ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter5:ราตรีสวัสดิ์...(ไม่)ยินดีที่ได้พบ [120%](?)
Chapter5:ราตรีสวัสดิ์...(ไม่)ยินดีที่ได้พบ
"ตอนเช้าก็อรุณสวัสดิ์ ก่อนนอนก็ต้องราตรีสวัสดิ์"
ไซซี
"ถึงเธอไม่บอกก็รู้อยู่แล้วหรอก...แต่ผมว่าเธอคงพูดทั้งสองอย่างได้ทั้งวันนั้นแหละ..."
หมา เอ๊ย! คุณหมอ
"ใช่!เลิกอรุณสวัสดิ์ตอนข้าเข้าห้องน้ำซะที!แล้วก็อย่าถือกล้องเข้ามาด้วย!บ้าเอ๊ย!"
ซีวาร์
"ผมว่าคุณก็ไม่ควรตะโกนไปแบบนั่นนะ ไม่อายหรือไง...ทำเป็นไม่รู้จักดีกว่าแหะ"
คุณหมอสุดหล่อ
หลังจากที่เด็กชายครึ่งหมาป่าเอาหนังสือของเขาไปอ่านก็นิ่งเงียบไปก่อนจะยื่นมันคืนให้เขาแล้วบอกให้เขาเก็บของเตรียมออกเดินทาง แน่นอนว่าถึงแม้เด้กชายตรงหน้าดูเหมือนจะรู้จักเขา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาไว้ใจมากนัก เขาเก็บหนังสือเล่มนั้นใส่กระเป๋ารวมทั้งสัมภาระก่อนหน้าโดยเว้นระยะห่างกับเด็กชายพอสมควร...บางทีถ้าเขาพอจะจำอะไรได้บ้างก็คงจะเมินคนตรงหน้าแล้วทำตามใจตัวเองไปแล้ว...ช่วยไม่ได้จริงๆ
"ใครใช้ให้เจ้าเก็บหนังสือ?"เสียงเล็กๆดังขึ้นทำให้เขาละความสนใจจากสิ่งที่กำลังทำพร้อมหันไปมองเด็กชายด้วยความงุนงงแม้ใบหน้าจะยังคงเรียบนิ่ง
"อะไร?ไม่ใช่ว่านายบอกให้เก็บของรึไง"เขาตอบ
"ยกเว้นหนังสือ ถ้าเจ้าเก็บแล้วจะเอาอะไรบันทึก"
"...บันทึก?บันทึกอะไร"...จำเป็นหรอ
"ในเมื่อเจ้ากลายเป็นปลาทองแล้วก็ต้องบันทึกตลอดเวลาสิ เกิดเจ้าลืมอีกจะให้ข้าคอยบอกเจ้าตลอดหรือไง? เรื่องของเจ้าก็จัดการเอง นับแต่นี่ไป เจออะไร ทำอะไร รู้สึกยังไงก็เขียนลงไปในนั้นซะ! แค่นี้แหละ ข้าจะลงไปรอด้านล่าง"กล่าวจบเด็กชายก็หันหลังเดินออกจากประตูไปโดยที่เขายังไม่ได้พูดอะไรซักคำ
ปาปิยองมองหนังสือเล่มหนาในมือนิ่งก่อนถอนหายใจ และกวาดสายตาหาอะไรที่สามารถเขียนลงไปในนั้นได้ เขาเอาปากกาขนนกของที่พักมาทั้งหมดก่อนจะเริ่มเขียนลงไปตามที่เด็กชายบอก
'บันทึกครั้งที่6' ...สินะ
น่าแปลกที่พอตื่นขึ้นมาแล้วในหัวกลับไม่มีอะไรเลย คนรู้จักก็ไม่มี เดินออกจากที่พักแคบๆนี้ได้ไม่นานก็เจอกับเด็กประหลาด บันทึกครั้งก่อนเขียนถึงเด็กคนนึงคิดว่าน่าจะเป็นคนนี้ เห็นบอกว่าเป็นเด็กดี...แต่ดูๆแล้วอีกฝ่ายไม่พูดหรืออธิบายอะไรมากเลย ไม่เข้าใจจริงๆ ตกลงว่าไว้ใจได้มั้ย...ตอนนี้คงตอบได้แค่ว่าไม่ ล่ะมั้ง
ปาปิยองมองข้อความก่อนจะปิดมันลงและกลับไปเก็บของอีกครั้ง แต่ไม่ทันได้เก็บเสร็จก็มีคนมาเคาะประตูห้องเสียก่อน ไหนว่าจะรอด้านล่าง ปาปิยองเดินเดินไปเปิด รู้ได้ว่าตัวเองคิดผิดไปถนัด ที่มาเคาะประตูหน้าห้องคือพนักงานที่เอาเสื้อผ้ามาให้ บอกว่าเป็นเสื้อผ้าที่เขาฝากให้ซัก...จำไม่ได้แหะ เขามองชุดนั้นรู้สึกขนลุกอย่างประหลาด เพราะมันช่างบางเบาและไม่เข้ากับสภาพแวดล้อมซะจริง โดยเฉพาะ...ถุงเท้าสีชมพู อย่าบอกนะว่าก่อนหน้านี้เขาใส่? ปาปิยองถอนหายใจอีกรอบก่อนจะรับมันมาสวมใส่และลงไปชั้นล่าง
.
.
.
ตอนนี้ซีวาร์กำลังใช้ความคิด...หลังจากที่เด็กชายติดต่อไปหาพี่สาวของตนเกี่ยวกับปาปิยองที่เป็นผู้ป่วยพิเศษแล้วก็ได้ความว่า...เอาจริงๆก็ไม่ได้อะไรเลยน่ะนะเพราะสิ่งที่ได้ฟังมาเขาก็รู้อยู่แล้ว แต่ที่ไม่รู้ก็เห็นจะเป็นเรื่องเพื่อนของพี่สาวที่เกี่ยวข้องกับคนที่ทำงานด้านนี้เนี่ยแหละ เพื่อนของพี่ที่เจ้าตัวจำได้มีจริงๆไม่กี่คน ถ้าดูจากนิสัยที่ชอบหลงๆลืมๆคนที่ไม่ค่อยสำคัญกับตัวเองหรือหน้าตาจืดไปนิดของพี่สาวเขา ก็ทำให้รู้ได้ว่าอีกฝ่ายที่เจ้าตัวพูดถึงเป็นใคร...แต่ดูจากที่เรียกอีกฝ่ายแบบนั้น พี่สาวเขาคงลืมชื่ออีกฝ่ายไปแล้วแน่ๆ เฮ้อ...
ซีวาร์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน หมายมาดไว้ในใจว่าหลังจากออกจากเกมคงต้องไปถาม เขา ซะหน่อย แต่อยู่ก็สะดุดกับความคิดของตัวเองขึ้นมา...แล้วทำไมเขาต้องทำอะไรเป็นจริงเป็นจังแบบนี้ด้วยล่ะ? ทั้งที่จริงๆแล้วมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเองเลยแท้ๆ...
ในขณะที่กำลังจมอยู่กับความคิดยุ่งเหยิง คนที่เขากำลังนึกถึงอยู่ก็เดินมาหาพอดี เมื่อเห็นระยะห่างระหว่างเขากับอีกฝ่ายก็รู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก...มันอาจเป็นเพราะ เคยมีความทรงจำที่ดีกว่านี้ละมั้ง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ดีเลิศอะไร แต่พอมารู้ว่า...สุดท้ายก็ต้องลืม...
"...เก็บของเสร็จแล้วหรอ"อยากหยิกปากตัวเองจริงๆ นี่เขาถามอะไรออกไปฟะ ก็เห็นๆอยู่!
"..."อีกฝ่ายไม่ตอบ ทำเพียงพยักหน้าส่งมา
"...เออ งั้นก็ตามมา"เขาว่าก่อนเดินนำมาเล็กน้อยและมองคนด้านหลัง ปรากฏว่าอีกฝ่ายเดินตามเขามาก้าวนึงและหยุดไป...เออ เอาให้ได้อย่างนี้สิ จะบ้าตาย "เข้ามาใกล้กว่านี้ เจ้าคิดว่าตัวเองเดินตามข้าทันเรอะ"
"..."อีกฝ่ายยังคงเงียบตามเดิม แต่สายตาที่เหล่มองช่วงล่างของเด็กชาย ทำอาคิ้วเรียวกระตุกยิกๆ สายตาแบบนั้นมันอะไร จะบอกว่าเขาขาสั้นหรอ เฮ้ย
"เลิก มอง แบบ นั้น! ตามมาเร็วๆ ถ้าขึ้นเรือไม่ทันก็ต้องรอไปอีกวันนึง"เขาพูดเร่งเร้า ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผลอยู่ อีกฝ่ายก้าวมาหาเขา เขาถอนหายใจอีกรอบ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยอมฟังสิ่งที่เขาบอก...
เขาเดินนำอีกฝ่ายก่อนจะหยิบแผนที่ขึ้นมาดู ที่ๆเขาจะนั่งเรือไปคือเมือง เมชิลริส หรือก็คือเมืองที่ทำให้เขาถังแตกนั้นเอง...พอคิดถึงเรื่องนี่แล้วหงุดหงิดขึ้นมาเลยแหะ ทั้งๆที่ส่งเควสไปแล้วแท้ๆแต่กลับได้ดอกไม้มาเพิ่มให้รกกระเป๋าอีก1ต้น แต่ถึงกระนั้นก็ทิ้งไม่ลงอยู่ดี...
.
.
.
ซีวาร์เดินวางแผนการเดินทางในใจซักพักก่อนรับรู้ถึงความผิดปกติ เขาหันขวับไปด้านหลัง ปาปิยองหายไปแล้ว! เมื่อกี้ัเขายังสัมผัสได้อยู่เลยว่าอีกฝ่ายตามเขาอยู่จริงๆ แต่เพียงแวบเดียวกลับหายไปซะอย่างนั้น ตอนนี้คงต้องหา ส่วนวิธีหาเขาคิดไว้แล้ว...นี้เป็นครั้งแรกเลยแหะที่เขารู้สึกว่าการเป็นหมา(ป่า)ก็มีประโยชน์อยู่บ้าง...
เด็กชายหมาป่าตามกลิ่น(?)ปาปิยองมาจนเจอกับหอสมุดแห่งหนึ่ง นอกจากกลิ่นประจำตัวแล้วเซนซ์ของเขาเองก็บอกว่าอีกฝ่ายต้องอยู่นี่แน่นอน แต่พอเห็นว่าเป็นหอสมุดเขาก็นึกถึงบันทึกของปาปี้ขึ้นมา คงไม่ใช่หรอกมั้งง...นะ
"ปิดปรับปรุง?"หอสมุดปิดปรับปรุงเหรอ...แต่ ถ้าดูจากบันทึกเองก็บอกว่าหอสมุดเข้าไม่ได้นี่นา ข้าว่าชัดแล้วแหละ เจ้านั่นต้องไปก่อเรื่องเอาไว้แหงๆ ถึงโดนลากเข้าถิ่นแบบนี้
"ช่วยไม่ได้แหะ"และเขาก็เมินป้ายปิดปรับปรุงแล้วเดินเข้าไปหาตัวปัญหาทันที
"เฮ้ สาวน้อย เธอรู้มั้ยว่าผมหาตัวเธอนานแค่ไหน"
"..."
"ผมรู้สึกว้าวุ่นใจมากเลยรู้มั้ย ที่อยู่ๆเธอก็หายไป"
"..."
"ทั้งๆที่ผมมั่นใจว่ามัดไว้ดีแล้วแท้ๆ เฮ้อ..."
"..."
"เรื่องนั้นช่างมันเถอะ สาวน้อย...ตอนนี้เธอสำนึกผิดขึ้นมาบ้างรึยังครับ?"
.
.
.
หมอนี่ใคร?
ปาปิยองที่ถูกจับนั่งกับเก้าอี้พร้อมเครื่องน้ำชาตรงหน้ามองชายหนุ่มที่พูดพล่ามมาได้ซักพักอย่างไม่เข้าใจนัก เขาจำไม่ได้ว่ารู้จักอีกฝ่าย แต่ฝ่ายนั้นกลับพูดเหมือนรู้จักเขา ทำให้เขานึกถึงซีวาร์ขึ้นมา อยู่ๆก็โดนดึงตัวมาไม่รู้ฝ่ายนั้นจะว่าไง ถึงแม้ในหนังสือจะบอกว่าเป็นเด็กดี แต่เขาเดาได้เลยว่าอีกฝ่ายต้องต่อว่าเขาเป็นแน่
ชายหนุ่มที่พยายามพูดคุยกับปาปิยองเมื่อเห็นท่าทางเหม่อๆและไม่ได้สนใจที่ตนพูดก็ฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนพุ่งตรงไปที่ปาปิยอง ฝ่ามือใหญ่เชิดใบหน้าของเด็กสาวขึ้นพร้อมรอยยิ้มน่าขนลุก "คุณกำลังสนใจอย่างอื่นนอกจากผมอยู่งั้นหรอครับ?"
"..."ปาปิยองมองตรงไปที่ดวงตาสีมรกตวาววับน่าหวาดกลัวตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย นอกจากคำว่า แล้ว การกระทำของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่พอใจนัก "ฉันเป็นผู้ชาย"ถึงเขาจะไม่รู้ว่าทำไมร่างกายถึงเป็นแบบนี้ก็เถอะ แต่เขาเชื่อว่าเขาเป็นผู้ชายแน่นอน
ปาปิยองคิดว่าคงตรงหน้าจะแสดงท่าทางแปลกใจกับคำพูดที่สวนทางจากสิ่งที่เห็น แต่ไม่ใช่ ชายหนุ่มตรงหน้ายังคงรอยยิ้มไว้อยู่ เพิ่มด้วยเสียงหัวเราะที่ค่อยๆดังขึ้นเหมือนว่ามันเป็นเรื่องขบขัน
" ฮะ ฮะ ฮะ ผมก็เห็นคุณพูดแบบนี้มา 2รอบแล้วล่ะ ส่วนครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่3"
"ถ้ารู้แล้วก็ควรเลิกทำแบบนี้กับฉัน ถอยออกไป"เขาเอ่ยเสียงเย็น
"หืม? คุณน่ะความจำเสื่อมไม่ใช่หรอ? ฉะนั้นบางทีมันอาจไม่ใช่ความจริงก็ได้ไม่ใช่หรอครับ"
"..."หมอนี่รู้ว่าเขาความจำเสื่อม?
"จริงสิ! ตอนนี้คุณก็คงลืมอีกแล้วสินะ...แย่จริงๆ ช่างเถอะ งั้นผมแนะนำตัวอีกรอบแล้วกัน ผมอาคัสครับ อาคัสซาร์ ดีวาลอนครับผม"
"ใครถาม?"สวนตอบไปทันที
"ฮะ ฮะ ถึงจะหลงๆลืมๆแต่คุณก็เหมือนเดิมเลยนะครับ แต่เพราะเหมือนเดิมแบบนี้รึเปล่านะ...คุณคงไม่สำนึกผิดสินะ"
ปาปิยองรู้สึกว่าอุณภูมิรอบตัวดูเยือกเย็นผิดปกติ ตอนนี้รู้สึกอยากกลับไปเดินตามเด็กหมาป่าขึ้นมาทันที...
"ปาปิยอง...ผมขอพูดอีกครั้งนะครับ นับแต่นี้คุณอยู่ในการดูแลของผม ดังนั้น ห้าม คุณออกห่างจากผมเด็ดขาด ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็...ผมจะมัดคุณไว้อีกนะครับ"ใบหน้าหล่อเหลาที่ล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีทองสว่างสะท้อนแสงดวงอาทิตย์ยิ่งทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ต่างอะไรเก็บเทพบุตร แต่สำหรับปาปิยองแล้วหมอนี่มันตัวอันตราย! ตกลงว่าตอนที่เขาอยู่กับหมอนี่เกิดอะไรขึ้นกัน...
ชายหนุ่มตรงหน้าแปลกประหลาดจริงๆ แม้คำพูดจะดูอ่อนโยนกว่าตอนแรก แต่สิ่งที่อีกฝ่ายทำดูจะตรงข้าม ชายหนุ่มรู้ว่าปาปิยองชอบอ่านหนังสือ จึงจับปาปิยองมัดกับตัวเองพร้อมกางหนังสือเปิดให้เขาอ่านโดยมีเขานั่งอยู่บนตัก...น่าขนลุก...น่าขนลุกจริงๆ นอกจากนั้นชายหนุ่มยังกระเตงๆปาปิยองอุ้มไปทั่วหอสมุดโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเท้าแตะพื้นเลยแม้แต่นิดเดียว น่าอึดอัดมาก...หมอนี่ นอกจากเขาจะพูดหรือด่าอะไรใส่ก็ไม่สะทกสะท้านอย่างกับพวกโรคจิต...ปาปิยองคิดหาทางออกจากที่นี่ แต่ในระหว่างนั้นก็มีเสียงๆหนึ่งทำให้เขาละสนใจไป
"เฮ้! ปาปี้ อยู่มั้ย? ได้ยินแล้วตะโกนตอบด้วย!"เสียงคุ้นหูดังมากระทบโสตประสาท แต่เขาก็ไม่ได้ตะโกนตอบไป อาจเพราะอาคัสกำลังมองเขาอยู่ หรือไม่ก็เขาเองเนี่ยแหละที่ขี้เกียจตระโกน รีบๆมาเถอะ ได้แต่พูดในใจ
"คนรู้จักหรอครับ เรียกซะน่ารักเชียว"
"...หุบปาก"ใช่ว่าเขาชอบซะหน่อย...
"ผมออกไปทักทายดีมั้ยครับ?"ชายหนุ่มหันไปตามเสียงตะโกนทีดังก้องทั้งหอสมุดแววตาที่โผล่พ้นเรือนผมสีทองสว่างยากคาดเดา
"อยากทำอะไรจำเป็นต้องถามฉันด้วยหรอ?"ไปไกลๆยิ่งดี
ชายหนุ่มหันมายิ้มให้ปาปิยองเล็กน้อย อุ้งมือหนาเอื้อมมาลูบหัวเขาเบาๆก่อนจะกระชากเขาเข้าไปกอด
อุ๊บ!
"อา...ปาปี้ เป็นเด็กดีนะครับเดี๋ยวผมมา อย่าไปไหนอีกเข้าใจมั้ย?"ชายหนุ่มพูดแบบนั้นแต่กลับหยิบโซ่คล้องมือเขาไว้กับขาโต๊ะซะอย่างนั้นก่อนจะเดินจากไป ถึงจะมองเขาเป็นระยะก็เถอะ...เห็นทีเขาคงต้องแบกโต๊ะไปด้วยเสียแล้วหากคิดจะหนี ส่วนที่ว่าทำไมไม่ตระโกนตอบซีวาร์เลย แน่นอนว่าเขาขี้คร้านจะตอบจริงๆ...
50%
...เงียบชะมัด...
เด็กชายตัวเล็กเดินภายในหอสมุด พลางกวาดสายตามองหอสมุดขนาดใหญ่หากแต่ไร้ซึ่งผู้คน สองข้างทางเต็มไปด้วยชั้นหนังสือสูงใหญ่ละลานตา โคมไฟที่ติดๆดับๆไม่ได้ช่วยในเรื่องการมองเห็นเอาซะเลย จนอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองหลุดเข้ามาในเกมHorrorหรือยังไง ในตอนนี้ที่ได้ยินชัดเจนที่สุดก็เห็นจะเป็นเสียงรองเท้าของเขาเอง เงียบไปมั้ย?... แต่ก็คิดได้ไม่นาน เมื่อเขารู้สึกได้ถึงตัวตนของอะไรบางอย่าง...ลมหายใจ ซีวาร์หยุดชะงักลงทันทีกวาดสายตามองไปรอบๆก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติ...แต่ว่า
'กลิ่นมนุษย์?...ไม่ขยับเลยแหะ น่าชื่นชมจริงๆ...' เขาคิดก่อนจะถอนหายใจ 'ดูเหมือนจะไม่ใช่เจ้านั้นซะด้วย'
"เฮ้ เจ้าไม่เมื่อยหรือไง"เขาพูดด้วยเสียงไม่เบาและไม่ดังอะไรแต่เพราะความเงียบ เสียงเมื่อกี้เลยดังก้องไปทั่วหอสมุด
หลังจากเอ่ยถามอยู่ๆก็มีเสียงหัวเราะออกมา ฟังๆแล้วเหมือนพยายามอดกลั้นอย่างไรอย่างนั้น เล่นเอาคนที่เหมือนถูกหัวเราะใส่คิ้วกระตุกยิกๆ แต่ไม่ทันจะบอกว่าให้โผล่หัวออกมาซะ เจ้าของเสียงหัวเราะเมื่อกี้ก็โผล่ออกมาจากชั้นหนังสือฝั่งหนึ่ง ใบหน้าแย้มยิ้มนมุมมืดน่าขนลุกขนาดที่เด็กสามขวบยังรู้เลยว่าเจ้านี่ไม่น่าไว้ใจสุดๆ และซีวาร์ก็รู้สึกได้ว่าเขาไม่ค่อยชอบขี้หน้ามันเท่าไหร่ ไม่รู้ทำไม...ไม่สิ บางทีเขาอาจจะรู้...
"เห ผมไม่นึกว่าตัวเองจะถูกจับง่ายขนาดนั้นแหะ แต่ว่า..."ดวงตาสีเขียวมรกตหรี่มองเด็กชายหมาป่าตรงหน้าพลางยกยิ้ม ซึ่งซีวาร์บอกได้เลยว่ามันเป็นรอยยิ้มที่กวนประสาทมาก "... ก็หมาหนินะ"
...นิสัยเหมือนกับยัยพี่บ้าเด๊ะๆเลยนี่หว่า!...
"เป็นหมาแล้วมันหนักหัวเจ้าเรอะ พูดเรื่องอื่นไม่ได้หรือไงห๊า!" เด็กชายกระแทกเสียงใส่ นึกสมเพชกับชีวิตของตัวเองที่ต้องมาเจอคนประเภทเดียวกับพี่สาวเขาทั้งนอกและในเกมแบบนี้
"หมา ก็หมาครับ ผมไม่นิยมเอาหมามาไว้บนหัวหรอกครับ"
...ไอ้!
"โมโหหรอครับ"
"อารมณ์ดีมาก! เจ้านั้นอยู่ไหน" เขาอยากเลิกเถียงกับเจ้านี้แล้วเลยตัดเข้าประเด็นทันที ขืนพูดมากกว่านี้เขาปวดหัวตึ๊บแน่ๆ
"ใครครับ?"ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราวกับว่าไม่รู้เลยว่าเขาหมายความว่าอะไร ...ความจริงมันก็น่าเชื่ออะนะถ้าฟังแต่เสียง และอีกฝ่ายไม่ได้กำลังฉีกยิ้มกว้างใส่เขาหนักกว่าเดิม! มีพิรุธโครตๆ
"เมื่อไม่นานมานี้มีเด็กผู้ช---เด็กผู้หญิงหลงทางแล้วข้าคิดว่าเขาคงอยู่ที่นี้"
"ใช้จมูกหมาหรอครับ?"
"หุบปากเหอะ..."
"ฮะ ฮะ แล้ว...คุณอยากรู้ทำไมล่ะครับ คุณเกี่ยวข้องอะไรกับเขาด้วยหรอ?"
ซีวาร์ชะงักลงไปเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายพูดเน้นคำว่า เกี่ยวข้อง ซะชัดเต็มสองรูหู...แต่ก็จริง เขาเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้านั้นกัน พึ่งเจอแท้ๆเลย ส่วนนิสัย...ไม่ขอบรรยาย...แต่ว่า ...อยู่ๆเขาก็นึกถึงภาพเจ้านั้นเกาะอยู่บนต้นไม้ กระโดดลงมาทับเขา เอาเขี้ยวหมาป่าห่วยๆมาให้ อ่านบันทึกและเห็นค่าสถานะสุดกากพวกนั้น...บางที'ตัวเขา'อาจไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอีกฝ่ายเลยก็ได้...แต่ที่เกี่ยวคงเป็นความรู้สึก พอนึกถึงตรงนี้ก็เหมือนคำพูดของพี่สาวลอยเข้ามาในหัว
'เห...ซีเนี่ยใจอ่อนจังนะ'
'ยุ่งน่า!'
'อือๆ ก็ไม่ได้จะยุ่งหรอก...แต่ว่านะ'
'...'
'ระวังเสียใจทีหลังล่ะ'
'รู้อยู่แล้วหรอก'
"ไม่เกี่ยว พึ่งรู้จักกันไม่กี่วัน แถมเป็นในเกมอีก เจอกันครั้งแรกก็คิดว่าเจ้านี้ตัวซวยสุดๆ แถมยังกระจอกงอกง่อย จะไม่ให้เจ้านี้ตายก็คงต้องทำแม้กระทั้งกำจัดหินทุกก้อนบนทางเดินมันนั้นแหละ ยิ่งกว่านั้นยังความจำปลาทองอีก ไม่อยากนึกหรอกว่าตื่นมาในเกมทุกเช้าแล้วเจอคนที่สร้างความบัดซบให้ตัวเองมหาศาลแต่กลับถามอย่างกับคนไม่รู้จักกันแล้วเรื่องที่ผ่านมาก็กลายเป็นศูนย์ นี่ยังไม่นับเรื่องนิสัย ปากน่ะเป็นอะไรฟะ พูดจาให้มันน่ารักกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไงจะว่าปากหมาก็เหมือนเรียกตัวเอง กวนโอ๊ยแบบนี้ใครมันอยากจะเก็บไว้เป็นภาระ หา! ใครเอาเจ้านี้ไปเลี้ยงก็คงโง่เต็มที"
"..."ไหวเปล่าครับ?อาคัสมองเด็กชายหมาป่าที่พูดความในใจออกมาแบบหมดเปลือก ลงท้ายด้วยท่าทางหอบเล็กน้อย...ตบมือให้ตอนนี้จะโดนตบมั้ยครับ?
"...แต่ว่า"
"...ครับ?"
.
.
.
"ถ้าอย่างงั้น...ข้าก็คงเป็นคนโง่จริงๆนั้นแหละ"
'...ก็เพราะรู้น่ะสิ...ถึงต้องทำ...'
"..."
เสียงโดยรอบพลันเงียบลงในทันทีเหลือเพียงเสียงหายใจของคนสองคน ไร้ซึ่งบทสนทนาเนิ่นนาน นานจนไม่อาจรับรู้ได้ว่าพวกเขาทั้งสองกำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนั้น ก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงจะเป็นฝ่ายเปิดปากทำลายความเงียบ
"ตอนแรกผมนึกว่าคุณจะถามว่า 'แล้วแกเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้านั้นด้วย' ซะอีกนะ"พูดจบพร้อมถอนหายใจอย่างเสียดายที่สุดแสนจะไม่จริงจัง
"แล้วข้าต้องพูดตามที่เจ้าบอกเรอะ"
"แหม ก็แค่คิดครับไม่ได้จะให้ถามจริงๆซะหน่อย" แล้วจะยิ้มทำไมฟะ ซีวาร์คิด
"..."
"..."ยิ้ม
"..."...เอ่อ
"..."ยิ้ม
"เจ้ารู้จักเจ้านั้นหรอ?"
"ไม่ครับ"
อ้าว ฟัก...ทอง
"ฮะ ฮะ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ผมกลัวนะเนี่ย" หนังหน้าเจ้าไม่มีส่วนไหนที่เรียกว่ากลัว...ไม่สิ ไม่มีส่วนที่ไหนที่เรียกว่ายางอายซักนิด!
"พาข้าไปหาเจ้านั้น"เรือเดินทางก็ใกล้จะถึงเวลาแล้วแท้ๆเลย...ซวาร์คดอย่างเคร่งเครียด เวลาเล่นเกมของเขาที่กะๆเอาไว้คือช่วงที่อยู่บนเรือ ถ้าล็อคเอาท์บนเรือเวลาเข้ามาในเกมก็จะไปโผล่ที่เมืองๆนั้นเลย แต่ถ้าเขาช้าก็ต้องรอเรือรอบถัดไป...ซึ่งมีแววว่าเขาคงได้ออกจากเกมก่อน ไม่น่าตั้งเวลาเล่นเลยแหะ...
"ก็ได้ครับ"
"..."บทจะง่ายก็ง่ายแหะเจ้านี่...
อาคัสซาร์เดินนำทางเงียบๆโดยไม่หันมามองซีวาร์แม้แต่น้ออย ทำให้เขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังนึกอะไรอยู่
"ความจริง...ผมเป็นGMนะครับ"
"ห๊า!"
"เมื่อสามวันก่อนญาติห่างๆของผมบอกให้มาดูแล 'ความผิดปกติ'ในเมืองเริ่มต้นน่ะ"
"..."
"แล้ววันถัดมาญาติคนเดิมก็บอกให้มาดูแลหอสมุดตรงนี้ กับเตรียมขนมไว้เยอะๆ"
"..."
"ส่วนเมื่อวานในโลกจริง เขาก็ส่งข้อความมาบอกว่า 'ฝากดูแลด้วยนะ'แค่นี้เอง ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร จนกระทั้งเจอกับเด็กคนนั้นแหละ..."
" ปาปิยอง? เจ้านี้คือคนที่ญาตินายฝากดูแลเรอะ"
"ใช่แล้วครับ แต่...ผมขี้เกียจแล้วครับ ขอเปิดการ์ดโยนภาระให้คุณ ณ บัดนาว"
"...เป็นพระคุณอย่างสูงจริงๆ"ซีวาร์กัดฟันพูดสุดฤทธิ์ อยู่ๆก็รู้สึกมือกระตุกเป็นระยะ
"จริงๆแล้วเด็กคนนั้นนะ...ไม่ปกติหรอกนะครับ" ชายหนุ่มหันหน้ามามองเขาตรงๆ ใบหน้าดูจริงจังแตกต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับ แววตาบ่งบอกถึงความหนักใจอน่างชัดเจน
"จะบอกว่าชั้นพิการหรือไง?"
"อ๊ะ!/เฮ้ย!"
ตูม!
ไม่ทันได้ตกใจกับเสียงของคนที่กำลังพูดถึง อยู่ๆลูกตุ้มที่ไหนก็ไม่รู้ก็เหวี่ยงมาตรงที่พวกเขาอยู่เมื่อซักครู่ หลังจากหลบพ้น เขาก็มองหาเสียงเมื่อซักครู่ ปาปิยองอยู่ฝั่งของลูกตุ้มนั้น ใบหน้ายังคงเรียบเฉยเหมือนเดิม
"เฮ้เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า"
"เห็นว่าเป็นอะไรหรือไง"...ขอโทษที่ถาม ซีวาร์คิดในใจรู้สึกผิดกับตัวเองที่ก่อนหน้านี้ไปเป็นห่วงมัน แต่นขณะที่เขากำลังนึกสงสัยกับการกระทำของตัวเองว่าตกลงเขาอยากช่วยอีกฝ่ายเพราะอะไรนั้น ชายหนุ่มผมทองข้างตัวกลับมีสีหน้าตื่นตะลึงยามเมื่อมองไปที่เด็กสาวผมดำตรงหน้า
"คุณ...ออกมาได้ยังไง" เมื่อกี้ผมมัดเอาไว้นี่นา...
"เดิน" โอเค สั้น ง่าย ได้ใจความ
"กำดักพวกนี้มัน..."
"เจ้าสร้างกำดักไว้ที่หอสมุดของตัวเองด้วยหรอเนี่ย จะขังเจ้านั้นเอาไว้รึไง"ซีวาร์ที่หลุดจากพวังของตัวเองก็นึกขึ้นมาได้ยามมองลูกตุ้มขนาดพอๆกับโบลิ่งทะลุติดกับพื้น
"ตรงข้ามเลยต่างหากครับ คนที่สร้างกับดักพวกนี้ไม่ใช่ผม...แต่เป็นปาปิยองตังหาก"
"...จริงดิ ไม่นึกว่าจะคิดเป็น"
"ชั้นคิดเองได้ แล้วก็...กับดักพวกนี้ชั้นไปเจอไม่ได้ทำเอง แค่อยากลองใช้เฉยๆ"เด็กสาว(?)หันไปเขม่นใส่เด็กชายผมดำเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนไปคุยกับชายหนุ่มร่างสูงแทน แต่เมื่อได้รับคำปฏิเสธ อาคัสซาร์กับส่ายหน้าน้อยๆเหมือนว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นผิดถนัด
"กับดักพวกนี้ปาปิยองสร้างจริงๆครับ แต่...ผมหมายถึงปาปิยองเมื่อหลายวันก่อนน่ะนะ"
"เห...กับดักใช้ได้หนิ ไม่เหมือนพวกที่มีปัญหาทางด้านสมองทำเล----"
เพล้ง!
กรี๊ดดดดดด
ท่านราฟาเอล!เป็นอะไรรึเปล่า
หอสมุด?เกิดอะไรขึ้น
อยู่ๆก็มีธนูพุ่งออกมา อันตรายชะมัด!
บังอาจมาทำร้ายท่านราฟาเอลได้ โผล่หัวออกมานะโว้ย!
เสียงดังจากผู้คนฝ่ายนอกถึงเหนุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เด็กชายผู้เป็นเป้าของลูกธนูที่ว่าเมื่อกี้ตกใจแต่อย่างใด แต่เป็น...
"เฮ้ยเมื่อกี้..."
"ชั้นไม่ได้บอกหรอว่า ถ้าเดินมาตรงนั้นจะมีกับดัก?"
"ไม่ได้บอกเฟ้ย" บอกกับผีเรอะ...
" 'กับดับพวกนี้ชั้นไม่ได้ทำ แค่อยากลองใช้เฉยๆ' ...ก็บอกแล้วนี่"
...เออๆ ไม่เถียงด้วยแล้วเฟ้ย...
ซีวาร์คิดอย่างเหนื่อยใจ การเถียงกับอีกฝ่ายดูจะกินพลังงานเขาไปมากโข ยังไงซะก็ปลอดภัย...แค่นี้ก็พอแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นเด็กชายก็หันไปที่ชายหนุ่มผมบลอนด์ข้างตัวที่แตะๆจับๆหอสมุดของตัวเอง โดยหลังจากจับบางครั้งก็มีอะไรผุดออกมาจนถอยแทบไม่ทัน...ให้ความสนใจกับกับดักโดยสมบูรณ์ จนลืมสิ่งมีชีวิตอีก2ที่อยู่ด้วยกันไปสิ้น
ตอนแรกเขาก็ว่าจะมีเรื่องอะไรกับเจ้านี้ก่อนออกไปเสียอีก แต่ที่เจ้าตัวพูดว่าโยนภาระ...ไอปี้มาให้เขานี้ก็เหมือนกับบอกว่า เชิญเอาไปได้ตามสบายเลยใช่มั้ย? หวังว่าคงไม่กลับคำพูดเอาทีหลังนะ ยิ่งอีกฝ่ายมีนิสัยคลับคล้ายคลัาคาพี่สาวแสนดีของเขาความระแวงก็ยิ่งมากขึ้น...เด็กชายจ้องเขม็งไปที่คนร่างสูงที่ยังคงลองกับดักไม่เลิก...ตอนนี้กลายเป็นสนุกไปแล้วมั้ง หลังจากคิดเรื่องชายหนุ่มไม่นาน เขาก็หันไปที่เด็กสาว(?)ตรงหน้าผู้ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน...ต่อไปก็...
"เอ๊า มานี่สิ"เขายื่นมือไปหาอีกฝ่าย เพื่อเป็นการบอกว่าเขามารับแล้ว...ไม่อยากบอกหรอก เขารู้สึกว่ามันน่าอายยังไงไม่รู้สิ ชักมือกลับตอนนี้ยังทันมั้ยซีวาร์คิด แต่ถึงในใจจะสับสนมาก ใบหน้ากลับไม่ได้แสดงอารมณ์แบบความคิดแต่อย่างใด
เวลาผ่านไปเกือบนาที ร่างของเด็กสาวผมดำก็ยังอยู่ที่เดิม โดยมีเสียงกลั้นขำของไอทองแถวนี้และสีหน้าดำคล้ำของเขาเป็นแบลคกราวด์ แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยถามว่า ต้องให้ปูพรมมั้ย?อีกฝ่ายก็ชี้นิ้วไปที่ชั้นหนังสือด้านหนึ่ง
"ถ้าเข้าไปใกล้ตรงนั้นซักสองเมตรจะมีหอกพุ่งออกมา"ว่าจบก็ชี้ขึ้นไปบนโคมโคมไฟที่ห้อยอยู่ข้างบน
"ถ้าเดินเข้ามาด้านใต้โคมไฟนี้จะมีงูหล่นลงมา" ต่อมาก็ชี้ไปที่พื้นด้านหน้าตัวเอง
"ตรงนี้มีสวิต ถ้าเหยียบจะถูกเด้งขึ้น ก็...คงถูกทะลุกำแพงเลยมั้ง"
"ส่วนกระจกตรงนั้นมีระเบิด"
"แจกันตรงนั้นมีควัน...เป็นยานอนหลับ ขาโต๊ะพันกับเส้นด้าย ถ้าเดินเข้ามาใกล้หน่อยมันจะถูกดึงจนล้ม"
"ส่วนตรงนั้นชั้นหนังสือเก่าๆนั้น อาจหล่นลงมาก็ได้"
"ด้านหลังของชั้นมีเครื่องเป่าลม ถ้าชั้นเดินถอยหน่อยมันจะเป่าชั้นจนปลิวและด้านที่ชั้นหล่นกระแทกก็จะมีดาบแทงออกมา..."
"ส่วน..."
อีกฝ่ายยังคงสาธยายยาวเหยียด จนคนยื่นแขนค้างอย่างเขากระตุกยิ้มสั่น ก่อนจะหดแขนตัวเองลงไปและยืนฟังเด็กสาวตรงหน้าพล่ามถึงวีรกรรมของตัวเองต่อไป...เขาล่ะอยากรู้จริงๆเลยว่าเจ้านี้จะทำไมแบบนี้...
"เพื่อ?" ใช่เพื่ออะไรฟะว่างเรอะ
"ว่าง" อ้าวถูกเฉย... ซีวาร์รู้สึกระเหี่ยใจสุดๆ
"เออ ถ้างั้นก็ช่างกับดักเจ้าเถอะ ยังไงก็ต้องไปแล้ว หรือเจ้าจะอยู่เพาะกับดักที่นี้ต่อ"
"เปล่า...ชั้นแค่อยากจะบอกว่า..."
"..."อะไรอีก?เจ้านี่เรื่องเยอะจริงๆ
"ชั้นขยับไม่ไปไหนไม่ได้แล้ว...กับดักมันดักทาง..."
"...เจ้าไม่มีสมองจริงๆสินะ..."
หลังจากเขาพยายามฝ่ากองคีปณาวุธเพื่อไปหนีบเจ้าตัวปัญหามาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยด้สำเร็จ เขาก็หยิกแก้มอีกฝ่ายแรกๆจนยืดไปหนึ่งที ก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายออกไปข้างนอกเพื่อเตรียมขึ้นเรือ เขามองอาคัสซาร์ที่ยืนหน้ายิ้มกวนประสาทส่งมาให้แทนการบอกลาพลางถอนหายใจที่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเอาเจ้านี้ติดไปอีกคน ถึงปาปิยองจะปากเสียไม่ใช่น้อย แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนพี่สาวมากเท่าชายหนุ่มผมทอง
พวกเขาทั้งสองคนเดินออกมาจากหอสมุด แสงด้านนอกที่ดูจะมากกว่าด้านในพอสมควรจนปาปิยองที่ลูบแก้มทั้งสองข้างของตัวเองเปลี่ยนมายกมือขึ้นบังแสงแดดที่แยงตา อากาศด้านนอกสื่นกว่าด้านในนั้นจริงๆ...
ขณะที่ซีวาร์กำลังเดินอยู่นั่น เขาก็นึกอะไรบางอย่างออกและหยุดชะงัก ก่อนหันไปที่ชายหนุ่มผมทองที่ยังคงมองพวกเขาอยู่ไม่ไปไหน
"ที่เจ้าเคยพูดก่อนหน้านี้น่ะ..."ดวงตาสีฟ้าน้ำเงินของเด็กชายจ้องเข้าไปที่ดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั่น
"หือ?..."เรื่องอะไรนะ
"ชั้นรู้อยู่แล้ว...เรื่องนั้นน่ะ...เจ้าไม่จำเป็นต้องบอกหรอก"ว่าพลางยกฝ่ามือขึ้นวางบนศีรษะของเด็กสาวผมดำข้างตัว จนอีกฝ่ายปัดมือของเขาทิ้งแถมด้วยจ้องเขม็งไม่พอใจ ก่อนที่ทั้งสองจะหันหลังเดินจากไปจริงๆ...ไร้ซึ่งคำกล่าวลา
"..." อาคัสซาร์มองพวกเขาทั้งสองนิ่งจนลับตา แววตาเหม่อลอยในหัวของเามีคำพูดของอีกฝ่ายดังอยู่ในหัว "รู้งั้นหรอ..."
...เด็กคนนั้นน่ะ...ไม่ปกติหรอกนะครับ...
.
..
...
....
.....
ฮะ ฮะ ฮะ...อุบ คึ...ฮ่าๆๆๆๆๆ ฮะๆๆๆ ....ฮึ ฮึ ฮึ
"ผมไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องนั้นซะหน่อยนะครับ"
ตอนนี้เขากับปาปิยองกำลังไปที่ท่าเรือ ถ้าช้าตอนนี้ยังทันอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รีบร้อนกระชากลากถูเด็กสาว(?)ข้างตัวให้รีบเดิน แถมยังชวนอีกฝ่ายคุยเรื่องสมุดบันทึกอีกด้วย...มันก็น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายหลังจากต้องหมกอยู่ที่นั้นน่ะนะ ถ้าไม่ใช่เพราะ...พวกเขากำลังถูกจ้องมอง ตั้งแต่ที่ออกมาจากหอสมุดนั้น ผู้คนก็มุงอยู่รอบประตูทางออกแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดจะสนใจ ไม่มายุ่งกับพวกเขาก็พอแล้ว
เขามาถึงที่ท่าเรือแล้วผู้คนก็คับคลั่งอย่างที่คิด เสียงพูดคุยตะโกนขายของและผู้เล่น จะกี่ครั้งๆก็ไม่ทำให้เขาชินเสียที แต่ดูเหมือนคนที่แสดงออกมากที่สุดเห็นจะเป็นไอปี้ข้างตัวเขาเอง ดูจากนิสัยเจ้านี่คงไม่ชอบอะไรวุ่นวาย ชอบที่เงียบๆ กองหนังสือเหมือนพวกบ้าเรียน...นิสัยคุณชายชะมัด ถ้าไม่ติดว่า....ตะกละ
ซีวาร์มองสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย ตอนแรก...มันก็มีแค่ขนมปัง แต่ตอนนี้...เขาไล่มองบรรดา 'ของกิน'ในมือ ไม่สิต้องบอกว่าในอ้อมแขนเลยมากกว่า ทั้งขนมปังแยม ขนมปังไส้สปาเก็ตตี้ ถุงขนมเค้ก พายแอปเปิ้ล โดนัท ไส้กรอก เทมปุระ บาบีคิว...จนเขาไม่อยากจะนึกถึงราคาของมันเลย...ใช่แล้ว เขาไม่ได้จ่าย แต่แค่...ได้มาฟรีๆ
...เมื่อราวๆ15นาทีก่อน ปาปิยองเกิดหิวขึ้นมาจนเหม่อลอยไม่เป็นอันเดิน แถมยังมีหน้ามาบอกว่าไม่เป็นไรไม่หิวอีก...แต่สุดท้ายพวกเขาก็หาทางออกเจอ ร้านอาหารจัดการแข่งกินอาหารขึ้น ตอนแรกเขาก็ทำท่าจะเออออไป ไอปี้ของเขาจะได้เลิกทำสายตา จุดจุดจุดใส่เขาซะที แต่เมื่อเห็นเงื่อนไขการแข่งเขาก็หันไปบอกอีกฝ่ายว่า อย่าแม้แต่จะคิด...แต่แทนที่จะเจอ คุณชายผู้หิวโซก็ไปนั่งประจำที่ผู้แข่งเสียแล้ว
เงื่อนไขการแข่งคือ กินอาหารจานยักษ์ให้หมดภายใน30นาที โดยจะมีเงินและอาหารอีกเล็กๆน้อยๆเป็นรางวัล แต่ถ้ากินไม่หมด จ่ายเต็มราคา...
แค่จานนึงก็มากกว่ากำลังทรัพท์ในกระเป๋าเขาแล้ว! แถมอาหารที่ว่ามันก็ไม่ได้เรียกแค่ยักษ์แล้วมั้ง เพราะมันมีความสูงและกว้างจนบังปาปิยองเกือบมิด...อยู่ๆก็รู้สึกว่าเงินในกระเป๋าของเขามันดูเบาโหว่งพร้อมจะบินออกไปสู่โลกภายนอกได้ทุกเมื่อ...
แต่...ผลสุดท้ายดันพลิกล็อค เด็กสาวผมดำเขมือ--กินอาหารจานมโหราญหมดภายในเวลาไม่ถึง10นาที...พวกเขาเลยได้ทั้งเงินและของกินมาแบบเต็มกระเป๋า...เล่นเอาใจหายใจคว่ำ ว่าแล้วเด็กชายหมาป่าก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มด้วยความสบายใจ อย่างน้อยก็หมดห่วงเรื่องของกินของไอปี้ล่ะนะ...
พวกเขามาอยู่บนเรือแล้วหาที่นั่งเหมาะๆพักผ่อนเตรียมการกับปาปิยองให้เขียนข้อความลงในสมุดบันทึก เพราะเขาต้องล็อคเอาท์ออกจากเกมแล้ว เกิดอีกฝ่ายตื่นมาแล้วมึนในเมืองใหญ่ๆแบบนั้นยิ่งเป็นปัญหากว่าเมืองเริ่มต้นมาก เขาจัดแจงให้อีกฝ่ายเขียนข้อความนัดสถานที่ให้อีกฝ่ายไปรอเขาอีกเมืองจนละเอียด และเห็นว่าเป็นข้อความที่แม้แต่เด็กอนุบาลอ่านยังเข้าใจแล้วจึงให้อีกฝ่ายเก็บเข้ากระเป๋า
" จะไปแล้วจริงๆหรอ น่าเสียดายจัง"
"ใช่ๆแล้วอีกอย่างท่าราฟาเอลบาดเจ็บอยู่นี่นา อยู่รักษาบาดแผลที่เมืองก่อนสิ"
"ไม่เป็นไรหรอกทุกๆคน แผลแค่นี้ไม่ได้หนักหนาอะไร"
"แต่ว่า..."
พวกเจ้าไม่ตามหล่อนขึ้นมาบนเรือด้วยเลยล่ะ...เด็กชายหมาป่าผู้เห็นเหตุการณ์อดคิดในใจไม่ได้ เพราะเสียงของบรรดาผู้ที่มาอำลาหญิงสาว เรือนผมสีขาวถูดมัดเป็นทรงหางม้าพลิ้วไลวไปตามลม สายตาที่มองผู้คนข้างล่างบ่งบอกถึงความหนักใจ ...แต่เขาก็ทำเพียงแค่มอง
เสียงร้องโหยหวน(?)ของผู้คนด้านล่างเรือยังคงดังเป็นระยะ ก่อนที่มันจะค่อยๆเงียบลง ตามด้วยเงาที่ทาบทับเหนือร่างของเขา...ผู้หญิงคนเมื่อกี้ เจ้าหล่อนนั่งลงห่างจากเขาไปช่วงหนึ่ง ใบหน้าดูสงบขึ้นมาก แต่บนใบหน้าของเธอกลับมีบางอย่างที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกสบายตาเลย
"เฮ้เจ้า หน้าผากมีเลือดไหลแน่ะ"เขาว่าพลางยื่นทิชชู่เช็ดปากในมือของปาปิยองให้อีกฝ่าย
"อ๊ะ! เอ๋?" หญิงสาวดูงุนงงกับคำพูดและการกระทำของเขา ดูจากที่อู่ๆก็เอามือจับๆที่หน้าผากเปื้อนเลือดของตนเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่รู้ว่ามันมีมาก่อน และเมื่อเธอเห็นเด็กชายเผ่ามนุษย์หมาป่ายื่นผ้ามาให้เธอจึงรับไว้พร้อมกล่าวคำขอบคุณ
"เดินในเมืองด้วยหน้าสยองขวัญแบบนี้ เจ้าเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน"เขาว่าก่อนจะแย่งทิชชู่ในมือปาปิยองมาอีกแผ่นแล้วยื่นให้กับเธอ
"อา...อันที่จริงแล้วเมื่อราวๆ20-30นาทีก่อนชั้นเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะค่ะ แต่ว่า...บาดแผลก็รักษาแล้วนี่นา..."หญิงสาวกล่าวสายตาที่มองคาบเลือดในมือเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
"อาๆ แล้วเจ้าไปโดนอะไรมาล่ะ"ขนาดรักษาแล้วยังไม่หาย เมืองเริ่มต้นมีอะไรแบบนี้ด้วยหรอ...
"ตอนที่ชั้นเดินอยู่ในเมือง อยู่ๆหอสมุดที่ปิดปรับปรุงก็เกิดเสียงดังขึ้น ตัวชั้นที่ยืนอยู่แถวนั้นถูกลูกธนูที่มาจากชั้นบนของหอสมุดบาดเข้าน่ะค่ะ...เห็นว่ามีคนออกมาจากหอสมุดนั้นด้วย น่าเสียดายจริงๆที่ชั้นโดนขยั้นขยอให้ไปทำแผล...เฮ้อ"
เมื่อได้ยินที่เจ้าหล่อนพูด แม้กระทั้งปาปิยองที่ยังคงเคี้ยวขนมปังอยู่ก็ชะงักทันที ทั้งเขาและซีวาร์ถึงแม้ไม่ได้พูดคุยหรือมองหน้ากันตรงๆก็เป็นที่รู้กันดีว่า...ไม่ต้องบอกหรอก
"เมื่อกี้น่ะ ไม่เห็นต้องทำเลยหนิ" เขาเปลี่ยนเรื่องทันทีหลังจากรู้ว่าโจทย์ที่เป็นผ้ทำรอยแผลบนใบหน้าหญิงสาวคือใคร
"...เรื่องอะไรหรอ" เจ้าหล่อนถาม
"ที่ยืนฉีกยิ้มให้เจ้าพวกด้านล่าง พูดจาถนอมน้ำใจแบบนั้นน่ะ...ฝืนอยู่ไม่ใช่หรอ?" เขาพูดออกไปตามจริง
"ชั้นเปล่า...ไม่สิ ใช่แล้วล่ะ" ตอนแรกที่กะจะปฎิเสธอีกฝ่ายก็เปลี่ยนใจทันที สายตาที่เด็กชายหมาป่าตรงหน้ามองเธอไม่ว่าจะโกหกยังไงอีกฝ่ายก็คงดูออก "รู้ได้ยังไงน่ะ"
"ไม่มีเหตุผลหรอก..."
"นั้นสินะ" หญิงสายว่าพลางฉีกยิ้มให้เด็กชาย แต่เป็นรอยยิ้มที่แตกต่างจากที่ยิ้มให้พวกด้านล่างลิบลับ แววตาเป็นประกายขี้เล่น จ้องมองเขาอย่างสนอกสนใจ"เน่ๆ น้องชาย เธอชื่ออะไรหรอ?"
"เปลี่ยนนิสัยไวชะมัด ส่วนชื่อ...ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก"
"ได้ไงอะ! ทำให้อยากแล้วจากไปชัดๆเลย"
"ไม่ได้บอกให้สนใจซะหน่อย แล้วเลือดน่ะไหลอีกแล้วไม่ใช่หรอ"ว่าจบเขาก็ทำท่าจะหยิบทิชชู่จากปาปิยอง แต่เด็กสาวข้างตัวดันไหวตัวทัน หยิบทิชชู่แผ่นสุดท้ายมาเช็ดปากตัวเองแบบผู้ดี๊ผู้ดีก่อนจะโยนเข้าซากถุงอาหาร "เฮ้ ไหงทำงี้"
"ไม่ๆ ไม่ต้องหรอก ของชั้นมีนะ แหะๆ ลืมบอก...ต่ทำไมมันไม่หยุดไหลซะทีน้าา"
"บางทีเธอควรหยุดรักษาที่เมืองแบบที่เจ้าพวกนั้นว่า"
"ไม่! ไม่ได้นะ ขืนอยู่พักก็ตกเรือพอดี ชั้นอยากกลับไวๆแล้ว น้องชายที่น่ารักของชั้นกำลังรอชั้นอยู่นะ!" หญิงสาวว่า ฟังจากน้ำเสียงแล้วต่อให้เลือดไหลหมดตัวหล่อนก็คงไม่ลงจากเรือแน่ๆ
"ตามใจ"
"นี่ๆ..."เงียบอยู่ได้ไม่นานหญิงสาวก็เอ่ยทักซีวาร์อีกครั้ง
"อะไรล่ะนั้น"จะได้พักมั้ย?
"ชั้นอุส่าห์พูดเรื่องน้องชายแล้ว ไม่ถามหน่อยหรอ แบบ...เธอมีน้องชายด้วยหรอ? เป็นยังไงบ้างล่ะ น่ารักรึเปล่า? แบบเนี่ยอะ"
"ไม่ถาม!"
"แต่ชั้นอยากเล่า น้องของชั้นชื่อว่ามิ----"
"งั้นก็ไปเล่าที่อื่น"ช่วยเอาภาพพจน์ปลอมๆแบบก่อนหน้านี้มาทีเหอะ คนที่อยู่ในเรื่อมองจนตาแถบหลุดออกจากเบ้าแล้ว
.
.
.
สุดท้ายก็นั่งฟังจนเรือออก รู้สึกหูอื้อ....ไม่น่าหาเรื่อง เขาคิด ก่อนจะนึกได้ว่าใกล้เวลาแล้วจึงหันไปบอกปาปิยอง แต่อีกฝ่ายดันทำท่าจะหลับคอพับ จนเขาต้องดึงแก้มทั้งสองข้างเพื่อปลุก เด็กสาว(?)มองค้อนพลางลูบแก้มทั้งสองข้างเบาๆ เหมือนเขาจะได้ยินอีกฝ่ายบ่น ทำนองว่า"ทำไมต้องแก้ม"ด้วย
"ข้าจะออกจากเกมแล้ว เพราะงั้นอย่ากระโดดออกจากเรือกลางทางล่ะ"
"ชั้นไม่ได้ไร้สมองขนาดนั้น" เด็กสาวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็รู้สึกว่าคำพูดตัวเองแปลกๆ...แสดงว่าไร้สมองน้อยกว่านี้รึเปล่านะ...นี่มัน ด่าตัวเองชัดๆ
"เออๆรู้แล้วๆ ข้าจะไปล่ะ" ซีวาร์บอกก่อนที่จะเตรียมล็อคเอาท์ แต่พอเห็นเปลือกตาที่เปิดๆปิดๆของปาปิยองเขาก็อดไม่ได้ที่จะลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ กินแล้วนอนจริงๆเจ้านี่..."เฮ้ ไอปี้"
"ไปซะที"
"รู้แล้ว! เฮ้อ...ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีล่ะ"กล่าวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะฉวยโอกาสลูบหัวอีกฝ่ายและหายลับไป
ปาปิยองชักสีหน้า เขาโดนอีกฝ่ายลูบหัวเป็นเด็กๆมาหลายรอบแล้ว...ให้เด็กมาลูบแบบนี้รู้สึกแปลกมาก ถึงอีกฝ่ายจะบอกว่าไม่ใช่ก็เหอะ...เมื่อทุกอย่างกลับมาสงบลงความง่วงงุนก็เข้ามาแทนที่ เปลือกตาค่อยๆปิดลงช้าๆ...ฝันดีงั้นหรอ...เขามีอะไรให้ฝันด้วยหรือไง?
เด็กชายตัวเล็กเดินภายในหอสมุด พลางกวาดสายตามองหอสมุดขนาดใหญ่หากแต่ไร้ซึ่งผู้คน สองข้างทางเต็มไปด้วยชั้นหนังสือสูงใหญ่ละลานตา โคมไฟที่ติดๆดับๆไม่ได้ช่วยในเรื่องการมองเห็นเอาซะเลย จนอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองหลุดเข้ามาในเกมHorrorหรือยังไง ในตอนนี้ที่ได้ยินชัดเจนที่สุดก็เห็นจะเป็นเสียงรองเท้าของเขาเอง เงียบไปมั้ย?... แต่ก็คิดได้ไม่นาน เมื่อเขารู้สึกได้ถึงตัวตนของอะไรบางอย่าง...ลมหายใจ ซีวาร์หยุดชะงักลงทันทีกวาดสายตามองไปรอบๆก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติ...แต่ว่า
'กลิ่นมนุษย์?...ไม่ขยับเลยแหะ น่าชื่นชมจริงๆ...' เขาคิดก่อนจะถอนหายใจ 'ดูเหมือนจะไม่ใช่เจ้านั้นซะด้วย'
"เฮ้ เจ้าไม่เมื่อยหรือไง"เขาพูดด้วยเสียงไม่เบาและไม่ดังอะไรแต่เพราะความเงียบ เสียงเมื่อกี้เลยดังก้องไปทั่วหอสมุด
หลังจากเอ่ยถามอยู่ๆก็มีเสียงหัวเราะออกมา ฟังๆแล้วเหมือนพยายามอดกลั้นอย่างไรอย่างนั้น เล่นเอาคนที่เหมือนถูกหัวเราะใส่คิ้วกระตุกยิกๆ แต่ไม่ทันจะบอกว่าให้โผล่หัวออกมาซะ เจ้าของเสียงหัวเราะเมื่อกี้ก็โผล่ออกมาจากชั้นหนังสือฝั่งหนึ่ง ใบหน้าแย้มยิ้มนมุมมืดน่าขนลุกขนาดที่เด็กสามขวบยังรู้เลยว่าเจ้านี่ไม่น่าไว้ใจสุดๆ และซีวาร์ก็รู้สึกได้ว่าเขาไม่ค่อยชอบขี้หน้ามันเท่าไหร่ ไม่รู้ทำไม...ไม่สิ บางทีเขาอาจจะรู้...
"เห ผมไม่นึกว่าตัวเองจะถูกจับง่ายขนาดนั้นแหะ แต่ว่า..."ดวงตาสีเขียวมรกตหรี่มองเด็กชายหมาป่าตรงหน้าพลางยกยิ้ม ซึ่งซีวาร์บอกได้เลยว่ามันเป็นรอยยิ้มที่กวนประสาทมาก "... ก็หมาหนินะ"
...นิสัยเหมือนกับยัยพี่บ้าเด๊ะๆเลยนี่หว่า!...
"เป็นหมาแล้วมันหนักหัวเจ้าเรอะ พูดเรื่องอื่นไม่ได้หรือไงห๊า!" เด็กชายกระแทกเสียงใส่ นึกสมเพชกับชีวิตของตัวเองที่ต้องมาเจอคนประเภทเดียวกับพี่สาวเขาทั้งนอกและในเกมแบบนี้
"หมา ก็หมาครับ ผมไม่นิยมเอาหมามาไว้บนหัวหรอกครับ"
...ไอ้!
"โมโหหรอครับ"
"อารมณ์ดีมาก! เจ้านั้นอยู่ไหน" เขาอยากเลิกเถียงกับเจ้านี้แล้วเลยตัดเข้าประเด็นทันที ขืนพูดมากกว่านี้เขาปวดหัวตึ๊บแน่ๆ
"ใครครับ?"ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราวกับว่าไม่รู้เลยว่าเขาหมายความว่าอะไร ...ความจริงมันก็น่าเชื่ออะนะถ้าฟังแต่เสียง และอีกฝ่ายไม่ได้กำลังฉีกยิ้มกว้างใส่เขาหนักกว่าเดิม! มีพิรุธโครตๆ
"เมื่อไม่นานมานี้มีเด็กผู้ช---เด็กผู้หญิงหลงทางแล้วข้าคิดว่าเขาคงอยู่ที่นี้"
"ใช้จมูกหมาหรอครับ?"
"หุบปากเหอะ..."
"ฮะ ฮะ แล้ว...คุณอยากรู้ทำไมล่ะครับ คุณเกี่ยวข้องอะไรกับเขาด้วยหรอ?"
ซีวาร์ชะงักลงไปเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายพูดเน้นคำว่า เกี่ยวข้อง ซะชัดเต็มสองรูหู...แต่ก็จริง เขาเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้านั้นกัน พึ่งเจอแท้ๆเลย ส่วนนิสัย...ไม่ขอบรรยาย...แต่ว่า ...อยู่ๆเขาก็นึกถึงภาพเจ้านั้นเกาะอยู่บนต้นไม้ กระโดดลงมาทับเขา เอาเขี้ยวหมาป่าห่วยๆมาให้ อ่านบันทึกและเห็นค่าสถานะสุดกากพวกนั้น...บางที'ตัวเขา'อาจไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอีกฝ่ายเลยก็ได้...แต่ที่เกี่ยวคงเป็นความรู้สึก พอนึกถึงตรงนี้ก็เหมือนคำพูดของพี่สาวลอยเข้ามาในหัว
'เห...ซีเนี่ยใจอ่อนจังนะ'
'ยุ่งน่า!'
'อือๆ ก็ไม่ได้จะยุ่งหรอก...แต่ว่านะ'
'...'
'ระวังเสียใจทีหลังล่ะ'
'รู้อยู่แล้วหรอก'
"ไม่เกี่ยว พึ่งรู้จักกันไม่กี่วัน แถมเป็นในเกมอีก เจอกันครั้งแรกก็คิดว่าเจ้านี้ตัวซวยสุดๆ แถมยังกระจอกงอกง่อย จะไม่ให้เจ้านี้ตายก็คงต้องทำแม้กระทั้งกำจัดหินทุกก้อนบนทางเดินมันนั้นแหละ ยิ่งกว่านั้นยังความจำปลาทองอีก ไม่อยากนึกหรอกว่าตื่นมาในเกมทุกเช้าแล้วเจอคนที่สร้างความบัดซบให้ตัวเองมหาศาลแต่กลับถามอย่างกับคนไม่รู้จักกันแล้วเรื่องที่ผ่านมาก็กลายเป็นศูนย์ นี่ยังไม่นับเรื่องนิสัย ปากน่ะเป็นอะไรฟะ พูดจาให้มันน่ารักกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไงจะว่าปากหมาก็เหมือนเรียกตัวเอง กวนโอ๊ยแบบนี้ใครมันอยากจะเก็บไว้เป็นภาระ หา! ใครเอาเจ้านี้ไปเลี้ยงก็คงโง่เต็มที"
"..."ไหวเปล่าครับ?อาคัสมองเด็กชายหมาป่าที่พูดความในใจออกมาแบบหมดเปลือก ลงท้ายด้วยท่าทางหอบเล็กน้อย...ตบมือให้ตอนนี้จะโดนตบมั้ยครับ?
"...แต่ว่า"
"...ครับ?"
.
.
.
"ถ้าอย่างงั้น...ข้าก็คงเป็นคนโง่จริงๆนั้นแหละ"
'...ก็เพราะรู้น่ะสิ...ถึงต้องทำ...'
"..."
เสียงโดยรอบพลันเงียบลงในทันทีเหลือเพียงเสียงหายใจของคนสองคน ไร้ซึ่งบทสนทนาเนิ่นนาน นานจนไม่อาจรับรู้ได้ว่าพวกเขาทั้งสองกำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนั้น ก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงจะเป็นฝ่ายเปิดปากทำลายความเงียบ
"ตอนแรกผมนึกว่าคุณจะถามว่า 'แล้วแกเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้านั้นด้วย' ซะอีกนะ"พูดจบพร้อมถอนหายใจอย่างเสียดายที่สุดแสนจะไม่จริงจัง
"แล้วข้าต้องพูดตามที่เจ้าบอกเรอะ"
"แหม ก็แค่คิดครับไม่ได้จะให้ถามจริงๆซะหน่อย" แล้วจะยิ้มทำไมฟะ ซีวาร์คิด
"..."
"..."ยิ้ม
"..."...เอ่อ
"..."ยิ้ม
"เจ้ารู้จักเจ้านั้นหรอ?"
"ไม่ครับ"
อ้าว ฟัก...ทอง
"ฮะ ฮะ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ผมกลัวนะเนี่ย" หนังหน้าเจ้าไม่มีส่วนไหนที่เรียกว่ากลัว...ไม่สิ ไม่มีส่วนที่ไหนที่เรียกว่ายางอายซักนิด!
"พาข้าไปหาเจ้านั้น"เรือเดินทางก็ใกล้จะถึงเวลาแล้วแท้ๆเลย...ซวาร์คดอย่างเคร่งเครียด เวลาเล่นเกมของเขาที่กะๆเอาไว้คือช่วงที่อยู่บนเรือ ถ้าล็อคเอาท์บนเรือเวลาเข้ามาในเกมก็จะไปโผล่ที่เมืองๆนั้นเลย แต่ถ้าเขาช้าก็ต้องรอเรือรอบถัดไป...ซึ่งมีแววว่าเขาคงได้ออกจากเกมก่อน ไม่น่าตั้งเวลาเล่นเลยแหะ...
"ก็ได้ครับ"
"..."บทจะง่ายก็ง่ายแหะเจ้านี่...
อาคัสซาร์เดินนำทางเงียบๆโดยไม่หันมามองซีวาร์แม้แต่น้ออย ทำให้เขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังนึกอะไรอยู่
"ความจริง...ผมเป็นGMนะครับ"
"ห๊า!"
"เมื่อสามวันก่อนญาติห่างๆของผมบอกให้มาดูแล 'ความผิดปกติ'ในเมืองเริ่มต้นน่ะ"
"..."
"แล้ววันถัดมาญาติคนเดิมก็บอกให้มาดูแลหอสมุดตรงนี้ กับเตรียมขนมไว้เยอะๆ"
"..."
"ส่วนเมื่อวานในโลกจริง เขาก็ส่งข้อความมาบอกว่า 'ฝากดูแลด้วยนะ'แค่นี้เอง ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร จนกระทั้งเจอกับเด็กคนนั้นแหละ..."
" ปาปิยอง? เจ้านี้คือคนที่ญาตินายฝากดูแลเรอะ"
"ใช่แล้วครับ แต่...ผมขี้เกียจแล้วครับ ขอเปิดการ์ดโยนภาระให้คุณ ณ บัดนาว"
"...เป็นพระคุณอย่างสูงจริงๆ"ซีวาร์กัดฟันพูดสุดฤทธิ์ อยู่ๆก็รู้สึกมือกระตุกเป็นระยะ
"จริงๆแล้วเด็กคนนั้นนะ...ไม่ปกติหรอกนะครับ" ชายหนุ่มหันหน้ามามองเขาตรงๆ ใบหน้าดูจริงจังแตกต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับ แววตาบ่งบอกถึงความหนักใจอน่างชัดเจน
"จะบอกว่าชั้นพิการหรือไง?"
"อ๊ะ!/เฮ้ย!"
ตูม!
ไม่ทันได้ตกใจกับเสียงของคนที่กำลังพูดถึง อยู่ๆลูกตุ้มที่ไหนก็ไม่รู้ก็เหวี่ยงมาตรงที่พวกเขาอยู่เมื่อซักครู่ หลังจากหลบพ้น เขาก็มองหาเสียงเมื่อซักครู่ ปาปิยองอยู่ฝั่งของลูกตุ้มนั้น ใบหน้ายังคงเรียบเฉยเหมือนเดิม
"เฮ้เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า"
"เห็นว่าเป็นอะไรหรือไง"...ขอโทษที่ถาม ซีวาร์คิดในใจรู้สึกผิดกับตัวเองที่ก่อนหน้านี้ไปเป็นห่วงมัน แต่นขณะที่เขากำลังนึกสงสัยกับการกระทำของตัวเองว่าตกลงเขาอยากช่วยอีกฝ่ายเพราะอะไรนั้น ชายหนุ่มผมทองข้างตัวกลับมีสีหน้าตื่นตะลึงยามเมื่อมองไปที่เด็กสาวผมดำตรงหน้า
"คุณ...ออกมาได้ยังไง" เมื่อกี้ผมมัดเอาไว้นี่นา...
"เดิน" โอเค สั้น ง่าย ได้ใจความ
"กำดักพวกนี้มัน..."
"เจ้าสร้างกำดักไว้ที่หอสมุดของตัวเองด้วยหรอเนี่ย จะขังเจ้านั้นเอาไว้รึไง"ซีวาร์ที่หลุดจากพวังของตัวเองก็นึกขึ้นมาได้ยามมองลูกตุ้มขนาดพอๆกับโบลิ่งทะลุติดกับพื้น
"ตรงข้ามเลยต่างหากครับ คนที่สร้างกับดักพวกนี้ไม่ใช่ผม...แต่เป็นปาปิยองตังหาก"
"...จริงดิ ไม่นึกว่าจะคิดเป็น"
"ชั้นคิดเองได้ แล้วก็...กับดักพวกนี้ชั้นไปเจอไม่ได้ทำเอง แค่อยากลองใช้เฉยๆ"เด็กสาว(?)หันไปเขม่นใส่เด็กชายผมดำเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนไปคุยกับชายหนุ่มร่างสูงแทน แต่เมื่อได้รับคำปฏิเสธ อาคัสซาร์กับส่ายหน้าน้อยๆเหมือนว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นผิดถนัด
"กับดักพวกนี้ปาปิยองสร้างจริงๆครับ แต่...ผมหมายถึงปาปิยองเมื่อหลายวันก่อนน่ะนะ"
"เห...กับดักใช้ได้หนิ ไม่เหมือนพวกที่มีปัญหาทางด้านสมองทำเล----"
เพล้ง!
กรี๊ดดดดดด
ท่านราฟาเอล!เป็นอะไรรึเปล่า
หอสมุด?เกิดอะไรขึ้น
อยู่ๆก็มีธนูพุ่งออกมา อันตรายชะมัด!
บังอาจมาทำร้ายท่านราฟาเอลได้ โผล่หัวออกมานะโว้ย!
เสียงดังจากผู้คนฝ่ายนอกถึงเหนุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เด็กชายผู้เป็นเป้าของลูกธนูที่ว่าเมื่อกี้ตกใจแต่อย่างใด แต่เป็น...
"เฮ้ยเมื่อกี้..."
"ชั้นไม่ได้บอกหรอว่า ถ้าเดินมาตรงนั้นจะมีกับดัก?"
"ไม่ได้บอกเฟ้ย" บอกกับผีเรอะ...
" 'กับดับพวกนี้ชั้นไม่ได้ทำ แค่อยากลองใช้เฉยๆ' ...ก็บอกแล้วนี่"
...เออๆ ไม่เถียงด้วยแล้วเฟ้ย...
ซีวาร์คิดอย่างเหนื่อยใจ การเถียงกับอีกฝ่ายดูจะกินพลังงานเขาไปมากโข ยังไงซะก็ปลอดภัย...แค่นี้ก็พอแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นเด็กชายก็หันไปที่ชายหนุ่มผมบลอนด์ข้างตัวที่แตะๆจับๆหอสมุดของตัวเอง โดยหลังจากจับบางครั้งก็มีอะไรผุดออกมาจนถอยแทบไม่ทัน...ให้ความสนใจกับกับดักโดยสมบูรณ์ จนลืมสิ่งมีชีวิตอีก2ที่อยู่ด้วยกันไปสิ้น
ตอนแรกเขาก็ว่าจะมีเรื่องอะไรกับเจ้านี้ก่อนออกไปเสียอีก แต่ที่เจ้าตัวพูดว่าโยนภาระ...ไอปี้มาให้เขานี้ก็เหมือนกับบอกว่า เชิญเอาไปได้ตามสบายเลยใช่มั้ย? หวังว่าคงไม่กลับคำพูดเอาทีหลังนะ ยิ่งอีกฝ่ายมีนิสัยคลับคล้ายคลัาคาพี่สาวแสนดีของเขาความระแวงก็ยิ่งมากขึ้น...เด็กชายจ้องเขม็งไปที่คนร่างสูงที่ยังคงลองกับดักไม่เลิก...ตอนนี้กลายเป็นสนุกไปแล้วมั้ง หลังจากคิดเรื่องชายหนุ่มไม่นาน เขาก็หันไปที่เด็กสาว(?)ตรงหน้าผู้ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน...ต่อไปก็...
"เอ๊า มานี่สิ"เขายื่นมือไปหาอีกฝ่าย เพื่อเป็นการบอกว่าเขามารับแล้ว...ไม่อยากบอกหรอก เขารู้สึกว่ามันน่าอายยังไงไม่รู้สิ ชักมือกลับตอนนี้ยังทันมั้ยซีวาร์คิด แต่ถึงในใจจะสับสนมาก ใบหน้ากลับไม่ได้แสดงอารมณ์แบบความคิดแต่อย่างใด
เวลาผ่านไปเกือบนาที ร่างของเด็กสาวผมดำก็ยังอยู่ที่เดิม โดยมีเสียงกลั้นขำของไอทองแถวนี้และสีหน้าดำคล้ำของเขาเป็นแบลคกราวด์ แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยถามว่า ต้องให้ปูพรมมั้ย?อีกฝ่ายก็ชี้นิ้วไปที่ชั้นหนังสือด้านหนึ่ง
"ถ้าเข้าไปใกล้ตรงนั้นซักสองเมตรจะมีหอกพุ่งออกมา"ว่าจบก็ชี้ขึ้นไปบนโคมโคมไฟที่ห้อยอยู่ข้างบน
"ถ้าเดินเข้ามาด้านใต้โคมไฟนี้จะมีงูหล่นลงมา" ต่อมาก็ชี้ไปที่พื้นด้านหน้าตัวเอง
"ตรงนี้มีสวิต ถ้าเหยียบจะถูกเด้งขึ้น ก็...คงถูกทะลุกำแพงเลยมั้ง"
"ส่วนกระจกตรงนั้นมีระเบิด"
"แจกันตรงนั้นมีควัน...เป็นยานอนหลับ ขาโต๊ะพันกับเส้นด้าย ถ้าเดินเข้ามาใกล้หน่อยมันจะถูกดึงจนล้ม"
"ส่วนตรงนั้นชั้นหนังสือเก่าๆนั้น อาจหล่นลงมาก็ได้"
"ด้านหลังของชั้นมีเครื่องเป่าลม ถ้าชั้นเดินถอยหน่อยมันจะเป่าชั้นจนปลิวและด้านที่ชั้นหล่นกระแทกก็จะมีดาบแทงออกมา..."
"ส่วน..."
อีกฝ่ายยังคงสาธยายยาวเหยียด จนคนยื่นแขนค้างอย่างเขากระตุกยิ้มสั่น ก่อนจะหดแขนตัวเองลงไปและยืนฟังเด็กสาวตรงหน้าพล่ามถึงวีรกรรมของตัวเองต่อไป...เขาล่ะอยากรู้จริงๆเลยว่าเจ้านี้จะทำไมแบบนี้...
"เพื่อ?" ใช่เพื่ออะไรฟะว่างเรอะ
"ว่าง" อ้าวถูกเฉย... ซีวาร์รู้สึกระเหี่ยใจสุดๆ
"เออ ถ้างั้นก็ช่างกับดักเจ้าเถอะ ยังไงก็ต้องไปแล้ว หรือเจ้าจะอยู่เพาะกับดักที่นี้ต่อ"
"เปล่า...ชั้นแค่อยากจะบอกว่า..."
"..."อะไรอีก?เจ้านี่เรื่องเยอะจริงๆ
"ชั้นขยับไม่ไปไหนไม่ได้แล้ว...กับดักมันดักทาง..."
"...เจ้าไม่มีสมองจริงๆสินะ..."
หลังจากเขาพยายามฝ่ากองคีปณาวุธเพื่อไปหนีบเจ้าตัวปัญหามาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยด้สำเร็จ เขาก็หยิกแก้มอีกฝ่ายแรกๆจนยืดไปหนึ่งที ก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายออกไปข้างนอกเพื่อเตรียมขึ้นเรือ เขามองอาคัสซาร์ที่ยืนหน้ายิ้มกวนประสาทส่งมาให้แทนการบอกลาพลางถอนหายใจที่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเอาเจ้านี้ติดไปอีกคน ถึงปาปิยองจะปากเสียไม่ใช่น้อย แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนพี่สาวมากเท่าชายหนุ่มผมทอง
พวกเขาทั้งสองคนเดินออกมาจากหอสมุด แสงด้านนอกที่ดูจะมากกว่าด้านในพอสมควรจนปาปิยองที่ลูบแก้มทั้งสองข้างของตัวเองเปลี่ยนมายกมือขึ้นบังแสงแดดที่แยงตา อากาศด้านนอกสื่นกว่าด้านในนั้นจริงๆ...
ขณะที่ซีวาร์กำลังเดินอยู่นั่น เขาก็นึกอะไรบางอย่างออกและหยุดชะงัก ก่อนหันไปที่ชายหนุ่มผมทองที่ยังคงมองพวกเขาอยู่ไม่ไปไหน
"ที่เจ้าเคยพูดก่อนหน้านี้น่ะ..."ดวงตาสีฟ้าน้ำเงินของเด็กชายจ้องเข้าไปที่ดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั่น
"หือ?..."เรื่องอะไรนะ
"ชั้นรู้อยู่แล้ว...เรื่องนั้นน่ะ...เจ้าไม่จำเป็นต้องบอกหรอก"ว่าพลางยกฝ่ามือขึ้นวางบนศีรษะของเด็กสาวผมดำข้างตัว จนอีกฝ่ายปัดมือของเขาทิ้งแถมด้วยจ้องเขม็งไม่พอใจ ก่อนที่ทั้งสองจะหันหลังเดินจากไปจริงๆ...ไร้ซึ่งคำกล่าวลา
"..." อาคัสซาร์มองพวกเขาทั้งสองนิ่งจนลับตา แววตาเหม่อลอยในหัวของเามีคำพูดของอีกฝ่ายดังอยู่ในหัว "รู้งั้นหรอ..."
...เด็กคนนั้นน่ะ...ไม่ปกติหรอกนะครับ...
.
..
...
....
.....
ฮะ ฮะ ฮะ...อุบ คึ...ฮ่าๆๆๆๆๆ ฮะๆๆๆ ....ฮึ ฮึ ฮึ
"ผมไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องนั้นซะหน่อยนะครับ"
ตอนนี้เขากับปาปิยองกำลังไปที่ท่าเรือ ถ้าช้าตอนนี้ยังทันอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รีบร้อนกระชากลากถูเด็กสาว(?)ข้างตัวให้รีบเดิน แถมยังชวนอีกฝ่ายคุยเรื่องสมุดบันทึกอีกด้วย...มันก็น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายหลังจากต้องหมกอยู่ที่นั้นน่ะนะ ถ้าไม่ใช่เพราะ...พวกเขากำลังถูกจ้องมอง ตั้งแต่ที่ออกมาจากหอสมุดนั้น ผู้คนก็มุงอยู่รอบประตูทางออกแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดจะสนใจ ไม่มายุ่งกับพวกเขาก็พอแล้ว
เขามาถึงที่ท่าเรือแล้วผู้คนก็คับคลั่งอย่างที่คิด เสียงพูดคุยตะโกนขายของและผู้เล่น จะกี่ครั้งๆก็ไม่ทำให้เขาชินเสียที แต่ดูเหมือนคนที่แสดงออกมากที่สุดเห็นจะเป็นไอปี้ข้างตัวเขาเอง ดูจากนิสัยเจ้านี่คงไม่ชอบอะไรวุ่นวาย ชอบที่เงียบๆ กองหนังสือเหมือนพวกบ้าเรียน...นิสัยคุณชายชะมัด ถ้าไม่ติดว่า....ตะกละ
ซีวาร์มองสิ่งที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย ตอนแรก...มันก็มีแค่ขนมปัง แต่ตอนนี้...เขาไล่มองบรรดา 'ของกิน'ในมือ ไม่สิต้องบอกว่าในอ้อมแขนเลยมากกว่า ทั้งขนมปังแยม ขนมปังไส้สปาเก็ตตี้ ถุงขนมเค้ก พายแอปเปิ้ล โดนัท ไส้กรอก เทมปุระ บาบีคิว...จนเขาไม่อยากจะนึกถึงราคาของมันเลย...ใช่แล้ว เขาไม่ได้จ่าย แต่แค่...ได้มาฟรีๆ
...เมื่อราวๆ15นาทีก่อน ปาปิยองเกิดหิวขึ้นมาจนเหม่อลอยไม่เป็นอันเดิน แถมยังมีหน้ามาบอกว่าไม่เป็นไรไม่หิวอีก...แต่สุดท้ายพวกเขาก็หาทางออกเจอ ร้านอาหารจัดการแข่งกินอาหารขึ้น ตอนแรกเขาก็ทำท่าจะเออออไป ไอปี้ของเขาจะได้เลิกทำสายตา จุดจุดจุดใส่เขาซะที แต่เมื่อเห็นเงื่อนไขการแข่งเขาก็หันไปบอกอีกฝ่ายว่า อย่าแม้แต่จะคิด...แต่แทนที่จะเจอ คุณชายผู้หิวโซก็ไปนั่งประจำที่ผู้แข่งเสียแล้ว
เงื่อนไขการแข่งคือ กินอาหารจานยักษ์ให้หมดภายใน30นาที โดยจะมีเงินและอาหารอีกเล็กๆน้อยๆเป็นรางวัล แต่ถ้ากินไม่หมด จ่ายเต็มราคา...
แค่จานนึงก็มากกว่ากำลังทรัพท์ในกระเป๋าเขาแล้ว! แถมอาหารที่ว่ามันก็ไม่ได้เรียกแค่ยักษ์แล้วมั้ง เพราะมันมีความสูงและกว้างจนบังปาปิยองเกือบมิด...อยู่ๆก็รู้สึกว่าเงินในกระเป๋าของเขามันดูเบาโหว่งพร้อมจะบินออกไปสู่โลกภายนอกได้ทุกเมื่อ...
แต่...ผลสุดท้ายดันพลิกล็อค เด็กสาวผมดำเขมือ--กินอาหารจานมโหราญหมดภายในเวลาไม่ถึง10นาที...พวกเขาเลยได้ทั้งเงินและของกินมาแบบเต็มกระเป๋า...เล่นเอาใจหายใจคว่ำ ว่าแล้วเด็กชายหมาป่าก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มด้วยความสบายใจ อย่างน้อยก็หมดห่วงเรื่องของกินของไอปี้ล่ะนะ...
พวกเขามาอยู่บนเรือแล้วหาที่นั่งเหมาะๆพักผ่อนเตรียมการกับปาปิยองให้เขียนข้อความลงในสมุดบันทึก เพราะเขาต้องล็อคเอาท์ออกจากเกมแล้ว เกิดอีกฝ่ายตื่นมาแล้วมึนในเมืองใหญ่ๆแบบนั้นยิ่งเป็นปัญหากว่าเมืองเริ่มต้นมาก เขาจัดแจงให้อีกฝ่ายเขียนข้อความนัดสถานที่ให้อีกฝ่ายไปรอเขาอีกเมืองจนละเอียด และเห็นว่าเป็นข้อความที่แม้แต่เด็กอนุบาลอ่านยังเข้าใจแล้วจึงให้อีกฝ่ายเก็บเข้ากระเป๋า
" จะไปแล้วจริงๆหรอ น่าเสียดายจัง"
"ใช่ๆแล้วอีกอย่างท่าราฟาเอลบาดเจ็บอยู่นี่นา อยู่รักษาบาดแผลที่เมืองก่อนสิ"
"ไม่เป็นไรหรอกทุกๆคน แผลแค่นี้ไม่ได้หนักหนาอะไร"
"แต่ว่า..."
พวกเจ้าไม่ตามหล่อนขึ้นมาบนเรือด้วยเลยล่ะ...เด็กชายหมาป่าผู้เห็นเหตุการณ์อดคิดในใจไม่ได้ เพราะเสียงของบรรดาผู้ที่มาอำลาหญิงสาว เรือนผมสีขาวถูดมัดเป็นทรงหางม้าพลิ้วไลวไปตามลม สายตาที่มองผู้คนข้างล่างบ่งบอกถึงความหนักใจ ...แต่เขาก็ทำเพียงแค่มอง
เสียงร้องโหยหวน(?)ของผู้คนด้านล่างเรือยังคงดังเป็นระยะ ก่อนที่มันจะค่อยๆเงียบลง ตามด้วยเงาที่ทาบทับเหนือร่างของเขา...ผู้หญิงคนเมื่อกี้ เจ้าหล่อนนั่งลงห่างจากเขาไปช่วงหนึ่ง ใบหน้าดูสงบขึ้นมาก แต่บนใบหน้าของเธอกลับมีบางอย่างที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกสบายตาเลย
"เฮ้เจ้า หน้าผากมีเลือดไหลแน่ะ"เขาว่าพลางยื่นทิชชู่เช็ดปากในมือของปาปิยองให้อีกฝ่าย
"อ๊ะ! เอ๋?" หญิงสาวดูงุนงงกับคำพูดและการกระทำของเขา ดูจากที่อู่ๆก็เอามือจับๆที่หน้าผากเปื้อนเลือดของตนเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่รู้ว่ามันมีมาก่อน และเมื่อเธอเห็นเด็กชายเผ่ามนุษย์หมาป่ายื่นผ้ามาให้เธอจึงรับไว้พร้อมกล่าวคำขอบคุณ
"เดินในเมืองด้วยหน้าสยองขวัญแบบนี้ เจ้าเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน"เขาว่าก่อนจะแย่งทิชชู่ในมือปาปิยองมาอีกแผ่นแล้วยื่นให้กับเธอ
"อา...อันที่จริงแล้วเมื่อราวๆ20-30นาทีก่อนชั้นเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะค่ะ แต่ว่า...บาดแผลก็รักษาแล้วนี่นา..."หญิงสาวกล่าวสายตาที่มองคาบเลือดในมือเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
"อาๆ แล้วเจ้าไปโดนอะไรมาล่ะ"ขนาดรักษาแล้วยังไม่หาย เมืองเริ่มต้นมีอะไรแบบนี้ด้วยหรอ...
"ตอนที่ชั้นเดินอยู่ในเมือง อยู่ๆหอสมุดที่ปิดปรับปรุงก็เกิดเสียงดังขึ้น ตัวชั้นที่ยืนอยู่แถวนั้นถูกลูกธนูที่มาจากชั้นบนของหอสมุดบาดเข้าน่ะค่ะ...เห็นว่ามีคนออกมาจากหอสมุดนั้นด้วย น่าเสียดายจริงๆที่ชั้นโดนขยั้นขยอให้ไปทำแผล...เฮ้อ"
เมื่อได้ยินที่เจ้าหล่อนพูด แม้กระทั้งปาปิยองที่ยังคงเคี้ยวขนมปังอยู่ก็ชะงักทันที ทั้งเขาและซีวาร์ถึงแม้ไม่ได้พูดคุยหรือมองหน้ากันตรงๆก็เป็นที่รู้กันดีว่า...ไม่ต้องบอกหรอก
"เมื่อกี้น่ะ ไม่เห็นต้องทำเลยหนิ" เขาเปลี่ยนเรื่องทันทีหลังจากรู้ว่าโจทย์ที่เป็นผ้ทำรอยแผลบนใบหน้าหญิงสาวคือใคร
"...เรื่องอะไรหรอ" เจ้าหล่อนถาม
"ที่ยืนฉีกยิ้มให้เจ้าพวกด้านล่าง พูดจาถนอมน้ำใจแบบนั้นน่ะ...ฝืนอยู่ไม่ใช่หรอ?" เขาพูดออกไปตามจริง
"ชั้นเปล่า...ไม่สิ ใช่แล้วล่ะ" ตอนแรกที่กะจะปฎิเสธอีกฝ่ายก็เปลี่ยนใจทันที สายตาที่เด็กชายหมาป่าตรงหน้ามองเธอไม่ว่าจะโกหกยังไงอีกฝ่ายก็คงดูออก "รู้ได้ยังไงน่ะ"
"ไม่มีเหตุผลหรอก..."
"นั้นสินะ" หญิงสายว่าพลางฉีกยิ้มให้เด็กชาย แต่เป็นรอยยิ้มที่แตกต่างจากที่ยิ้มให้พวกด้านล่างลิบลับ แววตาเป็นประกายขี้เล่น จ้องมองเขาอย่างสนอกสนใจ"เน่ๆ น้องชาย เธอชื่ออะไรหรอ?"
"เปลี่ยนนิสัยไวชะมัด ส่วนชื่อ...ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก"
"ได้ไงอะ! ทำให้อยากแล้วจากไปชัดๆเลย"
"ไม่ได้บอกให้สนใจซะหน่อย แล้วเลือดน่ะไหลอีกแล้วไม่ใช่หรอ"ว่าจบเขาก็ทำท่าจะหยิบทิชชู่จากปาปิยอง แต่เด็กสาวข้างตัวดันไหวตัวทัน หยิบทิชชู่แผ่นสุดท้ายมาเช็ดปากตัวเองแบบผู้ดี๊ผู้ดีก่อนจะโยนเข้าซากถุงอาหาร "เฮ้ ไหงทำงี้"
"ไม่ๆ ไม่ต้องหรอก ของชั้นมีนะ แหะๆ ลืมบอก...ต่ทำไมมันไม่หยุดไหลซะทีน้าา"
"บางทีเธอควรหยุดรักษาที่เมืองแบบที่เจ้าพวกนั้นว่า"
"ไม่! ไม่ได้นะ ขืนอยู่พักก็ตกเรือพอดี ชั้นอยากกลับไวๆแล้ว น้องชายที่น่ารักของชั้นกำลังรอชั้นอยู่นะ!" หญิงสาวว่า ฟังจากน้ำเสียงแล้วต่อให้เลือดไหลหมดตัวหล่อนก็คงไม่ลงจากเรือแน่ๆ
"ตามใจ"
"นี่ๆ..."เงียบอยู่ได้ไม่นานหญิงสาวก็เอ่ยทักซีวาร์อีกครั้ง
"อะไรล่ะนั้น"จะได้พักมั้ย?
"ชั้นอุส่าห์พูดเรื่องน้องชายแล้ว ไม่ถามหน่อยหรอ แบบ...เธอมีน้องชายด้วยหรอ? เป็นยังไงบ้างล่ะ น่ารักรึเปล่า? แบบเนี่ยอะ"
"ไม่ถาม!"
"แต่ชั้นอยากเล่า น้องของชั้นชื่อว่ามิ----"
"งั้นก็ไปเล่าที่อื่น"ช่วยเอาภาพพจน์ปลอมๆแบบก่อนหน้านี้มาทีเหอะ คนที่อยู่ในเรื่อมองจนตาแถบหลุดออกจากเบ้าแล้ว
.
.
.
สุดท้ายก็นั่งฟังจนเรือออก รู้สึกหูอื้อ....ไม่น่าหาเรื่อง เขาคิด ก่อนจะนึกได้ว่าใกล้เวลาแล้วจึงหันไปบอกปาปิยอง แต่อีกฝ่ายดันทำท่าจะหลับคอพับ จนเขาต้องดึงแก้มทั้งสองข้างเพื่อปลุก เด็กสาว(?)มองค้อนพลางลูบแก้มทั้งสองข้างเบาๆ เหมือนเขาจะได้ยินอีกฝ่ายบ่น ทำนองว่า"ทำไมต้องแก้ม"ด้วย
"ข้าจะออกจากเกมแล้ว เพราะงั้นอย่ากระโดดออกจากเรือกลางทางล่ะ"
"ชั้นไม่ได้ไร้สมองขนาดนั้น" เด็กสาวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็รู้สึกว่าคำพูดตัวเองแปลกๆ...แสดงว่าไร้สมองน้อยกว่านี้รึเปล่านะ...นี่มัน ด่าตัวเองชัดๆ
"เออๆรู้แล้วๆ ข้าจะไปล่ะ" ซีวาร์บอกก่อนที่จะเตรียมล็อคเอาท์ แต่พอเห็นเปลือกตาที่เปิดๆปิดๆของปาปิยองเขาก็อดไม่ได้ที่จะลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ กินแล้วนอนจริงๆเจ้านี่..."เฮ้ ไอปี้"
"ไปซะที"
"รู้แล้ว! เฮ้อ...ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีล่ะ"กล่าวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะฉวยโอกาสลูบหัวอีกฝ่ายและหายลับไป
ปาปิยองชักสีหน้า เขาโดนอีกฝ่ายลูบหัวเป็นเด็กๆมาหลายรอบแล้ว...ให้เด็กมาลูบแบบนี้รู้สึกแปลกมาก ถึงอีกฝ่ายจะบอกว่าไม่ใช่ก็เหอะ...เมื่อทุกอย่างกลับมาสงบลงความง่วงงุนก็เข้ามาแทนที่ เปลือกตาค่อยๆปิดลงช้าๆ...ฝันดีงั้นหรอ...เขามีอะไรให้ฝันด้วยหรือไง?
ติ๊ง!
"..."
ติ๊ง! ติ๊ง!
"เฮ้อ..."
ติ๊ง!ติ๊ง!ติ๊ง!
"ส่งมาเยอะไปรึเปล่านะ..."ชายหนุ่มผมทองเหล่มองข้อความที่เด้งขึ้นมาต่อหน้าเขารัวๆ รวมๆก็เกือบร้อยได้แล้ว...ขี้เกียจตอบชะมัด เขาคิด พลางเก็บกวาดซากความเสียหายภายในหอสมุด โดยไม่สนใจ เสียงข้อความอีก แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของจดหมายจะหมดความอดทน วินาทีตอมา แทนที่จะเป็นข้อความดันกลายเป็นมือถือGMที่ดังซะงั้น...แถมมือถือจีเอ็มแย่อย่างนึงคือ ไม่จำเป็นต้องรอให้รับสายก็ติดเลย...
"ส่งข้อความไปแหกตาดูบ้างเซ่! คิดจะอู้หรือไง"เสียงปลายสายว่าอย่างฉุนเฉียว
"คร้าบ คร้าบ แล้วมีอะไรหรอครับ?"
"ไม่ได้อ่านเลยสินะ...เฮ้อ...ที่นั้นเป็นไงบ้าง"
"หมายถึงอะไรครับ เมืองเริ่มต้น หอสมุด หรือว่าเด็กคนนั้น"
"ก็ทุกอย่างนั้นแหละ"
"เมืองก็ดี แค่เกิดเหตุมอนสเตอร์ระดับสูงผุดขึ้นมาจากไหนไม่รู้เท่านั้น แต่มันก็โดนคนจากกิลด์ใหญ่เก็บไปแล้ว ส่วนหอนี่ เละ...คงต้องใช้เวลาฟื้นฟูซักระยะ สุดท้ายเด็กคนนั้น...ผมโยนให้คนอื่นดูแลไปแล้วครับ"
"อะไรนะ! นี่ชั้นให้แกดูแลเพราะเห็นแกเป็นญาติห่างๆเจ้าพวกนั้นหรอกนะ! ถ้าเกิดเรื่องเพราะเด็กคนนั้น เจ้าพวกญาติเยอะไม่มากระชากหัวชั้นกับแกเรอะ!
"ผมก็รวมอยู่ในญาติด้วยนะ....ช่างเถอะ" เขาว่าก่อนจะหันไปเก็บกวาดเศษขยะต่อ "ก็แค่รู้สึกว่าปล่อยเค้าไปจะดีกว่าเท่านั้นเอง อยู่ในนี้มันอึดอัดนาา~"
"ไม่ได้! ไปพากลับม------"
ติ๊ด!
อาคัวซาร์วางหูลง ลุกขึ้นบิดขี้เกียจสุดแขน นอกจากกินน้ำชากับขนมกับปาปิยอง เขาก็ไม่ได้กินอีก ว่าแล้วก็เดินไปหาอะไรทำทานทันทีแต่พอไปถึงที่โต๊ะทานขนมแล้วเขากลับเป็นฝ่ายตื่นตกใจ ขนมหายไปไหนหมดแล้ว...
ชายหนุ่มลองค้นที่เก็บขนมลับของเขา ปรากฏว่า ทั้งเค้กบนโต๊ะและขนมที่เก็บเตรียมไว้หายเกลี้ยง
.
..
...
....
.....
ดูเหมือนข้อความที่บอกให้เตรียมขนมเนี่ย ควรเปลี่ยนเป็น ตุนขนมมาก กว่ามั้ง...
__________________________________
จบแว้ว ดูเหมือนจะยัดตัวละครผิดด้วย ไรท์เบลอ ต้องขอโทษ ผปค.ด้วยนะคะ//กราบ
ตอนพิเศษ...ปั่นต่อไป ไม่เกินอาทิตย์นี้ค่ะ! แฮร่~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น