คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8 น้ำเสียงเขาออกไปทางนุ่มและทุ้ม ได้ฟังแล้วเล่นเอาใจสั่น
Lonely Moon
บทที่ 8
น้ำเสียงเขาออกไปทางนุ่มและทุ้ม ได้ฟังแล้วเล่นเอาใจสั่น
พอฉันนั่งรถมาลงที่หน้าไร่ส้มก็ยืนคิดอยู่สักพักว่าจะทำยังไงกับตัวเองต่อไปดี เพราะรถโดยสารที่นั่งมาจากในตัวเมืองไม่ได้ขับเข้าไปในไร่อย่างที่เข้าใจตั้งแต่แรก พอกดโทรศัพท์มือถือไปหามะปรางอีกครั้งก็ยังไม่มีใครรับสายอยู่ดี
ฉันตัดสินใจพาตัวเองลากกระเป๋าเดินทางไปเรื่อยๆจนผ่านป้ายบอกชื่อไร่ภูตะวันมาได้สักพัก
แต่ยิ่งเดินเข้าไปเท่าไหร่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะสุดทางถนนสักที ตอนนี้สองขาของฉันเริ่มล้า มันทั้งร้อนและเหนื่อย คอก็เริ่มแห้งแสบไปหมดจนฉันทนไม่ไหวต้องหยิบขวดน้ำที่พกติดตัวใส่กระเป๋าเป้ไว้ยกขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหาย
พอฉันฝืนเดินต่อและคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปได้สักพัก อยู่ๆก็มีรถแวนที่ติดสติ๊กเกอร์บอกชื่อของไร่มาจอดเทียบข้างๆตัว ฉันหันหน้ามองเข้าไปข้างในรถ ขณะที่กระจกกำลังเลื่อนลงมาเผยให้เห็นผู้ชายคนหนึ่งทางฝั่งด้านคนขับ
ที่สะดุดตามากก็คือสีผิวของเขาค่อนข้างขาวสว่างตา มันตัดกับแว่นกันแดดสีชาที่เขากำลังใส่อยู่อย่างชัดเจน
เหมือนฉันกำลังหลงอยู่ในภวังค์
มันเป็นครั้งแรกที่ฉันคิดว่าฉันเริ่มจะสนใจเพศตรงข้ามเพราะความดูดีของเขาตั้งแต่แรกพบ
พอฉันดึงสติของตัวเองกลับมาได้ เมื่อเขาเอ่ยถามออกมาว่าฉันเป็นใครและเดินเข้ามาทำอะไรที่นี่ ฉันเลยตอบกลับไปว่าตัวเองคือเพื่อนของมะปราง ที่ตั้งใจบอกไปแบบนั้นก็คิดว่าเขาน่าจะพอรู้จักกับมะปรางอยู่บ้าง เพราะย่าของมะปรางเป็นหัวหน้าแม่บ้านของไร่นี้ ก็น่าจะพอเป็นที่รู้จักคุ้นเคยของคนในไร่
ความคิดแรกที่แทรกเข้ามาอยู่ในหัว
หรือบางทีเขาอาจจะไม่ได้รู้จักกับมะปราง ฉันเลยกะจะบอกไปว่ามะปรางที่เป็นหลานสาวของหัวหน้าแม่บ้านที่ไร่นี้
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรต่อ เขาก็บอกกับฉันว่าวันนี้มะปรางไม่อยู่ เพราะตามย่าไปร่วมเดินสายทำบุญเก้าวัดที่ต่างจังหวัด
พอได้ฟังแบบนั้นฉันถึงกับแสดงสีหน้าที่ผิดหวังในทันที จากนั้นอีกสักพักฉันก็บอกขอบคุณเขาและหันหลังกำลังเตรียมจะเดินย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อยืนรอคิวรถบัสเข้าเมืองตรงจุดที่ลงก่อนหน้านี้
สงสัยฉันคงจะต้องวนกลับเข้าในตัวเมืองเพื่อหาห้องเช่ารายวันอยู่ไปก่อนในระหว่างรอหอพักที่จะย้ายเข้าไปอยู่ว่าง เพราะในตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้เลยว่าจะไปหาที่พึ่งพาจากใครได้อีก
โชคดีที่ผู้ชายผิวขาวคนนั้นไม่ได้ใจร้ายอะไรนัก เขาบอกว่าไหนๆฉันก็มาแล้วจะได้ไม่เสียเที่ยว เขาเลยจะพาฉันนั่งรถเข้าไปในไร่ด้วยกัน ฉันสบายใจขึ้นมานิดหน่อยเพราะได้อยู่รอมะปรางที่นี่ก็น่าจะดีกว่าออกไปตะลอนหาห้องพักรายวันอีก
อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียเวลาวนกลับเข้าไปที่ในตัวเมืองอย่างไร้จุดหมาย
ตอนที่นั่งอยู่ในรถ พอคุยไปคุยมาฉันก็ได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีชื่อว่าตะวัน อันที่จริงฉันก็ไม่ค่อยกล้าหันไปมองหน้าเขาตรงๆสักเท่าไหร่ เลยทำได้แต่ลอบแอบมองด้านข้างของเขาเป็นระยะแทน ถึงเขาจะใส่แว่นกันแดดพรางใบหน้าของตัวเองเอาไว้
แต่จากที่ดูองค์ประกอบรวมๆภายนอก เขาเป็นผู้ชายที่รูปร่างและหน้าตาดีมากๆคนหนึ่ง ผิวขาวซีดแต่ดูใสสะอาดอย่างคนที่สุขภาพดี เห็นแล้วก็น่าอิจฉา
ฉันค่อนข้างเกร็งและขัดเขินนิดหน่อย เพราะน้ำเสียงเขาออกไปทางนุ่มและทุ้ม ได้ฟังแล้วเล่นเอาใจสั่นเลยทีเดียว
คงเพราะฉันเองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนหรือมีโอกาสได้คุยกับผู้ชายมากนัก พอมาอยู่ตามลำพังในสถานที่ชวนอึดอัดแบบนี้อีก มันเลยทำให้ฉันยิ่งประหม่า
ดูเหมือนเขาจะรู้สึกว่าฉันเริ่มเกร็ง เขาเลยชวนคุยเพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูผ่อนคลายลง ตอนฉันบอกกับเขาว่าฉันชื่อพระจันทร์ เขาเองก็บอกว่าบังเอิญจริงๆ เพราะถ้าแม่เขามีลูกสาวอีกคนก็จะให้ชื่อพระจันทร์เหมือนกัน ฉันไม่ได้ถามสถานะอะไรของเขาเพราะกลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาท
แต่คิดว่าเขาน่าจะเป็นน้องชายเจ้าของไร่ เพราะมะปรางเคยบอกไว้ว่าน้องชายเจ้าของไร่ชื่อว่าตะวันเป็นผู้ชายที่มีผิวขาวเนียนใสจนน่าอิจฉา และที่สำคัญเขามีพวกผู้หญิงมาชอบเยอะมาก ขนาดว่าเรียนจบแล้วยังมีสาวๆตามมาจากกรุงเทพฯแวะเวียนมาหาที่ไร่หลายต่อหลายคนเลย
ฉันว่าฉันพอจะเข้าใจผู้หญิงพวกนั้นนะ คงไม่น่าจะแปลกเท่าไหร่เพราะเขาหน้าตาดีมากจริงๆ
ขนาดว่าฉันที่เป็นคนไม่ค่อยจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องเพศตรงข้ามเท่าไหร่ ฉันยังรู้สึกได้เลยว่าตัวเองหวั่นไหวเมื่อได้อยู่ใกล้เขา
ระหว่างนั่งอยู่บนรถฉันก็สังเกตเส้นทางไปเรื่อยๆ นับว่าฉันยังโชคดีที่ได้เจอเขาชวนขึ้นรถมาด้วยกัน
ไม่อย่างนั้นฉันคงได้เดินต่อไปอย่างไร้จุดหมายแน่ๆ ดีไม่ดีฉันอาจจะเป็นลมหมดแรงกลางทางไปซะก่อนจะถึง เพราะว่าที่นี่มีพื้นที่ กว้างขวางมาก แถมสีสดๆของต้นส้มที่กำลังออกผลในตอนนี้ มองดูแล้วสวยมากจริงๆ มันเหมือนกับฉันได้พาตัวเองให้มาเที่ยวพักผ่อนเลย
"ผมโทรไปหาย่าของมะปรางเห็นบอกว่ามะปรางลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน
แต่พรุ่งนี้ช่วงบ่ายๆก็พากันกลับแล้วล่ะ เดี๋ยวคุณไปพักที่ห้องของมะปรางก่อนก็ได้"
ว่าแล้วเชียวทำไมฉันถึงโทรศัพท์หามะปรางแล้วไม่รับสักที ที่แท้ก็ลืมเอาไว้ที่บ้านนี่เอง คงจะปิดเสียงไว้ด้วยอีกตามเคย
"อ้อ…ค่ะ ขอบคุณคุณตะวันมากเลยนะคะ"
พอเขาพูดจบก็เรียกเด็กสาวผมสั้นติดใบหูชื่อน้ำตาลที่กำลังกวาดเศษใบไม้อยู่แถวนั้นให้พาฉันไปพักที่ห้องของมะปราง ซึ่งเป็นบ้านอีกหลังที่แยกออกมาจากบ้านหลังใหญ่ด้านหน้า พอเดินมาตามทางก็จะเจอกับบ้านปูนชั้นเดียวหลังเล็กๆสภาพกลางเก่ากลางใหม่แยกออกมาจากบ้านหลังใหญ่
"หนูนึกว่าพี่เป็นผู้หญิงที่มากับคุณตะวันซะอีก" อยู่ๆเด็กสาวก็พูดขึ้น จนฉันต้องรีบปฏิเสธทันที
"ไม่ใช่ค่ะ พี่แวะมาหามะปรางที่นี่
คุณตะวันเขาเห็นพี่กำลังเดินอยู่ที่หน้าไร่พอดี เลยให้พี่ติดรถเข้ามาด้วย"
"อ้อแบบนี้นี่เอง ปกติไม่เคยมีคนมาหาพี่มะปรางเลย
หนูต้องขอโทษด้วยจ้ะที่เข้าใจผิด"
ฉันไม่ได้ว่าอะไร ทำแค่เพียงยิ้มให้เด็กสาวตรงหน้า สงสัยจะมีผู้หญิงมาบ่อยจริงๆแหละ จากนั้นน้ำตาลก็ชี้บอกทางเข้าไปในห้องนอนของมะปรางให้ฉันแล้วก็ขอตัวไปทำงานต่อ
To Be Continued
เพจ "เงียบๆ" ที่อาจจะไม่ค่อยมีอะไรของคนเขียน : )
Lonely Moon มี E-Book ออกแล้วนะคะ
^^ หากสนใจรูปเล่มทักที่เพจเลยค่ะ ฝากด้วยนะคะ : )
ความคิดเห็น