คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Money is God and Good
Chapter 16 : Money
is God and Good
BNT Property
เช้าวันถัดมาวันนี้ร่างสูงเข้าบริษัทก่อนเวลาปกติเพราะมีเอกสารที่ค้างไว้เมื่อวานถูกส่งขึ้นมามากมายแม้ปิยะรัฐจะอยู่ทำงานเมื่อวาน
แต่อีกมากมายก็ยังมากองรอเวลาตรวจจากเขาอยู่
แล้วยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงของการเปิดศักราชในการทำอสังหาริมทรัพย์แบบใหม่ที่เน้นตอบโจทย์การชีวิตคนเมือง
สังเกตได้จากคอนโดพุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในเมืองกรุง แล้วไหนจะมีโรงแรม
หมู่บ้านจัดสรรมากมายในต่างจังหวัด
นับเป็นนาทีทองของบริษัทรับก่อสร้างและออกแบบอสังหาริมทรัพย์และแน่นอนว่า BNT ก็คือหนึ่งในนั้น
“บอสครับ วันนี้ ตอนเช้า 9 โมง
ประชุมกับเจ้าหน้าที่จาก จงรัชต กรุ๊ป เสร็จแล้วตอนเที่ยง พบมิสเตอร์เควินนะครับ”
ชายหนุ่มตัวสูงพูดขณะที่ถือแฟ้มงานเดินตามผู้เป็นเจ้านายเข้าไปในห้องทำงาน คนฟังพยักหน้ารับรู้
ก่อนจะเดินไปบริเวณโต๊ะทำงานแล้วถอดสูทตัวนอกพาดไว้กับพนักพิงเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่
แล้วทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะหันมาถามอีกสองคน
“แล้วเรื่องที่ฝากไปสืบว่าไง”
“ประวัติของนายปรมะ สืบยากมากครับ
ไม่มีข้อมูลส่วนตัวมากนัก พบเพียงว่าเป็นลูกชายคนเดียวของทางอโนทัย คอร์ปครับ
และเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่จะสานต่อธุรกิจของทางอโนทัย เท่านั้นครับ” ราเชนทร์ตอบกลับผู้เป็นนาย
“ประวัติการศึกษา สถานภาพครอบครัว
การสมรส หรือลูกล่ะ”
“ไม่มีเลยครับ พวกผมก็แปลกใจ
ทั้งๆที่งานแต่งงานที่จัดเมื่อห้าปีก่อนยิ่งใหญ่มากนะครับ
แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไป” ราเชนทร์ตอบกลับไป
เพราะตัวเขาเองก็ร่วมสืบกับนักสืบเอกชนที่ว่าจ้างด้วยเช่นกัน
“ผมว่าเพราะข่าวหอวังกรุ๊ปที่ออกมาช่วงนั้น แต่งงานได้ไม่ทันไร
รุ่งขึ้นธุรกิจทางหอวังหุ้นดิ่งลงอย่างรวดเร็ว หุ้นส่วนถอดหุ้นออกกันระนาว” ธนัทเอ่ยเสริมขึ้น
“ถ้าได้เพิ่มเมื่อไรรีบรายงานฉันด่วนที่สุด”
“ครับผม” เลขาหนุ่มทั้งสองคนเอ่ยตอบก่อนจะขอตัวออกจากห้องไป
“คุณคริส สวัสดีตอนเช้าครับ” ธนัทเอ่ยทักเลขาหน้าหมวยของเจ้านายที่เหมือนจะเพิ่งมาถึง
จากการหายใจถี่ขนาดนั้น
“....สวัสดีค่ะ
ทำไมวันนี้มากันเช้าจังเลยคะ” ศิรินพูดตอบกลับ
เพราะวันนี้เธอรีบออกจากบ้านเร็วกว่าปกติเพราะรู้ว่ายังมีงานที่รออยู่มากมาแน่ๆจากการที่เจ้านายตนลางานเมื่อวาน
แต่ก็ยังช้ากว่าผู้เป็นนายเสียนี่
“เมื่อวานลางาน
เลยกะว่าวันนี้ต้องงานเยอะแน่ๆน่ะครับ
บอสเลยรีบตื่นมาตั้งแต่เช้ามืดดิ่งมาที่นี่เลยครับ”
ธนัทเอ่ยตอบพร้อมกับทำมือพุ่งอย่างรวดเร็วประกอบให้เห้นภาพว่าเร็วขนาดไหน
ศิริหัวเราะกับความกวนๆของธนัท ก่อนจะรีบหุบยิ้มเพราะหันไปพบเลขาอีกคนที่ยื่นหน้านิ่งอยู่ไม่พูดไม่จา
“สวัสดีค่ะ คุณราเชนทร์”
“ครับ วันนี้คุณศิรินมาเช้านะครับ
ผมคิดว่าคุณเข้าใจว่าบริษัทเราเริ่มงาน 9 โมงเสียอีก” ราเชนทร์เอ่ยตอบไม่วายจิกกัด
ตัวเขาเองรู้สึกไม่ถูกชะตา
กับการที่คนที่มาสายแทบจะประจำอย่างศิรินไหงวันนี้มาแต่เช้าซะนี่
ไม่เข้าใจทำไมบอสไม่เคยว่าอีกคนแม้แต่น้อย
“...ช่วงนี้โรงเรียนของลูกชายปิดเทอมแล้วค่ะ
เลยไม่ต้องไปส่งเขา ต้องขอโทษนะคะที่เมื่อก่อนมาสาย”
“ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ
ตั้งใจทำงานนะครับ ขอตัว” ราเชนทร์ว่าจบก็เดินออกจากตรงนั้น
“คุณคริสอย่าถือสา พี่เชนทร์เลยนะครับ
เขาค่อนข้างเจ้าระเบียบแบบมากๆๆๆ ไม่ต้องกังวลไปนะครับ”
ธนัทพูดหวังปลอบใจอีกคนพราะรู้ดีว่าราเชนทร์เป็นคนยังไง ถือจะดุ
จะชอบทำหน้านิ่งๆแต่ก็จิตใจดี และที่ว่ากล่าวศิริน
เพราะพนักงานคนอื่นๆก็ว่าต่อกันมาปกต่อปากว่าศิรินเป็นเลขาประธานใหญ่
มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ทำให้ภาพลักษณ์ของน้ำทิพย์ดูไม่ค่อยดีเท่าไร
ที่พูดแบบนั้นก็หวังดีล้วนๆ
“ค่ะ คริสไม่ถือหรอกค่ะ
เพราะมันก็เป็นความจริง ถ้าแบบนั้นคริสขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ
อีกชั่วโมงนิดๆมีประชุมด้วย”ศิรินว่าแล้วรีบเดินไปนั่งประจำโต๊ะของตนที่หน้าห้องขอน้ำทิพย์
แล้วลงมือทำงานทันที ธนัทก็ได้แต่ยิ้มก่อนจะเดินเลี่ยงไปทำงานของตนบ้าง
พวกเขาสองคนไม่ได้มีหน้าที่เป็นเลขาของน้ำทิพย์โดยตรง มีงานประจำของตนเอง
อย่างราเชนทร์ก็ประจำอยู่ฝ่ายการตลาด
ตัวเขาเองก็ทำกับประชาสัมพันธ์และติดตามผลของงานด้วยเช่นกัน
ที่ประชุม
หัวเรื่องหลักของการประชุมในครั้งนี้คือโปรเจกใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
เป็นการร่วมมือกันของบริษัทพ่อและบริษัทลูก
เป็นการเปิดศักราชใหม่ของจงรัชตวิบูลย์กรุ๊ปด้วย
พร้อมกับกลบข่าวของสองบริษัทที่ว่าทั้งคู่ไม่ลงรอยกัน
แม้จะเป็นความจริงแต่เมื่อออกสู่สาธาณะภาพลักษณ์ย่อมสำคัญ
และเป็นการสรุปผลเพื่อนำไปคุยกับทางด้านของเปรมกิจ ที่น้ำทิพย์นัดหมายในบ่ายวันนี้
อันที่จริงเรื่องนี้ก็ยืดเยื้อมานานกว่าสามอาทิตย์ยังหาข้อตกลงตรงกลางไม่ได้สักที
วันนี้จึงอยากให้จบๆ เวลาในการเริ่มสัญญาก็กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆไม่อยากจะผัดผ่อนอีก
การประชุมผ่านไปราวๆเกือบสองชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ
“สรุปการประชุมครั้งนี้ให้เรียบร้อย
และเขียนรายงาน จัดทำเอกสารให้ทันในบ่ายวันนี้ที่เราจะไปพบนายธราภุชด้วยล่ะ”
น้ำทิพย์กล่าวออกมาหลังจากปิดทุกอย่างที่เสนอให้เหล่ากรรมการทั้งหลายรับทราบและร่วมอภิปราย
หาข้อสรุปได้เรียบร้อย ที่งานตกอยู่กับ BNT เสียเกือบหมดเพราะครั้งนี้ก็เหมือนกับผู้เป็นพ่อต้องการพิสูจน์ฝีมือของน้ำทิพย์เช่นกัน
จึงให้ BNT เป็นหัวเรือใหญ่ของงานนี้ และถือเป็นโปรเจกฉลอง 5
ปีให้บริษัทด้วย
น้ำทิพย์ว่าหลังจากเสร็จงานนี้จะพาพนักงานไปผ่อนคลายกันให้เต็มที่
“ค่ะ” เลขาหน้าหมวยอย่างศิรินเอ่ยอย่างเหนื่อยล้า
เพราะตลอดระยะเวลาเกือบสองชั่วโมง เธอแทบไม่ได้พักเลย ทั้งจดทั้งฟัง
ทั้งต้องประมวลผลหลายสิ่งหลายอย่างออกมา
“เอ้อ ทำออกมาในรูปแบบภาษาอังกฤษด้วยล่ะ
มิสเตอร์เควินนัดเที่ยงนี้ ก็คือหนึ่งในหุ้นส่วนครั้งนี้”
ร่างสูงพูดจบก็ดันประตูเปิดเข้าห้องทำงานตัวเองไป ส่วนคนถูกสั่งก็แทบจะเอามือก่ายหน้าผาก
เหลือเวลาอีกไม่เท่าไร สูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างให้กำลังใจตัวเองแล้วรีบลงมือทำงาน
“พี่คริสคะ คุณเต้ฝากมาให้ค่ะ”
เสียงของเลขาสาวสาวยลูกครึ่งอย่าง ซาบีน่า
เดินเข้ามาหาพร้อมกับแฟ้มเอกสารจำนวนหนึ่ง
“อ้อ ขอบใจมากนะ”
ศิรินรับมาแล้วเอ่ยขอบคุณเพราะระหว่างที่ประชุมอยู่เธอแอบขอเอกสารที่ทางปิยะรัฐได้ทำไว้เมื่อวานนี้เพื่อนำมาประกอบให้กับ
คุณเควิน เพราะว่าน้ำทิพย์ไม่มีในส่วนนี้จากการที่ไปงานเมื่อวาน
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ”
ซาบีน่าถามเพราะอีกคนพอรับเสร็จก็หันกลับไปทำงานต่อโดยมือข้างหนึ่งก็พลิกหน้าเอกสารไปมาอีกข้างก็พิมพ์งานในเครื่องคอมไปด้วย
“....พี่ฝากชงกาแฟเข้าไปให้ท่านประธานหน่อยแล้วกัน
ฝากเอาแฟ้มที่ตรวจเสร็จแล้วกองนั้นให้คุณเต้ด้วยนะ”ศิรินเว้นช่วงคิดนิดนึงก่อนจะตอบไป
พร้อมกับชี้มือไปยังกองที่เพิ่งขนออกมาจากห้อของน้ำทิพย์ก่อนจะไปประชุม แล้วที่ฝากให้เอากาแฟไปให้อีกคนเพราะรู้ว่าการที่มาทำงานแต่เช้าแบบนั้น
และสีหน้าระหว่างการประชุมเดาไม่ยากว่าน่าจะยังไม่ได้ทานอะไรมาแน่นอน
“ค่ะ แล้ว..กาแฟสูตรยังไงคะ”
คนถูกไหว้วานถาม แต่ละคนย่อมมีนิสัยการกินไม่เหมือนกัน
อย่างปิยะรัฐมักจะทานกาแฟที่ไม่ขมและใส่นมมากกว่าปกติกาแฟนี่แทบจะติดปลายช้อนชาเลยล่ะ
เหมือนขอแค่กลิ่นอย่างไงอย่างนั้น
“...โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ไปชงเอง
ฝากพิมพ์ตรงนั้นต่อที ต่อจากที่ขีดทิ้งน่ะ” ศิรินกล้าไว้ใจให้ซาบีน่าทำ
ตลอดระยะเวลาที่เธอมาทำงานที่นี่เกอบจะหกเดือนนี้อีกคนก็ช่วยตลอดบางทีก็ฝากเอกสารสำคัญไปให้ปิยะรัฐบ้างเมื่อมีงานด่วนเข้ามา
เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไง อีกอย่างไม่จำเป็นที่จะต้องคดโกงกัน
ปิยะรัฐเองก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนหากเสียก็เสียไปด้วยกันนี่แหลละ บางครั้งก็มีคุยกันตอนพักเที่ยงบ้าง
ปรึกษางานกันบ้าง และด้วยความเป็นเลขาก็จะสามารถเข้าใจการจดบันทึกของกันและกันได้
ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
“อาหารว่างค่ะ”
ศิรินบอกกล่าวแล้วเดินเอาถาดที่ใส่กาแฟหนึ่งแก้วละขนมปังปิ้งอีกสองแผ่นไปวางไว้บนโต๊ะของผู้เป็นนาย
แต่เจ้าของห้องกลับละสายตาจากเอกสารตรงหน้ามาส่งสายตาสงสัย
เพียงแวบเดียวก่อนจะก้มลงสนใจกระดาษตรงหน้าต่อ
“เมื่อครู่ในห้องประชุม
เห็นสีหน้าคุณไม่ค่อยดี คล้ายจะเป็นลม ก็เลยยกเข้ามาให้ค่ะ”
เมื่อไขข้อสงสัยในใจแล้ว
น้ำทิพย์จึงพยักหน้าเข้าใจทั้งๆที่สายตายังคงจดจ้องตัวอักษรที่เรียงรายในหน้ากระดาษ
คนที่เดินเข้ามาส่งจึงหมุนตัวเดินออกจากห้องเพื่อไปทำงานต่อ คนที่ทำเป็นไม่สนใจกลับเงยหน้าขึ้นมายกยิ้มบางๆ
ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วใบเล็กขึ้นมาดื่ม อื้มม .. กาแฟดำ ไม่ใส่น้ำตาล
ไม่ใส่ครีมเทียม ก่อนจะส่งขนมปังปิ้งเข้าปากเคี้ยวตุ้ย
พร้อมกับอ่านเอกสารเดิมซ้ำอีกรอบ
ยอมรับว่าที่อ่านเมื่อกี้ไม่ได้เข้าหัวเลยสักนิดเดียว
เป็นอีกครั้งที่การกระทำของอีกคนทำให้ตัวน้ำทิพย์ต้องนึกถึงเรื่องเก่าๆ
ศิรินเป็นคนที่เอาใจใส่คนรอบตัวมาก ในขณะที่เรียนด้วยกัน
คณะที่น้ำทิพย์เรียนมักมีเหตุให้ต้องนอนดึกตื่นเช้าเป็นประจำบางครั้งยังไม่ทันนอนก็ได้เวลาไปเรียนแล้ว
แต่ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น น้ำทิพย์มักจะชอบอัดกาแฟดำเพียวๆเสมอ
แม้จะไม่ดีต่อร่างกายและสมอง และเป็นสิ่งที่คนหน้าหมวยมักจะปรามอยู่เสมอ
แต่ด้วยลูกอ้อนเล็กๆก็ทำให้ศิรินยอมได้ยาก แจะไม่สนับสนุน
แต่เมื่อยามจำเป็นก็ต้องยอมปล่อยไป
โดยไม่ลืมจะซื้อขนมปังปิ้งมาให้ทานคู่ด้วยทุกครั้งไป เพราะเราจะต้องมาเจอหน้ากันก่อนไปเรียน
เกือบทุกวัน ยกเว้นช่วงที่น้ำทิพย์ต้องไปพรีเซนต์งานจึงไม่ได้เจอ
นับเป็นช่วงเวลาที่ทำให้น้ำทิพย์ยิ่งรักศิรินในความเอาใจใส่นี้แม้อาจเป็นเรื่องเล็กๆที่บางคู่อาจแค่โทรบอกกันว่าอย่าลืมทานข้าวนะ
แต่กับศิรินไม่ใช่ เธอมักจะซื้อมาให้เลยดีกว่า
ไอ้บี อย่าไปคิดว่าเขาจะจำได้
มันก็เป็นสิ่งที่จะทำให้คนง่วงๆจะตื่นได้ทุกคนนั่นแหละ ออกจากหัวไปสักทีสิวะ คิดพลางสะบัดศีรษะไปมาเพื่อไล่ความคิดบ้าๆออกจากหัวไป
แล้วเพ่งสมาธิไปกับงานตรงหน้าอย่างเต็มที่
“บอสครับ รถพร้อมแล้วนะครับ”
เอนกประสงค์หมายเลข 1 อย่างธนัทโผล่หน้าผ่านประตูที่เปิดแง้มไว้นิดหน่อยโดยเจ้าตัวเอง
แล้วบอกกล่าวแก่คนด้านใน
ประธานร่างสูงจึงกดล็อกหน้าจอแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบเสื้อสูทตัวนอกมาถือไว้แล้วเดินออกจากห้องตามไป
แต่เมื่อมาถึงรถกลับไม่พบหน้าของคนที่จะไปด้วย ร่างสูงจึงสอดตัวเข้าไปนั่งรอในรถ ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
11.20 อีกเพียงครึ่งชั่วโมงกับการเดินทางในเวลาที่คนพักกลางวันเช่นนี้เห็นทีจะไม่ทันการ
กำลังจะเอ่ยปากบอกให้ราเชนทร์ออกรถ
ประตูด้านข้างตัวที่ว่างกลับถูกเคาะอย่างมีมารยาทก่อนที่พลขับจะปลดล็อกประตูให้อีกคนขึ้นมา
“ขอโทษที่ช้าค่ะ” เมื่อขึ้นมานั่งจึงกล่าวออกไป
ทุกครั้งที่มีนัดข้างนอกน้ำทิพย์จะเดินทางก่อนเวลานัด 45 นาที
เพื่อเลี่ยงปัญหาการจราจรแล้วได้ไปเตรียมตัวรอคู่ค้า
แต่ครั้งนี้ตัวเธอเองที่ช้าเพราะมัวแต่ไปรอเอกสารที่สั่งปรินท์อยู่
“ช้าไป 5 นาที รู้ไหมทุกๆนาทีของ BNT
มีค่ามากกว่า เงินเดือนทั้งปีของเธอเสียอีกนะ”น้ำทิพย์พูดทั้งๆที่สายตายังคงทอดมองไปด้านนอกตัวรถ
คนถูกกล่าวถึงได้แต่นั่งเงียบเพราะครั้งนี้เธอผิดจริง
“อ้อ.. แล้วอีกอย่างที่นี่ไม่ใช่บริษัทของสามีเธอ
ที่จะได้มีใครถือหางเธอให้พ้นจากความผิด จำเอาไว้ให้ขึ้นใจล่ะ” จบประโยครถซีดานคันเก่งก็ตกอยู่ในความเงียบจนล้อเคลื่อนมาถึงสถานที่นัดหมายร่างสูงของประธานบริษัทก้าวลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว
แต่ถูกขัดด้วยเสียงของคนตัวเล็กที่เคยนั่งข้างกันเมื่อครู่
“ด้านนี้ค่ะ ท่านประธาน”
ศิรินพูดแล้วผายมือให้อีกคนเดินมาทางเดียวกัน
“โต๊ะที่จองไว้จาก BNT Property ค่ะ”
เลขาสาวพูดกับพนักงานที่เดินมาต้อนรับ แล้วเดินตามทางที่พนักงานบอก
“คุณคริสโทร มาจองไว้แล้วเหรอครับ” ธนัทที่เดินตามมา
ถามคนตัวเล็กอย่างอึ้งๆ
เพราะร้านอาหารนี้ไม่สามารถจองข้ามวันได้เพราะเขาต้องการนัดที่แน่นอนเพราะหลายครั้งที่ร้านอาหารมักจะถูกยกเลิก
เมื่อใกล้ถึงวัน ด้วยบรรยากาศร้านและตำแหน่งที่ตั้งใจกลางเมืองแบบนี้
มักจะถูกใช้เป็นสถานที่ขอแต่งงาน ฉลองวันครบรอบ วันพิเศษแก่คยพิเศษ
ซึ่งส่วนใหญ่โทรมาจองข้ามสัปดาห์แต่พอใกล้วันดันทะเลาะกันซะนี่
เป็นอันต้องถูกยกเลิกไป ร้านนี้จึงหลีกเลี่ยงปัญหานั้นด้วยการให้จองก่อนจะเดินทางมาเพียงหนึ่งชั่วโมงหรือมากที่สุดคือ
ห้าชั่วโมง
ไม่ได้เป็นอุปสรรคแก่พนักงานร้านหรือพ่อครัวที่จะจัดเตรียมอาหารไว้ให้ทัน
“ค่ะ
เมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนนี้เองค่ะ
พอดีนึกได้ว่าโทรมาจองแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่ทราบวันนัดคุยสัญญาที่แน่นอน แต่ทางร้านบอกว่าถึงวันให้โทรมายืนยันอีกครั้ง
ไม่อย่างนั้นเขาจะถือว่าเราไม่ได้จองค่ะ”
“ผมก็คิดว่าจะต้องมาหาเอาดาบหน้าซะอีก
ยิ่งใกล้เที่ยงแบบนี้ โต๊ะหายากเสียด้วย ผมเคยโทรจองนะครับ
แต่พอไปถึงกลับไม่มีโต๊ะว่างซะนี่ ยังไงร้านเขาก็ต้องเอาที่แน่นอนไว้สิเนอะ
จริงไหมครับ”
“นั่นนะสิคะ”
“แต่ผมก็ลืมโทรไปยืนยัน นี่สิครับ
ความโก๊ะของผม ฮาฮ่า ดีนะครับที่ผมไม่ได้เป็นคนรับผิดชอบวันนี้”
“ไม่อย่างนั้น คงได้ไปวนหาร้านอื่น
ไม่แน่เสียลูกค้าอย่างคุณเควินไปด้วยแน่ๆ เลยค่ะ”
“คุณคริสก็ว่าผม แต่ก็จริงอย่างนั้น
ยอมรับก็ได้ครับ”
เสียงพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนิทสนมทำให้คนที่เดินนำมาอย่างน้ำทิพย์
นึกสงสัยไปสนิทกันตอนไหน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จนมาถึงโต๊ะ
ที่ออกไปมีเพียงสีหน้านิ่งเรียบไม่สื่ออารมณ์ความรู้สึกใดออกมา
ทำให้อีกสองคนที่เดินคุยกันมาตลอดทาง เงียบลงแล้วนั่งลงตามอย่างสงบเสงี่ยม
“สั่งอาหารไว้หรือยัง”
ร่างสูงโปร่งเอ่ยถามเสียงเรียบ
“เรียบร้อยค่ะ” ได้รับคำตอบแบบนั้น
คนถามจึงเงียบลงอีกครา ก่อนหยิบเอกสารที่ศิรินถือมาขึ้นมาเปิดอ่านฆ่าเวลาไปพลาง
“แล้วคุณเควิน
เขาจะรู้เหรอว่าเรานั่งกันตรงไหน”
“ดิฉันแจ้งไปทางเลขาของคุณเควินแล้วค่ะ”
สิ้นเสียงตอบ ร่างสูงกำยำตามสไตล์ชาวยุโรปก็ปรากฏแก่สายตาทั้งสี่คู่
น้ำทิพย์ยกยิ้มให้กับความรอบคอบแล้วการเตรียมการของคนที่เป็นเลขา
หลายครั้งที่มีการนัดลูกค้ามานอกสถานที่ศิรินไม่เคยทำให้เสียหน้าแม้แต่ครั้งเดียว
อย่างว่านั่นแหละ บริษัทเก่าอย่างอโนทัย คงจะฝึกมาอย่างดี
“สวัสดีครับ คุณน้ำทิพย์”
ภาษาไทยสำเนียงแบบฝรั่งถูกเอ่ยออกมาจากชายร่างสูงผมทอง
ก่อนจะยื่นมือมาแสดงความเป็นมิตรไมตรี
“สวัสดีค่ะ มิสเตอร์ เควิน เทริแกน”
ร่างสูงตอบรับไมตรีด้วยการยื่นมือไปสัมผัสก่อนจะเขย่าเชคแฮนด์กันเบาๆสองสามครั้ง
“เป็นเกียรติมากเลยนะคะ
ที่ได้ร่วมงานกับบริษัทใหญ่อย่าง CT ไม่คิดว่าคุณจะยอมมาลงทุนกับบริษัทเล็กๆอย่าง BNT ของเรา” น้ำทิพย์เอ่ยทันทีที่ทั้งตนเองและอีกฝ่ายนั่งลง
“ถึงจะเล็กแต่ขึ้นชื่อ
เรื่องคุณภาพและมีดีไซน์ที่แปลกใหม่ และมีรางวัลการันตีมากมาย ผมว่าผมรู้สึกเป็นเกียรติมากกว่าคุณอีกนะครับ
มิส น้ำทิพย์”
“ถ้าอย่างนั้นเป็นว่าเรา
เป็นเกียรติแก่กันและกันนะคะ” น้ำทิพย์พูดยิ้มๆ
“อันนี้คือแบบทั้งหมด ทั้งภายนอก
ภายใน และบริเวณโดยรอบ ตามที่เราต้องการทั้งหมด
ถ้าต้องการแก้ไขตรงไหนก็บอกได้เสมอนะคะ” ร่างสูงพูดพร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารที่ศิรินเพิ่งทำเสร็จไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า
ซึ่งเป็นในฉบับภาษาอังกฤษ เพื่อให้ง่ายต่ออีกคนมากที่สุด
เควินรับมาแล้วระบายยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะจรดปากกาเซ็นสัญญาร่วมลงทุนให้กับน้ำทิพย์หนึ่งฉบับ
และให้น้ำทิพย์เซ็นอีกหนึ่งฉบับเก็บไว้ที่บริษัทตนเอง สักพักอาหารก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟบนโต๊ะ
“ขออนุญาตแนะนำนะคะ
เมนูทั้งสี่อย่างนี้เป็นเมนูแนะนำ และห้ามพลาดของร้านนี้ค่ะ
ส่วนทางด้านนั้นอีกสองเมนูเป็นเมนูที่คริสคิดว่าถ้าได้มาเมืองไทยควรจะได้รับประทานค่ะ”
ศิรินเอ่ยขึ้นแนะนำอาหารที่ถูกยกมาเสิร์ฟ เควินยิ้มให้กับศิริน เมนูที่ศิรินแนะนำ
เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทานเลย เคยแต่เห็นในรายการอาหาร
เพราะเวลามาไทยทีไรก็มักจะถูกพาไปเลี้ยงในร้านอาหารฝรั่งเสียส่วนใหญ่
ไม่ค่อยได้พบอาหารไทยเท่าไร
“มิสซิส เซลีน
คุณก็ยังเหมือนเดิมนะครับ” เควินพูดทำให้ทั้งโต๊ะเกิคดวามสงสัย
เจ้าตัวเองก็สงสัยว่าอะไรคือเหมือนเดิมส วนคนอื่นสงสัยว่าเคยพบกันมาก่อนหรือ
“ฮึ ก็ทุกครั้งที่ผมได้พบกับคุณ
คุณมักจะสั่งอาหารไทยมาเสมอ และก็นี่...”
เควินเว้นช่วงท้ายประโยคก่อนจะรับเครื่องดื่มที่เพิ่งจะถูกยกมาเสิร์ฟ “ไวน์องุ่น
คุณก็ยังทำเหมือนเดิม ซึ่งถูกใจผมมากนะครับ”
“คุณโคดีมาเลยนะครับ ที่ได้มิสซิส
เซลีนมาร่วมงาน” เควินหันไปพูดกับน้ำทิพย์
“โชคดี?”
“เยส โชคดี แบบ Very lucky คุณรู้ไหม
ทุกครั้งที่ผมมาเมืองไทย พบมิสซิส เซลีน เธอสามารถสั่งอาหารได้ถูกปากผมมาก
รู้ว่าผมชอบดื่มไวน์องุ่น
ทานเผ็ดมากไม่ได้ แต่ก็ไม่ทานอาหารจืด และผมก็อยากทานอาหารไทยมาก
ซึ่งบริษัทอื่นไม่เคยพาผมไปทานเลย ชอบพาไปร้านอาหารฝรั่ง ทั้งที่อยู่ที่บ้านผม
ผมก็ทานแบบนั้นแทบทุกวัน”
“อย่างนั้นหรือคะ”
“ใช่ครับ เธอเอาใจใส่ทุกรายละเอียด
แม้บางเรื่องเป็นเรื่องเล็กๆที่คนอื่นมองข้าม
แต่มันก็สามารถสร้างความประทับใจให้ผมมากนะครับ ถ้าไม่ติดว่า Mrs.Celine แต่งงานแล้วละก็
ผมจะจีบเธอให้ได้ ทั้งเก่งและไหวพริบดีแบบนี้ใครได้เป็นภรรยาคู่คิด
คู่ชีวิตโชคดีมาเลยนะครับ ผมล่ะอยากเป็น Mr.Porama จะแย่”
เควินพูดโดยนัยน์ตาเจือด้วยความจริงใจร้อยเปอร์เซ็นต์
ว่าเขาหมายความตามนั้นจริงๆไม่ได้เยินยอเกินความจริงแม้แต่น้อย
แม้แต่ลูกค้าที่พบกันไม่กี่ครั้งก็ยังตกหลุมรักเธออย่างนั้นเหรอ
ชกจะไม่แน่ใจว่าเธอเป็นคนยังไงกันแน่ เอาใจใส่หรือเต็มใจอ่อยเหยื่อกันแน่ เควิน
เทร์ริแกน รวยไม่เบานี่
คนได้ฟังทำเพียงยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะชวนอีกฝ่ายคุยออกเรื่องอื่น
สัพเพเหระไปทั่ว จนอิ่มท้องกันทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับ
ตั้งแต่บนโต๊ะอาหารจนถึงในตอนนี้ที่นั่งอยู่บนรถ
น้ำทิพย์ยังไม่เปิดปากพูดกับศิรินสักคำ
ศิรินเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร สักพักเสียงโทรศัพท์ของร่างเล็กดังขึ้น
หน้าจอโชว์หรา ปั้นจั่น
น้ำทิพย์ที่ชำเลืองสายตามามองพอดี ฮึ
สามีคงรู้แล้วสินะ
(นี่คริส
วันนี้ไปคุยงานกับคุณเควินมาเหรอ)
“อื้อ คุณเควินโทรไปบอกปั้นเหรอ”
(ใช่จ้า แล้วเค้ายังบอกอีกว่า
แกน่ะทำให้เขาตกหลุมรักแกอีกแล้ว)
“เขาก็พูดเกินไปนั้นแหละปั้น”
(นี่หย่ากับฉันแล้วไปแต่งงานกับเขาซะไป
ดูท่าจะหลงแกหัวปักหัวปำ)
“นี่พ่อไม่อยู่ตรงนั้นใช่ไหม”
(ถูกต้อง
ฉันล็อคห้องเรียบร้อยจะมาเมาท์กับแกเนี่ย ต้องรอบคอบ)
“โอเค
อย่างนั้นไว้เลิกงานค่อยคุยกันนะ บาย”
พอพูดจบก็กดตัดสายเป็นเวลาพอดีกับที่รถเคลื่อนมาถึงหน้า
BNT พอดี
ร่างสูงของน้ำทิพย์ลงจากรถได้ก็เดินนำเข้าลิฟต์ไป ตามติดด้วยร่างเล็กของเลขาหน้าหมวย
ไร้เงาเอนกประสงค์ทั้งสอง
เพราะราเชนทร์ต้องเอารถไปเก็บส่วนธนัทถูกโทรตามตัวไปทำงานด่วน
ในกล่องเหล็กนี้จึงมีเพียงหญิงสาวต่างไซส์เพียงสองเท่านั้น
“สามีโทรตามหึงหรือยังไง”
น้ำทิพย์อดที่จะแขวะไม่ได้
“....ค่ะ พอดีคุณเควินโทรไปหาเขา
เขาเลยโทรมาถามอีกครั้ง”
“เฮอะ สามีเธอนี่ใจกว้างดีนะ
ใครมาชม มาเกี้ยวภรรยาตัวเอง ไม่โวยวายสักคำ”
“เขาโต และก็แยกแยะได้ค่ะ
ว่านี่คืองานที่ฉันต้องทำ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว”
“การทำให้ลูกค้าพอใจก็ถูกว่านั่นคืองาน
แต่การไปรู้ใจ เอาใจลูกค้า ฉันว่ามันจะเกินหน้าที่ของเลขาเกินไป ถ้าคิดจะหาทางจับคนรวยๆ
อย่าเอาหน้าที่การงานมาบังหน้า
และฉันขอเดาเลยว่าเธอไม่ได้หวังให้แค่เขาพอใจในงานของบริษัท แต่แอบหวังให้เขาพอใจตัวเธอด้วย”
น้ำทิพย์ว่าแล้วขยับดันอีกฝ่ายไปจนติดผนังลิฟต์ด้านหนึ่ง
“ถ้าท่านประธานพอใจจะคิดแบบนั้นก็เชิญค่ะ”
“เพราะว่ามันคือความจริง ถ้าเก่งเรื่องอ่านใจคน เดาใจคน
ลองอ่านใจฉันตอนนี้สิว่าฉันรู้สึกยังไง ต้องการอะไร”
ร่างสูงว่าพลางพาใบหน้าคมเข้าใกล้อีกคนมากขึ้น
ศิรินหลับตาลงหันหน้าหนีการรุกรานของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่พ้นริมฝีปากบางของคนตัวสูงกดหนักลงบนปากของคนตัวเล็กค้างไว้สักพัก
ก่อนจะผละออกมา
“...รู้สึกถึงความเกลียด ความโกรธ
หรือความโง่ของฉันบ้างไหม โง่ที่หลงเชื่อเธอมาตลอดว่าเงินซื้อเธอไม่ได้
แต่หกเดือนที่ผ่านมา ไม่สิ ตั้งแต่วันแรกที่เห็นเธอที่นี่ เธอก็ทำให้ฉันรู้ว่า
เงินซื้อเธอได้เหมือนผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมาในชีวิตฉัน”
น้ำทิพย์หยิบโทรศัพท์ออกมากดสักพัก
ก่อนที่โทรศัพท์ของศิรินจะส่งเสียงเตือน น้ำทิพย์ทำหน้าให้ศิรินหยิบออกมาดู
บนหน้าจอล็อกแสดงการแจ้งเตือน
13.53 [NetBank]
มีการโอน 10,000 บ. เข้าบัญชีของคุณ แตะสองครั้งเพื่อดูรายละเอียด
ศิรินเงยหน้าสบตากับเจ้าของบัญชีต้นทาง
ด้วยแววตาไม่พอใจ แต่อีกฝ่ายกลับยกยิ้มยียวน แล้วก้มมากระซิบใกล้ๆใบหู
“ถือว่าเป็นค่าที่เธอทำให้พอใจแล้วกัน
ค่าจูบเมื่อกี้” ว่าจบก็เดินออกจากลิฟต์ไป
ไม่วายหันหลังมาพูดตอกใส่หน้าร่างเล็กอีกครั้ง
“แต่ถ้ายังไม่พอ..อยากได้เพิ่ม ก็มาทำให้ฉันพอใจมากกว่าเดิมสิ”
พูดจบก็เดินไปทางห้องของตนเองทันที ทิ้งให้ศิรินยืนน้ำตารื้นที่ขอบตาเล็ก ทั้งโกรธ
เสียใจ เจ็บใจ สมเพชตัวเอง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จึงก้าวเดินตรงไปคนละทางกับอีกคน
เดินไปจนถึงห้องน้ำหญิง เปิดเข้าไปแล้วกดล็อกประตู ขาหมดเรี่ยวแรงจะยืน
ทรุดตัวลงพิงประตูก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา
ปล่อยความอึดอัดที่จุกอยู่ในอกให้ออกมาจนตัวสะท้านไหวตามแรงสะอื้นแต่ก็พยายามเม้มปากไม่ไหวเสียงลอดออกไป
วาดแขนกอดรอบตัวเองไว้หวังจะบรรเทาความรู้สึกแย่ๆนี้ออกไป
ก่อนที่เสียงโทรศัพท์เครื่องเดิมดังขึ้นอีกครั้ง หยิบออกมาดูชื่อแล้วรีบกดรับสายทันที
“
....พลอย!”
เรียกชื่ออีกแล้วสะอื้นหนักกว่าเดิม อย่างสุดจะกลั้น
(พี่คริส
พี่คริส เป็นอะไร!!)
To
be continued
- ZanonZane -
[TALK} : Anniversary2 Years 4 month with Beecris
หายไปอีกแล้ว และก็กลับมาแล้ว ช่วงนี้ไม่มีเน็ตมาเปิดให้อ่านเลย
ที่บ้านถอดWi-Fi
ออก เลยมาช้าๆหน่อยนะ
ยังไงไม่เทแน่นอน
ขอบคุณสำหรับคนที่เข้ามาอ่านและแสดงความเห็นทุกคนเลยเป็นกำลังใจดีมาก
เขียนแล้วมีคนอ่านมีคนรอก็นับว่าเป็นรางวัลแล้วนะ หวังว่าจะรอคอยและติดตามกันต่อไปนะคะ
รัก
ZenonZane
ความคิดเห็น