ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SNSD with AS] : D9 (DENIED) Yuri [Season 1]

    ลำดับตอนที่ #4 : + + Day 04 : Run, I said run !!! + + [แก้คำผิด100%]

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 57


    แฮ่ !!!!!”
    ฝูงสุนัขที่รายล้อมเธออยู่ค่อยๆ วิ่งกรูกันเข้ามา หากเข้ามาทีละตัวก็ยังพอทน แต่นี่กลับวิ่งกันเข้ามาทั้งหมดจนยูริเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรในสถานการณ์ดังกล่าว เธอตัดสินในเหวี่ยงขวานในมือฟาดเข้าใส่สุนัขที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างแรงที่กลางลำตัว
    ฉัวะ !!!
    เอ๋งงงงงง !!!!”
    คมขวานถูกจามเข้าใส่จนร่างนั้นแทบจะขาดแยกออกจากกัน เลือดสีคล้ำออกดำพุ่งพรวดออกมาพร้อมๆ กับที่ร่างนั้นดิ้นไปดิ้นมาอย่างทุรนทุราย เธอใช้ขานั้นยันตัวของสุนัขตัวนั้นเอาไว้พร้อมกับดึงเอาขวานออกเตรียมฟาดเข้าใส่สุนัขผีดิบอีกตัวที่กำลังกระโจนเข้าใส่พร้อมกับแยกเขี้ยวให้
    โพล๊ะ !!!!
    ส่วนหัวนั้นถึงกับแบะแยกออกจากกันเมื่อคมขวานนั้นกระแทกลงไปที่กลางศีรษะกระทบกับพื้นถนนและเด้งกลับขึ้นมา เธอบิดตัวหันกลับมาพร้อมกับอาศัยแรงเหวี่ยงดังกล่าวตวัดขวานเข้าใส่สุนัขอีกตัวที่กระโดดเข้ามาจากทางมุมอับสายตาจนขานั้นขาดกระเด็น
    ระวัง !!!”
    ยุนอาเพื่อนสาวตะโกนบอกทันทีที่เห็นสุนัขอีกตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่ทางด้านหลังของยูริโดยที่เธอไม่ทันได้ระวัง แต่เธอก็สามารถหลบจากการโจมตีนั้นได้ทัน หากเธอก้มหลบช้าไปกว่านี้ คอหอยของเธอคงได้ขาดสะบั้นลงแน่ๆ
    เอี๊ยดดดดดดดด !!!!!
    กระทั่งเสียงเบรกของรถยนต์ดังขึ้นมาจากทางด้านข้างซึ่งคาดว่ามาจากบริเวณลานจอดรถใต้คอนโด เพราะเสียงดังกล่าวจึงทำให้ทุกสายตานั้นหันไปมองไม่เว้นแม้กระทั่งเหล่าสุนัขผีดิบ การเคลื่อนไหวทั้งหมดจึงได้หยุดชะงักลงชั่วครู่ กระทั่งไฟหน้าของรถจะฉายวาบออกมา และพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูง กระจกหน้าที่มีเลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่ว มันคงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรดีๆ ขึ้นแน่
    และมันก็เป็นจริงดังว่า เมื่อคนขับนั้นกลับถูกผีดิบกัดเข้าจนไม่มีสมาธิควบคุมรถ
    โครมมม !!!!
    ส่วนหน้าพุ่งกระแทกกับเสาคอนกรีตอย่างแรงจนบุบ แรงเหวี่ยงจากพวงมาลัยที่หมุนอย่างอิสระทำให้ท้ายรถนั้นเหวี่ยงสะบัดอย่างแรงจนพลิกคว่ำและขูดกับพื้นถนนตรงมาทางยูริอย่างเร็ว ประกายไฟลุกพรึ่บขึ้นเป็นทางยาว ไม่ว่าจะหมาหรือยูริ ต่างฝ่ายต่างก็พากันหลบออกมาจากรัศมีที่รถคันดังกล่าวพุ่งเข้าใส่และ
    โครมมมม !!!
    ยูริที่สามารถรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิดหันกลับไปมองภาพทางด้านหลังของตนอย่างช้าๆ เหล่าสุนัขผีดิบที่เคยรุมล้อมเธออยู่กลับแตกแยกออกไปคนละทิศละทาง ก่อนที่จะเกิดการระเบิดขึ้นอย่างแรง
    ตูมมมมมมมม !!!
    เปลวไฟสีแดงสว่างวาบขึ้นไปบนท้องฟ้าอันมืดมิด จากเมืองที่เคยมืดสนิทก็ได้รับแสงจากเปลวเพลิงดังกล่าวทำให้สามารถมองเห็นอะไรได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในตอนนี้สุนัขซอมบี้ที่เหลือรอดอยู่ต่างก็พากันวิ่งหายไปทิ้งเอาไว้แค่บางตัวที่ไม่สามารถขยับได้ให้ถูกเพลิงนรกนั้นแผดเผา
    ยูริเดินกลับไปหยิบขวานของตนที่ชุ่มไปด้วยเลือดขึ้นมาและถือเอาไว้ ก่อนที่จะหวดซ้ำไปที่สุนัขผีดิบอีกตัวหนึ่งที่ยังเล็ดรอดมาได้จนหัวนั้นหลุดกระเด็นไป
    ฉัวะ !!!
    กรรรรรรรร !!!!!”
    แต่อยู่ๆ สุนับผีดิบอีกตัวหนึ่งที่แอบซุ่มรอจังหวะอยู่ เมื่อเห็นว่ายูริไม่ทันได้ระวัง มันก็พุ่งเข้าใส่เธอทันทีจนร่างนั้นถูกกระแทกล้มลงอย่างแรงจนขวานที่ถืออยู่หลุดกระเด็นออกไปไกลพอสมควร เจ้าสุนัขตัวนั้นใช้ขาของมันเหยียบลงบนตัวของยูริพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่อย่างโกรธแค้น ฟันซี่ใหญ่ที่เหมือนกับพร้อมที่จะขย้ำคอให้ขาดสะบั้นลงได้อย่างง่ายดายสะท้อนกับแสงไฟที่สว่างวาบทำให้มันดูน่าหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
    ใบหน้าและลำตัวดูเละจนน่าสะอิดสะเอียน และที่สำคัญ มันตัวใหญ่กว่าสุนัขตัวอื่นๆ มาก ราวกับมันเป็นจ่าฝูง
    แฮ่ !!!!”
    มันขู่คำรามและแยกเขี้ยวใส่เธออีกครั้ง ปากนั้นอ้ากว้างออกจนเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคม เรี่ยวแรงอันมหาศาลของมันที่กดทับลงมาทำให้ยูรินั้นไม่สามารถขยับตัวไปไหนมาไหนได้เลย
    กรรรรร !!”
    กระทั่งมันแยกเขี้ยวใส่และก้มลงมาจะขย้ำ
    .
    .
    .
    ยูริ !!!!!!!!”
     
    ผัวววะ !!!!
    เอ๋งงงงง !!!!!”
    สุนัขผีดิบตัวนั้นถึงกับร้องเมื่อถูกแท่งเหล็กฟาดอัดเข้าใส่ใบหน้าอย่างแรงจนคอนั้นแทบหัก ร่างนั้นโงนเงนก่อนจะทรุดไปกับพื้น มันสะบัดหัวสองสามทีก่อนจะแหงนหน้าและหันกลับมามองดูหญิงสาวแปลกหน้าอีกคนที่เพิ่งจะหวดมันเต็มแรงอย่างโกรธๆ ยูริค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาก่อนที่จะพบกับหญิงสาวผมสีน้ำตาลยาวอีกคนหนึ่งที่กำลังสั่นเทาเพราะความกลัว
    ยูริที่ตั้งสติได้เธอรีบวิ่งไปหยิบเอาขวานของตนขึ้นมาซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าสุนัขตัวนั้นจะพุ่งเข้าใส่หญิงสาวอีกคนที่เพิ่งจะหวดมันด้วยความโกรธเผยให้เห็นเขี้ยวอันคมกริบที่พร้อมจะกัดเธอให้ตายภายในครั้งเดียว
    กรรรรรรร !!!!!”
    ระยะห่างระหว่างเธอและหญิงสาวคนนั้นมันไกลเกินกว่าที่จะเข้าไปช่วยได้ทัน
    กรี๊ดดดดดดดด !!!!”
    เธอคนนั้นกรีดร้องสุดเสียงด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับหลับตาลง ยูริที่ไม่รู้ว่าจะไปช่วยได้ยังไงตัดสินใจเสี่ยงดวงเขวี้ยงขวานที่ถืออยู่เข้าใส่ด้วยการง้างแขนอย่างเต็มแรง พร้อมกับตะโกน
    หลบ !!!”
    เป็นจังหวะเดียวกับที่ขวานนั้นลอยหลุดออกจากมือหมุนควงไปอย่างช้าๆ ราวกับภาพสโลว์โมชั่น เธอคนนั้นที่หันมาเห็นขวานเข้าต้องรีบก้มหลบด้วยความตกใจ เพราะหากช้าไปกว่านั้น มันคงจะปักเข้าที่หัวของเธอก่อนที่จะปักเข้าที่หัวของสุนัขตัวนั้น
    เอ๋งงง !!!”
    คมขวานที่เฉียดผ่านศีรษะของหญิงสาวคนนั้นไปปักเข้าที่กลางกะโหลกของสุนัขตัวนั้นอย่างแรง และด้วยแรงเหวี่ยงที่ปะทะเข้ากับร่างทำให้กะโหลกนั้นถึงกับผ่าออกเป็นสองซีก เลือดนั้นพุ่งพรวดไปจนทั่วทั้งบริเวณ ยูริมองดูร่างของสุนัขตัวนั้นที่กำลังดินไปดิ้นมาก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆ และก้มหยิบขวานขึ้นมาอีกครั้งและ...
    ฉึกกก !!!
    เธอตัดสินใจจามขวานเข้าใส่ที่ศีรษะของเจ้าสุนัขตัวนั้นอีกครั้งก่อนที่มันจะแน่นิ่งไป ความรู้สึกโล่งอกทำให้เรี่ยวแรงทั้งหมดเหมือนกับจะหายไปเสียดื้อๆ ยูริทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรงพร้อมกับหันไปมองดูหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ไม่ไกลออกไป
    เป็นจังหวะเดียวกับที่ยุนอาเพื่อนสาวของเธอจะวิ่งตรงเข้ามาและประคองร่างของยูริเอาไว้
    เธอไม่เป็นอะไรนะ !?”
    อ... อือ แล้วเธอออกมาจากตรงนั้นได้ยังไงน่ะ ?”
    ยูริถามด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่ยุนอาจะยิ้มพร้อมกับโชว์พวงกุญแจในมือให้เพื่อนสาวดู
    ก็บอกแล้วไง ว่าชั้นเพิ่งจะหวดตาลุงนั่นตายไป ชั้นก็เลยแวะกลับไปเอากุญแจมาเปิดนั่นแหล่ะ...
    ก่อนที่จะหันไปดูหญิงสาวคนนั้นและเดินประคองยูริเข้าไปใกล้ๆ
    ขอบคุณนะที่ช่วย...
    ยูริกล่าวขึ้นเบาๆ พร้อมกับยื่นมือส่งให้กับหญิงสาวคนนั้น แสงไฟที่ส่องสว่างวาบเข้ามาทำให้เห็นใบหน้าอันสวยงามคล้ายตุ๊กตาบาร์บี้ของเจสสิก้า จอง...
    ไอดอลสาวหน้าใสที่กำลังมาแรงในขณะนี้นั่นเอง

    ----------------------------------


    ในขณะเดียวกันทางด้านของซูยอง เธอที่ตัดสินใจก้าวขาออกมาจากห้องต้องเผชิญหน้ากับฝูงผีดิบที่รายล้อมอยู่รอบๆ เธอมองไปทางไฟฉายกระบอกที่ตกอยู่บนพื้นไม่ใกล้ไม่ไกลเท่าไรก่อนที่จะสลับมายังผีดิบที่อยู่ใกล้ๆ
    พลั่คคค !!
    ซูยองตัดสินใจผลักเจ้าผีดิบพวกนั้นออกไปให้พ้นทางพร้อมกับหลบจากการจับกุมของพวกมันไปด้วย แต่เพียงแค่ผลักมันออกไปดูท่าจะไม่เห็นผลเท่าไรนัก จนเธอต้องตัดสินใจง้างแท่งไม้ในมือเข้าฟาดใส่เจ้าผีดิบตนนั้นอย่างแรง แม้ว่าไม่อยากจะทำ
    ผัวะ !!!
    เสียงที่เกิดขึ้น ทำให้เหล่าผีดิบที่อยู่รอบๆ ถึงกับชะงักและหันมาจ้องเธอเป็นทางเดียวคล้ายกับเวลานั้นหยุดเดินไปชั่วครู่ และเริ่มเดินอีกครั้งเมื่อผีดิบเหล่านั้นพุ่งเข้าใส่ซูยอง
    โอออออออออ !!!!!”
    บ้าชิบ !”
    ผัวะ !!!!
    แท่งไม้ถูกหวดเข้าใส่ส่วนหัวของเจ้าผีดิบตัวนั้นอย่างแรงจนมันเซหงายเสียหลักไป เธอใช้โอกาสนั้นพุ่งเข้ากระแทกและหวดซ้ำเข้าไปที่หัวของมันอีกครั้งอย่างแรง จนร่างนั้นกระเด็นไปกระแทกกับเหล่าผีดิบทางด้านหลัง ซูยองใช้ขาของเธอถีบผีดิบตัวที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างแรงจนมันหงายล้มไปอีกครั้ง ทำให้เธอรอดจากการถูกกัดมาได้อย่างหวุดหวิด
    แทยอนที่อยู่ทางด้านในแม้ว่าเธออยากจะออกไปช่วย แต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะช่วยยังไงอยู่ดี
    ผัวะ !!!
    ซูยองยังคงใช้ไม้ในมือหวดใส่เหล่าผีดิบที่รายล้อมเธออยู่อย่างต่อเนื่อง กระทั่งแทยอนที่ได้แต่ดูอยู่ด้านในตัดสินใจเปิดประตูออกมาพร้อมกับหยิบคว้าเอารถเข็นที่จอดอยู่ฟาดเข้าไปที่เหล่าผีดิบพวกนั้น
    โครมมมมม !!!!
    ธ... เธอ !!”
    ซูยองหันกลับมาจ้องหญิงสาวร่างเล็กที่ยืนอยู่ทางด้านหลังตนด้วยความตกใจ ทั้งๆ ที่สั่งไว้ว่าอย่าออกมา แต่แทยอนก็กลับไม่ยอมฟังสิ่งที่เธอบอกเลย ซูยองใช้ไม้ในมือของเธอฟาดเข้าใส่ผีดิบที่อยู่ใกล้ๆ พร้อมกับใช้ขาของเธอถีบมันให้กระเด็นออกไป
    ชั้นบอกแล้วไงว่าอย่าออกมา ยัยบ้า !!!”
    เธอหันกลับไปตวาดใส่แทยอนที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆ ด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่แทยอนจะเหลือบไปเห็นเจ้าผีดิบตนหนึ่งที่กำลังจะตรงเข้ากัดซูยองโดยที่เธอไม่ทันระวังตัว
    ระระวัง !!!”
    ผัวะ !!!!
    ซูยองที่ไหวตัวทันใช้ไม้ในมือนั้นฟาดเข้าที่กลางศีรษะของเจ้าผีดิบตนนั้นอย่างแรง สถานการณ์ในตอนนี้มันช่างคับขันเกินกว่าที่จะควบคุมเอาไว้ได้เสียแล้ว แผนการที่ได้ตกลงกันไว้กลับต้องพังทลายลงเพราะยัยนี่คนเดียว ซูยองคิดในใจอย่างโกรธๆ แต่อีกใจหนึ่งก็ต้องขอบคุณ เพราะว่าแทยอนออกมาช่วย เธอจึงรอดจากการโดนทำร้าย
    สายตาพยายามมองหากระบอกไฟฉายที่ต้องการ แต่เพราะเหล่าผีดิบที่กรูกันเข้ามาบดบังวิสัยทัศน์มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหามันให้พบ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่เหล่าผีดิบกระหายเลือดทั้งนั้น
    โอออออออ !!!!”
    ตรงนั้น !!!!”
    แทยอนตะโกนขึ้นพร้อมกับชี้ให้ซูยองดู แสงไฟที่ขยับกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้น ก่อนที่มันจะโดนซอมบี้อีกตัวหนึ่งเตะเข้าจนกระเด็นไกลออกไป แสงไฟนั้นสาดส่องไปยังบริเวณรอบๆ ก่อนที่จะหยุดลงแทบเท้าของผีดิบสาวตนหนึ่ง ไม่สิหากจะเรียกให้ถูก เจ้าสิ่งนั้นมันเกินกว่าจะถูกเรียกว่าผีดิบ มันดูเหมือนกับปีศาจร้าย เป็นอสูรกายหลุดออกมาจากนรก ร่างนั้นยืนนิ่งราวกับไร้ซึ่งสติ ดวงตาสีแดงเลือดที่เคยสะท้อนกับแสงไฟค่อยๆ หรี่เล็กลง จากท่าทางที่สงบเสงี่ยมนั้น ดูแทบไม่ออกเลยว่าปีศาจสาวตนนั้นเคยคร่าชีวิตผู้คนมานักต่อนักแล้ว
    หึหึฮะๆๆ
    กระทั่งเสียงหัวเราะที่คล้ายกับคนกำลังสะใจจะดังขึ้นมาจากร่างของเจ้าปีศาจสาวตนนั้น และตามมาด้วยเสียงสะอื้นไห้อีกครั้ง อารมณ์ที่แปลเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันทำให้พวกเธอรู้สึกสยดสยองมากยิ่งขึ้น ภาพของชายเจ้าของไฟฉายกระบอกนั้นยังคงฉายซ้ำวนเวียนอยู่ในหัว
    ฉากที่เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่วผนังพร้อมๆ กับที่เครื่องในนั้นจะกระเด็นไปทั่ว เสียงกรีดร้องของชายคนนั้นยังคงดังก้องสะท้อนไปสะท้อนมาคอยหลอกหลอนพวกเธอไม่ยอมหยุดหย่อน
    โออออออ !!!!”
    ระวัง !!!”
    ซูยองตะโกนลั่นพร้อมกับดึงร่างของแทยอนเข้ามาหลบในอ้อมแขนของตน มือขวาที่จับไม้นั้นหวดสวนกลับเข้าไปกลางแสกหน้าของเจ้าผีดิบตนนั้นจนเต็มแรง
    ผัวะ !!!
    และซ้ำเข้าไปอีกครั้งจนแท่งไม้นั้นถึงกับหัก
    ทางนี้ !!”
    เธอตะโกนบอกแทยอนพร้อมกับจูงมือเธอวิ่งออกไปจากบริเวณดังกล่าวทันที แทยอนพยายามวิ่งตามซูยองให้ทัน แม้ว่าเธอจะรู้สึกเหนื่อยเป็นเท่าตัวเพราะช่วงขาที่สั้นกว่า แต่เธอก็ไม่สามารถหยุดวิ่งได้เลย
    ทางนี้ !”
    เม็ดเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาทำให้มือที่กุมกันอยู่เริ่มหละหลวม กระทั่งซูยองหักเลี้ยวหลบเจ้าซอมบี้อีกตัวหนึ่ง แรงเหวี่ยงเพียงน้อยนิดบวกความลื่นของเหงื่อทำให้มือนั้นหลุดออกจากกันอย่างง่ายดายจนร่างของแทยอนนั้นเสียหลักกลิ้งล้มลงกับพื้นอย่างไร้สิ้นเรี่ยวแรง
    ตุบบบ !!
    โอ๊ยยย !!”
    ซูยองหันกลับมามองหญิงสาวร่างเล็กที่ล้มกลิ้งไปกับพื้นพยายามที่จะส่งมือไปช่วยฉุดเธอกลับขึ้นมา แต่กลับถูกแทยอนปัดมือนั้นทิ้งพร้อมกับตะโกนขึ้น
    ไป !!! วิ่งไป !!”
    “…”
    ชั้นบอกให้วิ่ง !!!”
    แต่
    อย่าให้ชั้นคอยเป็นตัวถ่วงของเธอเลย ซซูยอง ไปซะ ตอนที่ชั้นยังสามารถล่อเจ้าผีดิบพวกนี้ให้เธอได้
    นี่เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ คิมแทยอน !!”
    ซูยองไม่สนใจในสิ่งที่แทยอนได้พูดออกมาเลยแม้แต่น้อย เธอตรงเข้ามาฉุดแทยอนขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ฝูงผีดิบนั้นต่างก็ใกล้ตัวเข้ามาเรื่อยๆ แต่แทยอนกลับสะบัดมือนั้นทิ้งและผลักซูยองออกไปจากตัว
    ไปซะ ! ชั้นบอกให้เธอไปไงเล่า !!!”
    ชั้นไม่ทิ้งเธอไปแน่แทยอน ! เราต้องรอดไปด้วยกันสิ !!”
    สีหน้าของแทยอนดูเศร้าสลด น้ำตาใสๆ ไหลรินออกมาจนอาบแก้ม เป็นจังหวะเดียวกับที่แสงไฟจากกระบอกไฟฉายนั้นสาดแสงมาที่เธอ นั่นจึงทำให้ซูยองได้เห็นบาดแผลบริเวณข้อเท้าของแทยอน
    สาเหตุที่เธอไม่สามรถไปต่อไปนั่นเอง
    ไปซะซูยองชั้นชั้นบอกให้ไป !!”
    .
    .
    .
    ไปซะสิ !!! ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป !!!”

    -------------------------------


    ไปซะสิ !!! ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป !!!”
    เพี๊ยะ !!!
    ซูยองง้างมือตบใบหน้าของแทยอนอย่างแรง ก่อนที่จะช้อนตัวของแทยอนขึ้นมาอุ้มเอาไว้โดยที่ไม่ฟังคำทักท้วงของสาวร่างเล็กเลยแม้แต่น้อย
    ปล่อยชั้นนะ ! เธอก็รู้ ว่าคนที่โดนพวกนั้นกัด มันจะต้องเป็นยังไง ดูอย่างคนพวกนั้นสิ !!”
    หุบปากแล้วอยู่เงียบๆ ไปซะ คิมแทยอน !!”
    ซูยองตวาดด้วยน้ำเสียงอันเกรี้ยวกราด เธออุ้มร่างของแทยอนวิ่งผ่านฝูงผีดิบเหล่านั้นโดยไม่รู้สึกหนักเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าแขนจะไม่ว่าง แต่ซูยองก็ใช้ไหล่เข้ากระแทกผลักเจ้าผีพวกนั้นออกไปได้จนพ้นทาง แม้ว่าเธอจะไม่สามารถไปต่อได้ แต่เธอก็สามารถรอดกลับมาได้
    ปึงงงง !!!
    เธอเปิดประตูทันทีที่เข้ามาพร้อมกับกดล็อคเอาไว้
    ปึงง ปึงงง ปึงงงง !!!!
    โออออออ…”
    ทั้งเสียงเคาะประตูและเสียงร้องของเหล่าผีดิบภายนอกจะยังคงดังต่อไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ซูยองรู้สึกผวาเลยแม้แต่น้อย เพราะในตอนนี้ใจของเธอไม่ได้อยู่ที่ผีพวกนั้นแล้ว ใจของเธอมันอยู่ที่บาดแผลตรงข้อเท้าของแทยอนมากกว่า ซูยองค่อยๆ วางร่างของแทยอนลงบนเตียงว่างด้านใน โชคยังดีนักที่ห้องนี้เป็นห้องพักผู้ป่วยที่ว่างอยู่พอดี
    บ้าเอ๊ย !!!”
    ซูยองบ่นอย่างหัวเสีย
    ทำไมเธอถึงต้องช่วยชั้นออกมาด้วย !! เธอก็น่าจะรู้นี่นา ว่าคนที่โดนกัด จุดจบของคนพวกนั้นมันเป็นยังไง !!!”
    แล้วเธอจะให้ฉันปล่อยเธอตายไปต่อหน้าต่อตางั้นเหรอยัยบ้า !!”
    “…”
    ทีหลังทำอะไรหัดคิดซะบ้าง !!”
    เธอตวาดขึ้นอีกครั้งทำเอาแทยอนถึงกับร้องไห้ไปเลยทีเดียว
    มันมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น ทำไมทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้ ทำไมกัน !!! ฮือๆๆ
    กึกกๆ กึกกก
    เสียงเคาะประตูนั้นเริ่มเบาลง กระทั่งมันเงียบไป นั่นจึงทำให้บรรยากาศในตอนนี้เริ่มผ่อนคลายลงบ้าง ขณะที่แทยอนยังคงนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง ซูยองก็เริ่มเดินสำรวจห้องและเริ่มรื้อค้นตู้ต่างๆ กระทั่งเธอไปพบกับผ้าพันแผลเข้า เธอจึงหยิบมันกลับมาและส่งมันให้กับแทยอน
    เอ้านี่ ! รักษาตัวเองซะสิ มันก็ดีกว่าปล่อยให้เลือดมันไหลออกจนหมดตัวละนะ…”
    เธอพูดขึ้นก่อนที่จะทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงอย่างหมดแรง
    สงสัยเราคงต้องรอจนถึงพรุ่งนี้เช้าซะแล้วล่ะมั๊ง…”
    ซูยองพูดพร้อมกับเหลือบมองออกไปดูทางหน้าต่าง ก่อนที่จะตัดสินใจลุกขึ้นไปเปิดม่านที่บังแสงจันทร์ออก และสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของเธอก็คือสภาพของกรุงโซลที่กำลังลุกไหม้ เปลวไฟสีส้มอมแดงส่องสว่างไปแทบจะทั่วทั้งเขตของตัวเมือง ทำให้ความหวังที่จะรอดออกไปจากที่นี่นั้นยิ่งริบหรี่ลงไปอีก
    .
    .
    .
    นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย…?”
     
    กลับมาที่ด้านของยูริและยุนอาอีกครั้ง
    พวกเธอยังคงพยายามเอาชีวิตให้รอดมาจากการโจมตีของเหล่าผีดิบเหล่านั้น โดยมีเพื่อนร่วมทางใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง เจสสิก้ายังคงวิ่งตามหลังยูริไปไม่ยอมเว้นระยะ เช่นเดียวกับยุนอาที่ตามมาติดๆ
    ผัวะ !!!!
    ยูริใช้ขาของเธอเตะอัดเข้าใส่ผีดิบที่ขวางทางอยู่ด้านหน้าจนมันล้มกลิ้งไปกับพื้น ก่อนที่จะใช้ขวานนั้นสับเข้ากลางศีรษะอย่างแรงจนส่วนของกะโหลกนั้นถึงกับแหลก แม้ว่ามันจะเป็นภาพที่ดูน่ากลัว แต่หากไม่ทำแบบนี้ พวกเธอก็ไม่สามารถเอาตัวรอดได้
    กระทั่งยูริฉุกคิดขึ้นมาได้และใช้แสงไฟจากโทรศัพท์มือถือของตน เมื่อเห็นดังนั้นทั้งยุนอาและเจสสิก้าก็หยิบมันขึ้นมาด้วยเช่นกัน แม้ว่าแสงนั้นจะไม่สว่างมาก แต่มันก็ทำให้พวกเธอมองเห็นเส้นทางกันได้
    เธอคอยส่องไฟให้ชั้นด้วยนะ
    อ... อือ
    เจสสิก้าตอบกลับขณะที่คอยส่องไฟนำทางไปเรื่อยๆ
    เธอจอดรถเอาไว้ตรงไหนน่ะยูริ ?”
    ยุนอาถามขึ้นพร้อมกับมองไปยังรอบๆ ตัวที่มีแต่รอยเลือดและเศษซากของสิ่งต่างๆ ที่ดูรกระเกะระกะ บรรยากาศเงียบๆ เฉกเช่นในตอนนี้ทำให้ยิ่งต้องประคองสติเอาไว้ให้มั่น แต่บรรยากาศมันก็เงียบจนเกินไปจริงๆ ไม่มีแม้กระทั่งผีดิบให้เห็นเลยสักตัว
    เพล้งง !!
    นั่นเธอทำอะไรน่ะ ?”
    “…”
    ยุนอาถามเพื่อนสาวที่เพิ่งจะใช้ขวานในมือทุบกระจกรถที่จอดเอาไว้ข้างๆ ด้วยความสงสัย เป็นจังหวะเดียวกับที่ยูริจะปลดล็อคและเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถเก๋งดันนั้น เธอดึงเอาสายวงจรลงมาและพยายามจะต่อวงจรเสียใหม่
    เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ !!!
    ติดสิ... ติด...
    เจสสิก้าและยุนอาที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็มองหน้ากันสักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจวิ่งเข้าไปนั่งในรถคันนั้นด้วย
    บรืนน... บรืนนนนนน !!!!
    เสียงเครื่องที่สตาร์ทติดพร้อมกับแสงไฟหน้ารถที่สว่างวาบขึ้นฉายให้เห็นหนทางเบื้องหน้า ก่อนที่ยูริจะขึ้นเกียร์และเหยียบคันเร่งขับรถออกมาจากบริเวณนั้น...
    .
    .
    .
    มุ่งสู่เป้าหมายใหม่ต่อไป...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×