ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black rose ทวงแค้น แสนรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2 พบเจอ

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ค. 58


    บทที่ 2

    พบเจอ

     

    แสงแดดยามสายส่องลอดผ้าม่าน กระทบเปลือกตาคู่สวย หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นมา มันไม่ง่ายเลยนะที่มนุษย์จะตื่นขึ้นมาทันทีที่โดนปลุก แต่มันก็ไม่ง่ายเหมือนกันสำหรับ แวมไพร์ ที่จะนอนต่อทั้งๆที่โดนแสงแดดส่องหน้าขนาดนี้

     

    มือบางค่อยๆยันตัวเองขึ้นจากเตียง ก่อนที่จะต้องปล่อยตัวลงไปนอนให้แดดส่องหน้าอีกรอบ ด้วยเพราะถูกความเจ็บที่สะโพกเล่นงาน

     

    อูยยย.. เจ็บเป็นบ้า เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้างเนี่ย

     

    ภาพเหตุการณ์ต่างๆค่อยๆย้อนกลับเข้ามาในโสตประสาทของเธอ

     

    เมื่อวาน...

     

    จำได้ว่า เมื่อวานเป็นวันเกิดของเพื่อนสาวคนสนิท ฉันใส่เสื้อเดรสสีดำลายลูกไม้แขนยาวที่ไปสอยมาจากห้างตอนที่มันกำลังลดราคา

     

    แล้ว.. ตอนนี้เสื้อผ้าหายไปไหน ทำไมฉันอยู่ในสภาพที่..

     

    จำได้ว่าหลังจากที่ดื่มเหล้าจนได้ที่... ฉันก็เริ่มออกล่าเหยื่อ

     

    อ่า.. ใช่ เลือดของผู้ชายที่ใส่สูทดำน่ะ หอมหวานจริงๆ แต่ก็สู้เลือดของผู้ชายที่ใส่เสื้อโปโลสีแดงไม่ได้หรอกแต่ถ้าเลือดที่อร่อยที่สุดก็คงจะเป็นเลือดของ... ผู้ชายที่..

     

    เดี๋ยวนะ..

     

    เมื่อคืน

     

    ฉัน... ฉัน..

     

     

    แก๊ก

     

    "ตื่นแล้วหรอ"

     

    เสียงประตูห้องนอนของเธอถูกเปิดออก พร้อมกับชายคนนึงที่เดินเข้ามา

     

    ร่างสูงโปร่ง

     

    ผิวแทน

     

    ประกอบกับผมที่หยักศกนิดๆ

     

    แถมยังมีหน้าเถื่อนแบบนี้..

     

    ใบหน้าที่เธอไม่เคยลืม..

     

    ผู้ชายเจ้าของใบหน้าที่เธอเกลียดแสนเกลียด

     

    ผู้ชายที่เธอเฝ้ารอมาตลอดเพื่อที่จะแก้แค้น

     

    ผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

     

    หญิงสาวปรับใบหน้าของตัวเองให้ดูเรียบเฉยที่สุด ก่อนที่จะเอ่ยปากถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แม้ว่าเธอจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วก็ตาม

     

    "คุณเข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง"

     

    "เมื่อคืนสนุกมากเลยนะ" เขาตอบกลับด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ใบหน้าที่เธออยากจะกระชากมาตบให้หายแค้นสักพันครั้ง

     

    "ก็ดี" เธอแสร้งกระตุกยิ้มมุมปาก "งั้นก็กลับไปได้แล้ว ที่เหลือฉันจัดการเองได้"

     

    "แบบนั้นจะดีหรอ" คราวนี้เป็นฝ่ายเขาบ้างที่กระตุกยิ้มมุมปาก

     

    หึ คิดจะเลียนแบบกันหรอไง ไร้สมองน่า

     

    "คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วละค่ะ"

     

    ภาพของหญิงสาวที่กำลังเลิกคิ้วกึ่งยียวนกึ่งท้าทาย ประกอบกับร่างอันเปลือยเปล่าที่ถูกคลุมด้วยผ้าห่มเพียงผืนเดียว ริมฝีปากสีแดงที่เป็นรอยบวมเล็กน้อยจากกิจกรรมเมื่อคืน ผมยาวสีน้ำตาลเข้มที่ถูกปล่อยสยายอยู่กลางหลัง

     

    นี่ถ้าไม่นับรวมรอยสีแดงๆตรงบริเวณคอ ที่เขาแอบสร้างไว้เมื่อคืน..

     

    เจ้าตัวคงจะไม่รู้เลยสินะว่ามันชั่งยั่วยวนแค่ไหน

     

    ชายหนุ่มลอบถอนหายใจเบาๆให้กับความอวดดีของคนตรงหน้า

     

    ใจนึงก็รู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ อีกใจก็อดเป็นห่วงไม่ได้

     

    ก็เมื่อคืน..

     

    "ทำแบบนั้นคงไม่ได้หรอกครับ" เขาแกล้งตอบกลับด้วยน้ำเสียงยียวนแบบที่เธอทำในตอนแรก "ผมไม่
    ปล่อยให้ผู้หญิงของผมต้องนอนเจ็บอยู่คนเดียวหลังจากที่เราสนุกด้วยกันมาทั้งคืนหรอกนะ ผมเป็นสุภาพบุรุษมากพอ"

     

    ตอแหล ใครเป็นผู้หญิงของนายยะ

     

    "มันก็แค่ one night stand" เธอตอบหน้าตาย "ฉันไม่ได้เป็นของใคร และฉันดูแลตัวเองได้ อีกอย่างฉันจะลุกไปอาบน้ำ คุณเดินออกจากห้องฉันได้เลยไม่ต้องห่วง อ่อ ประตูมันล็อคอัติโนมัติทันทีที่คุณปิด เพราะงั้นไม่ต้องกังวลเดินออกจากห้องไปได้เลยค่ะ"

     

    "อาซา" เขาเรียกชื่อเธอ ก่อนที่จะโน้มตัวขึ้นคร่อมเธอ

     

    สายตาทั้งคู่ประสานกัน

     

    หญิงสาวไม่ได้ผลักออก เธอยังคงมองเขาด้วยสายที่นิ่งๆเหมือนในตอนแรก ไม่มีอาการสะทกสะท้านใดใดถูกแสดงออกมาบนใบหน้า

     

    หน้านิ่งๆแบบนี้แหละ ที่ทำให้เขาอยากจะจับมาดูดปากปราบพยศสักทีสองที

     

    "เมื่อคืนหน่ะ... ครั้งแรกใช่มั้ย" เขาตัดสินใจถามออกไป แม้รู้ว่ามันอาจจะทำให้อีกฝ่ายต้องช้ำใจ แต่ถึงอย่างไรความอยากรู้ที่อยู่ในใจก็เอาชนะทุกอย่างได้จริงๆนั่นแหละ

     

    "ใช่"

     

    "...."

     

    "แล้วไง ครั้งแรกแล้วไง มันก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอก"

     

    ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นสูง เขารู้ดีว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอันตรายแค่ไหน

    รู้ดีถึงความร้ายกาจ

    แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังคงเป็นผู้หญิง

    เธอ... จะไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆหรอ?

     

    "ฟังนะ" เธอเอ่ยปากพูดขึ้น "ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าอะไรคือครั้งแรก.. ฉันสนใจคุณภาพของมันมากกว่า และฉันไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องเสียหายตรงไหน จะว่าไงดี เอาเป็นว่า... ฉันไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เท่าไหร่ ไม่ได้เสียใจหรือเสียดาย ไม่ได้ต้องการคนมารับผิดชอบ ฉันจัดการชีวิตตัวเองได้"

     

    "...."

     

    "อ่อ และก็อีกอย่าง แวมไพร์หน่ะเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถสมานแผลรวมถึงความเจ็บปวดทางร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เพราะงั้นแค่นี้สบายมาก"

     

    "...."

     

    "ขอบคุณสำหรับความสนุกเมื่อคืน แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ต้องการ แล้วก็นะ.."

     

    "...."

     

    "ฉันไม่ต้องการคุณแล้ว ออกจากห้องได้แล้ว บาย"

     

    "ว้า.. โหดร้ายจังเลยนะ" ชายหนุ่มเอานิ้วเกลี่ยแก้มคนตรงหน้าเบาๆ "แต่ว่านะ ช่วงนี้เราคงต้องเจอกันไปอีกนาน.. อาซาอาจจะยังไม่รู้ แต่ว่าผมย้ายมาอยู่คอนโดนี้ได้ราวๆสัปดาห์กว่าๆแล้ว และที่สำคัญ ห้องของผมอยู่ฝั่งตรงข้ามของห้องอาซาด้วยนะ... อาซาจะห้ามใจตัวเองได้หรอ... เมื่อคืนน่ะสนุกแค่ไหน คืนต่อไปก็จะสนุกมากกว่านั้นอีกนะครับ"

     

    "ไม่ล่ะ.. ฉันไม่ชอบอะไรที่มันซ้ำซาก... "

     

    "ของที่เคยถูกทานแล้วหน่ะ มันไม่น่าเอากลับมาทานอีกรอบหรอกนะ" เธอพูดต่อ

     

    "หึ" เขาแสยะยิ้มออกมา เป็นอีกครั้งที่คนตรงหน้าทำให้เขารู้สึกโกรธและรู้สึกอยากขย้ำในเวลาเดียวกัน ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าร่างกายของคนตรงหน้าคงยังไม่เหมาะให้เขาทำอะไรได้มากมายนักในตอนนี้..

     

    แต่ก็เอาเถอะ เรายังมีเวลาทำอะไรอีกมากมาย

     

    "ของที่เคยถูกทานไปแล้วหน่ะ ถ้ามันดี ยังไงก็ต้องมีคนกลับไปซื้ออีกไม่ใช่หรอ..  แล้วก็นะ นักจิตวิทยากล่าวว่า80% อาหารมื้อแรกหน่ะ คนกินจะจดจำมันไปตลอดชีวิตเลยนะครับ"

     

    "งั้นก็รู้ไว้ว่าฉันคือ 20%ที่เหลือ"

     

    "แล้วถ้า20%ที่เหลือ คือคนที่ชอบมากจนต้องซื้อมากินทุกวันล่ะ"

     

    "แล้วนักจิตวิทยาคนนั้นนี่ชื่ออะไรหรอ"

     

    "จิราวัติ ครับ" ใช่แล้ว ชื่อของผมเอง แม้ว่าผมจะเรียนสถาปัตถ์ก็ตาม

     

    "งั้นต้องขอโทษด้วย แต่ฉันคงไม่สามารถเชื่อถือนักจิตวิทยาคนนี้ได้"

     

    "...."

     

    "และต่อให้สิ่งที่พูดมาเป็นความจริง.."

     

    "...."

     

    "คงต้องพูดว่าฉันอาจจะเป็น0% ที่เหลือ ไม่ก็.. ฉันเป็นแวมไพร์ ไม่ใช่มนุษย์  จิตวิทยาใช้กับฉันไม่ได้หรอก... ชัดนะคะ คุณหมาป่าที่รัก"

     

    เขายักคิ้วให้กับความยียวนของเธอหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะก้มลงไปประกบปากสีแดงอันอวบอิ่มอย่างเหลืออดเสียไม่ได้ ก็พอจะรู้อยู่หรอกนะว่าตอนนี้ปากเธอคงกำลังระบม แต่ก็นะ.. ถ้าเจ็บปากแล้ว ยังจะสามารถพูดจายั่วโมโหเขาได้ขนาดนี้ละก็..

     

    คงต้องลองชิมรสชาติสะหน่อย

     

    หญิงสาวยังคงนอนนิ่งๆ เธอไม่ได้ขัดขืนแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะผลักเขาออก

     

    ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บ แต่ถ้าผลักออกตอนนี้ก็เท่ากับว่าเธอยอมแพ้นะสิ

     

    แต่ก็เอาเถอะ.. อะไรที่เสียไปแล้วยังไงมันก็เอากลับคืนมาไม่ได้แล้ว ตอนนี้สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามีเพียงอย่างเดียว.. ล้างแค้นไงหล่ะ

     

    หลังจากจูบที่ยาวนานสิ้นสุดลง เขาก็เดินออกจากห้องไป แต่ก็ยังไม่วายพูดจากแซะเธออยู่ดี

     

    หญิงสาวยังคงนอนมองเพดานด้วยสีหน้านิ่งๆเหมือนเดิม

     

    ต่างเพียงอย่างเดียว คือตอนนี้ของเหลวสีใสๆกำลังเริ่มไหลออกมาจากหางตา

     

    ฉันเสียมันไปแล้ว ฉันเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว..

     

    และฉันดันเสียมันให้กับไอ้บ้านั่น

     

    เธอยังคงจำเหตุการ์ณช่วงมัธยมได้ดี เหตุการณ์ที่เธอไม่มีวันลืม

     

    เหตุการ์ณที่ทำให้เธอกลายมาเป็นคนแข็งแกร่งในวันนี้

     

    ย้อนกลับไปในสมัยมัธยม

     

    เดาว่าช่วงนั้นคงเป็นช่วงที่เด็กทั้งหลายกำลังอยู่ในโหมด 'ตามหารักแท้'

     

    แน่นอนว่า พวกคุณหาไม่เจอหรอก

     

    ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน

     

    มีคนมากมายเข้ามาในชีวิตฉัน แต่คนที่ได้หัวใจฉันไปครอบครองมีเพียงคนเดียว คือ 'พี่นทธนา'

     

    เธอรู้จักกับเขาครั้งแรกในวันที่ฝนตก ราวกับมันคือนิยาย

     

    หญิงสาวยืนอยู่ใต้อาคารเรียน ไม่กล้าวิ่งไปที่ป้ายรถเมล์เพราะกลัวผลงานชิ้นสำคัญของ เธอจะเปียก

     

    ทันใดนั้น ก็มีมือหนึ่งเดินมาสะกิดเธอ พร้อมกับยื่นร่มให้

     

    และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความหายนะ

     

    แล้วมันก็เป็นดั่งที่ใครๆ กล่าวไว้ แรกรักมักหอมหวาน ดั่งน้ำตาลทราย ชีวิตในช่วงนั้นของเธอจัดได้ว่ามีความสุขสุดๆไปเลยนั่นหละ

     

    แต่ว่าหลังจากนั้นได้ราวๆหกเดือน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป นทธนาเริ่มมีผู้หญิงคนอื่นเข้ามาข้องเกี่ยวเป็นระยะๆ ไหนจะทั้งเรื่องกินเหล้า สูบบุหรี่ มันทำให้หญิงสาวเริ่มทนไม่ไหว ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจบอกลา

     

    แต่เรื่องราวมันยังไม่จบเพียงเท่านี้ จะด้วยเพราะความรู้สึกเสียหน้าหรืออะไรก็ตามแต่ หลังจากนั้นจากที่พี่นทธนาถูก เธอบอกเลิกไป เขาก็เริ่มพาเพื่อนของตัวเองมาละลานเธอเรื่อยๆ

     

    บางครั้งก็แกล้งทำเป็นเดินผ่านแล้วด่าลอยๆ

    บางครั้งก็แกล้งใส่ร้ายเธอให้คนอื่นฟัง

     

    พวกเขาทำเหมือนว่าเธอเป็นตัวตลก

    เธอเองก็พยายามจะอยู่เฉยๆและหลีกเลี่ยงพวกเขามาโดยตลอด

    เพราะคิดว่าสักวันพวกเขาจะคิดได้ และหยุดไปเอง

    เธอยังคงถูกกลั่นแกล้งแบบนี้ไปเรื่อยเป็นเวลาราวๆปีครึ่ง

     

    จนกระทั่งเย็นวันนั้น...

    วันที่เฟสบุคของเธอเต็มไปด้วยคำดูถูก

    เธอไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร

    สนุก? สะใจ? ตลก? ขำ? ทำเล่นๆ?

    ไม่ว่าจะเพราะเหตุใด แต่เธอก็ไม่รู้สึกขำด้วยเลยสักนิด

     

    หลังจากวันนั้น เธอก็เปลี่ยนตัวเองใหม่

    เธอได้สร้างตัวตนใหม่ของเธอขึ้นมา

    'หน้ากาก'

     

    เธอจะสวมมันทุกครั้งเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่เธอไม่ชอบ

    หน้ากากที่เรียบนิ่งหยิ่งยโส ประหนึ่งว่าเธอไม่รู้สึกอะไร

    ไม่ยินดียินร้าย

     

    แต่เมื่อได้โอกาส คนเหล่านั้นจะถูกเธอลอบกัดอย่างช้าๆ

    เธอชอบลอบกัดคนแบบช้าๆ และปล่อยให้พวกเขาตายอย่างทรมาน

    เธอใช้เวลาเพียงหนึ่งปีในการทำให้กลุ่มเพื่อนของนทธนาทะเลาะและแตกหักกัน

     

    ค่อยๆเสี้ยมอย่างช้าๆ

    เป่าหูคนนู้น ผ่านปากคนนี้ แทงข้างหลังคนนั้น

     

    ก็.. สนุกดีนะ

     

    สุดท้ายทุกคนที่มาทำลายเธอต่างก็มีจุดจบที่จัดว่าแย่แทบไม่ต่างกัน

    แหม.. น่าสมเพช เอ้ย สงสารจริงๆ

     

    แต่

     

    ยังเหลืออีกคนที่เธอไม่สามารถทำอะไรเขาได้

     

    'จิราวัติ' หรือที่เรียกสั้นๆว่า 'กุริ'

     

    ไอ้บ้าหน้าคางคก ที่เบ้าหน้าก็ไม่คล้ายคนญี่ปุ่นแต่ไม่รู้ทำไมถึงตั้งชื่อแบบนี้

     

    ไอ้บ้าที่หน้าด้านหน้าทน ไม่ว่าจะถูกเธอกลั่นแกล้งยังไงก็ไม่เคยสะทกสะท้านใดใด

     

    และตอนนี้มันยัง.. มันยัง.. มันยังมาพรากซิงของฉันไปอีก

     

    เจ็บนะว้อยยยยยยยยยยยยย

     

     

    'ตื้ดดดดดดด ตื้ดดดดดด ตื้ดดดดดดด'

     

    "ฮัลโหล" หญิงสาวกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ เธอไม่จำเป็นต้องดูชื่อหน้าจอ เพราะเธอพอจะเดาออกว่าใครโทรมา

     

    "ไอ้เพื่อนบ้า" เสียงแหลมสูงตะโกนตอบกลับมา จนอาซาต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากใบหู "เมื่อคืนแกหายไปไหนมา พวกฉันเป็นห่วงแทบแย่ หายไปไม่บอกกันเลย แล้วตอนนี้อยู่ไหนแล้ว ไหวรึเปล่า เมื่อวานไอ้เดย์บอกว่าแกเมาหนักมาก พวกฉันหาแกทั่วงานก็หาไม่เจอ สรุปตอนนี้แกอยู่ไหน ปลอดภัยรึเปล่า"

     

    "เห้ยๆ.. ใจเย็นๆ" หญิงสาวขำเล็กน้อย "ตอนนี้ฉันอยู่ที่คอนโดของตัวเอง ฉันไม่เป็นอะไร สบายมาก"

     

    ปลายสายเงียบไปสักครู่ก่อนจะเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงกังวล "นี่... แก... ร้องไห้อยู่หรอ"

     

    "บ้าเธอพยายามกลั่นเสียงสะอื้นของตัวเอง ฉันเป็นหวัดเลยเสียงอู้อี้ต่างหาก"

     

    "แน่นะ"

     

    "แน่ดิ แกจะบ้าหรอ แกคิดว่าฉันจะร้องไห้เพราะว่าเสียใจที่เมื่อคืนเมาหนักไปหน่อย เลยอดดูดคอผู้ชายให้ครบทั้งงานหรอจ้ะ" เป็นอีกครั้งที่เธอต้องแกล้งพูดตลกเพื่อกลบเกลื่อนความจริง

     

    "อีบ้า ฉันก็อุส่าเป็นห่วง"

     

    "จ้าๆ ขอบใจจ้า แค่นี้นะ ฉันจะนอน ยังง่วงๆอยู่เลย หาววววว"

     

    "ตอแหล ขี้เกียจฟังฉันบ่นก็พูดมา"

     

    "ฮ่าฮ่าฮ่า แสนรู้จริงๆเลยนะ"

     

    "ไอ้บ้า ไม่คุยด้วยแล้ว บายย"

     

    "บ้ายบุย จุ้บๆ"

     

    สุดท้ายหญิงสาวก็เลือกที่จะซ่อนความรู้สึกของตัวเองไว้ภายใต้หน้ากากอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำแบบนี้ และก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเสียด้วย เธอไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น และก็แทบจะไม่เคยมีใครได้เห็นมัน และเธอก็ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนั้นไปตลอดกาล

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×