ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระบบสวมบทบาทเป็นแฟนพระเอก

    ลำดับตอนที่ #3 : โลกที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ค. 66


    บทที่ 2

    พอเช้าวันต่อมา กวงหมิงมีกำลังใจเต็มเปี่ยม แสงประกายออกมาเป็นรัศมีกว้าง กระทั่งพ่อบ้านยังต้องยกมือบัง 

    ชุนอวิ๋นเห็นอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความสดใสของคู่แต่งงานต่างจากวันปกติ ก็พลันประหลาดใจว่าวันนี้อาจต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน จากการก่อเรื่องอันวุ่นวายในอดีต หากวันใดจางฉือหมิงมีสีหน้าร่าเริง อาจมีปัญหาตามมาอีกแน่นอน

    "วันนี้ผมไปทำงานด้วยได้ไหม?!"กวงหมิงร่าเริง ก่อนจะดึงชายเสื้อของสามีตนด้วยสายตาอ้อนวอน

    ปกติเพื่อนสนิทนิสัยในโลกนี้ต่างจากแต่ก่อนที่มีบุคลิกค่อนข้างอ่อนโยน ทว่าหลังจากวิเคราะห์นิสัยกับระบบแล้ว ชุนอวิ๋นเป็นคนที่มีความระวังตัวสูงมาก อาจเพราะครอบครัวเคยโดนหักหลังเรื่องธุรกิจ จึงเก็บเป็นบทเรียนแล้วนำมาพัฒนาตนเอง

    …และจากเนื้อเรื่อง จางฉือหมิงมีพฤติกรรมค่อย ๆ เปลี่ยนเพียงเล็กน้อยจากความเบื่อหน่ายในตัวของสามี หลังจากนั้นก็ถูกหลิวเหว่ยเสนอให้เป็นคนรักด้วยกัน จนกระตุ้นความระแวงสงสัยสืบค้นหาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วถูกฟ้องหย่าทันที

    ชุนอวิ๋นเพียงปรายตามองเจ้าของใบหน้ายิ้มน่ารัก พลางถอนหายใจอย่างปลงตก"อยากทำไรก็ทำ"

    "เสี่ยวอวิ๋นใจดีที่สุดเลย"กวงหมิงเอ่ยชม ขณะทางพ่อบ้านน้ำตารินไหลพรากในใจไปหลายครา ไม่คาดคิดว่าทั้งสองคนจะเริ่มมีความสัมพันธ์ดีต่อกันได้ในปัจจุบัน

    ทั้งสองจัดการธุระในตอนเช้า แล้วเดินทางตรงสู่บริษัท จากนั้นก็แยกทำงานของตนเอง พนักงานบางคนเห็นคู่แต่งงานของประธานบริษัทมาก็พลันส่ายหน้า อีกฝ่ายใช้เส้นสายเข้ามาทำงาน ไม่แปลกที่ไม่ค่อยมีคนชอบนัก คงมีเพียงเลขาระดับสอง หลิวเหว่ยยอมคุยกับจางฉือหมิงด้วย

    แน่นอนว่าตอนกวงหมิงถึงโต๊ะของตนเอง คนแรกที่เข้ามายืนยิ้มต้อนรับก็คือ ว่าที่กิ๊กของจางฉือหมิงนั้นเอง

    "นายมาเช้าจังเลยนะ"

    เห็นใบหน้าของคนที่ต้องร่วมมือกันทำร้ายเพื่อนสนิทก็พลันอารมณ์เสียขึ้นมานิดหน่อย จึงทักทายด้วยน้ำเสียงห้วน"อรุณสวัสดิ์"

    ทว่าหลิวเหว่ยไม่ได้สังเกต เขายังคงลักษณะรอยยิ้มจอมปลอม"…เช้าวันนี้ท่านประธานทำให้นายลำบากใจหรือเปล่า?"

    ไม่แปลก หากเลขาะดับสองถามเช่นนี้ เพราะเขาเป็นคนเริ่มต้นให้กวงหมิงรู้จักกับคนกลุ่มนั้นในผับ ซึ่งส่วนมากเป็นวัยรุ่นนิสัยเสีย ชอบรังแกคนอื่น ทว่าเมื่อวานก่อนกวงหมิงทะเลาะกับสามีจนหัวเสีย แล้วออกไปดื่มเหล้าตามคำแนะนำคนรู้ใจอย่างหลิวเหว่ย แต่กลับเกิดเหตุการณ์ประธานลากออกไปกลางคัน

    คาดว่าหนึ่งในคนกลุ่มนั้นคงคาบข่าวไปบอกหลิวเหว่ย จนอีกฝ่ายมาถามสถานการณ์เบื้องต้นกับกวงหมิง เพราะกลัวโดนเอี่ยวถึงขนาดเสียแผนการในอนาคต

    "ปกติเหมือนทุกวัน"กวงหมิงตอบเลี่ยง พลางนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์ตามคู่มือใช้งาน เพื่อเข้าสู่แอพพลิเคชันเกมที่ระบบเคยบอกว่ามันสนุกมากสำหรับจางฉือหมิง แถมยังเป็นการให้เขาเรียนรู้เทคโนโลยีของบนโลกใบนี้ด้วย

    ทางด้านหลิวหว่ยได้ยินคำตอบก็ระลึกได้ว่าปกติเหมือนทุกวัน คือ ทะเลาะกันอย่างที่เคยเป็นมา และอาจไม่ได้มีสิ่งเกี่ยวข้องกับตนเอง เขาจึงโล่งใจ แล้วขยับยิ้มอย่างใจดี"หากนายไม่พอใจ แล้วอยากออกไปคลายเครียด บอกฉันได้ทุกเมื่อนะ"

    "ตกลง"กวงหมิงพยักหน้า ไม่เอ่ยรั้งว่าที่คนร่วมมือสวมหมวกชาเขียวด้วยกันกำลังเดินจากไป ตอนนี้เขากำลังจดจ้องกับข้อมูลเกมตรงหน้าเท่านั้น

    ไม่นานหลังจากทำความเข้าใจก็พบว่ามันไม่ได้ยากขนาดนั้น แค่พยายามพิชิตผ่านแต่ละด่านก็พอ

    เวลาผ่านไปจนพักเที่ยง ซึ่งพนักงานถือเป็นดั่งสรวงสวรรค์ประทานก็ไม่ปาน ทุกคนรีบร้อนลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อทานอาหารเที่ยง ทว่ากลับมีคนหนึ่งนั่งเล่นเกมบนโต๊ะอย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งระบบอดเตือนไม่ได้

    [โฮสต์ครับ มนุษย์ต้องทานอาหารสามมื้อเพื่อสุขภาพร่างกายนะครับ]

    มนุษย์นี่ช่างลำบากเสียจริง

    …จะเป็นอะไรไหม ถ้าเขาบำเพ็ญเพียรในโลกนี้ให้จบ ๆ จะได้ไม่ต้องทานข้าวน่ะ

    [ทำแบบนั้นได้ที่ไหนกันเล่าโฮสต์!]

    [ถ้าโฮสต์อยากเล่นเกมต่อ รีบไปทานข้าวแล้วค่อยกลับมาเล่นเกมก็ได้]ระบบเสนอเพื่อโน้มน้าวใจท่านเทพติดเกม

    กวงหมิงถอนหายใจ สำหรับเทพแล้ว การทานอาหารถือเป็นการผ่อนคลายอารมณ์อย่างนึง ซึ่งได้รับประเพณีมาจากโลกมนุษย์ เนื่องจากสมัยก่อนเทพบรรพกาลไม่ค่อยทานอาหารเหมือนเผ่าอื่น

    ส่วนมากจะนั่งซึมซับไอสวรรค์เพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียรมากกว่า นั่นถึงจะเรียกว่าเป็นการทานอาหารของเหล่าเทพเซียน เพราะพวกเขาได้ละทิ้งความอยากอาหารมานานหลายแสนปีแล้ว 

    แต่เทพองค์หนึ่งบนสวรรค์เกิดความคิดรับวัฒนธรรมจากเผ่ามนุษย์โลกเข้ามา เผ่าสวรรค์จึงมีความครึกครื้นและความนิยมในการทานอาหารก็เพิ่มจากแต่ก่อน เนื่องจากพวกเขาได้ค้นพบของแก้เบื่อแล้ว

    กวงหมิงเดินทางตามเส้นทางจากหน้าจอของระบบ พาตรงไปยังโรงอาหารของเหล่าพนักงาน ท่ามกลางสายตาแปลกใจของหลายคนที่กระซิบกระซาบข้างหูของคนถูกนินทาอย่างชัดเจน

    "ทำไมเขาถึงมาที่นี่ล่ะ?"

    "ปกติชอบทำตัวหยิ่งยโสไม่คุยกับใคร เพราะคิดว่าเป็นคนสนิทของท่านประธาน"

    "นอกจากงานการไม่ทำ ยังมากินข้าวกับพวกเราด้วยท่าทางแบบนั้น น่าหมั่นไส้จริง ๆ"

    ระบบ คนบนโลกนี้ค่อนข้างสมองทึบหรอ?

    [ทำไมหรอครับโฮสต์?]

    …ปกติเผ่าเทพถึงจะนินทากันจริง ๆ ก็ไม่ได้นินทาใกล้ชิดขนาดนี้

    เหล่าเทพเซียนมีประสาทสัมผัสที่ดีมากจากการบำเพ็ญพลัง จึงไม่ค่อยนิยมนินทาใกล้ชิดบุคคลที่สามกันมากนัก  แต่คนบนโลกนี้สมองมีปัญหาหรืออย่างไร หากจะนินทาควรนินทาที่อื่นดีหรือไม่?

    ระบบหัวเราะเสียงแห้ง เงียบไปหลายนาทีก่อนจะตัดสินใจตอบ[เขาตั้งใจนินทาให้โฮสต์ได้ยินครับ]

    หือ?

    มีแบบนี้ด้วยหรือ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×