ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lonely Moon พระจันทร์ใจเหงา

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8 น้ำเสียงเขาออกไปทางนุ่มและทุ้ม ได้ฟังแล้วเล่นเอาใจสั่น

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ค. 64


        

    Lonely  Moon

    บทที่ 8

    น้ำเสียงเขาออกไปทางนุ่มและทุ้ม ได้ฟังแล้วเล่นเอาใจสั่น

     

    พอฉันนั่งรถมาลงที่หน้าไร่ส้มก็ยืนคิดอยู่สักพักว่าจะทำยังไงกับตัวเองต่อไปดี  เพราะรถโดยสารที่นั่งมาจากในตัวเมืองไม่ได้ขับเข้าไปในไร่อย่างที่เข้าใจตั้งแต่แรก  พอกดโทรศัพท์มือถือไปหามะปรางอีกครั้งก็ยังไม่มีใครรับสายอยู่ดี 


    ฉันตัดสินใจพาตัวเองลากกระเป๋าเดินทางไปเรื่อยๆจนผ่านป้ายบอกชื่อไร่ภูตะวันมาได้สักพัก  แต่ยิ่งเดินเข้าไปเท่าไหร่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะสุดทางถนนสักที  ตอนนี้สองขาของฉันเริ่มล้า  มันทั้งร้อนและเหนื่อย  คอก็เริ่มแห้งแสบไปหมดจนฉันทนไม่ไหวต้องหยิบขวดน้ำที่พกติดตัวใส่กระเป๋าเป้ไว้ยกขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหาย


    พอฉันฝืเดินต่อและคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปได้สักพัก  อยู่ๆก็มีรถแวนที่ติดสติ๊กเกอร์บอกชื่อของไร่มาจอดเทียบข้างๆตัว  ฉันหันหน้ามองเข้าไปข้างในรถ  ขณะที่กระจกกำลังเลื่อนลงมาเผยให้เห็นผู้ชายคนหนึ่งทางฝั่งด้านคนขับ 


    ที่สะดุดตามากก็คือสีผิวของเขาค่อนข้างขาวสว่างตา  มันตัดกับแว่นกันแดดสีชาที่เขากำลังใส่อยู่อย่างชัดเจน


    เหมือนฉันกำลังหลงอยู่ในภวังค์ 


    มันป็ครั้งแรกที่ฉันคิดว่าฉันเริ่มจะสนใจเพศตรงข้ามเพราะความดูดีของเขาตั้งแต่แรกพบ   


    พอฉันดึงสติของตัวเองกลับมาได้  เมื่อเขาเอ่ยถามออกมาว่าฉันป็ใครและเดินเข้ามาทำอะไรที่นี่  ฉันเลยตอบกลับไปว่าตัวเองคือเพื่อนของมะปราง  ที่ตั้งใจบอกไปแบบนั้นก็คิดว่าเขาน่าจะพอรู้จักกับมะปรางอยู่บ้าง  เพราะย่าของมะปรางป็หัวหน้าแม่บ้านของไร่นี้  ก็น่าจะพอป็ที่รู้จักคุ้นเคยของคนในไร่  


    ความคิดแรกที่แทรกเข้ามาอยู่ในหัว หรือบางทีเขาอาจจะไม่ได้รู้จักกับมะปราง  ฉันเลยกะจะบอกไปว่ามะปรางที่ป็หลานสาวของหัวหน้าแม่บ้านที่ไร่นี้


    แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรต่อ  เขาก็บอกกับฉันว่าวันนี้มะปรางไม่อยู่  เพราะตามย่าไปร่วมเดินสายทำบุญเก้าวัดที่ต่างจังหวัด  


    พอได้ฟัแบบนั้นฉันถึงกับแสดงสีหน้าที่ผิดหวังในทันที  จากนั้นอีกสักพักฉันก็บอกขอบคุณเขาและหันหลังกำลังเตรียมจะเดินย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อยืนรอคิวรถบัสเข้าเมืองตรงจุดที่ลงก่อนหน้านี้


    สงสัยฉันคงจะต้องวนกลับเข้าในตัวเมืองเพื่อหาห้องเช่ารายวันอยู่ไปก่อนในระหว่างรอหอพักที่จะย้ายเข้าไปอยู่ว่าง  เพราะในตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้เลยว่าจะไปหาที่พึ่งพาจากใครได้อีก


    โชคดีที่ผู้ชายผิวขาวคนนั้นไม่ได้ใจร้ายอะไรนัก  เขาบอกว่าไหนๆฉันก็มาแล้วจะได้ไม่เสียเที่ยว  เขาเลยจะพาฉันนั่งรถเข้าไปในไร่ด้วยกัน  ฉันสบายใจขึ้นมานิดหน่อยเพราะได้อยู่รอมะปรางที่นี่ก็น่าจะดีกว่าออกไปตะลอนหาห้องพักรายวันอีก  อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียเวลาวนกลับเข้าไปที่ในตัวเมืองอย่างไร้จุดหมาย


    ตอนที่นั่งอยู่ในรถ  พอคุยไปคุยมาฉันก็ได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีชื่อว่าตะวัน  อันที่จริงฉันก็ไม่ค่อยกล้าหันไปมองหน้าเขาตรงๆสักเท่าไหร่  เลยทำได้แต่ลอบแอบมองด้านข้างของเขาป็ระยะแทน  ถึงเขาจะใส่แว่นกันแดดพรางใบหน้าของตัวเองเอาไว้  แต่จากที่ดูองค์ประกอบรวมๆภายนอก  เขาป็ผู้ชายที่รูปร่างและหน้าตาดีมากๆคนหนึ่ง  ผิวขาวซีดแต่ดูใสสะอาดอย่างคนที่สุขภาพดี  เห็นแล้วก็น่าอิจฉา   


    ฉันค่อนข้างเกร็งและขัดเขินนิดหน่อย  เพราะน้ำเสียงเขาออกไปทางนุ่มและทุ้ม  ได้ฟัแล้วเล่นเอาใจสั่นเลยทีเดียว 

    คงเพราะฉันเองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนหรือมีโอกาสได้คุยกับผู้ชายมากนัก      พอมาอยู่ตามลำพังในสถานที่ชวนอึดอัดแบบนี้อีก  มันเลยทำให้ฉันยิ่งประหม่า   


    ดูเหมือนเขาจะรู้สึกว่าฉันเริ่มเกร็ง  เขาเลยชวนคุยเพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูผ่อนคลายลง  ตอนฉันบอกกับเขาว่าฉันชื่อพระจันทร์  เขาเองก็บอกว่าบังเอิญจริงๆ  เพราะถ้าแม่เขามีลูกสาวอีกคนก็จะให้ชื่อพระจันทร์เหมือนกัน  ฉันไม่ได้ถามสถานะอะไรของเขาเพราะกลัวว่าจะป็การเสียมารยาท  

     

    แต่คิดว่าเขาน่าจะป็น้องชายเจ้าของไร่  เพราะมะปรางเคยบอกไว้ว่าน้องชายเจ้าของไร่ชื่อว่าตะวันป็ผู้ชายที่มีผิวขาวเนียนใสจนน่าอิจฉา  และที่สำคัญเขามีพวกผู้หญิงมาชอบเยอะมาก  ขนาดว่าเรียนจบแล้วยังมีสาวๆตามมาจากกรุงเทพฯแวะเวียนมาหาที่ไร่หลายต่อหลายคนเลย 


    ฉันว่าฉันพอจะเข้าใจผู้หญิงพวกนั้นนะ  คงไม่น่าจะแปลกเท่าไหร่เพราะเขาหน้าตาดีมากจริงๆ  ขนาดว่าฉันที่ป็คนไม่ค่อยจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องเพศตรงข้ามเท่าไหร่  ฉันยังรู้สึกได้เลยว่าตัวเองหวั่นไหวเมื่อได้อยู่ใกล้เขา


    ระหว่างนั่งอยู่บนรถฉันก็สังเกตเส้นทางไปเรื่อยๆ  นับว่าฉันยังโชคดีที่ได้เจอเขาชวนขึ้นรถมาด้วยกัน  ไม่อย่างนั้นฉันคงได้เดินต่อไปอย่างไร้จุดหมายแน่ๆ  ดีไม่ดีฉันอาจจะป็ลมหมดแรงกลางทางไปซะก่อนจะถึง  เพราะว่าที่นี่มีพื้นที่     กว้างขวางมาก  แถมสีสดๆของต้นส้มที่กำลังออกผลในตอนนี้  มองดูแล้วสวยมากจริงๆ  มันเหมือนกับฉันได้พาตัวเองให้มาเที่ยวพักผ่อนเลย 


    "ผมโทรไปหาย่าของมะปรางเห็นบอกว่ามะปรางลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน   แต่พรุ่งนี้ช่วงบ่ายๆก็พากันกลับแล้วล่ะ  เดี๋ยวคุณไปพักที่ห้องของมะปรางก่อนก็ได้"


    ว่าแล้วเชียวทำไมฉันถึงโทรศัพท์หามะปรางแล้วไม่รับสักที  ที่แท้ก็ลืมเอาไว้ที่บ้านนี่เอง  คงจะปิดเสียงไว้ด้วยอีกตามเคย  


    "อ้อค่ะ ขอบคุณคุณตะวันมากเลยนะคะ"


    พอเขาพูดจบก็เรียกเด็กสาวผมสั้นติดใบหูชื่อน้ำตาลที่กำลังกวาดเศษใบไม้อยู่แถวนั้นให้พาฉันไปพักที่ห้องของมะปราง  ซึ่งป็บ้านอีกหลังที่แยกออกมาจากบ้านหลังใหญ่ด้านหน้า  พอเดินมาตามทางก็จะเจอกับบ้านปูนชั้นเดียวหลังเล็กๆสภาพกลางเก่ากลางใหม่แยกออกมาจากบ้านหลังใหญ่ 


    "หนูนึกว่าพี่ป็ผู้หญิงที่มากับคุณตะวันซะอีก"  อยู่ๆเด็กสาวก็พูดขึ้น   จนฉันต้องรีบปฏิเสธทันที


    "ไม่ใช่ค่ะ พี่แวะมาหามะปรางที่นี่ คุณตะวันเขาเห็นพี่กำลังเดินอยู่ที่หน้าไร่พอดี เลยให้พี่ติดรถเข้ามาด้วย"


    "อ้อแบบนี้นี่เอง ปกติไม่เคยมีคนมาหาพี่มะปรางเลย หนูต้องขอโทษด้วยจ้ะที่เข้าใจผิด" 


    ฉันไม่ได้ว่าอะไร  ทำแค่เพียงยิ้มให้เด็กสาวตรงหน้า  สงสัยจะมีผู้หญิงมาบ่อยจริงๆแหละ  จากนั้นน้ำตาลก็ชี้บอกทางเข้าไปในห้องนอนของมะปรางให้ฉันแล้วก็ขอตัวไปทำงานต่อ  


    To Be Continued


    เพจ "เงียบๆ" ที่อาจจะไม่ค่อยมีอะไรของคนเขียน  : )

    Lonely Moon มี E-Book ออกแล้วนะคะ

    ^^ หากสนใจรูปเล่มทักที่เพจเลยค่ะ ฝากด้วยนะคะ : )


    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×