คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 12 เรายังมีกันและกันเป็นเพื่อนอยู่เสมอ
 .comment-text {display:none;} 
Lonely Moon
บทที่ 12
เรายังมีกันและกันเป็นเพื่อนอยู่เสมอ
หลังจากที่ฉันออกจากบ้านมาอยู่หอเองตั้งแต่วันนั้นถึงจะมีปัญหาและอุปสรรคในการใช้.ชีวิตหลายอย่างเข้ามา แต่ฉันก็ผ่านมันไปได้ด้วยตัวเอง จนในที่สุดวันที่ฉันรอคอยก็มาถึง ตอนนี้ฉันกับมะปรางพวกเราทั้งสองคนได้เรียนจบวิชาชีพชั้นสูงเรียบร้อยแล้ว
ย่าของมะปรางดีใจมากจนกลั้นน้ำตาเอาไว้.ไม่อยู่ ท่านบอกว่าถ้าแม่กับพ่อของมะปรางยังมีชีวิตคงจะภูมิใจในตัวมะปรางไม่ต่างจากท่าน แต่ที่ทำให้ย่าของมะปรางใจหายมากที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องที่มะปรางตัดสินใจจะไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ เพื่อที่จะเอาวุฒิปริญญาตรีอีกใบตามเป้าหมายในชีวิตของเธอที่วางแผนไว้ และเจ้านายของมะปรางเองก็อยากส่งเสียให้มะปรางได้เรียนเพื่อเพิ่มวุฒิต่อเพราะจะได้กลับมาช่วยงานในไร่และรีสอร์ตได้มากยิ่งขึ้น
ตอนนี้เส้นทางชีวิตของตัวฉันกับมะปรางเราคงต้องแยกจากกันไปคน ละทางแล้ว เพราะต่างคนก็ต่างมีเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกันออกไป สำหรับฉันคงจะต้องขอพักโครงการเรียนต่อปริญญาตรีอีกสองปีเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้ฉันอยากลองหางานทำมากกว่า ฉันคิดเอาไว้ว่าถ้าแผนที่วางไว้เรื่องขอบ้านคืนกับเปิดร้านกาแฟที่ฉันอยากทำลงตัวเมื่อไหร่ ในตอนนั้นฉันคงสามารถแบ่งเวลามาเลือกลงเรียนวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์กับมหาวิทยาลัยในตัวจังหวัดได้
ในขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับการถ่ายรูปกับครอบครัวที่มาแสดงความยินดีให้กับนักศึกษา ฉันมองไปรอบๆตัวเองอย่างรู้สึกอิจฉา แต่ความคิดนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อฉันหันไปเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของพี่ตะวันกำลังเดินตรงเข้ามาจุดที่ฉันกับมะปรางยืนอยู่
ฉันค่อนข้างแปลกใจที่วันนี้พี่ตะวันเองก็มาแสดงความยินดีให้กับฉัน และมะปรางด้วยเช่นกัน ฉันไม่คิดเลยว่าพี่เขาจะยอมตากแดดฝ่าผู้คนเดินอยู่ท่ามกลางความร้อนเพื่อมาแสดงความยินดีให้กับพวกเรา
แต่ฉันก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่เขาจะตั้งใจมาแสดงความยินดีให้กับฉันโดยเฉพาะ วันนี้เขาคงจะมาแสดงความยินดีให้กับมะปรางมากกว่าเพราะครั้งก่อนวันที่ฉันกับมะปรางจบการศึกษาวิชาชีพพี่ตะวันเขาก็ไม่ได้มา
คงเพราะว่าช่วงนั้นพี่ตะวันเองก็เรียนจบปริญญาตรีที่กรุงเทพฯเหมือนกัน แต่ฉันก็อดดีใจไม่ได้ที่อย่างน้อยพี่เขาก็มาในวันนี้ด้วย
ต่างจากพ่อของฉันที่ท่านไม่เคยมาร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของฉันเลยสักครั้ง ปีนี้ก็เหมือนเดิม พ่อเพียงแค่โทรมาแสดงความยินดีและให้ลูกน้องที่บริษัทเอาช่อดอกไม้แล้วก็นาฬิกาข้อมือมาให้เป็นของขวัญ แต่ก็นั่นแหละพ่อไม่ได้มาด้วยตัวเอง พ่อบอกว่าพ่อจะต้องเตรียมตัวไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบริหารงานให้บริษัทในเครือที่พ่อทำงานอยู่ที่สาขาในยุโรปสองปี
ฉันยังกังวลเรื่องบ้านอยู่เลยว่าจะเอายังไงต่อไป แต่ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าคงต้องกลับไปทวงคืนเร็วๆนี้แน่นอน อย่างน้อยตอนนี้ต้นอ้อก็ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่อื่นแล้ว ไปเรียนที่นั่นพ่อเองก็ซื้อคอนโดไว้.ให้อยู่อย่างสบายๆ คงไม่น่าจะลำบากอะไรกันหรอกถ้าฉันจะไปทวงสิทธิ์ของฉันคืน
พอถึงวันที่ไปส่งมะปรางเรียนต่อที่กรุงเทพฯ อยู่ๆฉันก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเราทั้งคู่แทบจะไม่เคยแยกจากกันเลย เรียนก็เรียนด้วยกันมาตลอด พอมีเรื่องอะไรเราก็มักจะปรึกษากันอยู่เสมอ มะปรางเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ฉันไว้.ใจและคุยด้วยได้แทบทุกเรื่อง
ขณะที่เราสองคนร่ำลากันมะปรางได้พูดถึงพี่ตะวันให้ฉันฟัง ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่ามะปรางต้องการจะสื่ออะไรเป็นหลักๆ เพราะฟังแล้วมันคลุมเครือไม่ค่อยชัดเจน เหมือนเป็นการบอกเตือนเรื่องความเจ้าชู้ของผู้ชายมากกว่า
ประมาณว่าถ้าเป็นไปได้ มะปรางไม่อยากให้ฉันเข้าไปข้องเกี่ยวกับผู้ชายอย่างพี่ตะวัน ที่มะปรางบอกฉันแบบนั้นก็เพราะเธอเป็นห่วง ส่วนฉันเองก็อดขำไม่ได้กับความเป็นห่วงเพื่อนแบบซื่อๆแต่ไม่กล้าพูดตรงๆของมะปราง
ฉันเลยได้แต่บอกไปให้เพื่อนสบายใจว่าไม่ต้องห่วงอะไร เพราะฉันเองก็โตและเข้มแข็งพอที่จะตัดสินใจอะไรได้ด้วยตัวเองแล้ว ฉันไม่อยากให้เป็นห่วงอะไรขนาดนั้น สุดท้ายก่อนจะส่งมะปรางขึ้นรถทัวร์ เราทั้งคู่ไม่ลืมที่จะกอดลาและบอกให้ต่างฝ่ายต่างดูแลรักษาตัวเองให้ดี ถึงพวกเราจะอยู่ไกลกันแต่เรายังมีกันและ กันเป็นเพื่อนอยู่เสมอ
ตั้งแต่พ่อของฉันไปทำงานที่ต่างประเทศ เราก็โทรคุยกันหรือไม่ก็ส่งข้อความหากันผ่านโปรแกรมแชตอยู่ตลอด ท่านบอกที่นั่นอากาศดีมากและมีที่ท่องเที่ยวสวยๆเยอะเลย ถ้าเป็นไปได้พ่อก็อยากให้ฉันไปเที่ยวหาท่านบ้าง
อันที่จริงฉันก็อยากไปอยู่หรอก แต่ติดตรงที่ในตอนนี้น้าวิมลและน้องๆเองก็อยู่กับพ่อที่นั่น มันเป็นช่วงที่น้องๆปิดเทอมด้วย ครอบครัวของพ่อเลยได้พากันไปใช้.ชีวิตอยู่ที่นั่นกับพ่อกันหมด
ส่วนฉันก็ไม่อยากจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับครอบครัวของพ่อสักเท่าไหร่ ในช่วงวันเวลาที่ผ่านมามันได้ทำให้ฉันโตเป็นผู้.ใหญ่มากขึ้น การที่ฉันได้ออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพังมันสามารถทำให้ฉันก้าวผ่านช่วงชีวิตในวันวานมาได้
ตอนนี้ฉันโตพอที่จะเข้าใจอะไรได้หลายอย่าง เริ่มมองในโลกของความ เป็นจริงเป็นหลัก และที่สำคัญฉันไม่อยากให้อดีตที่ผ่านมายังคงทำร้ายฉันอยู่ เพราะเหตุผลนี้ฉันถึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพบและไม่กลับไปข้องเกี่ยวกับคนในครอบครัวของพ่ออีก
ชีวิตของฉันมีเพียงสิ่งเดียวที่ฉันยังคงยึดอยู่ในจิตใจก็คือความรักของแม่ และฉันเองก็พยายามที่จะใช้.ชีวิตทำตัวเองให้สนุก มีความสุขกับสิ่งที่รักตามคำสอนของแม่ สิ่งไหนที่ฉันคิดว่าตัวเองทำแล้วอาจจะไม่สบายใจหรือไม่มีความสุข ถ้าเลือกได้ฉันก็จะพยายามไม่ทำมัน
To Be Continued
เพจ "เงียบๆ" ที่อาจจะไม่ค่อยมีอะไรของคนเขียน : )
Lonely Moon มี E-Book ออกแล้วนะคะ
^^ หากสนใจรูปเล่มทักที่เพจเลยค่ะ ฝากด้วยนะคะ : )
ความคิดเห็น