คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Sound and Silence.
กว่าอาหงส์จะรู้สึกตัวว่าเวลาผ่านไปไวเพียงไหนก็สายไปเสียแล้ว หลังจากแยกทางกับ เช ที่ร้านกาแฟ
นาฬิกาข้อมือดิจิตัลบอกเวลาว่าห้าโมงกว่า เค้าหลีกเลี่ยงความวุ่นวายจากการแย่งชิงที่นั่งในรถสาธารณะเป็นการเดินเท้ากลับไปยังที่พักแทน การเดินกลับทางเดิมแต่สิ่งที่ต่างออกไปคือจังหวะการก้าวเท้าที่ค่อนข้างช้าลงกว่าตอนขามา
ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษแค่อยากประวิงเวลาสังเกตสภาพความเป็นไปของเมืองที่อาศัย
เค้าเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า กรุงเมพ มีชื่อก่อนหน้าว่า กรุงเทพ และเมืองเคยน่าอยู่กว่านี้ตามที่เค้ายังพอจำได้
เมืองหลวงของประเทศไทยในสมัยก่อนเคยน่าอยู่กว่านี้ ว่ากันว่าเคยมีคำกล่าวที่ว่า กรุงเทพ เป็นเมืองเทพสร้าง คราบเปื้อนน้ำมันเหม็นหืนอบอวลเคล้าด้วยกลิ่นควันรถ ผู้คนทั่วประเทศต่างพากันมาตามหาชีวิตดีดีที่ลงตัวกันจนคับคั่ง
แหล่งความเจริญแบบก้าวกระโดดเต็มพิกัด และเต็มไปด้วยใบปิดที่จับจ้องคุณทุกอิริยาบถ
เค้าไม่รู้ว่าเมื่อก่อนกรุงเมพ เป็นแบบคำกล่าวอ้างจริงหรือมีความน่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนแต่เท่าที่เค้าสัมผัสด้วยตัวเองก็พบว่าพอมีเค้าโครงความจริงแอบแฝงอยู่บ้าง
พอออกจากตรอกเล็กๆหน้าร้านกาแฟเค้าจึงเถลไถลในช่วงเย็นวันหยุด อาหงส์เดินครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆที่เค้าได้พูดคุยกับเชตลอดทั้งวัน เค้าปล่อยให้เท้านำทางตามสัญชาตญาณก่อนที่สองเท้าเจ้ากรรมจะมุ่งตรงไปหาร้านข้าวต้มปลาเจ้าเก่าข้างทางกิน ในร้านเค้าเห็นชายหญิงคู่นึงกำลังทานข้าวต้มปลากันคนละถ้วย ทำเอานึกถึงคนที่เคยมากินด้วยกัน
เธอชอบเรียกร้านนี้ว่ามนรักต์ข้าวต้มปลา เพราะเจ้าของรักชอบสิ่งที่อยู่ อาหงส์รีบส่ายหัวหยุดคิดเรื่องนี้ก่อนเรื่องราวจะเศร้าไปกว่าเดิม
เค้ามองเวลาหลังจากทานเสร็จ หกโมงพอดิบพอดี เสียงประกาศตามสายลอยมาจากสายไฟระโยงรยางค์ข้างนอกเคล้าไปกับเสียงเครื่องยนต์ บรรยากาศตอนเย็นพระอาทิตย์ใกล้ตก แสงสีแดงสาดส่องไปทั่วท้องฟ้า อาหงส์มองมันซักพักใหญ่ๆ จนเสียงเตือนของนาฬิกาข้อมือดังขึ้นเพื่อให้เตรียมความพร้อมก่อนที่จะร้องเพลงสรรเสริญรอบต่อไป เค้าลุกออกไปจุดบุหรี่สูบก่อนที่จะรีบกลับไปนั่งที่เดิม โทรภาพส่งสัญญาณมาทั้งรูปและเสียง เสียงตื้ดสั้นๆ ดังออกมาจากโทรภาพทั้งหมดเป็นจำนวนสิบครั้งถ้วนพอดิบพอดี ผู้คนในร้านลุกขึ้นยืนพร้อมเพรียงกัน ต่างร่วมร้องเพลงด้วยความจริงใจให้โปสเตอร์รูปหน้าถมึงทึงที่ไม่เคยยิ้ม ความวุ่นวายขนาดย่อมถูกบันทึกผ่านสายตาของใบปิดหน้าพี่บิ๊กทุกรูปในระแวกนั้น
หลังจากเพลงสรรเสริญพี่บิ๊กจบลงเค้าจึงรีบจ่ายเงินทักทายแม่ค้า แล้วเดินออกมาทอดน่องตามทางไปจนเจอจัตรุรัสที่มีรูปปั้นพี่บิ๊กในชุดทะมัดทะแมงพร้อมหนวดดำเข้มที่ดูไม่ค่อยเหมือนคนในยุคนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เค้ามั่นใจได้แน่ๆว่าเป็นพี่บิ๊กเพราะหน้าตาของรูปปั้นและในใบปิดต่างละม้ายคล้ายกัน ต่างกันเพียงแค่ทรงหนวดดำครึ้ม อะไรดลใจให้เค้ามองรูปปั้นนั้นก็ไม่อาจทราบได้
อาหงส์มองลายละเอียดตรงบริเวณหน้าของรูปปั้นเค้ารู้สึกว่ามีร่องรอยอะไรแปลกๆตรงบริเวณส่วนคอของรูปปั้น หน้าทั้งหน้าของรูปปั้นนี้เหมือนงานหัตถกรรมตัดแปะ ถ้าเพ่งมองดีๆตรงช่วงคอของรูปปั้นเหมือนมีร่องรอยของการซ่อมแซมหรือบูรณะใหม่ เค้าคิดว่ารูปปั้นนี้จริงๆอาจจะไม่ใช่รูปปั้นของพี่บิ๊ก อาจจะเป็นของวีรบุรุษสงครามในประเทศสมัยก่อนซักคนนึง แต่คนที่เคลมความสำเร็จของวีรบุรุษผู้นั้นไปคือชายผู้เดียวกับคนที่มีทุกอย่างที่ต้องการในมือ “พี่บิ๊ก” เค้าพยายามจ้องไปในดวงตาของชายผู้นี้ ถึงแม้จะเป็นแค่รูปปั้นหินอ่อนธรรมดาๆ ถึงแม้ดวงตาของรูปปั้นจะนิ่งเป็นหิน ถึงแม้อาหงส์จะไม่ได้มีแผนการร้ายอะไร แต่นี่ก็เป็นการกระทำที่โง่เขลาอยู่ดี
ถ้าสมมุติมีคนอื่นเดินมาเห็นเค้าต้องถูกตั้งคำถามแน่ๆ ถึงการกระทำอันพิลึกพิลั่นอย่างการมาจ้องมองดวงตารูปปั้นของผู้นำสูงสุดในยามวิกาลเช่นนี้ ดวงอาทิตย์ตกไปแล้ว ไฟตามทางแถวๆนั้นยังพอมีให้เห็นทางสว่างอยู่บ้าง
แต่เพียงชั่วอึดใจนึงใจเค้าก็เต้นระส่ำระสาย เสียงดังคล้ายเสียงประทัดเหมือนตอนที่อาหงส์เคยเล่นตอนเป็นเด็ก
ปังงงง!!
ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากในสายตาของอาหงส์ วินาทีนั้นช่วงคอของรูปปั้นมีแสงจ้าออกมาพร้อมเสียงระเบิดขนาดเล็ก ไม่ดังมากไม่เบามาก แรงระเบิดไม่ได้มากพอที่จะส่งผลให้เศษรูปปั้นแตกกระจายออกเป็นวงกว้างแค่ตรงส่วนบริเวณคอของรูปปั้นแตกกระจายออก เศษหินอ่อนปลิวมาโดนตัวอาหงส์นิดหน่อย แต่ไม่มากพอที่จะรู้สึกเจ็บแรงโน้มถ่วงค่อยๆกดหัวรูปปั้นของพี่บิ๊กให้ตกลงมาจากฐาน ก่อนที่จะค่อยร่วงหล่นลงสู่พื้นแตกกระจายลงต่อหน้าต่อตาของเขา
อาหงส์มั่นใจว่าจุดศูนย์กลางแรงระเบิดจะต้องอยู่ตรงช่วงคอ โชคดีจังเขาคิด ที่รูปปั้นทั้งอันยังไม่ถูกทำลาย การทำลายรูปปั้นสำหรับเค้า เหมือนกับการทำลายทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ด้วย รูปปั้นเหล่านี้มักถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความเคารพบูชาบุคคลจริงๆในประวัติศาสตร์ที่ถูกปลอมแปลงแล้วปลอมแปลงอีกทั้งความคิดสร้างสรรค์ของชาวบ้าน การทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้อาจจะเป็นการก่อให้เกิดความโกรธและความไม่พอใจในสังคมระยะยาวด้วย
เค้าพึ่งค้นพบว่ายิ่งเค้ายืนจ้องเหตุการณ์นี้เท่าไหร่ เค้าจะยิ่งมีปัญหามากเท่านั้น จึงตัดสินใจรีบเดินออกมาจากจัตุรัสอย่างเงียบเชียบ ตัดป่าสนเล็กๆที่ขึ้นระแวกนั้น เค้าได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายของผู้คนที่ตามหาที่มาของเสียงจากฝั่งไหนซักฝั่ง พร้อมกับเสียงหวอจากฝั่งถนน ผู้คนน่าจะเริ่มเห็นเหตุการณ์กันเเล้วเพราะเค้าได้ยินเสียงแตกตื่นกับความเสียหายบริเวณรูปปั้น
เค้ามองทั่วบริเวณหาคนจากพรรคแต่ก็ไม่เห็นวี่แวว มีแค่คนบริเวณนั้นมามุงดูกันสองสามคน
อาหงส์แอบยืนสังเกตุการณ์อยู่ห่างๆ พลางคิดว่าใครกันที่ใจกล้าบ้าบิ่นก่อเหตุเช่นนี้ เค้าชื่นชมถึงความกล้านั้น
กลางจัตุรัสเป็นลานเปิดโล่ง ติดป่าสนฝรั่งเป็นหย่อมเล็กๆ แรงระเบิดจึงไม่ส่งผลหระทบต่ออะไร ความเสียหายจึงมีไม่มาก จุดประสงค์ของการกระทำครั้งนี้เหมือนเป็นกาศป่าวประกาศนัยทางการเมืองอะไรซักอย่างกับ พี่บิ๊ก “น่าสนใจแฮะ”
อาหงส์พยายามหาคำตอบว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ อาจจะเป็นพวกที่อยากก่อกบฏ หรืออาจเป็นพวกสายลับของต่างชาติที่พยายามแทรกแทรงระบบการปกครองในประเทศก็ไม่อาจคาดเดาได้ แต่นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติสุขที่เกิดบ่อยๆในเมืองแห่งนี้ เค้ารู้สึกว่าเป็นสักขีพยานคนสำคัญของเหตุการณ์อะไรซักอย่างในอนาคต
เรื่องลึกลับซับซ้อนทุกวันนี้เยอะเเยะหลือคณานับ ผู้คนอดอยากและถูกอุ้มหายแทบทุกชั่วโมง เเละเค้าไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของอะไรทั้งนั้นตราบที่พรุ่งนี้เค้ามีกาแฟโง่ๆ กับ น้ำสนิมร้อนๆ และที่นอนในค่ำคืนนี้ เค้าก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้
……..
…………
………………
เสียงสวบสาบ เหมือนเหยียบอะไรซักอย่างดังขึ้นข้างหลังที่ที่อาหงส์แอบซ่อนตัวอยู่หลังต้นสนต้นใหญ่ต้นหนึ่งระแวกนั้น “อย่าส่งเสียงและขยับตัว ผมรู้ว่าคุณไม่มีอาวุธ แต่ผมจำเป็นต้องแน่ใจก่อน” เจ้าของเสียงลึกลับเอ่ยด้วยสำเนียงฟังไม่ค่อยถนัด "ผมรู้ว่าคุณคือใคร ผมแอบสะกดรอยตามคุณมาซักพักแล้ว คุณ หงส์ สันสกฤต บุญเริ่ม"
อาหงส์นิ่งเงียบปนประหลาดใจที่เสียงลึกลับข้างหลังรู้ชื่อของเขา พลางคิดถึงเรื่องร้อยแปดพันเก้าที่เค้าได้กระทำมาว่าเหตุใดกันถึงขนาดที่ว่ามีเสียงลึกลับพูดชื่อจริงเค้าถูกต้องทุกพยางค์ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติเค้าบอกตัวเอง
อาหงส์กำลังจะเอ่ยปากถามว่า รู้ชื่อของเขาได้ยังไง แต่ริมฝีปากขัดขืนไม่ยอมทำตามคำสั่งความกลัวครอบงำสติทีละนิด
เหมือนชายลึกลับอ่านใจเขาได้ จากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า “ ผมไม่ใช่ศัตรูของคุณในตอนนี้ สบายใจได้ ทีนี้นับหนึ่งถึงร้อยค่อยๆลดมือลงแล้วหันหน้ามามองพื้นไว้ อย่าทำอะไรโง่ๆ รับสิ่งนี้ไปแล้วรีบไปจากที่นี่ซะ ” ด้วยน้ำเสียงดุดันปนดุเล็กน้อย
ระหว่างที่อาหงส์กำลังนับเลขในใจ เค้าได้ยินชายลึกลับวางอะไรซักอย่างไว้ข้างหลังแล้วค่อยๆได้ยินเสียงเท้าค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ เสียงเหยียบใบไม้หายไปซักพักแล้ว กระนั้นอาหงส์ก็ทำตามที่เสียงประหลาดนี้สั่งเค้าทุกอย่าง
ในใจลึกๆเค้ากลัวว่าจะเป็นตำรวจความคิดกำลังเล่นตลกกับเหยื่อก่อนที่จะลงโทษด้วยการทำให้หายไปตลอดกาล
เค้าค่อยๆหันหน้ามามองลงไปที่พื้น ห่อแฟ้มเอกสารสีน้ำตาลอันหนึ่งวางอยู่ข้างหลังเขา อาหงส์เห็นรอยเท้าเหมือนรองเท้าบูตเป็นร่องรอยตามทางเดินบนบริเวณโคลนต้น แว้บหนึ่งเค้าอยากเดินตามรอยเท้านั้นไปแล้วถามให้รู้แล้วรู้รอดว่านี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไรซักอย่างแน่ๆ แต่สิ่งที่เค้าทำคือเดินกึ่งวิ่งพร้อมถือถุงกระดาษในมือแน่น วิ่งออกมาจากที่เดิมด้วยท่าทีอุตลุดแต่ยังไม่กล้าตรงกลับที่พักในทันทีจึงประวิงเวลาด้วยการหาที่พักที่สามารถนั่งเอาแรง เค้าออกมาจากจัตุรัสมาทางเหนือประมาณสิบนาทีได้ ผ่านไปซักพักก็เจอม้านั่งคู่นึงจึงนั่งลงด้วยความเหนื่อยและอายุขัยที่โตเกินจะวิ่งหนีอะไรบางอย่าง เค้าไม่สนว่าอาจมีใบปิดหน้าพี่บิ๊กซักใบสองใบที่จ้องมองเค้าแปลกๆหรือบางทีเค้าอาจคิดไปเองก็ได้
กว่าอาหงส์จะกลับมาถึงที่พักก็จะสี่ทุ่มอาจเป็นเพราะการจราจรช่วงขากลับค่อนข้างยากลำบากเล็กน้อย จากการที่มีผู้ประสงค์ร้ายพยายามทำลายสถาปัตยกรรมเพื่อเชิดชูพี่บิ๊ก ตำรวจ สปาย และ คนจากพรรค ต่างตามหากันให้ควั่ก
กับอาชญากรรมที่อุกอาจเช่นนี้ ตอนนี้พี่บิ๊กคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่เคยและไม่มีใครกล้าทำกับรูปปั้นของเขาเช่นนี้มาก่อนถึงแม้เค้าจะเคยเห็นพวกที่ชอบพ่นสีสเปรย์ใส่รูปปั้นมาบ้างแต่กรณีนี้มันค่อนข้างต่างกันทีเดียว
พอเขาถึงห้องสิ่งแรกที่เค้าทำคือรีบตรงไปห้องครัวเปิดลิ้นชักชั้นบนสุดของตู้จิบไวน์เก่าค้างขวดที่ได้มาจากตลาดมืดเมื่อปีก่อน บรรจงจิบด้วยความกระเห็ดกระหอบหากมีเรื่องทุกข์ร้อนใจอะไรปริมาณไวน์ในนี้มีความจำเป็นที่ต้องลดลงไปของมันเสมอ หัวใจอาหงส์เต้นร่ะส่ำระสาย ไม่แน่ใจว่าอาการเหนื่อยหอบหรือด้วยความรักตัวกลัวตายที่พึ่งผ่านเหตุการณ์เผชิญหน้ากับอะไรแปลกๆมา ถุงกระดาษในมือหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น พอเขย่าถุงข้างในพบว่าน้ำหนักของมันไม่มากและไม่เบาเกินไป ด้วยความสงสัยที่ค่อยๆเพิ่มออกมากขึ้นทุกที เค้าจึงตัดสินใจเปิดออกดูก่อนจะพบว่าของข้างในคือ "หนังสือปกสีแดง" มีแต่เรื่องให้ประหลาดใจ เค้าคิดก่อนจะหยิบขึ้นมาดูหน้าปกอย่างละเอียด เป็นสีแดงแค่สีแดงไม่มีอะไรเขียนที่หน้าปกหรือหลัง เค้ายังไม่อยากรับรู้ว่าอะไรอยู่ภายในนั้นจึงตัดสินใจจะเก็บซ่อนไว้ในที่พักก่อนเลิกงานเสร็จพรุ่งนี้ค่อยมาสืบสวน
ในโลกทุกวันนี้ที่รัฐบาล หรือ พี่บิ๊ก ปกครองอยู่ มีเครื่องผลิตกระดาษอยู่เพียงเครื่องเดียวที่เหลืออยู่ในประเทศ
และทุกคนรู้ว่ามันคือนวัตกรรมจากยุคเก่า สามารถหาของจำพวกนี้ได้ในพิพิธภัณฑ์โลกยุคเก่าเท่านั้น ของอย่างหนังสือเลยไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก เค้าจำได้ว่าเค้าชอบอ่านหนังสือมากๆสมัยเรียนประถม โลกของอาหงส์วัยเด็กเต็มไปด้วยจินตนาการต่างจากเค้าในทุกวันนี้ที่มองเรื่องทุกอย่างให้เลวร้ายเข้าไว้ก่อน หากเกิดเรื่องดีๆขึ้นเค้าจะถือว่าเป็นโบนัส
ซึ่ง ณ ตอนนี้เค้าไม่รู้ว่า ตอนนี้เค้าได้สิ่งที่เรียกว่าโบนัสหรือเปล่าเค้ามองไปที่โต้ะ เห็น "หนังสือปกสีแดง" วางข้างๆกับ ขวดไวน์เค้าจึงตัดสินใจเก็บหนังสือนั่นใต้ลิ้นชักแทนก่อนที่จะกระดกไวน์ที่เหลือก้นขวดให้หมด รสชาติอันแผ่วร้อนค่อยๆชำระล้างความว้าวุ่นใจ และทำสติเค้าเลือนลาง
.
.
.
ตอนนี้ผมใช้เวลาทำค่อนข้างนาน เกลาไปเรื่อยๆ ตอนนี้ลองเขียนให้ต่างจากตอนอื่นดู ไม่รู้คุณๆสังเกตุกันได้ไหม ตอนอื่นผมจะค่อยๆ 1 2 3 4 5 แต่ตอนนี้ผมทำเป็น 8 5 3 5 4 1 2 3 // พิมพ์เองก็งงเอง เอาเป็นว่า ขอให้สนุกนะครับ จะพยายามขมวดปมอยากให้จบตอนที่สิบ จะได้ใช้เวลาทำอีกเรื่องได้เต็มที่ มีหลายโปรเจ็คส์นี่ปวดหัวน่าดูนะครับ
ปล.ผมพยายามใส่รูปที่ให้ AI Generates เพราะงั้นอย่าบอกว่ามันแปลกให้มองมุมมอง Futuristic แทนละกัน อิอิ
Y
ความคิดเห็น