ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1998

    ลำดับตอนที่ #8 : “Man is not what he thinks, he is what he hides.”

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 66


          หลังจากกลางดึกคืนนั้นที่เค้าได้ตกลงร่วมมือกับ องค์กรลึกลับ เค้าพยายามไม่คิดถึงเรื่องนี้ตอนทำงาน เพื่อความปลอดภัยของตัวเค้าเองและองค์กรเอง ถึงแม้เค้าจะเฝ้าถามตัวเองเป็นพันครั้งว่าเค้าได้อยู่องค์กรลึกลับที่มีแผนโค่นล้มรัฐบาลจริงหรือ ภารกิจที่เค้าได้จากเช ตอนนี้คือ การรอ แต่ทว่า รออะไรล่ะ? นานแค่ไหน 
    ไม่มีใครตอบเค้าได้นอกจาก เช 

    หลังจากเลิกงานเค้าพยายามถึงห้องให้ไวที่สุดเพื่อกลับไปศึกษาเนื้อหาในหนังสือเล่มสีแดงเพิ่มเติมอีกครั้ง ในนั้นไม่ใช่ข้อมูลที่น่ากลัว สยดสยอง หรือแผนการลับอะไร ในหนังสือพูดถึงประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้รับการบันทึกไว้ของประเทศ ตั้งแต่สถาปนาราชอาณาจักรไทยมาตั้งแต่ใช้ชื่อเดิมว่า สุโขทัย ไปจนถึงการตั้งเมืองหลวงแห่งใหม่ รัตนโกสินทร์ 
     

    ในตำราที่เค้าเคยเรียนไม่มีการกล่าวถึงเหตุการณ์ทำนองนี้ ที่เค้าเคยเรียนสมัยเด็กๆ พูดถึงกลุ่มอำนาจทางการเมืองสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งคอยแต่จะตักตวงผลประโยชน์เข้าปากตัวเองจนประเทศเริ่มถอยหลัง จนอีกกลุ่มเข้ามามีบทบาทในการล้มล้าง รัฐบาลชุดเก่าภายใต้การนำของพี่เบิ้ม สองกลุ่มนี้ต่างเป็นไม้เบื่อไม้เมากันหลายต่อหลายปี และปะทะกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ทั้ง รัฐบาลชุดเก่าและชุดใหม่ต่างอ้างสิทธิ์อันชอบธรรมในการครอบครองประเทศ ลุกลามไปเป็นข้อพิพาทใหญ่โต ระหว่างระบอบการปกครองที่ต่างกันอย่างสุดขั้วที่ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตกและตะวันออก รวมถึงความเชื่อทางศาสนาที่แตกต่างกัน ไปจนถึงเหตุการณ์สงครามตัวแทน หรือ สงครามเย็น ที่เป็นตัวแทนของสงครามในยุคสมัยใหม่ ที่ไม่เน้นจุดชนวนด้วยเรื่องทะเลาะบาดหมางแต่แป็นการครอบงำทางความคิดให้ฝ่ายสองฝ่ายมาเป็นปฏิปักษ์กัน จากที่ความเห็นไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว ก็ยิ่งเป็นการใช้อำนาจทางการเมืองในการเล่นงานขั้วตรงข้ามกับตัวเองซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในวงการนี้ แต่มีอยู่เหตุการณ์นึงที่ร้ายแรงมากๆ ใครๆต่างก็รู้กันหมดว่าศัตรูตัวฉกาจที่จะพอฟัดพอเหวี่ยงกับพี่บิ๊กไม่ใช่ตาสีตาสาที่ไหนก็ได้ คนนั้นคือ ปิติ หัวเรือใหญ่แห่งคณะ กบฏ 2475

    ในแบบเรียนสมัยอาหงส์ยังเด็กมีการพูดถึงวีรกรรมที่ไม่น่าเอามาเป็นแบบอย่างของ คนชื่อ ปิติ เต็มไปหมดในหนังสือหน้าที่พลเมืองตัั้งแต่ยุคของเขาไปจนถึงเด็กยุคนี้ที่เค้ามีโอกาศได้ช่วยเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่เป็นแม่ม่ายเลี้ยงเดี่ยว สามีของเธออันตธานหายไปเพียงชั่วข้ามคืน ด้วยความเป็นกังวลเพื่อนร่วมงานหม้ายสาวคนนั้นจึงมีความจำเป็นต้องพาลูกมาที่ทำงาน ด้วยความที่เค้าสงสารและไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเด็กวัยนี้ จึงอาสาช่วยสอนการบ้านให้ แต่ภายในบทเรียนกับเต็มไปด้วย วีรกรรมสุดห่ามของกลุ่มภราดรภาพ ภายใต้การนำของ ปิติ นักก่อเหตุสมคบคิด, ยุยงปลุกปลั่นเยาวชนย์, เผาตึกรามบ้านช่องไปจนถึงระเบิดอาคารสาธารณะ เพื่อต้องการสร้างความหวาดกลัวและรอวันกลับมาแก้แค้นพี่บิ๊ก เรื่องเหล่านี้เป็นเหมือนตำนานหลอกเด็กสำหรับอาหงส์ เพราะเค้าได้ยินเรื่องนี้มาหลายปีแล้วและไม่เคยเห็นหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มภราดร อีกทั้งยังไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนขององค์กรลับนี้จนกระทั่งไม่กี่วันก่อนที่มีคนชวนเค้าเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในองค์กรผิดกฎหมายนี้ เค้ายังคงอ่านหนังสือให้ กับเด็กน้อยที่ตอนนี้พลังเริ่มหมดจากการวิ่งซนไปซนมาในสำนักงาน พร้อมทำตาแป๋วก่อนที่หัวจะค่อยๆฟุบหลับที่โต้ะเพื่อพักผ่อนสายตา ประวัติศาสตร์ในแบบเรียนค่อนข้างที่จะแตกต่างกับในหนังสือเล่มสีแดง ตรงที่ในแบบเรียนปกติไม่มีการลงวันที่ตามลายลักษณ์ วันเวลาสะเปะสะปะไปหมด ต่างกับ หนังสือเล่มสีแดง ตรงที่มีรายละเอียดในเรื่องของวันที่และพุทธศักราชไปจนถึงการระบุสถานที่ชัดเจน
     

    อีกพักใหญ่ๆแม่เค้าก็มาตามลูกตัวเองกลับไปตอนพักเที่ยง ช่วยให้เค้าพอมีเวลาคิดเรื่องเล็กๆน้อยๆกับงานทะเบียน วันนี้เค้ามีเอกสารราชการต้องปลอมแปลงนิดๆหน่อยๆ เพื่อให้ตรงกับคำปราศรัยของพี่เบิ้มเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เค้าเหมือนเห็นเช ที่โรงอาหารแต่ก็ไม่ได้มีบทสนทนาอะไร เช ดูหัวปั่นไม่มั่นใจว่าเกี่ยวกับเรื่องงานหรือเรื่องอื่น 
    เมื่อทานอาหารเสร็จเค้าไปซื้อกาแฟรถเข็นถูกๆ เพื่อให้คาเฟอีนไหลเวียนทั่วร่างกายเพื่อปลุกไม่ให้แดดยามบ่ายกับความง่วงมีชัยเหนือเค้า เค้าพักเที่ยงเสร็จก็ขึ้นมาที่ออฟฟิศก่อนจะพบกองเอกสารปึกใหญ่ๆปึกนึงวางลงบนโต้ะ เค้าเลยไล้มือไปตามแผ่นกระดาษเอสี่หนาๆ ไล่ดูแบบผ่านๆ ก็ได้สะดุดตากับซองเอกสารสีน้ำตาลอันใหญ่ฉบับนึง ปกติเอกสารลักษณะนี้จะได้รับก็ต่อเมื่อมีข้อความเฉพาะถึงมือผู้รับที่มีชื่ออยู่บนปกเอกสารเท่านั้นถึงจะเปิดอ่านได้ 

    ใจเค้าเต้นตูมตามด้วยความตื่นเต้น ใจลึกๆเค้าหวังว่าเอกสารชุดนี้จะมาจากกองกำลังลึกลับใต้ดินที่มีฐานลับอยู่ทั่วประเทศและให้คนแฝงตัวส่งเอกสารลับชิ้นนี้มาให้ แต่ลึกๆเค้ารู้ว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นแน่ๆ เค้าไม่กล้าเดาด้วยซ้ำว่าที่ซ่องสุมขุมกำลังที่พร้อมลุกฮือต่อต้านอำนาจเผด็จการจะประกอบไปด้วยสมาชิกกี่ร้อยคน หรือกี่สิบคน เดาไม่ได้ถึงวาระเล้นลับหรือแม้แต่แผนที่จะกอบกู้ประชาธิปไตย เค้าสงสัยมาตลอด ว่าองค์กรๆหนึ่งจะมีความสามารถในการเปลี่ยนประเทศยังไง คน ชื่อปิติ เค้าคือ คนที่นรกต่างชาติส่งมาเพื่อบ่อนทำลายอย่างที่ พี่บิ๊กกล่าวอ้างจริงรึไม่ เค้ามองไปที่ซองเอกสารซองนั้นแล้วรำพึงในใจ ก่อนเวลาเลิกงานจะค่อยๆคืบคลานเข้ามา 

         หลังเลิกงานเค้าไปซื้อข้าวแกงที่ตลาด วันนี้มีตลาดนัดใกล้ศูนย์การค้าใกล้ๆที่พักของอาหงส์ ได้ห่อข้าวแกงมาถุงนึง ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนเค้าก็ยังคงชอบการแกะหนังยางมัดถุงแกง เพราะสำหรับอาหงส์แล้วมันเหมือน Puzzles ก่อนทานข้าว เหมือนเวลาเล่นเกมส์แล้วปลดล๊อคส์ achievments กว่าจะสำเร็จมันต้องพยายามก่อน ตอนเด็กๆเวลาที่เค้าไปเดินตลาดกับแม่ เค้าชอบเวลาไปซื้อข้าวแกงจากแม่ค้าในตลาดเพราะจะได้เห็นการมัดถุงแกงใกล้ๆ มันใส มันเก็บของร้อน ที่สำคัญเวลาแม่ค้ามัดถุงข้าวแกงด้วยหนังยาง เค้ามัดกันแน่นมาก ลึกๆในใจอาหงส์รู้ดีว่าหากมีมีดหรือกรรไกร เครื่องมือทุ่นแรงพวกนั้นการแกะถุงแกงก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่อาหงส์ในวัย 7 ขวบคิดว่าความพยายามด้วยมือเปล่านี่แหละ จะต้องทำให้ได้ ไม่ว่ายังไงเค้าก็ไม่อยากยอมแพ้ไปใช้เครื่องทุ่นแรง เค้าตอนเด็กใช้เวลานานสองนานกับการแกะหนังยางถุงแกงเป็นสิบกว่านาที สุดท้ายเค้าก็ทำสำเร็จแต่แกงก็เย็นหมดแล้ว เค้าภูมิใจกับการแกะถุงแกงครั้งนั้นมาก ถึงขนาดเอาไปฝัน…..คิดถึงจัง เค้าพูดหลังเดินตลาดแล้วเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งร้องไห้โวยวายหน้าแผงของเล่น

    บันไดเวียนที่ตึก "ร่มฟ้า" หอพักอาศัยที่เขาอยู่วันนี้ดูยาวไกลกว่าเช่นเคยอาจเป็นเพราะวันนี้เค้าไปเดินตลาดมา ขนาดห้องของเค้าอยู่แค่ชั้นสามยังเหงื่อตกกับไอ้พวกชั้นบนๆมันจะไปทำงานกันทันได้ยังไง เค้าคิดในใจ
    กว่าจะถึงห้องส่วนตัว ขาก็ล้า แต่ก็ได้ออกแรงนิดหน่อย ถือว่าออกกำลังกายไปในตัว ข้างนอกเริ่มเข้าสู่ช่วงพลบค่ำแล้ว
    เป็นเวลาที่ดีทีเดียวที่จะทำอะไรผิดกฎหมายอย่างการอ่านเอกสารลับจากสมาคมที่ลึกลับยิ่งกว่า เหมือนลิ้นชักของแมวหุ่นยนต์จากศตวรรษที่ 21 ไม่มีผิด เค้าไม่รู้ว่าซองเอกสารแปลกตาที่เค้าเเอบพกติดตัวมาด้วยจะเป็นเหมือนตั๋วไทม์แมชชีน พาเค้าไปที่ที่ไหน แต่เค้าพร้อมแล้ว 

    หลังมื้ออาหารเย็นผ่านพ้นไป เวลาก็ล่วงเลยไปตอนค่ำแล้ว เค้าประกอบกิจกรรมต่างๆในบ้านแทบจะเสร็จหมด ก่อนที่จะนั่งนิ่งๆทำสมาธิให้มั่นแล้วค่อยๆคว้าเอกสารที่เค้านำมาซ่อนไว้ใต้ลิ้นชักโต้ะในห้องนอน เค้าบรรจงฉีกออกอย่างละเมียดละไมยิ่งกว่าตอนพับรถแข่งกระดาษกับเพื่อนวัยเด็กซะอีก เอกสารภายในซองประกอบไปด้วยกระดาษแผ่นนึงครึ่งเอสี่ พร้อมกับตัวหนังสือขยุกขยิกเหมือนลายเซ็นต์ใครซักคน เมื่อพิจารณาให้ถี่ถ้วนแล้วก็ค้นพบว่า นี่คือ เช็คเงินสด หรือ ใบอะไรซักอย่างที่มีก่อนการถือกำเนิดของการแสกนง่าย นี่คือความโอลด์สกูลในการใช้สื่อที่สามารถจับต้องได้เป็นตัวแทนในการแลกเปลี่ยนและชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เช็คบนมืออาหงส์มีสถานที่และเวลาชัดเจนสำหรับการนำเงินไปขึ้น ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้เขาเป็นอย่างมาก

          เช็ค ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนในยุคเก่า โดยเป็นระบบที่สามารถโอนเงิน ชำระเงินผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสมาร์ทโฟน โดยมีระบบอินเทอร์เน็ตเป็นผู้ช่วยที่สำคัญ แต่ข้อความบนหน้ากระดาษมีลายเซ็นต์ชื่อของชายคนนึงที่เค้าไม่รู้จักเขียนอยู่ ใจความเหมือนกับยินยอมที่จะมอบเงินจำนวนหนึ่งในปริมาณที่มากพอตัวทีเดียวให้กับผู้ที่ถือตั๋วเงินใบนี้  ซึ่งในบริบทนี้มันก็คือเขา คิ้วเขาขยับเข้ามาประกบกันช้าๆ คำถามผุดขึ้นมาในหัวว่าไอ้สิ่งนี้มันเกี่ยวข้องกับภารกิจของพรรคอย่างไร แน่นอนเบื้องหลังของความสำเร็จระดับไหนๆไม่ว่าเล็กหรือน้อย เงินทุน เป็นปัจจัยสำคัญ เป็นตัวแปรที่จะทำให้เกิดเรื่องมหัศจรรย์ ทำให้ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยได้เห็น ทำให้ได้ไปในที่ที่ไม่เคยไป ได้ทานสิ่งที่ไม่เคยทาน มูลค่าของเงิน คือ ความเชื่อมั่น ยึดมั่น ถือมั่น เมื่อไรที่ความเชื่อมั่นในเหรียญและกระดาษหมดไปหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงิน สิ่งที่เรียกว่าเงินก็ไม่มีความหมาย
    อาหงส์ เคยอยากให้โลกนี้ถล่มหรือประสบกับภัยธรรมชาติจะได้ไม่ต้องมีสิ่งที่เรียกว่าทุนนิยม (Capitalism) แต่มันก็ฟังดูเป็นวิธีที่สิ้นคิดเกินไป เค้าสำรวจกระดาษตรงหน้าให้ถี่ถ้วนกว่าเก่า ในใจหวังให้มีคำอธิบายหรือคำสั่งอะไรซักอย่างประกบมาด้วย แต่อาจเป็นเพราะ คนในองกรค์อาจจะยังไม่เชื่อใจเขาเต็มที่ จึงส่ง เช็คใบนี้มาหยั่งเชิงก่อน ดูว่าเค้าจะทำอะไรต่อ โชคยังดีที่เช็คเงินสดมีสถานที่สำหรับนำไปขึ้นเงินสดเขียนไว้ ไม่ห่างจากที่ที่เค้าพักมากนัก ถ้าเป็นแบบที่เค้าคิด เช ก็ถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะถูกทำให้อันตธานหายไป ถือว่า ชีวิตของพวกภราดรทุกนาทีแขวนอยู่บนเส้นด้ายที่รอมือยักษ์ถือกรรไกรตัดให้ขาดเหี้ยน คอยตามล่าตามล้างบาญด้วยเหตุไฉน เค้าก็ไม่อาจทราบได้ 

          แต่ทว่าเค้าตัดสินใจไปแล้วว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงประเทศ หวังว่าเค้าจะคิดถูก หวังว่าจะไม่มีเรื่องอันตรายเกิดขึ้นกับเค้า ความเหนื่อยจากการเดินตลาดเริ่มทำให้เค้ารู้สึกง่วง เค้าจึงตัดสินใจเก็บกระดาษเอกสารตรงหน้าไปไว้ในที่ปลอดภัย (ซึ่งก็คือใต้ลิ้นชักในห้องนอน) นานแล้วที่เค้าไม่ได้สวดมนต์ก่อนนอน ถึงแม้จะง่วงแต่มันก็ช่วยให้เค้าหลับง่ายขึ้นเยอะสำหรับคืนที่ต้องเตรียมใจไปเจอเหตุการณ์ที่จะเปลี่ยนชีวิตของเค้าไปตลอดกาล
    .
    .
    .
    เปลือกตาเค้าเริ่มหนักอึ้ง ความกดดันหายไปพร้อมกับสติเลือนราง ความง่วงและความเหนื่อยล้าสั่งสมมีชัยเหนือร่างกายเค้าอีกครั้งนึง เค้าจะไปตามสถานที่และเวลาทีึ่เขียนไว้บนเช็ก นี่คือการทดสอบแรกขององค์กรนี้เค้าค่อนข้างแน่ใจ
    หากชีวิตคือการเลือกทางเดินของตัวเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต นั่นถือว่าเค้าได้ตัดสินใจเลือกแล้ววันนี้…
    .
    .


    ช่วงคุยกันท้ายเล่ม
    ห่างหายไปนานกว่าจะออกมาซักตอนนะเธอเนี้ย (ด่าตัวเอง) ช่วงนี้ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจนกระทั่งวันนู้นนนนน มีคนส่งของขวัญจากใครซักคนในนี้ล่ะ เชื่อป่ะคุณ ไอ้ผมที่มันไม่ค่อยจะได้รับอะไรแบบนี้อ่ะ ใจมันเด้งฟูพองแล้วพองอีกพองจนป่อง มันเหมือนล้อรถถีบไปเหยียบตะปู แล้วคนคนนั้นก็แบบ ไอ้หนู take this and buy a new one อ่ะ
    ช่วงนี้เข้าฤดูฝนแล้ว รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับคุณผู้อ่านที่น่าอัศจรรย์อย่างพวกคุณ 

    ขอบคุณนะครับที่อ่่านมาถึงตรงนี้ คุณสามารถที่จะแบบเลื่อนผ่านนิยายของผมไปเหมือนเรื่องอื่นๆ แต่ด้วยอะไรซักอย่างถ้ามันทำให้คุณอ่านมาถึงตรงนี้ได้นี่ก็คือ ผมก็ถือว่าพวกคุณแม่งน่าอัศจรรย์ใจสุดๆ อยู่ใกล้ๆผมจะขอจับมือถ่ายรูปให้หมด

    ปล.เนื้อเรื่องหลังจากนี้ ผมคิดว่าน่าจะเข้มข้นแล้วแหละ ติดตามกันต่อไปนะ 
    ปล.1 จบแน่ แต่ช้าหน่อย อิอิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×