู่จึงทำให้เธอรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
“ส
สิ
สิก้าขอโทษ !”
เธอพูดพร้อมกับพยายามพยายามจะเปิดเสื้อของยูริดู แผลที่เห็นถึงแม้จะผ่านการรักษามาแล้ว แต่เพราะผ้าสีขาวขนาดใหญ่ที่พันปิดไว้ ก็ทำให้รู้ได้ว่ามันต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ และนั่นก็ยิ่งทำให้เจสสิก้ารู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก หากแต่ยูริไม่ได้กล่าวโทษเธอเลย เธอยังคงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน พร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ
“ไม่เป็นไรหรอกสิก้า
แผลแค่นี้เอง เดี๋ยวก็คงหาย ^^”
“แล้วนี่เรากำลังจะไปที่ไหนเหรอยูริอา ?”
เจสสิก้าถามขึ้นด้วยความสงสัยขณะที่กำลังเดินตามยูริคนรักของเธอไป สายลมอันหนาวเหน็บยามค่ำคืนที่พัดผ่านไปมาแทบจะทำให้หนาวไปถึงกระดูกเลยทีเดียว เจสสิก้ามองดูหญิงสาวคนรักข้างๆ อีกครั้ง ก่อนที่จะตรงเข้าไปควงแขนของเธอเอาไว้และซุกใบหน้าเข้ากับต้นแขนพยายามโหยหาความอบอุ่น ซึ่งยูริก็แต่เพียงยิ้มให้อย่างเช่นเคย
“กำลังจะกลับบ้านของเราไงล่ะสิก้า ^^”
“บ้านเหรอ ?”
เธอถามกลับอย่างงงๆ
“อื้อ ! ก็บ้านของเราไง”
ยูริย้ำกลับมาอีกครั้งก่อนที่จะพาเจสสิก้าเดินเลี้ยวเข้ามาในซอยแห่งหนึ่ง ตลอดเส้นทางเจสสิก้าก็มองดูไปเรื่อยๆ หากแต่ความรู้สึกที่แสนคุ้นเคยราวกับเธอเคยมายังสถานที่แห่งนี้มาก่อนจะค่อยๆ ผุดขึ้นมาในหัว เธอมองไล่ดูอาคารบ้านเรือนต่างๆ ไล่ไปเรื่อยๆ จนสายตาไปสะดุดเข้ากับอาคารสองชั้นเข้า
ยูริมองตามสายตาขงเจสสิก้าไปก่อนที่จะยิ้มออกมา
“ถึงแล้วล่ะ ^^”
“ที่นี่
น่ะเหรอ ?”
“อื้อ !”
ยูริตอบกลับอีกครั้งพร้อมๆ กับเดินนำเจสสิก้าคนรักเข้ามาในบ้านของเธอ ซึ่งล้วนแล้วแต่เหมือนกับร้านถ่ายรูปที่นิวยอร์คของเธอมาก ไม่ว่าจะเป็นการจัดตกแต่ง การจัดของต่างๆ เว้นแต่เพียงไม่มีอุปกรณ์สำหรับถ่ายภาพเท่านั้น เจสสิก้าเดินเข้ามาและสำรวจส่วนต่างๆ ภายในบ้านด้วยความสงสัย จนกระทั่งเธอเปิดเลื่อนแถบสวิตซ์ไฟออกเผยให้เห็นแถบรหัสปลดล๊อคเข้า
แม้แต่ส่วนนี้ก็ยังเหมือน
“เธอจะเข้าไปเอาอะไรในห้องเก็บของใต้ดินงั้นเหรอสิก้า ?”
ยูริถามขึ้นก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาโอบกอดเจสสิก้าเอาไว้อย่างอบอุ่น พร้อมกับหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ด้วยความรัก
“เธอรู้ไหมสิก้า
ชั้นมีความสุขแค่ไหนที่ได้อยู่กับเธออย่างนี้”
ใบหน้าซุกเข้ากับซอกคอขาวของเจสสิก้าและหลับตาลง อ้อมกอดของยูริยังคงอบอุ่นเสมอไม่เคยเปลี่ยน
“สิก้าก็มีความสุข
มากๆ เลยด้วย”
เธอพูดพร้อมกับพลิกตัวกลับและมอบจูบอันแสนหวานให้กับยูริคนรักของเธอ รสจูบยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน มันยังคงหวานและอบอุ่น นุ่มนวลเสมอ
ก่อนที่เจสสิก้าจะค่อยๆ ผละออกและยิ้มให้บางๆ
“ชั้นรักเธอนะ ยูริอา
”
.
.
.
“ชั้นก็รักเธอ
เจสสิก้า”
ยูริตอบกลับพร้อมกับเดินเดินจูงมือเธอขึ้นไปยังห้องนอนชั้นสอง ก่อนที่จะพากันทิ้งตัวนอนลงบนเตียง
แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องดูช่างโรแมนติกยิ่งนัก มันกลับทำให้ยูริดูดีมากยิ่งขึ้นในสายตาของเธอ จนเธอไม่อยากจะปล่อยมือจากผู้หญิงตรงหน้าเสียเลย เจสสิก้าคิดในใจและยิ้มออกมาบางๆ
ตัดกลับมาที่ด้านของยูระ
เธอที่เพิ่งตื่นขึ้นมายังคงมีอาการงัวเงียไม่อยากจะลุกออกจากที่นอน ยูระใช้เวลาที่ยังคงสะลึมสะลือพลิกตัวกลับไปอีกทางและเลือกที่จะนอนต่ออีกสักพัก แต่สายตาที่เหลือบไปเห็นป้ายของร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม จึงทำให้เธอเลือกที่จะลุกขึ้นจากที่นอน ราวกับมันมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้เธออยากจะไปที่นั่น
เด็กสาวค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงและหยิบเอาเสื้อคลุมมาสวมเอาไว้บางๆ ก่อนที่จะเดินลงมายังชั้นล่างและเปิดประตูออกมาจากบ้าน สายลมอันหนาวเหน็บยังคงพัดผ่านไปมาอย่างต่อเนื่อง เธอจึงคิดถูกแล้วที่หยิบเอาเสื้อคลุมมาสวมเอาไว้ก่อนออกมา ไม่อย่างนั้น เธอคงจะได้หนาวตายแน่ๆ
“หนาวชะมัด
”
เธอบ่นกับตัวเองเบาๆ และถูมือไปมาเร็วๆ
ยูระตัดสินใจเดินข้ามถนนมายังร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม พร้อมกับเปิดประตูร้านเข้ามาด้านใน เช่นเดียวกับเจสสิก้า ความรู้สึกเมื่อกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟลอยมา มันทำให้รู้สึกสดชื่นและเคลิบเคลิ้มไปได้อย่างน่าประหลาด เด็กสาวเดินมาหยุดอยู่ที่บริเวณเคาท์เตอร์และเลือกสั่งกาแฟตามที่ตนโปรด
ซึ่งมันก็ไม่ต่างจากพี่สาวของเธอเลย
.
.
.
“ขอคาเฟลาเต้ร้อนแก้วนึงค่ะ ^^”
กลับมาที่ด้านของเจสสิก้าอีกครั้ง
เธอลุกขึ้นมาจากเตียงและเปิดประตูระเบียงเบาๆ สายลมที่ปะทะเข้ามาทำให้รู้สึกหนาวเล็กน้อย สายตาเธอมองตรงไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีเพียงดวงจันทร์เสี้ยวที่ลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้าที่ไร้หมู่เมฆเท่านั้น
มันช่างสวยงามเหลือเกิน จนเหมือนกับเธอกำลังท่องอยู่ในโลกแห่งความฝันเลยทีเดียว
เจสสิก้าหันมองกลับไปยังด้านหลัง ภายในห้องที่มืดมิด ยูริคนรักกำลังนอนหลับอยู่ เจสสิก้ายิ้มออกมาอย่างชอบใจ เธอรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก และอยากจะเก็บเอาช่วงเวลาดีๆ แบบนี้เอาไว้ให้นานที่สุด เพราะหากมันเป็นความฝัน ก็เป็นความฝันที่เธอไม่อยากจะตื่นเลย
กึกกๆๆ กึกกกๆๆ
อยู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงแผ่นดินที่สั่นไหว ราวกับเกิดแผ่นดินไหวขึ้น เจสสิก้ารู้สึกตกใจไม่น้อยเพราะเธอแทบจะไม่เคยเจอแผ่นดินไหวแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต พื้นดินที่เริ่มเอียงจนเกือบจะถึง 45 องศา ทำให้เธอต้องรีบเกาะราวระเบียงเอาไว้อย่างแน่นด้วยความตกใจ
ข้าวของต่างๆ เริ่มไหลและแตกกระจัดกระจายไปทั่ว
“ยูล !!!”
เธอตะโกนเรียกคนรักของตนอย่างสุดเสียง
“ย ยูล !!!!!!”
ก่อนที่เพดานของห้องจะถล่มลงมาโดยที่เจสสิก้าทันได้ตั้งตัว
“อ๊าาาาาาาาาาา !!!!!”
เธอแหกปากร้องสุดเสียงก่อนที่จะสปริงตัวลุกขึ้นด้วยความตกใจแบบสุดขีด เจสสิก้าที่คิดว่าตนเองถูกเศษหินและเศษปูนพวกนั้นทับจนเละไปแล้วพยายามใช้มือสัมผัสไปตามส่วนต่างๆ ด้วยความตื่นกลัวเพื่อเช็คดู สายตาที่ถูกแสงแดดสาดส่องเข้ามากระทบเข้าจนเธอต้องเอามือขึ้นมาป้องเอาไว้
นี่มัน
เกิดอะไรขึ้น ?
เจสสิก้าพยายามมองไปยังรอบๆ ตัวและพบว่า ข้าวของต่างๆ นั้นยังคงจัดวางอยู่เป็นระเบียบเช่นดังเดิม หากแต่มันดูแปลกตาไปอย่างชัดเจน ราวกับอยู่กันคนละห้อง และที่ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่มันยังเป็นเวลากลางคืนอยู่ แต่ทำไมตอนนี้มันยังสว่างอยู่ล่ะ
“ตกใจหมด นึกว่าเป็นอะไรซะอีก เห็นแหกปากลั่นเลยเมื่อกี้ !”
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง เจสสิก้าจึงหันกลับไปมองและเห็นยูริกำลังยืนมองดูเธอด้วยความเป็นห่วงปนสงสัย ในมือถือกาแฟถ้วยโปรดของเธอเอาไว้
“แล้วแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนล่ะยูริอา ทำไม
ทำไมข้าวของมันถึงกลับมาเป็นอยู่แบบนี้ เหมือน
เหมือนกับมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น !!?”
เจสสิก้าถามขึ้น สายตายังคงมองสำรวจข้าวของต่างๆ
“แผ่นดินไหว ? เมื่อคืน ?”
ยูระทวนกลับอย่างงงๆ พร้อมกับมองตรงมายังหญิงสาวที่พยายามมองสำรวจห้องของพี่เธออย่างสงสัย
“ไม่เห็นมีแผ่นดินไหวอะไรเลยนี่
คุณเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ ?”
เธอเงียบไปสักพักก่อนที่จะพูดต่อ
“แล้วอีกอย่าง
ฉันไม่ได้ชื่อยูริอาอะไรนั่นอย่างที่คุณเรียกนะคะ
ฉันชื่อยูระ”
.
.
.
“ควอน ยูระ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น