คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เหตุร้ายที่ก่อตัว
ตอนที่1 เหตุร้ายที่ก่อตัว
ผม....ทัตสึฮะ อาศัยอยู่แทบโยโกฮาม่าเป็นบ้านโกโรโกโสแห่งนึง ใกล้ๆกับตัวเมืองโยโกฮาม่า ผมเป็นลูกศิษย์ของคนที่เรียกตัวเองว่า Soul Seeker หรือผู้ตามหาวิญญาณ แต่อาจารย์ของผมให้ผมเรียกอาชีพนี้ว่า ผู้นำทาง หรือจะเรียกแบบที่คนทั่วๆไปเรียก อาชีพผม หมอผี
เรื่องของผมเกิดขึ้นเมื่อฤดูใบไม้ผลิปี1999 ที่โตเกียว ก๊อกๆ เสียงดังมาจากหน้าห้อง “คุณหนู ทัตสิฮะ ค่า ตื่นได้แล้วค่า” เสียงแม่บ้านวัย30ดังมาจากหน้าห้อง “ถ้าคุณหนูยังไม่ตื่นเดี๋ยวคุณท่านจะมาดุดิฉันอีกนะค่า ตื่นเถอะค่า คุณหนู” “อ่า ตื่นแล้วๆ เดี๋ยวอาบเสร็จจะลงไปกินข้าว” ผมในวัย15ปี พูดออกไปเพื่อให้แม่บ้านนั้นหยุดส่งเสียงดัง “อาทิตย์นี้สอบ จะได้ปิดเทอมแล้วนี่หว่า ปีหน้าเราก็ม.ปลายแล้ว ห๊า สามปีไวจริงๆ”ผมคิดพลางนั่งบิดขี้เกียจอยู่บนเตียง ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ตอนที่กำลังสระผมอยู่ในห้องน้ำอยู่นั้น ผมเห็นน้ำที่ไหลลงมาจากตัวผมเป็นสีแดงสด เหมือนเลือด ผมเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองที่ฟักบัว น้ำสีแดงสดเหมือนเลือดไหลออกมาแทนที่จะเป็นน้ำอุ่นๆใสๆ “อะไรกัน นี่มันอะไร” ผมคิดในใจ แต่เพียงผมกระพริบตาแวบเดี๋ยว ก็กลายเป็นน้ำอุ่นๆใสๆเหมือนเดิม ผมแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะผมเป็นพวกมีสัมผัสที่6มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมมักจะเห็นในสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ได้ยินในสิ่งที่คนทั่วไปไม่ได้ยิน และทุกคนก็คิดว่าผมเป็นคนบ้า ยกเว้น พ่อกับแม่ผม ที่เชื่อผม และหากมีเหตุการณ์ร้ายกับผม มักจะมีอะไรแปลกๆมาเตือนผม และครั้งนี้ผมก็คิดเช่นนั้น
“มีอะไรกินมั่งเนี่ย” ผมเดินเข้าไปในห้องกินข้าวและนั่งที่โต๊ะกินข้าวราคาแสนแพง แล้วสาดส่องไปบนโต๊ะ มีจาน1ใบ อยู่ตรงหน้าผม น้ำส้มคั้น1แก้ว นม1แก้ว ช้อน ส้อม มีด โลหะแวววับครอบอยู่บนจานตรงหน้าผมเพื่อรักษาอุณหภูมิของอาหารนั้น “แล้วพ่อกับแม่ละ” ผมหันไปถามแม่บ้านที่ยืนอยู่ข้างๆผม “คุณท่านทั้งสองออกไปบริษัทแล้วค่ะ” แม่บ้านตอบเสียงหวานแล้วยิ้มให้ แล้วเธอก็เปิดโลหะออก กลิ่นเบคอน แฮม ฟุ้งกระจาย แล้วก็มีไข่ดาวที่ขาวสวยไม่มีขอบที่ไหม้อยู่เลย ผมจับมีดแล้วส้อม หั่นกินทันที ไม่ถึงห้านาที ทุกอย่างในจานนั้นก็หายไป แล้วก็กระดกน้ำส้มแล้วตามด้วยนม ผมนั่งมองจานที่ว่างเปล่า พลางครุ่นคิดถึงฝันเมื่อคืน “ฝันเหมือนวันก่อนอีกแล้วเหรอค่ะคุณหนู” เสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลัง ผมหันไป เห็นหัวหน้าแม่บ้าน เธออายุ60เศษๆ ถึงอายุจะมากแล้วแต่หน้าก็ยังไม่เป็นไปตามวัย “ช่าย อากิโกะ เหมือนกับเมื่อคืนวานเลย ผมชักจะหวั่นๆแล้วละ” “คงไม่มีอะไรมากหรอกมั่งค่ะ คุณหนู อย่าคิดมากเลยค่ะ คุณหนูต้องมีสอบด้วยนี่ค่ะ เดี๋ยวจะทำข้อสอบไม่ได้น้า” เธอพูดแล้วเดินมาหอมแก้มผม “ รีบไปสอบเถอะค่ะเดี๋ยวจะสายนะ “อ๊า นี่ผมโตแล้วนะ อย่าทำกับผมเหมือนกับผมเป็นเด็กๆซี่ อากิโกะ” ผมยืนขึ้นแล้วหันไปพูดกับเธอ แล้วเดินออกมาจากห้องกินข้าว จังหวะนั้นหางตาผมเหมือนเห็นอะไรบางอย่างที่ผมรู้สึกหวาดหวั่น อยู่ที่บันได ผมหันขวาไปที่บันไดทันที “ชิ คงตาฟาดละมั่ง” ผมพยายามจะหลอกตัวเองว่า เมื่อกี้ที่ผมเห็นนั้น ไม่ใช่วิญญาณ แต่ยังไงผมก็มั่นใจว่า นั้นคือ วิญญาณ อย่างแน่นอน และเหมือนวิญญาณนั้น ถืออะไรบางอย่าง ที่เหมือนกับ ดาบซามูไร สมัยก่อน แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อนึกถึงความฝัน ผมเห็นซามูไร มันยืนอยู่ที่ประตูบ้าน และบ้านที่ทาสีด้วยสีขาวก็เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานเหมือนเลือด สักพักบ้านก็กลายเป็นสีดำ “ในฝันๆ ไม่นะ ซามูไร ไม่ๆ มันแค่ฝัน ฮะๆ คงไม่เป็นเรื่องจริงหรอก มันก็แค่ฝันๆ” ก็พยายามคิดเข้าข้างตัวเอง แล้วเดินออกจากบ้าน รถเบนซ์สีดำคันยาวจอดรออยู่ที่หน้าบ้านอยู่แล้ว คนขับรถที่กำลังใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่นบนหลังคา ก็รีบวิ่งอ้อมรถมาเปิดประตูรถให้ผม “ฮิโรชิ วันนี้มารับผมที่โรงเรียนเร็วหน่อยได้ไหม ผมอยากกลับบ้านเร็วๆนะ” ผมหันไปพูดกับคนขับรถแล้วเดินขึ้นรถไป ผมยังคิดไม่ตกเรื่องซามูไร ฮิโรชิ รีบเดินขึ้นรถแล้วนั่งตรงที่นั่งคนขับ “แปลกนะครับ ที่อยู่คุณหนูอยากกลับบ้านไวนะ” ฮิโรชิพูดแล้วมองผ่านกระจกหลังมาที่ผม “ช่างเถอะน่า” ผมตอบ ไม่ถึง10นาที รถเบนซ์สีดำก็ค่อยๆแล่นผ่านประตูรั่วหน้าบ้านออกไปสู่ถนนใหญ่ รถยังแล่นตามทางไปเรื่อยๆแต่จิตใจของผมตอนนี้ไม่อยู่ในรถอีกแล้ว ผมพยายามครุ่นคิด ซามูไร ความฝัน มันเกี่ยวกันยังไงนะ หรือว่าจะมีกองทัพวิญญาณซามูไรบุกบ้านเขากันนะ บ้าน่า ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
•••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
ที่บริษัท มามิยะคอร์ปอร์เรชั่น มามิยะ เทรานิชิ ประธานบริษัทและเจ้าของกิจการทั้งหมดในเครือมามิยะกรุ๊ป กำลังโทรศัพท์ถึงใครบ้างคน “เอ่อ ท่านอยู่ไหม ผมต้องการพูดกับท่านเดี๋ยวนี้เลย” ชายวัยกลางคนกำลังพูดอย่างเกรี้ยวกราด “คุณมามิยะสินะค่ะ กรุณารอสักครู่ค่ะ” เสียงหญิงปลายสายพูด
แกร๊ก
เสียงวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆตัวแม่แล้วเธอเดินไปเรียกใครบ้างคน “สวัสดีครับ ผมอิซิมิ โยชิมิซซึ พูดครับ” เสียงผู้ชายซึ่งแทบจะไม่สามารถคะเนอายุได้เลยพูดจากปลายสายมาหา มามิยะ “มันส่งจดหมายมาอีกแล้วครับ คุณอิซิมิ แล้วครั้งนี้มันขู่ฆ่าผมด้วย คนในบริษัทผมตายอย่างลึกลับคนหนึ่ง มันบอกอีกว่า นี้เป็นเพียงการเชือดไก่ให้ลิงดู ถ้าหากไม่ยอมล้มกิจการทั้งหมดมันจะฆ่าผมทั้งครอบครัว กรุณา ช่วยผมด้วยเถอะครับ คุณจะเรียกเท่าไหร่ผมก็ยอมจ่ายให้” มามิยะ พูดอย่างร้อนร้น “ใจเย็นๆครับ คุณมามิยะ คุณช่วยเล่าสภาพการตายของลูกน้องในบริษัทของคุณให้ผมฟังอย่างละเอียดด้วยนะครับ”
“คนในบริษัทผมพบศพของเขาตอนเช้าครับ ศพของเขาไม่มีร่องรอยใดๆบนร่างกายเลยครับ แต่ที่น่าแปลกก็คือ ศพนั้นไม่มีนัยน์ตาดำครับ นอกนั้นก็ไม่มีร่องรอยอะไรอีกแล้ว ผมพูดแล้วยังขนลุกอยู่เลย”มามิยะพูดแล้วเอามืออีกข้างมาปิดหน้าแล้วก้มลง
“เท็นคุง” อิซิมิพูดออกมาเบาๆ
“อะ...อะไรนะครับ” มามิยะพูด
“อ่อ ไม่มีอะไรครับ แต่เรื่องนี้อันตรายมากนะครับ ค่าจ้างคงต้องแพงหน่อยนะครับ” อิซิมิพูดอย่างร่าเริง
“คุณจะเรียกเท่าไหร่ก็ว่ามาเถอะ แต่ผมขออย่างเดียว ถึงผมและภรรยาผมจะเป็นอะไรไปผมไม่ว่า แต่ผมขอให้คุณรักษาชีวิตลูกชายผมเอาไว้ให้ได้นะครับ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม คุณต้องช่วยเขาให้ถึงที่สุด” มามิยะ พูดเสียงเครียด
“ครับ คุณมามิยะ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะไม่มีวันให้ลูกชายคุณเป็นอะไรไปแน่นอน” อิซิมิพูดอย่างหนักแน่น
“แล้วคุณพอจะรู้ไหมครับว่าคนที่ปองร้ายผมอยู่นะจะมาไม้ไหน” มามิยะพูดไปอย่างหวาดๆ
“ผมก็พอจะเดาได้อยู่หรอกครับว่าเขาจะเล่นเกมนี้ยังไง แต่ผมอยากจะบอกคุณไว้ด้วยว่า สิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่นั้น มันอันตรายมาก อันตรายจริงๆแต่ไงๆ ผมจะส่งวิญญาณไปคุ้มครองคุณก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปหาคุณที่บ้านด้วยตัวเอง งานนี้นะหนักหนาสาหัสจริงๆ” อิซิมิพูดเสียงเรียบ
“วิญญาณ คุณพูดว่าวิญญาณหรือครับ คุณส่งวิญญาณมาหาผม มะมะไม่จริงใช่ไหมครับ ฮะฮะ คุณล้อผมเล่นแน่ๆ" มามิยะแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง มามิยะเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่วิทศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้
“ถึงไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะครับ สิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไปนี้นะ อาจจะเหลือเชื่อ แต่มันมีอยู่จริงบนโลกนี้ พลังงานที่มองไม่เห็นนะมันมีอยู่จริง หรือที่เรียกกันว่าวิญญาณไงครับ คนเราทุกคนมีกายละเอียดนั้นคือวิญญาณ และกายหยาบนั้นคือร่างกายของเราทุกคน และเมื่อกายหยาบหยุดทำงาน กายละเอียดจะไม่หยุดทำงานไปด้วยนะครับ ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันเชื่อได้ยาก แต่โปรดเชื่อผมเถอะ ว่า มันมีอยู่จริง และสิ่งที่คุณเผชิญอยู่นั้นไม่ใช่วิญญาณธรรมดาด้วย แต่คุณกำลังเผชิญกับ ผู้นำทาง ครับ หรือจะพูดให้คุณรู้จักก็คือ หมอผี นะครับ และหมอผีคนนั้นก็อาจจะมีความแค้นกับคุณอยู่ก็เป็นได้ เขาจึงคิดจะทำลายคุณ” อิซิมิพูดเสียงเครียดเป็นครั้งแรก
“ครับคุณจะทำยังไงก็ได้เถอะครับ แต่ช่วยผมและครอบครัวได้ก็พอแล้วละครับ” มามิยะพูด
“ครับ ทราบแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” อิซิมิพูด
“ครับ” มามิยะพูดแล้ววางสาย
•••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
บ้านเก่าแก่ และโทรมสุดๆ นอกเมืองโยโกฮาม่า
แกร๊ก
อิซิมิ เพิ่งจะวางสายจากมามิยะ เทรานิชิ แล้วนั่งหน้าเครียดเหมือนจะครุ่นคิดบางอย่าง “เท็น...นายจะทำอะไรกันแน่ ทำไมต้องใช้วิชาที่เราเรียนรู้มาจากท่านอาจารย์ทำแบบนี้ด้วย” อิซิมิคิดแล้วก้มหน้าลง “ฉันไม่อยากต้องสู้กับนายเลย...เท็น” อิซิมิคิดแล้วเอามือมาปิดหน้า
“จงอย่ามายุ่งเรื่องนี้ อิซิมิ โยชิมิซซึ!!! ถ้าไม่ต้องการเป็รศัตรูกับฉัน”มีเสียงกึกก้องดังมาจากหน้าบ้าน อิซิมิรีบวิ่งออกไปดู และเขาก็ต้องอึ้ง เมื่อคนที่มาหาเขาก็คือเพื่อนเก่าของเขาเอง อาคามิเนะ เท็นชู
“ขอร้องละเท็น อย่าเอาวิชาที่ได้มาจากท่านอาจารย์ไปทำร้ายใครอีกเลย นายก็ได้สาบานกับอาจารย์แล้ว ว่านายจไม่เอาวิชานี้ไปเบียดเบียนใคร ถ้านายยังคงทำอย่างนี้วิชาของนายจะหันกลับมาทำร้ายนายเองนะเท็น”อิซิมิ อ้อนวอน
“เชอะ แล้วพ่อแม่ฉันละ นายเอาชีวิตพ่อแม่ฉันกลับมาได้ไหมมมมม!!!!!” เท็นชู พูดขยับปากเพียงเล็กน้อยแต่เสียงที่ออกมาช่างดังเหลือเกิน ยอดไม้ของต้นไม้รอบข้างพัดไหวอย่างรุนแรงเหมือนกับลมพายุใหญ่กำลังจะถาโถมเข้าใส่ แล้วสักพักลมก็สงบดังเดิม
“เท็น ทำไมพลังของนายถึงมากมายเช่นนี้ นะนาย คงไม่ไปเปิดหนังสือต้องห้ามมานะ” อิซิมิร้องอย่างตกใจ
“ใช่ อิซิมิคุง ฉันเปิดหนังสือต้องห้ามมาละ ฮ่าฮ่าฮ่า!!!!!” เท็นชูหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“งะงั้นนายก็.....ไปบ้าน....อาจารย์มางะ..งั้นรึ” อิซิมิพูดอย่างอยากลำบาก และกลัวสิ่งที่จะได้รับรู้
“ช่ายยย อิซิมิคุง ฉันไปมา” เท็นชูพูดแล้วแสยะยิ้มอย่างโรคจิต
“แล้ว ท่านซายะละ นายได้เจอท่านซายะรึเปล่า?” อิซิมิถามอย่างไม่แน่ใจ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นายอยากเจอภรรยาของอาจารย์ตอนนี้เลยรึเปล่าละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!!” เท็นชูพูดเหมือนกับว่าคนเสียสติ
“สุรเศียรทั้งสี่ ข้าขออัญเชิญญญญญ!!!!” เท็นชูตะโกนกึกก้อง จากนั้นร่างจางๆ ของคนที่อิซิมิ รู้จักเป็นอย่างดีก็ปรากฏขึ้น
“เท็นชู ทำไมนายต้องฆ่าท่านซายะด้วยชั้นจะฆ่าแก เท็น”อิซิมิพูดด้วยเสียงต่ำในลำคอ
“สุรเศียรทั้งสี่ ข้าขอปิดผนึก”อิซิมิร่ายมนต์อย่างรวดเร็ว สิ้นเสียงก็มีผ้าขาวๆบางๆพุ่งจากพื้นดินบริเวญที่อิซิมิยืนอยู่พุ่งไปจับตัววิญญาณของซายะราวกับงูฉก
“ท่านซายะ ผมจะนำท่านไปปลดปล่อยสู่สวรรค์เองครับ” อิซิมิพูดแล้วปาดน้ำตา
“ซายะเป็นทาสของฉัน นายก็ไม่มีทางเอาไปได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!” “สุรเศียรทั้งสี่ ข้าขอทำลาย” เท็นชูตะโกนกึกก้องผ้าสีขาวระเบิดออกทันที
“ได้โปรดละ เท็น นายจะให้ฉันแลกวิญาณก็ยอม นายปลดปล่อยท่านซายะเถอะ ฉะ..ฉันทนเห็นท่านซายะทุกข์ทรมานไม่ไหว” อิซิมิคุกเข่า น้ำตามากมายร่วงหล่นลงมาจากเบ้าตา
“หึหึหึ ไม่อิซิมิ ไม่มีทาง ซายะเป็นของฉัน ฉันเป็นเจ้าชีวิตของเธอ ฮ่าๆๆๆๆ หากนายต้องการที่จะช่วยเจ้ามามิยะโสโครกนั้น ฉันจะมาฆ่านาย และทำลายซายะต่อหน้านายเลยละ ฮ่าๆๆๆๆ” เท็นพูดแล้วค่อยๆหายตัวไป พร้อมกับซายะ
“นาย ฆ่าผู้มีพระคุณต่อนายได้อย่างไร อาคามิเนะ เท็นชู” อิซิมิ ตระโกนก้องไปใน “ ท่านซายะผมขอโทษครับ ผมขอโทษครับท่านซายะ ที่ผมไม่สามารถช่วยอะไรท่านได้เลย ทั้งๆที่ ผมสัญญากับอาจารย์ไว้แล้วว่า ผมจะดูแลท่าน” เขารู้สึกเบาโหวงในท้องเหมือนกับมีใครเอาอวัยวะภายในของเขาไปอย่างไงอย่างงั้น
“สุรเศียรทั้งสี่ ข้าขอปลุกเสก” อิซิมิพูดอย่างแผ่วเบาไร้เรี่ยวแรง นักรบโบราญสี่ตนค่อยๆปรากฏกาย ต่อหน้าอิซิมิ “สุรเศียรทั้งสี่ ข้าขอมอบอำนาจ” สิ้นเสียง นักรบโบราญสี่ตนก็หายไป
“ฉันต้องรีบแล้ว ต้องรีบไปที่บ้านมามิยะแล้ว ไม่งั้นจะช้าเกินกาล” อิซิมิพูดกับตัวเอง
“โยจัง มีอารายหรอ เมื่อกี้ฉันรู้สึกถึงพลังที่รุนแรงและเกรี้ยวกราดด้วย โยจังทำอะไรหรอ” เสียงดังมาจากด้านหลัง อิซิมิหันหลังไป “ตายแล้วว โยจังร้องไห้ทำไมอะ มามะ มีอะไรเดี๋ยวนานะช่วยน้า” อิซิมิ นานะ ภรรยาของอิซิมิพูดแล้วเดินเข้าไปหอมแก้มอิซิมิ “ไม่เป็นไรหรอก นานะจัง ฉันต้องไปจัดการเรื่องอะไรบางอย่างหน่อยนะ ช่วงนี้นานะจังอยู่บ้านคนเดียวได้ไหม” อิซิมิพูดอย่างอ่อนโยน
“อิอิ ได้อยู่แล้วจ๊า มีวิชาของอาจารย์อยู่ แล้วท่านซายะยังสอนทำอาหารตั้งหลายอย่าง ฉันอยู่คนเดียวได้อยู่แล้วละ”นานะพูดแล้วเบ่งกล้ามถึงแม้เธอจะไม่มีกล้ามเลยก็ตาม
อิซิมิหันหลังแล้วเดินจากไป เขาหวาดหวั่นกับการออกจากบ้านครั้งนี้ กลับมาแล้วกลัวจะไม่ได้เจอกับนานะที่เขารักอีกเลย
•••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
ความคิดเห็น