ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lonely Moon พระจันทร์ใจเหงา

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 น้ำตาของฉันไหล ใช่…ฉันกำลังร้องไห้

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 64


        

    Lonely  Moon

    บทที่ 6

    น้ำตาของฉันไหล  ใช่…ฉันกำลังร้องไห้

     

    สิ้นเสียงตวาดของพ่อซีกแก้มด้านซ้ายของฉันก็ชาลงทันที  ตั้งแต่เล็กจน โตฉันยอมรับได้มาตลอด  หากพ่อจะไม่มีเวลาหรือไม่เคยสนใจฉัน  แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าพ่อจะกล้าตบหน้าฉัน  


    น้ำตาของฉันไหล ใช่...ฉันกำลังร้องไห้  แต่ฉันไม่ได้ฟูมฟาย ฉันเอาแต่จ้องหน้าพ่อด้วยสายตาที่โกรธเคือง  ก็ในเมื่อฉันไม่ได้ผิดอะไรทำไมฉันต้องมานั่งยอมรับมันด้วย 


    แม่คะหนูจันทร์ขอโทษ  หนูจันทร์ทนอีกต่อไปไม่ไหวแล้วค่ะ


    "วิคุณพาลูกออกไปก่อน ทางนี้เดี๋ยวผมจะจัดการเอง" จากนั้นพ่อก็หันหน้ามาทางฉันก่อนจะพูดขึ้น


    "พ่อไม่รู้นะว่าเราเกลียดอะไรน้าวิมลกับน้องๆเขานักหนา แต่พ่อขอได้.ไหม  ช่วยอยู่อย่างสงบสักที หยุดสร้างเรื่องได้แล้ว ถือว่าเห็นแก่พ่อเถอะ ถ้าเงินไม่พอใช้ก็มาขอพ่อสิอย่าไปขโมยเงินน้อง"


    ฉันได้แต่นิ่งเฉยไม่พูดอะไร  ก็จะให้ฉันพูดอะไรได้.อีกในเมื่อฉันถูกตัดสินไปแล้ว  และฉันก็ไม่ได้ป็คนเอาไปด้วย  ฉันเพิ่งรู้ตัววันนี้เองว่าการที่ฉันสร้างระยะห่างจากพ่อมันไม่ได้ทำให้ชีวิตของฉันสงบลงอย่างที่เข้าใจ  เพราะมันเหมือนคลื่นใต้น้ำที่กลายป็ช่องว่างให้น้าวิมลพูดอะไรเกี่ยวกับฉันให้พ่อได้ฟัง  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงจะมีแต่เรื่องแย่ๆ  


    ช่วงเวลาที่ผ่านมาผู้หญิงคนนี้คงจะคอยสร้างแต่เรื่องไม่ดีของฉันเพื่อบอกพ่อมาตลอด  เพราะฉะนั้นถึงฉันจะแก้ตัวหรือพูดอะไรออกไปพ่อก็คงจะไม่เชื่อฉันอยู่ดี  ความน้อยใจทำให้ฉันเอาแต่ยืนเงียบอยู่อย่างนั้นไม่ตอบโต้อะไร  จนเมื่อพ่อกำลังจะเดินออกจากห้องฉันเลยตัดสินใจพูดตัดพ้อในสิ่งที่ตัวเองคิดมาตลอด


    "ที่พ่อบอกว่าพ่อไม่เคยสอนให้ป็ขโมยลักของคนอื่น พ่อก็พูดถูกนะคะ เพราะพ่อก็ไม่เคยสอนอะไรพระจันทร์อยู่แล้วนี่  แม้แต่เลี้ยงก็ยังไม่เคยเลย  แล้วจะมาหวังเอาอะไร เพราะฉะนั้นพ่อเอาเวลาที่มีกลับไปสั่งสอนลูกของพ่ออย่างเดิม   เถอะค่ะ  บางทีมันอาจจะสำนึกกับสิ่งที่มันรู้อยู่แก่ใจก็ได้นะ ว่ามันทำอะไรกับคนอื่นเอาไว้บ้าง"


    พ่อเดินออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ  ฉันรีบวิ่งไปกดล็อกประตูห้องนอนจากนั้นก็ล้มตัวลงบนที่นอนแล้วร้องไห้ปล่อยโฮออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ  คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะที่ฉันจะต้องทนอยู่คนในครอบครัวนี้  วันพรุ่งนี้ฉันจะไปจากที่นี่ฉันคิดว่าคงจะพอสักทีกับชีวิตที่ต้องมาอดทนอะไรแบบนี้


    แต่ฉันก็ยังมีเรื่องที่ค้างคาใจอยู่เรื่องหนึ่งที่บังเอิญไปได้ยินมา  น้าวิมลเคยขอให้พ่อขายบ้านหลังนี้เพื่อที่จะไปซื้อบ้านโครงการในใจกลางเมืองอยู่  แต่ฉันได้ยินไม่ถนัด  เหมือนพ่อจะพูดอะไรสักอย่างว่ายังไงก็ขายไม่ได้เพราะบ้านหลังนี้ป็บ้านของแม่ฉัน  


    ตัวฉันเองก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องกรรมสิทธิ์บ้าน  แต่แค่คิดว่าบ้านหลังนี้จะต้องถูกขายไปมันก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก  ฉันตัดสินใจจะค้นหาความจริงในเรื่องนี้ก่อนที่จะไป  ก็ในเมื่อพากันกล่าวหาฉันว่าเป็นคนขี้ขโมยดีนัก  ฉันก็จะป็ขโมยจริงๆให้ดู   


    วันรุ่งขึ้นในขณะที่ทุกคนออกไปข้างนอกในวันหยุด  ฉันตัดสินใจแอบขึ้นไปบนห้องนอนของพ่อเพื่อจะขโมยดูเอกสารโฉนดที่ดินบ้านหลังนี้  ฉันพยายามหาอยู่สักพักจนค้นเจอในลิ้นชักโต๊ะทำงานของพ่อ  ก็นับว่ายังโชคดีที่พ่อไม่ได้เก็บมันใส่ตู้เซฟเอาไว้  ไม่อย่างนั้นฉันคงเปิดเข้าไปดูไม่ได้ 


    พอฉันได้ดูเอกสารแล้วก็มั่นใจได้ทันที  ที่ดินและบ้านหลังนี้ป็ชื่อของแม่ฉันคนเดียว  เพราะฉะนั้นสิทธิ์ทั้งหมดก็คงต้องตกป็ของฉันซึ่งป็บุตรเพียงคนเดียวของแม่  ส่วนพ่อคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในบ้านหลังนี้  เพราะว่าพ่อหย่ากับแม่เพื่อไปจดทะเบียนกับน้าวิมลหลายปีแล้ว  


    ในที่สุดฉันก็สบายใจได้ส่วนหนึ่ง  อย่างน้อยก็ได้มั่นใจว่าบ้านหลังนี้จะไม่ถูกพวกชุบมือเปิบเอาไปขาย  ฉันให้สัญญากับตัวเองเอาไว้  ถ้าวันไหนที่ฉันตั้งหลักได้เมื่อไหร่ฉันจะกลับมาทวงบ้านของตัวเองคืน  ทีนี้แหละจะได้รู้กันไปเลยว่าใครกันแน่ที่ป็ผู้อาศัย  ความจริงแล้วคนพวกนี้ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้อยู่ในบ้านหลังนี้ของแม่ฉันเลยด้วยซ้ำ

     


    To Be Continued



    เพจ "เงียบๆ" ที่อาจจะไม่ค่อยมีอะไรของคนเขียน  : )

    Lonely Moon มี E-Book ออกแล้วนะคะ

    ^^ หากสนใจรูปเล่มทักที่เพจเลยค่ะ ฝากด้วยนะคะ : )


    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×