ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระบบสวมบทบาทเป็นแฟนพระเอก

    ลำดับตอนที่ #26 : โลกที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 7 ส.ค. 66


    บทที่ 25

    รู้ตัวอีกที ในถ้วยของกวงหมิงก็เต็มไปด้วยผักพร้อมกับสายตาคาดหวังของหวังไป๋อวิ๋นส่งต่อมาด้วยกัน ชายหนุ่มทำกิริยาแสดงออกไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ ไม่คิดว่ามาเพียงวันแรก ท่านอ๋องก็แสนดีกับหวางเฟยขนาดนี้

    ปกติในบทไฟล์ที่ระบบส่งมา หวังไป๋อวิ๋นต้องอยู่ปลอบใจหนิงจิงแล้ว ทว่าตอนนี้ทำไมอีกฝ่ายคล้ายจะปลอบเขาแทนเล่า

    เนื้อเรื่องผิดเพี้ยนมาก

    มีคนมาแทรกซ้อนเรื่องราวของโลกใบนี้หรือเปล่า?

    พฤติกรรมของทุกตัวละครมันแปลกราวกับมีคนมาชักจูงให้พวกเขาออกนอกบทแต่แรก เพราะหากพูดถึงการชักจูงให้ออกนอกบทก็อาจมีอันตรายกับจิตวิญญาณเทพของไป๋อวิ๋นได้ เนื่องจากเทพแห่งท้องนภาอาจเสี่ยงโดนเอกลักษณ์ของโลกทำลายจิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณอันอ่อนแอของเทพท้องนภามีสิทธิ์ง่ายมากที่จะโดนต้านทานจากเอกลักษณ์ของโลก 

    …เป็นไปได้ไหมที่จะเกี่ยวข้องกับลูกน้องทั้งสามของจอมมาร?

    กวงหมิงทำสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะถูกมือของฝ่ายตรงข้ามเคาะหน้าผากเรียกสติให้กลับมา"ตอนกินข้าว อย่าขมวดคิ้ว"

    การบอกว่าอย่าขมวดคิ้วคืออย่าคิดมาก แต่ไม่ให้เครียด จะให้ทำยังไงเล่า!

    ตอนนี้ทั้งหวังไป๋อวิ๋นและเขาต่างตกอยู่ในอันตราย

    ถึงกวงหมิงจะพูดบ่นงึมงำในใจ ทว่าสีหน้าของเขาก็สื่อออกมาอย่างเต็มที่ว่าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของชินอ๋อง

    ชินอ๋องเพียงถอนหายใจ"เจ้าคิดมากเรื่องไทเฮาใช่หรือไม่"

    หากหวังไป๋อวิ๋นอ่านใจหวางเฟยตนเองได้ คงพบว่าคนที่เป็นสาเหตุทำให้กวงหมิงคิดมากก็คือ ตัวเอง ต่างหาก แต่หวังไปอวิ๋นไม่ทราบ เขากล่าวต่อ"พวกเราไม่จำเป็นต้องเข้าเฝ้าไทเฮาแล้ว"

    "งั้นพวกเราก็ไม่ต้องเข้าวังหลวงเพื่อยกน้ำชาใช่ไหม?"ดวงตาของกวงหมิงเต็มไปด้วยตวามดีใจ เนื่องจากเขาจะไม่ได้ตื่นเช้าเพื่อเตรียมตัว แถมยังนอนสบายจนถึงเที่ยงได้อีก!

    "ไม่"น้ำเสียงปฏิเสธของชินอ๋องพังทลายความคิดของหวางเฟยเป็นเสี่ยง ๆ

    "แต่ไทเฮาทรงประชวรไม่ใช่รึ?"เห็นสีหน้างุนงงของกวงหมิง ชินอ๋องก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ มือของชายหนุ่มคีบผักให้อีกฝ่ายต่อดั่งเป็นการใบ้ให้กวงหมิงตื่นเช้ามาเผชิญหน้ากับคำตอบในพรุ่งนี้เอง

    หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ชินอ๋องก็หายหน้าหายตาไปทันทีราวกับอีกฝ่ายแวะมาเพื่อรับประทานอาหารเฉย ๆ 

    กวงหมิงไม่ได้สนใจสามี เขาตัดสินใจอ่านหนังสือนวนิยายตลอดทั้งคืนเป็นการผ่อนคลาย รวมถึงลบล้างความเครียดจากเรื่องทุกคนกำลังออกนอกบท ก่อนจะหลับบนเตียงพร้อมกับหนังสือโดยไม่รู้ตัว แถมเขายังหลับลึกจนไม่รู้ว่ามีชินอ๋องเดินเข้ามาในห้อง ซึ่งกำลังมองใบหน้าหลับใหลของกวงหมิงด้วยสายตานิ่งสงบ

    …ไม่รู้ทำไมหวังไป๋อวิ๋นเหมือนจะเคยเห็นใบหน้าของหวางเฟยมาก่อน 

    ชายหนุ่มนึกคิดในใจ พลางเอนกายนอนลงบนอีกฝั่งของเตียงนอนเบา ๆ ไม่รบกวนการเข้าสู่ห้วงนิทราของกวงหมิง 

    พ่อบ้านกล่อมเขาว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นคู่แต่งงานที่พึ่งเข้าสู่พิธีได้ไม่นาน สมควรที่จะนอนหลับบนเตียงเดียวกัน และลองใช้ชีวิตด้วยกันไปก่อน

    หากไม่ชอบก็ค่อยต่างคนต่างอยู่เพื่อใช้ชีวิต 

    คราวแรกชินอ๋องได้ยินพ่อบ้านพูดเช่นนี้ก็ไม่เห็นด้วย เพราะทั้งหวางเฟย และเขาไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน จะสามารถอยู่ด้วยกันได้ยังไง?

    ทว่ามาไตร่ตรองดูอีกทีตามคำกล่าวของพ่อบ้าน เขาก็นึกถึงสภาพของหวางเฟยมีสีหน้าหงอยเหงาเพราะสามีปฏิเสธที่จะนอนด้วยกันหลังจากแต่งงานได้ไม่นาน 

    หวังไป๋อวิ๋นไม่ควรใจร้ายกับคู่แต่งงาน มิเช่นนั้นเขาจะต่างอะไรกับฮ่องเต้องค์ก่อนที่มองพวกสนมไม่ต่างของเล่น ถ้าเบื่อแล้วก็ค่อยทิ้ง หรือไล่ไปตำหนักเย็นตามความประสงค์ของตนเอง

    ตั้งแต่มารดาของเขาเสีย ฮ่องเต้องค์ก่อนก็ประพฤติตนเหลวไหลออกจากกรอบของกษัตริย์ มัวแต่ใช้ชีวิตเอ้อระเหยดั่งชีวิตพังทลายเพราะหญิงคนรักได้จากไป 

    ชายหนุ่มสะบัดความคิดมากออกจากศีรษะ แล้วหลับตาลงเพื่อนอนหลับ จากนั้นก็สัมผัสถึงกายของตนถูกแขนของหวางเฟยเข้ามากอดแน่น

    หวังไป๋อวิ๋นถอนหายใจ ไม่ได้ผลักอีกฝ่ายออกไป แต่ตัดสินใจนอนหลับไปทั้งอย่างนั้น จนกระทั่งเช้าของอีกวัน ซึ่งมีสาวใช้มากมายเข้ามาปฏิบัติอาบน้ำ และสวมเสื้อผ้าให้แก่สองสามีในห้อง ซึ่งเสื้อผ้าที่สวมเป็นชุดตำแหน่ง ทั้งยังมีเครื่องประดับศีรษะบ่งบอกถึงฐานะด้วย

    กวงหมิงตื่นมาพลันตกใจว่ามีร่างของสามีกำลังมองตนเองเงียบ ๆ พลางกล่าวให้ลุกขึ้นมาแต่งกายช่วงเช้า

    …นี่มันโคตรน่าตกใจ

    เสี่ยวอวิ๋นไปเลียนแบบความน่ากลัวนี้มาจากไหนกัน ห๊ะ?!

    ทว่าถึงเทพแห่งแสงสว่างจะรู้สึกตกใจกลัว เขาก็ไม่อาจยับยั้งให้ร่างกายไม่ง่วงนอนได้ กว่าจะพ้นขั้นตอนการแต่งกาย กวงหมิงหาวไปหลายรอบ พลางท้อใจกับพิธีแต่งตัวของตำแหน่งหวางเฟย

    เขาจำจากบทได้ว่าพวกราชวงศ์มันไม่มีพิธีรีตองขนาดนี้นี่นา ทำไมตอนนี้พวกสาวใช้ถึงต้องจัดหนักจัดเต็มกับการแต่งกายขนาดนี้ด้วย 

    กวงหมิงหันศีรษะไปหาชายหนุ่มกำลังสวมเครื่องแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นชุดสีน้ำเงินไม่ต่างชุดของหวางเฟย ทว่ามีตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์เป็นนกอินทรีประดับตรงช่วงหน้าอก ทั้งยังมีเครื่องศีรษะค่อนข้างมากกว่าเขา แต่หวังไป๋อวิ๋นไม่บ่นเลย

    กวงหมิงสงสัย"ทำไมพวกเราต้องแต่งเต็มขนาดนี้ด้วย"

    ชินอ๋องเพียงมองหวางเฟยตนเองในชุดพิธีการ เสริมให้อีกฝ่ายดูมีบรรยากาศของความอ่อนโยนแผ่ออกมาจากร่างกายที่สามารถดึงดูดผู้คนได้มากมายจากใบหน้าอันงดงาม 

    หวังไป๋อวิ๋นพิจารณากวงหมิงครู่เดียว แล้วตอบ"พวกเราเป็นคู่แต่งงานตามกฎหมาย ควรจะแต่งเป็นพิธีไม่ให้น้อยหน้ากว่าผู้อื่น มิเช่นนั้นข้าคงโดนคำครหาที่ปล่อยให้หวางเฟยไม่ใส่ชุดพิธีไปยกน้ำชาวันแรก"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×