ลำดับตอนที่ #70
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #70 : ตอนที่ 61 : อดีตของราเอล [1]
เอามาลงแล้วครับ
แถมให้อีก 1 ตอนด้วย เป็นการของโทษ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ตอนที่ 61 : อดีตของราเอล [1]
“นายเคยได้ยินเรื่อง “สงครามล้างเมือง” เมื่อราวๆสามพันปีก่อนรึเปล่า ไมออส”โฟร์เลสเกริ่น
“ไม่อ่ะ”ไมออสส่ายหัว “มันนานเกินว่ะ ชั้นยังไม่เกิดเลย”
“หึๆ ก็นะ”โฟร์เลสยักไหล่ “มันเป็นสงครามแตกหักของเฮลและเฮฟเว่น ครั้งนั้นสงครามนำทัพโดยราชายมฑูตเซฟิวรอธ และราชาเทพอัลเซเชีย”
“หา!!!”ไมออสอ้าปากค้าง ชื่อทั้งสองที่หลุดออกมาจากปากของโฟร์เลสเป็นชื่อที่ไม่น่าจะมาอยู่พร้อมๆกันได้”
“ถึงได้บอกว่าเป็นสงครามแตกหักไง”โฟร์เลสยิ้ม เขชาพอจะเดาอกอยู่แล้วว่าท่าทีของเพื่อนหนุ่มจะเป็นเช่นนี้
“แต่...แต่...เซฟิวรอธกับอัลเซเชียเนี่ยนะ!!!!!”
“ใช่ สงครามครั้งนั้นก่อให้เกิดเรื่องยุ่งยากภายหลังมากพอควร เพราะเซฟิวรอธละทิ้งหน้าที่ควบคุมกระแสเวลา เพื่อมาต่อกรกับราชาเทพอัลเซเชีย ทำให้มิติเวลาผันผวนอย่างรุนแรงในทั้งสามโลก”โฟร์เลสร่าย “เอเดน เดมอส สโนว์แลนด์ เฮล และเฮฟเว่น ดินแดนทั้งห้าสูญเสียสมดุลอย่างหนัก และสงครามก็รุนแรงถึงขั้นแตกหัก เมื่อเฮฟเว่นลงมือก่อการใหญ่ ลอบสังหารหนึ่งในสามมหาภูติแห่งสโนว์แลนด์เพื่อเอาวิญญาณมาใช้”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเฮล ที่เฮฟเว่นจะหาวิญญาณอื่นมาใช้? ปรกติถึงเฮฟเว่นจะไปหาเบี้ยเพิ่มอีกตัวรึสองตัวก็ไม่ทำให้เฮลเดือดเนื้อร้อนใจอยู่แล้วนี่”ไมออสขัด
“สมกับที่เป็นนาย ดูออกทันทีเชียวนะ”โฟร์เลสยิ้มให้กับไหวพริบของ “จ้าวแห่งไฟ” หรือก็คือไมออสนั่นเอง
“แล้วมันทำไมล่ะ?”ไมออสเร่ง
“เพราะหนึ่งในสามมหาภูติที่ว่าน่ะ...คือคนรักของเซฟิวรอธน่ะสิ”
“หา!!!”ไมออสว๊าก
“เดิมทีนางเป็นเฮลอยู่ก่อนแล้ว แต่ตอนหลังเซฟิวรอธส่งนางไปเกิดใหม่เป็นภูติ เพราะมีอายุยืนยาวไม่ต่างจากยมฑูต สามารถครองรักกันได้นานไม่แตกต่างกัน ซึ่งเหตุผลของการกลับไปเกิดใหม่นั้นทางเราเองก็ไม่มีใครทราบ”โฟร์เลสรีบขัดคอ “พูดง่ายๆคือราชาเทพลงมือสังหารนางในดวงใจของราชายมฑูต และเท่านั้นไม่พอยังช่วงชิงนางไปจากอ้อมอก แบบนี้ราชายมฑูตไม่คลั่งสิแปลก”
“เออ จริงของแก”ไมออสจำยอมกับเหตุผล “แต่ตอนนี้เซฟิวรอธก็มีราชินีเอธิทอยู่แล้วนี่”
“จะต้องให้บอกรึไงว่าเซฟิวรอธช่วงชิงวิญญาณของนางกลับมาน่ะ”โฟร์เลสกุมขมับ
“เฮ้ย!!!”
“ใช่แล้ว สตรีที่พูดถึงก็คือราชินีเอธิทนี่แหละ”โฟร์เลสว่า
“จริงอ่ะ!!!”ไมออสร้อง
“เออสิ เพราะสงครามนั้นราชาเทพชิงตัวราชินีเอธิทมานั่นแหละ ราชายมฑูตเซฟิวรอธเลยกลายเป็นปิศาจเลยในตอนนั้น ใครขวางหน้าเป็นฆ่าอย่างไม่มีปราณี บอกเลยว่าโหดร้ายมาก”โฟร์เลสพูดเสียงแผ่ว เขานึกย้อนไปถึงความโหดร้ายของราชาเซฟิวรอธแล้วอดหวาดหวั่นไม่ได้ ถึงจะไม่ได้เห็นในสถานการณ์จริงแต่แค่นั้นก็น่ากลัวมากพอแล้ว
“ขนาดนั้น”ไมออสหน้าซีด
“ใช่แล้ว และในสงครามนั้นนั่นแหละ...ทำให้ชะตาของท่านราเอลและท่านรีเนลหลุดออกนอกทะเบียนของเฮล เพราะท่านทั้งสองเป็นคนใกล้ชิดของราชินีเอธิท ดังนั้นชะตาของทั้งสองจึงถูกผลกระทบให้สูญเสียสมดุลด้วย”
“หมายถึง...ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ”ไมออสว่า
“ใช่ และหลังสงคราม ดวงวิญญาณของทั้งสองก็มาปรากฎอยู่ในเฮฟเว่นโดยไม่ทราบสาเหตุได้”โฟร์เลสว่า
“เดี๋ยวๆ แล้วสงครามนั้นใครชนะล่ะ?”ไมออสขัด
“ไม่มีคนชนะ เพราะประจวบเหมาะกับเป็นช่วงที่เกิดโรคระบาดขึ้นในเฮลและเฮฟเว่น สงครามเลยถูกสงบศึกลงเพราะทั้งสองฝ่ายต้องกลับไปจัดการเรื่องภายใน”
“ทำไมมันดูง่ายจังวะ”ไมออสขมวดคิ้ว
“เพราะคนที่ป่วยในครั้งนี้มีมารดาของราชายมฑูตเซฟิวรอธ และภรรยาของท่านอัลเซเชียด้วย”โฟร์เลสบอก
“อ้อ มิน่าล่ะ”ไมออสว่า
“เพราะการป่วยนั้น ไม่มีใครสามารถรักษาได้เลย วิญญาณสลายลงเป็นใบไม้ร่วง ขนาดว่ามารดาของราชาเซฟิวรอธยังสิ้นชีพ ตอนนั้นถือว่าเป็นช่วงคับขันของเฮลและเฮฟเว่นทีเดียว”โฟร์เลสว่า
“โรคอะไรวะ ทำไมไม่เคยได้ยิน”ไมออสขมวดคิ้ว
“โรคที่ราชายมฑูตครูเอลกำลังเป็นอยู่นั่นล่ะ”
“เบื่อ~ ว๊อย~~~”
“เป็นอะไรมากมั๊ยเนี่ย”เอเธียร่าหันไปมองเพื่อร่วมงานอย่างหน่ายๆ
“มันเบื่ออะ เอเธียร่า”เซรอสแบะปาก
“งั้นไปทำงานหน่อยมั๊ย?”เครสเดินเข้ามาถาม
“งานอะไรอ่ะ? งานภาคสนามป่าว?”เซรอสถาม
“ชัวร์อยู่แล้ว”เครสยิ้ม
“งั้นทำแน่นอน!!!”เซรอสตอบอย่างร่าเริง
“งานอะไรล่ะ เครส”เอเธียร่าถาม
“ก็...”เครสลากเสียงยาว ฉุดให้เพื่อนสงสัยจนได้ทีเสียก่อน
“รีบๆว่ามาเลยเครส”เซรอสว่า
“ไปเอดินเบิร์ก จับตาดูหัวขโมย รีเนล โฮลีสเอาไว้ อย่าให้คลาดสายตา”เครสบอก
“เอ๋?”
“โรคประหลาดที่รักษาไม่หายนั่นน่ะเหรอ?”ไมออสว่า
“ใช่”
“แต่ดูๆแล้วก็ไม่ทำให้ตายได้นี่ แล้วทำไม...”
“ไม่หรอก พอเป็นโรคนี้ได้ในระยะหนึ่ง ที่ต้นแขนทางซ้ายจะปรากฎรอยสักสีดำขึ้น และเมื่อใดที่รอยสักนั้นวนครบรอบ เมื่อนั้นผู้ป่วยจะตาย”โฟร์เลสบอก
“นายรู้ได้ไงอ่ะ”ไมออสถาม
“ฮะๆ อย่ารู้เลย”โฟร์เลสยิ้ม “คราวนี้ก็เกี่ยวกับท่านราเอลและท่านรีเนลซะที”
“รอจนแงกเลย”ไมออสยักคิ้ว
“นั่นแหละ เพราะว่าท่านราเอลเป็นคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ด้วย และเป็นคนเดียวที่หายน่ะสิ”
“อะไรนะ!!!”
“ตอนแรก ราชาอัลเซเชียจะสั่งกักบริเวณวิญญาณทุกดวงที่ป่วยเป็นโรคนี้ และทุกคนตายหมดยกเว้นท่านราเอลคนเดียว”โฟร์เลสย้อนนึกไปถึงอดีต
- อดีตเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน -
“แหวะ ทำไมเราต้องมาทำงานเก็บซากพวกนี้ด้วยวะ”เจเนสบ่นอุบอิบ เมื่อสิบสองขุนพลเทพทั้งหมดถูกสั่งการให้มาเก็บซากศพของเหล่าผู้ป่วยที่สิ้นชีพ
“ยังไงก็ตายกันหมดอยู่แล้วนี่ สู้ใช้เวทย์กำจัดซากพวกนี้ให้หมดเลยไม่ง่ายกว่าเหรอ”เชลล์ถาม
“นั่นสินะ เผาๆมันให้วอดวายให้เกลี้ยงยังง่ายกว่า”
“ใช่ๆ”
สิบสองขุนพลเทพที่เหลือต่างเห็นด้วยกันทั้งนั้น
“ว่ายังไงครับหัวหน้า?”โฟร์เลสหันไปถามหันหน้า หรือก็คืออันดับหนึ่งในตอนนั้น
“ตามใจ”
“ถ้างั้นข้าเอง”เวย์นก้าวออกมา
“พิษกัดกร่อน”โฟร์เลสหรี่ตาลงเมื่อเวย์นคว้าตลับยาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
ซ่า...
ละอองสีม่วงจากพิษกัดกร่อนปลิวว่อนไปตามซากศพต่างๆนั้น กัดกร่อนซะจนไม่เหลือซาก แต่...
“เทมเพรส!!!”
ฟู่!!!
เสียงร่ายเวทย์ดังลั่น พร้อมกับสายลมกระโชกพัดพาควันพิษให้ย้อนกลับไปหาสิบสองขุนพลเทพ
“ใครกัน!”เวย์นกระโดดหลบ แต่ชายแขนเสื้อเธอก็โดนพิษของเธอเองกัดกร่อนจนละลาย
“กักขังเราไว้ที่นี่แล้วยังคิดจะสังหารอีกเราะ! เวฟ เวเฟีย!!!”
ซ่า!
เสาน้ำพุ่งทะยาน ทำลายข้าวของต่างๆอย่างบ้าคลั่ง
“เกิดอะไรขึ้น!”เชลล์ตะโกนลั่น
“ยังมี...คนรอดอีกรึ”เสียงนิ่งๆถาม
“ท่านฟราเวล”โฟร์เลสรีบก้มหัวเคารพ
“ฟราเวล เธอมาก็ดีแล้ว”หัวหน้าสิบสองขุนพลเทพหรี่ตาลง ซึ่งแน่นอนว่าเขาต้องทำแบบนั้นเพราะฟราเวลเองก็ไม่ใช่คนท่ได้รับการยอมรับในหมู่สิบสองขุนพลเทพด้วยกันอยู่แล้ว อาจยกเว้นกับโฟร์เลสที่มีสัมมาคารวะ เคารพรุ่นพี่คนนี้เป็นอย่างยิ่ง
“ให้ข้าจัดการเถอะ”ฟราเวลขัด
“ก็ดี”เจเนสขึ้นเสียง
“......”ฟราเวลพึมพำอะไรบางอย่างจับใความไม่ได้ ก่อนร่างบางจะทะยานไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว
“อย่าเข้ามาเชียวนะ!”เสียงปริศนาห้าม แต่ฟราเวลยังคงพุ่งเข้าไปเรื่อยๆ
“ไม่งั้นอย่าหาว่าเราไม่เตือน เทมเพรส!!!!!”
ฉัวะๆๆๆๆๆๆๆ
ร่างของฟราเวลถูกคมมีดสายลมบาดจนเลือดโชก แต่เธอก็ยังมุ่งหน้าต่อไป
“หยุดได้แล้วไอ้หนู”เสียงฟราเวลว่า
“เฮอะ หยุดก็ตาย ไม่หยุดก็ตายไม่ใช่รึไง”เสียงนั้นมีแววล้อเลียน ก่อนที่จะ...
“ไซโคลน เวเนตริก!!!”
ตูม!!!
ร่างของฟราเวลถูกพัดจนกระเด็นก็คราวนี้
ซ่า...
สายลมที่จางออกไป เผยให้เห็นร่างเล็กๆหลังม่านหมอก
“เด็ก...เด็กผู้ชาย?”หัวหน้าสิบสองขุนพลเทพขมวดคิ้ว
ร่างหลังหมอกควันนั้น เป็นแค่เด็กผู้ชายอายุราวๆห้าหกขวบ ผมและดวงตาเป็นสีทองอร่าม แม้แต่ชุดที่สกปรกมอมแมมและเปื้อนเลือดเป็นทางยาวนั้นก็ไม่ทำให้เด็กชายหวาดหวั่นได้เลย ตรงกันข้าม แววตาสีทองนั้นกลับมีแต่ความท้าทายตอบกลับมา
“นาย...เป็น...ใคร”เจเนสกดเสียงต่ำ
“กักขังเรามากว่าสิบเดือนแล้วยังมีหน้ามาทำแบบนี้อีกรึไง”เด็กชายกอดอก รอยยิ้มเย้ยหยันนั้นทำเอาผู้ใหญ่หลายคนเลือดขึ้นหน้า แต่ขนาดฟราเวลยังกระเด็นก็ถือว่าประมาทไม่ได้แล้ว
“ผมเองครับ หัวหน้า”โฟร์เลสขวาง ดูๆไปแล้วเด็กชายคนนั้นมีอายุไม่ต่างจากเขานัก คงพอจะคุยกันรู้เรื่อง
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น