คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Don't know...
"พีทครับ
หม่ามี้ไปทำงานก่อนนะครับ" ศิรินพูดกับเด็กชายที่มายืนส่งที่หน้าประตูบ้านก่อนจะกอดกันแน่น
"ทำงานกลับไวๆนะครับ
พีทคิดถึง" ว่าจบก็รีบวิ่งกลับเข้าตัวบ้านไปเมื่อได้ยินเสียงการ์ตูนดังขึ้น
ศิรินจึงเดินไปเรียกวินมอเตอร์ไซค์หน้าปากแล้วขึ้นแท็กซี่ไปทำงานดังทุกวัน
เมื่อมาถึงก็พบว่าประธานของตนยังไม่มาก็รู้สึกดีว่ายืดการพบหน้าออกไปได้อีก
ศิรินจึงนั่งลงทำงานที่โต๊ะของตนเอง
สักพักมีเสียงเรียกเธอดังขึ้นพร้อมกับร่างสมส่วนของคนที่ได้ชื่อว่าเอนกประสงค์ที่กำลังแบกกองแฟ้มเอกสารกองโตผ่านมาทางนี้
"คุณศิรินครับ ผมฝากชงกาแฟให้ประธานทีนะครับ ผมกับเชนต้องรีบไปแล้ว ก่อน 8.00
นะครับ ฝากด้วญครับ" ว่าจบเร็วๆก็พากันเดินเข้าลิฟท์ไป
ศิรินได้แต่พยักหน้าขึ้นลงเร็วๆโดยที่หน้าตายังคงไม่คลายความสงสัย
แล้วจึงหันไปดูนาฬิกาบอกเวลาบนผนัง 7.30 จึงเดินไปมุมกาแฟของชั้นนี้
ก่อนลงมือตักผงสีดำ
และสีขาวโดยสัดส่วนที่คิดว่าคนที่เป็นประธานจะชอบจากความทรงจำที่ยังพอมีอยู่บ้างแล้วกดน้ำร้อนลงไปก่อนจะใช้ช้อนคนให้เข้ากัน
แล้วจึงยกออกไปแต่ด้วยความไม่ระวังของเธอทำให้เธอชนกับคนที่เดินสวนมาพอดี
โชคดีที่ของเหลวนแก้วไม่หกโดนตัวทั้งสองคนเพราะเขาคนนั้นคว้าคนตัวเล็กไว้ได้ทันส่วนแก้วเซรามิกใบงามก็ตกลงกระทบกบพื้นบริเวณนั้น
แตกละเอียด "อุ้ยย! ขอโทษนะคะ คุณ..."
ศิรินพูดขึ้นก่อนจะพยายามพยุงตัวขึ้นยืน
"....น้ำหวานค่ะ เป็นอะไรรึเปล่าคะ"
คนที่โอบเอวศิรินอยู่พูดขึ้นก่อนจะช่วยพยุงอีกคนขึ้นยืนดีๆ
"ไม่เป็นไรค่ะ
ต้องขอโทษด้วยนะคะ เกือบทำกาแฟหกใส่คุณแล้ว ขอโทษจริงๆค่ะ"
ศิรินพูดก่อนก้มศีรษะลงหลายครั้ง
"...ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะ ยังไม่โดนนี่นา"
รักษ์ณภัคพูดก่อนจะยิ้มบางๆให้อีกคน
"..ก็ต้องขอโทษอีกครั้ง
แล้วนี่...ไม่ทราบว่าคุณมาพบใครเหรอคะ"
ศิรินถามเพราะอีกคนไม่มีบัตรพนักงานแขวนที่คอเหมือนกับตนและคนอืนๆ
"อ้อ
...พี่บีค่ะ พอดีเลย ห้องพี่บีอยู่ไหนเหรอคะ ข้างล่างเขาบอกแค่อยู่ชั้นนี้"
คนถูกถามตอบก่อนจะได้รับคำตอบโดยการชี้นิ้วของคคนถามไปยังห้องที่อยู่ริมสุด
น้ำหวานจึงขอตัวแล้วเดินไป ศิรินเมื่อบอกทางไปแล้วจึงนั่งลงเก็บเศษแก้วไปทิ้งที่ถังขยะแล้วจัดการหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดคราบกาแฟที่เลอะบนพื้นออก
แล้วจึงไปชงใหม่ก่อนจะนึกได้ว่าต้องชงเพิ่มอีกแก้วเนื่องจากประธานของเธฮมีแขกมาพบ
แล้วจึงยกไปที่ห้อง ยกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ ก่อนจะเปิดเข้าไป
"กาแฟค่ะ"
ศิรินพูดแล้ววางกาแฟไว้บนโต๊ะระหว่างคนสองคน ก่อนจะก้าวเดินออกไป
ทางด้านในห้อง
น้ำทิพย์ยกแก้วกาแฟขึ้นจรดริมฝีปาก
ก่อนจะได้รับรสชาติกาแฟที่ถูกปากที่สุดในรอบ 7 ปี
ที่เธอคอยบอกธนัทเสมอว่าต้องการแบบนี้แต่ธนัทไม่เคยทำได้ทั้งๆที่เขาก็บอกว่าทำตามที่เธอบอกทุกครั้งหรือแม้แต่ครั้งที่เธอลงมือทำเองตามที่มีคนเคยบอกเธอก็ยังทำไมได้จนในวันนี้
ทำให้น้ำทิพย์เดาไม่ยากว่าใครเป็นคนชง เจ้าของคำพูดนั้นคงเป็นคนชงเอง
รสชาติกาแฟทำให้น้ำทิพย์เผลอหลับตาฟิดการรับรู้และลิ้มรสนั้นด้วยปากเพียงอย่างเดียว
"อร่อยขนาดนั้นเชียวเหรอ
พี่บี" น้ำหวานพูดขึ้นเมื่อเห็นปฏิกิริยาของน้ำทิพย์
"ลองดูสิ"
น้ำทิพย์พูดก่อนจะดันแก้วกาแฟอีกใบให้น้ำหวาน คนถูกชวนจึงยกขึ้นดื่มก่อนที่ใบหน้าจะบิดเบี้ยวด้วยความขมของกาแฟในแก้ว
"พี่
มันจะขมไปมั้ย ยิ่งกว่า เอสเปรสโซ่ ซะอีก"
น้ำหวานพูดก่อนรีบดึงทิชชู่ที่คนเป็นพี่ยื่นมาให้เช็ดปาก
"เหรอ
มันคงถูกปากพี่คนเดียวมั้ง" น้ำทิพย์พูดแล้วยิ้มขึ้นกับท่าทางของรักษ์ณภัค
"พี่กินลงไปได้ยังไง"
"พี่กินแบบนี้ตั้งแต่ยังเรียนน่ะ
ต้องอยู่ดึกบ่อยๆ ได้ยินว่ากินแล้วช่วยให้ไม่ง่วง"
"แล้วจริงเปล่า"
"ไม่หรอก
สุดท้ายต่อให้เข้มแค่ไหน พี่ก็นอนอยู่ดี ฮาฮ่า" น้ำทิพย์พูดแล้วหัวเราะออกมา
"ให้ตายเหอะ
พี่ควรเลิกนะ ถ้ากินแล้วไม่ช่วยอะไรแบบนี้ มันเปลือง"
น้ำหวานพูดแล้วสบตาน้ำทิพย์
"ตังค์พี่มั้ยละ ยุ่งจริงเลย"น้ำทิพย์ว่าแล้วทำหน้าเชิงว่าไม่เป็นไร แล้วทั้งคู่ก็ตัดสินใจพักเรื่องกาแฟแล้วคุยงานกันต่อ
ORGAN&ZEENAN PART
ตึกขนาดใหญ่ที่ในขณะนี้ดูเล็กลงไปถนัดตาเมื่อคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายที่รอต่อคิวกันยาวเหยียดตั้งแต่หน้าเคาาน์เตอร์รวมถึงบนพื้นปูนขัดมัน
ต่างพากันรอเรียกชื่อตนจากเหล่าผู้คนในชุดขาว
รวมทั้งออร์แกนที่วันนี้มารับแม่ของน้องที่บริษัทซึ่งตามกำหนดต้องออกในวันพรุ่งนี้แต่เนื่องด้วยสถานะทางการเงินของทางบ้านซีแนนไม่สู้ดี
ตัวเธอเองก็บอกไปแล้วว่าจะช่วยแต่ทั้งสองคนกลับไม่ยอม
จนเธอเองยอมแพ้ไปจึงต้องมารับในวันนี้
"แน่ใจนะ
ว่าจะออกวันนี้จริงๆ" ออร์แกนถามคนที่เดินข้างกัน
"ค่ะ
ไม่งั้นแนนคงต้องทำงานฟรีอีกสองเดือนเลยนะคะ"
ซีแนนพูดก่อนจะกระชับกระเป๋าในมือแน่นขึ้นเมื่อถึงคิวรับยาของแม่เธอแล้วเดินไปเคาน์เตอร์
ออร์แกนจึงเดินไปหาผู้เป็นแม่ขอน้อง
" คุณออร์แกน
ขอบคุณนะคะที่มารับป้า" หญิงวัยกลางคนพูดก่อนจะเตรียมยกมือขึ้นไหว้ราศี
"ไม่เป็นไรค่ะ
ป้าไม่ต้องไหว้หรอกค่ะ เดี๋ยวแกนอายุสั้นพอดี" ออร์แกนพูดติดตลก
"คุณก็
ป้ากับเจ้าแนนรบกวนคุณมามากเหลือเกิน" หญิงวัยกลางคนยังคงคิดมาก
"ป้าคะ
ไม่ได้รบกวนเลยค่ะ แกนยินดีที่จะทำนะคะ"
"ขอบคุณที่เอ็นดูเจ้าแนนมันนะคะ
มันทำงานมาหลายที่แต่เค้าก็ว่ามันไม่ดี เพราะป้าเองนี่แหละคะ ป่วยบ่อยแบบนี้
มันถึงไม่ค่อยได้ทำงานซักที
ขอบคุณที่คุณเข้าใจนะคะ"หญิงวัยกลางคนยังคงขอบคุณออร์แกนซ้ำๆ
"ค่ะ
คงไม่มีใครอยากป่วยบ่อยๆหรอกนะคะ แนน! ทางนี้"
ออร์แกนพูดก่อนจะยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้คนตัวเล็กที่หันรีหันขวางหาตน
"มาค่ะ
เดี๋ยวแนนเข็นเองค่ะ"
ซีแนนพูดก่อนจะเดินเข้ามาหมายจะเข็นรถเข็นที่มารดาตนนั่งอยู่
"ไม่ต้อง
ตัวก็นิดเดียว เดี๋ยวเป็นลมไปอีกคนจะแย่เอา" ออร์แกนพูดแล้วเข็นรถที่มีหญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ออกไป
"พี่แกน
นี่แม่แนนเอง ไม่อยากรบกวนพี่มาก" ซีแนนพูดแล้วพยายามจะเดินเข้าไปเข็นรถเข็น
"แนน
พี่บอกว่าพี่จะทำก็คือพี่จะทำ ไป เดินเฉยๆก็พอ"
ออร์แกนพูดแล้วชี้ออกไปทางด้านหน้าประมาณบอกห้ซีแนนไปเดินตรงนั้น
"ก็ได้ค่ะ"
ซีแนนยอมล่าถอยออกมาเดินเงียบๆ เมื่อมาถึงรถแล้วจึงเปิดประตูด้านหน้าให้คนเป็นลูกขึ้นไปนั่งก่อนจะมาจัดแจงด้านหลังแล้วพาคนเป็นแม่ขึ้นนั่งแล้วจึงอ้อมไปฝั่งคนขับปิดประตู
ก่อนจะเอี้ยวตัวไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้อีกคนด้วยความเคยชิน
แต่กลับเป็นภาพที่ตกใจของคนเป็นแม่ที่นั่งอยู่ด้านหลัง
ซีแนนจึงดันตัวออร์แกนออกเบาๆเพื่อหนีสายตาของคนเป็นแม่และเพื่อให้หัวใจเธอทำงานน้อยลง
ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่อีกคนทำแบบนี้ตัวเธอเองก็ไม่เคยชินสักที
ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไปมุ่งหน้าสู่บ้านหลังกะทัดรัดของสองแม่ลูก
เมื่อมาถึงหน้าบ้าน ซีแนนจึงลงจากรถไปเปิดประตูรอให้ออร์แกนพยุงแม่ตนเข้าไปในบ้าน
แล้วจึงพากันออกมาขนของที่เอาไปตอนไปเฝ้าแม่เข้าไปในบ้าน
"อยู่ทานข้าวก่อนมั้ย
คุณออร์แกน จะเที่ยงแล้วนะ" คนเป็นแม่ดูนาฬิกาก่อนจะเอ่ยถามคนตัวสูงที่ทำท่าจะเดินออกจากบ้านไป
"ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะคะ
วันนี้ไม่สะดวกจริงๆค่ะ ขอตัวกลับก่อนนะคะ"
ออร์แกนพูดก่อนจะกลับตัวเดินกลับออกไป เพราะวันนี้เธอติดประชุมในตอนสายนี่ก็เลยมาจนเกือบจะครึ่งชั่วโมงอยู่แล้ว
ซีแนนได้ยินแบบนั้นก็รีบวิ่งตามไป
"ให้แนนไปด้วยนะคะ"
ซีแนนพูด
"ไม่ต้องหรอก
อยู่ดูแลแม่เถอะ เดี๋ยวพี่บอกพวกเขาเอง ไปแล้วนะ"
ออร์แกนพูดขึ้นเพราะอีกคนเป็นถึงผู้ช่วยเลขาของเธอที่เพิ่งจะลาคลอดไปไม่กี่เดือนนี้เอง
ถ้าไม่เข้าประชุมพร้อมเถอะก็อาจถูกเพ่งเล็งได้
"....ค่ะ เดินทางปลอดภัยคะ" ซีแนนพูดแล้วยืนรอจนรถสีเหลืองเด่นสะดุดตาแล่นออกไปจนพ้นรัศมีที่สายตามองเห็นจึงเดินกลับเข้าบ้านไป
"แนน
ลูก" คนเป็นแม่เอ่ยเรียกขึ้น
"ขา
แม่จะเอาอะไรเอ่ย" ซีแนนตอบรับแล้วรีบเดินไปนั่งข้างๆมารดา
"ตั้งใจทำงานให้เขานะลูก
เขาเอ็นดูหนู ช่วยเราขนาดนี้ ทำงานให้เขาดีๆนะ" คนเป็นแม่เอ่ยขึ้นพร้อมกับลูบลูกสาวตน
"จ้า
แม่เห็นแนนเป็นยังไงกัน แนนตั้งใจทำทุกอย่างอยู่แล้วน่าแม่"
ซีแนนพูดก่อนจะกอดเอวของคนเป็นแม่แน่น
"ดีแล้วลูก
ไปๆทำกับข้าวกินกันเถอะ แม่ละหิ้ว หิวว"
คนแก่กว่าพูดแล้วเดินนำไปห้องครัวก่อนจะลงมือทำอาหารทานสองคนง่ายๆขึ้นมากินกันสองคน
"นี่
แม่ถามอะไรหน่อยได้มั้ย"
"ได้สิคะ
แม่มีอะไรเหรอ"
"มีแฟนรึยัง"
คำถามของแม่ทำเอาซีแนนเกือบสำลักข้าวที่เพิ่งตักเข้าปากไป
"จะบ้าเหรอแม่
แนนก็ดูแลแม่อยู่คนเดียวนี่ จะแบ่งเวลาให้คนอื่นได้ยังไง" ซีแนนหัวเราะก่อนจะตอบออกไป
"เผื่อแกจะมี
แม่ก็กลัวว่าแกจะเบื่อต้องมาอยู่แบบนี้ ดูแลฉัน แล้วไปทำงาน อยู่สองอย่างวนไปมาแบบนี้” คนเป็นแม่เอ่ยก่อนจะสบตาลูกสาวอย่างสงสารที่ลูกสาวตนแทบไม่ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นเหมือนคนอื่นเขาต้องทำงานหาเงินเรียนแล้วยังต้องมาห่วงดูแลเธออีก
"แนนไม่เบื่อหรอกแม่
ชีวิตแนนก็มีแค่แม่นี่นาเนอะ ไม่เอา ไม่พูดละ แม่ไปพักผ่อนนะ”
ซีแนนกล่าวตัดบทก่อนจะพาผู้เป็นแม่เดินไปห้องนอนของพวกเราแล้วห่มผ้าให้เรียบร้อยแล้วจึงเดินออกไปทำงานบ้านที่เป็นหน้าที่ของตนทุกวันทั้งล้างจาน
กวาดบ้าน แล้วออกไปจัดสวนดอกไม้เล็กๆที่หน้าบ้าน
“แนน!” เสียงเรียกชื่อของตนทำให้ซีนนหันไปตามเสียงก่อนจะพบกับชายหนุ่มตัวสูงกว่าเธอไม่มาก
เจษฏ์
“อ้าว! พี่เจษฎ์” เจษฎ์
หรือเจษฎ์พิพัฒน์
พี่ชายข้างบ้านที่รู้จักกันตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อสามปีที่แล้วคอยช่วยเหลือเธอทุกเรื่องแม้ว่าทางบ้านเขาก็ไม่ได้มีฐานะอะไรแต่ก็ยินดีจะช่วยเธอกับแม่เสมอ
“ป้ากลับมาจากโรงบาลแล้วเหรอ”
เจษฎ์ตะโกนถามแล้วเดินมาหาคนตัวเล็ก เพราะโดยทั่วไปแล้วถ้าแม่ไอยู่บ้านซีแนนก็แทบจะไม่อยู่บ้านเหมือนกันเขาจึงถามขึ้น
“อื้อ รู้ได้ไงว่าแม่แนนเข้าโรงบาลอ่ะ”
ซีแนนถามแล้วสบตากับเจษฎ์ เพราะเท่าที่เธอรู้คือเจษฎ์ไม่กลับบ้านมาเกือบจะสิบวันเขารู้ได้ยังไง
“ก็...เรื่องของแนนพี่รู้หมดแหละ แข็งแรงขึ้นรึยังล่ะ”
เจษฎ์ตอบไม่ตรงคำถามแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“เรื่อยๆแหละพี่
ไม่ทรุดลงก็ดีแล้ว”ซีแนนพูดแล้วหน้าตาหม่นลงอย่างเห็นชัด
“อื้อ ดีแล้ว ไม่เครียดสิ เด็กน้อย”
เจษฎ์พูดแล้วเดินมาลูบหัวซีแนน
“แนนกลัว กลัวว่าวันนึงแม่จะหนีแนนไป”
ซีแนนพูดเสียงสั่น
“ไม่หรอก คุณป้ารักแนนจะตายไป หืมม” เจษฎ์พูด
เขารู้ว่าแม่ของซีแนนป่วยบ่อย รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลบ่อยกว่าบ้านเสียอีก เมื่อก่อนก็มีแต่เขานี่แหละที่ไปส่งคนตัวเล็กไปเฝ้าแม่ตลอดทั้งพาไปส่งที่เรียนแล้วไปรับจนคนแซวบ่อยๆว่าเป็นแฟนกัน
ฮาฮ่า เขาก็อยากนะ แต่อีกคนนี่สิไม่เคยจะมองเขาเกินพี่ชายเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“แล้วนี่กลับมายังไง อย่าบอกนะว่าพาแม่ขึ้นแท็กซี่มา”
เจษฎ์ถามเพราะช่วงนี้เขาก็ไม่ค่อยอยู่บ้านซะด้วย
“เปล่าหรอก เจ้านายแนนมาส่งน่ะ” ซีแนนโบกมือปัด
ก่อนจะตอบ
“เจ้านายเหรอ ใจดีจังเลยเนอะ” เจษฎ์พูดพลางพยักหน้าขึ้นลงตามไปด้วย
“มีไรให้พี่ช่วยมั้ย”
“พอดีเลย ช่วยตัดหญ้าหน่อยนะ มันยาวไม่ได้ตัดหลายวันละ
ฝากด้วยนะค้าา” ซีแนนว่าพลางส่งกรรไกรตัดหญ้าให้เจษฎ์ แล้ววิ่งหายไปเข้าไปในบ้าน
ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนหัวเราะเบาๆในความน่ารักของเธออยู่คนเดียว
ผ่านไปกว่าสิบนาที
ซีแนนวิ่งออกมาพร้อมกับขวดน้ำที่ดูจากไอที่ขึ้นรอบขวดแล้วน่าจะเย็นจัด
“อ่ะ เอามาให้” ซีแนนพูดก่อนจะยื่นขวดน้ำให้อีกคนแล้วเดินนำไปนั่งบนก้อนอิฐที่ตั้งกั้นสวนไว้
เจษฎ์จึงเดินตามมานั่งข้างพลางบ่น “เมื่อยจริงๆเลย จะมีคนใจดีนวดให้บ้างมั้ยน้อ”
ว่าจบก็ทำเป็นทุบๆบนไหล่กว้างเบาๆ
“อยากให้นวดก็บอก ไม่ต้องทำบ่น หันมาสิ เดี๋ยวนวดให้”
ซีแนนพูดแล้วขยับตัวนั่งหันไปทางอีกคน ก่อนจะลงมือบีบเบาๆบนไหล่ของชายหนุ่ม
“เฮ้ออ สบายดีจัง “ เจษฎ์พูดแล้วเงยหน้าหลับตาพริ้ม
คนนวดให้เห็นแบบนั้นจึงนึกหมั่นไส้จึงกดมือลงไปแรงๆ “โอ้ยย!!” ได้ผลดังคาดคนถูกกระทำร้องออกเสียงดัง
“แนน พี่เจ็บนะ”
เจษฎ์พูดแล้วหันมาหาคนที่นั่งหัวเราะอยู่ข้างหลัง อีกคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“สนุกนักใช่มั้ย!
ได้” เจษฎ์พูดก่อนจะลงมือจี้เอวคนเป็นน้องให้ตัวงอ
“โอ้ยย พี่เจษฎ์ ฮะฮะ หยุดนะ ไม่แกล้งแล้ว”
ซีแนนพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะไปด้วย
“อะไรนะ ไม่ได้ยินเลย” เจษฎ์ยังคงจี้เอวซีแนนต่อ
“ไม่แกล้งแล้วจริงๆ พอเถอะนะ ฮะฮ่า”
ซีแนนพูดออกมาแล้วหอบเหนื่อย เมื่ออีกคนยอมหยุดมือที่จี้เอวเธอซักที
“รู้ซะบ้างว่าแกล้งใคร นี่เจษฎ์ ลูกยายบัวนะเว้ย”
เจษฎ์พิพัฒน์ พูดพลางยืนขึ้นเก๊กมาดนิ่ง
“จ้าาา พ่อคนเท่ ลูกยายบัว” ซีแนนพูดแล้วทำหน้าล้อ
“เดี๋ยวเหอะ แล้วนี่พอยังจะทำอะไรเพิ่มป่ะ”
เจษฎ์พูดแล้วชี้ไปทางสวนดอกไม้เล็กๆที่บัดนี้หญ้าได้อันตรธานหายไปแล้โดยฝีมือเขาเอง
“ไม่รู้อ่ะ เดี๋ยวคงหาดอกไม้มาปลูกมั้ง
แต่ยังไม่มาตอนนี้หรอก” ซีแนนพูดแล้วทำหน้าคิดภาพสวนในฝันของตนเอง
“อือ ไว้มาแล้วมีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะ ไปล่ะ”
เจษฎ์พูดแล้วเตรียมเดินออกไป
“ พี่เจษฎ์” ซีแนนเรียกอีกคนไว้แล้วรีบพูดต่อ
“ทานข้าวก่อนมั้ย แม่แนนทำกับข้าวเยอะเลย
ถือเป็นการขอบคุณที่ช่วยตัดหญ้าละกัน”
“อื้อ เอาสิ หิวแล้วเหมือนกัน” เจษฎ์พูดตอบรับ
ซีแนนจึงยิ้มออกมาแล้วพากันเดินเข้าไปในบ้าน
“เจษฎ์ มาๆ นั่งก่อนเร็ว”
หญิงวัยกลางคนทักเรียกคนที่มองเป็นลูกชายอีกคนให้เข้ามานั่งร่วมโต๊ะอาหารตัวเล็กที่นั่งกันได้
5-6 คน
“สวัสดีครับ ป้ากานต์”
เจษฎ์พูดพลางยกมือขึ้นไหว้ป้ากานต์ หรือ กาญจนา ผู้เป็นแม่ของซีแนน
“ไหว้พระเถอะลูก แนนตักข้าวเร็ว พี่เขาหิวแย่ละ”
คนถูกไหว้รับไหว้ก่อนจะบอกลูกสาวตนให้ลงมือตักข้าวได้แล้ว
“จ้า พอลูกชายมา ลูกสาวคนนี้ก็หมาหัวเน่าเลยนะแม่”
ซีแนนพูดหยอกคนเป็นแม่
“แน่นอน ใช่มั้ยจ๊ะ เจษฎ์ลูกรัก”
หญิงวัยกลางคนหันไปพูดกับชายหนุ่มคนเดียวในบ้านตอนนี้
“ฮาฮ่า คร้าาบ แม่”
เจษฎ์รับมุขที่ถูกส่งมาส่งผลให้ซีแนนย่นจมูกใส่อีกคน
แล้วจึงยกจานข้าววางตรงหน้าคนสองคนก่อนจะถือจานตนอ้อมมานั่งกับฝั่งผู้เป็นแม่
แต่ก่อนที่จะได้ลงมือทานอาหารกันผู้เป็นแม่มองออกไปพบกับแสงไฟของรถที่หน้าบ้าน
จึงบอกลูกสาวตนให้ออกไปดู “แนน ออกไปดูสิลูกใครมาน่ะ”
คนเป็นลูกจึงลุกออกไป
ก่อนจะพบรถสีเหลืองคุ้นตาจอดอยู่หน้าบ้าน “พี่แกน” พึมพำออกมาแล้วรีบเดินออกไปเปิดประตูรั้วรับอีกคน
ออร์แกนไม่พูดอะไรแต่เดินถือถุงใบไม่เล็กไม่ใหญ่สองสามถุงเข้าไปในบ้านทิ้งให้เจ้าของบ้านยืนงง
ก่อนจะรีบเดินตามเข้าไป
เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้านคิ้วสวยของคนตัวสูงก็ต้องขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยกับรองเท้าผ้าใบที่บ่งบอกว่าเป็นของบุรุษเพศทั้งขนาดและความเลอะเทอะของรองเท้าคู่นั้นแต่ก็ปล่อยผ่านไปก่อนจะถอดส้นสูงของตนไว้แล้วเดินเข้าไป
“สวัสดีค่ะ คุณแม่” ออร์แกนทักหญิงวัยกลางคนขึ้น
“คุณแกน สวัสดีค่ะ ทานข้าวมารึยังคะ”
คนถูกทักเอ่ยขึ้นแล้วลุกขึ้นยืนรับอีกคน
“ยังเลยค่ะ นี่แกนก็ซื้อกับข้าวมา
เผื่อว่ายังไม่ได้ทานกัน” ออร์แกนพูดแล้วยกถุงในมือขึ้น
“ลำบากคุณเปล่าๆ แต่ก็ขอบคุณนะคะ”
หญิงวัยกลางคนกล่าวก่อนจะค้อมศีรษะลงเล็กน้อย
“ค่ะ ไม่เป็นไรหรอกคะ”
ออร์แกนพูดพลางส่งถุงให้กับว่าที่เลขาของเธอที่เดินมารับไปจัดการเทใส่ถ้วย
“แกนขอไปช่วยซีแนนก่อนนะคะ” เจ้าของถุงทั้งหลายพูดก่อนจะเดินตามคนตัวเล็กไป
“ขอบคุณนะคะ” ซีแนนพูดเมื่ออยู่กันสองคนในครัว
“เรื่อง?” ออร์แกนถามพลางเลิกคิ้วขึ้น
“ทุกเรื่องเลยค่ะ แนนรบกวนพี่จริงๆ”
ซีแนนพูดทั้งๆที่มือยังคงแกะถุงแกงออก
“ก็บอกแล้วไงว่ามันไม่ได้รบกวน ทั้งแม่ทั้งลูกเลยน้า”
ออร์แกนพูดอย่างเบื่อหน่ายว่าตนบอกหลายครั้งแล้วว่าไม่เป็นไร
“แต่ก็ขอบคุณนะคะ ว่าแต่พี่ผ่านมาทางนี้เหรอคะ”
ซีแนนถามเพราะรู้ว่าทางกลับบ้านของอีกคนไม่ใช่ทางนี้เขาคงแค่จะมาทำธุระแล้วแวะมาเฉยๆ
“เปล่าหรอก ตั้งใจมา เห็นว่าอยู่กันสองคน
คงไม่มีใครจะออกไปซื้ออะไรมาทานเลยแวะซื้อมาด้วย กลัวจะไม่กินข้าวกัน” ออร์แกนพูดแล้วสบตากับคนตัวเล็กกว่า
ส่งผลให้ซีแนนต้องรีบหลบสายตาก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการยกถ้วยกับข้าวออกไปก่อน
ออร์แกนจึงยกที่เหลือตามออกมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร
ก่อนจะเห็นชายหนุ่มหน้าตามาคุ้นที่นั่งอยู่ก่อนกำลังหัวเราะกับหญิงวัยกลางคน
“มาแล้ว มาๆทานข้าวกัน”
หญิงวัยกลางคนเมื่อเห็นหญิงสาวสองคนเดินออกมาก็หยุดพักเรื่องที่คุยกับเจษฎ์ไว้แล้วหันมาสนใจกับข้าวที่คนตัวสูงผู้เป็นเจ้านายลูกสาวเธอซื้อมา
“ โห คุณแกนก็ซื้อมาเยอะเลยนะคะ
ถ้าป้าอยู่กับเจ้าแนนสองคนคงกินได้อีกสามวันเลยนะเนี่ย” ประโยคที่กาญจนาพูดออกมาเรียกรอยยิ้มจากคนทั้งสามคนได้อย่างดี
“แกนไม่รู้นี่คะ
ว่าคุณแม่กับซีแนนชอบทานอะไรก็เลยซื้อมาทุกอย่างเลย” ออร์แกนพูดแล้วยิ้มบางๆ
“คุณนี่เป็นเจ้านายที่ดีจังเลยนะครับ”
เจษฎ์พูดแล้วสบตากับราศี เขาได้รับรู้จากคนเป็นแม่ของซีแนนว่าผู้หญิงตัวสูงคนนี้
คือ ออร์แกน ราศี วัชรพลเมฆ ผู้เป็นเจ้านายของน้องสาวข้างบ้านของตน จึงพูดออกไป
“ขอบคุณค่ะ” ราศียิ้มรับคำชมนั้น
โดยที่สายตาไม่ได้ยินดีแบบนั้น
เธอรู้สึกแปลกๆกับายตาที่ชายหนุ่มส่งมาว่ามันได้รู้สึกแบบคำที่เขากล่าวเลย
“พี่แกนคะ นี่พี่เจษฎ์ อยู่ข้างบ้านแนนค่ะ
เมื่อก่อนก็มีแต่พี่เขานี่แหละค่ะที่พาแนนกับแม่ไปโรงพยาบาล”
ซีแนนพูดขึ้นเมื่อรู้สึกถึงรังสีแปลกๆที่ออกมาจากสายตาคนทั้งคู่
“สวัสดีค่ะ คุณเจษฎ์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
ออร์แกนพูดแล้วยิ้มให้อีกคน ชายหนุ่มทำเพียงยิ้มรับก่อนที่ทั้งหมดจะลงมือทานอาหารเรื่องที่ถูกหยิบขึ้นมาส่วนใหญ่ก็สัพเพเหระทั่วไป
ข่าวสารบ้านเมือง ข่าวดาราซุปตาร์ต่างๆ
มีบ้างที่จะวนเข้าเรื่องที่หญิงวัยกลางคนจะเป็นห่วงว่าลูกสาวตนทำงานได้ไม่ดีเนื่องจากตนเองราศีจึงบอกไปว่าไม่ได้เป็นอะไร
ตนเข้าใจและก็ไม่คิดว่าจะเป็นอุปสรรคสำหรับคนตัวเล็กที่ขยันขนาดนี้
ออร์แกนเริ่มที่จะอิ่มจึงวางมือจากช้อนที่ตักอาหารแล้วนั่งดูอยู่เฉยๆ
“อิ่มแล้วเหรอคะ ทานน้อยจังเลย”
ซีแนนพูดเมื่อคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอวางช้อนแล้ว
“พอแล้วละ ทานเยอะอ้วนพอดี”
ออร์แกนพูดแล้วเน้นคำว่าอ้วนใส่คนตัวเล็กที่เธอชอบว่า แล้วอมยิ้ม ทั้งๆที่อีกคนก็ผอมอย่างกับอะไร
แต่ก็นะความสุขเธอนี่
“พี่แกนอ่ะ ว่าแนนอีกแล้ว”
ซีแนนพูดแล้วพองลมเข้าแก้มแล้วหันไปหาแม่ของตน “แม่ดูสิ” หญิงวัยกลางคนได้แต่ยิ้ม
เพราะเธอแอบเห็นคนว่าอมยิ้มแสดงว่าเขาไม่ได้จริงจัง
ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มดังขึ้นขัดบทสนทนา
เจษฎ์จึงยกขึ้นรับสายก่อนจะพูดตอบรับเบาๆแล้วเอ่ยขอตัวออกไป
ที่เหลือสามคนจึงช่วยกันยกจานไปเก็บและล้างบางส่วน
“คุณแม่นั่งอยู่นี่แหละค่ะ เดี๋ยวแกนช่วยน้องเองค่ะ”
ออร์แกนพูดปรามคนที่กำลังจะช่วยยกจานไปเก็บ
คนถูกห้ามจึงยอมเดินไปหน้าโทรทัศน์รออีกสองคน
“พี่แกนก็ไปนั่งกับแม่แนนเถอะค่ะ เดี๋ยวแนนทำเอง”
ซีแนนพูดขึ้นเมื่อเห็นออร์แกนกำลังจะยกจานไป
“พี่บอกแม่ไปแล้วนะ ว่าพี่จะช่วย” ออร์แกนพูดจบก็เดินถือจานไปยังที่ล้างจานผ่านหน้าคนตัวเล็กไป ซีแนนจึงได้แต่ย่นจมูกตามหลังก่อนจะออกเดินตามไป
"ล้างแล้วเก็บไหนอ่ะ" ออร์แกนถามในขณะที่มือก็ยังง่วนอยู่กับการล้างจานใบใหญ่
"ตรงนี้ค่ะ" ซีแนนพูดตอบก่อนจะชี้ไปทางชั้นพักจานเล็กๆที่อยู่บนโต๊ะข้างซิงค์ล้างจาน
"เอามาวางไว้นี่มา เดี๋ยวพี่ล้างเอกหมดนี่แหละ" ออร์แกนพูดแล้วขยับตัวหลบให้อีกคนเอากองชามมาวางไว้ที่เดียวกัน
"ไม่ค่ะ พี่ล้างแค่นั้นก็พอ ที่เหลือแนนล้างเอง" ซีแนนพูดตอบ เพราเธอรู้สึกว่าออร์แกนเป็นแขกของบ้านไม่ควรจะมาทำแบบนี้
"ก็พี่เลอะแล้ว ก็แล้วไปสิ จะมาเลอะอีกคนนึงทำไม" ราศีพูดขึ้นแล้วชูมือที่เต็มไปด้วยฟองจากน้ำยาล้างจานให้อีกคนดู
"ก็นี่หน้าที่แนนนี่ พี่แกนล้างแค่นั้นก็พอค่ะ" ซีแนนพูดยืนยันคำเดิม ออร์แกนเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ จึงดึงอีกคนเข้ามาในวงแขนตัวเองโดยให้หันหน้าเข้าซิงค์ล้างจานทั้งคู่ ตัวเองอยู่ด้านหลังคนตัวเล็กส่งผลให้จานในมืออีกคนถูกวางลงในที่ล้างโดยอัตโนมัติ
"พี่แกน!!" ซีแนนร้องออกมาเสียงดังเมื่อตัวเธอเองอยู่ดีๆก็ถูกดึงมายืนซ้อนด้านหน้าเจ้านายตัวสูง
"ก็อยากล้างนัก ก็ล้างมันทั้งคู่นี่แหละ" ออร์แกนพูดหน้าตายแล้วยกจานขึ้นมาล้างต่อโดยที่มือก็ทับมือคนตัวเล็กไปด้วยเหมือนกับช่วยกันล้างจริงๆ
"คนบ้า" ซีแนนพึมพำเบาๆพร้อมกับพยายามข่มหัวใจตนเองให้เต้นให้ตรงจังหวะดังปกติที่มันเคยเต้น
แล้วพอล้างจานด้วยท่าแปลกๆพิศดารกันเสร็จก็พากันเดินมาที่โซนรับแขกก่อนจะพบว่าคนเป็นแม่ของคนตัวเล็กได้นอนหลับไปแล้ว ซีแนนจึงยกนิ้วชี้ขึ้นติดริมฝีปากเชิงบอกให้เบาๆ ราศีก็รับรู้ทั้งคู่จึงพากันย่องออกมาจากบ้าน
"เดินทางปลอดภัยนะคะ" ซีแนนพูดเมื่อเดินมาส่งเจ้านายคนเก่งขึ้นรถ
"อื้อ.. อย่าลืมปลุกคุณแม่มาทานยานะ"ออร์แกนพูดย้ำเมื่อเธอนึกได้ว่าตอนมาส่งในถุงยามีทั้งสามเวลาหลังอาหารเลย
"ค่ะ ขอบคุณนะคะ" ซีแนนพูดแล้วยกยิ้มเจื่อนๆให้อีกคน รู้ด้วยเหรอเนี่ย
"ไปละ ปิดบ้านดีๆ" ออร์แกนพูดแล้วก้าวขึ้นรถก่อนจะติดเครื่องเตรียมออกตัวไป ก็ต้องลดกระจกลงเมื่อมีเสียงเคาะกระจกรถตนก่อนจะชะโงกหน้าออกไปเลิกคิ้วถาม
"เอ่อ...ถึงบ้านแล้วส่งข้อความมาด้วยนะคะ" ซีแนนพูดเร็วๆก่อนจะรีบวิ่งเข้าบ้านไป ทิ้งให้คนถูกบอกหัวเราะเบาๆคนเดียวก่อนจะเหยียบคันเร่งให้รถสีเหลืองเคลื่อนตัวไปยังจุดมุ่งหมายสุดท้าย เด็กบ๊อง
RRrrrrr
ขับมาได้ไม่ไกลก็มีเสียงโทรศัพท์ที่สั่นครืดอยู่ข้างเบาะคนขับทำให้เจ้าของเครื่องต้องหันมาดูก่อนจะหยิบหูฟังแบบบลูทูธขึ้นมาสวมก่อนกรอกเสียงไปตามสาย
"มีอะไร ไอ้คุณบี"
'อยู่ไหน'
"มีอะไร"
'ว่างมั้ย'
"จะชวนกูไปไหนอีก"
'ร้านพี่คริต'
"มึงนี่จะมีวันว่างซักวันมั้ย เดี๋ยวกูเข้าไปแล้วกัน"
'อื้อ ขอบใจมึงมาก'
เมื่อสายตัดไปออร์แกนจึงดึงหูฟังออกแล้วรีบพาเจ้าสี่ล้อไปยังสถานบันเทิงซึ่งเจ้าของผับคือเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกันกับกลุ่มพวกเธอ พอมาถึงก็หาที่จอดอยู่สักพัก พอได้แล้วจึงดับเครื่องแล้วคว้าเครื่องมือสื่อสารลงไปด้วย เดินเข้าไปในร้าน ก็พบมุมที่เป็นส่วนตัวมีเพื่อนตัวสูงไม่ต่างจากตนกำลังนั่งดื่มอยู่กับสาวสวยอีกสองคนจึงได้แต่ส่ายหน้าเบาๆแล้วเดินไปร่วมโต๊ะ
"แกน ทางนี้" น้ำทิพย์เอ่ยทักคนที่เดินมาหาเธอ
"มึงเรียกกูมาทำไม" ราศีถามแล้วทิ้งตัวลงนั่ง สาวสวยหนึ่งคนจึงเดินมาเตรียมบริการเธอ จึงได้แต่ส่ายมือปฏิเสธไป
"อยากกินเหล้า แต่กลัวกลับไม่ได้ถึงเรียกมา" น้ำทิพย์ตอบอย่างไม่ยี่หระอะไร
"ดีเนอะ ไม่คิดว่ากูจะมีงานบ้าง" ราศีพูดแล้วชี้นิ้วหาตัวเอง
"งานมึงมีเหรอ เห็นไปรับแม่น้องที่ทำงานตอนมีประชุมนี่" น้ำทิพย์พูดแล้วเน้นตรงน้องที่ทำงานชัดๆ
"มึงรู้ได้ไง" ราศีถามก่อนจะนึกได้จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ยุกยิก
"สายกูที่โรง'บาลบอกมา อย่าคิดว่าไม่มีคนเห็นนะจ๊ะ ป๋าแกน" น้ำทิพย์ว่าแล้วทำแซว
"ก็แค่นั้นมั้ย" ออร์แกนถามพลางเตรียมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า แต่น้ำทิพย์มือไวกว่า
"อิบี!!" ออร์แกนเรียกอีกคนเสียงดังเมื่อเธอถูกแย่งโทรศัพท์ไป แล้วพบว่ามีหน้าจอเล็กแจ้งเตือนข้อความเข้าจากโปรแกรมแชทสีเขียว
ZN { เด็กบ๊อง }
ค่ะ ฝันดีนะคะ พี่แกน...
"มีฝันดง ฝันดีด้วย" น้ำทิพย์แกล้งแซว
"ยุ่ง!!" ออร์แกนว่าก่อนจะรีบคว้ามือถือมาคืน แล้วเก็บลงกระเป๋าไป "ที่แน่ๆคือมึงมีอะไร คนอย่างมึงไม่มีเรื่องคงไม่มานั่งเป็นหมาเหงาแบบนี้"
"ก็...เปล่า แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย" น้ำทิพย์ตอบแล้วโบกมือไล่สาวสวยสองคนออกไปเพื่อจะคุยกับเพื่อนตนแค่สองคน
"เรื่อง??" ออร์แกนถามแล้วยกแก้วตรงหน้าขึ้นดื่ม
"คนๆนึงจะจำอะไรได้นาน ขนาดไหนวะ" น้ำทิพย์เปิดประเด็นขึ้น
"กูว่าแล้วแต่ความสำคัญ ถ้าสำคัญมากก็นาน ถ้าไม่ก็แปบเดียวก็ลืม" ราศีตอบเพื่อนกลับไป แล้วสบตานิ่ง
"ถ้าไม่สำคัญแต่ดันจำนานไม่มีเหรอวะ" น้ำทิพย์ยังคงถามต่อ
"คงยาก" ออร์แกนคิดก่อนจะพูดออกไป
"ถ้าสำคัญจริงจะกล้าปล่อยมันไปรึเปล่าวะ" น้ำทิพย์ยังคงพูดต่อไป
"นี่มึงพูดเรื่องไรเนี่ย" ออร์แกนที่เริ่มจะไม่เข้าใจเอ่ยขัดขึ้น
"ความจำ" น้ำทิพย์ตอบหน้านิ่ง
"อิบี อย่ากวน" ราศีถึงขั้นยกแก้วชี้หน้าอีกคน
"ก็จริง กูอยากรู้ว่าถ้าเป็นแบบที่มึงบอกว่าถ้าสำคัญก็จะจำนาน ถ้าไม่ก็แปบเดียว แต่ถ้ากับบางคนเขาจำนานทั้งๆที่ไม่สำคัญ จะมีมั้ย หรือถ้าเขาเห็นว่าสำคัญเขาจะกล้าปล่อยมันทิ้งมั้ย" น้ำทิพย์พูดตอบอีกครั้ง
"....." ออร์แกนได้รับฟังจึงทำเพียงนั่งเงียบๆ แล้วทั้งโต๊ะก้ตกอยู่ท่ามกลางความเงียบพลันสายตาที่กวาดตาไปเรื่อยกับสะดุดตาเข้ากับคนหน้าหมวย ที่นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเธอที่กำลังจะเดินออกไป แล้วก็มีกลุ่มชายอีกจำนวนนึงเดินตามไป ทั้งน้ำทิพย์และออร์แกนรับรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าจะต้องมีอะไรไม่ดีจึงลุกขึ้นแล้ววางเงินชำระค่าอาหารไว้ แล้วก้าวเท้ายาวๆออกไปตาม
To be Continued...
- ZanonZane -
_____________________________________________________________________________
TALK :
อัพต่อแล้วจ้า ขอโทษรีดเดอร์ทุกคนที่ปล่อยให้รอนาน อย่าเพิ่งลืมกันนะ
ตอนนี้ฝากป๋าแกนกับซีแนนไว้เต็มๆนะ
อ่านแล้วเป็นอย่างไรติชมกันได้เต็มที่เลยน้า
ความคิดเห็น