ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    boku no hero​ academia​ :: You're only mine | omegaverse

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 63



    α

    β

    Ω

     

    _______

     

    Prologue

     

    _______

     

     

    ดวงตาสีมรกตเบิกกว้าง

     

    โดนรู้เข้าซะแล้ว.. โดยสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ

     

    ร่างกายกำยำเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ตรงหน้าเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทำเอาคนที่นั่งอยู่บนพื้นสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวต้องถอยห่างจนสุดกำแพง ถึงแม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นฮีโร่อันดับหนึ่งแต่ยังไงก็เป็นถึงอัลฟ่า การกดขี่ข่มเหงโอเมก้ามันไม่อยู่ในข้อกฏหมาย ซึ่งนั่นหมายความว่ามันไม่ผิดมนุษยธรรม

     

    แค่นัยน์ๆของกฏหมายน่ะนะ

     

     

    มือใหญ่เอื้อมมาจับเบาๆบนสันกรามของมิโดริยะ อิสึคุก่อนจะพลิกให้หันซ้ายหันขวาราวกับกำลังมองหาอะไรอยู่

     

    “ยังไม่ถูกสร้าง bond สินะ”

     

    Bond เหรอ..?

     

    ฟู้วว;

     

    เขาคนนั้นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

     

     

    ?

     

     

    ดูเหมือนสายตาที่เขามองไปยังฮีโร่คนนี้จะแสดงถึงความสงสัยให้อีกฝ่ายรู้อย่างช่วยไม่ได้ สัญลักษณ์แห่งสันติภาพละมือออกจากร่างบาง

     

    “ฉันแค่กลัวว่าเธอจะถูกวิลเลินจัดการเข้าให้ซะแล้วน่ะ ขอโทษทีเป็นเพราะฉันทำงานสะเพร่าเอง”

     

    “คุณ..”

    “หืม?”

    “ไม่รังเกียจผมเหรอ”

     

     

     

    “แล้วทำไมฉันต้องรังเกียจเธอด้วยล่ะหนุ่มน้อย”

     

    น้ำสีใสค่อยๆ เอ่อล้นออกมาจากเบ้าตาของเขา ใบหน้าหวานเงยหน้ามองร่างโปร่งตรงหน้าที่เอื้อมมือมาเกลี่ยผมสีเขียวแก่ขึ้นทัดหูของเขาอย่างเบามือ

     

    “แล้ว.. เธอมีอัตลักษณ์รึเปล่า?”

     

     

     

    มันเริ่มต้นมาจากเมืองชิงชิงในประเทศจีน อยู่ๆก็มีการนำเสนอข่าวว่ามีเด็กทารกคนนึงเปล่งแสงออกมาตอนคลอด หลังจากนั้นก็มีการค้นพบความเหนือธรรมชาติเพิ่มขึ้นในแต่ละท้องที่ จากนั้นเวลาก็ผ่านพ้นไปโดยที่ยังไม่รู้ถึงสาเหตุของมัน

     

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ความเหนือธรรมชาติพวกนี้กลายเป็นเรื่องปกติ
    และแล้วความฝันก็ได้กลายเป็นความจริง

     

    ปัจจุบันที่เปลี่ยนไป กลายเป็นสังคมของยอดมนุษย์ซึ่งประชากรบนโลกราวๆ 80 เปอร์เซ็นต์ จะมีลักษณะพิเศษอะไรบางอย่างอยู่

     

    ท่ามกลางโลกที่กำลังตกอยู่ในวังวลแห่งความโกลาหล

     

    ก็มีอยู่อาชีพนึงที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยใฝ่ฝันและหลงใหลได้อาบแสงไฟที่สาดส่องเจิดจรัสบนเวที ซึ่งอาชีพนั้นก็คือ..

     

     

     

    อิสึคุหลุบตาลงต่ำทำให้เขาไม่ต้องถามอะไรเพิ่มเติมให้มากมาย เพราะแค่นี้ก็คงทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่ายมากพออยู่แล้ว..?

     

    “ผม.. ไม่มีครับ”

     

    เขาบุ้ยปากแหงนหน้ามองชายผมสีเหลืองทั้งน้ำตา แต่มันออกจะดูตลกมากกว่าน่าสงสาร หรือควรจะสงสารแทนที่จะหลุดขำออกมากันนะ

     

    “ฮะๆ”

    “มันน่าตลกเหรอครับ”

     

    ดุด้วย

     

    “ก็เปล่าหรอก แต่ดูเธอทำหน้าเข้าสิ”

     

    อิสึคุชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะช้อนตามองสัญลักษญ์แห่งสันติภาพแม้ว่าเขาจะรู้สึกขุ่นเคืองอยู่นิดหน่อยก็เถอะนะ

     

    “คุณ..ออลไมท์ครับ คือว่า”

    “ว่าไงหนุ่มน้อย”

     

    “ผม- คนอย่างผม... จะเป็นฮีโร่อย่างคุณได้มั้ยครับ”

     

    ดวงตาของอิสึคุนั้นเปลี่ยนมาเป็นแววตามุ่งมั่นทั้งๆ ที่ยังมีคราบน้ำตาเปรอะอยู่เลยแท้ๆ ออลไมท์ หรือฮีโร่ในดวงใจของหลายๆ คนกำลังมองมาที่ร่างของเด็กน้อยคนนี้ไม่วางตา อาจเป็นเพราะเขาแค่ตกใจ ที่จู่ๆ ก็มีเด็กที่ไหนไม่รู้ถูกเขาช่วยเอาไว้จากวิลเลินที่เกือบจะโดนทำสัญลักษณ์ bond แล้วยังไม่มีอัตลักษณ์มาถามอะไรแปลกๆเข้าล่ะมั้ง

     

    “...”

    “ผมน่ะอยากที่จะเป็นฮีโร่แบบคุณมาตลอดเลย แต่พอรู้ว่าตัวผมไม่มีอัตลักษณ์มันก็อดทำให้คิดว่าทำไม่ได้ และไม่นานมานี้ผมก็ดันมารู้เพศรองของตัวเองอีก.. มันก็ยิ่งทำให้คิดว่าตัวผมไม่มีวันเป็นแบบคุณได้”

     

    อิสึคุเว้นช่วงเช็ดน้ำตาของตัวเองที่หลั่งไหลออกมาไม่หยุดหย่อน ฝ่ามือใหญ่วางปุลงบนเรือนผมสีเขียวที่ยุ่งเหยิงหวังปลอบประโลมอีกฝ่าย

     

    “ผมน่ะนะ ผมน่ะ.. ฮึก ไม่อยากเกิดมาเป็นโอเมก้าเลย แค่ไม่มีอัตลักษณ์มันก็พอมีความหวังอยู่หรอก แต่นี่ยังจะเป็นโอเมก้าอีก มันยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอครับ ฮึก”

     

     

     

     

    และอีกเรื่องนึง.. โอเมก้าเวิร์ส

    นั่นคือชื่อเรียก​ของการเปลี่ยนแปลงของ​ ซึ่งนั่นก็ทำให้​เรื่องนี้ถูกจารึก​ลงในหนังสือประวัติศาสตร์​ ครานี้เริ่มต้นมาจากเมืองนาโงยะในประเทศญี่ปุ่น​ เหตุเกิดขึ้นโดยพวกเขาเจอกับผู้หญิงรูปร่างผอมแห้ง ซึ่งเธอทำสีหน้าและท่าทางคล้ายกับ​โดนไวอากร้า​ กลุ่มคนในละแวกนั้นเริ่มมีอาการผิดปกติจนทำให้พวกเรานึกว่ามันเป็นผลมาจากอัตลักษณ์ของเธอ​ แต่พอเรามาดูในประวัติส่วนตัวของผู้หญิงคนนั้นเธอกลับถูกระบุว่าเป็นคนที่ไม่มีอัตลักษณ์​ ?

     

    ต่อมาไม่นานนักหลังจากที่ข่าวนั้นถูกเผยแพร่​ออกไป​สู่สาธารณะ​ชน​ มันก็เริ่มมีคนที่เกิดอาการเหล่านี้​เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ​ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงหรือผู้ชาย​จนเกิดการวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมันจนได้ผลสรุปออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ​ และทำให้ข่าวนี้ถูกแพร่กระจาย​ไปทั่วโลก

     

    อัลฟ่า α

     

    เบต้า ​β

     

    และโอเมก้า​ Ω

     

    นี่คือสามสิ่งที่ถูกเซตไว้กับชื่อเรียกของ​โอเมก้าเวิร์ส

     

    ข้อมูลของสามอย่างนี้ถูก​แชร์ลงในโซเชียล​มีเดียต่างๆมากมายไม่เว้นแม้แต่ใน​เว็บมืด..

     

    อีกเรื่องที่น่ารู้นั่นก็คือ​ ผู้ที่เป็นโอเมก้าส่วนใหญ่จะไม่มีอัตลักษณ์​ และโอเมก้าเวิร์สนั้นมีชื่อเรียกโดยเฉพาะ นั่นก็คือเพศรองมันเป็นตัวระบุเพศที่สองของเราที่สำคัญมาก​ คล้ายๆกับเพศที่ระบุไว้ในตอนที่เราเกิด แต่แค่ต่างกันตรงเวลาที่จะปรากฏเท่านั้นเอง​

     

    ซึ่งโดยทั่วไปผลปรากฏมักจะออกมาเมื่อคนเรามีอายุได้ 18 ปี แต่ในปัจจุบันอาการจะออกในช่วง 16 ปี ต้นๆ ดังนั้นคงไม่แปลกเท่าไหร่ที่อิสึคุจะรู้เพศรองของตัวเองก่อนกำหนด

     

     

    ออลไมท์ขยับตัวเข้ามาโอบกอดเด็กหนุ่มขี้แยคนนี้เอาไว้ ทำให้เขาปล่อยโฮออกมาอย่างช่วยไม่ได้

     

    “เธอน่ะ เป็นฮีโร่ได้นะ”

     

     

     

    ใบหน้าแต้มกระเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทั้งน้ำตาก่อนจะ-

     

    ฟู้ววว;

     

    ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงถอนหายใจแต่ดันเป็นเสียงลมที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของฮีโร่คนนั้นแทน ทันทีที่เด็กหนุ่มในชุดมัธยมต้นเห็นเข้าก็ตกใจจนต้องเอามือขึ้นมาปิดปากแทบไม่ทัน

     

    ร่างกายของเขา..หดตัวเล็กลง

     

     

    “เอ๋-!?”

     

     

    อิสึคุชะงักค้างไปพร้อมๆ กับน้ำตาที่หยุดไหลแบบงงๆ ใบหน้าเหลอหลาของเขาทำให้ผู้ชายร่างกายผอมแห้งคนนั้นที่สวมกอดเขาอยู่อดขำออกมาไม่ได้

     

    “ยังไงซะฉันก็ดันมารู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ของเธอเข้าให้ซะแล้ว ดังนั้นฉันก็ควรบอกเรื่องของฉันเป็นการแลกเปลี่ยนสิจริงมั้ย”

     

     คิ้วเรียวขมวดเป็นปม ริมฝีปากบางอ้าพะงาบๆ ร่างกายซูบผอมของเจ้าของผมสีบลอนด์ยิ้มแหยๆให้เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มที่เขาโอบอยู่ในอ้อมแขนทำหน้าคล้ายกับวิญญาณหลุดลอยออกไปจากร่าง


     

     

    “ฉันก็คือออลไมท์นั่นแหละนะ”

     

     

    เสียงของชายที่ใช้ชื่อว่าออลไมท์ดูเหมือนจะส่งไปไม่ถึงหูของเด็กหนุ่มคนนี้เสียแล้ว.. สมองของเขาขาวโพลนแต่กลับกันก็มีเสียงมากมายตีกันจนยุ่งเหยิงในหัวเต็มไปหมด

     

     

    “ม- ไม่จริง”

     

     

    “เรื่องจริงเลยต่างหาก ที่สระน้ำก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่หรือไง พวกที่แขม่วท้องตลอดเวลานั่นน่ะ”

     

     

    “โกหกกันชัดๆ!”

     

     

    เมื่อมิโดริยะตั้งสติได้สองมือของเขาก็ผลักร่างของออลไมท์ออก คนที่เคยมีพละกำลังมหาสารตอนนี้กลับล้มตึงตามแรงดันเพียงน้อยนิดของเด็กตรงหน้า ดวงตาของเขาสั่นล่อกแล่กทำปากขมุบขมิบราวกับจะแก้ตัวในสิ่งที่ทำลงไปเมื่อครู่

     

     

    “ขอโทษครับ!”

     

     

    น้ำเสียงตะกุกตะกักโพล่งออกมาจากเจ้าของใบหน้าแต้มกระ เขาโค้งหัวลงพร้อมกับมือที่ราบลงบนพื้นปูนซีเมนต์และกล่าวขอโทษซ้ำไปซ้ำมาจนดูน่าตลก ออลไมท์เค้นหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะโบกมืออย่างไม่ถือสา นัยน์ตาสีฟ้านีออนหลุบลงต่ำก่อนจะเรียกให้เด็กหนุ่มละออกจากพื้น

     

     

    “ช่างมันเถอะ ฉันไม่ถือหรอก”

     

     

    มิโดริยะเอนหลังตรงนั่งมองไปยังสัญลักษณ์แห่งสันติภาพที่ตอนนี้ร่างกายซูบผอมไปเกินครึ่ง โครงหน้าคมของชายคนนี้พอมองดีๆจะเห็นคราบเลือดเปรอะเปรอรอบปากคล้ายว่ามันถูกขับออกมาจากข้างใน ครู่เดียวเขาก็ทำการเลิกเสื้อยืดสีขาวของตัวเองขึ้น..

     

     

    “ยังไงซะก็อย่าเอาเรื่องนี้ไปโพสต์ลงอินเตอร์เน็ตล่ะ”

     

     

    เผยให้เห็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ใต้อกซ้ายของชายคนนั้น นัยน์ตาสีเขียวมรกตเบิกกว้าง รอยยุบใต้ทรวงอกทำให้ดูน่าใจหาย เหมือนกับว่าใต้ผิวหนังนั่นไม่มีทางเดินหายใจหรือระบบย่อยอาหารอยู่เลย

     

     

    “เมื่อ 5 ปีก่อนฉันได้แผลนี่มาจากศัตรู ทำให้ฉันต้องเสียระบบทางเดินหายใจไปครึ่งนึงแถมกระเพาะก็ต้องผ่าตัดออกไปทั้งหมด พอผ่าตัดซ้ำไปซ้ำมาก็ทำให้มีผลข้างเคียง ทำให้ฉันผอมกะหร่องแบบนี้แหละ

     

     

    แล้วตอนนี้ขีดจำกัดการทำงานเป็นฮีโร่ของฉันก็คือใน 1 วันจะทำงานได้ราวๆ 3 ชั่วโมง”

     

     

     

    “ไม่จริง..”

     

     

    “หรือว่าจะเป็นตอนที่คุณสู้กับ โดคุโดคุ เชนซอว์!?”

     

     

    ออลไมท์หัวเราะหึในลำคอ เจ้าของเรือนผมสีเขียวแก่พุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขาเรียวสั่นระริกความกลัวถาโถมเข้ามาทให้มือที่จับอยู่กับราวกั้นของตึกสูง 100 ฟุต สั่นกึกไปด้วย

     

     

    ตอนนี้พวกเขาอยู่บนด่านฟ้าของตึกๆ นั้น

     

     

    “รู้ละเอียดจังนะ แต่ว่าฉันไม่เสียท่าให้กุ๊ยพรรค์นั้นหรอก”

     

     

    ร่างผอมแห้งของออลไมท์เว้นช่วงพักหายใจและเหยียดตัวลุกขึ้นยืนตรง คราบเลือดพวกนั้นยังคงติดอยู่บนใบหน้าแต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจมัน

     

     

    “เรื่องนี้ไม่ได้ประกาศออกสู่สาธารณชนเพราะฉันเป็นคนขอเองแหละ ฉันต้องคอยปกป้องผู้คนด้วยรอยยิ้ม ตัวแทนแห่งสันติภาพจะพ่ายแพ้ให้กับความความชั่วร้ายไม่ได้เป็นอันขาด ส่วนที่ฉันหัวเราะก็เพื่อกลบเกลื่อนตัวเองให้พ้นจากแรงกดดันของฮีโร่”

     

     

    “และก็เพื่อกลบเกลื่อนความกลัวที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจยังไงล่ะ”

     

     

     

     

    “แล้วทำไมคุณถึงยังบอกว่าผมก็สามารถเป็นฮีโร่ได้ล่ะ”

     

     

     

     

     

    ...

     

     

     

    “ก็เพราะสายตาเธอมันทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นยังไงล่ะ”

     

     

    สัญลักษณ์แห่งสันติภาพกล่าวและทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบสงัด เขาเหลือบสายตามองมาที่อิสึคุทำให้เจ้าของทรงผมสีเขียวอันยุ่งเหยิงหลุบตาลงต่ำเพื่อหลบสายตาของเขา

     

     

    “และอย่างที่รู้ๆล่ะนะ อัตลักษณ์ของฉันน่ะเป็นสายเสริมพลังที่เรียกว่าวันฟอร์ออล แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกเธอมันคือความลับที่ไม่ควรจะนำเอาออกมาเปิดเผยเลยด้วยซ้ำ.. ดังนั้นอย่าเอาไปแพร่ลงในอินเตอร์เน็ตล่ะหนุ่มน้อย”

     

     

    “ดะ เดี๋ยวสิครับ แล้วทำไมคุณถึงบอกความลับนั่นกลับผมล่ะ ถ้าเรื่องเพศรองของผมไม่เป็นไรหรอกนะครับ ยังไงมันก็ไม่สำคัญอยู่แล้วล่ะ”

     

     

     

    “สำคัญสิหนุ่มน้อย อย่าลืมซะล่ะว่ายังไงซะฉันก็เป็นอัลฟ่านะ”

     

     

    นั่นสินะ ยังไงซะเขาก็เป็นอัลฟ่า มิโดริยะพยักหน้าให้สัญลักษณ์แห่งสันติภาพเป็นการตกลง

     

     

     

     

     

    อั่ก!

     

     

     

     

    “อ- ออลไมท์!!?”

     

     

    ทว่าก่อนที่จะเอ่ยปากพูดอะไรต่อชายคนนั้นก็กระอักเลือดออกมา ทำให้เด็กหนุ่มที่ยืนมองอยู่แทบจะถลาเข้าไปหาเพื่อดูอาการ

     

     

    “เป็นอะไรไหมครับ”

     

     

    “ไม่เป็นไร สบายมาก” ฮีโร่หนุ่มยกนิ้วโป้งชูขึ้นให้เด็กหนุ่มรู้สึกสบายใจ

     

     

    “อัตลักษณ์ของฉันเป็นอัตลักษณ์ที่ฉันสืบทอดมาอีกที..”

     

     

    “...??”

     

     

    มิโดริยะเอียงคอสังสัยอีกทั้งยังเต็มไปด้วยคำถามมากมายแต่ชายเจ้าของผมสีบลอนด์ทองเฉลยคำตอบให้เด็กคนนี้ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามเสียอีก

     

     

    “ฉันหมายถึง One for all หรืออัตลักษณ์ของฉันมันคืออัตลักษณ์ที่สามารถสืบทอดต่อกันได้ และฉันก็ได้รับมันมาจากอีกคนนึง ซึ่งมันต้องถ่ายทอดผ่านทางดีเอ็นเอ”

     

     

    “คุณหมายถึง เอ่อ.. สืบทอดโดยสายเลือดอะไรแบบนี้หรือเปล่าครับ?”

     

     

    “ก็ใช่ แต่ที่ฉันหมายถึงคือการส่งต่อดีเอ็นเอต่างหากล่ะ นั่นคือการรับดีเอ็นเอของฉันเข้าไปในร่างไม่ว่าทางไหนก็ตาม”

     

     

     

     

     

    “ถ้าเป็นอย่างนั้น.. หรือว่าตอนนี้คุณกำลังมองหาคนสืบทอดพลังอยู่เหรอครับ!?”

     

     

    เด็กนักเรียนมอต้นหนุ่มขมวดคิ้วเรียวขึ้นอย่างสงสัย ดูเหมือนว่าเขาเริ่มเข้าใจสิ่งที่ออลไมท์จะสื่อแล้วล่ะ.. แต่เหตุผลมันแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ ทำไมล่ะ

     

     

    “จะว่างั้นก็ได้”

     

     

    “เพราะตอนนี้มันคงถึงเวลาที่ฉันต้องส่งต่อให้ใครซักคนแล้วล่ะ”

     

    “เดี๋ยวสิครับ นั่นไม่มีเหตุผลเลย”

     

    “ก็อย่างที่ฉันบอกไป เหตุผลน่ะคืออายุการใช้งานอัตลักษณ์ของฉัน.. ฉันเหลือไม่มากแล้ว”

     

     

    “ออลไมท์..”

     

     

    มือหนาวางลงบนศีรษะของเด็กหนุ่ม แรงทื่อๆโยกหัวเขาไปมา

     

     

    “ว่าแต่คุณจะให้ใครเหรอครับ?”

     

     

    “อ้าว ฉันนึกว่าเธอจะรู้ตัวแล้วซะอีก”

     

     

     

     

     

    “...?”

     

     

     

     

    เมื่อตะกี้เขาว่ายังไงนะ

     

     

     

    “คุณหมายถึงอะไรนะครับ”

     

     

    “ก็ฉันหมายถึงเธอนั่นแหละ แต่ยังไงฉันก็ให้เวลาเธอเอากลับไปคิดน่ะนะ”

     

     

     

     

    “ดูเหมือนพวกเราจะคุยกันนานเกินไปซะแล้วสิ ฉันต้องเอาเจ้าวายร้ายในขวดไปส่งให้สำนักงานตำรวจ”

     

    “อะ เอ๋- คุณจะไปแล้วเหรอครับ”

     

    “แน่นอน เป็นฮีโร่ต้องแข่งกับเวลาทุกครั้งนะจำไว้”

     

    “แต่เรื่องนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ก็ผมน่ะเป็นโอเมก้านะ”

     

     

    “แล้วยังไงล่ะ แค่อยากจะช่วยเหลือคนมันจำเป็นต้องจำกัดเพศกันด้วยเหรอ?” ผู้ชายคนนั้นพูดจบก็ทิ้งเศษกระดาษเอาไว้ให้บนหัวของเด็กหนุ่ม “นั่นคือช่องทางการติดต่อของฉัน ถ้าได้คำตอบแล้วก็ติดต่อฉันมาแล้วกันนะ”

     

     

    “แล้วคุณจะไปยังไงล่ะครับ”

     

     

    ในเมื่อเขาใช้ร่างนั้นไม่ได้แล้วในวันนี้ เขาคงไม่ฝืนใช้มันอีกเพื่อรีบไปสถานีตำรวจหรอกนะ

     

     

    “ก็บันไดนี่ไงหนุ่มน้อย”

     

     

    สัญลักษณ์แห่งสันติภาพชี้ไปทางบันไดหนีไฟที่ติดอยู่บนตึกที่พวกเราอยู่ ก็ใช่แหละ.. เขาคงไม่กระโดดลงไปในสภาพแบบนี้หรอกเนอะ

     

     

     

     

     

     

    เมื่อมิโดริยะลงมาถึงข้างล่างก็ไม่พบเจ้าของร่างผู้ชายเรือนผมสีเหลืองผอมเสียแล้ว สงสัยคงรีบไปจริงๆ สองขาเรียวพาร่างบางเดินกลับไปยังเส้นทางที่เคยมา ในวันนี้เขาทั้งได้เจอกับฮีโร่อย่างออลไมท์ และยังได้รู้ความลับของเจ้าตัวอีก อะไรมันจะดีขนาดนั้นกัน

     

     

    นั่นสิ อะไรมันจะดีปานนั้น

     

    ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มเหลือบมองเศษกระดาษในมือ

     

    ไม่คิดว่าทำตามที่คัตจังบอกแล้วมันจะได้ผลดีขนาดนี้

     

    รู้แบบนี้คงทำไปนานแล้วล่ะ

     

    “ถ้าแกยังไม่ยอมแพ้ดิ้นรนอยากจะเป็นฮีโร่อยู่ล่ะก็นะ ฉันเสนอไอเดียให้เอามั้ย..”

     

    ก็อย่างที่รู้ๆกันดี.. อย่างที่ทุกคนตัดสิน ว่าโอเมก้าน่ะใช้มารยาเก่งอยู่แล้ว

     

    “ลองเอาร่างกายโสโครกนี่ไปยั่วสวาทโปรฮีโร่ซักคน และใช้มารยาของแกนิดหน่อย ก็คงได้ไปอยู่จุดๆนั้นแล้วล่ะมั้ง :)”

     

     

    ก็ใกล้จะสำเร็จแล้วล่ะคัตจัง

     

    ถ้าผมได้อยู่จุดในนั้นแล้ว.. ผมก็อยากจะลองเหยียบย่ำคัตจังให้จมดินอยู่เหมือนกัน เหมือนกับที่คัตจังทำกับผมไง เนอะ

     

     

    บึ้มม!!

    ตู้ม!!

     

     

     

     

    พลันเกิดเสียงระเบิดตามไล่หลัง เด็กหนุ่มเหลียวหันกลับไปมองฝูงชนที่ยืนยกโขยงออกันอยู่แถวที่เกิดเสียงขึ้น กลิ่นเขม่าดินปืนลอยคลุ้งอยู่บริเวณโดยรอบ สองขารีบฝ่าผู้คนแทรกเข้าไปกลางวงของที่เกิดเหตุตา

     

    อะไรกัน วิลเลนตัวนั้นหรอ..?

     

    ทำไมมันมาอยู่ที่นี่ได้

     

     

    งั้นแสดงว่าเจ้าของเศษกระดาษในมือของเขาต้องอยู่แถวนี้

     

    จังหวะที่เจ้าของผ้าใบสีแดงฉุกคิดขึ้นมาได้เขาก็ค่อยๆเหลือบตามองไปยังรอบๆ.. เผื่อว่านี่อาจจะเป็นสถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นก็ได้ ดังนั้นต้องหาคนที่เป็นคนจับเจ้าวิลเลินตัวนั้นไปเมื่อครู่

     

     

    นั่นก็คือ..

     

    เจอแล้ว

     

    ออลไมท์ในร่างทรูฟอร์มยืนกอดอกมองเด็กหนุ่มที่กำลังยืนชะงักอยู่ข้างหน้าฝูงชนอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับไปไหน

     

    ตอนนี้เขารู้แล้วล่ะว่าชายคนนั้นต้องการจะเห็นอะไร

     

    เมื่อตัวเขารับรู้สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ก็ไม่รอช้ากลับไปมองวิลเลินตัวข้างหน้า เห็นว่ามันจับเด็กนักเรียนเป็นตัวประกัน ดวงตาสีมรกตจ้องไปยังร่างที่ถูกพันธนาการจากวิลเลินโคลนตัวนั้นก่อนที่..

     

    ดวงตาสองสีจะผสานกัน

     

    มันเป็นดวงตาสีชาตที่เขาคุ้นเคยนัก

     

    สมองของเจ้าตัวไม่ทันประมวลเหตุและผลร่างเล็กก็วิ่งเข้าใส่วิลเลินตรงหน้า ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างรีบเอื้อมมือไปคว้าตัวเด็กหนุ่มแต่กลับคว้าได้เพียงอากาศ

     

    คัตจัง

     

    “ปล่อย..”

     

    มือเรียวคว้ากระเป๋านักเรียนของตัวเองมาไว้ในมือ

     

    “..คัตจังเดี๋ยวนี้!”

     

    ก่อนจะขว้างไปใส่ดวงตาของวิลเลินตัวนั้นจนมันหลุดปล่อยร่างของตัวประกันออกมาครึ่งท่อน

     

    เพราะคนที่จะเป็นคนทำลายคัตจังน่ะ

     

    มันคือผมต่างหากล่ะ

     

    เรือนผมสีฟางปล่อยอัตลักษณ์ทำให้เสียงระเบิดลั่นซอยเมื่อตนเองเริ่มหลุดออกมาจากกายเหนียวหนืดของโคลนที่น่าขยะแขยงนั่น กายกระเพื่อมสูดอากาศเข้าปอดอย่างโหยหาก่อนจะตวัดสายตาไปมองร่างของคนที่ไม่ต้องการเห็นหน้ามากที่สุด

     

    แฮ่ก แฮ่ก

     

     

     

    แน่นอนว่ามิโดริยะได้ทำในสิ่งที่คนๆนั้นต้องการเห็นไปแล้ว.. แม้ว่าขาของเขาจะขยับไปเองก็เถอะ

     

     

    ตู้มมมมมม !!

     

     

     

    เศษซากของวิลเลินปลิวกระจัดกระจายไปติดตามตึกต่างๆ ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายก็โชว์ร่างของฮีโร่อันดับหนึ่งอย่างออลไมท์มาอยู่ตรงหน้า

     

    ในร่างที่พร้อมปฏิบัติการ

     

    เขาว่าแล้วมันต้องเป็นแผนของคนๆนั้น

     

     

    “แฮ่ก แฮ่ก.. ไอ้เวรเดกุ แก”

     

    ร่างบางที่กำลังทรงตัวเหยียดยืนขึ้นถูกกระชากคอเสื้อยกสูงจนทำให้หายใจไม่ออก

     

    นี่เขาอุตส่าห์ช่วยเอาไว้แท้ๆเลยนะ ทำกันแบบนี้เลยหรอ

     

    แต่แล้วยังไงล่ะ ก็ในตอนนี้มีคนที่พร้อมจะช่วยเหลือเขาอยู่แล้วนี่

     

    “นี่หนุ่มน้อย เธอทำอะไรน่ะ!”

     

    มือหนาของสัญลักษณ์ของสันติภาพจับคอเสื้อของเด็กหนุ่มยกขึ้น ทำให้เพื่อนสมัยเด็กของเขาอย่างคัตสึกิต้องปล่อยมือออก

     

    “การกระทำของเธอไม่สมกับเส้นทางฮีโร่เลยนะ”

     

     

    กรอดด

     

    เจ้าของดวงตาสีชาดขบฟันแน่นจนเกิดเสียง แน่นอนว่าถ้าตอนนี้เขาอยู่ด้วยกันแค่สองคนคัตจังคงกระชากเขาไปใช้เป็นเครื่องมือระบายอารมณ์แล้วล่ะ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันกลับกัน..

     

    เพราะผมอยู่เหนือเขาขึ้นมาหน่อยนึงแล้วล่ะ

     

    ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มให้ชายผู้ที่ยกตัวเขาขึ้นเชิงบอกให้ปล่อยเขาลง เมื่อสองเท้าเล็กเหยียบลงสู่พื้นดิน ใบหน้าหวานก็เดินไปแนบกายเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองผู้เป็นฮีโร่ยอดดวงใจของใครหลายๆคน

     

    มิโดริยะเอื้อมมือไปจับใต้วงแขนแกร่ง ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเริ่มขยับเป็นประโยคไร้เสียง

     

    ผม ทำ ตาม ที่ คัตจัง บอก แล้ว นะ :)

     

     

     

     

    ___________

    Talk

    (☞゚ヮ゚)☞ อินท์กลับมาแล้วว! แถมยังเปลี่ยนเนื้อเรื่องใหม่หมดเลยล่ะ ไหนยังมีใครรออินท์อยู่มั้ยคะ แงง ขอโทษที่ช้าน้า พอดีอินท์ไม่ค่อยพอใจกับภาษาของตัวเองซักเท่าไหร่เลยปิดๆเปิดๆเรื่องน่ะค่ะ ตอนนี้อินท์มั่นแล้ว อินท์ไม่ปิดแล้ว เพราะอินท์น่ะ เพราะอินท์น่ะ!!

     

    ชอบแนวน้องเดแซ่บๆไงคะ >< 

     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×