ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { Hidden Love ร้ายซ่อนรัก } [ บีคริส ]

    ลำดับตอนที่ #13 : Relationship

    • อัปเดตล่าสุด 23 ม.ค. 61


         

      R E L A T I O N S H I P  


         นับตั้งแต่วันนั้นมาก็สองวันแล้วทั้งคู่ก็ไม่ได้พบหน้ากันเลย เพราะศิรินเองก็ยุ่งวิ่งไปมาบริษัทและโรงพยาบาล แต่นั่นก็นับว่าเป็นผลดีเพราะทำให้เธอไม่ฟุ้งซ่านไปถึงเรื่องบ้าๆในร้านอาหารวันนั้น ส่วนทางคนก่อเรื่องเองก็ไม่ได้ไปทำงานเพราะคำสั่งประกาศิตของมาดามเมทินีสั่งให้เขาพักงานอยู่ที่คอนโดยาวโดยคอยคุมอยู่ตลอดแต่ก็ใช่ว่าแต่ละวันจะผ่านไปเฉยๆ ตัวเขาเองก็ทำงานที่ให้อเนกประสงค์ขนมาให้ทุกวัน 
    "วันงานบ้านพลอยแกมีคนจะไปด้วยรึยัง" หญิงรูปร่างสูงผู้เป็นแม่เอ่ยถามพลางนั่งอ่านหนังสือแฟชั่นบนโซฟา ที่ถัดออกไประยะหนึ่งคือโต๊ะทำงานของผู้ถูกถาม
    "ทำไมอ่ะ" น้ำทิพย์ถามพลางละสายตาจากกระดาษเอสี่ที่มีตัวหนังสือเรียงรายตรงหน้า
    "ก็เปล๊า แค่ถามดู" เมทินีหันมาเลิกคิ้วสูงพร้อมกับส่งเสียงตอบไป
    "ไม่ใช่ว่าอะไรแผลงๆนะ บีบอกเลยว่าบีไม่ชอบเซอร์ไพร์ส" คนเป็นลูกพูดดักคอไว้ก่อน
    "แกนี่เหมือนพ่อแกจริงๆเลยนะ ลดลงบ้างก็ได้พวกฟอร์มจัด" เมทินีพูดพลางย่นจมูกใส่ น้ำทิพย์ไม่ได้อบอะไรเพราะเสียงเรียกเข้าจากเครื่องมือสื่อสารยี่ห้อดังแผดเสียงขึ้นก่อน 
    MayPitch :')
    "สวัสดีค่ะ เมย์" น้ำทิพย์รับสายพลางเลื่อนเก้าอี้ออกห่างจากโต๊ะก่อนจะเดินไปทางหน้าต่างห้องที่เป้นกระจกสามารถมองเห็นได้เกือบทั่วของเมืองหลวงแห่งนี้
    'เห็นว่าบีไม่สบายเหรอคะ' เสียงใสของเจ้าของหายเลขดังเข้ามา
    "ใครบอกเมย์" น้ำทิพย์ถามพลางเลิกคิ้วสงสัย อย่างกับว่าอีกฝ่ายจะรับรู้
    'พอดีวันนี้เมย์แวะมาหาบีที่บริษัทน่ะ'
    "อ่อ แล้วมีธุระอะไรรึเปล่าคะ"
    'ไม่มีธุระ มาหาไม่ได้เหรอคะ ใช่สิ เมย์ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นนี่'
    "ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย สำหรับเมย์มาหาบีได้ตลอดเลยค่ะ"
    'งั้นเมย์ไม่กวนแล้วค่ะ ยังไงก็หายไวๆนะคะ คิดถึงนะ'
    "ค่ะ ขอบคุณนะคะ" พอตัดสายไป ร่างสูงจึงกลับตัวจะเดินกลับมาทำงานก็ต้องสะดุ้งเกือบสุดตัว เมื่อพบกับคนเป็นแม่ที่ควรจะนั่งอยู่บนโซฟา กลับมายืนิยู่ห่างจากตัวเขาเพียงเล็กน้อย "แม่ !!"
    "อะไร อย่างกับเห็นผี แล้วคุยซะหวานขนาดนี้ มดเดินจนหายาฉีดไม่ทันแล้ว" เมทินีแกล้งแซวลูกสาวแต่คนเป็นลูกไร้ท่าทีเขินอาย 
    "เกินไปนะแม่ อีกอย่างบีกับเมย์ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย" น้ำทิพย์ตอบแล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ล้อเลื่อนตัวเดิมอย่างไม่ใส่ใจมากนัก
    " หนูเมย์ พิชญ์นาฏ ลูกสาวสื่อรายใหญ่น่ะนะ" คุณเมทินีถามเสียงดัง พลางนึกถึงสาวสวยผิวขาวราวน้ำนม ลูกสาว SK Entertainment 
    "อื้อ แม่จะเสียงดังทำไมเนี่ย" น้ำทิพย์พูดตอบไป
    " เอ้อ ให้ได้แบบนี้สิ เป็นแค่เบดเฟรนด์อย่างนั้น"
    "ก็ไม่เชิงหรอก ไม่มีสถานะด้วยซ้ำไป ต่างคนต่างมีความสุขไม่มีการครอบครอง ถือสิทธิ์ในตัวใคร วินวิน" น้ำทิพย์ตอบกลับมา นั่นทำให้เมทินีนึกไปถึงบุคคลที่เป็นผู้บังเกิดเกล้าของคนร่างสูง เหมือนกันอย่างกับแกะ เพราะพ่อของน้ำทิพย์ก่อนจะมาแต่งงานกับตน ก็เพลย์บอยไปทั่วไม่ผูกมัดไม่มีเจ้าของ ไม่ได้มีสถานะมายืนยันว่าคนๆนั้นมีสิทธิ์หึงหวงหากเขาไปพบคนที่ถูกใจมากกว่า จะมีก็แค่ตัวเธอเองที่เขายอมเอ่ยปากกับเพื่อนว่าเธอคือแฟนของเขา
    "เย็นนี้เดี๋ยวไปลองชุดนะ แม่สั่งตัดแล้วเรียบร้อย" 
    "ชุดอะไรแม่"
    "ก็ชุดที่จะไปงานนี่แหละ งานฉลองโรงพยาบาลอันดับต้นๆแกจะมาใส่สูทที่แกใส่ทำงานมาแล้ว ให้เกียรติเจ้าของงานหน่อย" เมทินีพูดก่อนะเดินไปหยิบเสื้อคลุมตัวยาวมือถือไว้พร้อมกับแว่นกันแดด จนคนเป็นลูกอดสงสัยไม่ได้
    "แล้วนี่แม่จะไปไหน"
    "จะออกไปหาคุณประภา อ้อ แล้วเจอกันที่ร้าน Vatanika นะ ขับรถไว้อยู่หรอกนะ"
    "ค่ะ" น้ำทิพย์ตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะก้มหน้าลงอ่านเอกสารตรงหน้าต่อ ส่วนอีกคนก็เดินออกจากห้องไปเรียบร้อย น้ำทิพย์นั่งทำงานฆ่าเวลาไปพลางสายตาแอบเหลือไปเห็นกล่องข้าวที่วางล้างไว้แล้วอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวระดับสายตาทางด้านซ้ายมือพอดี จนทำให้ฟุ้งซ่านนึกถึง เจ้าของกล่องใบนั้น มือเรียวทันใจหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูมาถือไว้ก่อนจะกดเข้าแอพพลิเคชั่นแชท
    Celine
    14.30  ไม่มาเอาคืนไปรึไง 
    14.30 Bee sent a photo
    ข้อความถูกส่งไปพร้อมกับรูปที่ถ่ายจากมุมที่ตัวเองนั่งอยู่เห็นกล่องข้าวชัดๆ แม้จะรู้ว่าอีกคนยังไม่ว่างอ่านในเวลานี้หรอก ก่อนจะทิ้งมือถึงไว้แล้วเดินไปอาบน้ำชำระร่างกายเตรียมตัวไปห้องเสื้อที่แม่ตนนัดเอาไว้ 

    ทางด้านของคนที่ออกมาจากคอนโดลูกสาวตัวสูงก็เดินทางไปพบคุณหญิงประภา ถามไถ่คุยกันสัพเพเหระสักพักก็แยกกันกลับ โดยที่จุดมุ่งหมายของเมทินีนั้นคือ บริษัท BNT Property 
    "สวัสดีครับมาดาม" เสียงทักขึ้นทันทีที่หญิงวัยกลางคนเดินเข้าตึกมาเพราะเธอนั้นได้โทรมาบอกก่อนแล้วเพื่อกันใครอีกคนจะกลับบ้านก่อน
    "ทำงานดีแบบนี้สงสัยต้องบอกเจ้าบีให้เพิ่มโบนัสให้ล่ะมั้งเนี่ย ราเชนทร์" 
    "ก็ดีสิครับมาดาม ให้ผมไปตามคุณศิรินให้เลยรึเปล่าครับ" คนถูกชมพูดพลางยิ้มตอบไปด้วยก่อนจะถามขึ้น 
    "คริสมาแล้วค่ะ" ไม่รอให้คนต้องเดินไปใ้เหนื่อยศิรินรีบเดินลงมาเพราะคุณเมทินี ฝากราเชนทร์ให้บอกเธอไว้ว่าจะมาพบในเวลา 14.00 นาฬิกา นี่ก็ไม่ขาดไม่เกิน
    "ตรงเวลาดี ใช้ได้ ไปกัน" เมทินีพูดก่อนจะกลับตัวเดินนำไปขึ้นรถ ราเชนทร์ก้มศีรษะลงเป็นการบอกลาแล้วเดินกลับเข้าไปทำงานของตนต่อ 
    "นี่มาทำงานกับบีนานรึยังล่ะ" คุณหญิงเอ่ยเปิดประเด็นทำลายความเงียบบนรถ
    "จะครึ่งปีแล้วค่ะ แล้วนี่เรากำลังจะไปไหนกันหรือคะ" ศิรินถามพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เพราะวันี้พีทกลับไปเรียนแล้วหลังจากลาป่วยมาสองวันติด
    "ไม่ต้องห่วงนะ หนูไปรับลูกทันแน่นอนจ้ะ" เมทินีตอบพอดีกับที่รถจอดตรงหน้าร้านเสื้อที่ตนนัดเอาไว้ จึงลงจากรก่อนที่คู่สนทนาจะเดินตามลงมาติดๆ
    "สวัสดีค่ะ คุณป้า" เจ้าของห้องเสื้อยกมือขึ้นพร้อมกับกล่าวสวสัดีทันทีที่เมทินีก้าวเข้ามาในร้าน
    "สวัสดีจ้ะหนูแพร นี่ยัยบีมาหรือยัง" เมทินีรับไหว้ก่อนจะเดินตามกันเข้าไปนั่งในร้าน
    "มาแล้วค่ะ แพรให้ดูแบบแล้ว แล้วนี่..." 
    "อ้อ หนูคริส ที่ป้าบอกไว้ พาไปลองชุดดูสิ" เมทินีว่าพลางดันตัวศิรินไปด้วย ศิรินจึงจำไจเดินตามเข้าไปในห้องลองชุดแม้จะยังไม่เข้าใจสถานการณ์สักเท่าไร
    "คุณชื่อคริส ถูกไหมคะ ส่วนฉันชื่อแพร แพร วทานิกาเป็นเจ้าของห้องเสื้อนี้ค่ะ" วทานิกาแนะนำตัวอย่างเป็นมิตร
    "ค่ะ ฉันคริส ศิรินค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ" ศิรินจึงตอบรับไมตรีด้วยไมตรีเช่นเดียวกัน 
    "ชุดนี้นะคะ คุณป้าตาถึงจริงเชียว แพรว่าต้องเหมาะกับคุณคริสแน่ๆเลยค่ะ" เจ้าของห้องเสื้อพูดพร้อมกับหยิบชุดหนึ่งชุดส่งให้กับศิริน ให้เข้าไปลองสวมดูเผื่อจะต้องแก้ตรงไหนบ้าง ซึ่งตัววทานิกาเองก็เข้าไปด้วย
    ศิรินที่พอเดินเข้าไปในห้องลองก้ต้องหน้าซีดเมื่อพบว่าชุดที่เมทินีเลือกให้นั้นเป็นชุดเดรสเข้ารูปที่ส่วนบนแทบจะไม่มีอะไรและด้านล่างก็แหวกขึ้นมาจนแทบจะไม่ต้องสวมใส่แล้ว

    นั่นทำให้ศิรินไม่กล้าแม้แต่จะหันมองตัวเองในกระจกด้วยซ้ำเพราะตนห่างหายจากการแต่งตัวแบบนี้ไปนานมาแล้วทำให้ความมั่นใจในตัวเองที่มีลดน้อยลงตามไปด้วย
    "คุณคริสคะ ใส่ได้หรือเปล่าคะ มีปัญหาอะไรให้แพรช่วยไหมคะ" เสียงดังจาวทานิกาที่ยืนอยู่ด้านนอกเรียกสติศิรินให้กลับมา ก่อนจะค่อยๆเปิดประตูห้องลองเสื้อออกไปอย่างเขินๆ 
    "สวยมากเลยค่ะ คุณป้านี่ตาถึงจริงๆ" วทานิกาเอ่ยปากชมเมื่อชุดที่ทางร้านของตนออกแบบนั้นว่าสวยแล้วแต่เมื่อมาอยู่บนร่างกายของผู้หญิงคนนี้ยิ่งดูสวยขึ้นไปอีกเหมือนตัดมาให้คนๆนี้ใส่โดยเฉพาะอย่างไงอย่างนั้น
    "คริสว่ามันโป๊ไปนะคะ คริสเปลี่ยนคืนดีกว่า" ศิรินว่าพลางหมุนตัวกลับไปทางเดิมที่เพิ่งจะออกมา แต่ถูกอีกคนห้ามไว้เสียก่อน
    "ยังไงก็ออกไปให้คุณป้าดูสักนิดก็ยังดีนะคะ แล้วจะว่ายังไงก็ไว้ทีหลัง นะคะ นะ" วทานิกาว่าพรอ้มกับใส่ลูกอ้อนลงไปให้อีกคนยอมใจอ่อนศิรินจึงค่อยๆเดินออกไปมือก็พะวงกับการดึงให้รอยแหวกนั้นลงมาสักนิด 
    "ว้าว! บิวตี้ฟูลมาก" คุณเมทินีร้องออกมาด้วยความตะลึงกับความสวยของหญิงร่างเล็กตรงหน้า เสียงนั้นทำให้น้ำทิพย์ที่นั่งก้มตอบข้อความลูกค้าอยู่ข้างกันเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะสบตากับศิรินนิ่งเหมือนกับถูกหยุดเวลาเอาไว้ สวย คงเป็นคำเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขา
    "น้ำลายหกแล้ว" เมทินีแกล้งพูดให้ได้ยินแค่สองคน น้ำทิพย์จึงหลุดออกจากพวังค์ หันไปสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ เมทินีจึงลุกเดินไปสำรวจรอบๆตัวของศิรินพลางชมไม่หยุดปาก ก่อนจะบอกให้วทานิกาพาศิรินไปเปลี่ยนชุดอีกครั้งเพราะตนเลือกมาไว้แล้วอยากลองดูทุกชุด ซึ่งจะใช้ในงานพิธีต่างกันซึ่งงานวันมะรืนที่จะเกิดขึ้นมีทั้งขั้นตอนพิธีที่ชุดต้องสวยงามในธีมสีขาวและมีปาร์ตี้หลังงานอีกที่เน้นเดินสบายและอยากให้เป็นสีเข้ม ซึ่งเธอได้เตรียมไว้แล้ว
                                 


    " เอาเป็นว่าส่งทั้งสามชุดไปบ้านหนูคริสเลยนะ " เมทินีตัดสินใจหลังจากเห็นศิรินลองชุดทั้งหมดที่ตนเลือก แล้วกำลังเดินเข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดเดิมออกมา "ส่วนของเจ้าบีก็ส่งที่อยู่ที่ให้ไว้นะ" 
    "ค่ะ" วทานิการับคำก่อนจะวางกระดาษไว้รอศิรินมาเขียนที่อยู่
    "หนูคริส มาเขียนที่อยู่ให้แพรเขาหน่อยสิ" เมทินีพูดพร้อมกับกวักมือเรียกศิรินมา
    "เอ่อ..คริสคิดว่าคุณหญิงจะแค่ให้มาลองให้คนอื่นเฉยๆ คริสคงรับไว้ไม่ได้หรอกคะ อีกอย่างวันงานคริสเองยังไม่แน่ใจเลยว่าคริสจะว่างไปหรือเปล่า" ศิรินตอบกลับไป
    "จะไปหาสามีหรือไง ถึงไม่ว่าง ผู้ใหญ่ให้ก็ควรรับไว้" น้ำทิพย์สวนขึ้นทันควัน
    "คริสรับไว้ไม่ได้จริงๆคะ" ศิรินยังคงยืนยันคำเดิม 
     "เธอต้องไป งานนี้เราไปนามบริษัทอย่าให้ผู้คนตราหน้าว่าเลขาฉันทิ้งงานอยู่กับผู้ชาย" น้ำทิพย์จึงใช้ไม้แข็งพูดขึ้นมา
    "รีบเขียนที่อยู่ซะสิ จะไม่ทันไปรับลูกเธอนะ" ศิรินจึงจำใจก้มลงเขียนที่อยู่ลงบนกระดาษก่อนจะส่งให้วทานิกา ทั้งสามจึงกล่าวลาวทานิกาแล้วออกจากร้านไป เมื่อมาถึงรถเมทินีกลับชิ่งหนีขึ้นรถกลับไปก่อนเพียงคนเดียว ส่วนน้ำทิพย์ก็แยกตัวไปเก่อนแล้ว ส่งผลให้ศิริน รีบมองหารถประจำทางที่จะไปให้ทันเวลาเลิกของโรงเรียนลูกชาย ไม่ทันไรก็มีรถซีดานคันหรูเคลื่อนมาจอดเทียบหน้าทางเท้าที่ตนยืนอยู่ พร้อมกับการลดกระจกลงของคนขับรถ "ขึ้นมาสิ เดี๋ยวลูกเธอก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งพอดี" เสียงจากคนขับตัวสูงดังออกมา ร่างเล็กจึงเปิดประตูเข้าไปนั่งพร้อมกับดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้
    ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหน้าโรงเรียนอนุบาลที่คุ้นเคย ศิรินก้าวลงจากรถแล้วหันมาขอบคุณคนที่มาส่ง
    "รีบไปรีบมา รถจอดนานไม่ได้" น้ำทิพย์พูดเพียงแค่นั้น แล้วหันไปสนใจถนนด้านหน้ารอ ศิรินจึงรีบวิ่งเข้าไปในรั้วโรงเรียน ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับเด็กชายในชุดนักเรียนหน้าตาน่ารัก ก่อนจะเปิดประตูเข้ามานั่งแล้วดึงให้ลูกชายมานั่งบนตักด้วยกัน
    "พีทครับ สวัสดีเจ้านายหม่ามี้ก่อนครับ" ศิรินบอกกับเด็กที่นั่งอยู่บนตัก "สวัสดีคับ"
    "ไม่อึดอัดรึไง ให้เขานั่งข้างหลังก็ได้ที่นั่งก็มี" เจ้าของรถพูด เพราะไม่เข้าใจในเมื่อรถที่เขาอามาขับวันนี้คือซีดาน สี่ประตูธรรมดาไม่ใช่ซูเปอร์คาร์สองที่นั่งสักหน่อย
    "ไม่เป็นไรค่ะ ไม่นานก็ลงแล้ว" ศิรินตอบแล้วกระชับแขนกอดลูกชายไว้แน่น 
    "งั้นเอากระเป๋าออกเขาจะนั่งสบายๆ" น้ำทิพย์พูดพอดีกับรถที่เคลื่อนมาติดไฟแดง ที่ศิรินดูแล้วไม่ใช่ทางกลับบ้านของตน
    "คุณจะพาฉันไปไหนคะ" 
    "ไปถึงเดี๋ยวก็รู้" ร่างสูงทิ้งคำตอบให้เป็นปริศนาแล้วขับรถต่อไปเงียบๆ จนถึงที่หมายก็คือ ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง
    "ว้าว" เสียงร้องจากปากของเด็กตัวน้อย
    "พาเขาไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ไม่ใช่ไปกลับบ้าน-โรงเรียนเป็นวัฏจักรแบบนั้น เฉาตายพอดี" น้ำทิพย์พูดพร้อมกับดับเครื่องยนต์แล้วก้าวลงไป ศิรินจึงก้าวลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าที่ติดกายคนทั้งคู่
    "เอากระเป๋าไปทำไม เอาไว้ที่นี่แหละ" น้ำทิพย์ถือวิสาสะมาแกะเป้ของโรงเรียนออกจากหลังเด็กตัวน้อยแล้ววางไว้บนเบาะข้างคนขับแล้วกดล็อกรถทันที ก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้าง จุดแรกที่น้ำทิพย์พาทั้งคู่มาคือร้านอาหาร
    "สั่งเลย อยากกินอะไร" ร่างสูงพูดแล้วส่งเมนูอาหารให้ศิริน เด็กตัวเล็กก็คอยป้วนเปี้ยนช่วยเลือกอยู่เรื่อยๆ แต่สุดท้ายศิรินก็เลือกที่จะสั่งเพียงอย่างเดียว เมื่อได้รับอาหารที่สั่งแล้ว ทั้งสามก็ลงมือทานอาหารกันโดยมีเสียงดุของคนตัวเล็กเป็นระยะเมื่อลูกชายตัวดีเอาแต่เล่นไม่ยอมทานอาหาร
    เมื่อออกมาจากร้านอาหารแล้วน้ำทิพย์จึงพาทั้งคู่เดินเล่นทั่วห้าง จนสุดท้ายมาจบที่ร้านของเล่นที่เด็กชายตัวเล็กยืนจ้องตาเป็นมัน แต่กลับไม่ร้องขอผู้เป็นแม่แ้แต่คำเดียว น้ำทิพย์จึงเดินไปย่อตัวลงใกล้ๆ "อยากได้เหรอ" เด็กตัวเล็กหันมาสบตาก่อนจะส่ายหัวเล็กๆแต่แววตาฉายแววขงความอยากที่ปิดไม่มิด 
    "โกหก"
    "พีทไม่อยากได้จิงๆคับ ไม่อยากให้หม่ามี้เหนื่อย" ในความหมายของเด็กสี่ขวบที่เข้าใจว่าการที่เขาใช้เงินเพิ่มขึ้นหมายถึงการที่ผู้ใหญ่จะต้องทำงานมากขึ้นเช่นกัน น้ำทิพย์ได้ยินคตอบแบบนั้นก็เอาสะอึกไปเหมือนกัน ว่าทำไมเด็กตัวแค่นี้ถึงคิดแบบนี้ได้
    "งั้นเอาเป็นว่า ฉันซื้อให้ โอเคไหม" น้ำทิพย์พูด
    "แต่พีทไม่มีดาวเด็กดีนะคับ" เด็กชายตัวเล็กพูดแล้วหันไปสบตากับคนที่เรียกว่าหม่ามี้ น้ำทิพย์จึงมองตามไปด้วยแววตาสงสัย
    "ดาวเด็กดีคือดาวที่ฉันจะให้ให้เมื่อเขาทำอะไรสักอย่างที่ดี และเมื่อครอบตามจำนวนที่ตั้งไว้เขาถึงจะได้ของตอบแทน" ศิรินอธิบายให้คนตัวสูงฟัง
    "อ่อ งั้นถือเป็นของขวัญของการรู้จักกันอย่างเป็นทางการล่ะกัน โอเค้??" น้ำทิพย์ถามแล้วหันไปเอาคำตอบขากเด็กน้อย
    "ได้มั้ยคับ?" เด็กดีหันไปถามคนที่ยืนข้างกัน
    "ไม่ต้องถามหรอก ป่ะ เลือกเอาอยากได้อันไหน" น้ำทิพย์ว่าพลางจูงมือเล็กๆเดินเข้าร้านของเล่นไป เด็กตัวน้อยก็เดินตามไปเมื่อเห็นว่าศิรินไม่ได้ว่าอะไร เดินวนไปวนมา แต่น้ำทิพย์สังเกตว่าเด็กน้อยมักจะเดินมาหยุดที่หน้าตัวต่ออยู่นาน จึงเดินเข้าไปถาม 
    "ชอบหรือเปล่า" น้ำทิพย์ถามแล้วชี้ไปยังชั้นวางของจำพวกตัวต่อมากมาย เด็กตัวเล็กพยักหน้าน้อยๆ จึงถามต่อ "อันไหน" ก่อนจะหยิบมาทุกแบบตั้งแต่ Lego จนถึง 3D Metal model ที่เป็นตัวต่อแบบเหล็กที่เป็นรูปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดของอาวุธยุทโธปกรณ์ อย่างเครื่องบิน รถถัง ไปจนถึงสิ่งก่อสร้างอย่างหอเอนปิซา ลอนดอนอาย สุดท้ายลงเอยที่การเลือกไม่ได้ น้ำทิพย์จึงเลือกให้เองด้วยการซื้อเลโกขนาด XL ให้ แล้วยังมีเหล่า 3D Model อีกประมาณ สี่ห้าชิ้นได้ ซึ่งพอนำไปคิดราคาทำเอาคนที่ไปด้วยใจไม่ดีเพราะลำพังแค่ 3D model ซองละเกือบห้าร้อยไปแล้ว ถ้าเป็นศิรินมาคนเดียวคงไม่กล้าซื้อให้หรอก พอจ่ายเงินเสร็จน้ำทิพย์ก็อาสาถือเองทั้งหมด พอมาถึงรถจัดการวางไว้ที่วางของข้างคนขับก่อนจะขับรถออกไป
    พอรถยนต์เคลื่อนมาจอดหน้าบ้านของสองแม่ลูกน้ำทิพย์จึงแยก 3D model ไว้สองส่วนคืออยู่กับตัน้ำทิพย์เองสองอัน เพราะรู้ว่ายังไงเขาก็ต่อเองไม่ได้
    "เดี๋ยวเอาสองอันนี้ไปต่อให้ก่อน แล้วเดี๋ยวเอามาแลกกัน โอเคมั้ย ถือว่าอีกสามอันที่เหลือเป็นตัวประกัน" น้ำทิพย์พูดติดตลกแล้วยกยิ้มบางๆให้เด็กน้อย
    "แล้วก็ของเล่นนี่ สัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่งั้นจะให้หม่ามี้เธอเอามาคืน และนี่แถมให้ ถือเป็นของที่ระลึกจะได้ไม่ลืมว่าเรารู้จักกันครั้งแรกที่ไหน" น้ำทิพย์พูดแล้วยื่นกล่องใส่โมเดลรถคันหนึ่งมาให้ ซึ่งรูปร่างเหมือนกับรถที่ทั้งสองแม่ลูกโดยสารมาเป๊ะๆ เพียงแค่ขนาดเล็กกว่าแค่นั้น เด็กตัวน้อยรับของทั้งหมดมาโดยไม่ลืมจะไหว้ขอบคุณน้ำทิพย์และสัญญาว่าจะไม่ดื้อ
    "อย่าลืมเอามาแลกกันนะคับ" ว่าจบก็เดินเข้าเขตบ้านไป
    "ขอบคุณนะคะที่พาพีทไปเที่ยวและซื้อของให้เขาตั้งมากมายขนาดนี้" ศิรินว่าพลางสบตากับน้ำทิพย์นิ่ง ก่อนจะรับกระเป๋าเป้จากมือของร่างสูงมาถือไว้แล้วรอส่งอีกคนให้ขึ้นรถ ซึ่งตัวน้ำทิพย์เองก้รอให้ศิรินเดินเข้าบ้านจึงไม่ยอมออกรถสักที จนสุดท้ายเขาทนไม่ไหวจนเปิดกระจกมาไล่ให้ร่างเล็กเดินเข้าบ้าน จึงยอมขับรถออกไป 
    ศิรินจึงเดินถือของเข้ามาในบ้านว่าป๊าม๊าเข้านอนแล้วเพราะเธอโทรมาบอกที่บ้านว่าจะกลับค่ำ ไม่ต้องรอจึงพากันเดินขึ้นไปด้านบน พาเด็กน้อยอาบน้ำแล้วเก็บของเล่นไว้ใกล้ตามนิสัยเด็กที่มักจะเห่อของใหม่ไม่ยอมให้ห่างตัว 
    "หม่ามี้คับ บอสหม่ามี้ใจดีจังเลยครับ หม่ามี้ต้องตั้งใจทำงานนะครับ สู้ๆ" เด็กตัวน้อยที่นั่งจุมปุ๊กอยู่บนเตีงพูดไปตามภาษาของเขา
    "ครับ วันนี้เด็กดีนอนได้แล้วเนอะ วันนี้มี้พลอยไม่ว่าง หลับได้นะครับ" พอจบประโยคเด็กน้อยก็พยักหน้าขึ้นลงทำให้ศิรินยิ้มออก โตขึ้นอีกนิดแล้วสินะ
    "ฝันดีนะครับ คนเก่งของหม่ามี้" พูดจบก็เดินไปจัดกระเป๋าและเสื้อผ้าสำหรับวันพรุ่งนี้ให้เด็กตัวน้อย แต่คิ้วเรียวสวยก็ต้องขมวดเข้าหากันเมื่อในกระเป๋าเป้มีกล่องข้าวถึงสองใบ พลางนึกถึงข้อความไลน์เมื่อบ่ายที่ผ่านมา สักพักก็มีเสียงแจ้งเตือนจากแอพเดิม จึงหยิบมือถือขึ้นมาดู

    Boss B
    Bee  : ไม่มาเอาคืนไปรึไง 14.30   read
    Bee : Bee sent a photo 14.30   read
    Bee :      เปิดดูด้วย       21.53   read
    Bee : ลืมแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ ฝากบอกด้วยว่าชื่ออยู่บนรถ 21.55 read
    read 21.55      คะ ?     Celine
    Bee : อย่างที่บอกชื่ออยู่บนรถ 21.57 read

    ข้อความที่ส่งมาล่าสุดเหมือนกับเป็นการบอกว่าเขาถึงบ้านแล้วในตัว แต่ประโยคที่ส่งมา ชื่ออยู่บนรถ เปิดดูด้วย ? คืออะไร ศิรินจึงเปิดดูในกล่องข้าวที่น้ำทิพย์ถ่ายรูปมา  ก่อนจะพบกระดาษถูกเขีนด้วยลายมือเจ้าตัวแนบมาด้านในกล่อง 

    อาหารก็งั้นๆ ถือแลกกับของเล่นทั้งหมดนั่นแล้วกัน ตลอด 1 อาทิตย์
    ทำไมได้ลาออกซะ  B

    ทำแต่อะไรแผลงๆไม่เปลี่ยน จัดของเสร็จศิรินจึงลุกเดินเอากล่องข้าวทั้งสองอันไว้บนโต๊ะเพราะยังไงพรุ่งนี้เธอก็ต้องเข้ามาห้องนี้อยู่แล้ว ตรวจความเรียบร้อยก่อนจะปิดไฟแล้วเดินกลับห้องตัวเองไปพักผ่อนบ้าง


    To be continued...
    แนบรูปของที่คนบีบี ซื้อให้เด็กน้อย
    ตัวแพ็คเกจ 3D Metal model
         

    เมื่อต่อประกอบแล้ว
      


    Lego XL


    โมเดลรถของคนบีบี BMW 325i สีขาว



    - ZenonZane -
    .....................................................................................................................................................................

    TALK : มาต่อให้แล้วจ้า
    รับมาม่าน้อยหน่อยนะ ตอนที่แล้วพี่บีอาจผิดแต่ชดใช้ในตอนนี้แล้วกัน (ไม่รู้ชดใช้ได้หรือเปล่า)
    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมา ทั้งแสดงความเห็น กด Favorite แค่นี้ก็มีกำลังใจแล้ว
    รัก 
    ZenonZane





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×