ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : สูญเสีย
ตอนที่ 1
สูญเสีย
สายลมอุ่นๆในฤดูร้อน พัดเอากลิ่นอายของทุ่งหญ้าและกลิ่นหอมของดอกไม้มาด้วย หญ้าต้นเตี้ยๆเขียวขจี แผ่ตัวเป็นวงกว้างหลายกิโลสุดสายตาภูมิประเทศโดยรอบเป็นเนินลูกเล็กๆวางตัวสลับกันไปมา ไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆทั่วทั้งทุ่ง มีเพียงดอกไม้หลากสีและต้นไม้ใหญ่ที่แต่ละต้นทิ้งระยะกันพอควร ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งมีเด็กน้อยคนนึงนอนราบไปกับพื้นหญ้าที่เหมือนพรม ใบหน้าเหม่อลอยเคว้งคว้างและเศร้าหมอง ดวงตามองไปไร้จุดหมายบนฟ้าสีครามกว้างใหญ่ ผมดำขลับพลิ้วตามแรงลม เค้านอนหนุนแขนตนต่างหมอน เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่าเด็กน้อยก็ไม่มีท่าทีจะขยับไปไหน ยังคงเหม่อลอยเช่นเดิม
“เฟรายน์ เฟรายน์ลูกอยู่ไหนจ้ะ เฟรายน์”เสียงนุ่มๆหน้าจะเป็นของหญิงวัยกลางคนดังมาจากทิศใดสักแห่งปลุกให้เด็กน้อยตื่นจากภวังค์
“เอ่อ เอ่อ ครับๆ ผมอยู่นี่”เด็กน้อยร้องตอบพลันยันกายด้วยมือทั้งสองข้างยืนขึ้นปัดตามเสื้อผ้าที่มีเศษหญ้าและดินติดอยู่
“อยู่นี่ นี่เองแม่ละหาแทบแย่ เย็นแล้วนะกลับบ้านได้แล้วจะ”หญิงวัยกลางคนผู้มีผมสีทองแดงหยิกเป็นรอนสวยอยู่ในชุดกระโปงลุ่มล่ามสีน้ำตาลอ่อน ว่าพรางยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เด็กชายตรงหน้า แต่เด็กชายไม่ได้ยิ้มตอบแล้วก้าวเท้าพรวดๆผ่านหน้าหญิงวัยกลางคนอย่างไม่สนใจ แต่หญิงวัยกลางคนหาได้โกรธอะไรไม่ ได้แต่ยิ้มลอยๆอย่างอ่อนโยนแล้วออกเดินตามเด็กชายที่ชื่อ “เฟรายน์”ไปห่างๆ
“กลับมาแล้วครับ”เสียงเล็กๆร้องขึ้นเสียงดังขณะที่หยุดยืนอยู่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง มันเป็นบ้านไม้สองชั้นที่ดูน่ารักแปลกๆ? แม้จะเรียกว่าบ้านสองชั้นแต่ความสูงของบ้านดูไม่น่าจะสูงเกิน4เมตรหลังคารูปทรงกระบอกผ่าครึ่งครอบตัวบ้านรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเอาไว้ หน้าต่างบานเล็กหลายบานประดับอยู่ตามตัวบ้านดูสะเปะสะปะยังไงชอบกลหนำซ้ำขนาดของมันไม่ใหญ่ไปกว่ากระดานหมากรุกสักเท่าไร เฟรายน์ใช้มือเล็กๆผลักประตูไม้ทรงโค้งเสียงดังเอี๊ยดอ้าด เหมือนเหล็กที่ไม่เคยต้องน้ำมันยังไงยังงั้น เค้าก้าวเข้าไปในห้องโถงของบ้านทีเป็นห้องสี่เหลียมเล็กๆ ขนาด3*3*3เมตร มีเฟอร์นิเจอร์ไม้ขนาดเล็กวางกระจัดกระจายเต็มห้อง มีชายวัยกลางคนร่างท้วมนั่งอ่านหนังสือเล่มโตอยู่บนม้านั่งที่วางอยู่ชิดผนัง เมื่อเค้าเหลือบมาเห็นเด็กชายเดินเข้าไปในบ้านก็ยิ้มบางๆแล้ววางหนังสือลงบนม้านั่งแล้วลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปหาเด็กชายแล้วพูด
“ไปไหนมาเหลอลูก พ่อเป็นห่วงแทบแย่”น้ำเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนสีหน้าท่าทางเป็นห่วงเป็นใยดูเป็นกันเองยิ่ง
“เค้านั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางทุ่งนั่นแหละ”หญิงวัยกลางคนที่เดินตามหลังเข้าประตูมาทันได้ยินคำถามก็เอ่ยตอบแทนเด็กชายทันที
ชายวัยกลางคนพยักหน้าแล้วกล่าวเสียงนุ่มอีกครั้ง“ออๆ หิวข้าวรึยัง นี่ก็เย็นแล้วไปกินข้าวกัน”
เฟรายน์ไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็เดินไปยังห้องอาหารของบ้าน แล้วทั้งสามก็พากันไปยังโต๊ะอาหาร
ความจริงเฟรายน์ไม่ใช่ลูกแท้ของสองสามีภรรยาครอบครัวนี้แต่อย่างใด เมื่อเมื่อ5ปีก่อนตอนที่เฟรายน์อายุได้7ขวบเลซโล่ได้เจอร่างที่สิ้นสติของเฟรายน์ตรงชายฝั่งตอนออกหาปลา เขานำตัวเฟรายน์กลับมารักษาตัวที่บ้านโดยมีซิเนียภรรยาของเค้าคอยดูแลไม่ห่าง ทั้งสองรักเฟรายน์เหมือยลูกของเพราะทั้งสองแต่งงานมานานแล้วยังไม่มีลูก เมื่อเฟรายน์ฟื้นก็จำอะไรไม่ได้ เอาแต้ทำตัวเศร้าหมอง ซึม เหม่อลอย และไม่ค่อยพูดจา แต่ทั้งสองก็พยายามให้ความรักและความอบอุ่นกับเฟรายน์โดยตลอดอย่างไม่นึกเสียใจที่เฟรายน์คงเย็นชากับพวกเค้า จนเวลาผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
สายลนเย็นเฉียบพันผ่านบ้านเรือนและหมู่ไม้ แสงของดวงจันทร์และดวงดาวในข้างขึ้นทำให้แม้ไม่เปิดไฟก็สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้อย่างชัดเจน เหล่าผู้คนหลับใหลจากการกลำงานหนักมาทั้งวัน ไม่มีเสียงอันใดนอกจากเสียงของลมและเสียงนกฮูกส่งเสียงร้องเป็นระยะ แต่บนหลังคาของบ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่งกลับมีคนที่ยังไม่หลับนอน ร่างเล็กๆนอนราบอยู่ส่วนบนสุดของหลังคาทรงโค้งที่ปูด้วยฟางแห้ง ใบหน้าเหม่อลอยดวงตาเศร้าหมองจ้องมองบนฟ้าสีดำที่มีดวงดาวเป็นล้านๆประดับประดาอยู่อย่างไร้จุดหมาย ผมสีดำคลับ พลิ้วไปตามสายลมหนาว ช่างเป็นคืนที่เงียบสงัดอย่างเหลื่อเชื่อ เฟรายน์นอนหนุนขอนตัวเองมานานจนรู้สึกว่ามันเริ่มชาจึงลุกขึ้นนั่ง
กุบ กุบ กุบ ฮี่ๆๆๆๆๆ กุบ กุบ กุบ
เสียงฝีเท้าและเสียงร้องของม้าหลายสิบตัวดังขึ้นทำลายความเงียบดังมากจากที่ไหนสักแห่งมันค่อยๆดังขึ้น ดังขึ้น กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าถนนดินสายเล็กๆที่ตรงกับหน้าบ้านของเด็กชายผู้เศร้าหมองก็เต็มไปด้วยชายฉะกรรนับสิบอยู่บนหลังม้าหยุดอยู่โดยเงียบเฉียบ
“เอาละทำงานรวดเร็ว เข้าบ้านที่ดูท่ามีฐานะหน่อย กวาดของมีค่ามาให้หมดแล้วรีบไปกัน”หนึ่งในกลุ่มร้องขึ้นเสียบดัง “เออ เอาผู้หญิงมาด้วยก็ได้ ฮ่าๆๆข้าชอบ”เสียงทุ่มเข้มหัวเราะร่าก่อนตะโกนอีกครา “ไปได้”
ฮี่ๆๆๆๆๆๆกุบๆๆๆๆๆๆๆ
ชายในชุดดำต่างชักม้าแยกย้ายกันออกไปแล้วเริ่มดึงอาวุธออกมายิงขึ้นฟ้า ชาวบ้านจึงตื้นขึ้นมากันได้เสียที
เฟรายน์ผู้เฝ้ามองเหตุการณ์จากบนหลังคาของบ้านที่ดูท่าจะไม่ใช่เป้าหมายของการปล้นอย่างตื่นๆและไม่กล้าส่งเสียงอะไรทั้งสิ้น หรือแม้แต่ขยับก็ตาม
ยังเหลืออยู่เพียงหนึ่งคนที่ยังไม่ได้แยกย้ายไปกับเพื่อนเค้าดึงปืนพกสีเงินออกมาจากขอบกางเกง จากนั้นก็กระโดดลงจากหลังม้า เสื้อโค้ดสีดำพลิ้วไปตามลม รูปร่างบึกบึนสูงใหญ่ ใบหน้าโหดเหี้ยมหนวดเครารุงรังดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียว เพราะอีกข้างเป็นแผลเป็นยาวลากผ่านตาขวาพอดี เค้ายกมือขึ้นขยับหมวกคาวบอยปีกกว้างมากสีดำ แล้วสะแยะยิ้มน่ากลัว
“ฮ่ะๆๆๆไม่ได้กลบมาที่นี่ซะนาน สะหายผู้ฝากลอยแผลให้แกข้า”เค้ากล่าวพลางเดินตรงมายังบ้านไม้หลังสองชั้นหลังเล็กที่เฟรายน์อยู่นั่นเอง
เด็กน้อยตกใจอย่างยิ่งแต่ก็ได้แต่เพียงมองอยู่จาข้างบนเท่านั้น เสียงปืนเสียงโห่ร้อง เสียงหัวเราะ ละเสียงร่ำไห้ดังระงนคระเคล้ากันไม่ทั่วหมู่บ้านท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ
ปัง ๆ ๆ
ประตูไม้บานใหญ่ถูเคาะเสียงดังลั่น แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้อาศัยแต่อย่างใด
“ข้าละอุส่ามีมารยาท จะเปิดดีๆรึจะให้ข้าพังเข้าไป”ชายชุดดำพูดแบบดัดๆให้เสียงดูสุภาพแต่มันฟังขัดหูชอบกล
“เอาละถ้าไม่เปิดข้าจะพังเข้าไปละนะ” เค้าถอยหลังไป2-3ก้าวแล้ววิ่งอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เข้าใส่ประตู เคายกเท้าขวาขึ้นเตรียมถีบเต็มแรง
โครม!!!ตุม!!!
เสียงเท้ากระแทกประตูดังสนั่นประตูล้มลงหลังจากนั้น
ปัง!!!!!
ไม่ทันได้ตั่งหลักยืนอย่างมั่นคงต้นเหตุของเสียงต่อมาก็พาร่างอันใหญ่โตลอยกลับทางประตูออกไปไกลหลายเมตรจนล้มลงฝุ่นตลบ
“ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ เจ้านะ เลซโล”เสียงดังมาจากผู้ที่ถูกยิงเข้าอย่างจังดังขึ้นเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเค้าคอยๆยันกายยืนขึ้นอย่างแช่มช้าปัดฝุ่นตามตัวออก
“พาเฟรายน์หนีไปซิเนีย มันจะฆ่าทุกคน”เลซโล่หรือชายร่างท้วมผู้ใจดีพ่อของเฟรายน์แต่ในขณะนี้สีหน้าดูเคร่งเคลียดยิ่ง ในมือถือปืนไฟที่ปากลำกล้องกว้างมาก และยาวจนน่ากลัว
“แล้วคุณละ”ซิเนียหญิ่งวัยกลางคนร้องเสียงสั่นสีหน้าดูหวาดกลัสุดขีด
“ไม่ต้องหัวผม คุณพาเฟรายน์หนีไปทางหลังบ้านเข้าป่าไปหา เรเวิน เค้าจะคุ้มครองคุณกับลูกไป”เลซโล่กล่าวชัดพลางบรรจุลูกเหล็กขนาดเล็กๆหลายลูกลงในปากกระบอกปืนตามด้วยดินปืนและไม้อัดยัดให้แน่นๆ แล้วยกขึ้นเล็งอีกไปที่ประตู
“อันที่จริงไม่ต้องหนีหรอกคุณนานสะเวน ยังไงครอบครัวคุณทุกคนต้องตาย”ชายในคุดดำเดินมาถึงประตูอีกครั้ง ไม่มีเลือดใดไหลออกมาจากร่างเลยสักหยด
“มันเป็นเรื่องของแกกันชั้นปลอยเมียกับลูกชั้นไป ท็อด”เลซโล่คำรามลั่นแล้วยิงปืนในมืออีกครั้ง
ปัง!!!!
แรงถีบอันรุนแรงทำเอาเลซโล่ที่ร่างค่อนข้างท้วมถึงกับเซไปด้านหลังแต่คราวนี้มันพลาดเป้า ชายชุดดำที่ถูกเรียกว่า”ท็อด”หายไปเสียแล้ว
“ว้ายยยย”เสียงร้องดังมาจากข้างหลังของเลซโล่ มันคือเสียงของซิเนียนั่นเอง ชายชุดดำอยู่ข้างหลังเธอโดยใช้มือข้างนึงบีบรอบคอของหญิงวัยกลางคนไว้แน่นพลางทำหน้าเจ้าเล่ห์
“เมื่อก่อนนะให้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่”เสียงเข้มๆกล่าวชัดเห็น
“ทำไม”เลซโล่ที่มีสีหน้าเครียดจัด เหงื่อซึมไปทั่วร่าง ดวงตาสีน้ำตาที่เคยดูอบอุ่นจ้องอย่างเคียดแค้นไปยังขายตรงหน้า
“ทำไมนะรึ เห็นแก่คนที่กำลังจะตายแล้วกัน ข้าจะบอกให้” ท็อดยิ้มกริ่ม “ลูกชายของเจ้าไง เจ้าเด็กบนหลังคานั่นน่ะ ฮ่ะๆ ไม่อยากเชื่อจริงๆ.......”
อากาศยังคงหนาวยะเยือก เด็นน้อยที่ยังอยูบนหลังคากระวนกระวายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เค้าจึงตัดสินใจปีนลงจากหลังคา แต่เพราะไอน้ำในอากาศมีมากไปทำให้ลังคาโค้งๆลื้นเป็นพิเศษ จึงทำให้เฟรายน์ก้าวพลาด
“เหวออออ อ้ากกกก”เค้าร้องเสียงลั่น
ตุบ!!!! “แอ่ก!!!”
โชคยังดีที่เด็กชายตกลงบนพื้นหญ้าหลังบ้านพอดีจึงไม่เจ็บอะไรมาก
ปัง!!!!
เสียงปืนดังขึ้นจากภายในบ้าน เฟรายน์ตกใจมากจึงลุกขึ้นจากพื้นแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านทันที
ตุบ!!!!
ร่างท้วมๆล้มลงกับพื้นเลือดสดๆไหลทะลักออกจากบาดแผลตรงหน้าอกจนนองพื้นไม้ของบ้าน
“กรี้ดดดดดดดดดดด คุณค่ะ”เสียงของซิเนียร้องรั้นน้ำตาเริ่มไหลทะลักไม่หยุด
“ทีนี้ก็ตาเจ้าแล้ว ซิเนีย สะเเวน”ท็อดกล่าวอย่างแช่มช้าพลางยกปืนสีเงินในมือขึ้นจ่อขมับของหญิงผู้ที่ยังคงร่ำให้โดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
“ ลาก่อน”ท็อดกล่าวเสียงเข้มอย่างนุ่มนวล
ปัง!!!!
สิ้นเสียงปืนกลับไม่มีใครล้มลงแต่อย่างใด มีเพียงเด็กน้อยที่กุมปืนในมือ อันสั่นระริก น้ำตานองหน้า
“ฮือออออออ แม่ครับพ่อครับผมขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมา ซุ้ดดด อย่าทิ้งผมไปได้มั้ย ผมสัญญาว่าจะไม่ดื้ออีกแล้วฮือออออ”เฟรายน์พูดกึ่งร้องน้ำหูน้ำตาเต็มหน้าไปหมด เค้าเสียใจที่สุดเท่าที่จะเสียใจได้ “ผมรักพ่อกับแม่นะครับ”
ซิเนียยังคงมีน้ำตานองหน้าแต่กลับยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กลับเฟรายน์
“พ่อกับแม่ก็รักลูกจะ ขอบคุณมากน่ะลูกรักแม่และพ่ออยากฟังคำนี้มาตลอด”ซิเนียกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนยิ่งแม้จะมีน้ำตานองหน้า
“ฮ่ะๆๆๆๆ ซาบซึ้งอะไรเช่นนี้ ขอโทษทีที่ขัดจังหวะการแสดงความรักในครอบครัว เอาละซิเนียถึงเวลาตายจริงๆสักที”ท็อดผู้ที่ถูกยิงถึงสองครั้งยังคงไม่เป็นอะไรหนำซ้ำยังหัวเราะร่าได้อย่างเหลือเชื่อ
“ลา...ก่อน ลุกลูกรัก”เสียงสั่นๆพร่าๆดังมาจากร่างท้วงที่จมกองเลือดตรงพื้นห้อง “จงเป็นผู้ใหญ่ที่ดีโลกนี้ต้องการลูก พ่อรักลูก”เลซโล่ถือปืนด้วยมือข้างเดียวแล้วเหนี่ยวไกด้วยมือที่สั่นเทาด้วยความหนัก
ปัง!!!!!
ร่างใหญ่กระเด็นไปไกลอีกครา มันกระแทกเข้ากับผนังไม้จนเกือบทะลุออกนอกบ้านไป
“ข้าละชอบความพยายามของพวกเจ้าจริงๆ แต่ คงมาได้แค่นี้แหละ”ท็อดยกปืนขึ้นอีกครั้งเป้าหมายคือซิเนีย สแวน
ปัง!!!!
ปืนถูกเปลี่ยนทิศทางทำให้พลาดเป้า เลซโล่กัดฟันลุกขึ้นเข้าไปแย่งปืนจากในมือของท็อด
“ดื้อด้าน”ท็อดสบถลั่น
“ซิเนียพาลูกนี้ไป”เลซโล่พูดพลางแย่งปืนจากมือของท็อดอย่างบ้าคลั่ง “ผมรักคุณนะ สัญญากับผมว่าจะหนีไปแล้วไปไม่หันกลับมามองอีก”
ซิเนียอ้ำอึ่งแล้วนิ่งไปครู่ก่อนตอบดวงดวงตาเศร้าหมองน้ำตานองหน้า “ชั้นสัญญา”
เลซโล่พยักหน้าแล้วยิ้มบางๆให้นางผู้เป็นที่รักเป็นสัญญาของการจากลา
ซิเนียยังลังเลใจอยู่เมื่อเห็นเช่นนั้นเลซโล่ก็ตะหวาดทันที “ไปเซ่!!!!!”
ซิเนียตัดสินใจหันหลังแล้วจูงมือเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้สะอื้น ออกไปทางประตูหลังบ้านโดยไม่หันกลับไปมองอีกน้ำตาของการจากลาตลอดกาลไหนรินจนเต็มใบหน้า
“ทีนี้เหลือแกกับชั้น”เลซโล่ตะหวาด
“ดิ้นรนไปก็เท่านั้นยังไงเด็กนั่นต้องเป็นของชั้น”ท็อดกล่าวพลางถีบเลซโล่ล้มลงกับพื้นห้องแล้วหัวเรอะร่า
“มนุษย์เอยแม้ดิ้นรมสักเท่าไรก็ไม่มีวันนี้พ้นความตายไปได้”ท็อดยกปืนขึ้นหมายสังหารเลซโล่ที่นอนอยู่บนพื้น
“แต่มนุษย์เราก็มีดีตรงความดื้อด้านนี่แหละ แค็กๆ”ชายวัยกลางคนกล่าวในมือทั้งสองถือบางสิ่งเอาไว้
“และมีดีอีกอย่างตรงความเสียสละ”
“โอ้ไม่ โอ้ไม่”ท็อดชายร่างใหญ่ร้องลั้นอย่างตกใจหน้าถอดสี
“โชคร้ายนะไอสารเลว”เลซโล่ร้องพลางฉีดยิ้มกว้าง ในมือเค้าถือระเบิดไดนาไมอยู่นั่นเอง อีกข้างถือไปแช็คพร้อมจุด
ซู่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ชนวนถูกจุดแล้วก็ลามอย่างรวดเร็ว
“ไอบ้าเอ้ยแก”ท็อดพยายามวิ่งออกไปจากบ้านแต่ไปได้ไม่กี่ก้าวก็ไม่ทัน
บรึม!!!!!!!!!!
บ้านหลังน้อยระเบิดออกไม่เหลือชิ้นดีไม่ต้องหวังถึงผู้รอดชีวิตใดๆ เปรวไฟใหญ่พวยพุ่งขึ้นสู้ท้องฟ้าสีดำ เศษไม้ปลิวไปทุดทิศทุกทาง บ้านที่เคยแสนอบอุ่นของเด็กน้อยผู้เศร้าหมองได้จากไปพร้อมกับพ่ออันเป็นที่รักของเค้าอย่างไม่มีวันหวนกลับมาเสียแล้วเสียแล้ว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น