ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1998

    ลำดับตอนที่ #7 : No guts, No glory

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 66


           ไม่มีเหตุการณ์ไหนที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นกับอาหงส์ในระยะเวลาเกือบเดือนหลังจากเหตุการณ์ที่เค้าเจอ หนังสือปกแดง ที่เนื้อหาข้างในบันทึกเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ไทย ที่ตอนนี้ถูกบิดเบือนแล้วบิดเบือนอีก 
    ข่าวในหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งมีเนื้อหาพูดถึงการจับคนที่มีแนวคิดไม่เชื่อฟังหรือที่เรียกว่ากบฏทางความคิดอยู่เรื่อย ๆ 
    สลับกับเสียงประกาศตามสายที่พรรณนาถึง วีรกรรมทั้งหลายแหล่อันปลอมเปลือกของพี่เบิ้ม 

          วันนี้เค้าเจอเชที่ทำงาน ตัวอาหงส์กับเชทำงานที่เดียวกัน ที่สำนักข้อความสาธารณะแต่อยู่คนละแผนก อาหงส์ ทำงานเป็นนักพิสูจน์อักษร ในกองบรรณาธิการแห่งหนึ่งภายใต้การสนับสนุนของพรรค จุดมุ่งหมายเดียวของเค้าคือการทำหน้าที่ตรวจสอบและปลอมแปลงข้อความให้สอดคล้องกับอุดมการณ์ของรัฐบาลเพื่อให้มั่นใจว่าพวกประชาชนในประเทศ หรือแรงงานกรรมกรบางคนที่พออ่านออกคล้อยตามผ่านสื่อต่างๆทั้งโทรภาพ หรือข้อความที่ยกยอปอปั้นวีรกรรมต่างๆของพรรค เค้าเคยเข้าร่วมการประชุมที่ต้องวางแผนโปรเจ็คนึง ตอนนั้นเองที่อาหงส์เจอกับ  เช เป็นครั้งแรกตอนนั้นเขากำลังดำรงตำแหน่งเป็นรองบรรณาธิการหลักที่คอยดูแลควบคุมทุกอย่าง 
     
    สำหรับอาหงส์แล้วดูเหมือนว่า เช เป็นคนที่จะให้คำแนะนำฉลาดๆได้ทุกเรื่องจากประสบการณ์ส่วนตัวของเขาเอง ด้วยบุคลิกท่าทางและการแสดงออกบางอย่างที่ไม่เหมือนกับคนในระดับเดียวกับเขา ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับเนื้อหาของโปรเจคส์อาหงส์มีความจำเป็นต้องพูดคุยกับ เช บ่อยๆ จากการสนทนาเกี่ยวกับงานลุกลามไปเป็นเรื่องสัพเพเหระ 
    ด้วยเหตุง่ายๆนั้นเองอาหงส์รู้สึกดีที่ได้แลกเปลี่ยนเรื่องสัพเพเหระกับใครซักคน เพราะการที่ต้องอยู่คนเดียวท่ามกลางมหานครใหญ่ เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยถ้าต้องฝ่าฝันด้วยตัวคนเดียวอย่างน้อยเค้าขอแค่ระบายกับใครซักคน

    ด้วยนิสัยของเชเองที่พูดน้อยและไม่ค่อยเล่าเรื่องตัวเอง ทำให้อาหงส์ไม่ค่อยรู้จักเขาดีนักแตกต่างกับอาหงส์ที่มีอะไรคาใจก็จะเล่ามันออกมาโดยหมดเปลือก รวมไปถึงเรื่องที่ไม่สมควรพูดด้วย ถึงแม้ตัวเขาจะกลัวว่า เช เป็นสปายให้กับพรรคเพื่อมาสอดส่องดูคนที่หัวคิดแตกแถวแบบเค้า แต่จวบจนถึงทุกวันนี้ถ้าเชเป็นสายลับจริงๆ เค้าก็คงอันตธานหายไปนานแล้ว
    ถึงจะแอบสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมคนระดับนี้ เขาถึงมาทำงานที่ๆเดียวกันได้ แต่เหมือน เช จะพอใจกับตำแหน่งนี้มากกว่าการได้โยกย้ายไปทำในตำแหน่งสูงๆ อาหงส์เดาเอาว่าเพราะต้องออกงานสังคมบ่อยๆเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับองค์กรเอง ซึ่งฟังดูไม่เหมาะกับคนชอบเก็บตัวอยู่คนเดียวแบบเค้า

    อาหงส์คิดในใจหลังจากเจอ เช ตอนพักเที่ยง เค้าอยากแบ่งบันเรื่องประหลาดคืนนั้นที่จัตุรัส และสิ่งที่เค้าเจอ
    ยังพูดถึงเรื่องขบวนการต่อต้านอำนาจเผด็จการของพี่เบิ้ม และอยากพูดถึงเรื่องราวต่างๆที่ตามมาหลังการที่ไม่มีรัฐบาลที่คอยเฝ้าสอดส่องประชาชนอยู่ตลอดเวลา เค้าโหยหาสิ่งที่เรียกว่า อิสระเสรีภาพ แต่ไม่รู้ว่าหน้าตาของสิ่งนั้นมันเป็นอย่างไร ทำยังไงเค้าถึงจะได้รู้ข้อมูลเพิ่มจากหนังสือเล่มสีแดง มีอยู่ไม่กี่ทางคือคุณต้องไปถามพี่บิ๊กเอง หรือไม่ก็อาจจะมีการเก็บบันทึกทางประวัติศาสตร์ฉบับจริงแท้ ที่ยังไม่เคยมีการแก้ไขอะไรมาก่อน อยู่ที่ไหนซักแห่ง ไม่แน่อาจจะกองเปื่อยในแฟ้มเก่าๆซักแฟ้มใน กรมประวัติศาสตร์ชาติไทย หรือ อยู่ใต้พื้นดินหลายเมตรพร้อมกับกรงขังแน่นหนาครอบด้วยกระจกกันกระสุน ก็ฟังดูเป็นไปได้ทั้งคู่อยู่ดี 

    แต่อาหงส์ก็ได้แต่คิดเท่านั้น ยิ่งคิดถึงเรื่องพวกนั้นก็ยิ่งมีแต่จะแสดงพิรุธออกมาทางสีหน้าเท่านั้นและเค้าไม่ต้องการให้เพื่อนร่วมงานสังเกตเห็น เค้าไม่ค่อยสนิทกับคนในที่ทำงานมากนักก็เพราะเหตุผลนั้นเพื่อนร่วมงานของเขาทุกคนมีแต่พวกคลั่งเรื่องของพรรคทั้งนั้นและการเปิดเผยว่าตัวเขาไม่ชอบผู้นำของพรรคคงจะไม่ดีแต่ชีวิตตัวเองเป็นแน่ 
    เรียกว่าเก็บตัวอยู่แต่ห้องก็ไม่ได้ เพราะเค้ารู้สึกอยากออกไปจากที่พักรูหนูของตัวเองตลอดเวลา เค้าชอบที่ที่เป็นสีเขียวสบายตา อากาศสดชื่น กลิ่นของดินหลังฝนตก ต้นไม้ และ แม่น้ำลำน้ำที่ผุดขึ้นมาจากธรรมชาติ ซึ่งเดี๋ยวนี้หาได้ยากแล้วเพราะการระบาดของค่ายทหารต่างๆทั่วประเทศ 

           ตกเย็นเค้ากลับมาจากที่ทำงาน ด้วยความเหนื่อยล้าจากภาระงานที่ไม่เป็นมิตรวันนี้ เค้าจึงมุ่งหน้าไปนอนที่เตียงเป็นอย่างแรกที่ทำตอนถึงห้อง เค้าฝันถึงบ้านเกิด เรียกให้ถูกน่าจะเป็น การเดินป่าสมัยยังเป็นเด็กตัวเล็กไม่รู้ประสีประสา
    มีอยู่ครั้งนึง ชาวบ้านในพื้นที่มีอาชีพเก็บของแปลก ชอบนำของป่าแปลกๆ มาให้เค้าดู แต่อยู่ดีๆชาวบ้านคนนั้นก็ถูกยิงกลางศีรษะตรงหน้าเขา ร่างที่ไร้วิญญาณล้มลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกพออาหงส์จะหันไปดูว่าใครเป็นคนยิง เค้าก็สะดุ้งตื่นก่อนที่จะทันเห็นหน้าคนผู้นั้น ในฝันนั้นช่างรวดเร็วและทารุณ

    …..กลางดึกคืนหนึ่งหลัง เค้าสะดุ้งตื่นจากการได้ยินเสียงประหลาดเหมือนมีคนพยายามจะเข้ามาทางประตูหน้าห้องของเขา เสียงที่เค้าได้ยิน เป็นเสียงคล้ายๆกับลูกบิดประตูอันหนาเตอะกำลังเคลื่อนที่ด้วยมือที่มองไม่เห็น ด้วยความที่บานพับหลวมและเกินอายุการใช้งานมานาน หรืออาจเป็นได้ทั้งสนิมบนพื้นผิวและการสึกหรอของชิ้นส่วนทั่วไป เสียงดังเอี๊ยด แสบแก้วหูจึงปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์แห่งการพักผ่อน พร้อมกับคำถามต่อมาในใจว่า ใครกันนะ ที่มาเวลานี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ อาหงส์รีบตั้งสติแล้วรีบสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วเค้าก็เอาหูแนบประตู พยายามฟังเสียงของผู้บุกรุกแปลกหน้ายามค่ำคืน เค้าได้ยินเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นเย็นๆของห้อง น่าจะเป็นรองเท้าบูท ความคิดนี้ทำให้มือไม้เค้าอยู่ไม่สุขพยายามหาของที่พอจะเป็นอาวุธสู้กับคนแปลกหน้ายามค่ำคืนอาจจะเป็นโจร หางตาก็ไปสะดุดกับขวดไวน์ที่อยู่ตรงมุมห้องเค้าหยิบมาถือไว้ก่อนเพื่อความอุ่นใจ แต่เค้ามั่นใจเรื่องนึงเพราะ ตำรวจความคิด จะไม่มีทางจับกุมผู้ต้องหาแบบนี้ ส่วนใหญ่พวกนั้นจะมากันเป็นกลุ่มและต้องเล่นใหญ่มีไฟสปอร์ตไลท์ดวงโตส่อง เสียงดังอึกทึก เหมือนป่าวประกาศว่าจะจับผู้ร้ายที่ไม่เชื่อฟังกฎหมาย เขียนเสือให้วัวกลัวโดยเเท้จริง หากแต่ครั้งนี้อาหงส์เดาทางอะไรไม่ได้เลยจากเจ้าของรองเท้าบูทอีกฝั่งของประตูห้องนอน ที่ตอนนี้เหลือเพียงความเงียบกริบและแสงไฟ

    เสียงข้างนอกเงียบไปซักพัก แต่อาหงส์กำลังใช้ความกล้าที่มีทั้งหมดเปิดประตูห้องนอนออกไปแบบเงียบๆ 
    หลังจากนั้นแสงไฟจากบานเกล็ดก็สาดส่องลงมาเผยใบหน้าของชายในชุดโค้ทตัวหนาพร้อมกับผูกหูกระต่าย ผมเรียบแปล้ แต่ก็ยังเห็นปอยผมที่หลุดออกมาเล็กน้อย 
    กับใบหน้าเย็นชากำลังจ้อง มาที่อาหงส์ ไม่ใช่ใครที่ไหน
    สหาย เช !! 

    “ทะทำไม สหายถึงมานั่งอยู่ในห้องผม แล้วสหายเข้ามาได้ยังไง ผมมั่นใจว่าล้อคประตูมิดชิดแล้ว เกิดอะไรขึ้น มีอะไรที่ผมพอจะช่วยสหายได้รึเปล่า?” ความสงสัยถาโถมเข้ามาหาอาหงส์อยู่ทุกด้าน ยิ่งคิดเค้าก็ยิ่งสงสัยว่าทำไม สหายเช ถึงมานั่งในห้องอพาร์ทเม้นท์รูหนูของเค้า

    “ผมคิดอยู่ซักพักนึงว่าควรจะไปเคาะประตูปลุกนายดีหรือเปล่า หรือ แกล้งทำเสียงดังๆให้นายออกมาจากห้องดี 
    ก่อนอื่นผมต้องขออภัยที่มาปลุกสหายยามวิกาล ให้ตายเถอะผมขอเรียกนายด้วยคำแทนบุุคคลเหมือนเมื่อก่อนแทนได้ไหม ผมตรวจสอบห้องนี้แล้ว ปลอดภัยจากการแอบฟัง แปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์" สหายเชกล่าว

    อาหงส์ขมวดคิ้วแน่นรับกับคำตอบที่ออกมาจากปากของ สหายเช แต่เค้าก็ยังสงสัยถึงจุดประสงค์แอบแฝงของชายผู้นี้ 
    “จุดประสงค์ของการมาหาผมกลางดึกแบบนี้ คุณไม่ได้ต้องการที่จะ..” มือของอาหงส์กำขวดไวน์แน่นขึ้น

    แน่นอน น้ำเสียงเล็กๆน้อยๆ ที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงบรรยากาศ ทำให้เชต้องรีบ ยกมือ ยกไม้ รีบบอกกับเค้าว่า 
    "ไม่แปลกในยุคสมัยที่การ อันตธานหายไปเป็นเรื่องปกติ คุณมีสิทธื์ที่จะคิดแบบนั้น แต่ผมมาที่นี่เพราะเหตุผลอื่น 
    ผมสังเกตการณ์คุณมาซักพักอาหงส์ ผมพอเดาออกว่าคุณคิดอย่างไรกับพรรคและตัวผู้นำสูงสุด ผมเองที่เป็นคนจัดฉากเหตุการณ์วันนั้นที่จัตตุรัส หนังสือเล่มนั้น เป็นของผมเอง"

    อาหงส์ ขมวดคิ้วแน่นพลางจ้องบุรุษตรงหน้าอย่างไม่คลาดสายตา ในหัวเค้ากำลังเกิดการประท้วงกันอย่างรุนแรงของความจริงและคำโกหก "เเล้วผมจะรู้ได้อย่างไร ว่าหนังสือเล่มนั้นเป็นของคุณจริงๆ ผมต้องการหลักฐาน แล้วทำไมต้องให้ผมได้อ่านมัน ทำไมต้องผมล่ะ สหายเช"

    "เหตุผลนั้นง่ายมาก ผมได้รู้จักคุณมาซักพัก ผมรู้ว่าคุณคิดยังไงกับการปกครองแบบ ระบอบอำนาจนิยม ถึงแม้มันจะเป็นระบอบการเมืองที่ใช้แพร่หลายมากที่สุดเเละระยะเวลายาวนานที่สุด ในประวัติศาสตร์การปกครองของมนุษยชาติ
    ผมยังรู้อีกด้วยว่าคุณเหนื่อยหน่ายกับระบบโง่ๆที่เอื้อให้คนรอบตัว พี่บิ๊ก ไอเผด็จการทหารเฮงซวยที่กดขี่ประชาชนทั้งประเทศด้วยความกลัว นี่ไม่ใช่ประเทศชาติตั้งแต่ไอหมอนั้นกุมบังเหียนอำนาจกำหนดทิศทางประเทศนี้ตั้งนานแล้วอาหงส์เอ๋ย แต่มันคือสงครามเย็นขนาดย่อมของรัฐบาลบ้าอำนาจกับกลุ่มก้อนประชาชนเพียงหยิบมือ…"

    สหายเชหมายถึงกลุ่มของภาคประชาชนที่ต่อต้านพี่บิ๊กใช่ไหม ? อาหงส์ขัดขึ้นมาด้วยความสงสัย

    อ่า ใช่ กลุ่มคนที่กล้าลุกฮือต่อต้านการปกครองที่โหดเหี้ยมเช่นทุกวันนี้ “อำนาจนิยม”  คือ การกระทำและการตัดสินใจของผู้ปกครองซึ่งไม่ถูกจำกัดโดยสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของประชาชน ในขณะที่สิทธิ เสรีภาพของประชาชนมีอยู่อย่างจำกัด กล่าวอีกนัยหนึ่ง สิทธิทางการเมืองของประชาชน หากมีอยู่บ้าง ก็จำกัดเต็มที 
    ด้วยเหตุที่ผู้ปกครองบ้าอำนาจนิยมอย่างพี่บิ๊กจะสร้างกฎระเบียบ มาตรการที่เข้มงวด เพื่อจำกัดกิจกรรมของบุคคลและกลุ่มบุคคลที่ต้องการมีส่วนร่วมในการเปลี่นแปลงสิ่งต่างๆในสังคม ในระบอบอำนาจนิยม ประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมมักไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงออกทางการเมืองใด ๆ ไม่ว่า การต่อสู้ทางการเมืองในรูปแบบการชุมนุมประท้วงและเดินขบวนไปจนถึงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หากกิจกรรมใดมีผลต่อเก้าอี้บัลลังค์ของมัน มันไม่เคยปล่อยให้หลุดรอดซักรายยกเว้นกลุ่มแรกและกลุ่มสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ คือกลุ่มของผม ส่วนหนังสือนั่นเป็นเหมือนบัตรเชิญจากผมที่มีให้คุณโดยเฉพาะ อาหงส์ ผมอยากให้คุณมาร่วมมือกับฝั่งเรา มาทำให้ประเทศชาติเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยจริงๆเสียที

    …. อาหงส์จ้องไปที่หน้าของเชไม่รู้จะพูดอะไรหากแต่ในหัวเค้ากำลังทำงานอย่างหนัก ความง่วงก่อนหน้าหายไปเป็นปลิดทิ้ง เค้าทึ่งที่คนที่เค้านับถือในที่ทำงานเป็นสายลับให้อีกกลุ่มนึง เค้ามีความลังเลใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ 
    แต่คำตอบของคำถามนี้ถูกคิดมาตั้งนานแล้ว 
    .
    ..

    ครับผม ผมยินดีที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ประเทศส้นตีนนี่เป็นประชาธิปไตยซะที ผมต้องทำอย่างไรบ้าง !
     


    วันพรุ่งนี้ (14/5/66) เลือกตั้งใหญ่แล้ว อย่าลืมไปเลือกพรรคที่ชอบกันนะครับ ทำให้ประเทศนี้เป็นประชาธิปไตย 
    //กันไว้ก่อน ไม่ต้องถ่ายรูปบัตรลงโซเชี่ยลนะครับ ผิดกฎหมายเด้อ 
    ตอนนี้คลอดออกมาช้ากว่ากำหนดไปมาก ผมอาจจะกำลังคิดไม่ออกว่าจะเขียนยังไงให้น่าติดตาม พลอตที่วางไว้ก็ดูอ่อนๆ ยังไงผมจะพยายามให้นิยายเรื่องแรกที่ผมเขียนออกมาจบให้ได้ 

    ปล.ระบบหลังบ้านของเด็กดีแนะนำมาว่าให้คุยกับคนอ่านหลังเขียนจบ เพราะงั้นใครรักในอะไรซักอย่างในเรื่องนี้ฝากให้กำลังใจผมที ผมจะได้มีกำลังใจทำต่อ 5555 ผมไม่เคยขอกำลังใจจากชาวเน็ตแปลกหน้าไม่รู้ที่มาที่ไปแบบนี้มาก่อน แต่ว่ามันเริ่มที่จะสำคัญกับผมจริงๆนะ ในฐานะของคนที่อยากเรียกตัวเองว่า นักเขียนได้แบบเต็มปาก
    ขอบคุณครับที่อ่าน 8885 ตัวอักษรของผมในตอนนี้ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×