คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Sorry
Is it too late now to say sorry??
พอรถเคลื่อนเข้ามาจอดบริเวณหนาคอนโดของเจ้านายตัวสูง
ธนัทรีบวิ่งมาเปิดประตูให้เพราะเจ้านายตนนั่งทางฝั่งขวามือซึ่งตอนนี้แขนขวาของเจ้านายเขามีที่ช่วยพยุงคงจะเปิดไม่ถนัด
“ขอบใจ”
น้ำทิพย์เอ่ยเสียงเรียบก่อนจะก้าวเท้าลงไปยืนเต็มความสูง ธนัทจะโน้มตัวลงไปหยิบกระเป๋าเอกสารของเจ้านายมาถือไว้แล้ววิ่งมาตรงหน้าน้ำทิพย์
“เดี๋ยวผมขึ้นไปส่งนะครับ”
ธนัทพูดแล้วผายมือให้คนตัวสูงเดินนำไปก่อนจะก้าวเท้าตามไป
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ขอไปด้วยนะคะ”
เสียงเรียกทำให้ธนัทหยุดเท้าที่กำลังก้าวหันมาก็พบว่าเป็นเลขาของเจ้านายเขาเองจึงพยักหน้าตอบรับ
ศิรินจึงถือถุงยาแล้วรีบเดินตามเข้าลิฟต์ไป
ภายลิฟท์เงียบสนิทมีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกของคนสามคนเท่านั้น
เพราะทางตัวน้ำทิพย์เองก็เหนื่อยเกินกว่าจะพูดอะไรตอนนี้หวังเพียงให้ถึงห้องแล้วเธอจะนอนให้เต็มที่เลย
ส่วนธนัทก็วุ่นวายกับการกดลิฟต์และมองชั้นเลขที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ทางด้านศิรินก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีกใจหนึ่งก็เหมือนตัวเธอเองเป็นต้นเหตุให้อีกคนเจ็บตัวแบบนี้จึงได้แต่ยืนเงียบจนเมื่อเจ้ากล่องเหล็กเปิดออก
เจ้าของห้องตัวสูงจึงก้าวออกไปเมื่อถึงหน้าห้องของตนจึงแตะคีย์การ์ดที่ประตู ตี๊ดด
เสียงสแกนบัตรผ่านดังขึ้น
น้ำทิพย์จึงดันประตูเข้าไปแล้วเสียบคีย์การ์ดไว้ตรงผนังเพื่อเปิดระบบไฟในห้อง
แล้วจึงเปลี่ยนรองเท้าจากัทชูส้นสูงเป็นสลิปเปอร์ธรรดา
อีกสองคนที่เดินตามมาจึงทำตามแล้วเดินไปนั่งลงที่โซฟา
ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของธนัทจะดังขึ้น
“สวัสดีครับ ธนัทพูดครับ” ธนัทรับสายก่อนจะส่งให้น้ำทิพย์
“สายจากมาดามครับ”
“ใครโทรไปรายงานอีกล่ะคะ”
น้ำทิพย์พูดขึ้นก่อนจะยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง
‘รายงานอะไรกัน
เขาก็แค่โทรมาบอกว่าลูกสาวคนสวยเกิดอุบัติเหตุ แม่ก็เลยรีบมาหาเนี่ย’
“มาหา !? แล้วตอนนี้แม่อยู่ไหน”
‘อยู่ข้างล่างคอนโด
พนักงานไม่ยอมให้แม่ขึ้นไป แกช่วยบอกเขาที’
‘สวัสดีค่ะ
ไม่ทราบว่าใช่คุณน้ำทิพย์รึเปล่าคะ’
“ใช่ค่ะ ห้อง B221 ให้คุณคนนั้นขึ้นมาได้ค่ะ” พอสิ้นคำอนุญาตของเจ้าของห้องพนักงานจึงอนุญาตให้ หญิงวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานขึ้นไป
"มาดามมาเหรอครับ" ธนัทพูดหลังจากรับโทรศัพท์คืนจากน้ำทิพย์
"อืม" คนตัวสูงตอบพร้อมกับหยิบรีโมตขึ้นมากดเปิดโทรทัศน์เครื่องใหญ่ตรงหน้า ศิรินที่ยืนเงียบอยู่นานยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูพบว่าใกล้จะถึงเวลาเลิกเรียนของบุตรชายตัวเล็กแล้ว ระยะทางจากที่นี่ไปโรงเรียนก็ไกลกว่าบริษัท ใช้เวลาเดินทางราวๆ 20 นาที จึงเดินอ้อมจากด้านหลังโซฟาตัวยาว นำถุงใส่ยาของทางโรงพยาบาลไปวางไว้บนโต๊ะกาแฟ ก่อนจะเอ่ยลา
" เอ่อ... ขอตัวกลับก่อนนะคะ" ศิรินพูดพร้อมกับค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางประตู แต่ต้องชะงักฝีเท้าไว้เมื่อมีเสียงจากคนตัวสูงที่นั่งอยู่บนโซฟาเอ่ยขึ้น
"...จะไปรับลูกเหรอ ?"
"....ค่ะ ใกล้จะถึงเวลาแล้ว เผื่อรถติดด้วยค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ" ศิรินหันมาตอบคำถาม ก่อนจะหันกลับไปทางเดิมแล้วเดินออกจากห้องไป
" ไปส่งเธอที " คนตัวสูงเอ่ยสั่งลูกน้องคนสนิทที่ยืนเยื้องทางขวามือ ธนัทจึงก้มศีรษะลงรับคำก่อนจะรีบวิ่งตามคนตัวเล็กที่เดินออกไปเมื่อสักครู่ไป สวนทางกับราเชนทร์และ มาดาม ที่ขึ้นมาถึงชั้นนี้พอดี
"สวัสดีครับมาดาม "ธนัทหยุดขาที่กำลังวิ่งแล้วก้มศีรษะลงทำความเคารพผู้ที่ใหญ่ยิ่งกว่าบอสของตน ก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิทของเขาที่ขึ้นมาพร้อมกับมาดาม "ฝากบอสด้วย เดี๋ยวมา" กล่าวจบจึงออกวิ่งอีกครั้ง เพื่อจะลงไปให้ทันคนหน้าหมวยที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงลงไปเร็วนัก เมื่อลงมาถึงชั้นล่างก็พบว่าคนที่ตนวิ่งตามมากำลังยืนรอโบกรถโดยสารอยู่จึงตะโกนเรียก
"คุณศิรินครับ!!" คนถูกเรียกจึงหันมาตามเสียงก่อนจะพบลูกน้องคนสนิทของน้ำทิพย์ยืนหอบอยู่จึงได้แต่ทำหน้าฉงน ธนัทจึงเดินเข้าไปใกล้
"เดี๋ยวผมไปส่งครับ" ธนัทพูดขึ้น
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณดูแลเขาไปเถอะ คริสไปเองได้"
"คุณคริสครับ ให้ผมไปส่งเถอะครับ บอสสั่งมาถ้าผมขึ้นไปมีหวังผมโดนดุแน่ๆ" ธนัทเอ่ย เพราะรู้นิสัยเจ้านายของตนดีเมื่อสั่งแล้ว เป็นอันว่าคนรับคำต้องทำตามห้ามตุกติก
"ก็ได้ค่ะ" ศิรินได้รับฟังเหตุผลจึงตอบตกลง แล้วเดินตามธนัทไปขึ้นรถ ก่อนที่รถคันงามจะแล่นไปตามถนนมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนอนุบาล
ทางด้านบน
"จะรีบไปไหนของเขากัน?" หญิงวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานกล่าวขึ้นลอยๆพร้อมกับส่ายศีรษะไปมา หลังจากที่ธนัทวิ่งผ่านตัวเองไป ก่อนจะก้าวเดินไปยังหน้าห้อง B221 ราเชนทร์ที่เดินตามมาจึงยกมือขึ้นกดออดหน้าห้อง
ติ๊งหน่อง~
"ไม่ได้ล็อก" เสียงตะโกนดังออกมาจากด้านในห้อง คนกดออดจึงเปิดประตูให้ผู้เป็นนายเดินเข้าไป แล้วตนจึงเดินตาม
" ไฮ ลูกรัก" คนที่ถูกเรียกว่ามาดามทักขึ้นทันทีที่เห็นแผ่นหลังของสาวร่างสูงที่ถึงแม้จะนั่งหันหลังให้ก็ยังคงจำได้ เพราะนั่นคือลูกสาวของตนเอง ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
" สวัสดีค่ะ " น้ำทิพย์เอ่ยตอบกลับไป
"ทำไมห่างเหินจังเลยคะ ลูกสาว งอนแม่รึไง" คนเป็นแม่เอ่ยขึ้นพร้อมกับขยับตัวเข้าไปสวมกอดลูกสาวตัวสูงของตน
"ไม่มั้งค่ะ กว่าจะกลับมาได้ นี่ถ้าบีไม่เจ็บแม่คงไม่มาใช่มั้ย" น้ำทิพย์เอ่ยขึ้นพร้อมกับแกล้งเบี่ยงตัวหนี ก็แน่ล่ะ หนีเขาหายหน้าไปตั้งเกือบ 3 ปี อย่างมากก็โทรคุยกัน ไม่เคยจะบินกลับมาหากันเลย ก็เข้าใจว่าแยกทางกับคนที่ขึ้นชื่อว่าพ่อ แต่ก็ควรมาหาลูกบ้างรึเปล่าล่ะ ฮึ้ยยย
"โอ๋ๆ ไม่งอนน่า แล้วอีกอย่างถึงลูกไม่เจ็บแม่ก็ต้องมาอยู่แล้ว นี่ใกล้วันครบรอบบริษัทลูกแล้วนะ ฉลองหน่อยเป็นไง"
"อีกตั้ง 2 เดือน" คนตัวสูงตอบกลับไป เพราะในเวลานี้เขาก็แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าใกล้วันครบรอบ 5 ปี ของ BNT แล้ว
"แค่ 2 เดือนต่างหากล่ะจ๊ะ อีกอย่างคือแม่มีนัดกับสมาคมด้วยเลยถือโอกาสบินมาทีเดียวเลย"
"งานสมาคมคุณหญิง คุณชาย คุณนายน่ะเหรอคะ" น้ำทิพย์ถามพลางหยิบรีโมทมากดเปลี่ยนไปดูสารคดีสัตว์โลก
"ใช่จ้ะ และลูกก็ต้องไปกับแม่ด้วย" คนถูกถามตอบพร้อมกับยกยิ้มขึ้น
"..ไม่เอาอ่ะ แม่ก็รู้ว่าบีไม่ชอบ" คนตัวสูงหันมาโวยวายใส่คนเป็นแม่
" หน่าลูก พวกเพื่อนเราก็ไปนะ ออร์แกน กับ พลอยน่ะ" คนพูดจึงใช้น้ำเย็นเข้าลูบ โดยการยกเพื่อนขึ้นมาอ้าง เพราะรู้ว่าลูกสาวตัวดีเห็นแก่เพื่อนขนาดไหน
"ทำยังไง พวกนั้นถึงยอมไปกัน" คนตัวสูงถามพลางทำสีหน้าไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด
"ก็งานปีนี้ บ้านบุณยศักดิ์เป็นเจ้าภาพใหญ่ไงล่ะจ๊ะ ครบรอบ 70 ปีของการโลดแล่นในอันดับท็อปๆของโรงพยาบาลของครอบครัวเขา"
"อืม... ไว้บีจะคิดดูแล้วกันนะคะ" น้ำทิพย์ตอบเหมือนกับตัดบทสนทนา
"ลูกไม่ไป ลูกจะพลาดอะไรดีๆนะแม่จะบอกให้" คนเป็นแม่เอ่ย เพราะไปแอบรู้มาว่าคนที่ลูกสาวตนเข้าใจว่าเขาแต่งงานไปแล้วเมื่อคราวนั้น จริงๆแล้วเขาหย่ากันเรียบร้อย แล้วฝ่ายชายอย่างปั้นจั่นก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงซะด้วย ก็เลยจะทำตัวเป็นกามเทพแผลงศร สักหน่อย เมื่อ 6 ปีก่อนตอนที่รู้ว่าหนูคริสไปแต่งงานนะ ลูกสาวของตนแทบจะกินไม่ได้ ตายอดตายยากจนจะเป็นซอมบี้กันเลย ตนก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะหนี้ของบ้านหนูคริสก็เกินกำลังจึงปล่อยเลยตามเลยให้ลูกสาวได้ทำใจเอาเอง แต่ทีนี้พอเธอไปทำงานที่อเมริกา ที่สนามบิน ก็บังเอิญเจอปรมะกับศิรินพอดี อีกวันก็มาเจอปั้นจั่นกำลังยืนกอดลากับผู้ชายคนนึง โดยที่หนูคริสก็อยู่ตรงนั้น ผู้ชายคนนั้นดันเป็นลูกชายเพื่อนตนพอดีจึงไปแอบถามถึงรู้ความจริง ฮิฮิ อยากจะเป็นแม่ดีเด่นช่วยลูกสาวบ้าง
"..อะไรของแม่" น้ำทิพย์พึมพำออกมาก่อนจะลุกไปหาน้ำมาทานยา เพราะดูเวลานี่ก็เย็นแล้วได้เวลาแล้ว จึงค่อยๆลุกขึ้น ไปหน้าตู้เย็นโดยไม่ลืมที่จะหอบถุงยาไปด้วย
"..ทานข้าวแล้วเหรอลูก ถึงทานยาได้" คนเป็นแม่ถามขึ้น
"ยังหรอกค่ะ ปกติบีก็ทานแบบนี้" น้ำทิพย์ตอบกลับหน้านิ่ง
"หยุด ๆๆ เลย เดี๋ยวแม่โทรบอกธนัทให้ซื้อมาให้ รอทานข้าวก่อนแล้วค่อยทานยา" คนเป็นแม่รีบเอ่ยห้าม
" มาดามครับ เดี๋ยวผมโทรบอกเองครับ" ราเชนทร์เอ่ยขึ้นก่อนเดินออกไปต่อสายหาธนัท
" จะให้ยุ่งยากทำไมกัน" น้ำทิพย์จึงได้แต่ยอมเดินกลับมานั่งที่โซฟา อย่างเบื่อๆ นั่งฟังคนเป็นเล่าถึงบริษัทที่อเมริกาว่าเป็นยังไง เอ้อ ยังไม่ได้บอกใช่มั้ยว่า แม่ของฉัน คือ ใคร ทำอะไร จะเล่าให้ฟังแล้วกัน แม่ฉัน คือ คุณหญิงเมทินี กิ่งพโยม ท่านแยกทางกับพ่อฉันตั้งแต่ฉันยังอายุแค่ 4-5 ขวบเองมั้ง แต่ก็แวะเวียนมาเยี่ยมบ่อยๆจะมีช่วงที่ฉันโตแล้วนี่แหละเว้นช่วงนานหน่อย อาจเป็นเพราะไปเปิดบริษัทเป็นแบรนด์เสื้อผ้าด้วยละมั้ง คงงานยุ่ง เลยไม่ค่อยได้กลับ ธุรกิจของท่านก็เป็นไปได้สวยได้รับความนิยมในระดับนึงเลยล่ะ เจ๋งใช่ป่ะ พวกราเชนทร์กับธนัท มักเรียกแม่ฉันว่ามาดาม สาเหตุเพราะท่านยังทำตัวสาวเสมอ ตามเทรนด์ตลอดประกอบกับพวกนั้นเรียกตัวฉันเองว่าบอสด้วยแหละ เลยหาคำให้ไปในทางเดียวกัน
โรงเรียนอนุบาล
เมื่อยานพาหานะสี่ล้อจอดนิ่งหน้าโรงเรียนที่คุ้นเคย ศิรินจึงเปิดประตูลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปรับลูกชายตัวน้อยของตนในโรงเรียน ก่อนจะออกมาขึ้นรถคันเดิม เพราะธนัทยืนยันจะไปส่งให้ถึงบ้าน เมื่อขึ้นมาบนรถ
"พีทครับ สวัสดีอาธนัทก่อนครับ" ศิรินบอกเด็กชายพร้อมกับขยับตัวนั่งในท่าที่สบาย
"สวัสดีครับ อานัท" เด็กชายหันไปพนมมือไหว้คนที่เป็นสารถีจำเป็น
"สวัสดีครับสุดหล่อ ชื่ออะไรเอ่ย" ธนัทเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"พีทครับ" เด็กชายก็ตอบกลับอย่างฉะฉาน ก่อนจะหันไปสนใจถนนเบื้องหน้า
"คุณจะกลับไปหาประธานอีกหรือเปล่าคะ" ศิรินเอ่ยถามคนที่กำลังตั้งใจขับรถ
"ครับ เดี๋ยวว่าจะแวะหาข้าวไปด้วยครับ มีอะไรหรือเปล่า" ธนัทเอ่ยถามกลับ
"คือ คริส..ขอกลับไปด้วยได้ไหมคะ" ศิรินถามออกไปอีกครั้ง
"...ลืมอะไรไว้เหรอครับ" ธนัทเอ่ยตอบกลับไป
"เปล่าหรอกคะ แต่คริสรู้สึกว่าคริสเป็นต้นเหตุให้เขาต้องเจ็บตัว คริส คงกลับไปนอนสบายไม่หลับหรอกคะ" ศิรินตอบกลับไป เรียกรอยยิ้มบางๆขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มสารถี
"พีทครับ หม่ามี้ขอพากลับบ้านเลทได้รึเปล่าครับ" ศิรินก้มถามเด็กชายตัวน้อยในชุดนักเรียนที่นั่งอยู่บนตักของตัน
"ทำไมหรือครับ??" เด็กชายตัวน้อยเอ่ยถามตาใส
"หม่ามี้ทำให้คนๆนึงเจ็บตัว หม่ามี้ก็ต้องไปดูเขา ถูกมั้ยครับ?" ศิรินถามเหมือนกับสอนเขาไปในตัว
"ถูกครับผม" เด็กชายตัวน้อยตอบรับคำอย่างรวดเร็ว เรียกรอยยิ้มจากผู้ใหญ่ในรถทั้งสองคน เจ้าสี่ล้อจึงพาทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังคอนโดของเจ้านายตัวสูง ระหว่างทางศิรินก็พบกับร้านอาหารใกล้กับมหาวิทยาลัยที่ตนเคยเรียน และเป็นร้านประจำของตัวเธอเองกับเจ้านายในอดีตที่เรายังคบกัน ไม่ใช่ร้านที่มีแอร์หรือมีเชฟระดับมิชลิน แต่เป็นร้านที่น้ำทิพย์เอ่ยปากว่าอร่อยถูกปากเขาที่สุด ศิรินจึงบอกให้ธนัทจอดรถแล้วเปิดกระจกสั่งข้าวผัดกุ้งมาสี่กล่อง ให้เจ้าตัวน้อยบนตักเธอกล่องนึงอีกสามก็ให้ทั้งสามคนเอาไปแบ่งกัน เมื่อซื้อข้าวเสร็จรถจึงเคลื่อนตัวอีกครั้งก่อนจะหยุดในลานจอดรถของคอนโดหรูของน้ำทิพย์ ธนัทอาสาถือกล่องเข้าทั้งหมด ศิรินจึงเดินจูงมือเด็กชายที่สะพายกระเป๋าเป้โรงเรียนเดินตามเขาไป เมื่อมาถึงยังห้องที่เพิ่งจากไปไม่นาน ธนัทก็ยกมือกดออดก่อนที่ประตูจะเปิดออกโดยราเชนทร์ ทั้งสามจึงเดินเข้าไป
"พีทครับ ถอดรองเท้าก่อนครับ" ศิรินเอ่ยบอกเด็กชาย ก่อนที่เขาก้มลงไปแกะเทปที่ติดรองเท้าออกจากกันแล้วเดินใส่ถุงเท้าเข้าไป ศิรินเองก็ถอดส้นสูงออกแล้วเดินตามไป ก่อนจะต้องตกใจเมื่อพบกับคุณหญิงเมทินีนั่งอยู่บนโซฟากับน้ำทิพย์ด้วย ก่อนจะเรียกสติมาได้ แล้วเดินเข้าไปสวัสดี
"พีทครับ สวัสดีคุณหญิงกับคุณน้ำทิพย์ก่อนครับ" ศิรินหันไปกระตุกมือน้อยๆที่จับกระชับมือตนไว้
"สวัสดีคับคุณหญิง คุณน้ามทิบ" เด็กชายตัวเล็กเอ่ยขึ้นก่อนจะยกมือน้อยๆพนมขึ้นไหว้ทั้งสอง แต่ก็แอบพินิจใบหน้าคมสวยของคนที่ถูกเรียกว่าน้ำทิพย์ คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน .... อ้อ ! ในห้องนอนหม่ามี้
"นู่นด้วยครับ อาราเชนทร์" ศิรินบอกเพิ่ม เด็กตัวเล็กก็หันหลังไปไหว้ราเชนทร์อย่างว่าง่าย "สวัสดีคับ อาเชน"
"ทำไมไม่กลับบ้าน" น้ำทิพย์เอ่ยถามเสียงเรียบ
"....ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นต้นเหตุให้คุณเจ็บตัว ต้องมารับผิดชอบค่ะ" ศิรินเอ่ยตอบ บรรยากาศระหว่างศิรินและน้ำทิพย์สร้างความประหลาดใจให้กับคุณเมทินีเป็นอย่างมาก ก็ใช่อยุ่ที่ตกใจว่าทำไมหนูคริสถึงมาที่นี่ได้ แล้วทำไมถึงพูดจาห่างเหินกันขนาดนี้ หมดกัน เซอร์ไพร์สแผลงศรของฉัน
"เอ่อ..บอสจะทานข้าวเลยไหมครับ" ธนัทเอ่ยถามคนตัวสูง
"อือ คุณศิรินจะได้รีบกลับบ้าน" น้ำทิพย์เอ่ยตอบกลับไป ก่อนจะลุกเดินนำทุกคนไปโต๊ะทานข้าว ธนัทจึงแบ่งข้าวสามกล่องให้เท่าๆกันสี่จาน
"เอาของคริสไปแบ่งด้วยก็ได้ค่ะ พีททานนิดเดียว" ศิรินพูดขึ้นเพราะคิดว่าปริมาณข้าวกับคนค่อนข้างจะไม่พอดีกัน พร้อมกับยื่นกล่องให้ ธนัทรับมาแ้วแบ่งออกก่อนจะเหลือในกล่องไว้ให้พอสำหรับสองคน ศิรินกำลังจะรับมาแต่ถูกขัดด้วยเสียงของคนตัวสูง
" เทใส่จาน ทานที่นี่แหละ จะได้กลับไปอาบน้ำนอนเลย" น้ำทิพย์พูดเพราะเขาดูจากอาการของเด็กตัวน้อยที่เริ่มจะง่วงแล้ว
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวคริสไปทานที่บ้าน"
"ธนัท เทใส่จาน" น้ำทิพย์ออกคำสั่ง ธนัทจึงต้องดึงกล่องข้าวจากมือศิรินมาเทลงจานสองใบ ผู้ใหญ่ 5 เด็ก 1 จึงลงมือทานอาหาร
"มา หม่ามี้ป้อน ไม่ร้อนแล้วครับ" ศิรินง่วนทั้งป้อนตัวเอง ทั้งตัวเล็ก แต่ก็ทำได้คล่องแคล่วในสายตาของเมทินีที่นั่งมองดู ลูกของศิรินก็ว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อ ไม่ซน ดูได้เลยว่าคงถูกเลี้ยงมาอย่างดี พอจัดการอาหารหมด ศิรินเตรียมจะยกจานทั้งหมดไปล้าง
"กลับบ้านเถอะ เดี๋ยวให้เชนทร์ล้าง" น้ำทิพย์เอ่ยบอกศิรินให้หยุดมือ แต่ศิรินก็ยังไม่ปล่อยมือ
"กลับบ้านได้แล้ว ง่วงแล้วนั่น ให้ธนัทไปส่ง" น้ำทิพย์จึงย้ำอีกรอบ
"ค่ะ คุณก็ ....อย่าลืมทานยานะคะ" ศิรินพูดก่อนจะเอ่ยลาทุกคนยอมเดินออกไป โดยไม่ลืมให้ลูกชายตนไหว้ลาด้วย
เมื่อทั้งหมดกลับไปหมดแล้วเหลือเพียงเมทินีและน้ำทิพย์ นั่งคุยกันอยู่บนโซฟา
"ทำไม แม่ไม่ยักรู้ว่า หนูคริส มาทำงานกับลูก หื้มม" เมทินียิงคำถาม
"เพิ่งมาได้ยังๆไม่ถึง 6 เดือนดีเลยค่ะ ไม่แปลกที่แม่จะไม่รู้" น้ำทิพย์ตอบ
"แล้วทำไมเขาถึงมาทำที่นี่" คนเป็นแม่ยังคนยิงคำถามต่อ
"ไม่รู้ค่ะ คงเห็นว่าค่าตอบแทนสูงมั้งคะ เขาต้องการเงินนี่คะ" น้ำทิพย์เอ่ยตอบกลับไป
"บี ทำไมลูกพูดแบบนั้น" เมทินีขมวดคิ้วเข้าหากัน
" ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะทิ้งบีไปแต่งงานกับคนที่รวยกว่าบีหรอกค่ะ" น้ำทิพย์ตอบพร้อมกับสายตาที่เหม่ออกไปยังทิวทัศน์นอกกรจกห้อง
" ไหวรึไง ถึงเอาเขามาไว้ใกล้ตัวขนาดนี้" เมทินีแกล้งถามขึ้น
"บี ไม่กลับไปสนผู้หญิงเห็นแก่เงินแบบนั้นหรอกค่ะ" น้ำทิพย์ตอบก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำนอน คนเป็นแม่ได้แต่ยิ้มแล้วนึก สักวันแกจะได้กลืนน้ำลายตัวเอง ลูกสาว
ทางด้านศิริน เมื่อธนัทมาส่งถึงบ้าน ศิรินจึงลงจากรถแล้วบอกลาธนัท เด็กชายตัวน้อยก็ไหว้ขอบคุณก่อนจะยื่นส่งจนรถพ้นสายตาแล้วพาากันเข้าบ้าน
"ทำไมวันนี้กลับดึกจังลูก" เสียงทักทายจาก คุณศศิ หอวัง ที่นั่งรอรับหลานชายทุกวัน
"มีเรื่องนิดหน่อยค่ะ ม๊าขึ้นนอนเลยมั้ย" ศิรินถามคนเป็นมารดา ก่อนจะได้รับคำตอบโดยการลุกขึ้นยืนเตรียมเดินขึ้นไปตามตน เมื่อถึงชั้นสองศิรินจึงกอดฝันดีผู้เป็นแม่ให้แยกเข้าห้องไป ก่อนจะพาเด็กชายตัวน้อยไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน วันนี้คงไม่ต้องโทรหาพลอยหรอกท่าทางอยากจะนอนขนาดนี้
"หม่ามี้ครับ" เสียงเรียกจากเด็กชายตัวน้อยที่นั่งอยู่บนเตียงขนาดเล็กที่มีที่กั้นกันตกเรียบร้อย
"ครับผม" ศิรินขานรับ พลางละสายตาจากการจัดกระเป๋าให้เด็กชาย
"คนที่เจ็บแขน ใช่คนในรูปในห้องหม่ามี้รึเปล่าคับ" คำถามจากเด็กตัวเล็กเรียกให้คิ้วเรียวสวยของศิรินขมวดเข้าหากัน รูป รูปไหน
"รูป ตรงไหนครับ" ศิรินเอ่ยถามออกไป
"รูปที่วางไว้บนเตียงหม่ามี้ ที่ใส่ชุดนักเรียนอ่ะคับ" คำตอบที่ได้รับเรียกให้ศิรินนึกออก ชุดนักเรียนในความหมาของเขาคงเป็นชุดครุยมากกว่าเพราะรูปที่วางอยู่บนหัวเตียงของเธอคือรูปคู่รูปสุดท้ายก่อนที่เธอจะตัดสินใจเดินจากเขาไป เป็นรูปที่เราถ่ายกันในวันรับปริญญา วันที่มีความสุขที่สุดของบี เพราะเขาบอกไว้ว่าเมื่อไรก็ตามที่เขาเรียนจบเขาจะเป็นอิสระจากพ่อเขา แต่ความจริงมันไม่ใช่เลย...
"ครับ นอนได้แล้วนะคนเก่ง ฝันดีครับ" ศิรินตอบแล้วระบายยิ้มบางๆ ก่อนจะห่มผ้าให้เด็กชายที่ทิ้งตัวลงนอนก่อนแล้ว
"ฝันดีครับ หม่ามี้คนเก่ง" เด็กชายบอกตอบกลับก่อนจุ๊บลงบนแก้มของศิรินที่ก้มหน้ามาหา ศิรินจึงยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วไปชำระล้างร่างกายในห้องของตนเอง เตรียมของ เตรียมชุดสำหรับวันพรุ่งนี้มาวางให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นสิ่งที่ลูกชายพูดขึ้น จึงหยิบกรอบรูปนั้นขึ้นมา พินิจดูรอยยิ้มสดใสของเด็กตัวสูงในวันนั้น เจ้าน้ำตาจู่ๆก็พากันไหลออกมา จนยกมือขึ้นปาดแทบไม่ทัน พลางกอดรูปไว้แนบกาย ก่อนจะวางไว้ที่เดิมทิ้งตัวลงนอนกับน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุด
ขอโทษ .... คริสขอโทษนะบี
To be continued
- ZanonZane -
_______________________________________________________________________________________
TALK :
ปล.1 ขอโทษรีดเดอร์ทุกคนนะคะ ที่หายไปนานมากๆเลย
พอดีมีหลายๆอย่างเข้ามาทั้งงานเอยอะไรเอย บางวันว่าจะอัพก็ไม่ได้อัพ หวังว่าจะยังไม่ลืมกันเนอะ ^^
คิดถึงทุกๆคนนะคะ ขอบคุณที่ติดตามและเฝ้ารอกันนะคะ
รัก ZenonZane
ปล.2 อ่านแล้วติชม แนะนำกันเข้ามาได้เลยนะคะ
ความคิดเห็น