คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1 ใต้เงาของพระจันทร์
บทที่ 1
ใต้เงาของพระจันทร์
สองเท้ารีบจ้ำอ้าวเดินตรงเข้าสู่สถานอโคจรชื่อดังใจกลางกรุง แน่นอนว่าสถานที่แบบนี้คุณอาจจะไม่ค่อยรู้จักสักเท่าไหร่ หรือคุณอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อของมันเลยด้วยซ้ำ ในกรณีที่คุณเป็น “มนุษย์”
แต่สำหรับพวกเราชาวทรานส์ มันคือสถานที่ประจำสำหรับการจัดงานรื่นเริงต่างๆ
คุณอาจจะงงว่าอะไรคือ ชาวทรานส์ แน่นอนว่าคำนี้ไม่ได้มีที่มาจากคำว่าทาร์ซานแน่นอน อย่าแม้แต่จะคิดเชียว
ชาวทรานส์คือสิ่งมีชีวิตที่มีหน้าตาเหมือนมนุษย์ ใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ และอยู่ร่วมกันกับมนุษย์
ถ้าคุณเป็นมนุษย์คุณจะแยกพวกเราไม่ออก แต่ถ้าคุณเป็นพวกเราแล้วละก็ แม้ว่าจะอยู่คนละเผ่าพันธุ์ คุณก็สามารถแยกเราได้
แน่นอนว่าพวกเราเองก็มีความต้องการเหมือนมนุษย์
ดื่มเหล้า เมาปลิ้น ดิ้นกระจาย หาคู่ ล่าเหยื่อ
แต่เราคงจะไม่ไปเมากันในที่สถานอโคจรซึ่งเต็มไปด้วยเหล่ามนุษย์หรอกนะ
ทำไมหน่ะหรอ?
อืม.. เดาว่าคุณคงไม่อยากเจอแวมไพร์สยายปีก ปีศาจแยกเขี้ยว คนที่มีท่อนล่างเป็นงู หรือคนที่มีปาก3อันหรอกนะ แน่นอนว่านี่มันไม่ใช่วันฮาลาวีน เพราะงั้นเราจะไม่มีข้ออ้างเลยในกรณีที่เราเมาจนคุมสติไว้ไม่อยู่เมื่อเราเผยร่างแท้ เราจะถูกคุกคาม ดังนั้นถ้าคิดจะเมา จงเข้าสถานที่สำหรับชาวทรานส์เท่านั้น นี่คือคำที่ถูกบอกต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
ฉันเองก็คือหนึ่งในนั้น
ยินดีต้อนรับสู่โลกของแวมไพร์
โป้ก!
"คิดไรอยู่ เรียกแล้วก็ไม่ตอบ"
ความเจ็บที่ศีรษะทำให้หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นจากภวังค์ ก่อนที่จะหันกลับไปหาเจ้าของเสียงแล้วชูนิ้วซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างนิ้วชี้และนิ้วนางอันแสนบอบบางของตนให้กับผู้เป็นเพื่อนรัก
"มาก็ช้า ยังจะยืนใจลอยอีกวู้ววว" ติ เพื่อนสาวของเธอบ่นกระปิดกระปรอยก่อนจะจูงมือเพื่อนตัวเล็กให้เดินตามตนเองไปไปยังโต๊ะอาหาร
โต๊ะยาวสีดำสนิทถูกวางเรียงรายไปด้วยอาหารนานาชนิด และที่ขาดไม่ได้เลยขวดขวดแก้วที่บรรจุของเหลวอันเลิศรส
หญิงสาวมองพวกมันด้วยความพึงพอใจก่อนที่จะหันไปทักทายเพื่อนฝูง ช่วงนี้เธอเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องเนื่องจากยังเขียนต้นฉบับงานไม่เสร็จ จึงทำให้เธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกมาสังสรรค์สักเท่าไหร่ ที่เธอมางานนี้เพราะยอมใจให้กับเหตุผลและคำชวนเนื่องด้วยเจ้าภาพของงานเป็นเพื่อนสนิทของเธอมาตั้งแต่สมัยเด็ก หากจะไม่มาคงต้องฟังมันดราม่าอีกยาว
หญิงสาวร่างบางซึ่งอยู่ในชุดเดรสรัดรูปสีดำสนิทลายลูกไม้ ผมยาวสีน้ำตาลเข้มถูกดัดเป็นลอนปล่อยสยายกลางหลัง รับกับใบหน้าขาวผ่องที่ถูกแต่งแต้มเล็กน้อยเพิ่มความเย้ายวน ปากอวบอิ่มสีแดงฝาดกำลังขยับไปมาในขณะที่เจ้าหล่อนหยอกเย้าอยู่กับบรรดาเพื่อนๆ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นตกเป็นเป้าสายตาของชายแทบทั้งงานแล้ว
แน่หละ 'ไอยศา' หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ 'อาซา' แวมไพร์สาวเจ้าเสน่ห์ ดีกรีนักศึกษาคณะอักษรปีสาม ควบตำแหน่งนักเขียนหน้าใหม่ไฟแรง ซึ่งในยามปกติแม้เธอจะไม่แต่งหน้า และสวมเพียงเสื้อยืดกางเกงยีนส์ก็ตกเป็นเป้าสายตานับหลายสิบคู่แล้ว แต่ในวันนี้เธอมาในลุคที่ค่อนข้างยั่วยวนและชวนมองขนาดนี้ ใครไม่มองคงจะไม่ใช่ผู้ชายแล้วหละ
จริงๆเธอเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบแต่งตัวอะไรมากมายนัก แต่ช่วงนี้เธอแทบไม่ได้ไปไหนเลย เพราะฉะนั้นทุกเวลาทุกนาทีในตอนนี้มีค่าสำหรับเธอมาก ถ้าคิดจะพักสมองก็ต้องพักให้เต็มที่เช่นกัน 'เอาให้สุด แล้วหยุดที่คำว่าพอ' นี่คืออีกหนึ่งคติในชีวิตเธอ เธอเป็นบุคคลที่ทำอะไรแบบครึ่งๆกลางไม่ค่อยเป็น ดังนั้นถ้าเธอพูดว่าจะทำนั่นหมายความว่าเธอจะทุ่มสุดตัว และถ้าเธอพูดว่าเธอจะไม่ทำ นั้นหมายความว่าฉันไม่แคร์และไม่สนใจเช่นกัน
มีผู้คนมากมายเข้ามาทำความรู้จักกับเธอ แต่หญิงสาวเลือกพูดคุยแค่เฉพาะคนที่ตนเองสนใจเท่านั้น
หมายถึง.. สนใจเลือดของเขาหน่ะ
หลังจากได้รับเลือดในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว เธอจึงหันกลับมากระดกของเหลวสีสวยที่ให้ผลเสียต่อร่างกายบ้าง
เอาน่า.. มีบวกก็ต้องมีลบถึงจะสมดุล
เธอกระดกของเหลวลงคอรวดเดียวจบก่อนที่จะคว้าแก้วข้างๆมาดื่มต่อ และทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จากหนึ่งเป็นสอง สองเป็นสาม สามเป็นสี่ สี่เป็น..
ก็แหม.. คนมันเปรี้ยวปากมาตั้งนาน..
เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ร่างบางยังคงพยายามอัดของเหลวลงสู่ตับตัวเอง ในขณะที่ปากยังคงทำหน้าที่ดื่มและพูดคุยกับเพื่อนในกลุ่มอย่างสนุกสนาน โดยที่เธอไม่เคยรู้ตัวเลยว่าในบรรดาสายตาที่จ้องจะบดขยี้เธอหลายสิบคู่นั้น มีคู่หนึ่งที่กำลังมองมาที่เธอพร้อมกับแสยะยิ้มออกช้าๆ
แววตาของหมาป่าหนุ่มที่กำลังจ้องจะบดขยี้ลูกแกะในคราบของแมวสาว
เธอไม่รู้สึกถึงความอันตรายใดใดเลย จนกระทั่งวินาทีที่เธอตัดสินใจจะออกจากงานและกลับสู่คอนโดของตัวเอง
เธอไม่เคยรู้เลยว่ามีใครบางคนเดินตามเธอมาด้วย
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกหญิงสาวก็รีบสาวเท้าตรงไปยังห้องของตัวเองที่อยู่ริมสุดของทางเดิน
ห้องที่เธอเก็บตัวอยู่ข้างในโดยตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นเวลานานราวๆสองสัปดาห์ เธอไม่รับรู้และไม่สนใจเหตุการณ์ใดใดที่เกิดขึ้น เธอเคยไม่รู้จักกับคนข้างห้องหรือเพื่อนร่วมคอนโดเลยสักคน และเธอเองก็ไม่ต้องการรู้จักด้วย จากบทเรียนชีวิตที่ผ่านมาสอนให้เธอรู้จักว่ายิ่งรู้จักคนมากท่าไหร่ยิ่งสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตของเธอโดยไม่จำเป็นมากเท่านั้น
คอนโดเปรียบเสมือนบ้านหลังหนึ่งของเธอ เธอชอบบ้านที่ให้ความสงบและไม่ต้องการเพื่อนบ้านจอมจุ้น ดังนั้นคงจะดีกว่าถ้าเธอจะอยู่แบบไม่ทำความรู้จักใคร
จะด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือเพราะอาการง่วงสะสมจากการนอนดึกเป็นประจำก็ตาม ในตอนนี้หญิงสาวรู้สึกง่วงชนิดที่ว่าอยากจะลงไปนอนกองกับพื้นให้ได้เสียตรงนี้
สติของเธอเริ่มเลือนรางประกอบกับอาการมึนที่ศีรษะทำให้เธอไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนกำลังประชิดตัวของเธอมาเรื่อยๆ
มือบางกดรหัสผ่านตรงประตูห้องของตน ก่อนจะหมุนจะลูกบิดช้าๆ
แต่แล้วขาของเธอก็อ่อนแรงเอาเสียสะดื้อๆ
ภาพทุกอย่างเริ่มเบลอหนักกว่าเดิม
หญิงสาวรู้สึกได้ว่าตัวของเธอกำลังล้มลง เธอไม่สามารถทำอะไรนอกจากหลับตารอความเจ็บที่กำลังจะต้องพบเจอทันทีที่ร่างกายของเธอสัมผัสลงพื้น
อาซาหลับตาอยู่นาน แต่ความเจ็บที่เธอคิดไว้ในตอนต้นก็ยังคงไม่เข้าทำร้ายเธอ
หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนที่จะพบว่าตนเองอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของใครสักคน ซึ่งตอนนี้เขาคนนั้นถือวิสาสะอุ้มเธอและเดินเข้ามาในห้องประหนึ่งว่านี่เป็นบ้านของเขา
บุคคลปริศนาวางตัวเธอลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะขึ้นคร่อมประกบปากหวานของเธอ
เป็นจูบที่ทั้งหวานและขมในคราวเดียวกัน
กลิ่นเหล้าลอยคละคลุ้งไปทั่วห้องนอน
ส่วนหนึ่งมาจากตัวเธอและอีกส่วนมาจากผู้ที่ครอบครองริมฝีปากของเธอ
เธอเดาว่าในตอนนี้เขาเองก็คงจะเมาพอๆกัน ไม่อย่างงั้นคงไม่กระทำอะไรที่อุกอาดแบบนี้
แสงสลัวๆจากดวงจันทร์ทำให้เธอพอจะมองเห็นโครงหน้าคร่าวๆของเขาได้ แม้ว่ามันจะไม่ค่อยชัดเจนนักก็ตาม
มันเป็นใบหน้าที่เธอรู้สึกเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเคยเจอเขาที่...
หญิงสาวพยายามจะนึกให้ออก แต่ในตอนนี้สมองและร่างกายของเธอมันล้าเกินกว่าที่จะมานั่งคิดเรื่องพวกนี้แล้ว
มือสากที่ลูบไล้บริเวณต้นขาเริ่มลากยาวขึ้นมาถึงบริเวณขอบกระโปรง
นี่เป็นครั้งแรกที่คนกล้ากระทำละลาบละล้วงแบบนี้กับเธอ
อาซาพยายามจะผลักเขาออก แต่ก็ไม่สำเร็จ
ในตอนนี้เธอไม่ได้มีแรงมากขนาดนั้น
และแม้จะฟังดูน่าอาย แต่เธอเองก็กำลังรู้สึกเคลิบเคลิ้มเช่นกัน
สัมผัสอันแผ่วเบาจากมือหนาที่กำลังลูบไล้ทุกๆส่วนในร่างกายเธอ สร้างความเสียวสะท้านให้กับหญิงสาวอย่างไม่อาจต้านทานได้ ปากหนาที่กำลังหยอกเย้ากับริมฝีปากอวบในตอบแรกเริ่มย้ายไปที่บริเวณใบหูของร่างบางแทน
หญิงสาวครางออกมาเบาๆ ก่อนที่จะใช้มืออีกข้างผลักหัวเขาออกไป
ลิ้นร้อนลากลงมาเรื่อยๆจากกกหูไปสู่ลำคอขาวเรียวระหงส์ เขาฝากรอยแดงๆไว้สองสามจุดเพื่อเป็นเครื่องหมายตอกย้ำว่าสิ่งที่เกิดคือความจริง
ในเวลาไม่นานเสื้อผ้าของทั้งสองฝ่ายก็ลงไปกองอยู่ที่พื้น
ปลายคางที่เต็มไปด้วยขนสากกำลังลากลงมาจากบริเวณหน้าอกของเธอ และไต่ระดับต่ำลงไปถึงบริเวณหน้าท้อง
อาซาเผลอครางออกมาอย่างลืมตัว
เสียงครางหวานของเธอกระตุ้นอารมณ์ของคนด้านบนได้เป็นอย่างดี
มือหนาประคองใบหน้าได้รูปที่กำลังแดงก่ำด้วยฤทธิ์เหล้าและแรงอารมณ์ เขาก้มประกบริมฝีปากบางอีกครั้ง ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปลิ้มรสความหวานในโพรงปากนุ่ม หญิงสาวเผลอจูบตอบอย่างไม่รู้ตัว ลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวกันไปมา ลิ้นหนาเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กๆอย่างชำนาญ มันชั่งหอมหวานสะจนเขาไปอยากจะละริมฝีออกมาเลยจริงๆ
จนแล้วจนรอดเขาก็ต้องปล่อยให้เธอเป็นอิสระ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มหายใจไม่ออก
แต่มีหรือที่เขาจะยอมหยุดเพียงเท่านี้
มือทั้งสองข้างยังคงทำหน้าที่หยอกล้อกับร่างกายของเธออย่างเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในจุดอ่อนไหวของคนร่างเล็ก เสียงครางหวานดังออกมาเป็นระยะๆ หญิงสาวไม่มีอาการขัดขืนแต่อย่างใด แม้ว่าใจนึงของเธอจะรู้สึกกลัว แต่อีกใจนึงเธอก็อยากจะลองทำอะไรแบบนี้มาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ด้วยจริยธรรมทางสังคมของใครก็ไม่รู้ที่กำหนดออกมาว่าผู้หญิงควรจะรักนวลสงวนตัว ทำให้เธอต้องห้ามใจตัวเองไว้
ร่างใหญ่ก้มลงเกลี่ยแก้มหญิงสาวเบาๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
"ไม่ต้องกลัวนะ ตราบใดที่ฉันอยู่ตรงนี้เธอจะไม่มีวันถูกใครทำร้าย ฉันจะทะนุถนอมเธอเอง"
แม้ว่าอาซาจะยังไม่ได้หมดสติไป แต่ในตอนนี้ประสาทสัมผัสของเธอก็ไม่ได้มีมากเพียงพอที่จะมานั่งเรียบเรียงประโยคหรือแปลความหมายของมัน
เธอไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้าต้องการจะสื่ออะไร
เขาจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบาก่อนจะ ยกเรียวขาของคนตรงหน้าขึ้น
ความเจ็บปวดจำนวนมหาศาลเข้าถาโถมเข้าสู่ร่างกายของเธอโดยไม่ทันตั้งตัว
หญิงสาวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ของเหลวสีใสเริ่มซึมออกมาจากบริเวณหางตา
ชายหนุ่มใช้นิ้วเกลี่ยมันออกอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเลียคราบน้ำตาให้ออกจากใบหน้าอันแสนเย้ายวน
"ไม่ต้องกลัว ฉันจะอ่อนโยนกับเธอเอง" เขากระชับร่างบางที่นอนตัวสั่นเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอย่างหลวมๆพลางลูบหัวปลอบโยนอย่างเอ็นดู
หญิงสาวกอดชายหนุ่มแน่น มือบางจิกลงไปที่เเผ่นหลังอันแข็งแกร่ง
ทุกๆสัมผัสที่เขามอบให้มันชั่งเจ็บปวดและหวาบหวามในเวลาเดียวกัน
ความเจ็บปวดในตอนแรกเริ่มน้อยลง ความสุขเริ่มเข้ามาแทนที่
ค่ำคืนอันแสนยาวนานได้เริ่มต้นขึ้น พร้อมกับบทเพลงเคล้าสวาทที่ทั้งสองฝ่ายยังคงมอบให้กันอย่างต่อเนื่อง
เสียงเนื้อกระทบกัน ดังสลับกับเสียงครางหวานเป็นระยะๆ
เมื่อทุกอย่างจบลง หญิงสาวก็ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของชายหนุ่มปริศนา เธอยังคงนึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรแล้ว ตอนนี้ร่างกายของเธอมันอ่อนล้ามากเกินกว่าที่จะมาสนใจคำถามพวกนี้ เปลือกตาของเธอเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมันปิดสนิทในที่สุด
ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กในอ้อมกอดแล้วเผลอยิ้มออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว อะไรมันจะชั่งบังเอิญขนาดนี้
บังเอิญว่าเขาทะเลาะกับพ่อจนต้องย้ายออกจากบ้าน
บังเอิญว่าแม่ของเขาซื้อคอนโดที่นี่ไว้หวังเก็งกำไร
บังเอิญว่าห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของห้องเขาดันเป็นผู้หญิงที่เขาคุ้นเคยมานาน
และบังเอิญไปกว่านั้นคือ.. บังเอิญเจอเธอคนนั้นในสถานที่อโคจร
จะด้วยเพราะเธอดูเย้ายวนมากกว่าปกติในชุดเดรสสีดำ หรือเพราะส้นสูงที่ทำให้ขาของเธอดูน่าลูบไล้ยิ่งกว่าเดิม หรือจะด้วยอะไรก็ตาม
แต่ เขาก็ตัดสินใจเดินตามเธอมา
และสุดท้าย..
"หึหึ" เขากระตุกยิ้มมุมปาก "ในที่สุดเราก็ได้เจอกันนะ.. อาซา"
ชายหนุ่มก้มลงไปประทับตราแสดงความเป็นเจ้าของเธออีกครั้งบริเวณเนินอก ก่อนที่เขาจะหลับตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราโดยที่มีผู้หญิงคนนึงนอนอยู่ในอ้อมกอด
นานแล้วที่เขาไม่ได้มีความสุขขนาดนี้
ความคิดเห็น