ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Branchez Monde จุดเชื่อมพิภพ ออนไลน์[Y]

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter3:ความปกติของเราไม่เท่ากัน...ความโรคจิตเองก็เช่นกัน

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 59


    Chapter3:ความปกติของเราไม่เท่ากัน...ความโรคจิตเองก็เช่นกัน

    "แถวๆนี่มีอยู่คนนึง..."
    สาวน้อยผู้เสียหาย
    "ใช่ๆ น่ากลั๊ว น่ากลัวว"
    ชายหนุ่มผู้รอให้เจ้าสาวมาขอแต่งงาน
    "หืม?แถวนี่มีโรคจิตด้วยหรอ"
    เด็กชายหมากระเป๋าผู้ถูกเว้นระยะห่าง


         ...อะไรนะ เมื่อกี้เหมือนเขาได้ยิน อะไรๆผู้ชาย?
              คงเพราะเขาทำหน้าเหรอหราไปนิด คนที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้ชายถึงดูไม่ค่อยพอใจซะเท่าไหร่"ฉันเป็นผู้ชาย ไม่รู้หรือไง"
         "ไม่รู้โว้ย!"ใครมันจะไปรู้ฟะ ...ตกลงว่าเจ้านี่เป็นผู้ชายจริงๆเรอะเขามองสำรวจคนตรงหน้าอีกครั้ง ดูยังไงก็เด็กผู้หญิงชัดๆ ไม่มีตรงไหนที่ใกล้เคียงกับคำว่าผู้ชายตามที่เจ้าตัวพูดออกมาเลย
           "แล้วทำไมเจ้ามีหน้าอกได้ล่ะ"
    เขาเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ สายตาที่อยู่ในระดับเดียวกับก้อนเนื้อนิ่มๆทั้ง2 ขมวดคิ้วมองมันอย่างพินิจจนคนถูกมองของสงวนในร่างสาวหน้างออย่างไม่พอใจ
        "ถ้าจะมองขนาดนั่นไม่จับไปเลยละ?" เสียงเย็นชาติดจะความรำคาญ เอ่ยขึ้นเพื่อให้เด็กชายตรงหน้ารู้ว่ากำลังทำเสียมารยาทกับตน แต่...
      "หืม ได้หรอ" 
    หมับ!
       หลังจากถามออกไป ชั่วพริบตาเขาก็เอื้อมมือไปสัมผัสโดยไม่รอคำตอบจากคนตรงหน้า จนคนโดนจับหน้าเปลี่ยนสี ตัวสั่นๆอดกลั้นไม่ให้ถีบยอดหน้าไอคนที่กำลังทำตัวได้เหมือนโรคจิตมากขึ้นเรื่อยๆ
        ส่วนคนที่ยังไม่รู้ว่ากำลังเป็นไอโรคจิต ก็ยังคงจับๆลูบๆเพื่อไขข้อข้องใจให้ตนเอง ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่บอกว่าเป็นผู้ชายอย่างไม่เข้าใจ
        "เจ้าไม่เห็นเหมือนผู้ชายสักนิด หรือว่า...แต่ เกมนี่มันปรับเปลี่ยนเพศได้ด้วยรึ" หรือว่าเขาพลาดข้อมูลตรงไหนไป? เขาเอ่ยกับตัวเองพลางทบทวนข้อมูลเกมอยู่ในใจ
              หลังจากฟังเด็กชายพูดและสะดุดกับคำๆนึงของเขาจากอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อสักครู่ ก็เปลี่ยนเป็นสงสัยทันที "เกม? เกมอะไร"
          เมื่อได้ยินดังนั้นซีวาร์ก็เลิกคิ้วประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม มันไม่แปลกไปหน่อยหรือที่คนมาเล่นเกมแต่ไม่รู้ว่าที่นี้เป็นเกม เขาถอนหายใจเล็กน้อยและเริ่มพิสูจสิ่งที่ตัวเองคาดการณ์ไว้
         "เจ้า เปิดข้อมูลผู้เล่นของเจ้าให้ข้าดูหน่อย"เขาพูดออกไปแบบนั้น แต่คนตรงหน้ากลับทำเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดซะงั้น เขายกมือขึ้นกุมขมับตัวเองเมื่อคิดถึงสาเหตุที่ทำให้คนตรงหน้าเข้ามาเล่นเกมแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวเช่นนี้ "...อย่าบอกนะว่ายัยเอไอจอมขี้เกียจนั่น บอกข้อมูลไม่ครบอีกแล้ว มันน่านัก...คราวข้าก็ลืมบอกเรื่องกำไลผู้เล่น ระบบเกม แถมเรื่องเงินก็ด้วย" น้ำเสียงที่พูดอย่างหลังดูเคร่งเครียดเป็นพิเศษ
           "...อือ"เด็กสาว ไม่สิ ชายในร่างสาวเออออตอบ ถึงจะอยากพูดออกไปว่าเขาไม่เข้าใจที่เด็กชายพูดเลยแม้แต่นิดเดียวก็ตาม
            "ช่วยไม่ได้แหะ งั้นเจ้ายกกำไลนั่นขึ้นมาแล้วพูดตามข้า เปิดข้อมูลผู้เล่นสาธารณะ  เอ้าพูดสิ"
             "...เปิดข้อมูลผู้เล่นสาธารณะ" ทันทีที่เอ่ยจบกำไลข้อมือสีใสเกลี้ยงเกลาที่ข้อมือซ้ายพลันเกิดภาพหน้าต่างข้อมูลออกมาเป็นจอภาพ เขามองกำไลอย่างอึ้งๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาสนใจข้อมูลของเขาแทน
        ข้อมูลผู้เล่น(ผู้เล่นพิเศษ)
                  ชื่อ: ปาปิยอง         นามสกุล: -           
                    เผ่า: มนุษย์        อาชีพ: -   คลาส:-       
           
    เลเวล: 1         ระดับขั้น: เริ่มต้น
          AIผู้ช่วย:รอเวลาฝัก 3วัน          
    HP/MP : 110/210             
        ค่าพลัง
         ATK  10                 MATK  30
         DEF  5                     MDEF15  
        HIT  1                     LUK  900 
        FLEE  3                  ASPD  11 
         ทักษะ
     ปีนป่าย ระดับ1
     อ่านหนังสือ ระดับ2

               "ผู้เล่นพิเศษจริงๆด้วย...ปาปิยอง?นั่นชื่อเจ้าหรอ ...เหมือนหมาเลยแหะ"...แต่เดี๋ยว ชื่อเขามันก็หมาเหมือนกันนี่หว่า พอนึกได้ดังนั้นเขาก็หันไปมองปาปิยองด้วยสายตาเหมือนเจอพวกเดียวกัน และเอื้อมมือไปตบบ่าราวกับให้กำลังใจ
               "?" อะ อะไร แต่ดูเหมือนว่าการกระทำของเขายิ่งทำให้เจ้าตัวไม่เข้าใจเข้าไปอีก
               "แต่ค่าพลังของเจ้านี่สุดยอดไปเลยนะ กากสุดยอด" เอ่ยออกมาเรียบๆ แต่คนที่ถูกบอกว่า กาก กลับเหมือนโดนอะไรแทงใจดัง ฉึก!
               "ตอนข้าเริ่มเล่นเกมครั้งแรก ค่าพลังยังเยอะกว่านี้ตั้งหลายเท่า"
               "..." ฉึก! อีกดอก...
               "ข้าพึ่งเคยเห็นคนกระจอกแบบนี่ครั้งแรกเลยแหะโชคดีนะที่ตอนนั้นข้าเจอเจ้าไม่งั้นเจ้าโดนตบอีกทีเดี้ยงแน่ๆ"
               "..."
              "อา...แต่ค่าโชคนี่เยอะอยู่แหะ มิน่าล่ะ...แต่ข้าเองก็ไม่ได้น้อยนี่นา..."
               "..."
              "ดูจากเลเวลกับAIผู้ช่วยนั่นเจ้าคงพึ่งเล่น...เอ๋ เจ้า เป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าแบบนั้น"
              "เลิกวิจารณ์คนอื่นซะที แล้วจะบอกได้หรือยังว่าทำไมฉันถึงอยู่ในสภาพนี่?"บรรยากาศรอบๆดูเหมือนจะเย็นลงดวงหน้าน่ารักของเด็กสาวในตอนนี้บูดสนิท
             "ทำไม จะให้ข้าบอกว่าเจ้าเก่งหรอ เก่งกับกากมันต่างกันนา" หยอกล้อคนตรงหน้าอย่างขบขัน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เล่นด้วยเมื่ออุณหภูมิรอบๆดูจะลดลงไปอีกเท่าตัว สายตาที่จ้องซีวาร์ก็เช่นกัน
              "หุบปากซะ" เออๆ เขายักไหล่อย่างไม่ยีหระ ก่อนจะเริ่มอธิบายให้คนที่ใกล้จะเป็นเครื่องทำความเย็นฟัง
               "เจ้าเป็นผู้เล่นพิเศษน่ะ ผู้เล่นพิเศษก็คือคนที่ป่วยหนักๆไม่สามารถรับรู้อะไรได้ หรือไม่ก็ป่วยด้วยโรคทางสมอง ดูท่าเจ้าจะป่วยด้วยโรคทางสมองนะ ...อย่าทำหน้าแบบนั้น ที่เจ้าไม่รู้อะไรเลยแบบนี้คงเพราะโดนยัดเข้าเกมแถมเอไอที่แนะนำตอนเริ่มยังไม่บอกอะไรเจ้าอีก ส่วนที่ว่าทำไมเจ้ากลายเป็นสาว แน่นอนว่าเพราะคนที่ยัดเจ้าเข้าเกมนี่ปรับเปลี่ยนรูปร่างเจ้าไง...ข้าเองก็โดน...แต่แปลกมากตรงที่ปกติแล้วมันไม่มีให้เปลี่ยนเพศ อืม...บางทีเจ้าอาจโดนแจ๊คพอตก็ได้"
              ไม่ว่าเปล่า ขณะอธิบายไปด้วยมือก็จิ้มไปตามตัวคนที่ยืนฟังนิ่งๆแต่ดูเหมือนว่ามือซนๆของซีวาร์จะลูบคลำไม่เป็นที่ไปหน่อย ดังนั้นคนที่กะจะฟังเงียบๆในตอนแรกจึง...
           พลั่ก!  
              "...โรคจิต"
    พลักมือปลาหมึกนั้นออกและเดินถอยหนี สายตามองมาอย่างหวาดระแวง ซีวาร์ที่เห็นปฏิกิริยาแบบนั่นกระพริบตาปริบๆมองคนที่ค่อยๆเขยิบหนีเขาอย่างสงสัย
              "ใคร?"
              "คนที่จับลูบตัวคนอื่นเป็นว่าเล่นแบบนั้นจะเรียกว่าปกติหรือไง?"
              "เจ้าอายงั้นหรอ เจ้าเป็นผู้ชายไม่ใช่ไง" ใช่แล้วผู้ชายด้วยกันอายทำไม?
              "ฉันไม่เหมือนนาย และอีกอย่างร่างนี่มันเป็นผู้หญิงนายจับต้องโดยไม่รู้สึกอะไรเลย?"
              "พี่ข้าแก้ผ้าอยู่ในบ้านแทบทุกวัน ข้าจำเป็นต้องรู้สึกอะไรด้วยหรือ?" เขาตอบด่วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติสุดๆ
              "..." ซึ่งสำหรับปาปิยองแล้ว มันผิดปกติสุดๆ!
             "แล้วเจ้าจะอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ยไม่ใช่ว่าตามข้ามาเพราะมีอะไรจะพูดเรอะ" เมื่อเขาถามแบบนั้นปาปิยองที่มองเขาด้วยสายตาแปลกๆพลันทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก ก่อนก้มหน้าลงมองไปที่กระเป๋าผู้เล่นซึ่งอยู่ข้างเอวและนิ่งไปซีวาร์ที่เห็นท่าทางแบบนั้นเงียบไม่พูดอะไรรอคอยให้คนตรงหน้าเปิดปาก
              ปาปิยองแสดงท่าทางลังเลพักนึง ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าเก็บของแล้วเอาอะไรบ้างอย่างออกมา พร้อมกับยื่นสิ่งนั้นให้เด็กชาย
              นั่นมัน...
              "เขี้ยว...จ้าวหมาป่าทมิฬ?"เอามาให้เขาหรอ... ก่อนที่เขาจะสังเกตสภาพของคนตรงหน้า เสื้อผ้าที่เปราะเปื้อนเศษฝุ่นเล็กน้อยจากที่เจอกันครั้งแรก ตอนนี้มีคราบสีแดงส่งกลิ่นฉุนเหล็กอยู่ตามตัวโดยเฉพาะแขนเสื้อและถุงเท้า ตอนแรกเขาคิดว่าเจ้าตัวลื่นกับกองเลือดซะอีก สงสัยจะไม่ใช่...
              "เอาไปสิ" ยื่นเขี้ยวหมาป่าเข้ามาใกล้เหมือนบอกให้รีบรับๆไป ซีวาร์เห็นดังนั้นก็เอาแต่ยิ้มขำจนคนยื่นของค้างเก้อ หน้าแดงเบี่ยงสายตามองไปทางอื่น ยิ่งทำให้เขาขำหนักกว่าเดิม เออแหะ เหมือนได้เอาคืน
            
      "จะเอาไม่เอา" ถึงแม้เสียงที่เอ่ยออกมาจะเย็นชามากแต่เขาก็รู้ว่าเจ้านี่กลบเกลื่อนความเขินชัดๆ และเมื่อโดนถามมาแบบนั้นเขาก็ยิ้มกว้างให้และ...
              "ไม่เอา" ปฏิเสธทันที 
      พลั๊ว!
               "เฮ้ยเจ้า! จะปามาทำไมหา" เขี้ยวหมาป่าที่ตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าปักประดับอยู่บนหัวเขาเรียบร้อย เจ็บเหมือนกันแหะค่าพลังน้อยขนาดนั้นแต่ทำไมมือหนักจังฟะ
               "หุบปากซะ!"
              หลังจากนั้นพวกเขาก็เถียงกันอยู่ซักพัก ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายโบกธงยอมแพ้ไป ไม่ใช่เพราะเถียงแพ้ แต่เขากลัวว่าหน้าแดงๆนั้นจะไหม้ซะก่อน
              "สรุปว่าเจ้าไปชำแหละมันมาให้ข้า เพื่อขอโทษหรอ?"
              "ไม่ใช่!" ปาปิยองตอบเสียงแข็ง
               "เออๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่" เขาพูดปัดๆก่อนก้มมองเขี้ยวหมาป่าในมือ ตามเขี้ยวของมันมีรอยขูดเต็มไปหมด แถมส่วนปลายยังมีเนื้อของมันติดมาด้วย ดูแล้วคล้ายๆกับหนังสยองขวัญหรืออะไรนี่แหละ "เฮ้ ปาปี้ เจ้าใช้อะไรตัด"
              "...อย่าเรียกฉันแบบนั้น"น้ำเสียงดูจะไม่พอใจอีกแล้ว
              "เออๆ" และแน่นอนว่าเขาก็พูดปัดๆไปอีกรอบ
              "ใช้หินแถวๆนั้น" What the...
              "หินเนี้ยนะ! ทำไมเจ้าไม่ใช่มีดแล่"มิน่าละสภาพมันถึงได้อนาถาแบบนี้
              "ไม่มี"
              ห๊า...ไม่มี นี่นอกจากจะไม่รู้เรื่องเกมซักนิดแล้วยังไม่มีของอะไรติดตัวนอกจากกระเป๋ากับกำไลเลยรึไง"ตอนเริ่มเกมเขาก็มีของใส่ให้ไม่ใช่หรอแล้วทำไมเจ้าไม่มีอะไรเลย"
              "ไม่รู้"  เฮ้อ... ซีวาร์ถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ พลางคิดถึงอนาคตคนตรงหน้าว่ามันจะไปรอดซักกี่วัน คงไม่ใช่ว่าวางของทิ้งไว้แล้วโดนขโมยไปหมดหรอกนะ"ไม่มีอะไรเลยนอกจากเขี้ยวหมาป่าจริงๆหรอ?"
              ปาปิยองทำหน้านึกอยู่ซักพักก่อนจะเงยหน้าตอบเสียงเรียบ"เหมือนจะมีอยู่อีกนิดหน่อย เป็นจดหมายไร้สาระกับหนังสือ"
            ...จดหมายกับหนังสือ ดูๆแล้วไม่น่าจะเป็นของที่ผู้เล่นสมควรได้ตอนเริ่มเกมแหะ หรือจะได้เฉพาะผู้เล่นพิเศษ ซีวาร์คิด  "เจ้า ฟังนะ ตอนเริ่มเล่นครั้งแรกเจ้าต้องไปที่ตึกให้คำแนะนำผู้เล่นประจำเมืองนั้น เขาจะให้กระเป๋า อาวุธ มีดแล่ ขวดเลือดขวดมานาอีกนิดหน่อย ส่วนกำไลนั้นจะติดตัวผู้เล่นตั้งแต่เริ่มเกม มีดแล่ที่เขาให้ไว้แล่ซากมอนสเตอร์เอาชิ้นส่วนไปขาย ซึ่งมันช่วยเพิ่มค่าทักษะติดตัวแถมยังให้คุณภาพดีกว่าใช้ อย่างอื่น เพราะงั้นนอกจากเจ้าทักษะจะไม่กะเตื้องแล้วคุณภาพมันก็ต่ำด้วย ลองดูเขี้ยวที่เจ้าไปทุบมันดูสิ ข้าตรวจสอบดูแล้วทั้งที่มันเป็นของดีขนาดนี่แต่คุณภาพมันกลับลดลงเหลือแค่ D- เจ้าคงไม่รู้เรื่องคุณภาพสินะ คุณภาพของวัตถุดิบ อาหาร ของใช้ เสื้อผ้า หรืออาวุธ มันวัดโดยใช้ตัวอักษรต่ำสุดตั้งแต่ Fขึ้นมา แต่อาจจะมีแบบพิเศษ อย่าง Sหรือ X ด้วย แต่ก็มีน้อยน่ะนะ ข้าคิดว่าในเมื่อเจ้าต้องอยู่ในเกมนี้จนกว่าอาการป่วยจะหาย เจ้าก็ควรศึกษามันอย่างละเอียดซะก่อน อืม...ข้าแนะนำให้เจ้าไปที่ตึกให้คำแนะนำผู้เล่นกลางเมือง พวกเขาจะให้คำแนะนำกับเจ้าทุกอย่างไม่เหมือนยัยเอไอนั้นแน่ๆ หรือเจ้าจะรอให้ทางบริษัทส่งเอไอผู้ช่วยมาให้ก็ได้นะ แต่มันคงจะนานไปหน่อยเกิดเจ้าหิวตายคงไม่ดี ถ้ายังไงเจ้ามีอะไรจะพูดกับข้าอีกรึเปล่า?"
             "..."ซีวาร์มองคนที่เงียบไป คิดเอาเองว่าคงไม่มีอะไรแล้ว แม้สายตาที่มองมาที่เขาจะ...
              "งั้นข้าไปก่อนล่ะ"
    .
    .
    .
    .
              เขาเดินตามทางไปที่ร้านรับขายชิ้นส่วนมอนสเตอร์ในหัวพลางนึกถึงใบหน้าของเจ้านั้นก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเดินออกมา เขายกมือขึ้นนวดขมับให้เลิกฟุ้งซ่าน แต่...
              แก่ก!
              "..." เงินจากไอเขี้ยวนี่มันจะขายได้เท่าไหร่กันนะ
    .
    .
    .
              "เฮ้เจ้า ไปกินข้าวกันมะ?" หวังว่ามันจะพอสำหรับ2คน..

    ------------------------------50%------------------------------


    .
    .
    .
    เขารู้สึกได้ว่า ตัวเองกำลังคิดผิด...
    แก่ก แก๊ก! ...
               เขามองเด็กสาว(?)ที่กำลังกินอาหารตรงหน้าด้วยท่วงท่าที่เขาบอกได้แค่ว่า...ผู้ดี๊ผู้ดี ทั้งผ้าปูโต๊ะในส่วนของตัวเองซึ่งไปฉกมาจากพนักงานที่เดินไปเดินมา ทั้งท่าทางการเช็ดปากช้าๆอย่างสง่างาม ลักษณะการจับมีด นั่งไขว้หาง แผ่นหลังเหยียดตรง เล่นเอาเขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นยาจกโดยพลันเมื่อเปลี่ยนมามองตัวเอง ...มือล้วนๆ ไม่สิ...เขาก็ใช้ช้อนตักข้าวเหมือนกัน แต่เรื่องนั้นช่างเถอะ...
    แก๊ก! แก่ก ...เคร้ง!
               "..."
               "..."
               "...นี่" เด็กสาว(?)มองมาด้วยความสงสัยกับท่าทางเหม่อลอยของเขา
               "อะไร?"
               "ทำไมไม่กินล่ะ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว" อ่อ..ก็นึกว่าเรื่องอะไร
               ตั้งแต่ที่เขากับปาปี้...เอ่อ ปาปิยองเข้ามาในร้านอาหารนี่ หลังสั่งอาหารเสร็จเขาก็นั่งทบทวนข้อมูลของตัวเองและคนตรงหน้าทันที ต่อจากนี้ควรทำไงดี...เจ้านี่ดูยังไงก็ไม่น่ารอดถ้าไปไหนมาไหนคนเดียว แต่จะให้มากับเขามันก็... เขาไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กซักหน่อย! เขาเลิกคิดเรื่อยเปื่อยแล้วหันมาจะกินอาหารตรงหน้า แต่... ใช่แล้ว...เรื่องทีเขาอยากบ่นออกมาดังๆไม่ใช่เรื่องท่วงท่ารับประทานอาหารสุดเพอเฟคแมนของคนตรงหน้าแต่เป็น...
              "...เจ้ากินไปจะหมดแล้วข้าจะกินอะไร" นี่ตังหากล่ะ!
               เขาแค่เผลอไปแวบเดียวอาหารที่เรียงรายอยู่เมื่อกี้ก็ถยอยหายสาบสูญเข้าท้องไอคนตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อย ทั้งที่เขาพึ่งจะกินได้นิดเดียวเองนะ! ไอท่าทางโครตคุณชายเมื่อกี้มันหลอกตาชัดๆ! ถึงเขาจะเหม่อไปนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เห็นนะ ที่ตัดเนื้อชิ้นเท่าบ้านเข้าปาก...เอ่อ อันนี้เว่อห์ไป แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ชิ้นใหญ่อยู่ดี! ต้องบอกว่าคนตรงหน้าเขาเขมือบเข้าไปเสียมากกว่า แต่กลับดูสง่างามชะมัด เขามั่นใจมากว่าเจ้านี่ต้องเป็นพวกเด็กวัยรุ่นที่ถนัดเรื่องมุมกล้องแน่ๆ! มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ...
               ดูเหมือนว่าหลังจากที่เขาพูดออกไปแบบนั้นด้วยสายตาว่างเปล่าสุดๆ คนตรงหน้าก็เหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าทำอะไรลงไป ปาปิยองก้มมองอาหารตรงหน้าที่หายไปเกินครึ่งด้วยสีหน้าลำบากใจ สายตาที่มองซากอาหารตรงหน้าดูกระวนกระวายมาก ก่อนที่จะไปหยุดที่น่องไก่ซึ่งตนตัดกินไปครึ่งนึง จนคนที่เฝ้ามองท่าทางของคนตรงหน้ามาซักพักอดบ่นในใจไม่ได้...เฮ้ไอท่าทางแบบนั้นมันอะไร อย่าบอกนะว่าจะแบ่งซากเนื้อติดกระดูกนั่นให้เขา ไม่ว่าเปล่า เด็กสาว(?)ตรงหน้าเขาก็เอาซ้อมจิ้มลงไปและ...ยื่นมาให้เขา
               "ไม่เอาเฟ้ย!กินไปเกินครึ่งแล้วจะเอามาให้ข้าทำไม...แล้วทำไมต้องเป็นน่องติดกระดูกด้วยหา! คิดว่าข้าเป็นหมาเรอะ!"
              "..." ใช่... ปาปิยองคิดแต่ไม่ได้พูดออกไป ดูเหมือนเขาจะทำให้ซีวาร์โมโหซะแล้ว เขาก้มลงมองอาหารตรงหน้าอีกครั้งและก็ได้รู้ว่า เขากินไปเยอะจริงๆ ที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็มีหมูทอดชิ้น2ชิ้น กับผักสลัดกองโตที่เขาไม่กิน...และข้าวเปล่าตรงหน้าของซีวาร์ ดูเหมือนจะมีแค่นี้ที่เหลือ พอเห็นจำนวนที่แสนจะน้อยนิดนี่เขาก็ไม่กล้าเงยหน้าไปมองเด็กชายเลย...ความรู้สึกผิด อยู่ๆมันก็ผุดขึ้นมาในหัว ...
              ซีวาร์มองคนตรงหน้าที่ดูจ๋อยลงทันตา ถึงแม้หน้ามันจะนิ่งเป็นหินก็เถอะ...พอเห็นท่าทางแบบนั้นแล้วเขารู้สึกใจอ่อนยวบขึ้นมา...พูดแรงไปมั้ยนะ ไม่สิแค่พูดเสียงดังเท่านั้น...
              "อา...ข้ากินไม่เยอะหรอก ถ้าไม่อิ่มเดี๋ยวข้าสั่งเพิ่มเองก็ได้ เลิกทำสายตาแบบนั้นซักที"
              "...อือ"ปาปิยองตอบเบาๆ เงยหน้ามามองเขานิดๆและ...ก้มลงไปกินน่องไก่เมื้อกี้ต่อ...
              "..."เดี๋ยวเฮ้ย แม้แต่ไอท่าทางสำนึกผิดเมื่อกี้ก็หลอกตาเรอะ ทำไมก้มลงไปกินต่อหน้าตาเฉยล่ะ...พอถึงตอนนี้เขาก็นึกถึงพี่สาวอีกแล้วแหะ เมื่อก่อนพี่มักจะพูดเรื่องความใจอ่อนของเขาบ่อยๆ...
    "น้องนี่ใจอ่อนจังนะซี แค่มีคนมาทำสายตาลูกหมาใส่ก็ยอมอ่อนข้อให้แล้วหรอ"
    "เพื่อนๆกับคนอื่นต้องเป็นห่วงน้องเรื่องนี้แน่ๆ"
    "แต่พี่สาวว่านะ..."
    "น้องรักช่างหัวเพื่อนกับคนอื่นมันเถอะ"
    "น้องชายของพี่เป็นเด็กดีจิตใจงาม(ใช้งานง่าย)แบบนี้ก็ดีแล้วจ๊ะ"
              จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงนิสัยเดิมไว้อยู่ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเขาทนสายตาคนอื่นไม่ได้จริงๆหรือคำพูดของพี่สาวเขามันเหี้ยนกันแน่
              "...เฮ้อ" เมื่อรู้ว่าคงทำอะไรไม่ได้ก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารที่เหลืออยู่ต่อไป ...เขารู้สึกไปเองรึเปล่านะว่าทำไมผักมันเยอะแปลกๆ...
              หลังจากที่กินเสร็จเขาและปาปิยองก็เลือกตรงไปเช่าห้องมาห้องนึง เพื่อให้ปาปิยองพักและทำความสะอาดตัวเองซะ เพราะดูเหมือนตอนที่เดินอยู่ในเมืองสายตาของคนรอบข้างจะมองมาแปลกๆ
              "เฮ้ เจ้า"
              "?"
              "ข้าว่าจะไปส่งภารกิจซักพัก เจ้าไปอยู่ในห้องก่อนละกัน"
              "อา"
              "จริงสิ" ไม่ทันได้หันกลับไปเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้
              "อะไร?"
              "ที่ห้องพักจะมีชุดให้เปลี่ยน ระหว่างที่ซักเสื้อผ้าอยู่เจ้าก็เอาพวกนั้นใส่ไปก่อนนะ แล้วก็...ชุดที่เขาเตรียมไว้มีเยอะพอสมควร เจ้าจิ๊กทั้งหมดนั่นใส่กระะเป๋าเจ้าไว้เลยก็ได้ อืม...ก็แค่นี้ละมั้ง งั้นข้าไปล่ะ"กล่าวจบก็หันหลังเดินจากไปทันที ทิ้งให้ปาปิยองยืนนิ่งประมวลคำพูดของเขาอยู่ซักพัก...
               ...จิ๊กเสื้อ? แบบนั้นมันไม่เหมือนขโมยของคนอื่นหรอ?...

              ในระหว่างที่ซีวาร์เดินไปส่งเควสแหวนเจ้าปัญหา เขาก็คิดเกี่ยวกับเรื่องของปาปิยองเรื่อยเปื่อย  ผู้เล่นพิเศษ...เท่าที่เขารู้มาก็คือเป็นผู้ป่วยที่ใช้เกมออนไลน์คลื่นสมองนี่ในการบำบัด แล้วก็มีอยู่จำนวนน้อยมากๆด้วย ...ดูเหมือนหลังจากที่เขาติดต่อพี่สาวไประหว่างเล่นเกมเพราะยัยเอไอนั้นบอกข้อมูลไม่ครบ เลยต้องไปถามพี่ ถึงได้รู้ว่าพี่สาวของเขาเองก็เก็บตกผู้เล่นพิเศษได้คนนึง แถมมีเพื่อนในเกมอีก2คนแล้วด้วย ...อา เขามั่นใจมากว่าเจ้าพวกนั้นต้องรับชะตากรรมเป็นเบ๊ให้พี่เขาแน่นอน
              คิดแล้วก็อดสงสารเจ้าพวกนั้นไม่ได้ ถึงจะไม่เคยเคยเจอหน้ากันเลยซักครั้งก็เถอะ แต่การที่ต้องมาอยู่กับพี่สาวเขา แค่ชั่วโมงเดียวก็อยากบ้าตายแล้ว หลังเดินคิดเพลินๆเขาก็มาอยู่ตรงหน้าบ้านแห่งหนึ่ง มันเป็นบ้านสไตล์วินเทจหลังเล็กๆดูอบอุ่น สีสันจากทั้งตัวบ้านและดอกไม้ที่เรียงรายอยู่โดยแล้วทำให้เขาคิดไม่ถึงจริงๆเลยว่าบ้านสุดแสนจะน่ารักสำหรับสาวๆนี่เป็นบ้าน ผู้ชายอายุเฉียด30ปี...
              เขาก็ตัดสินใจเคาะประตูเรียกเพื่อทำภารกิจให้มันจบๆไป รออยู่ซักพักก็มีเสียงขานรับจากด้านในก่อนที่ประตูจะเปิดออก เผยให้เห็น ชายหนุ่มใบหน้าเกลี้ยเกลาดูสะอาดสะอ้าน เรือนผมสีทองสว่างถูดจัดทรงเรียบร้อย สวมใส่ด้วยชุด...เอิ่ม ผ้ากันเปื้อนรูปหัวใจสีชมพู อันเบอเร่อ ...ความจริงเขาควรทำใจตั้งแต่หน้าบ้านแล้วนะ...ไม่สิมันต้องทำใจตั้งแต่เนื้อหาภารกิจที่ว่าเจ้าสาวจะขอเจ้าบ่าวแต่งงาน...
             "อุ๊ย!เด็กน้อยน่ารักนี่ใครกัน"ไม่ว่าเปล่า นิ้วมือเรียวก็เอื้อมมาจับหน้า หูและตามตัวของเขาเป็นเด็กๆ นัยน์ตาชมพูใสของเจ้าตัวดูกระดี้กระด้าขึ้นมาในทันทีราวสาวน้อยเจอตุ๊กตาหมีเทดดี้น่ารักๆ ...เขานับ1-3ในใจเพื่อสงบอารมณ์ เจอกันไม่ถึง1นาทีก็ทำเอาเขารู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ สมแล้วที่เป็นคนรักของยายถึกนั่น
              "เลิกจับตัวข้าได้แล้ว! ข้ามาส่งภารกิจ เอ้า!"เดินถอยออกมาจากระยะของมือปลาหมึกและหยิบเอาทั้งจดหมายกับแหวนเก๋นั่นให้คนตรงหน้า ...แต่แทนที่ชายหนุ่มจะรับมันไว้กลับยืนนิ่ง..
              "...ม มะ ไม่อยากเชื่อ" อะไร?
             "ไม่นึกว่าวันนี้จะมาถึง ฮึก"  ร้องไม? เขามองชายหนุ่มเรียบๆ
             "ไม่ได้การล่ะ!" เหอ?
              "อ๊า!ผมคงต้องรีบไปตัดชุดแต่งงานแล้วหล่ะ ถ้าเกิดไม่ทันต้องแย่แน่เลย อร๊างงง" เดี๋ยวๆๆๆ! ไอท่าทางแบบนั้นมันอะไร จะสะดีดสะดิ้งเกินไปแล้วเฮ้ย ไอคู่รัก2คนนี้ มันต้องสลับกันไม่ใช่เรอะ เฮ้! แล้วก็เลิกเต้นรำรอบบ้านซักทีได้มั้ย แล้วไม่ต้องมาชวนเขาเต้นเลยโว้ย!
    _______20นาทีผ่านไป_______
              "อะฮะๆๆ ขอโทษครับขอโทษ พอดีผมดีใจมากไปหน่อยน่ะ ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนานนะครับ" ควรรู้ต่างนานแล้ว...
              "เออๆ รีบเอาไปซะ แล้วก็เอาของรางวัลภารกิจมาได้แล้ว"เขาพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ เพื่อบอกว่าเขาอยากจะไปจากที่นี้เต็มที แต่ชายหนุ่มตรงหน้าที่ในหัวตอนนี้คงมีแต่เรื่องแต่งงานก็ไม่สามารถรับรู้ถึงอารมณ์ของเขาตอนนี้ได้...
              "เห รีบจังนะอยู่คุยกับผมก่อนสิ ผมนึกว่าคนที่าทำหน้าที่พ่อสื่อให้ผมกับลิซซี่น่าจะอยากรู้เรื่องของเรา2คนซะอีก"
              "ไม่อยากรู้ ไม่ต้องเล่า เอาของรางวัลมาเฟ้ย"
              "อ๊ะ! ดูเหมือนผมจะยังไม่ได้บอกชื่อตัวเองสินะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ น้องชาย ผมเอลันครับ!" เมินเฉย...
              "เอาของรางวัล..."
              "ผมกับลิซซี่น่ะเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเลยล่ะครับ ความจริงแล้วบ้านของผมกับลิซซี่เมื่อก่อนไม่ได้อยู่ใกล้กันหรอกครับ อ๊ะถ้างั้นผมกับลิซซี่มาเจอกันได้ยังไงน่ะหรอ...ก็เพราะ มันเป็นพรหมลิขิตยังไงล่ะ อุ๊ยย อายจัง คิกๆ"
               "ของรางวัล..."
               "พรหมลิขิตที่ทำให้ผมได้มาพบกับลิซซี่ มันเป็นช่วงเทศกาลน่ะครับ ผมโดนหลงกับปะป๊า หม่าม๊า เดินหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จนผมร้องไห้ลั่นเลยล่ะ แต่เพราะผมร้องไห้หนักไปหน่อยน้ำตานองเต็ม ผมเลยมองเห็นทางไม่ชัดแล้วสะดุดหน้าทิ่มพื้นล่ะ ฮ่าๆๆๆ"
              "..."
              "หลังจากนั้นผมก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมจนคนรอบๆเข้ามารุมดู แต่ผมน่ะนะ กลัวคนสุดๆเลย พอโดนล้อมรอบแบบนั่นก็ตัวสั่นกลัวไปหมด แต่แล้วMy hero ของผม ลิซซี่! เธอก็ก้าวเข้ามาตรงหน้าผมและใช้สองมืออันอบอุ่นนั่นโอบรอบตัวผมไว้ อร๊ายยยย ความรู้สึกของเจ้าสาวที่ถูกอุ้มคงเป็นแบบนี้สินะ! รู้สึกฟิน...อะแฮ่ม! หลังจากนั่นเธอก็พาผมขึ้นไปบนเวทีด้วยเพื่อที่จะทำการแสดง แต่แทนที่จะแสดง เธอกับป่าวประกาศเรียกปะป๊ากับหม่าม๊าให้ผม ผม...ผม...ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมากครับ ทั้งที่พึ่งเจอกันแท้ๆ อา แต่จิตใจของเธอช่างงดงามเหลือเกิน...หลังจากนั้นผมกับลิซซี่ก็....แล้วก็....ฯลฯ"
              ...เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังง่วง ดูได้จากหัวที่ขยันพงกลงๆเหมือนอยากไปเซย์ไฮกับโต๊ะไม้ เขาจึงเปลี่ยนไปสนใจอย่างอื่นแทนเพื่อคลายง่วง โดยปล่อยให้ชายหนุ่มเล่าชีวประวัติพิลึกของตัวเองต่อไป เขากวาดสายตามองเพื่อรอบๆและสะดุดกับอะไรบางอย่างข้างหน้าต่าง ดอกไม้...เขาลุกขึ้นเดินไปดูใกล้ๆ มันเป็นดอกไม้ที่แปลกมาก สีสันของมันเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา กลีบดอกแต่งแต้มด้วยจุดเล็กๆสีขาวเหมือนดวงดาวส่องประกายระยิบระยับ แต่ที่แปลกกว่านั้น...เขาเหมือนได้ยินเสียงบางอย่าง...เสียงเพลง?
              "สวยใช่มั้ย?"
               "อา..."เล่าชีวประวัติจบแล้วเรอะ...
              "ดอกไม้นี่น่ะ เราเรียกกันว่าดอก เฟอฮอร์ป น่ะ" ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับฮัมเพลงตามเสียงของดอกไม้
              "เฟอฮอร์ป? คุ้นๆแหะ"
              "โอ๊ะ!คุ้นด้วยหรอ มันเป็นดอกไม้หายากน่ะ ไม่สิ ไม่ใช่หายาก แต่ปลูกยากตังหาก ดอกไม้นี่น่ะถ้าหากปลูกครั้งนึงแล้วมันไม่ยอมเติบโตซักทีก็หมายความว่ามันจะไม่มีโอกาสเติบโตได้อีกไม่ว่าจะทำยังไง ไม่ใช่เพราะมันตายหรอกนะ..."
              "แล้วไอดอกไม้นี่ผุดมาจากไหน?" ก็ถ้ามันจะปลูกยากขนาดนั้น
              "ต้นนี้ผมไม่ได้เป็นคนปลูกน่ะ มีเด็กผู้หญิงคนนึงปลูกให้ผม..."
              "เด็กผู้หญิง?"
              "ใช่แล้วล่ะ เด็กคนนั้น...ตอนที่ผมกำลังหมดหวังเรื่อลิซซี่น่ะ เธอก็เข้ามาปลอบผมใหญ่เลยล่ะ...เด็กดีจริงๆเลยนะ"ชายหนุ่มกล่าวเสียงอ่อนซีวาร์รู้สึกได้ว่าน้ำเสียงที่พูดถึงเด็กสาวที่ว่าดูอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด
              "..."
              "เด็กคนนั้น แทบจะตามติดปลอบผมอยู่หลายวันเลย ฮ่าๆๆ มีความพยายามจริงๆนะ แต่...หลังจากนั้นซักพักเธอก็หายไป และกลับมาพร้อมดอกไม้นั่น"
              "..." หายไปปลูกหรอ?
              "นี่น้องชาย เธอรู้มั้ยว่าของขวัญจากดอกเฟอฮอร์ปหมายความว่ายังไง?"
              "ไม่รู้"
              "เฟอฮอร์ป มาจากคำว่า First hope ความหวังแรก ของขวัญที่ได้จากดอกเฟอฮอร์ปที่ไม่เติบโตนั่นเป็นเหมือนคำสาปแช่ง หรือว่าร้าย เพราะมันหมายถึง ไม่มีแม้กระทั้งความหวังแรก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกี่ความหวังก็ไม่มี...ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงคิดว่ามันเป็นดอกไม้อัปมงคล...แต่มันไม่ใช่ในกรณีที่มันเบ่งบาน...แบบนี้"ชายหนุ่มว่าก่อนเลื่อนสายตาไปทางดอกไม้งามที่เบ่งบานและคำร้องเพลงแห่งความหวัง มันช่างปลอบประโลมจิตใจของเขาและผู้คน
              "เด็กคนนั้นยืนมันมาให้ผม แล้วก็พูดกับผมว่า 'อย่าพึ่งทิ้งความหวังนะคะ!ขอให้เชื่อเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ความหวังจะยังคงอยู่เคียงข้างคุณค่ะ!' เด็กคนนั้นว่างั้นแหละ คิกๆๆ"
             "...อา เด็กดีจริงๆ"เป็นเด็กที่น่ารักดีแหะ...อยู่ๆเขาก็นึกถึงปาปิยองขึ้นมา ...แบบนั้นไม่น่าเรียกน่ารักได้แหะ
              "นี่น้องชายช่วยอะไรผมอย่างสิ"
              "อะไร"งี่เง่าไม่เอานะโว้ย
              "ช่วยเอาดอกไม้นี่ไปคืนเด็กคนนั้นทีสิ"
              "ห๊า!คืนทำไม เขาให้แล้วก็เอาไปสิ จะลำบากไปคืนเพื่อ?" แต่เดี๋ยว...คนที่จะลำบากมันเขานี่หว่า
              "ฮะๆๆ ผมชอบมันนะ แต่ว่ามันคงอยากจะอยู่กับเด็กคนนั้นมากกว่า และผมก็คิดว่า เด็กคนนั้นเองก็ต้องการความหวังเหมือนกันใช่มั้ยหละ"
               "อา...แล้วจะเอาไปให้ยังไง" แล้วไอต้องการความหวังนี่มันหมายถึงอะไรอะ
              "ง่ายๆครับ หาเอาเลย ส่วนชื่อของเด็กคนนั้นคือพีทัลน่า โฟลวโวร์ ครับ ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ"ชายหนุ่มหยิบกระถางต้นไม้ขึ้นมาก่อนจะยัดเข้าที่มือของซีวาร์โดยไม่รอคำตอบ
              "..."ไม่น่าเลยเรา ซีวาร์มองดอกไม้งามในมือด้วยความว่างเปล่า ถ้าเปลี่ยนดอกไม้นี่เป็นไอแหวนเก๊นั่นได้เขาคงปาทิ้งไปแล้ว...
              "อ๊ะ! จริงสิเมื่อกี้ผมยังเล่าไม่จบเลยนี่นา จะว่าไปแล้วผมเล่าถึงไหนแล้วหว่า อ่อๆ ตอนที่ผมกับลิซซี่ไปตะลุยมอนสเตอร์ในป่าด้วยกัน2ต่อ2น่ะเอง ตอนนั้นน่ะผมกลัวมากเลย ป่าก็มืด แต่ลิซซี่กับกุมมือผมไว้แล้วบอกว่า 'ไม่ต้องห่วงนะฉันจะปกป้องนายเอง' อรั๊ยยย มันสุดยอดมาก แล้วหลังจากนั่นน่ะนะ...แล้ว ...แล้วก็ฯลฯ"
              หลังจากที่เขาได้ยินคำว่า 'เล่าไม่จบ' เขาก็เลิกสนใจชายหนุ่มทันที เพราะในหัวเขาดันเกิดคำถามบางอย่างขึ้นมา ไอเจ้านี่มันบอกว่า เด็กผู้หญิงคนนั้นตามปลอบอยู่หลายวัน แถมยังหายตัวไปแล้วกลับมาพร้อมดอกไม้ที่ตัวเองปลูกอีก...ดูๆแล้วมันน่าจะเกินระยะเวลาออนไลน์ของผู้เล่นปกติไปหน่อยมั้ง...หรือว่าเด็กคนนั้น ผู้เล่นพิเศษ? อาจเป็นไปได้แหะ...เฮ้อ แสดงว่าเขาต้องไปยุ่งกับผู้เล่นพิเศษอีกคนหรอเนี่ย หวังว่าคราวนี้จะเป็นเด็กดีกว่าไอปี้นะ


    ___ขณะเดียวกัน___

    ฮัดชิ้ว!...
              "หืม?คุณหนูไม่สบายหรอครับ?"
              "อะ เอ่อ พีทัลไม่เป็นไรค่ะ" เด็กสาวที่เรียกตัวเองว่าพีทัลเอ่ยขึ้นเสียงเบาพลางมองคนที่กำลังพูดด้วย...ไม่สิ จะเรียกว่าคนก็ไม่ได้ เพราะที่เธอกำลังคุยด้วยอยู่เป็น ภูติ ตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามือโอบเท่านั้น...ดวงตาสีเขียวมรกตมองสำรวจเด็กสาวอยู่ซักพักก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
              "หรือว่า! คุณหนูยังติดพิษอยู่งั้นหรอครับ ฮึ่ย! ไอเจ้าบ้านั่นแย่ชะมัด ทั้งๆที่เราจะไปช่วยแท้ๆ แต่ดันเป็นกับดักซะงั้น ใครมันจะไปคิดว่าจะมีคนบ้าไปลอยคออยู่ในหนองน้ำพิษกัน!"
               "เอาน่าๆ พีทัลว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ เห็นเขาบอกชอบอยู่ชื้นๆนี่นา" เด็กสาวมองภูติตัวจิ๋วในมือซึ่งกำลังทำหน้าบูดสุดๆ แต่สำหรับเธอแล้วมันช่างน่ารักจนอดเอานิ้วไปลูบๆหัวกับแก้มไม่ได้
              "อ๋า! คะ คุณหนูอย่าเอานิ้วมาจิ้มสิครับมันจั๊กกะจี้ !"
              "ฮะๆๆ ก็มองบลังน่ารักดีนี่นา ทำแบบนี้ก็จะได้เลิกเครียดด้วยไงค่ะ"กล่าวจบก็ลงมือจิ้มลงตามตัวภูติน้อยนามมองบลังจนเจ้าตัวเล็กตัวสั่นและขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
               "อ๊า!ฮะๆ ฮ่าๆ คะ คุณหนู ย อย่า กร๊ากก ฮะๆ พอ ละ แล้วครับ พ๊ออ!"หลังจากหัวเราะจนหมดสภาพเขาก็นอนแพร่หราอยู่บนมือของพีทัล รู้สึกเหนื่อยใจกับสภาพตัวเองชะมัด เพราะตัวเล็กแบบนี้เลยทำอะไรลำบาก ถึงเขาจะลอยไปมาได้ก็เถอะ แต่ความจริงแล้วเขาก็สามารถปรับร่างกายให้เท่าคนจริงๆได้แท้ๆแต่...
              "คุณหนูพีทัลทำไมถึงไม่ยอมให้ผมอยู่ร่างคนล่ะครับ แถมยังตั้งชื่อแบบนั้นอีก..."
              พีทัลชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มแหยๆให้มองบลัง "แฮะๆก็อยู่ในร่างนี้มันน่ารักกว่านี่นา พกพาง่ายกว่าเยอะเลย ส่วนเรื่องชื่อ...เห็นมองบลังตัวเล็กๆเหมือนขนมเลย ก็เลยนึกถึงขึ้นมา..."
              "นึกถึงของกิน? อา...ตอนตั้งชื่อผมคุณหนูคงไม่ได้หิวอยู่ใช่มั้ยครับเนี่ย" เขามองเด็กสาวด้วยสายตาว่างเปล่า
              "เอ่อ...ก็นิดหน่อยค่ะ นึกถึงมองบลังชาเขีย--อุ๊ย! ไม่มีอะไรค่ะ แหะๆ" 
              "ผมได้ยินนะครับ"มองบลังมองเด็กสาวที่ยิ้มแห้งแล้วถอนหายใจก่อนจะพูดบางอย่างกับเด็กสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ถ้าผมอยู่ในร่างคนล่ะก็ ผมก็สามารถปกป้องคุณหนูได้นะครับ"
              พีทัลมองสายตาจริงจังสุดๆของภูติมินิตรงหน้าแล้วเผยรอยยิ้มอ่อนโยน น้ำเสียงอ่อนหวานของเด็กสาวเอ่ยกับภูมิน้อยแฝงไปด้วยความอบอุ่น "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขอแค่...มองบลังอยู่ข้างๆพีทัล แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ อยู่ข้างๆพีทัล ใครซักคน...ไม่เหมือนกับตอนนั้น"เด็กสาวลดเสียงเบาลงเมื่อนึกถึงช่วงเวลาในตอนนั้น...
              มองบลังมองเด็กสาวที่อยู่ๆก็เงียบ... เมื่อคิดได้ว่า สิ่งที่ผู้เล่นพิเศษอย่างเด็กสาวตรงหน้าอาจไม่ใช่คนที่คอยมาปกป้องตัวเอง...แต่เป็นคนที่จะอยู่เคียงข้างตัวเองตังหาก...เวลาของโลกจริงและในเกมไม่เท่ากัน นั่นก็หมายความว่าผู้เล่นพิเศษที่ต้องอยู่ในเกมตลอดเวลานั่น...ทุกคนล้วนโดดเดี่ยว
               แต่เพราะเป็นอย่างนั้นบริษัทถึงส่งเขามาให้ ...เขาเป็นAIของบริษัท มีหน้าที่เพื่อแนะนำผู้เล่นพิเศษ แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกผู้เล่นพิเศษจะถือว่าพวกเขาเป็นเพื่อนแก้เหงาชั้นดีเลยล่ะ...แต่มันคงดีกว่านี่ หากเธอสามารถเข้ามาและออกไปจากเกมนี้ได้เหมือนผู้เล่นคนอื่น เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสามารถทดแทนความอ้างว้างในใจเด็กสาวได้รึเปล่า...
         อะ...
              "เย้ยย! คุณหนูจะทำอะ ฮะ ร ระฮ่าๆๆ ไร ค คะ กร๊ากกก คร๊าบบบ อุบฮ่าาาๆๆ"อยู่ๆเขาก็ถูกจิ้มอีกรอบ และนอนหมดสภาพไปอีกตามเคย เขามองเด็กสาวอย่างงอนๆเล็กน้อย ก่อนจะได้รับการตอบรับเป็นเสียงหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
              "ก็ใครใช้ให้มองบลังทำหน้าเครียดขนาดนั้นล่ะค่ะ ฮะๆๆ...วางใจเถอะค่ะ แค่พีทัลมีมองบลังตอนนี้ก็ดีใจสุดๆเลยล่ะ ถ้ายังไงก็ช่วยอยู่กับพีทัลต่อไปด้วยนะคะ!" เด็กสาวเอ่ยเสียงใส ดวงหน้าหวานยิ้มกว้าง ราวกับปลอบเขาให้เลิกคิดมาก จนเขาเผลอยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้ ...เด็กสาวตรงหน้าเขาช่างสว่างไสวและเต็มไปด้วยความหวังไม่มีทางสลดหดหู่กับเรื่องแค่นี้หรอก...ดังนั้นเขาแค่อยู่ข้างๆเธอก็พอแล้ว...
               "แน่นอนครับ คุณหนูพีทัล"
               "อื้อ!งั้นเราก็ไปทำเควสต่อกันเถอะ"
              "ครับ!...อะ อ๊ะ!เดี๋ยวครับคุณหนู!"
              "เอ๋ อะไรหรอค่ะ"
              "คุณหนูลืมไปแล้วหรอครับว่าเราพักหลบมอนสเตอร์กันอยู่ตรงเหว..."
              "........เหะ?"
       อ้ากกกกกกกก! คุณหนูใช้พลังครับ คุณหนูใช้พลังง เหวอออ!
         พะ พีทัลจะร่วงแล้วค่าาา!
          เรียกเถาวัลสิครับ คุณหนูอย่าพึ่งหลับต๊าา!
           อา...มองบลังไว้เจอกันที่จุดเกิดนะคะ
              คุณหนูยังไม่ตายครับ! เรียกสติตัวเองหน่อยครับ(เฮ้ย)!
    .
    .
    .
              ...ดูเหมือนว่าเขาจะเสียเวลาอยู่คุยกับเจ้าบ้าเอลันนั่นนานไปหน่อย...ไม่ ไม่หน่อยแล้ว เล่นเอาเขาหลับคาโต๊ะระหว่างคุยกันแบบนั้น เจ้านั้นมีเรื่องอะไรมาพล่ามเยอะแยะฟะ! ในเมื่อเจ้าสาว(ที่เหมือนเจ้าบ่าว)นั่นจะมาหาแล้ว ก็รอจนกว่าจะถึงตอนนั้นค่อยระบายไม่ได้รึไง หา! ...กว่าจะรู้ตัว เขาก็สะดุ้งตื่นมาตอนเช้าเพราะแสงอาทิตย์บาดตา แถมไอคนต้นเหตุยังลัลล้าบอกว่า 'จะฟังเรื่องเล่าของผมต่อมั้ยครับ เห็นเมื่อวานคุณง่วง วันนี้ผมเลยเตรียมน้ำชากับขนมไว้ให้' ...ไม่เอาเฟ้ย!
              คิดอย่างหงุดหงิด เขารีบเดินกลับห้องพักทันที ไม่รู้ว่าเจ้านั้นจะเป็นไงบ้าง หวังว่าที่พักนั่นจะมีบริการส่งอาหารถึงห้องนะ...แต่ดูๆแล้วคงไม่พอสำหรับเจ้านั้นแหงๆ  เขาคิดไปเพลินๆเรื่องของปาปิยองจนเขาเองยังรู้สึกแปลกใจ เขากังวลกับเรื่องของเจ้านั้นมากขนาดนี่เลยหรอเนี่ย?
              "...ชิ เจ้านี่มันตัวปัญหาจริงๆเลย"บ่นพึมพำเล็กน้อย แต่ในระหว่างที่กำลังเดินตรงไปที่บ้านพักซึ่งอยู่ไม่ไกล สายของเขากับไปสะดุดกลับใครบ้างคนที่เดินสวนมาเสียก่อน...
              เดี๋ยว...เมื่อกี้มัน...ปาปิยอง? เขาพลิกกลับไปมองคนที่พึ่งเดินผ่านไปทันที แผ่นหลังที่คุ้นเคย แม้ชุดที่สวมใส่จะเปลี่ยนไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังจำสิ่งที่ตัวเองพูดไว้ก่อนออกมาได้ ...แล้วทำไม? หรือว่ามองไม่เห็น...เฮ้ คงไม่ได้จะบอกว่าเขาเตี้ยไปอีกใช่มั้ย?
             "เฮ้! ปาปี้ เอ้ย ปาปิยอง!"เขาตะโกนเรียก แต่...
              ร่างของเด็กสาวยังคงเดินห่างจากเขาไปเรื่อยๆราวกับไม่ได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนเอง เขาก้าวเดินตามร่างนั่นและฉุดรั้งมือของเด็กสาวไว้แน่น ใบหน้าของคนที่เขานึกถึงพลันปรากฏอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเด็กสาวคนเดิมมองมาที่เขาและขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่พอใจ ...รึว่าหงุดหงิดที่เขาหายไปดื้อๆ ยังไม่ทันที่เขาจะได้ถาม คนตรงหน้าก็สะบัดมือเขาออกและเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
              "...ใคร?"
    _______________________________________________________
    ลูกใครหว่าาา หลงมา
    โฮฮฮ นึกว่าวันนี้จะพิมพ์ไม่เสร็จซะแล้ว ปลิ่ม ตอนนี้เป็นไงบอกได้นะ ไรท์ไม่ได้ทวนคำผิดซะด้วยสิ แหะๆ
    แก้คำผิด 13/5/2016


    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×