คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : N >> เทพอียิปต์กับตำนานการเกิดเทพ
.
.
.
ตาม Hesiod, เรื่องมันเริ่มตรงที่เทพเจ้าที่ชื่อ Chaos (เคออส) ซึ่งแปลว่า ความว่างเปล่า ก็อย่างที่ชื่อบอกนั้นแหละว่างเปล่าจริงๆ ทั้งจักรวาลไม่มีอะไรเลย จากนั้นก็มี Gaia (กายยา) ซึ่งแปลว่าดิน, Tartarus (ทาทารัส) ซึ่งแปลว่านรก และ Eros ซึ่งแปลว่าตัญหา เกิดขึ้นมา แล้ว Gaia ก็ให้กำเนิด Uranus (ยูเรนัส) ซึ่งเป็นเทพแห่งท้องฟ้า โดยลำพัง
แต่ตาม Apollodorus แล้ว เรื่องมันเริ่มตรงที่ Gaia เลย แตกต่างกันนิดหน่อย ไม่มาก แล้ว Uranus ก็ได้เป็นผู้ปกครองเทพเจ้าทั้งหมด เป็นคนแรก ต้องเข้าใจอีกนิดนะว่า เทพเจ้ากรีก ส่วนใหญ่จะ เป็นตัวแทนของสิ่งต่าง ๆ ทั้งรูปธรรม และ นามธรรม ตัวอย่างก็เช่น เวลาพูดถึง Uranus ก็ให้คิดถึงท้องฟ้า ความกว้างใหญ่ที่แผ่ปกคลุมพื้นดิน หรือ Eros ซึ่งเป็นความรู้สึก เป็นนามธรรม มีผลกับทุกสิ่งทั้งเทพเจ้าและมนุษย์ Tartarus เป็นเทพเจ้าแห่งนรกเป็นผู้สร้างนรกหรือเป็นตัวนรกเองก็ได้ Gaia เป็นเทพเจ้าแห่งพื้นดิน หรือ เป็นพื้นดิน ก็ได้เช่นกัน จากนั้น Gaia และ Uranus ก็สมสู่กัน และให้กำเนิดลูก ๆ มากมาย อย่าตกใจนะว่า เอ... ก็แม่ลูกกันไม่ใช่เหรอ ทำไม? มันเป็นเรื่องปกติสำหรับเทพเจ้าเหล่านี้ ลูกๆ ของ Gaia และ Uranus ก็แบ่งได้เป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกเป็นยักษ์ร้อยมือ ห้าสิบหัว มีสามคนด้วยกัน (ไม่รู้ว่าจะใช้ลักษณะนามอะไรดี ใช้ คน หมดเลยแล้วกัน) ชื่อ Briareus (ไบอาริอุส) Gyes (กายเอ็ส) และ Cottus (คอททัส) กลุ่มที่สองเรียกว่า Cyclopes หรือยักษ์ตาเดียว ชื่อ Arges (อาเกส) Steropes (สเตอโรเปส) และ Brontes (บรอนเตส) ชื่อของสามคนนี้แปลว่า แสงสว่างจากฟ้า ฟ้าผ่า และ ฟ้าร้อง ตามลำดับ ลูกทั้งหกคนนื้ ถูก Uranus จับโยนลงไปในนรกและขังไว้เพราะความ เกลียดชัง จากนั้น Uranus และ Gaia ก็มีลูกสองกลุ่มถัดมา เรียกว่า Titans (ไททาน) ซึ่งเป็นชายหกคน และ Titanides (ไททานไนด์) ซึ่งเป็นหญิงเจ็ดคน แต่บางทีก็ถูกเรียกเป็น Titans เหมือนกันหมด
เนื่องจาก Uranus หรือท้องฟ้า มีความกลัวว่าลูกของตนจะมาแย่งชิงอำนาจ และตำแหน่งเทพแห่งเทพไป เมื่อ Gaia เกิด Titans ออกมา Uranus ก็เอาไปขังไว้ใต้ดินทีละคน ทุกๆ คน ตรงนี้ต้องคิดนิดหนึ่ง ไอ้ใต้ดินเนี่ยะ มันที่ไหน ก็ในเมื่อ Gaia คือพื้นดิน ใต้ดินก็น่า จะเป็นในตัว Gaia เอง พวก Titans ถูก Uranus ขังไว้ในท้อง Gaia เมื่อมากๆ เข้า Gaia ก็เจ็บปวดและทนไม่ไหว จึงวางแผนที่จะให้ลูกๆ ในท้องทำร้ายพ่อ และหนีออกมา นางจึงสร้างมีดโค้งขึ้นมาหนึ่งอัน จากวัสดุที่เรียกว่า Adamant ซึ่งเชื่อว่าแข็งแรงที่สุด และนำไปให้ลูกๆ ในท้อง พร้อมกับบอกแผนการไป แต่เนื่องจากลูกทุกคนก็กลัวพ่อ จึงไม่มีใครกล้าทำตามแผนของ Gaia ยกเว้น Cronus (โครนัส) ซึ่งยอมที่จะช่วยแม่ ตามแผนของ Gaia Cronus จะต้องรอจน กว่า Uranus จะมาสมสู่กับ Gaia เมื่อ Uranus มา Cronus ซึ่งอยู่ในท้อง ก็จะ ต้องใช้มีดตัดอวัยวะเพศของ Uranus แล้วพาพี่น้องหนีกันออกมา แน่นอน ว่าสำเร็จ ตามแผน เมื่อออกมาแล้ว Cronus ก็นำอวัยวะของพ่อไปทิ้งทะเล เมื่อตกโดนทะเล ก็มีฟองเกิดขึ้นมากมาย และในท่ามกลางฟองนั้นก็มีเทพเจ้าอีกคนถือกำเนิดขึ้นมา คือ Aphrodite นั้นเอง (จริงๆ แล้ว ในภาษากรีก คำว่า Aprhodite แปลว่า เกิดจากฟอง) และด้วยเหตุนี้ Aphrodite จึงเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก และ ตัณหา (ฝ่ายหญิง จำได้ ว่า Eros เป็นแบบเดียวกัน แต่เป็น ผู้ชาย) นี่ก็เป็นที่มาของภาพวาดชื่อดัง Birth of Venus ของ ศิลปิน Sando Botticelli และคำภาษาอังกฤษ aphrodisiac ที่แปลว่า ยาปลุกอารมณ์ทางเพศ แต่ทว่า มีข้อขัดแย้งนิดหน่อย ตรงนี้ ที่กล่าวมาเกี่ยวกับการเกิดของ Aphrodite เป็นไปตามที่ Hesiod เขียน ของ Apollodorus นั้น Aphrodite เป็นลูกของ Zeus เกิดเรียบง่ายกว่าเยอะ ไม่หวือหวา Cronus ก็พาพี่น้องออกมา ได้สำเร็จ และกลายเป็นเทพแห่งเทพหลัง จากแย่งชิงบัลลังก์จากพ่อได้ ดังที่ Uranus กลัว หลังจากนั้นก็ขึ้นครองบัลลังก์เป็นมหาเทพแทน
ที่มา : http://my.dek-d.com/NWphoenix/story/view.php?id=163941
1. รา หรือ เร ( Ra or Re ) เป็นสุริยเทพ ( Sun God ) เทพเจ้าสูงสุด
2. โอซิริส ( Osiris ) เป็นเทพเจ้าชั้นสูง จนได้ชื่อว่า เป็นเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์แห่งลุ่มแม่น้ำไนล์ เนื่องจากแม่น้ำไนล์ไหลหลากมาก ช่วยให้พืชพันธุ์ริมฝั่ง จึงอุดมสมบูรณ์ กลับคืนสู่ดินแดนเหล่านี้ โอซิริส ถูกเซท ( Seth ) น้องชายฆ่าตาย ร่างกายถูกสับออกเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนลงแม่น้ำไนล์ ไอซิส มเหสีของโอซิริส ได้เก็บเอาชิ้นส่วนของศพที่ลอยน้ำ มาชุบชีวิตขึ้นใหม่ การฟื้นขึ้นใหม่เปรียบกับพืชพันธุ์ริมแม่น้ำไนล์ ที่ล้มตายสูญหาย ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก ปรากฏการณ์นี้ ทำให้ชาวอียิปต์ เชื่อในเรื่อง การเกิดใหม่ เป็นแรงผลักดัน ทำให้มีการสร้างมัมมี่ และปิรามิด โอซิริส ยังเป็นเทพเจ้าที่ทรงคุณงามความดี และยุติธรรม จึงเป็นตุลาการแห่งโลกหน้า วิญญาณของผู้ตาย จะต้องไปเฝ้า เทพโอซิริส เพื่อตัดสินที่จะไปเกิดใหม่ โอซิริส เป็นภาษาพื้นเมือง หมายถึง คนที่ตายไปแล้ว
3. ไอซิส (
4. เซท ( Seth ) เทพเจ้าประจำอียิปต์บน ผู้ประหารโอซิริส ภายหลังถูกทำร้ายจนตาบอด หมายถึง ความจงเกลียดจงชัง ทำให้ตาบอดมืดมัวมองไม่เห็น เป็นตัวแทน ความมืดของพายุร้ายกลางทะเลทราย
5. โฮรัส ( Horus ) เป็นโอรสของโอซิริส และไอซิส มีศีรษะเป็นเหยี่ยว ถือเครื่องหมายของชีวิต
6. อนูบิส ( Anubis ) เดิมเป็นเทพเจ้าผู้ดูแลซากศพ ต่อมาเป็นเทพเจ้าแห่งโลกหน้า เป็นผู้นำเอาหัวใจ ( วิญญาณ ) ของผู้ตาย ขึ้นตราชูชั่งน้ำหนักกับขนนก เพื่อวัดว่าผู้นั้นทำบุญ และบาป มากน้อยเพียงใด เทพเจ้าอนูบิสมีศีรษะเป็นสุนัข
7. ฮาเธอร์ ( Hathor ) เทพีแห่งความรัก และการเกิดของเด็ก มีสัญลักษณ์เป็นวัวตัวเมีย เป็นเทพีผู้ให้น้ำนมเลี้ยงโฮรัส มีลักษณะคือ หัว และ ตัวเป็นมนุษย์ แต่มีสัญลักษณ์เป็นเขาวัว อยู่บนศีรษะ
8. พตาห์ ( Ptah ) เทพเจ้าประจำเมืองเมมฟิส เป็นเทพเจ้าแห่งศิลปะ และการช่าง
9. แอมมอน ( Ammon ) เทพเจ้าประจำเมืองธีบิส มีสัญลักษณ์ได้หลายอย่าง เช่น แกะ แพะ งู ฯลฯ
10. คนูม ( Khnum ) เทพเจ้าแห่งการสร้างสรรค์ ผู้ให้กำเนิดโลก และพื้นน้ำ มีศีรษะเป็นแกะ
11. เนคเบท ( Nekhbet ) เทพีผู้คุ้มครองฟาโรห์ ประจำอียิปต์บน มีสัญลักษณ์เป็นแร้ง
ความคิดเห็น