ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lonely Moon พระจันทร์ใจเหงา

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 12 เรายังมีกันและกันเป็นเพื่อนอยู่เสมอ

    • อัปเดตล่าสุด 13 ส.ค. 64


        

     

     .comment-text {display:none;} 

    Lonely  Moon

    บทที่ 12

    เรายังมีกันและกันเป็นเพื่อนอยู่เสมอ

     

                    หลังจากที่ฉันออกจากบ้านมาอยู่หอเองตั้งแต่วันนั้นถึงจะมีปัญหาและอุปสรรคในการใช้.ชีวิตหลายอย่างเข้ามา  แต่ฉันก็ผ่านมันไปได้ด้วยตัวเอง  จนในที่สุดวันที่ฉันรอคอยก็มาถึง  ตอนนี้ฉันกับมะปรางพวกเราทั้งสองคนได้เรียนจบวิชาชีพชั้นสูงเรียบร้อยแล้ว 


     

                    ย่าของมะปรางดีใจมากจนกลั้นน้ำตาเอาไว้.ไม่อยู่  ท่านบอกว่าถ้าแม่กับพ่อของมะปรางยังมีชีวิตคงจะภูมิใจในตัวมะปรางไม่ต่างจากท่าน  แต่ที่ทำให้ย่าของมะปรางใจหายมากที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องที่มะปรางตัดสินใจจะไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ  เพื่อที่จะเอาวุฒิปริญญาตรีอีกใบตามเป้าหมายในชีวิตของเธอที่วางแผนไว้  และเจ้านายของมะปรางเองก็อยากส่งเสียให้มะปรางได้เรียนเพื่อเพิ่มวุฒิต่อเพราะจะได้กลับมาช่วยงานในไร่และรีสอร์ตได้มากยิ่งขึ้น   


     

                   ตอนนี้เส้นทางชีวิตของตัวฉันกับมะปรางเราคงต้องแยกจากกันไปคน  ละทางแล้ว  เพราะต่างคนก็ต่างมีเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกันออกไป  สำหรับฉันคงจะต้องขอพักโครงการเรียนต่อปริญญาตรีอีกสองปีเอาไว้ก่อน  เพราะตอนนี้ฉันอยากลองหางานทำมากกว่า  ฉันคิดเอาไว้ว่าถ้าแผนที่วางไว้เรื่องขอบ้านคืนกับเปิดร้านกาแฟที่ฉันอยากทำลงตัวเมื่อไหร่  ในตอนนั้นฉันคงสามารถแบ่งเวลามาเลือกลงเรียนวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์กับมหาวิทยาลัยในตัวจังหวัดได้  


     

               ในขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับการถ่ายรูปกับครอบครัวที่มาแสดงความยินดีให้กับนักศึกษา  ฉันมองไปรอบๆตัวเองอย่างรู้สึกอิจฉา  แต่ความคิดนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน  เมื่อฉันหันไปเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของพี่ตะวันกำลังเดินตรงเข้ามาจุดที่ฉันกับมะปรางยืนอยู่


     

                    ฉันค่อนข้างแปลกใจที่วันนี้พี่ตะวันเองก็มาแสดงความยินดีให้กับฉัน  และมะปรางด้วยเช่นกัน  ฉันไม่คิดเลยว่าพี่เขาจะยอมตากแดดฝ่าผู้คนเดินอยู่ท่ามกลางความร้อนเพื่อมาแสดงความยินดีให้กับพวกเรา 


     

                    แต่ฉันก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่เขาจะตั้งใจมาแสดงความยินดีให้กับฉันโดยเฉพาะ  วันนี้เขาคงจะมาแสดงความยินดีให้กับมะปรางมากกว่าเพราะครั้งก่อนวันที่ฉันกับมะปรางจบการศึกษาวิชาชีพพี่ตะวันเขาก็ไม่ได้มา 


     

                    คงเพราะว่าช่วงนั้นพี่ตะวันเองก็เรียนจบปริญญาตรีที่กรุงเทพฯเหมือนกัน  แต่ฉันก็อดดีใจไม่ได้ที่อย่างน้อยพี่เขาก็มาในวันนี้ด้วย


     

                    ต่างจากพ่อของฉันที่ท่านไม่เคยมาร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของฉันเลยสักครั้ง  ปีนี้ก็เหมือนเดิม  พ่อเพียงแค่โทรมาแสดงความยินดีและให้ลูกน้องที่บริษัทเอาช่อดอกไม้แล้วก็นาฬิกาข้อมือมาให้เป็นของขวัญ  แต่ก็นั่นแหละพ่อไม่ได้มาด้วยตัวเอง  พ่อบอกว่าพ่อจะต้องเตรียมตัวไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบริหารงานให้บริษัทในเครือที่พ่อทำงานอยู่ที่สาขาในยุโรปสองปี  


     

                    ฉันยังกังวลเรื่องบ้านอยู่เลยว่าจะเอายังไงต่อไป  แต่ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าคงต้องกลับไปทวงคืนเร็วๆนี้แน่นอน  อย่างน้อยตอนนี้ต้นอ้อก็ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่อื่นแล้ว  ไปเรียนที่นั่นพ่อเองก็ซื้อคอนโดไว้.ให้อยู่อย่างสบายๆ  คงไม่น่าจะลำบากอะไรกันหรอกถ้าฉันจะไปทวงสิทธิ์ของฉันคืน


     

                    พอถึงวันที่ไปส่งมะปรางเรียนต่อที่กรุงเทพฯ  อยู่ๆฉันก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก  เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเราทั้งคู่แทบจะไม่เคยแยกจากกันเลย  เรียนก็เรียนด้วยกันมาตลอด  พอมีเรื่องอะไรเราก็มักจะปรึกษากันอยู่เสมอ  มะปรางเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ฉันไว้.ใจและคุยด้วยได้แทบทุกเรื่อง  


     

                    ขณะที่เราสองคนร่ำลากันมะปรางได้พูดถึงพี่ตะวันให้ฉันฟัง  ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่ามะปรางต้องการจะสื่ออะไรเป็นหลักๆ  เพราะฟังแล้วมันคลุมเครือไม่ค่อยชัดเจน   เหมือนเป็นการบอกเตือนเรื่องความเจ้าชู้ของผู้ชายมากกว่า  


     

                    ประมาณว่าถ้าเป็นไปได้  มะปรางไม่อยากให้ฉันเข้าไปข้องเกี่ยวกับผู้ชายอย่างพี่ตะวัน  ที่มะปรางบอกฉันแบบนั้นก็เพราะเธอเป็นห่วง  ส่วนฉันเองก็อดขำไม่ได้กับความเป็นห่วงเพื่อนแบบซื่อๆแต่ไม่กล้าพูดตรงๆของมะปราง


     

                    ฉันเลยได้แต่บอกไปให้เพื่อนสบายใจว่าไม่ต้องห่วงอะไร  เพราะฉันเองก็โตและเข้มแข็งพอที่จะตัดสินใจอะไรได้ด้วยตัวเองแล้ว  ฉันไม่อยากให้เป็นห่วงอะไรขนาดนั้น  สุดท้ายก่อนจะส่งมะปรางขึ้นรถทัวร์  เราทั้งคู่ไม่ลืมที่จะกอดลาและบอกให้ต่างฝ่ายต่างดูแลรักษาตัวเองให้ดี  ถึงพวกเราจะอยู่ไกลกันแต่เรายังมีกันและ กันเป็นเพื่อนอยู่เสมอ


     

                    ตั้งแต่พ่อของฉันไปทำงานที่ต่างประเทศ  เราก็โทรคุยกันหรือไม่ก็ส่งข้อความหากันผ่านโปรแกรมแชตอยู่ตลอด  ท่านบอกที่นั่นอากาศดีมากและมีที่ท่องเที่ยวสวยๆเยอะเลย  ถ้าเป็นไปได้พ่อก็อยากให้ฉันไปเที่ยวหาท่านบ้าง 


     

                    อันที่จริงฉันก็อยากไปอยู่หรอก  แต่ติดตรงที่ในตอนนี้น้าวิมลและน้องๆเองก็อยู่กับพ่อที่นั่น  มันเป็นช่วงที่น้องๆปิดเทอมด้วย  ครอบครัวของพ่อเลยได้พากันไปใช้.ชีวิตอยู่ที่นั่นกับพ่อกันหมด      


     

                    ส่วนฉันก็ไม่อยากจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับครอบครัวของพ่อสักเท่าไหร่   ในช่วงวันเวลาที่ผ่านมามันได้ทำให้ฉันโตเป็นผู้.ใหญ่มากขึ้น  การที่ฉันได้ออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพังมันสามารถทำให้ฉันก้าวผ่านช่วงชีวิตในวันวานมาได้


     

                    ตอนนี้ฉันโตพอที่จะเข้าใจอะไรได้หลายอย่าง  เริ่มมองในโลกของความ  เป็นจริงเป็นหลัก  และที่สำคัญฉันไม่อยากให้อดีตที่ผ่านมายังคงทำร้ายฉันอยู่  เพราะเหตุผลนี้ฉันถึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพบและไม่กลับไปข้องเกี่ยวกับคนในครอบครัวของพ่ออีก 


     

     

                    ชีวิตของฉันมีเพียงสิ่งเดียวที่ฉันยังคงยึดอยู่ในจิตใจก็คือความรักของแม่   และฉันเองก็พยายามที่จะใช้.ชีวิตทำตัวเองให้สนุก  มีความสุขกับสิ่งที่รักตามคำสอนของแม่  สิ่งไหนที่ฉันคิดว่าตัวเองทำแล้วอาจจะไม่สบายใจหรือไม่มีความสุข ถ้าเลือกได้ฉันก็จะพยายามไม่ทำมัน 


     

    To Be Continued


     

    เพจ "เงียบๆ" ที่อาจจะไม่ค่อยมีอะไรของคนเขียน  : )

     

    Lonely Moon มี E-Book ออกแล้วนะคะ

    ^^ หากสนใจรูปเล่มทักที่เพจเลยค่ะ ฝากด้วยนะคะ : )

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×