คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Prologue
α
β
Ω
_______
Prologue
_______
ดวงตาสีมรกตเบิกกว้าง
โดนรู้เข้าซะแล้ว.. โดยสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ
ร่างกายกำยำเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ตรงหน้าเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทำเอาคนที่นั่งอยู่บนพื้นสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวต้องถอยห่างจนสุดกำแพง ถึงแม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นฮีโร่อันดับหนึ่งแต่ยังไงก็เป็นถึงอัลฟ่า การกดขี่ข่มเหงโอเมก้ามันไม่อยู่ในข้อกฏหมาย ซึ่งนั่นหมายความว่ามันไม่ผิดมนุษยธรรม
แค่นัยน์ๆของกฏหมายน่ะนะ
มือใหญ่เอื้อมมาจับเบาๆบนสันกรามของมิโดริยะ อิสึคุก่อนจะพลิกให้หันซ้ายหันขวาราวกับกำลังมองหาอะไรอยู่
“ยังไม่ถูกสร้าง bond สินะ”
Bond เหรอ..?
ฟู้วว;
เขาคนนั้นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
?
ดูเหมือนสายตาที่เขามองไปยังฮีโร่คนนี้จะแสดงถึงความสงสัยให้อีกฝ่ายรู้อย่างช่วยไม่ได้ สัญลักษณ์แห่งสันติภาพละมือออกจากร่างบาง
“ฉันแค่กลัวว่าเธอจะถูกวิลเลินจัดการเข้าให้ซะแล้วน่ะ ขอโทษทีเป็นเพราะฉันทำงานสะเพร่าเอง”
“คุณ..”
“หืม?”
“ไม่รังเกียจผมเหรอ”
“แล้วทำไมฉันต้องรังเกียจเธอด้วยล่ะหนุ่มน้อย”
น้ำสีใสค่อยๆ เอ่อล้นออกมาจากเบ้าตาของเขา ใบหน้าหวานเงยหน้ามองร่างโปร่งตรงหน้าที่เอื้อมมือมาเกลี่ยผมสีเขียวแก่ขึ้นทัดหูของเขาอย่างเบามือ
“แล้ว.. เธอมีอัตลักษณ์รึเปล่า?”
…
มันเริ่มต้นมาจากเมืองชิงชิงในประเทศจีน อยู่ๆก็มีการนำเสนอข่าวว่ามีเด็กทารกคนนึงเปล่งแสงออกมาตอนคลอด หลังจากนั้นก็มีการค้นพบความเหนือธรรมชาติเพิ่มขึ้นในแต่ละท้องที่ จากนั้นเวลาก็ผ่านพ้นไปโดยที่ยังไม่รู้ถึงสาเหตุของมัน
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ความเหนือธรรมชาติพวกนี้กลายเป็นเรื่องปกติ
และแล้วความฝันก็ได้กลายเป็นความจริง
ปัจจุบันที่เปลี่ยนไป กลายเป็นสังคมของยอดมนุษย์ซึ่งประชากรบนโลกราวๆ 80 เปอร์เซ็นต์ จะมีลักษณะพิเศษอะไรบางอย่างอยู่
ท่ามกลางโลกที่กำลังตกอยู่ในวังวลแห่งความโกลาหล
ก็มีอยู่อาชีพนึงที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยใฝ่ฝันและหลงใหลได้อาบแสงไฟที่สาดส่องเจิดจรัสบนเวที ซึ่งอาชีพนั้นก็คือ..
อิสึคุหลุบตาลงต่ำทำให้เขาไม่ต้องถามอะไรเพิ่มเติมให้มากมาย เพราะแค่นี้ก็คงทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่ายมากพออยู่แล้ว..?
“ผม.. ไม่มีครับ”
เขาบุ้ยปากแหงนหน้ามองชายผมสีเหลืองทั้งน้ำตา แต่มันออกจะดูตลกมากกว่าน่าสงสาร หรือควรจะสงสารแทนที่จะหลุดขำออกมากันนะ
“ฮะๆ”
“มันน่าตลกเหรอครับ”
ดุด้วย
“ก็เปล่าหรอก แต่ดูเธอทำหน้าเข้าสิ”
อิสึคุชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะช้อนตามองสัญลักษญ์แห่งสันติภาพแม้ว่าเขาจะรู้สึกขุ่นเคืองอยู่นิดหน่อยก็เถอะนะ
“คุณ..ออลไมท์ครับ คือว่า”
“ว่าไงหนุ่มน้อย”
“ผม- คนอย่างผม... จะเป็นฮีโร่อย่างคุณได้มั้ยครับ”
ดวงตาของอิสึคุนั้นเปลี่ยนมาเป็นแววตามุ่งมั่นทั้งๆ ที่ยังมีคราบน้ำตาเปรอะอยู่เลยแท้ๆ ออลไมท์ หรือฮีโร่ในดวงใจของหลายๆ คนกำลังมองมาที่ร่างของเด็กน้อยคนนี้ไม่วางตา อาจเป็นเพราะเขาแค่ตกใจ ที่จู่ๆ ก็มีเด็กที่ไหนไม่รู้ถูกเขาช่วยเอาไว้จากวิลเลินที่เกือบจะโดนทำสัญลักษณ์ bond แล้วยังไม่มีอัตลักษณ์มาถามอะไรแปลกๆเข้าล่ะมั้ง
“...”
“ผมน่ะอยากที่จะเป็นฮีโร่แบบคุณมาตลอดเลย แต่พอรู้ว่าตัวผมไม่มีอัตลักษณ์มันก็อดทำให้คิดว่าทำไม่ได้ และไม่นานมานี้ผมก็ดันมารู้เพศรองของตัวเองอีก.. มันก็ยิ่งทำให้คิดว่าตัวผมไม่มีวันเป็นแบบคุณได้”
อิสึคุเว้นช่วงเช็ดน้ำตาของตัวเองที่หลั่งไหลออกมาไม่หยุดหย่อน ฝ่ามือใหญ่วางปุลงบนเรือนผมสีเขียวที่ยุ่งเหยิงหวังปลอบประโลมอีกฝ่าย
“ผมน่ะนะ ผมน่ะ.. ฮึก ไม่อยากเกิดมาเป็นโอเมก้าเลย แค่ไม่มีอัตลักษณ์มันก็พอมีความหวังอยู่หรอก แต่นี่ยังจะเป็นโอเมก้าอีก มันยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอครับ ฮึก”
และอีกเรื่องนึง.. โอเมก้าเวิร์ส
นั่นคือชื่อเรียกของการเปลี่ยนแปลงของ ซึ่งนั่นก็ทำให้เรื่องนี้ถูกจารึกลงในหนังสือประวัติศาสตร์ ครานี้เริ่มต้นมาจากเมืองนาโงยะในประเทศญี่ปุ่น เหตุเกิดขึ้นโดยพวกเขาเจอกับผู้หญิงรูปร่างผอมแห้ง ซึ่งเธอทำสีหน้าและท่าทางคล้ายกับโดนไวอากร้า กลุ่มคนในละแวกนั้นเริ่มมีอาการผิดปกติจนทำให้พวกเรานึกว่ามันเป็นผลมาจากอัตลักษณ์ของเธอ แต่พอเรามาดูในประวัติส่วนตัวของผู้หญิงคนนั้นเธอกลับถูกระบุว่าเป็นคนที่ไม่มีอัตลักษณ์ ?
ต่อมาไม่นานนักหลังจากที่ข่าวนั้นถูกเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะชน มันก็เริ่มมีคนที่เกิดอาการเหล่านี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงหรือผู้ชายจนเกิดการวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมันจนได้ผลสรุปออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ และทำให้ข่าวนี้ถูกแพร่กระจายไปทั่วโลก
อัลฟ่า α
เบต้า β
และโอเมก้า Ω
นี่คือสามสิ่งที่ถูกเซตไว้กับชื่อเรียกของโอเมก้าเวิร์ส
ข้อมูลของสามอย่างนี้ถูกแชร์ลงในโซเชียลมีเดียต่างๆมากมายไม่เว้นแม้แต่ในเว็บมืด..
อีกเรื่องที่น่ารู้นั่นก็คือ ผู้ที่เป็นโอเมก้าส่วนใหญ่จะไม่มีอัตลักษณ์ และโอเมก้าเวิร์สนั้นมีชื่อเรียกโดยเฉพาะ นั่นก็คือเพศรองมันเป็นตัวระบุเพศที่สองของเราที่สำคัญมาก คล้ายๆกับเพศที่ระบุไว้ในตอนที่เราเกิด แต่แค่ต่างกันตรงเวลาที่จะปรากฏเท่านั้นเอง
ซึ่งโดยทั่วไปผลปรากฏมักจะออกมาเมื่อคนเรามีอายุได้ 18 ปี แต่ในปัจจุบันอาการจะออกในช่วง 16 ปี ต้นๆ ดังนั้นคงไม่แปลกเท่าไหร่ที่อิสึคุจะรู้เพศรองของตัวเองก่อนกำหนด
ออลไมท์ขยับตัวเข้ามาโอบกอดเด็กหนุ่มขี้แยคนนี้เอาไว้ ทำให้เขาปล่อยโฮออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“เธอน่ะ เป็นฮีโร่ได้นะ”
ใบหน้าแต้มกระเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทั้งน้ำตาก่อนจะ-
ฟู้ววว;
ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงถอนหายใจแต่ดันเป็นเสียงลมที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของฮีโร่คนนั้นแทน ทันทีที่เด็กหนุ่มในชุดมัธยมต้นเห็นเข้าก็ตกใจจนต้องเอามือขึ้นมาปิดปากแทบไม่ทัน
ร่างกายของเขา..หดตัวเล็กลง
“เอ๋-!?”
อิสึคุชะงักค้างไปพร้อมๆ กับน้ำตาที่หยุดไหลแบบงงๆ ใบหน้าเหลอหลาของเขาทำให้ผู้ชายร่างกายผอมแห้งคนนั้นที่สวมกอดเขาอยู่อดขำออกมาไม่ได้
“ยังไงซะฉันก็ดันมารู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ของเธอเข้าให้ซะแล้ว ดังนั้นฉันก็ควรบอกเรื่องของฉันเป็นการแลกเปลี่ยนสิจริงมั้ย”
คิ้วเรียวขมวดเป็นปม ริมฝีปากบางอ้าพะงาบๆ ร่างกายซูบผอมของเจ้าของผมสีบลอนด์ยิ้มแหยๆให้เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มที่เขาโอบอยู่ในอ้อมแขนทำหน้าคล้ายกับวิญญาณหลุดลอยออกไปจากร่าง
“ฉันก็คือออลไมท์นั่นแหละนะ”
เสียงของชายที่ใช้ชื่อว่าออลไมท์ดูเหมือนจะส่งไปไม่ถึงหูของเด็กหนุ่มคนนี้เสียแล้ว.. สมองของเขาขาวโพลนแต่กลับกันก็มีเสียงมากมายตีกันจนยุ่งเหยิงในหัวเต็มไปหมด
“ม- ไม่จริง”
“เรื่องจริงเลยต่างหาก ที่สระน้ำก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่หรือไง พวกที่แขม่วท้องตลอดเวลานั่นน่ะ”
“โกหกกันชัดๆ!”
เมื่อมิโดริยะตั้งสติได้สองมือของเขาก็ผลักร่างของออลไมท์ออก คนที่เคยมีพละกำลังมหาสารตอนนี้กลับล้มตึงตามแรงดันเพียงน้อยนิดของเด็กตรงหน้า ดวงตาของเขาสั่นล่อกแล่กทำปากขมุบขมิบราวกับจะแก้ตัวในสิ่งที่ทำลงไปเมื่อครู่
“ขอโทษครับ!”
น้ำเสียงตะกุกตะกักโพล่งออกมาจากเจ้าของใบหน้าแต้มกระ เขาโค้งหัวลงพร้อมกับมือที่ราบลงบนพื้นปูนซีเมนต์และกล่าวขอโทษซ้ำไปซ้ำมาจนดูน่าตลก ออลไมท์เค้นหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะโบกมืออย่างไม่ถือสา นัยน์ตาสีฟ้านีออนหลุบลงต่ำก่อนจะเรียกให้เด็กหนุ่มละออกจากพื้น
“ช่างมันเถอะ ฉันไม่ถือหรอก”
มิโดริยะเอนหลังตรงนั่งมองไปยังสัญลักษณ์แห่งสันติภาพที่ตอนนี้ร่างกายซูบผอมไปเกินครึ่ง โครงหน้าคมของชายคนนี้พอมองดีๆจะเห็นคราบเลือดเปรอะเปรอรอบปากคล้ายว่ามันถูกขับออกมาจากข้างใน ครู่เดียวเขาก็ทำการเลิกเสื้อยืดสีขาวของตัวเองขึ้น..
“ยังไงซะก็อย่าเอาเรื่องนี้ไปโพสต์ลงอินเตอร์เน็ตล่ะ”
เผยให้เห็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ใต้อกซ้ายของชายคนนั้น นัยน์ตาสีเขียวมรกตเบิกกว้าง รอยยุบใต้ทรวงอกทำให้ดูน่าใจหาย เหมือนกับว่าใต้ผิวหนังนั่นไม่มีทางเดินหายใจหรือระบบย่อยอาหารอยู่เลย
“เมื่อ 5 ปีก่อนฉันได้แผลนี่มาจากศัตรู ทำให้ฉันต้องเสียระบบทางเดินหายใจไปครึ่งนึงแถมกระเพาะก็ต้องผ่าตัดออกไปทั้งหมด พอผ่าตัดซ้ำไปซ้ำมาก็ทำให้มีผลข้างเคียง ทำให้ฉันผอมกะหร่องแบบนี้แหละ
แล้วตอนนี้ขีดจำกัดการทำงานเป็นฮีโร่ของฉันก็คือใน 1 วันจะทำงานได้ราวๆ 3 ชั่วโมง”
“ไม่จริง..”
“หรือว่าจะเป็นตอนที่คุณสู้กับ โดคุโดคุ เชนซอว์!?”
ออลไมท์หัวเราะหึในลำคอ เจ้าของเรือนผมสีเขียวแก่พุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขาเรียวสั่นระริกความกลัวถาโถมเข้ามาทให้มือที่จับอยู่กับราวกั้นของตึกสูง 100 ฟุต สั่นกึกไปด้วย
ตอนนี้พวกเขาอยู่บนด่านฟ้าของตึกๆ นั้น
“รู้ละเอียดจังนะ แต่ว่าฉันไม่เสียท่าให้กุ๊ยพรรค์นั้นหรอก”
ร่างผอมแห้งของออลไมท์เว้นช่วงพักหายใจและเหยียดตัวลุกขึ้นยืนตรง คราบเลือดพวกนั้นยังคงติดอยู่บนใบหน้าแต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจมัน
“เรื่องนี้ไม่ได้ประกาศออกสู่สาธารณชนเพราะฉันเป็นคนขอเองแหละ ฉันต้องคอยปกป้องผู้คนด้วยรอยยิ้ม ตัวแทนแห่งสันติภาพจะพ่ายแพ้ให้กับความความชั่วร้ายไม่ได้เป็นอันขาด ส่วนที่ฉันหัวเราะก็เพื่อกลบเกลื่อนตัวเองให้พ้นจากแรงกดดันของฮีโร่”
“และก็เพื่อกลบเกลื่อนความกลัวที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจยังไงล่ะ”
“แล้วทำไมคุณถึงยังบอกว่าผมก็สามารถเป็นฮีโร่ได้ล่ะ”
...
“ก็เพราะสายตาเธอมันทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นยังไงล่ะ”
สัญลักษณ์แห่งสันติภาพกล่าวและทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบสงัด เขาเหลือบสายตามองมาที่อิสึคุทำให้เจ้าของทรงผมสีเขียวอันยุ่งเหยิงหลุบตาลงต่ำเพื่อหลบสายตาของเขา
“และอย่างที่รู้ๆล่ะนะ อัตลักษณ์ของฉันน่ะเป็นสายเสริมพลังที่เรียกว่าวันฟอร์ออล แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกเธอมันคือความลับที่ไม่ควรจะนำเอาออกมาเปิดเผยเลยด้วยซ้ำ.. ดังนั้นอย่าเอาไปแพร่ลงในอินเตอร์เน็ตล่ะหนุ่มน้อย”
“ดะ เดี๋ยวสิครับ แล้วทำไมคุณถึงบอกความลับนั่นกลับผมล่ะ ถ้าเรื่องเพศรองของผมไม่เป็นไรหรอกนะครับ ยังไงมันก็ไม่สำคัญอยู่แล้วล่ะ”
“สำคัญสิหนุ่มน้อย อย่าลืมซะล่ะว่ายังไงซะฉันก็เป็นอัลฟ่านะ”
นั่นสินะ ยังไงซะเขาก็เป็นอัลฟ่า มิโดริยะพยักหน้าให้สัญลักษณ์แห่งสันติภาพเป็นการตกลง
อั่ก!
“อ- ออลไมท์!!?”
ทว่าก่อนที่จะเอ่ยปากพูดอะไรต่อชายคนนั้นก็กระอักเลือดออกมา ทำให้เด็กหนุ่มที่ยืนมองอยู่แทบจะถลาเข้าไปหาเพื่อดูอาการ
“เป็นอะไรไหมครับ”
“ไม่เป็นไร สบายมาก” ฮีโร่หนุ่มยกนิ้วโป้งชูขึ้นให้เด็กหนุ่มรู้สึกสบายใจ
“อัตลักษณ์ของฉันเป็นอัตลักษณ์ที่ฉันสืบทอดมาอีกที..”
“...??”
มิโดริยะเอียงคอสังสัยอีกทั้งยังเต็มไปด้วยคำถามมากมายแต่ชายเจ้าของผมสีบลอนด์ทองเฉลยคำตอบให้เด็กคนนี้ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามเสียอีก
“ฉันหมายถึง One for all หรืออัตลักษณ์ของฉันมันคืออัตลักษณ์ที่สามารถสืบทอดต่อกันได้ และฉันก็ได้รับมันมาจากอีกคนนึง ซึ่งมันต้องถ่ายทอดผ่านทางดีเอ็นเอ”
“คุณหมายถึง เอ่อ.. สืบทอดโดยสายเลือดอะไรแบบนี้หรือเปล่าครับ?”
“ก็ใช่ แต่ที่ฉันหมายถึงคือการส่งต่อดีเอ็นเอต่างหากล่ะ นั่นคือการรับดีเอ็นเอของฉันเข้าไปในร่างไม่ว่าทางไหนก็ตาม”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น.. หรือว่าตอนนี้คุณกำลังมองหาคนสืบทอดพลังอยู่เหรอครับ!?”
เด็กนักเรียนมอต้นหนุ่มขมวดคิ้วเรียวขึ้นอย่างสงสัย ดูเหมือนว่าเขาเริ่มเข้าใจสิ่งที่ออลไมท์จะสื่อแล้วล่ะ.. แต่เหตุผลมันแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ ทำไมล่ะ
“จะว่างั้นก็ได้”
“เพราะตอนนี้มันคงถึงเวลาที่ฉันต้องส่งต่อให้ใครซักคนแล้วล่ะ”
“เดี๋ยวสิครับ นั่นไม่มีเหตุผลเลย”
“ก็อย่างที่ฉันบอกไป เหตุผลน่ะคืออายุการใช้งานอัตลักษณ์ของฉัน.. ฉันเหลือไม่มากแล้ว”
“ออลไมท์..”
มือหนาวางลงบนศีรษะของเด็กหนุ่ม แรงทื่อๆโยกหัวเขาไปมา
“ว่าแต่คุณจะให้ใครเหรอครับ?”
“อ้าว ฉันนึกว่าเธอจะรู้ตัวแล้วซะอีก”
“...?”
เมื่อตะกี้เขาว่ายังไงนะ
“คุณหมายถึงอะไรนะครับ”
“ก็ฉันหมายถึงเธอนั่นแหละ แต่ยังไงฉันก็ให้เวลาเธอเอากลับไปคิดน่ะนะ”
“ดูเหมือนพวกเราจะคุยกันนานเกินไปซะแล้วสิ ฉันต้องเอาเจ้าวายร้ายในขวดไปส่งให้สำนักงานตำรวจ”
“อะ เอ๋- คุณจะไปแล้วเหรอครับ”
“แน่นอน เป็นฮีโร่ต้องแข่งกับเวลาทุกครั้งนะจำไว้”
“แต่เรื่องนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ก็ผมน่ะเป็นโอเมก้านะ”
“แล้วยังไงล่ะ แค่อยากจะช่วยเหลือคนมันจำเป็นต้องจำกัดเพศกันด้วยเหรอ?” ผู้ชายคนนั้นพูดจบก็ทิ้งเศษกระดาษเอาไว้ให้บนหัวของเด็กหนุ่ม “นั่นคือช่องทางการติดต่อของฉัน ถ้าได้คำตอบแล้วก็ติดต่อฉันมาแล้วกันนะ”
“แล้วคุณจะไปยังไงล่ะครับ”
ในเมื่อเขาใช้ร่างนั้นไม่ได้แล้วในวันนี้ เขาคงไม่ฝืนใช้มันอีกเพื่อรีบไปสถานีตำรวจหรอกนะ
“ก็บันไดนี่ไงหนุ่มน้อย”
สัญลักษณ์แห่งสันติภาพชี้ไปทางบันไดหนีไฟที่ติดอยู่บนตึกที่พวกเราอยู่ ก็ใช่แหละ.. เขาคงไม่กระโดดลงไปในสภาพแบบนี้หรอกเนอะ
เมื่อมิโดริยะลงมาถึงข้างล่างก็ไม่พบเจ้าของร่างผู้ชายเรือนผมสีเหลืองผอมเสียแล้ว สงสัยคงรีบไปจริงๆ สองขาเรียวพาร่างบางเดินกลับไปยังเส้นทางที่เคยมา ในวันนี้เขาทั้งได้เจอกับฮีโร่อย่างออลไมท์ และยังได้รู้ความลับของเจ้าตัวอีก อะไรมันจะดีขนาดนั้นกัน
นั่นสิ อะไรมันจะดีปานนั้น
ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มเหลือบมองเศษกระดาษในมือ
ไม่คิดว่าทำตามที่คัตจังบอกแล้วมันจะได้ผลดีขนาดนี้
รู้แบบนี้คงทำไปนานแล้วล่ะ
“ถ้าแกยังไม่ยอมแพ้ดิ้นรนอยากจะเป็นฮีโร่อยู่ล่ะก็นะ ฉันเสนอไอเดียให้เอามั้ย..”
ก็อย่างที่รู้ๆกันดี.. อย่างที่ทุกคนตัดสิน ว่าโอเมก้าน่ะใช้มารยาเก่งอยู่แล้ว
“ลองเอาร่างกายโสโครกนี่ไปยั่วสวาทโปรฮีโร่ซักคน และใช้มารยาของแกนิดหน่อย ก็คงได้ไปอยู่จุดๆนั้นแล้วล่ะมั้ง :)”
ก็ใกล้จะสำเร็จแล้วล่ะคัตจัง
ถ้าผมได้อยู่จุดในนั้นแล้ว.. ผมก็อยากจะลองเหยียบย่ำคัตจังให้จมดินอยู่เหมือนกัน เหมือนกับที่คัตจังทำกับผมไง เนอะ
บึ้มม!!
ตู้ม!!
พลันเกิดเสียงระเบิดตามไล่หลัง เด็กหนุ่มเหลียวหันกลับไปมองฝูงชนที่ยืนยกโขยงออกันอยู่แถวที่เกิดเสียงขึ้น กลิ่นเขม่าดินปืนลอยคลุ้งอยู่บริเวณโดยรอบ สองขารีบฝ่าผู้คนแทรกเข้าไปกลางวงของที่เกิดเหตุตา
อะไรกัน วิลเลนตัวนั้นหรอ..?
ทำไมมันมาอยู่ที่นี่ได้
งั้นแสดงว่าเจ้าของเศษกระดาษในมือของเขาต้องอยู่แถวนี้
จังหวะที่เจ้าของผ้าใบสีแดงฉุกคิดขึ้นมาได้เขาก็ค่อยๆเหลือบตามองไปยังรอบๆ.. เผื่อว่านี่อาจจะเป็นสถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นก็ได้ ดังนั้นต้องหาคนที่เป็นคนจับเจ้าวิลเลินตัวนั้นไปเมื่อครู่
นั่นก็คือ..
เจอแล้ว
ออลไมท์ในร่างทรูฟอร์มยืนกอดอกมองเด็กหนุ่มที่กำลังยืนชะงักอยู่ข้างหน้าฝูงชนอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับไปไหน
ตอนนี้เขารู้แล้วล่ะว่าชายคนนั้นต้องการจะเห็นอะไร
เมื่อตัวเขารับรู้สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ก็ไม่รอช้ากลับไปมองวิลเลินตัวข้างหน้า เห็นว่ามันจับเด็กนักเรียนเป็นตัวประกัน ดวงตาสีมรกตจ้องไปยังร่างที่ถูกพันธนาการจากวิลเลินโคลนตัวนั้นก่อนที่..
ดวงตาสองสีจะผสานกัน
มันเป็นดวงตาสีชาตที่เขาคุ้นเคยนัก
สมองของเจ้าตัวไม่ทันประมวลเหตุและผลร่างเล็กก็วิ่งเข้าใส่วิลเลินตรงหน้า ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างรีบเอื้อมมือไปคว้าตัวเด็กหนุ่มแต่กลับคว้าได้เพียงอากาศ
คัตจัง
“ปล่อย..”
มือเรียวคว้ากระเป๋านักเรียนของตัวเองมาไว้ในมือ
“..คัตจังเดี๋ยวนี้!”
ก่อนจะขว้างไปใส่ดวงตาของวิลเลินตัวนั้นจนมันหลุดปล่อยร่างของตัวประกันออกมาครึ่งท่อน
เพราะคนที่จะเป็นคนทำลายคัตจังน่ะ
มันคือผมต่างหากล่ะ
เรือนผมสีฟางปล่อยอัตลักษณ์ทำให้เสียงระเบิดลั่นซอยเมื่อตนเองเริ่มหลุดออกมาจากกายเหนียวหนืดของโคลนที่น่าขยะแขยงนั่น กายกระเพื่อมสูดอากาศเข้าปอดอย่างโหยหาก่อนจะตวัดสายตาไปมองร่างของคนที่ไม่ต้องการเห็นหน้ามากที่สุด
แฮ่ก แฮ่ก
แน่นอนว่ามิโดริยะได้ทำในสิ่งที่คนๆนั้นต้องการเห็นไปแล้ว.. แม้ว่าขาของเขาจะขยับไปเองก็เถอะ
ตู้มมมมมม !!
เศษซากของวิลเลินปลิวกระจัดกระจายไปติดตามตึกต่างๆ ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายก็โชว์ร่างของฮีโร่อันดับหนึ่งอย่างออลไมท์มาอยู่ตรงหน้า
ในร่างที่พร้อมปฏิบัติการ
เขาว่าแล้วมันต้องเป็นแผนของคนๆนั้น
“แฮ่ก แฮ่ก.. ไอ้เวรเดกุ แก”
ร่างบางที่กำลังทรงตัวเหยียดยืนขึ้นถูกกระชากคอเสื้อยกสูงจนทำให้หายใจไม่ออก
นี่เขาอุตส่าห์ช่วยเอาไว้แท้ๆเลยนะ ทำกันแบบนี้เลยหรอ
แต่แล้วยังไงล่ะ ก็ในตอนนี้มีคนที่พร้อมจะช่วยเหลือเขาอยู่แล้วนี่
“นี่หนุ่มน้อย เธอทำอะไรน่ะ!”
มือหนาของสัญลักษณ์ของสันติภาพจับคอเสื้อของเด็กหนุ่มยกขึ้น ทำให้เพื่อนสมัยเด็กของเขาอย่างคัตสึกิต้องปล่อยมือออก
“การกระทำของเธอไม่สมกับเส้นทางฮีโร่เลยนะ”
กรอดด
เจ้าของดวงตาสีชาดขบฟันแน่นจนเกิดเสียง แน่นอนว่าถ้าตอนนี้เขาอยู่ด้วยกันแค่สองคนคัตจังคงกระชากเขาไปใช้เป็นเครื่องมือระบายอารมณ์แล้วล่ะ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันกลับกัน..
เพราะผมอยู่เหนือเขาขึ้นมาหน่อยนึงแล้วล่ะ
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มให้ชายผู้ที่ยกตัวเขาขึ้นเชิงบอกให้ปล่อยเขาลง เมื่อสองเท้าเล็กเหยียบลงสู่พื้นดิน ใบหน้าหวานก็เดินไปแนบกายเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองผู้เป็นฮีโร่ยอดดวงใจของใครหลายๆคน
มิโดริยะเอื้อมมือไปจับใต้วงแขนแกร่ง ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเริ่มขยับเป็นประโยคไร้เสียง
ผม ทำ ตาม ที่ คัตจัง บอก แล้ว นะ :)
___________
Talk
(☞゚ヮ゚)☞ อินท์กลับมาแล้วว! แถมยังเปลี่ยนเนื้อเรื่องใหม่หมดเลยล่ะ ไหนยังมีใครรออินท์อยู่มั้ยคะ แงง ขอโทษที่ช้าน้า พอดีอินท์ไม่ค่อยพอใจกับภาษาของตัวเองซักเท่าไหร่เลยปิดๆเปิดๆเรื่องน่ะค่ะ ตอนนี้อินท์มั่นแล้ว อินท์ไม่ปิดแล้ว เพราะอินท์น่ะ เพราะอินท์น่ะ!!
ชอบแนวน้องเดแซ่บๆไงคะ ><
ความคิดเห็น