ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : + + Day 01 : The Nightmare had begun + + [แก้คำผิด 100%]
ค่ำคืนของเมืองที่เคยเต็มไปด้วยแสงไฟอันสวยงามอย่างกรุงโซล กลับถูกปกคลุมไปด้วยเหล่าผีดิบเดินได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืน หลายคนต่างก็ไม่เข้าใจว่าสาเหตุนั้นมาจากอะไร และทำไมอยู่ๆ ถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น… หลายคนได้สูญเสียคนรักไป หลายคนได้สูญเสียเพื่อนฝูง รวมถึงญาติพี่น้อง…
ต่างคนต่างก็ต้องเอาชีวิตให้รอดในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ ไม่มีใครสนว่าใครจะเป็น… หรือตายยังไง
ความกลัวค่อยๆ ทำให้มนุษย์เริ่มเปลี่ยนไป… จากคนรัก ก็สามารถทิ้งกันได้อย่างง่ายดาย
เพียงแค่…
.
.
.
ขอให้ตัวเองรอด
เสียงไซเรนของรถตำรวจคันแล้วคันเล่าที่วิ่งผ่านห้องที่พักของยูริไป เธอค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นจากเตียงและมองออกไปทางนอกหน้าต่าง แม้ว่าแสงไฟในห้องนั้นจะมืดสนิท บรรยากาศภายนอกนั้นค่อนข้างมืด แต่เธอก็สามารถเห็นกลุ่มรถตำรวจวิ่งสัญจรไปมาได้อย่างชัดเจน ราวกับมันกำลังเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้น
ก๊อกกๆ ก๊อกก...
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ยูริจะลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปเปิดให้กับเพื่อนสาวของเธอ
“มีอะไรงั้นเหรอ... ยุน ?”
ยูริเอ่ยถามขึ้น ก่อนที่ยุนอาจะถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้อง ยูริจึงค่อยๆ ปิดประตูลงและล็อคเอาไว้อีกครั้งก่อนที่จะเดินตามเพื่อนสาวมานั่งลงที่ขอบเตียง
“ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ ที่รถตำรวจวิ่งกันทั่วบ้านทั่วเมืองแบบนี้อะ...”
“นั่นสิ อย่างกับว่ามันมีอะไรงั้นล่ะ...”
ยูริกล่าวเสริมและหันมองออกไปทางนอกหน้าต่างอีกครั้ง
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนะ... ?
เวลา 01.30 นาฬิกา ณ. สะพานบันโพ จุดเชื่อมต่อระหว่างกรุงโซลกับกวางมยอง...
“ทุกท่าน ! โปรดอยู่ในความสงบด้วยครับ !!!”
นายตำรวจท่ายหนึ่งตะโกนขึ้นพยายามจะให้พลเมืองของตนสงบสติลง แต่ในสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็ยากเกินกว่าจะสามารถควบคุมเอาไว้ได้ ตอนนี้ นอกเหนือไปจากสะพานบันโพ... สะพานอื่นที่เชื่อมต่อกับกรุงโซลทางตอนใต้ก็ถูกปิดกั้นเอาไว้เช่นเดียวกัน
“โปรดอยู่ในความสงบด้วยครับ !”
“ปล่อยให้พวกเราข้ามไปนะ !!! ปล่อยให้พวกเราข้ามไป !!”
“ปล่อยให้พวกเราข้ามไป !!!!”
ทางกรมตำรวจที่ตอนนี้ต่างก็ทยอยกันวางกำลังปิดล้อมสะพานเอาไว้ กันไม่ให้สิ่งมีชิวิตแปลกปลอมที่ตนเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร และเกิดขึ้นมาได้อย่างไรหลุดข้ามไป
“จะเอายังไงดีครับท่าน ?”
นายตำรวจคนนั้นหันกลับไปถามผู้บังคับบัญชากรมตำรวจที่กำลังคุยสายตรงกับประธานาธิปบดีอยู่
“ท่านว่ายังไงนะครับ จะให้ทำการระเบิดสะพานทิ้งยังงั้นเหรอครับ ?”
/…/
“แล้วคนของเราล่ะครับท่าน ท่านจะให้ทำแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าท่านระเบิดสะพาน แล้วคนของเรา พลเมืองของเราจะทำยังไงล่ะครับท่าน ! ท่านจะปล่อยให้พวกเขาต้องตายอยู่ในเมืองอย่างนี้น่ะเหรอครับ !?”
น้ำเสียงฟังดูขมขื่นกับคำสั่งที่ได้รับ...
‘จัดการทำตามที่สั่งซะ เราไม่สามารถปล่อยให้พลเมืองทั้งหมดของเกาหลีใต้ต้องตายได้ เพราะฉะนั้นการเสียสละเพียงแค่ส่วนน้อย เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม เพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่รอด แบบนี้แหล่ะดีที่สุดแล้ว...’
“จะทำยังไงดีครับท่าน ?”
“สั่งถอนกำลังซะ...”
“อะไรนะครับ ?”
“ชั้นบอกให้ถอนกำลัง ท่านประธานาธิปบดีสั่งให้ระเบิดสะพานตัดการเชื่อมต่อทิ้ง...”
“ต... แต่คนของเราล่ะครับท่าน !?”
.
.
.
“อ๊ากกกกกกกก !!!!!”
เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนดังขึ้นเมื่อชายคนหนึ่งถูกชายอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ กันกัดเข้าที่ซอกคอ เลือดสีแดงสดพุ่งพรวดออกมาราวกับท่อน้ำประปาแตกสร้างความตื่นตระหนกให้กับเหล่าผู้คนที่อยู่โดยรอบ
“กรี๊ดดดดด !!!!”
และไม่ใช่เพียงแค่ชายคนนั้น... หญิงสาวอีกคนหนึ่งที่อยู่ทางด้านหลังก็ถูกเหล่าคนที่ควรจะตายไปแล้วรุมขย้ำอย่างไร้ซึ่งความปราณี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนยิ่งแตกตื่นกันเข้าไปใหญ่ ต่างคนก็ต่างวิ่งดันกันเข้าไปจนเหล่าตำรวจที่ถือโล่กันอยู่ยังจะต้านเอาไว้ไม่ไหว
“หลบไปเซ่ !! หลบ !!!”
ตูมมมมมมม !!!!!!
อยู่ๆ ก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นดังสนั่น เปลวไฟสีแดงวาบลุกวาวขึ้นทางสะพานด้านขวาของวกตน ก่อนที่เสียงดังจนแสบแก้วหูของฝูงบินรบ F-15K ที่เพิ่งจะทำการยิงมิสไซล์ระเบิดสะพานข้างๆ จะโฉบผ่านไป สะพานที่ได้รับบความเสียหายอย่างหนักค่อยๆ ร่วงหล่นลงสู่แม่น้ำฮันด้านล่าง เหล่าประชาชนที่โชคร้ายบ้างก็ถูกไฟนรกนั้นแผดเผาทั้งเป็น บ้างก็ถูกแรงระเบิดอัดจนร่างกายแหลกเละส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนจนฟังดูน่าสยดสยอง
ฟ้าวววว !!!
เสียงของฝูงบินรบนั้นวกกลับมาอีกครั้งก่อนที่จะบินผ่านไปด้วยความเร็ว และปล่อยมิสไซล์พุ่งเข้าใส่สะพานอีกครั้งอย่างแม่นยำ ราวกับเป็นภาพสโลว์โมชั่นที่เห็นลูกระเบิดค่อยๆ พุ่งเข้าหาสะพาน
“บ... บัดซบ !”
ตูมมมมมม ตูมมมมมมมมม !!!!!
เสียงระเบิดที่ดังสนั่นพร้อมกับเปลวไฟลุกวาบขึ้นทำให้ยูริและยุนอาที่พักอยู่ไกลๆ ยังต้องหันไปมอง เสียงระเบิดยังคงดังขึ้นตามมาเป็นระยะๆ สร้างความตื่นตระหนกให้แก่พวกเธอไม่น้อย ราวกับเกิดสงครามขึ้นยังไงยังงั้น
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย !?”
ยูริสบถออกมาพร้อมกับเดินไปหยิบรีโมทโทรทัศน์มากดเปิดไปยังช่อง KBS เพื่อดูข่าวว่าตอนนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น และทันทีที่ติด ภาพที่ปรากฏอยู่บนจอโทรทัศน์ก็แทบจะทำให้สิ้นสติไปเลยทีเดียว เมื่อเมืองที่เคยดูสวยงามกลับดูเละเทะ น่ากลัว... เต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ เศษซากรถราที่ระเกะระกะ เต็มไปด้วยเศษซากของคนตาย และเลือดสีแดงฉานที่ละเลงไปแทบจะทั่วทั้งนคร
“บ… บ้าชัดๆ”
ตูมมมมมมมมมม !!!!!
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่ภาพจากโทรทัศน์นั้นจะดับไป
ตูมมมม !!!!
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันมาจากตึกที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากคอนโดของพวกเธอเท่าไรนัก ยูริเดินออกมาจากห้องนอนตรงไปยังโต๊ะทำงานของเธอและลองเปิดวิทยุดูอีกครั้ง เพราะตอนนี้โทรทัศน์ก็ใช้งานไม่ได้แล้ว อย่างน้อยวิทยุช่องของทางกรมตำรวจก็น่าจะใช้งานได้
เธอเปิดลิ้นชักโต๊ะนั้นออกและหยิบเอาปืนพกประจำตัวขึ้นมาวางไว้ หวังว่าจะได้ยินข่าวสารอะไรจากทางวิทยุ กระทั่งยุนอาจะเดินตามเข้ามา
“สรุปนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอพอจะรู้ไหมยูริ ?”
“ชั้นเองก็ยังไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ที่นี่มันไม่ปลอดภัยแล้ว !”
“แล้วเราจะไปที่ไหนกันล่ะ !”
/เกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้นใจกลางกรุงโซล ขอกำลังเสริมจากนายตำรวจทุกคนให้กลับมารายงานตัวอีกครั้ง ขอย้ำ ขอกำลังเสริมให้กลับมารายงานตัวอีกครั้ง !!/
“น.. นั่นเธอจะไปไหนน่ะยูริ !?”
ยุนอาถามขึ้นด้วยท่าทางหวาดหวั่น เพราะตอนนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงมันไม่ได้สงบเหมือนดังเดิมอีกแล้ว
“เธอก็ได้ยินแล้วนี่นา... ยังต้องถามอีกเหรอว่าชั้นจะไปที่ไหน ?”
ยูริตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ พร้อมกับหยิบเอาเสื้อผ้าในตู้มาเปลี่ยนและเก็บปืนพกเข้าฝักเหน็บไว้ที่สายเข็มขัดที่เอว เธอหันมาทางยุนอาอีกครั้ง พร้อมกับส่งเสื้อคลุมให้กับเธอ
“เราเองก็ต้องออกจากที่นี่กันแล้วยุน...”
เอี๊ยดดดดดด !!!!!
.
.
.
โครมมมมมมม !!!!!
“เร็วเข้าเถอะ !!”
“อ... อื้อ !!”
ยุนอาตอบกลับก่อนที่จะรีบเดินกลับไปที่ห้องของตนเองและเปลี่ยนจากชุดนอนเป็นชุดใส่ปกติ พร้อมกับหยิบเอาชุดคลุมไปด้วยเพราะอากาศที่ค่อนข้างจะหนาวเล็กน้อย ยูริที่เตรียมตัวเสร็จแล้วจึงเดินมาที่ประตูหน้าห้องของตนและลองคลายล็อคเปิดแง้มออกไปช้าๆ
ผู้คนจำนวนมากที่แตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างคนก็ต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอด หลายคนที่ถูกเบียดจนล้มและถูกเหยียบซ้ำจนเกือบตาย หลายคนที่พลัดตกบันไดลงไปบาดเจ็บสาหัส สายตาเหลือบไปเห็นพี่น้องคู่หนึ่งที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงพากันวิ่งเอาตัวรอดจากซากศพเดินได้ที่ไล่ตามไปติดๆ
แต่คนน้องกลับโชคร้ายที่ถูกจับตัวเอาไว้ ยูริที่คิดว่าผู้เป็นพี่จะหันกลับไปช่วยน้องที่ถูกจับเอาไว้ กลับใช้ขาของเธอถีบเข้าใส่ใบหน้าของน้องอย่างแรง
“ป... ปล่อย !!”
กับคำพูดและการกระทำที่ไม่คาดคิดว่าจะออกมาจากผู้เป็นพี่ที่เคยรักและปกป้องผู้เป็นน้องทำให้ยูริถึงกับช็อค เธอมองตามร่างของผู้น้องร่วงตกบันไดไปและกรีดร้องอย่างโหยหวน แต่ผู้เป็นพี่กลับหนีเอาตัวรอดไปตามลำพัง เรื่องชีวิตนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ขอแค่ตัวเองรอด คนอื่นจะเป็นยังไงก็ไม่สน
นี่กระมัง สันดานแท้ๆ ของมนุษย์...
“ไปเถอะ !”
ยุนอากล่าวขึ้นเพื่อเรียกสติของยูริ
“ชั้นว่าเธอเข้าครัวไปหยิบอะไรมาติดไม้ติดมือไว้หน่อยก็ดีนะ... ดูท่าไอพวกที่อยู่ข้างนอกมันจะไม่ใช่มนุษย์”
“หมายความว่าไง ไม่ใช่มนุษย์ ?”
ยุนอาถามขึ้นอีกครั้งด้วยความสงสัย เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าผีดิบตัวหนึ่งจะเดินตรงเข้ามาหาพวกเธอ
“อืออออออ...”
ยูริที่เหลือบมาเห็นเข้าพอดีรีบดึงประตูปิดเข้ามาอย่างแรง แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะติดแขนของเจ้าผีดิบตนนั้น แขนที่พยายามจะควานหาข้อมือของยูริถูกประตูนั้นหนีบเสียจนเนื้อแทบปริ เลือดสีแดงสดจากบาดแผลเหวอะหวะจนดูน่ากลัวทำให้ยุนอาที่อยู่ทางด้านหลังแทบจะขย้อนออกมา
“ไปเอามีดเอาอะไรมาเร็ว !!”
“ไปเซ่ !!”
ยูริตวาดอีกครั้งก่อนที่ยุนอาจะรีบวิ่งหายเข้าไปในครัวพร้อมกับหยิบเอามีดมาถือไว้เพื่อป้องกันตัว
“ชั้นบอกให้วิ่งก็วิ่งเลยนะ !”
พูดจบยูริก็จัดการถีบประตูไปเต็มแรง
ผัวะ !!
.
.
.
โครมมมมมม !!!!
แรงปะทะกระแทกเข้ากับร่างของผีดิบตนนั้นอย่างแรงจนกระเด็นไปกระแทกเข้ากับผนังฝั่งตรงข้าม
“วิ่ง !!!”
ได้ยินดังนั้นยุนอาจึงวิ่งออกมาจากห้องทันที ยูริที่วิ่งตามออกมาคว้าข้อมือของยุนอาเพื่อนสาวเอาไว้และตรงลงบันไดไปยังชั้นล่าง แต่ระยะทางกว่าจะไปถึงลานจอดรถนั้นคงไม่ง่ายนัก เพราะเธออาศัยอยู่ชั้น 7 และรถที่เธอจอดเอาไว้นั้นอยู่ชั้นล่างของตัวคอนโด
ผีดิบเมื่อเห็นพวกเธอเข้ามาในระยะต่างก็พากันวิ่งเข้าหาราวกับเห็นเหยื่อ ยูริอาศัยความเร็วที่วิ่งมากระโดดใช้ขาข้างหนึ่งยันกำแพงเอาไว้อาศัยแรงบิดที่เอวหมุนตัวกลับมาเหวี่ยงขาเตะเข้าที่ใบหน้าของผีดิบตนหนึ่งอย่างแรง
ผัวะ !!!
จนร่างนั้นกระเด็นไปกระแทกกับผีดิบตัวอื่นๆ จนล้มระเนระนาด
“โอออออออ... !!!”
ผีดิบอีกตัวหนึ่งที่ตรงเข้าใส่บริเวณมุมอับสายตาของยูริถูกยุนอาใช้มีดที่ถืออยู่ในมือพุ่งเสียบสวนเข้าไปตรงลำคออย่างแม่นยำและจังหวะที่ผีดิบตัวนั้นชะงัก เธอก็อาศัยแรงเหวี่ยงจากการหมุนตัวเตะซ้ำเข้าไปที่มีดนั้นจนคอของเจ้าผีดิบตัวนั้นหลุดร่วงจากบ่า ปักเข้ากับผนังกำแพงที่อยู่ข้างๆ
ฉึกกกก !!
พรวดดดด !!!
เลือดสีแดงคล้ำสาดกระเซ็นไปทั่ว แต่จังหวะที่จะให้พักนั้นไม่มีเอาเสียเลย เพราะผีดิบตัวอื่นๆ ก็พุ่งเข้าใส่พวกเธออย่างต่อเนื่องไม่ได้หยุดพัก ยูริใช้หมัดขวาของเธอต่อยอัดเข้าใส่ใบหน้าของผีอีกตัวหนึ่งอย่างแรง
ผัวะ !!!
และเอื้อมมือไปดึงเอามีดที่ปักอยู่ข้างฝาออกมาและปาดเข้าที่คอของเจ้าผีดิบตัวนั้นอย่างรวดเร็ว
พรวดดด !!!
“ไปๆ !!”
เธอกล่าวขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เปิดทางให้กับเพื่อนสาวได้แล้ว ยุนอาจึงวิ่งต่อไปอีกครั้งโดยมียูรินั้นวิ่งตามหลังไปติดๆ ยุนอาวิ่งเลี้ยวไปทางลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเธอเท่าไร และกดเรียกอย่างรวดเร็ว
“มาซะทีสิ !!”
“ระวัง !!”
ยูริกระชากเพื่อนสาวเข้ามาหาตัวให้พ้นจากเจ้าผีดิบอีกตัวหนึ่งที่อยู่ทางด้านหลัง ก่อนที่เธอจะหมุนตัวและเตะฟาดเข้าที่ส่วนหัวของเจ้าผีดิบตัวนั้นอย่างแรง
“ไอพวกนี้มันตัวอะไรกัน... ท... ทำไมคนตายไปแล้ว ถ... ถึงยังเดินด... ได้ล่ะ”
“ชั้นเองก็ไม่รู้ !”
ติ๊งงง !!!
เสียงลิฟต์ดังขึ้นก่อนที่จะค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ และเมื่อพบว่าไม่มีอะไรทั้งสองจึงรีบวิ่งเข้าไปทันที ยูริกดย้ำๆ ที่ปุ่มปิดประตูกันไม่ให้พวกซอมบี้เข้ามาทัน
เอี๊ยดดดด... เอี๊ยดดดดดดด !!!
เสียงเหมือนกับอะไรขูดกันดังขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนที่ลิฟต์ตัวที่พวกเธอเข้ามาจะร่วงตกลงไปด้วยความเร็ว
.
.
.
“กรี๊ดดดดดดด !!!”
เพียงเท่านั้นยังไม่พอ... แม้แต่ไฟที่เคยให้แสงสว่างก็ถูกตัดไปด้วย ความมืดมิดจึงตรงเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งตัวเมือง ความสิ้นหวังและความน่ากลัวแผ่ขยายไปทั่วจนตอนนี้แม้แต่ยูริหรือยุนอาก็ไม่รู้ว่าจะเอาชีวิตรอดไปได้ยังไง โดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
กึ้งงงงง !!!!
“อั่คคคค !!!”
ร่างของพวกเธอกระแทกเข้ากับพื้นลิฟต์อย่างแรงเมื่อมันหยุดลง แรงกระแทกดังกล่าวทำให้ทั้งสองรู้สึกจุกเป็นอย่างมาก เพราะราวกับถูกอะไรบางอย่างกระทุ้งเข้าที่ช่วงท้องอย่างแรงจนหายใจแทบไม่ออก ทั้งยูริและยุนอาต่างก็พยายามจะมองหากันและกันท่ามกลางความมืดมิด เธอใช้เวลาพักใหญ่ๆ ในการฟื้นตัวก่อนที่จะมองไปยังรอบๆ และเห็นแสงสว่างน้อยๆ ส่องลอดเข้ามาทางประตูลิฟต์ที่แง้มเปิดหน่อยหนึ่ง
ยูริค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นอย่างโงนเงน และเอื้อมมือไปคลำที่ประตูนั้นและพยายามจะฝืนเปิดมันออก แต่มันก็ไม่ได้เปิดออกง่ายๆ เลย จนยุนอาต้องลุกขึ้นมาช่วยด้วยอีกแรง
“ฮึบ !!”
ต่างคนต่างก็ช่วยกันออกแรงจนในที่สุดประตูลิฟต์ก็สามารถเปิดออกได้สำเร็จ แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือจุดที่ลิฟต์ค้างอยู่นั้นต่ำกว่าพื้นทางเดิน หากจะออกไปข้างนอกจะต้องปีนลอดออกไปเท่านั้น จากแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาทำให้พอจะมองเห็นสถานการณ์ทางด้านนอกได้บ้าง ยูริและยุนอาหันมามองหน้ากันสักพัก เพราะเธอจะต้องตัดสินใจกันแล้วว่าจะทำยังไงกันต่อ
“จะเอาไงต่อดีล่ะ ?”
“ยังไงเราก็ต้องออกไปจากลิฟต์นี่ให้ได้ซะก่อน…”
ยูริเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปทางช่องเล็กๆ นั้นอีกครั้ง ซึ่งความกว้างขนาดนั้นยุนอาน่าจะสามารถปีนลอดออกไปได้ แต่จะปล่อยให้เพื่อนสาวที่ไร้ซึ่งอาวุธใดๆ ออกไปเสี่ยงทางด้านนอก มันก็อันตรายจนเกินไป แต่เมื่อมันไม่มีทางเลือกอื่น ยูริจึงหยิบปืนพกที่เหน็บเอาไว้ส่งมันไปให้กับยุนอา
“เธอปีนออกไปก่อน ส่วนปืนนั่น หวังว่าคงจะใช้เป็นนะ…”
ยุนอาพยักหน้าน้อยๆ ก่อนที่จะหันออกไปทางช่องว่างขนาดเล็ก และพยายามจะปืนลอดออกไป
กลิ่นคาวเลือดรุนแรงทำให้แทบอยากจะแหวะเอาของเก่าออกมา สัมผัสเย็นๆ เหมือนน้ำที่เจิ่งนองพื้นทางด้านหน้าที่ยุนอาพยายามคลานออกไป มันไม่มีอะไรอื่นไปได้เลยนอกจากเลือดสีแดงสดที่ไหลนองออกมาจากศพของผู้คนจำนวนมากที่มานอนตายเกลื่อนกลาดอยู่ใกล้ๆ ลิฟต์
“อ๊ากกกกกกก !!!!!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นมาอีกครั้งทำเอายุนอาต้องเร่งคลานออกไปเพราะตอนนี้เธอเพิ่งจะพ้นออกมาได้เพียงแค่ครึ่งตัวเท่านั้น
ครึ่กกๆ… ครึ่กกกก !!!
แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นเริ่มทำให้ลิฟต์ขยับอีกครั้งราวกับมันไม่ได้อยู่ที่ชั้นล่างสุด และมันพร้อมที่จะดำดิ่งไปได้อีกครั้ง ยุนอาที่เร่งคลานออกมาจนสำเร็จจะหันกลับไปช่วยเพื่อนสาวที่ยังคงติดอยู่ด้านใน แต่เพราะเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาทำให้เธอต้องชะงัก และหันกลับไปมองทางด้านหลังด้วยความตกใจ
“อืออออ… โออออออออ…”
เพราะผีดิบจำนวนไม่น้อยค่อยๆ เดินใกล้เข้ามายังจุดที่ยุนอายืนอยู่เรื่อยๆ ครั้นจะหันกลับมาช่วยเพื่อนสาวที่หวังพึ่งในฝีมือ เจ้าลิฟต์เฮงซวยก็ดันขยับเคลื่อนต่ำลงไปอีกครั้ง จนช่องว่างนั้นลดน้อยลงและยากที่จะคลานลอดออกมา ยุนอาในตอนนี้ไม่สามารถจะตัดสินใจทำอะไรได้เลย เช่นเดียวกับยูริที่พยายามจะออกไปจากลิฟต์ตัวดังกล่าว
เอี๊ยดดดด…
“บ้าชิบ !”
ยูริสบถออกมาพร้อมกับตะโกนบอกเพื่อนสาวด้านนอก
“ยุน ! เธอรีบไปจากตรงนี้ซะ ! แล้วไปเจอชั้นที่โรงจอด…”
.
.
.
เอี๊ยดดดดดดดด !!!!!!!!
ไม่ทันที่พูดจบ ลิฟต์ตัวนั้นก็ตกลงไปยังชั้นล่างอีกครั้ง ยุนอาที่พยายามจะช่วยเพื่อนสาวกลับไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากยืนมองเพื่อนสาวร่วงลงไปกับลิฟต์เท่านั้น
“ม… ม่ายยยยยยยยยย !!!!!”
ร่างกายทรุดฮวบลงกับพื้นไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับตัว น้ำตาใสๆ ไหลพรากจนอาบแก้ม
“ย… ยูล”
.
.
.
โครมมมมมม !!!!
ตามมาติดๆ ด้วยเสียงลิฟต์ที่กระแทกกับพื้นทางด้านล่างอย่างแรง
“ย… ยูล ยูลลลลลล !!!!”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น