คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 น้ำตาของฉันไหล ใช่…ฉันกำลังร้องไห้
Lonely Moon
บทที่ 6
น้ำตาของฉันไหล ใช่…ฉันกำลังร้องไห้
สิ้นเสียงตวาดของพ่อซีกแก้มด้านซ้ายของฉันก็ชาลงทันที ตั้งแต่เล็กจน โตฉันยอมรับได้มาตลอด หากพ่อจะไม่มีเวลาหรือไม่เคยสนใจฉัน แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าพ่อจะกล้าตบหน้าฉัน
น้ำตาของฉันไหล
ใช่...ฉันกำลังร้องไห้ แต่ฉันไม่ได้ฟูมฟาย
ฉันเอาแต่จ้องหน้าพ่อด้วยสายตาที่โกรธเคือง
ก็ในเมื่อฉันไม่ได้ผิดอะไรทำไมฉันต้องมานั่งยอมรับมันด้วย
แม่คะหนูจันทร์ขอโทษ หนูจันทร์ทนอีกต่อไปไม่ไหวแล้วค่ะ
"วิคุณพาลูกออกไปก่อน ทางนี้เดี๋ยวผมจะจัดการเอง" จากนั้นพ่อก็หันหน้ามาทางฉันก่อนจะพูดขึ้น
"พ่อไม่รู้นะว่าเราเกลียดอะไรน้าวิมลกับน้องๆเขานักหนา
แต่พ่อขอได้.ไหม ช่วยอยู่อย่างสงบสักที
หยุดสร้างเรื่องได้แล้ว ถือว่าเห็นแก่พ่อเถอะ ถ้าเงินไม่พอใช้ก็มาขอพ่อสิอย่าไปขโมยเงินน้อง"
ฉันได้แต่นิ่งเฉยไม่พูดอะไร ก็จะให้ฉันพูดอะไรได้.อีกในเมื่อฉันถูกตัดสินไปแล้ว
และฉันก็ไม่ได้เป็นคนเอาไปด้วย ฉันเพิ่งรู้ตัววันนี้เองว่าการที่ฉันสร้างระยะห่างจากพ่อมันไม่ได้ทำให้ชีวิตของฉันสงบลงอย่างที่เข้าใจ เพราะมันเหมือนคลื่นใต้น้ำที่กลายเป็นช่องว่างให้น้าวิมลพูดอะไรเกี่ยวกับฉันให้พ่อได้ฟัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงจะมีแต่เรื่องแย่ๆ
ช่วงเวลาที่ผ่านมาผู้หญิงคนนี้คงจะคอยสร้างแต่เรื่องไม่ดีของฉันเพื่อบอกพ่อมาตลอด เพราะฉะนั้นถึงฉันจะแก้ตัวหรือพูดอะไรออกไปพ่อก็คงจะไม่เชื่อฉันอยู่ดี ความน้อยใจทำให้ฉันเอาแต่ยืนเงียบอยู่อย่างนั้นไม่ตอบโต้อะไร จนเมื่อพ่อกำลังจะเดินออกจากห้องฉันเลยตัดสินใจพูดตัดพ้อในสิ่งที่ตัวเองคิดมาตลอด
"ที่พ่อบอกว่าพ่อไม่เคยสอนให้เป็นขโมยลักของคนอื่น
พ่อก็พูดถูกนะคะ เพราะพ่อก็ไม่เคยสอนอะไรพระจันทร์อยู่แล้วนี่ แม้แต่เลี้ยงก็ยังไม่เคยเลย แล้วจะมาหวังเอาอะไร เพราะฉะนั้นพ่อเอาเวลาที่มีกลับไปสั่งสอนลูกของพ่ออย่างเดิม เถอะค่ะ บางทีมันอาจจะสำนึกกับสิ่งที่มันรู้อยู่แก่ใจก็ได้นะ
ว่ามันทำอะไรกับคนอื่นเอาไว้บ้าง"
พ่อเดินออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ ฉันรีบวิ่งไปกดล็อกประตูห้องนอนจากนั้นก็ล้มตัวลงบนที่นอนแล้วร้องไห้ปล่อยโฮออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะที่ฉันจะต้องทนอยู่คนในครอบครัวนี้ วันพรุ่งนี้ฉันจะไปจากที่นี่ฉันคิดว่าคงจะพอสักทีกับชีวิตที่ต้องมาอดทนอะไรแบบนี้
แต่ฉันก็ยังมีเรื่องที่ค้างคาใจอยู่เรื่องหนึ่งที่บังเอิญไปได้ยินมา น้าวิมลเคยขอให้พ่อขายบ้านหลังนี้เพื่อที่จะไปซื้อบ้านโครงการในใจกลางเมืองอยู่ แต่ฉันได้ยินไม่ถนัด เหมือนพ่อจะพูดอะไรสักอย่างว่ายังไงก็ขายไม่ได้เพราะบ้านหลังนี้เป็นบ้านของแม่ฉัน
ตัวฉันเองก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องกรรมสิทธิ์บ้าน แต่แค่คิดว่าบ้านหลังนี้จะต้องถูกขายไปมันก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ฉันตัดสินใจจะค้นหาความจริงในเรื่องนี้ก่อนที่จะไป ก็ในเมื่อพากันกล่าวหาฉันว่าเป็นคนขี้ขโมยดีนัก ฉันก็จะเป็นขโมยจริงๆให้ดู
วันรุ่งขึ้นในขณะที่ทุกคนออกไปข้างนอกในวันหยุด ฉันตัดสินใจแอบขึ้นไปบนห้องนอนของพ่อเพื่อจะขโมยดูเอกสารโฉนดที่ดินบ้านหลังนี้
ฉันพยายามหาอยู่สักพักจนค้นเจอในลิ้นชักโต๊ะทำงานของพ่อ ก็นับว่ายังโชคดีที่พ่อไม่ได้เก็บมันใส่ตู้เซฟเอาไว้ ไม่อย่างนั้นฉันคงเปิดเข้าไปดูไม่ได้
พอฉันได้ดูเอกสารแล้วก็มั่นใจได้ทันที
ที่ดินและบ้านหลังนี้เป็นชื่อของแม่ฉันคนเดียว เพราะฉะนั้นสิทธิ์ทั้งหมดก็คงต้องตกเป็นของฉันซึ่งเป็นบุตรเพียงคนเดียวของแม่
ส่วนพ่อคงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในบ้านหลังนี้ เพราะว่าพ่อหย่ากับแม่เพื่อไปจดทะเบียนกับน้าวิมลหลายปีแล้ว
ในที่สุดฉันก็สบายใจได้ส่วนหนึ่ง อย่างน้อยก็ได้มั่นใจว่าบ้านหลังนี้จะไม่ถูกพวกชุบมือเปิบเอาไปขาย ฉันให้สัญญากับตัวเองเอาไว้ ถ้าวันไหนที่ฉันตั้งหลักได้เมื่อไหร่ฉันจะกลับมาทวงบ้านของตัวเองคืน ทีนี้แหละจะได้รู้กันไปเลยว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้อาศัย ความจริงแล้วคนพวกนี้ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้อยู่ในบ้านหลังนี้ของแม่ฉันเลยด้วยซ้ำ
To Be Continued
เพจ "เงียบๆ" ที่อาจจะไม่ค่อยมีอะไรของคนเขียน : )
Lonely Moon มี E-Book ออกแล้วนะคะ
^^ หากสนใจรูปเล่มทักที่เพจเลยค่ะ ฝากด้วยนะคะ : )
ความคิดเห็น