ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lonely Moon พระจันทร์ใจเหงา

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 9 รู้สึกผ่อนคลาย...ลืมเรื่องแย่ๆที่เจอไปได้ชั่วขณะ

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 64


        

    Lonely  Moon

    บทที่ 9

    รู้สึกผ่อนคลาย...ลืมเรื่องแย่ๆที่เจอไปได้ชั่วขณะ

     

    ฉันเดินสำรวจภายในตัวบ้านอยู่สักพัก  จากนั้นก็เอาของเข้าไปไว้ในห้องของมะปราง  บ้านหลังนี้ป็บ้านหลังเล็กชั้นเดียวที่มีสองห้องนอน  ส่วนของห้อง น้ำจะป็ห้องน้ำรวมที่สร้างเชื่อมต่อออกมาอยู่ข้างบ้าน 


    ถ้าเดินต่อไปทางหลังบ้านอีกนิดจะป็ส่วนของพื้นที่ห้องครัว  มีตู้เย็น  และโต๊ะตัวเล็กๆไว้สำหรับนั่งกินข้าว  บ้านหลังนี้น่าจะมีแต่ย่ากับมะปรางอาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคน  พอเก็บของเข้าที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว  ฉันพาตัวเองออกมาเดินเล่นรอบบ้านไปเรื่อย  ที่นี่อากาศสดชื่นและเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่หลายต้น  กิ่งของพวกมันต่อกันจนปกคลุมไปทั่วบริเวณแถวนั้น  มันทำให้แสงแดดไม่ค่อยส่องผ่านลงมาที่พื้น  ส่งผลให้บรรยากาศรอบบ้านค่อนข้างชื้นจนได้กลิ่นอ่อนๆของไอดิน


    ส่วนทางด้านซ้ายของตัวบ้านจะมีพืชผักสวนครัวที่ปลูกไว้กินเองอยู่ หลายชนิด  อย่างพวกพริกขี้หนูสวน ตะไคร้ กะเพรา ต้นหอม ผักชี แล้วก็ผักชนิดอื่นๆอีกเยอะเลย


    มองถัดไปทางด้านหลังจะป็กลุ่มดอกไม้หลายชนิด  อย่างพวกชบาดาวกระจายหลากสี  คุณนายตื่นสาย  แล้วก็ต้นดอกกุหลาบสีขาวก้านยาว


    ฉันรู้สึกชอบที่นี่มากๆ  ถึงตัวบ้านจะหลังไม่ได้.ใหญ่อะไร  แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรักและความอบอุ่นของคนที่ได้อาศัยอยู่


    ในตอนนั้นเองฉันหันไปตามเสียงที่ได้ยิน  มันคล้ายกับมีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในพุ่มดอกดาวกระจาย  จนนึกสงสัยว่ามันคืออะไร  พอผ่านไปสักพักก็ได้รู้ที่มาของเสียงนั้น  เจ้าแมววิเชียรมาศหน้าสีดำตัวอ้วนกลมเดินเผยตัวตนออก มาจากตรงนั้นอย่างเชื่องช้า  ฉันร้องเรียกเหมียวๆเพื่อให้มันเดินเข้ามาหา  แต่ดูเหมือนมันลังเลที่จะเข้ามาใกล้ฉัน  ท่าทางของมันมองมาทางฉันอย่างระวังตัวและแปลกใจ  มันคงนึกสงสัยว่าฉันป็ใคร  เข้ามาทำอะไรในถิ่นของมัน  


    แต่สุดท้ายแล้วมันก็เดินเข้ามาใกล้  จนฉันอดไม่ได้ที่จะอุ้มมันขึ้นมากอดแล้วเกาที่คางของมันอย่างเอ็นดู  อยู่ดีๆฉันก็นึกอิจฉาชีวิตของมะปรางขึ้นมาซะอย่างนั้น  ถึงมะปรางจะไม่มีพ่อกับแม่  แต่อย่างน้อยเธอก็ยังมีย่าที่อยู่ด้วยกัน  


    "แม่คะหนูจันทร์คิดถึงแม่จังเลยค่ะ"


    ฉันเอื้อมมืออีกข้างไปจับกลีบของดอกกุหลาบสีขาวที่กำลังบานอยู่บนต้น  จู่ๆน้ำตาก็ไหล  ยิ่งได้เห็นดอกกุหลาบสีขาวฉันก็ยิ่งคิดถึงแม่  ฉันคิดถึงบ้านหลังนั้นที่เคยมีแม่และฉันอาศัยอยู่ด้วยกัน  บ้านที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วทุกๆอย่าง  แต่ฉันก็บอกกับตัวเองเอาไว้ว่าสักวันฉันต้องเอาบ้านกลับคืนมาให้.ได้  ถึงจะต้องแลกด้วยการตัดขาดความสัมพันธ์ที่มีกับพ่อทั้งหมดฉันก็จะยอมทำ


    ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมามันได้พิสูจน์.ให้ฉันเห็นแล้วว่า  ทุกอย่างที่ฉันได้รับจากคนในครอบครัวนั้นมันมากเกินไป  ฉันคงจะทำตามอย่างที่แม่เคยขอเอาไว้ครั้งสุดท้ายก่อนแม่จะจากไปไม่ได้  และฉันก็คิดว่าแม่จะต้องเข้าใจฉันอย่างแน่นอน  ฉันวางแผนไว้แล้วว่าอาทิตย์หน้าจะรีบจัดการเรื่องโอนบ้านป็ชื่อของตัวเองให้ไวที่สุด  เพราะมันป็สิทธิ์อันชอบธรรมของฉันที่ควรจะได้ป็ชื่อเจ้าของบ้านต่อจากแม่ 


    "จะตั้งชื่อมันก็ได้นะ มันยังไม่มีชื่อเลย" เสียงที่นุ่มทุ้มคุ้นหูทำให้ฉันรีบซ่อนใบหน้าเพื่อปาดน้ำตาออกจากแก้มทั้งสองข้างของตัวเองให้แห้ง


    "นี่แมวของคุณเหรอคะ" 


    "ทีแรกก็ไม่ใช่หรอก ตอนที่มันยังเล็กๆ ผมเจอมันติดมากับลังส้มที่ไว้ ด้านหลังรถ  คิดว่ามันคงขึ้นมาตอนที่เอาส้มไปส่งที่ไหนสักแห่ง ผมเลยตัดสินใจเลี้ยงมันเอาไว้"


    "มันอ้วนจังเลยนะคะ แถมคุ้นเคยกับคนด้วย"


    "ปกติมันไม่ค่อยให้ใครจับนะ มันอาจจะชอบคุณ เจ้านี่มันขี้อ้อน ตอนนี้ย่ากับมะปรางไม่อยู่ คงจะมาอ้อนให้คุณเอาอะไรให้.กิน"  

    ฉันไม่ตอบอะไรเพราะได้แต่ยิ้มและหัวเราะเบาๆ ส่วนมือก็ลูบที่หัวของมันวนไปมา ฉันดูออกว่าเขารู้ว่าฉันร้องไห้ แต่ก็ขอบคุณที่เขาไม่ได้พูดถึงมันต่อหน้าฉัน              


    "แล้วปกติคุณเรียกมันว่าอะไรเหรอคะ"


    "เจ้าอ้วนหรือไม่ก็หน้าดำ"


    "ฉันชอบที่มันชื่อหน้าดำนะคะ เพราะตอนฉันเห็นมัน ฉันก็เรียกว่าหน้าดำ"


    "ผมว่าคุณเรียกผมว่าพี่ดีกว่า เราเองก็อายุห่างกันไม่เยอะ ผมจะได้.ไม่รู้สึกว่าตัวเองแก่ด้วย คุณหน้าเด็กมาก มองยังไงก็ดูไม่ออกว่ารุ่นเดียวกับมะปราง" เขาพูดติดตลกจนฉันเผลอหัวเราะออกมา


    "ได้ค่ะ พี่ตะวัน" ให้เรียกดูสนิทสนมแบบนี้  ฉันเลยรู้สึกเขินๆยังไงก็ไม่รู้


    "ดีมาก ไปกินข้าวด้วยกันเถอะ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน พี่ภูพี่ชายของพี่เขาพาลูกไปทำเรื่องเรียนต่อต่างประเทศที่กรุงเทพฯ พระจันทร์มากินข้าวป็เพื่อนพี่หน่อยแล้วกัน"


    "ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวพระจันทร์ขอตัวเข้าไปปิดหน้าต่างในห้องนอนก่อนนะคะกลัวว่ายุงจะเข้า"


    "ยังไงก็เดินตามไปที่บ้านใหญ่แล้วกันนะ เดี๋ยวพี่เดินไปก่อน"


    "โอเคค่ะ"


    "อ้อพี่ว่าพระจันทร์.ยิ้มแล้วดูสดใสมากกว่าตอนร้องไห้อีกนะ"  พูดจบเขาก็เดินออกไป  ไม่รู้ทำไมพอได้ยินเขาพูดแบบนั้นฉันก็เอาแต่ยิ้มอย่างอายๆอยู่ คนเดียว   


    หลังจากได้กินข้าวด้วยกัน  ฉันก็รู้สึกผ่อนคลายลืมเรื่องแย่ๆที่เจอไปได้ชั่วขณะ  พี่ตะวันป็คนไม่ค่อยถือตัวเท่าไหร่  ภายนอกอาจจะดูพูดน้อยและติดขรึมไปบ้าง  แต่ก็คุยสนุกมีเหตุผล  เหมือนกับป็รุ่นพี่ที่คอยแนะนำอะไรได้ในหลายๆอย่าง  พอได้อยู่ใกล้ๆเขาแล้วฉันก็รู้สึกสบายใจและป็ตัวของตัวเอง


    To Be Continued


    เพจ "เงียบๆ" ที่อาจจะไม่ค่อยมีอะไรของคนเขียน  : )

    Lonely Moon มี E-Book ออกแล้วนะคะ

    ^^ หากสนใจรูปเล่มทักที่เพจเลยค่ะ ฝากด้วยนะคะ : )


    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×