ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระบบสวมบทบาทเป็นแฟนพระเอก

    ลำดับตอนที่ #23 : โลกที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 66


    บทที่ 22

    …หากตัวเอกนอกบทเอง กวงหมิงซึ่งกำลังรับบทเป็นตัวร้ายอันดับสองจะทำอย่างไรดีเล่า?

    กวงหมิงเริ่มอับจนปัญญา เขาต้องการนอนพักผ่อนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากพึ่งเข้ามาในโลกใหม่ ก็เจอปัญหาโบกมือทักทายตรงหน้า แถมยังมีท่านอ๋องน้อยคนนี้กำลังจับข้อมือของเขาไม่พัก 

    เทพแห่งแสงสว่างตัดสินใจนอนพักผ่อนข้างกายชินอ๋อง ไม่นานสถานการณ์ข้างนอกสงบลง ทั้งสองนอนกอดกันอย่างหนาแน่น ขนาดหัวหน้าองครักษ์เปิดประตูเข้ามาตรวจสอบข้างในห้องรีบถอยหลังหนี ไม่ได้ยุ่งคู่แต่งงานใหม่ แต่ไปจัดการเหตุการณ์ลอบโจมตีในงานแต่งงานท่านอ๋องแทน

    จนกระทั่งวันใหม่ขึ้นมา เลือดของศัตรูภายในตำหนักชินอ๋องถูกขจัดจนหมดสิ้น เหลือเพียงความสดใสชื่นตาระหว่างทางเดิน

    ปกติไม่เคยมีเหตุการณ์คนกล้าเข้ามาปะทะในงานมาก่อน หัวหน้าองครักษ์จึงรีบจัดการระบบตำหนักใหม่เพื่อความปลอดภัยของเจ้านายทั้งสอง 

    เจ้าของตำหนักกำลังนอนพักผ่อนอย่างสงบภายในห้องของหวางเฟย ซึ่งกวงหมิงกำลังนอนมุดหน้ากับผ้าห่มอีกฝั่งนึง โดยมีมือของหวังไป๋อวิ๋นกอดเอวของอีกฝ่ายแน่น

    ทั้งสองลืมตา และรู้สึกตัวพร้อมกันก็มีความกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง กวงหมิงจึงตัดสินใจแกล้งหลับต่อเสีย ขณะรู้สึกว่าร่างของสามีคนปัจจุบันลุกขึ้นออกจากเตียงอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาเลยลืมตาหยัดกายขึ้นมามองของรอบกาย ก่อนจะมีประตูเปิดออกมา มีสาวใช้สองสามคนคลี่ยิ้มอรุณสวัสดิ์

    คาดว่าน่าจะได้รับคำสั่งจากหวังไป๋อวิ๋นให้มาดูแลเขาตอนตื่นนอน

    "เมื่อคืนนอนเป็นอย่างไรบ้างเพคะหวางเฟย"

    กวงหมิงไม่อยากตอบว่าเครียดจนหลับ เขาแค่พยักหน้ายิ้มตอบกลับ"เยี่ยมมาก"

    สาวใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้แก่เขาเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะอธิบายระหว่างทางเดินไปห้องอาหารใหญ่"ตำหนักของท่านอ๋องไม่มีกฎประเพณีเคร่งครัดนัก หากหวังเฟยชอบหรือต้องการอะไร เพียงแค่เอ่ยปากบอกพ่อบ้านก็พอเพคะ"

    "ตกลง"

    เมื่อถึงห้องรับประทานอาหารที่มีการตกแต่งอย่างสวยหรู บนโต๊ะมีการจัดแจกันดอกไม้ประดับไว้ ส่วนผนังมีการตกแต่งด้วยภาพวาด และลงชื่อผู้วาดว่าเสี่ยวอวิ๋น จึงสามารถเดาได้ว่าทุกภาพในห้องเป็นผลงานของหวังไป๋อวิ๋น

    "ท่านอ๋องติดธุระในตอนเช้า จึงไม่สามารถมารับประทานกับหวังเฟยได้ พระองค์เลยฝากคำขอโทษมาให้แก่ท่าน"สาวใช้ส่งสัญญาณให้คนยกอาหารเข้ามาในห้องอาหาร ซึ่งวางอาหารเรียงรายกันอย่างสวยงาม บ่งบอกถึงความระมัดระวัง และปราณีตในการทำอาหารของคนครัว

    "ฝากขอบคุณท่านอ๋องด้วย ข้าไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองแต่อย่างใด"

    …แค่ว่าเขาจะทานหมดไหม?

    กวงหมิงไม่ค่อยชอบอาหารบนโลกมนุษย์สักเท่าไหร่ 

    สาวใช้พยักหน้า ก่อนจะมีการตรวจสอบยาพิษอาหารแต่ละถาด กวงหมิงถึงจะทานได้ 

    เทพแห่งแสงสว่างทานอาหารไปนิดนึง เขาก็ส่ายหน้าไม่รับอาหารเพิ่มอีก

    ส่วนสาวใช้เห็นเช่นนั้นพลันถอนหายใจ คาดว่าเป็นเพราะหวางเฟยตื่นเช้ามาไม่เห็นหน้าตาของพระสวามี แถมเมื่อคืนงานแต่งของตนยังเกิดเรื่องใหญ่น่ากลัวอีก

    ถ้าตื่นเช้ามาคงไม่ค่อยมีอารมณ์ทานอาหารคงไม่แปลก

    เรื่องนี้อาจต้องรายงานพ่อบ้าน อย่างไรสุขภาพของหวางเฟยไม่สามารถชักช้าได้ ต้องช่วยกันแก้ปัญหา!

    หากกวงหมิงได้ยินความคิดของเหล่าสาวใช้คงอยากจะกัดผ้าเช็ดหน้าให้ขาด เนื่องจากการทานอาหารเป็นการทรมานเขาแทนมากกว่า

    หวางเฟยพักจากทานอาหารก็มาเรียนรู้งานในตำหนักว่าควรจะจัดการตรงไหนบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะมีการกระจายงานเป็นระบบของพ่อบ้านอยู่แล้ว เขาจึงไม่ต้องจัดการอะไรมากนัก 

    กวงหมิงตัดสินใจนั่งเล่นอยู่ในสวน ซึ่งมีบ่อดอกบัวขนาดใหญ่ด้านข้างเสริมให้สวนดอกไม้มีความสวยงามมากขึ้น ต้องยอมรับว่าพ่อบ้านจัดการทุกอย่างดีมากโดยที่เขาไม่ต้องลงไปจัดการเองให้ปวดหัว 

    อย่างไรก็ตาม ชีวิตของการเป็นหวางเฟยค่อนข้างดี ไม่มีสิ่งใดให้มากลุ้มใจในฐานะนี้มากนัก ส่วนมากจะเป็นเรื่องของระบบมากกว่า 

    ตามเนื้อเรื่องหลักเป็นเพราะหลังจากวันแต่งงานของทั้งสองคน ไทเฮาทรงพระประชวรในประเพณีการเข้าเฝ้า จึงเลื่อนวันเข้าเฝ้าเป็นพรุ่งนี้

    พวกเข้าเฝ้าก็มีแค่ยกน้ำชาให้แก่ญาติฝ่ายชาย ประเพณีของราชวงศ์หวังของแคว้นซ่งไม่ค่อยมีพิธีรีตองมากเท่าไหร่ เพราะขั้นตอนมากมายก็ย่อมใช้เงินเยอะ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทรงเล็งเห็นการผลาญเงินกว่าความจำเป็นของราชวงศ์ จึงลดพิธีการขั้นตอนที่ไม่จำเป็นของพิธีกรรมท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของเหล่าขุนนาง

    …แต่ด้วยแรงสนับสนุนของฮ่องเต้จึงสามารถตกลง และประนีประนอมกับเหล่าขุนนางได้สำเร็จ 

    กวงหมิงมองตาเปล่ายังรับรู้ว่าขุนนางบางส่วนแอบอยากได้เงินบางส่วนในการจัดพิธีการเยอะ ๆ เพื่อยักยอกมาเป็นของตนตั้งแต่สมัยฮ่องเต้ในอดีต 

    ต้องย้อนไปอีกก่อนตระกูลหนิงจะล่มสลาย เนื่องจากการถูกใส่ร้ายของเหล่าขุนนางด้วยกัน จากหลักฐานการก่อกบฏ เป็นเพียงหลักฐานผิวเผิน ไม่มีอยู่จริง และสามารถตัดสินได้ ทว่าขุนนางเหล่านั้นต้องการไม่ให้ตระกูลหนิงมีจุดยืนในท้องพระโรง เพราะตระกูลหนิงสนับสนุนด้านประชาชน คัดค้านกฎหมายที่ดำรงอยู่เพื่อการซ่อนตัวของขุนนางชั่ว

    ตระกูลหนิงต้องมีจุดจบที่น่าเศร้า ขนาดฮ่องเต้องค์ปัจจุบันยังรู้สึกผิดกับการกระทำของพ่อตนเอง จึงพยายามชดใช้ให้สองพี่น้องที่หนีรอดมาจากการประหารครั้งนั้น 

    ถามว่าชดใช้แล้วหนิงหยางจะรู้สึกดีขึ้นไหม

    คำตอบคือไม่

    หนิงหยางจำภาพครอบครัวตนเองถูกฆ่ายกตระกูลได้อย่างแจ่มชัด แต่เขาเลือกแก้แค้นผิดคน 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×