ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lonely Moon พระจันทร์ใจเหงา

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 ฉันสูดหายใจลึกๆ พยายามพูดให้นิ่งที่สุด

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 64


        

    Lonely  Moon

    บทที่ 7

    ฉันสูดหายใจลึกๆ พยายามพูดให้นิ่งที่สุด

     

    ฉันเก็บของใส่เป้ใบเก่าและกระเป๋าเดินทางแบบล้อลากหนึ่งใบ  ของใช้ส่วนตัวจริงๆของฉันมีไม่เยอะมาก  ฉันเลือกเอาไปแต่เฉพาะที่จำเป็นอย่างเสื้อผ้า  ชุดเครื่องแบบวิทยาลัย หนังสือเรียน โน๊ตบุ๊ค เอกสารสำคัญต่างๆ แล้วก็สมุดบันทึกของแม่  ส่วนของอื่นๆนอกนั้นก็ไม่มีอะไรที่จำเป็นมากฉันเลยไม่ได้เอาติดตัวไปด้วย


     

    ฉันก้าวเดินออกมาจากตัวบ้านจนมาหยุดยืนอยู่ที่ถนนนอกประตูรั้ว  อย่างเด็ดเดี่ยว  จากนั้นฉันก็หันหลังกลับไปมองที่ตัวบ้านอีกครั้งอย่างช้าๆเป็นครั้งสุดท้าย  การตัดสินใจของฉันในครั้งนี้  ฉันบอกกับตัวเองว่าเป็นยังไงก็เป็นกันฉันจะไปตายเอาดาบหน้า 


     

    เพราะฉันจะไม่ทนอยู่กับพวกคนใจหยาบในครอบครัวนี้อีกต่อไปแล้ว  และตัวฉันจะต้องรับผลที่ตามมาในอนาคตให้.ได้  ยังไงซะอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าฉันก็ใกล้จะเรียนจบวิชาชีพชั้นสูงอยู่แล้ว  ฉันคิดว่าตัวเองในวัยสิบเก้าปีคงโตมากพอที่จะออกมาดูแลตัวเองได้แล้วล่ะ


     

    พอฉันเดินไปตามทางเท้าที่ยังพ้นจากตัวบ้านได้.ไม่มาก  พ่อและคนอื่นๆก็กลับมาบ้านพอดี  พ่อคงเห็นว่าฉันกำลังเดินลากกระเป๋าอยู่บนถนน  ท่านเลยจอดรถไว้ก่อนที่หน้าประตูบ้านและรีบลงจากรถเดินตรงมาที่ฉันทันที


     

    "พระจันทร์…นี่ลูกจะไปไหน"  


     

    "……"  ฉันมองหน้าพ่อแต่ไม่ได้ตอบอะไร  จากนั้นก็ก้าวเดินต่อไปข้าง หน้าอย่างไม่สนใจ


     

    "พระจันทร์! ที่พ่อถามได้ยินไหม?!"


     

    ในตอนนั้นฉันพยายามฝืนตัวเองไม่ให้รู้สึกอะไร  ฉันตัดปัญหาโดยการบอกพ่อไปว่าฉันจะออกไปเช่าหออยู่เองข้างนอก  เพราะว่าฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ก็พูดออกไปตรงๆนี่แหละในเมื่อมันเป็นความจริง  พ่อบอกว่าถ้าฉันโกรธเรื่องเมื่อวันก่อนก็น่าจะมาคุยกันดีๆ  ไม่ใช่หนีปัญหาโดยการออกจากบ้านไปแบบนี้  


     

    ก็ไอ้ปัญหานี่ไม่ใช่เหรอ? ที่บีบบังคับทำร้ายฉันอยู่ทุกวัน  ฉันเองก็อยู่ของฉันดีๆแต่ยังไม่วายโดนหาเรื่องอยู่ตลอด  ฉันสูดหายใจลึกๆพยายามพูดให้นิ่งที่สุด


     

    "มันไม่ใช่เรื่องของโกรธหรือไม่โกรธหรอกค่ะพ่อ แต่มันเป็นเรื่องของความสบายใจ พ่อก็อยู่กับครอบครัวแสนสุขของพ่อไปเถอะค่ะ พระจันทร์คงทนอยู่กับครอบครัวปลอมๆแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ มันน่าสะอิดสะเอียน"


     

     คำว่าครอบครัวปลอมๆคงจะไปสะกิดใจของพ่อจนทำให้พ่อเริ่มโมโห


     

    "ถ้าคิดว่าไปได้ก็เอาเลย แต่ฉันจะไม่ส่งเงินให้แกใช้อีกต่อไป คิดว่าไปอยู่เองได้ก็ตามใจ ตั้งแต่แม่แกตายฉันก็ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ถ้าคิดว่าฉันเลี้ยงแกไม่ได้ก็แล้วแต่ชีวิตแกเถอะ"


     

    การเลี้ยงดูฉันสำหรับพ่อแล้วมันเป็นแค่หน้าที่อย่างนั้นเหรอ


     

    พอพูดจบพ่อก็เดินกลับเข้าบ้านไปไม่สนใจฉันอีก  ตอนนั้นฉันเองก็เสียใจและโมโหมากเหมือนกัน  พ่อไม่เคยเข้าใจอะไรฉันเลย  ท่านยังเอาแต่คิดว่ามันเป็นเพราะเรื่องเงินอยู่อีก  ความจริงแล้วฉันก็ไม่ได้จนตรอกขนาดนั้นหรอก  ถึงพ่อจะไม่ส่งเงินให้.ใช้ฉันก็ไม่ได้เดือดร้อน  เพราะเงินที่ใช้จ่ายนอกเหนือจากเรื่องเรียนทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เงินของพ่ออยู่ดี  


     

    ก็ดีแล้วล่ะที่มันเป็นแบบนี้  ฉันจะได้.ไม่รู้สึกต้องติดหนี้บุญคุณอะไรอีก    ตัวฉันเองก็ไม่ได้หวังอะไรจากพ่ออยู่แล้ว  นอกจากว่าสักวันหนึ่งพ่อจะได้ตาสว่างกับลูกเมียของตัวเองสักทีว่าที่จริงแล้วคนพวกนี้  ทำตัวเป็นปลิงคอยมาเกาะพ่อ  กินขนาดไหน 


     

    ถึงจะกำลังเสียใจแต่ฉันก็พยายามทำตัวให้เข้มแข็ง  ฉันก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆโดยไม่หันหลังกลับไป  ตอนนี้ในใจของฉันคิดเพียงแค่ว่าฉันต้องออกไปอยู่ด้วยตัวเองให้.ได้  พอเดินต่อไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งตามหลังมาพร้อมกับคำพูดที่แสนจะทำร้ายจิตใจ


     

    "ดี…ไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีกนะ อีลูกของคนที่พ่อไม่ได้รัก"


     

    มันสุดจะทนแล้วจริงๆกับคำคำนี้  ฉันแทบจะรับมันไม่ไหว แต่ก็พยายามเก็บความรู้สึกให้นิ่งที่สุดโดยการเดินต่อไปไม่ฟังเสียงของต้นอ้อที่พูดเสียดสีตามมา  


     

    ปล่อยไปก่อนเถอะ สักวันฉันจะกลับมาเอาบ้านของฉันคืน


     

    ฉันนั่งรถโดยสารรอบเมืองมาลงที่แถวๆหน้าหอพักใกล้วิทยาลัยเพื่อจะมาหาห้องเช่าอยู่  ตอนแรกฉันจะเรียกใช้บริการรถแท็กซี่  แต่มาคิดดูอีกทีต่อไปนี้ฉันคงต้องประหยัดให้มากยิ่งขึ้นเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายลง  หลังจากนี้ฉันต้องเก็บเงินไว้สำหรับค่าเทอม ค่าเช่าหอ และค่าใช้จ่ายอยู่กินอื่นๆอีกหลายอย่าง


     

    ฉันตัดสินใจกดเงินจากบัญชีที่แม่ทิ้งเอาไว้ให้ออกมาใช้ส่วนหนึ่งสำหรับค่ามัดจำและค่าเช่าหอพัก  หลังจากนี้คงจะต้องนำเอามันออกมาใช้เกี่ยวกับเรื่องเรียนและค่ากินอยู่ที่เหลือด้วย  เพราะลำพังเงินเก็บจากรายได้พิเศษที่ฉันทำงานขายขนมช่วยวิทยาลัยยังมีไม่มากพอ  ฉันเลยตั้งใจว่าอาจจะต้องลองหางานพิเศษทำเพิ่มอีกสักที่หลังเวลาเลิกเรียน  ฉันมีความมุ่งมั่นว่าจะต้องอยู่ด้วยตัวเองให้.ได้และจะไม่ยอมกลับไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ครอบครัวนั้นอีกอย่างเด็ดขาด


     

    พอทำเรื่องมัดจำเช่าห้องพักเรียบร้อยแล้ว  ฉันเพิ่งรู้จากเจ้าของหอพักว่าฉันยังเข้าอยู่ตอนนี้เลยไม่ได้  เพราะพี่ที่เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลหอเช็กวันย้ายออกเจ้าของห้องเดิมผิด  เขาเลยบอกว่าฉันจะยกเลิกก่อนก็ได้  แต่ฉันเห็นว่าไหนๆก็ได้มัดจำจ่ายให้.ไปแล้ว  และยังไงก็ต้องเข้ามาเช่าต่อจากคนเดิมอยู่ดี  ก็จองรักษาสิทธิ์เอาไว้เลยแล้วกัน 


     

    ระหว่างที่ต้องรอเจ้าของห้องเดิมย้ายออกอีกสามวัน  ฉันคิดว่าคงจะต้องไปรบกวนขออาศัยอยู่ที่บ้านของมะปรางเป็นการชั่วคราวก่อน  ถ้าไปหาเช่าห้องพักรายวันอยู่ในระหว่างที่รอ  ค่าเช่ารวมแล้วคงได้จ่ายเพิ่มไม่ต่ำกว่าพันบาทแน่ๆ  อย่างน้อยวิธีนี้ก็น่าจะช่วยให้ฉันประหยัดเงินไปได้ส่วนหนึ่งด้วย


     

    ฉันกดโทรศัพท์มือถือไปหามะปรางแต่ก็ไม่มีคนรับสาย  หรือบางทีตอนนี้มะปรางอาจจะกำลังทำงานบ้านให้เจ้านายอยู่ก็ได้  ปกติถ้าช่วยย่าทำงานมะปรางบอกว่าจะไม่ค่อยชอบพกโทรศัพท์มือถือติดตัวเท่าไหร่เพราะกลัวโดนย่าดุ


     

     

    ฉันตัดสินใจหอบเอาสัมภาระขึ้นรถรอบเมืองไปที่ขนส่งเพื่อจะนั่งรถโดยสารไปบ้านที่อยู่ในไร่ส้มต่างอำเภอที่มะปรางอยู่ทันที  โชคดีที่ตอนนี้คิวรถยังไม่หมดรอบ  ไม่อย่างนั้นฉันคงมืดแปดด้านไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องหอบของใช้ที่ขนมาด้วยเอาไปเก็บไว้ที่ไหนก่อน

     


     

    To Be Continued


     

    เพจ "เงียบๆ" ที่อาจจะไม่ค่อยมีอะไรของคนเขียน  : )

     

    Lonely Moon มี E-Book ออกแล้วนะคะ

    ^^ หากสนใจรูปเล่มทักที่เพจเลยค่ะ ฝากด้วยนะคะ : )

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×