คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Why ??
ขณะที่ลุกเดินออกมาจากโต๊ะ
วิริฒิพาก็ขอแยกตัวไปทำงานของตนต่อในร้าน ส่วนแอน นานา พอลล่า
และเจนสุดาขอตัวกลับไปดูลูกๆก่อนแล้วจึงเหลือเพียงเจนี่กับศิริน ที่เดินออกมาจากประตูของสถานบันเทิงโดยไม่ได้สนใจหรือสังเกตเลยว่ามีบุคคลปริศนาเดินตามพวกเธอมาจนถึงเขตของลานจอดรถที่ค่อนข้างมืดและเงียบทำให้ทั้งสองได้ยินเสียงของรองเท้าผ้าใบที่กระทบกับหินกรวดที่โรยไว้กับพื้น
เจนี่กับศิรินจึงเดินตัวติดกันโดยอัตโนมัติและรีบเร่งฝีเท้าให้ไปถึงรถของเจนี่โดยเร็วแต่ก็ต้องตกใจเมื่อมีผู้ชายตัวสูงกว่าพวกเธอ
สองคนมายืนดักทางด้านหน้า จึงถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วเดินเลี่ยงไปทางขวามือ
แต่ก็ยังคนโดนดักโดยชายคนเดิม ก่อนที่หนึ่งในสองคนด้านหน้าจะพูดขึ้น
“น้องสาว มากันเองเหรอ ให้พวกพี่ไปส่งที่บ้านมั้ย” ว่าจบก็สาวเท้าเข้าใกล้พวกเธอมากขึ้น
ทั้งสองจึงพากันถอยหลัง
“......”
“ว้าา ถามไม่ตอบซะด้วย น่าเสียดายเนอะ สวยก็สวย
ไม่น่าเป็นใบ้เลยวะ มึงว่ามั้ย” ชายคนเดิมพูดก่อนจะหันไปพยักพเยิดหน้ากับเพื่อนที่ยืนอยู่ด้านหลังของพวกเธออีกคน
“นั่นสิ ฮาฮ่า หรือจะหูหนวกด้วยวะ นิ่งเชียว
ฮาฮ่า” ชายคนถูกถามพูดขึ้นแล้วหัวเราะจนเห็นฟันแทบจะทั้งปาก
“.....” พวกเธอทั้งสองคนยังคงนิ่งแล้วเตรียมตั้งท่าจะเดินไปทางขวามืออีกครั้งเพราะทางด้านซ้ายมือมีรถจอดเรียงรายกันอยู่
“จะรีบไปไหนละ ไปสนุกกับพวกพี่ดีกว่าน่า” ชายคนที่พูดคนแรกพูดแล้วเดินมาดักทางที่พวกเธอจะเดินไป
พร้อมกับเอื้อมมือมาคว้าแขนของศิรินไว้พร้อมกับดึงเข้าหาตัวเอง
ก่อนจะส่งยิ้มที่ศิรินคิดว่ามันน่ารังเกียจที่สุดมาให้
“โอ้ยย” คนถูกกระทำร้องออกมาเมื่อชายคนดังกล่าวออกแรงบีบแขนตนมากขึ้นเมื่อพยายามจะบิดตัวออก
“ก็ไม่ใบ้นี่หว่า เสียงสวยซะด้วย” เสียงชายอีกคนดังมาพร้อมกับยักคิ้วลิ่วตาให้เพื่อนของตนเอง
“ปล่อยเพื่อนฉันนะ !! ” เจนี่ตะโกนขึ้นบอกชายคนที่จับแขนศิริน
“ทำไมพี่ต้องปล่อย หรือว่า....น้องจะเอาตัวเองมาแลกกัน” ชายคนที่จับศิรินไว้พูดขึ้นแล้วส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้กับเจนี่
“เฮ้....ไม่เห็นต้องแย่งกันเลย ได้ไปกันทุกคนน่า” เพื่อนของชายคนนั้นเดินเข้ามาประกบตัวของเจนี่แล้วฉุดกระชากทั้งคู่ให้เดินตามพวกเขาไป
“ไม่โว้ยย ปล่อยฉัน ปล่อยสิ”
เสียงของทั้งเจนี่และศิรินดังขึ้นตลอดทาง แต่ยังเดินไปได้ไม่ไกล
ก็มีเสียงตะโกนดังแทรกขึ้นมา “ผู้หญิงไม่ยอมไปด้วย ยังหน้าด้านดึงเค้าไปอีกนะ” เรียกให้ชายทั้งสามคนหันไปมองแล้วก็ต้องพบว่าเป็นผู้หญิงร่างสูงโปร่งถึงสองคนยืนกอดอกอยู่
“ยุ่งไรวะ!” ชายคนที่ไม่ได้จับตัวใครไว้ตะโกนตอบกลับไป
พร้อมกับน้ำทิพย์และราศีที่เดินสาวเท้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“สมเพชตัวเองบ้างมั้ย เป็นผู้ชายซะเปล่าไม่มีปัญญาหาผู้หญิงแบบดีๆ”
น้ำทิพย์พูดขึ้นแล้วสบตานิ่งกับคนที่พูดด้วย
ชายคนถูกถามเมื่อได้ฟัคำถามจบก็เกิดอารมณ์โมโห
จึงพูด“มึงเป็นใคร อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วกูไม่กล้าทำอะไรนะมึง อย่าปากดีนัก”
“หรืออยากไปสนุกด้วยกัน ได้นะ มามะ”
เสียงชายอีกคนดังแทรกขึ้นมา
น้ำทิพย์ได้ฟังก็หัวเราะในลำคอก่อนจะพูดออกไป “เหอะ ผู้ชายอย่างพวกแกน่ะเหรอ”
“ทำไม ผู้ชายอย่างพวกพี่นี่เป็นยังไงจ๊ะ” ชายคนเดิมยังไม่เลิกกวนประสาท
“อ๊ออกก !” กร๊อบบ
เสียงสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน
เสียงหนึ่งคือเสียงที่ออกมาจากปากชายคนแรกที่เดินเข้ามาเธอส่วนเสียงที่สองคนเสียงที่น้ำทิพย์คาดว่ากระดูกแขนน่าจะหักหรือซ้นจากการจับแขนของเขาไพล่หลังเหมือนท่าที่ตำรวจจับคนร้าย
น้ำทิพย์ดึงตัวชายคนที่ตนจับมาใกล้ก่อนจะพูดข้างหูเสียงดัง “ไร้น้ำยา”
แล้วผลักตัวเขาให้พ้นทางก่อนจะเดินเข้าไปหาคนที่จับตัวศิรินไว้แล้วทำในแบบเดียวกัน
อ๊าากก
“น่าสมเพช”
ศิรินเห็นว่าตนปลอดภัยจึงรีบวิ่งไปทางด้านหลังของน้ำทิพย์
ที่ตอนนี้เริ่มสาวเท้าเข้าไปใกล้กับคนที่จับตัวเจนี่ไว้
ชายคนนั้นเห็นท่าไม่ดีจึงชักมีดพกออกมาแล้วชี้ไปทางคนตัวสูง
“อย่าเข้ามานะมึง ไม่งั้นกูแทงจริงด้วย!”
น้ำทิพย์กลับสาวเท้าเข้าใกล้มากขึ้นพร้อมกับยิ้มร้ายไปด้วย ชายคนนั้นก็ถอยเท้าไปเรื่อยๆ จนน้ำทิพย์เห็นว่าระยะได้พอดีละชายคนนั้นสนใจที่จะสบตาเธอและใช้ประสาทสัมผัสที่เท้าอย่างเดียวดูจากปลายมีดที่ชี้ไม่ตรงทางเดิมส่ายไปมาสบโอกาสพอดีน้ำทิพย์จึงยกเท้าด้วยความที่ใส่ผ้าใบจะทำอะไรย่อมถนัด เตะเข้าที่ข้อมือของชายคนนั้นจนมีดตกไปไกล เขาจึงยอมปล่อยเจนี่แล้วทำท่าจะวิ่งหนีแต่น้ำทิพย์ขายาวกว่าจึงเตะเข้าที่กลางหลังชายคนนั้นจึงล้มลง เธอจึงเดินเข้าไปใกล้แล้วใช้เท้าเหยียบบริเวณไหล่ของเขาก่อนจะก้มลงพูดให้ได้ยินว่า “เศษเดนมนุษย์” ว่าจบก็พาศิรินและเจนี่ออกมาจากบริเวณนั้น เจนี่จึงขอตัวขึ้นรถของตนก่อนจะยืนรอศิรินว่จะไปไหม
“คุณกลับเถอะ” น้ำทิพย์หันไปพูดกับเจนี่
ก่อนจะหันหน้ามาหาเพื่อนตน “แกน กูฝากด้วย”
ว่าจบก็จูงมือศิรินเดินไปยังรถตัวเอง
เมื่อมาถึงที่รถน้ำทิพย์เปิดประตูเข้าไปนั่งฝั่งคนขับแล้วยังไม่เห็นศิรินเปิดประตูขึ้นมาจึงลดกระจกฝั่งข้างกันลง
“จะกลับไหม บ้านน่ะ”
“หะ...กะ
ก กลับ” ศิรินที่ยืนเหม่ออยู่ตอบก่อนจะรีบเปิดประตูขึ้นไปนั่ง
“ทำไมมไร้องให้คนช่วย
หรือหาทางขัดขืนพวกนั้นบ้าง” น้ำทิพย์พูดขึ้นทำลายความเงียบเมื่อรถแล่นมาสักพัก
“.....” ศิรินยังคงนั่งนิ่งไม่ตอบอะไร
“ลืมไป คงชอบสินะ ฉันไม่น่าเข้าไปขัดเลยเนอะ
ว่ามั้ย เสียดายรึเปล่า พวกนั้นก็รวยใช่ได้เลยนะ แต่งตัวดีเชียว” น้ำทิพย์จึงพูดขึ้นทั้งๆที่ตายังคงสนใจท้องถนนด้านหน้าที่ไม่ค่อยจะมีรถสักเท่าไร
ก็แน่สินี่เวลา 01.43 ใครจะมาขับรถเล่นอยู่ล่ะ
“...บี..” ศิรินพูดขึ้นเสียงเบา
“ฉันพูดถูกล่ะสิ”
พอน้ำทิพย์พูดจบรถทั้งคันก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง จึงเอื้อมมือไปหมุนปุ่ม เพลย์
เพื่อเล่นเพลงในเพลย์ลิสต์ที่เธอมักเปิดฟังตลอดเวลาขับรถ
เมื่อได้ยินแบบนั้นจึงรีบกดเพลงต่อไป
บ้าไรวะ เจอแต่เพลงแบบนี้
น้ำทิพย์จึงกดต่อไปอีกและหยุดมือหันกลับมาสนใจทางข้างหน้าต่อ จะเล่นเพลงไรก็เล่นไป
ศิรินเมื่อได้ยินแต่ละเพลงที่อยุ่ในเพลย์ลิสต์ของคนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างตนในตอนนี้ก็พาลจะมีอะไรสักอย่างตื้นขึ้นมา จึงหันหน้าออกไปทางกระจกดูรอบข้างแทนเพื่อปล่อยอารมณ์เหล่านั้นออกไป ขอโทษ คงเป็นคำเดียวที่เธออยากจะพูดออกไป รถซีดานคันหรูแล่นบนถนนอย่างเงียบๆบรรยากาศในรถมีเพียงเสียงจากเครื่องเล่นเพลงและเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่ จนเมื่อรถเคลื่อนตัวผ่านบ้านเรือนที่คุ้นตาของศิรินพร้อมกับเสียงของสารถีจำเป็นที่ดังขึ้น
“ซอยไหน” น้ำทิพย์ยังคงพูดต่อ แล้วถามอีกคนเมื่อคิดว่าใกล้จะถึงบ้านขอคนตัวเล็กแล้ว ด้วยความคุ้นๆของเส้นทางรอบข้าง
“เลี้ยวซ้ายซอยข้างหน้า” ศิรินพูดแล้วนึกในในจว่าน้ำทิพย์สามารถขับมาได้โดยไม่ถามเธอสักคน
ยังจำได้อีกเหรอ
“......” พอถามอีกคนเสร็จน้ำทิพย์ก็เงียบอีกครั้ง แล้วหักพวงมาลัยเข้าซอยตามที่อีกคนบอกแล้วขับตรงไปอีกไม่นาน ก็พบกับบ้านสองชั้นขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ตามฐานะเดิมของบ้านหอวังซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตาน้ำทิพย์เป็นอย่างดี พอรถเคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านศิรินจึงปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยออกแล้วเตรียมจะก้าวลงจากรถ "ทีหน้าทีหลัง ระวังตัวเองด้วย โชคไม่ได้มีเสมอไปนะ" น้ำทิพย์พูดเตือนอีกคน
"ค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" ศิรินว่าจบก็ลงจากรถเปิดประตูเข้าบ้านไป น้ำทิพย์รอจนแน่ใจว่าอีกคนเข้าบ้านแล้วจึงเร่งเครื่องมุ่งหน้ากลับบ้านของตนบ้าง มากี่ครั้งก็จบแค่หน้าบ้านทุกทีสินะ
ทางฝั่งศิรินที่เข้าบ้านมาแล้วเดินขึ้นไปยังชั้นสองก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเด็กชายตัวน้อยมานั่งรอเธอจนผล็อยหลับไปในห้องของเธอเองจึงเดินเข้าไปปรับท่านอนของเขาให้ดีๆ แล้วจัดการห่มผ้าให้
"หม่ามี้ไปไหนมาครับ??" คำถามที่ถูกยิงเข้าหาตน ทำให้ศิรินยั้งมือที่กำลังจะถอดเครื่องประดับลงแล้วหันหลังกลับไปตอบคนที่ซุกตัวลืมตาแป๋วในผ้าห่ม
"ไปหาเพื่อนมาครับ นอนได้แล้วนะ" ศิรินตอบออกไปแล้วเดินไปจุ้บแก้มซ้ายขวาของเด็กช่างอ้อนที่ทำแก้มป่องเรียกร้องก่อนหน้า
จุ้บ จุ้บ
"ครับ ฝันดีนะครับ" เด็กชายพูดก่อนจะรีบหลับตาแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราไป นึกจะหลับก็หลับ ลูกลิงน้อยของหม่ามี้
ครืดดด ครืดดดด เสียงของเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าที่สั่นครืดเรียกให้เจ้าของเดินเข้าไปหยิบออกมา เจนี่ ศิรินจึงปัดรับสาย
"ฮัลโหล"
'อยู่บ้านแล้วใช่มั้ยหมวย'
"อื้อ ถึงยัง"
'สักพัก ขอโทษนะที่ช่วยอะไรมึงไม่ได้'
"เฮ้ยย ไม่เป็นไร มึงก็เกือบแย่เหมือนกัน"
'แล้วบีเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนมั้ย'
"....ไม่รู้ กูไม่ได้ถาม"
'เอ้า! เออๆ งั้นกูไม่กวนมึงละ ฝันดีหมวย'
"ฝันดี"
พอสายตัดไปศิรินจึงมานั่งคิดกับตัวเอง ทำไมเราไม่ถามเค้าเนี่ยย เฮ้ยยยคริส บ้าเอ้ย เขาช่วยไว้แท้ๆเลย ได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา มือก็กดเข้าแอพพลิเคชั่นแชทยอดฮิต ก่อนจะกดเข้าชื่อของอีกคน พิมแล้วก็ลบ พิมพ์ๆลบๆจนเหนื่อยสุดท้ายเลยลงเอยด้วย
Boss B
ได้ไฟล์แล้ว 12.34
02.28 เจ็บตรงไหนรึเปล่า
02.29 ขอบคุณนะที่เข้ามาช่วย ฝันดีค่ะ
พอส่งเสร็จก็ไปอาบน้ำเข้านอนเตรียมไปทำงานในวันพรุ่งนี้
ทางฝั่งของคนรับข้อความก็เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเดินมาดูที่หน้าจอมีแจ้งเตือน แล้วกดเข้าไปดู ฝันดี งั้นเหรอ ยิ้มบางๆให้ตัวเองก่อนจะกดปิดหน้าจอแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงขนาคิงไซต์ของตนแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราไป
_____________________________________
07.34
BNT Property
เมื่อคนตัวสูงเดินเข้ามาพร้อมกับชายร่างสูงไม่ต่างกันอีกสองคนก็มีแต่คนทักทายทั้งยกมือขึ้นสวัสดีและก้มศีรษะให้บ้าง น้ำทิพย์ก็ยิ้มรับ ก่อนจะเดินเข้าลิฟท์ไป
"วันนี้คุณคริสมาเร็วโว้ย เอามาๆ ไอ้เชน ร้อยนึง" ธนัทเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้าไปที่ห้องของประธานแล้วพบว่าหน้าห้องมีคนนั่งทำงานอยู่ก่อนแล้ว
"เออๆ เอ้า เอาไป" ราเชนทร์พูดแล้วหยิบธนบัตรสีแดงส่งให้ธนัท
"ทำอะไรกัน" น้ำทิพย์เห็นคนสองคนทำท่าทางแปลกๆจึงถามขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำโต๊ะทำงาน
"เปล่าคร้าบ ไปเถอะ ไอ้เชน" ธนัทพูดแล้วรีบเดินออกไปทำงานของตน
"เฮอะ แปลกคนจริง" น้ำทิพย์ได้แต่ส่ายหัวในความประหลาดของคนสองคน แล้วก้มหน้าอ่านเอกสารตรงหน้าเพื่ออนุมัติเอกสารนั้นก่อนจะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น "ขออนุญาตค่ะ" ก่อนจะปรากฎร่างสวยของพิชญ์นาฏ
"อ้าว เมย์ " น้ำทิพย์หันไปตามเสียงก่อนจะพูดขึ้น
"สวัสดีค่ะ ประธานคนเก่ง ตั้งอกตั้งใจขนาดนี้มีโบนัสให้ตัวเองบ้างรึเปล่าคะ" พิชญ์นาฏพูดพร้อมกับเดินไปนั่งบนพนักวางแขนก่อนจะส่งแขนไปโอบรอบคอของคนถูกถามไว้
".ก็หาอยู่นะคะ แถวนี้มีรึเปล่าล่ะคะ" น้ำทิพย์พูดแล้วสบสายตาหยอกเล่นกับพิชญ์นาฏ
"อยากรู้ก็ลองจะได้รู้ว่า มี หรือไม่มี" พิชญ์นาฏพูดแล้วซบศีรษะลงบนไหล่กว้างของน้ำทิพย์ มือก็ลูบวนที่หัวไหล่ผ่านเสื้อเชิ้ตเนื้อดีของอีกคนเบาๆ ก่อนจะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงขออนุญาตของเลขาหน้าห้อง ก่อนที่น้ำทิพย์จะเอ่ยอนุญาต แล้วจึปรากฏร่างเล็กของศิริน เมื่อเข้ามาถึงศิรินก็ตกใจกับท่านั่งของคนทั้งคู่เล็กน้อยก่อนจะเดินยกแฟ้มเอกสารที่หัวหน้าแผนกแต่ละคนส่งมาให้วางไว้บนโต๊ะ ก่อนทำท่าจะเดินออกไป น้ำทิพย์เมื่อเห็นศิรินมีปฏิกิริยาต่อตนกับพิชญ์นาฏแบบนั้นนึกอะไรสนุกขึ้นมาได้ จึงแกล้งพูดขึ้น "จะลองที่นี่เลยเหรอคะ ก็แปลกใหม่ดีนะ" ว่าจบก็หันหน้าไปทางฝั่งที่มีคนซบอยู่ที่เงยหน้าขึ้นมาทางนี้พอดีทำให้หน้าของเราใกล้กันเพียงกระดาษกั้น ทางศิรินพอได้เห็นแบบนั้นจึงรีบสาวเท้าออกจากห้องไป
" ทำอะไรของบีเนี่ย" พิชญ์นาฏพูดพร้อมกับแกล้งตีไปบนไหล่ของอีกคน
"ก็ตอบคำถามเมย์ไง" น้ำทิพย์พูดแล้วยิ้มหน้าตาเฉย
"คนเมื่อกี้ใครเหรอคะ" พิชญ์นาฏถามแล้วชี้นิ้วไปทางประตู
"เลขาบีไงคะ" น้ำทิพย์ตอบแล้วก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ
"แค่เลขา...เหรอคะ" พิชญ์นาฏถามเน้นคำตอบของน้ำทิพย์
"ทำไมเหรอคะ" น้ำทิพย์ถามบ้าง
"เปล่าค่ะ บีทำงานเถอะ เดี๋ยวเมย์นั่งสักพักจะไปแล้ว" พิชญ์นาฏพูดทั้งๆที่ในหัวยังคงสงสัย ก็ร้อยวันพันปีเธอมาแกล้งน้ำทิพย์ให้ตบะแตกในเวลางานตลอดเขาไม่เคยจะเล่นกับเธอเลย เพราะเขาบอกว่า นี่เวลางาน เรื่องที่หนึ่งก็ต้องเป็นงาน แต่วันนี้เขากลับยอมเล่กับเธอแถมยังแอบเหล่มองปฏิกิริยาจากเธอคนนั้นอีก จะไม่ให้สงสัยได้ยังไง เมื่อได้เวลาแล้วพิชญ์นาฏก็เดินออกจากห้องไป โดยระหว่างทางผ่านเธอก็มองเลขาหน้าห้องของประธานตัวสูงไปด้วย แต่ก็ไม่พูดอะไร
เวลาก็ผ่านไปจนถึงเวลาเที่ยงเกือบบ่ายที่น้ำทิพย์จะต้องออกไปดูที่ไซต์งาน ทั้งสี่จึงพากันเดินไปขึ้นรถ ก่อนที่ราเชนทร์จะเป็นคนขับไปยังจุดหมาย
"ครั้งนี้ก็ 85% สินะ ใกล้เสร็จเต็มทีแล้วสินะครับ คุณบี" ธนัทพูดขึ้นล้วหันไปขอความเห็นจากคนทางด้านหลัง
"อืม ใกล้แล้ว" น้ำทิพย์ตอบในขณะที่มือก็ยังไถโทรศัพท์ดูรูปที่ถ่ายคราวที่แล้วที่มาไปเรื่อย ศิรินที่นั่งอยู่ข้างๆได้แต่นั่งนิ่งๆฟังบทสนทนาระหว่างคนทั้งสามไปมา
"แล้วเรื่องที่ส่งไปบริษัทเขาคนนั้นว่ายังไงบ้าง" น้ำทิพย์เอ่ยถามธนัท เขาคนนั้นเป็นศัพท์ที่น้ำทิพย์บัญญัติให้คนที่ขึ้นชื่อว่าพ่อของตน
"กำลังดำเนินงานครับ ก็พอดีกับเรื่องที่ขุนลงมาทำกับเราเขาคงตั้งใจเปลี่ยน อาวิรุตกับไอ้ขุนนั่นละครับ" ธนัทตอบ อาวิรุตผู้มีศักดิ์เป็นอาเขยของประธานตัวสูง
"ดี" น้ำทิพย์พูดแค่นั้นก่อนสนใจของในมือต่อ
และเมื่อรถแล่นมาจอดในที่จอดรถของไซต์งานนี้แล้ว ทั้งสี่คนจึงพากันเดินเข้าไปด้านในสำนักงานใหญ่ ก็พบกับคุณศิวัตน์คนเดิมพ่อของน้ำหวานที่เริ่มสนิทกับพวกเธอมากขึ้นครั้งนี้คุณอาศิวัตน์จึงมอบหมายให้น้ำหวานพาพวกเธอทัวร์เอง
"นี่ค่ะ หมวกเซฟตี้ใส่ไว้นะคะ" น้ำหวานพูดก่อนจะส่งหมวกสีขาวให้แต่ละคนแต่เมื่อมาถึงศิรินกลับพบว่าในมือของคนตัวเล็กนั้นเต็มไปด้วยปากกา ไอแพดและกระดาษจด จึงอาสาใส่ให้ "ของเต็มเลย เดี๋ยวหวานใส่ให้แล้วกัน" พูดจบก็วางหมวกลงนศีรษะของศิรินแล้วย่อตัวลงเพื่อรัดสายรัดคางให้แน่น จึงสบตาเข้ากับศิรินที่มองลงมาพอดี
"อะแฮ่มมม" เสียงกระแอมจากน้ำทิพย์ ทำให้น้ำหวานผละตัวออกแล้วจึงพากันเดินไปดูโดยระเอียด โดยที่ตลอดเวลาที่เดินอยู่ในไซต์น้ำหวานดูแลศิรินดีมาก ทั้งให้จับแขนเวลาเดินขึ้นที่ที่สูงจนถึงการดูเส้นทางที่ง่ายต่ออีกครหรือแม้แต่การบอกรายละเอียดสำคัญที่ต้องรู้
"ตรงส่วนนี้ระวังนะคะ เพิ่งเริ่มก่อสร้าง" น้ำหวานพูดก่อนจะปล่อยทั้งสี่คนให้เดินดูส่วนตัวเองขอแยกตัวโทรไปสั่งงานบรรดาวิศวกรคุมงานทั้งหลายก่อน ทั้งสีคนจึงเดินดูไปเรื่อยจนได้ยินเสียง กึก ครึกก พร้อมกับเสียงตะโกนจากคนงานที่อยู่ด้านบน "ระวังนะครับ!!!"
"คริส!!!" เสียงประสานพร้อมกับสองเสียง ศิรินที่ยืนอยู่ในรัศมีได้ยินพอดีจึงเงยหน้าขึ้นดูก่อนจะพบอิฐก้อนขนาดไม่ใหญ่มากกำลังลอยละลิ่วลงมา ได้แต่ยินตกใจทำอะไรไม่ถูก ยืนหลับตาปี๋ด้วยความกลัว สมองปิดการรับรู้ไปชั่วขณะ รู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองลงมานอนอยู่บนพื้น แต่ทำไมไม่ยักจะรู้สึกเจ็บเลย จึงลืมตาขึ้นก็พบว่ามีคนตัวสูงกว่าเธอกำลังคร่อมตัวเธอไว้ ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก "........บี.." ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของธนัทและราเนทร์ที่รีบวิ่งเข้ามาดูแลผู้เป็นนาย.
"คุณบี !!" เสียงของธนัทดังขึ้นพร้อมกับดารที่เขากับราเชนทร์เข้ามาช่วยพยุงตัวน้ำทิพย์ขึ้น
"โอ้ยย!!" น้ำทิพย์ร้องออกมาเสียงดังเมื่อถูกจับบริเวณสะบักหลังที่เพิ่งจะเจ็บเมื่อกี้
"เป็นอะไรมากรึเปล่าคะ" น้ำหวานเดินเข้ามาถามอาการของน้ำทิพย์ "ให้รถที่ไซต์ไปส่งที่โรงพยาบาลมั้ยคะ"
"ไม่ต้องหรอกนน้ำหวาน ฝากลาคุณอาด้วยนะ" น้ำทิพย์พูดก่อนที่จะค่อยๆเดินออกไป ที่เหลืออีกสามคนจึงเดินตามไป
"ค่ะ" พอรับคำเสร็จจึงต่อสายหาผู้เป็นพ่อเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ก่อนเรียกคนงานที่อยู่ด้านบนลงมาสอบถามว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น และก็ตำหนิไปว่าถ้ามันโดนจุดสำคัญขึ้นมาจะเป็นแบบไหน ก่อนจะเดินไปยังสำนักงานเพื่อเตรียมตัวไปโรงพยาบาล
ที่โงพยาบาล Boonya Hospital
พอรถจอดที่หน้าทางเข้าบุรุษพยาบาลก็นำรถเข็นมารับน้ำทิพย์ ทั้งศิรินและธนัทจึงลงไปด้วย ส่วนราเชนทร์ก็ขับไปหาที่จอดรถ ไปถึงหน้าห้องซักประวัติก็ถามไถ่ว่าเป็นอย่างไร เจ็บตรงไหน โดนอะไรมา มีอาการอย่างไรก่อนจะส่งน้ำทิพย์ไปห้องเอกซเรย์ ตอนนี้ทั้งสามคนเลยนั่รอผู้เป็นเจ้านายอยู่หน้าห้องเอกซเรย์
บี จะเป็นอะไรมากรึเปล่า สิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวศิรินตอนนี้ ได้แต่โทษตัวเองถ้าเธอไม่ไปยืนตรงนั้นน้ำทิพย์ก็จะไม่เจ็บตัวแบบนี้ รอสักพักหมอก็เข็นน้ำทิพย์ออกมา พร้อมกับใส่อุปกรณ์ช่วยพยุงแขนออกมด้วยก่อนจะบอกให้รอผลเอกซเรย์สักครู่
"ก็ไม่มีอะไน่าเป็นห่วงนะครับ แต่หมออยากให้คุณน้ำทิพย์พักอยู่ที่นี่ก่อนสักวันสองวันเพื่อที่จะไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายบริเวณหลังมาก" คุณหมอท่าทางภูมิฐานพูดกับคนไข้ตัวสูง
" .....ขอไปพักที่บ้านได้ไหมคะ" น้ำทิพย์ถามคุณหมอท่านนั้น
"จะว่าได้ก็ได้ครับ แต่จะต้องเลื่อนไหวฝั่งขวาให้น้อยนะครับ เพราะนี่ยังแค่อักเสบและร้าวนิดเดียว ถ้าขยับมากจะเจ็บและอันตรายนะครับ"
"ค่ะ จะขยับให้น้อยที่สุดนะคะ"
"อย่างนั้น เดี๋ยวผมจะเขียนใบสั่งยาให้เอาไปยื่นที่ห้องยาแล้วก็กลับบ้านได้นะครับ" คุณหมอพูดก่อนจะหยิบกระดาษที่อยู่บนโต๊ของเขามาจดอะไรยุกยิกลงไปสองสามใบแล้วนำมายื่นให้น้ำทิพย์ ทั้งสี่คนจึงออกไปจากคลินิกกระดูกและข้อไปห้องเวชภัณฑ์
"....เดี๋ยว คริสเอาไปยื่นให้นะคะ"ศิรินพูดก่อนจะยื่นมือไปรับกระดาษจากคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น น้ำทิพย์จึงหันมาแล้วยื่นกระดาษให้ ศิรินจึงเดินไปตรงเคาน์เตอร์แรกเพื่อยื่นใบสั่งยาให้แล้วก็ได้รับบัตรคิวมารอเวลาให้เรียก พอถึงหมายเลขที่แสดงบนกระดาษศิรินจึงเดินไปยังเคาน์เตอร์ที่เรียก
"คุณน้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ นะครับ" เภสัชกรหนุ่มเอ่ยถามชื่อซ้ำ
"ค่ะ"
"มียาสามตัวนะครับ สองตัวนี้ทานหลังอาหารเช้า เย็นนะครับ ส่วนตัวนี้ต้องเคี้ยวด้วยนะครับจะทานพร้อมข้าวเลยก็ได้ครับจะทานง่ายกว่า" เภสัชกรอธิบายวิธีการใช้ยาทั้งสามชนิดพร้อมทั้งยกรูปแบบยาขึ้นมาประกอบการอธิบายให้ศิรินฟัง
"ค่ะ ขอบคุณนะคะ" ศิรินจดจำไว้และกล่าวขอบคุณก่อนจะรับถุงใส่ยามาถือไว้แล้วเดินไปหาคนที่รออยู่ก็พบว่ามีคนใส่ชุดกาวน์มายืนคุยกับน้ำทิพย์ เมื่อเดินเข้ามาใกล้จึงเห็นหน้าชัดๆ "....พลอย.." เจ้าของชื่อที่ได้ยินคนเรียกจึงหันหลังมา
" คริส...ไม่เจอกกันนานเลยนะ" เฌอมาลย์ที่พอจะรู้บ้างว่าศิรินมาทำงานกับเพื่อนของเขาจึงไม่ได้ตกใจเท่าอีกคน
" อื้ม..ตอนนั้นนยังเป็นแค่นักเรียนแพทย์อยู่เลย" ศิรินพูดเพราะเธอเจอกัพลอยตั้งแต่ตอนเขายังเป็นเพียงนิสิตคณะแพทย์จนถึงเขาทำงานได้หนึ่งปี แต่นั่นก็ผ่านมาเกือบๆจะเจ็ดปีแล้ว แต่ได้ติดตามข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์บ้างแน่นอนล่ะ ลูกสาวทายาทคนเดียวของโรงพยาบาลอันดับต้นๆของประเทศนี่นา
"แล้วนี่มึงจะกลับ ห้อง บ้าน หรือคอนโด" เฌอมาลย์ถามเพื่อนตัวสูง ห้องคือห้องของพวกเธอสามคน บ้านคือบ้านของครอบครัวน้ำทิพย์และคอนโดก็คือคอนโดของน้ำทิพย์เอง
"กูคงไปอยู่คอนโดก่อนวะ มันจะได้พักจริงๆ" น้ำทิพย์พูดเพราะว่าถ้าเธอกลับห้อง ในห้องก็มีที่ให้ทำงานและมีงานบางส่วนที่เธอเอาไปไว้ ถ้ากลับบ้านเหรอ...ไม่ได้กลับไปนานแล้วเหมือนกันนะ
"อืม เดี๋ยวกูไปหาละกัน" เฌอมาลย์พูดก่อนจะมีสายเข้าที่โทรศัพท์ "มีอะไร เคสด่วนเหรอ เออๆเดี๋ยวไป" พอวางสายเสร็จก็รีบวิ่งไปยังตึกกุมารเวชทันที
"นี่เวลาพักของคุณพลอยจริงเหรอครับ" ธนัทแกล้งพูดเล่นขึ้นมา
"ทุกทีก็แบบนี้ มันไม่เคยจะว่างสักทีหรอก ป่ะ กลับกันดีกว่า" น้ำทิพย์พูดก่อนทั้งหมดจะพากันมุ่งหน้าไปลานจอดรถและขับไปยังคอนโดของน้ำทิพย์ ที่ขัดคำสั่งของเจ้าของ เพราะน้ำทิพย์บอกให้ราเชนทร์ไปส่งที่ริษัทเดี๋ยวขับรถมาเองได้แต่ลูกน้องขอเธอก็หาได้ฟังไม่กลับพามาส่งถึงคอนโดและบอกว่าเดี๋ยวไปขับรถมาให้ ดีจริงๆเลยลูกน้องแบบนี้
To be continued....
-ZenonZane-
______________________________________________________________________________
TALK : อัพแล้วจ้า
ปล.ขอโทษนะคะ รีดเดอร์ที่ปล่อยให้รอนาน พอดีเรียนวุ่นๆมากเลยทั้งงานทั้งอะไรจะอัพก็ไม่ได้อัพสักที หวังว่าจะยังไม่ลืมกันเนอะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมานะคะ ติชมกันเข้ามาได้นะ
ขอบคุณทุกๆความเห็น มีส่วนช่วยทำให้มีกำลังใจที่จะเขียนต่อเลยนะคะ
รัก ZenonZane
ความคิดเห็น