ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Profile of Achelle Aira
"Baby don't cry"
ย้อนไปเมื่อตอนไอราเกิด
"อุแว้ๆ! อุแว้!"เสียงร้องที่เป็นดั่งระฆังสวรรค์ของเด็กน้อยวัยแรกเกิดทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างยิ้มออกมาด้วยความดีใจ หญิงสาวนั้นได้คลอดลูกอย่างปลอดภัยและได้มีลูกสาวที่ร่างกายแข็งแรง
ชายวัยกลางคนที่ได้เข้ามาดูภรรยาทำคลอดก็ยิ้มออกมาพร้อมกับน้ำตาลูกผู้ชายที่ไหลรินจากดวงตาคมกริบนั่น เขาทั้งดีใจและมีความสุข ลูกสาวที่เขาเฝ้าถนุถนอมตั้งแต่รู้ว่าภรรยาอันเป็นที่รักตั้งท้องตอนนี้ได้ออกมาดูโลกภายนอกอย่างปลอดภัยแล้ว
ฝ่ามือหนายกขึ้นมาเช็ดน้ำตาของตนก่อนจะก้าวขาไปหาหญิงสาวอันเป็นที่รักพร้อมกับยกมือลูบหัวอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน หญิงสาวค่อยๆเลื่อนมือมากุมมือหยาบของคนรักและยิ้มออกมาพร้อมกับน้ำตา... น้ำตาที่เต็มไปด้วยความดีใจระคนปิติ
"ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่ด้วยตอนที่ใกล้คลอด"เขาเช็ดน้ำตาของภรรยาเบาๆพร้อมกับเอ่ยคำขอโทษที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่คนเป็นภรรยาส่ายหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ไม่หรอกค่ะ ฉันเข้าใจว่าคุณมีงานด่วน และอีกอย่างตอนนี้คุณก็อยู่กับฉันแล้วไงคะ"ประโยคที่แสนน่ารักถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจนคนฟังอยากจะฟัดแรงๆที่แก้มของอีกฝ่ายแต่ก็ต้องอดใจไว้ก่อนเพราะตอนนี้คุณภรรยาตัวนอนกำลังหมดแรง ต้องรอให้อีกฝ่ายอยู่ในสภาพที่พร้อมมากกว่านี้เสียก่อน
"เอ่อ... คุณท่านคะช่วยออกไปรอข้างนอกด้วยนะคะ ส่วนคุณหนูดิฉันให้คนเอาน้องไปไว้ในห้องแล้วค่ะ"
"อืม เข้าใจแล้ว"เขาเอ่ยออกมาด้วยท่าทีที่มีอำนาจแต่ก็มิวายหันไปจูบหน้าผากคุณภรรยาเบาๆก่อนจะเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี
-------------------------------
"อืม... เราจะชื่อลูกว่าอะไรดีล่ะยูรา?"เอ่ยถามภรรยาของตนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยที่ตอนนี้กำลังเล่นกับลูกน้อยด้วยความเอ็นดูและรักใคร่
เธอที่ได้ยินคำถามของสามีจากที่กำลังเล่นกับลูกน้อยอยู่ก็ชะงักก่อนจะเอื้อนเอ่ยชื่อออกมาเบาๆ
"อาเชลเล่... ไอรา"
"หืม... ทำไมถึงเป็นไอราล่ะ?"
"ก็เพราะ... มันคล้องจองกับยูราไง"
"แค่นี้?"เขาเลิกคิ้วก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เธอส่ายหน้าเบาๆเป็นเชิงว่าไม่ได้มีแค่นั้นก่อนจะคลี่ยิ้มและพูดต่อ"เพราะว่าตอนที่ฉันท้องฉันฝันถึงสายลมที่พัดผ่านตัวฉัน มันทั้งสงบและร่มเย็น เพราะงั้นฉันขอให้เด็กคนนี้ชื่อไอราที่แปลว่าสายลมนะคะ"
_______________________________________
ตอนไอรา5ขวบ
"ไอราวันนี้หนูต้องเรียนอะไรบ้างคะ?"ยูราเอ่ยถามลูกสาวที่กำลังรับประทานอาหารเช้าอย่างเงียบๆด้วยความอ่อนโยน ไอราเลื่อนสายตาจากอาหารตรงหน้าแล้วเงยขึ้นมองผู้เป็นมารดาก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงฉะฉานและตบท้ายด้วยรอยยิ้มที่ดูจะไม่ค่อยมีความสุขเสียเท่าไรนัก
"ร้องเพลง เต้นบัลเล่ต์ เรียนภาษาจีนและฝรั่งเศษ เรียนวาดรูป และก็เรียนประวัติศาสตร์ค่ะ"
"งั้นหรือจ๊ะ พยายามเข้านะจ๊ะ"
"เข้าใจแล้วค่ะ"กล่าวขอบคุณก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมาดื่มเมื่อลำคอระหงส์แห้งผาก เธอยิ้มให้มารดาอีกครั้งก่อนจะเอ่ยขอตัวไปเรียน
--------------------------------
"คุณหนูคะท่อนเมื่อกี้คุณลงเสียงผิดนะคะ เมื่อกี้ต้องขึ้นเสียงสูงกว่านี้นะคะ ช่วยพยายามมากกว่านี้ด้วยค่ะ"เอ่ยตักเตือนคุณหนูประจำตระกูลที่ดูจะยังพยายามไม่มากพอ สายตาตำหนิถูกส่งไปให้ทำให้ตอนนี้ไอราช่างเหนื่อยเหลือเกินกับการคาดหวังของคุณครูสาว
"ขอโทษด้วยนะคะ ฉันจะพยายามให้มากกว่านี้ค่ะ"ไอราขอโทษคุณครูด้วยความจริงใจก่อนจะพูดจาที่แสดงถึงความตั้งใจและมุ่งมั่นของเธอ
กาลเวลาผ่านกี่ชั่วโมงแล้วก็ไม่สามารถหาคำตอบได้แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ชั่วโมงทุกคนในคฤหาสถ์ก็ยังคงเห็นว่าคุณหนูของเธอตั้งใจที่จะได้เรียนรู้อย่างที่พ่อแม่ของเธอต้องการ คนรับใช้ในบ้านต่างก็เห็นใจคุณหนูของเธอนักที่ต้องพยายามอย่างหนักเพื่ออนาคตที่ดีที่คุณท่านทั้งสองมอบให้
18:00 น.
"เลิกคลาสได้ค่ะ คุณหนูเชิญไปรับประทานอาหารและพักผ่อนให้สบายนะคะ"คุณครูสาวว่าก่อนจะเก็บของและออกไปจากห้องทิ้งไว้เพียงไอราและเงียบงัน
ไอราเดินไปที่หน้าต่างของห้องและเหม่อมองมันอยู่อย่างนั้นจนเวลาล่วงเลยไปนานแต่เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน ดวงตากลมโตจ้องท้องฟ้าที่ไร้ดวงอาทิตย์ด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ก๊อกๆ
"ขออนุญาตนะคะ คุณหนูคะนายหญิงให้มาตามไปทานข้าวค่ะ"สาวใช้เคาะประตูไม้อย่างดีก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป เธอบอกกับคุณหนูของเธอด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
ไอราหันไปมองสาวใช้ก่อนจะพยักและยิ้มอย่างรับรู้ เธอผละออกจากหน้าต่างและเดินตามสาวใช้ไปอย่างเงียบๆ ตลอดทางเดินไร้ซึ่งเสียงพูดคุยของกันและกัน ดวงตากลมโตเบนสายตาไปมองรอบๆเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีนอกจากเดินตามไปอย่างเงียบๆ
"ดิฉันพาคุณหนูมาแล้วค่ะ"
เสียงของสาวใช้เรียกความสนใจของล็อตโตและยูราได้เป็นอย่างดี สายตาทั้งสองคู่มองลูกสาวเพียงคนเดียวที่กำลังเดินมานั่งที่โต๊ะ ยูราที่เห็นว่าลูกสาวนั่งลงแล้วก็เปิดประเด็นทันทีอย่างไม่รอช้า
"ทำไมถึงมาช้าคะไอรา"
ไอรามองผู้เป็นมารดาและคลี่ยิ้มให้ก่อนจะตอบ"หนูแค่มองท้องฟ้าอยู่น่ะค่ะ"
คำตอบของไอราทำให้บุพการีทั้งสองมองหน้ากันด้วยความสงสัยว่ามองท้องฟ้าทำไม ไอราที่รู้ถึงความสงสัยจึงออกปากบอกก่อนจะรับประทานอาหารตรงหน้า
"วันนี้ลมมันเหมือนความหมายชื่อและนามสกุลหนูดีนะคะ"
_______________________________________
ไอราอายุ12ปี
กาลเวลาที่ล่วงเลยมา7ปีไม่ได้ช่วยให้ไอรารู้สึกมีความสุขขึ้นได้เลย ใครกันที่บอกว่าเวลาจะทำให้ตัวเราชินชาและยอมรับมัน เธอคิดว่ามันไม่เห็นจะจริงเลยสักนิด เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเธอก็ยังคงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและกดดันกับสิ่งที่ทำอยู่เหลือเกิน
การที่เธอพยายามมาได้ถึงทุกวันนี้ก็แทบกระอักแล้วแท้ๆ แต่เพราะเวลาที่เปลี่ยนไปกับวัยวุฒิที่เพิ่มขึ้นทำให้สิ่งที่เธอต้องทำหรือพยายามก็เพิ่มมากขึ้นตามกาลเวลาเช่นกัน และยิ่งสิ่งที่เธอต้องทำเพิ่มขึ้นทั้งเวลาพักผ่อนของเธอก็จะนอนลง ทั้งต้องฝึกร้องเพลง ฝึกเต้น จดจำในสิ่งที่เรียน
ต่อให้เธอเป็นคนที่เรียนรู้ได้เร็วหรือจดจำได้ดีก็ใช่ว่าจะไม่เหนื่อย สิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดไม่ใช่พรสวรรค์แต่มันคือพรแสวงที่ต้องเรียนรู้และหามันด้วยตนเอง
"ไอราจ๊ะ มาหาแม่หน่อยลูก แม่มีคนจะมาแนะนำ"หญิงสาวที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ไม่ได้ลดความสวยของเธอลงได้กลับกันมันทำให้เธอดูสวยและมีราคามากกว่าเดิมเสียอีก ไอราที่กำลังอ่านหนังสืออยูจึงหยุดอ่านและมองผู้เป็นมารดาแทน แต่ตอนนี้ช่างน่าแปลกใจนักเมื่อมีชายหนุ่มตัวสูงยืนอยู่ข้างๆแม่ของเธอ
เขาเป็นผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาหล่อเหลาเอาการ ส่วนสูงที่ดูจะสูงเกินไปทำให้ต้องเงยหน้ามองจนคอแทบเคล็ดนั่นนึกแล้วก็อิจฉานักที่อีกเกิดมาตัวสูง ส่วนเรื่องอายุเขาก็คงต้องอายุมากกว่าเธออยู่แล้วล่ะนะ
"ใครคะ"เธอถามพร้อมกับสำรวจชายหนุ่มที่กำลังยืนส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้เธอด้วยความสนใจ
"เขาชื่อไอยาซากิ โทโมยะจ้ะ ตั้งแต่วันนี้โทโมยะคุงจะมาสอนหนูร้องเพลงแทนคุณครูคิมคนก่อนนะจ๊ะ"ยูราแนะนำตัวคุณครูคนใหม่ด้วยท่าทีเป็นกันเองระหว่างเธอและชายหนุ่ม ทั้งสองที่ดูจะรู้จักกันมาก่อนเพราะชื่อเรียกที่ดูสนิทสนมนั่นทำให้เธอสงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร และดูเหมือนยูราจะรู้ทันเธอจึงเดินไปนั่งข้างโซฟาข้างๆลูกสาวพร้อมกับบอกเรื่องที่เก็กสาวสงสัย"แม่กับแม่ของโทโมยะคุงเป็นเพื่อนกันน่ะจ่ะ แล้วโทโมยะคุงก็จบนิเทศมาด้วย แม่เลยให้เขามาสอนแทนเพราะคุณครูคิมต้องไปสอนเด็กคนอื่นน่ะจ่ะ"
"อ่า... ค่ะ"เธอพยักหน้ารับและหันไปทางโทโมยะก่อนจะยิ้มให้และพูดแนะนำตัวเอง"สวัสดีค่ะ ฉันชื่ออาเชลเล่ ไอราค่ะ"
"ผมชื่อไอยาซากิ โทโมยะครับ"โทโมยะแนะนำตัวเองพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ไอรา จากหัวใจที่เคยด้านชากำลังรู้ตื่นเต้นกับคุณครูคนใหม่
ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่าจากดอกไม้ที่เหี่ยวเฉากำลังถูกรดน้ำด้วยความเอาใจใส่และความเข้าใจ ตอนนี้เป็นครั้งแรกเลยที่เธออยากจะยิ้มออกมา อยากยิ้มแบบที่โทโมยะยิ้ม รอยยิ้มที่สดใสแบบนั้นอยากลองยิ้มดูสักครั้งจัง
___________________________________
ไอราอายุ13ปี
"วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ"โทโมยะว่าพลางหยุดนิ้วที่กำลังบรรเลงเปียอยู่ให้หยุดนิ่งและลุกขึ้น เขาลุกไปหาไอราที่ยืนร้องเพลงอยู่ซึ่งตอนนี้อีกฝ่ายกำลังฉีกยิ้มให้อย่างร่าเริง
"โทโมะคุง วันนี้ฉันร้องเป็นยังไงบ้างคะ?"เธอเอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างเคยชิน ซึ่งคำตอบที่ได้ก็ยิ่งทำให้เธอยิ้มกว้างเก่าจนลักยิ้มบุ๋มลึกลงไปทั้งสองข้าง ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของไอราทำให้โทโมยะอยากจะจับร่างเล็กๆของอีกคนให้ฉ่ำปอดเสียจริง แต่เขาก็ทำได้แค่คิดอ่ะนะ#ยักไหล่อย่างชิลๆ
ไอรามองโทโมยะที่ตอนนี้กำลังนั่งพักดื่มก่อน และท่าทางดื่มน้ำของโทโมยะก็เท่เสียจนไอรานึกอิจฉาที่อีกฝ่ายทำอะไรก็ดูดีไปเสีย ตอนนี้เธอกำลังสงสัยหนักมากว่าทำไมเธอไม่เห็นจะดูดีตลอดเวลาแบบโทโมยะบ้างเลยนะ
เธอถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะจ้องโทโมยะอีกรอบแล้วหวนคิดถึงอดีตตอนที่โทโมยะมาสอนเธอใหม่ๆ เธอจำได้ว่าแค่เขามาสอนเธอวันแรกเขาก็ทำให้เธอยิ้มและหัวเราะได้แล้วในขณะที่เขาพูดเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น ไอรารู้สึกถึงเสน่ห์ในคำพูดของเขา ทุกคำพูดที่โทโมยะพูดออกมาล้วนถูกคิดมาอย่างดีเพราะงั้นคำพูดคำจาแรงๆจึงไม่เคยออกมาจากปากโทโมยะเลย
ตลอดเวลาที่ผ่านที่ได้เรียนกับโทโมยะเธอเริ่มรู้สึกว่าชีวิตของมีสีสันเยอะกว่าแต่ก่อนที่เธอเอาแต่ฝืนยิ้มและบอกไม่เป็นไรในเวลาที่ไม่มีใครเข้าใจ แต่ในวันนี้เธอมีโทโมยัคนที่คอยเป็นทั้งที่ปรึกษา คุณครู และพี่ชาย โทโมยะทำให้ชีวิตของจากที่มืดมนให้กลายเป็นโลกใบใหม่ที่เธอเฝ้าฝันมาตลอดว่าต้องการจะมีสักครั้งในชีวิต
จนวันนี้มันทำให้เธอได้รู้ว่าถ้าต้องการแล้วห็ต้องลงมือทำไม่ใช่รอเวลาอย่างที่เธอเข้าใจ ขอบคุณนะคะโทโมะคุงที่ทำให้ฉันเข้าใจโลกใบนี้มากขึ้น
"จริงสิไอ!"ร่างสูงที่ก้มหน้าดูโน๊ตอยู่ก็พูดขึ้นมาเสียงดังจนเธอตกใจ ไอราขมวดคิ้วงุนงงว่าโทโมยะเป็นอะไรไปทำไมเรียกเธอเสียงดังขนาดนี้ แต่โชคดีหน่อยที่ห้องดนตรีของเธอเป็นห้องเก็บเสียงอ่ะนะ
"มีอะไรหรอคะโทโมะคุง?"
"ผมมีเพลงอยากให้เธอลองฟังดูน่ะ"
"เพลงอะไรหรอคะ?"เอียงคอถามอย่างน่ารักจนโทโมยะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
"Baby don't cry ครับ"
"เห~ร้องให้ฟังหน่อยสิคะ"เมื่อจบประโยคของไอ โทโมยะก็ยิ้มออกมาและเดินไปทางเปียโนสีดำขลับตัวสวย นิ้วมือเรียวค่อยๆบรรเลงไปตามเพลงอย่างอ่อนนุ่มพร้อมกับเอื้อนเอ่ยคำร้องออกมา
"Baby don't cry tonight 어둠이 걷히고 나면
ที่รัก คืนนี้อย่าร้องไห้เลยนะ ถ้าความมืดมิดผ่านไปแล้ว
Baby don't cry tonight 없었던 일이 될 거야
ที่รัก คืนนี้อย่าร้องไห้เลยนะ ก็คงจะกลายเป็นวันที่ไม่มีอยู่แล้ว
물거품이 되는 것은 네가 아니야 끝내 몰라야 했던
สิ่งที่จะกลายเป็นฟองไม่ใช่คุณ ที่จะต้องจบลงไปอย่างไม่รู้อะไรเลย
so Baby don't cry cry 내 사랑이 널 지킬 테니
เพราะฉะนั้น อย่าร้องไห้เลยนะที่รัก เพราะความรักของผมจะปกป้องคุณเอง"
Baby don't cry tonight 없었던 일이 될 거야
ที่รัก คืนนี้อย่าร้องไห้เลยนะ ก็คงจะกลายเป็นวันที่ไม่มีอยู่แล้ว
물거품이 되는 것은 네가 아니야 끝내 몰라야 했던
สิ่งที่จะกลายเป็นฟองไม่ใช่คุณ ที่จะต้องจบลงไปอย่างไม่รู้อะไรเลย
so Baby don't cry cry 내 사랑이 널 지킬 테니
เพราะฉะนั้น อย่าร้องไห้เลยนะที่รัก เพราะความรักของผมจะปกป้องคุณเอง"
"ภาษาอะไรกันคะ ทำไมฟังดูร้องยากจัง"ไอราถามขึ้นทันทีที่ฟังจบ เธอรู้สึกมึนตึ้บอย่างมากเพราะเธอไม่เคยเรียนภาษานี้มาก่อนเลย
"มันเป็นเพลงเกาหลีน่ะครับ ส่วนความหมายไอต้องไปหามันด้วยตนเองและร้องมันให้ได้ นี่ถือเป็นการบ้านนะครับ"โทโมยะว่าพลางผละจากเปียโนมาลูบหัวกลมๆของเธอแทน
"แล้วฉันต้องร้องให้โทโมะคุงฟังตอนไหนหรอคะ?"
"เมื่อวันที่เธอเข้าใจความหมายของเพลงน่ะ วันนี้ก็พอแค่นี้ล่ะนะครับ บ๊ายบาย~"โทโมยะลูบหัวร่างเล็กเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินออกไปทิ้งไว้ซึ่งความมึนงงไม่รู้จบของไอรา
______________________________________
ไอราอายุ14ปี
วันนี้เป็นวันเกิดของไอราและแน่นอนว่าปีนี้เป็นปีที่เธอมีความสุขมากกว่าปีอื่นๆเพราะปีนี้มีโทโมยะร่วมอยู่ด้วย วันนี้เธอรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ ยิ่งเธอคิดก็ยิ่งตื่นเต้น
โทโมยะมองไอราที่วันดูจะลุกลี้ลุกลนแปลกๆ จริงๆเค้าก็เข้าใจแหละว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ แต่ไม่คิดว่าเธอจะตื่นเต้นกับอะไรแบบนี้เพราะที่ผ่านมา13ปีเธอก็ต้องผ่านวันเกิดมาอยู่แล้ว แต่วันนี้นึกคึกอะไรก็ไม้รู้ทำไมดูแปลกๆ
"วันนี้ไอดูตื่นเต้นจังนะครับ"เอ่ยเอามาด้วยน้ำเสียงสบายๆพร้อมกับระบายรอยยิ้มอ่อนโยนให้อีกฝ่าย
"หือ? อ้อ.... เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของฉันไงล่ะคะ"พูดจบก็ยกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะคิดคักอยู่คนเดียวจนเขาเริ่มสงสัยเสียแล้วสิ จากตอนแรกที่อยากจะแกล้งแซวเล่นไหงเราอยากรู้ขนาดนี้ล่ะ งงใจ คิดได้ไม่มากจากที่สงสัยอยู่แรกก็เป็นอันต้องกลั้นยิ้มให้กับคำพูดของยัยตัวเล็กทันที"และเพราะว่าวันนี้มีโทโมะคุงอยู่ด้วยล่ะค่ะ ฉันจึงมีความสึกมาเป็นพิเศษแบบใส่ไข่^^"
อา... ให้ตายสิใครให้สอนยัยตัวเล็กพูดแบบนี้ว่ะเนี่ย สงบใจไว้ไอโมะ คุกเว้ยคุก ท่องไว้ตัวเรา
ยัง... ยังไม่รู้ตัวอีกว่าใจจะละลายแล้วยัยตัวเล็กเอ๊ย! คนอะไรวะน่ารักน่าฟัดเป็นบ้า
ตกดึก...
"เฮ้อ..."ร่างเล็กถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกนอนไม่หลับ จิตใจเธอกระวนกระวายอะไรสักอย่าง... อะไรสักอย่างที่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร
"เฮ้อ~ไปเดินเล่นสักแปปแล้วกันไหนๆก็นอนไม่หลับแล้วนี่นา"เธอว่าพลางเลิกผ้าห่มขึ้นและลงจากเตียงไปเปิดประตู ขาเล็กก้าวไปตามทางเดินจนมาถึงห้องดนตรี ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องมาห้องนี้ ไอราดูจะมึนๆอยู่บ้างที่จู่ๆเธอเดินมาโผล่ที่ห้องนี้ และเป็นอีกครั้งที่เหมือนกับมีอะไรมาจูงใจให้มือบางไปเปิดมันออก
ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพตรง พี่ชายที่เธอรักกำลังนอนจมกองเลือดอยู่พาลให้ใจสั่นไหวกับภาพตรงหน้านัก ร่างบางรีบวิ่งเข้าไปประคองร่างหนาไว้ ดวงตาคมที่ปิดสนิทค่อยเปิดขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความเปียกชื้นบริเวณใบหน้า เสียงแหบพร่าค่อยๆเอ่ยออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเจ็บปวดจนอยากจะตายนัก
"อย่า... ร้อง..ไห้"
"โทโมะคุงอย่าเป็นอะไรไปนะ ฮึก.. อย...อย่าทิ้งกันไปไหนนะ... ฮึก โทโมะคุง... ได้โปรด"ไอราเอื้อมมือไปจับมือของโทโมยะไว้แน่นราวกับว่าถ้าได้ปล่ยมืออันอบอุ่นคู่ยี้แล้วเธอจะไม่สามารถจับมันได้อีกตลอดกาล
"B..Baby don't... cry tonigth... ( ที่รัก คืนนี้อย่าร้องไห้เลยนะ )"โทโมยะร้องเพลงออกมาท่ามกลางเสียงสะอึกสะอื้นราวกับจะขาดใจให้ได้ ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มอ่อนโยนและเธอก็เข้าใจในสิ่งที่เขาจะสื่อทันที
"어둠이...ฮึก 걷히고 나면
( ถ้าความมืดมิดผ่านไปแล้ว )
B...Baby don't cry tonight... ฮึก없었던 일이 될 거야
( ที่รัก คืนนี้อย่าร้องไห้เลยนะ ก็คงจะกลายเป็นวันที่ไม่มีอยู่แล้ว )
물거품이 되는 것은...ฮึก 네가 아니야 끝내 몰라야 했던
( สิ่งที่จะกลายเป็นฟองไม่ใช่คุณ ที่จะต้องจบลงไปอย่างไม่รู้อะไรเลย )
so Baby don't cry cry 내 사랑이 널 지킬 테니
( เพราะฉะนั้น อย่าร้องไห้เลยนะที่รัก เพราะความรักของผมจะปกป้องคุณเอง )"
"หึ เก่ง... มากครับ แค่ก!"
"โทโมะคุง!"ไอราเผลอเรียกชื่อชายหนุ่มลั่นเมื่อร่างหนากระตุกอย่างแรงพร้อมกับเลือดที่กระอักออกมาจาก
"อา... ผมบอกว่าอย่าร้องไงครับ ผมไม่เป็นไรหรอก"
"จะไม่เป็นอะไรได้ไงกันคะ ฮือ...เลือดออกเยอะขนาดนี้ แล้วมันจะหยุดไหลเมื่อไหร่กันคะฮึก!"โทโมยะยิ้มทันทีที่ได้ยินคำถามอันแสนไร้เดียงสานั่น ดวงตาคู่สวยที่กำลังฉายความกังวลทำให้เขาอยากจะทุบหัวตัวเองจริงๆที่ทำให้คุณหนูที่รักต้องหลั่งน้ำตา
"นี่ ไอสัญญากับ....อึก ผมหน่อยได้รึเปล่า"โทโมยะเอ่ยออกมาด้วยแววตาที่แสดงถึงความจริงจังจนไอราที่เลือนสายตาไปสบก็เผลอใจกระตุกไปชั่วขณะ
"ด... ได้ค่ะ ฮึก!"
"งั้น... อย่าเปลี่ยนไปและอย่าร้องไห้อีกเลยนะครับ"
"เอ๋? หมายความว่ายังไงคะ?"นัยน์ตาหวานฉายแววฉงนกับคำพูดของชายหนุ่มทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยจบ
เขาไม่ได้พูดอะไรแต่ยิ้มออกมาแทน แต่อนิจจาทำไมรอยยิ้มของมันไม่ได้ทำให้รู้สึกอยากยิ้มตามเหมือนแต่ก่อนกันนะ รอยยิ้มนี้มันทำให้เธออยากร้องไห้ออกมาหากแต่สิ่งที่อีกฝ่ายขอเมื่อกี้มันค้ำคออยู่เธอจึงทำได้เพียงยกมือปาดน้ำตาออกแต่ก็ยังมีบ้างที่หลุดสะอื้นออกมา
โทโมยะที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มกว้างออกมา ยกมือลูบหัวร่างเล็กเบาๆ ฝ่ายไอราที่ถูกลูบหัวก็ทำเพียงหลับตาพริ้มยอมรับสัมผัสของอีกคนอย่างไม่นึกกลัวว่าเลือดจะติดอยู่ผมยาวสลวยนั่น
"อีกอย่างได้ไหมครับ?"เขาเอ่ยคำขอขึ้นมาอีกครั้งซึ่งแน่นอนว่าเธอต้องตอบ...
"ได้ค่ะ"
ตกลงแบบไม่ลังเลแม้เสี้ยววินาที
"อย่าตายนะครับ... คนดีของ.. ผม"
"หมายความว่ายังไงคะโทโมะคุง?"ร่างเล็กเอ่ยออกมาด้วยความไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายจะสื่อ แต่เมื่อเธอไม่ได้ยินเสียงตอบรับอะไรก็ยื่นมือไปตรวจชีพจรของอีกฝ่าย ดวงตากลมสั่นระริกเมื่อชีพจรของโทโมยะนั้น...
...หยุดเต้นไปแล้ว
"ด... เดี๋ยวสิ อย่าล้อเล่นแบบนี้สิคะ ฮึก! โทโมะคุง ตื่นสิ... ตื่น! ได้โปรดตื่นทีเถอะค่ะโทโมะคุง ฮือ ลืมตาขึ้นมาสิ... ลืมตาสักทีสิคะ ลืมตา ฉันบอกให้ลืมตาไงคะ! ฮึก! ได้โปรด มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิคะ โทโมะคุง ฮึก... ฮึก ฮือ! มันต้องไม่เป็นนี้ ไม่... ไม่! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!"
เธอกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อนที่ทุกอย่างในการมองเห็นจะเป็นสีดำและดับวูบไป ซึ่งนั่นถือว่าเธอพยายามอย่างหนักแล้วจริงๆในวันนี้
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันนะที่เธอได้เห็นสัญลักษณ์บางอย่าง สัญลักษณ์ที่อาจจะเป็นลัทธิใดลัทธิหนึ่ง... สัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่บนเสื้อของชายชุดดำคนนั้น
-----------------------------
ในเช้าวันต่อมาไอราตื่นขึ้นมาและพบว่าเธอนอนอยู่บนเตียงในสภาพปกติ เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งที่โทโมยะตายนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน ไอราเดินลงมาจากเตียงและไปเข้าห้องเพื่อชำระล้างร่างกาย ในขณะที่กำลังอาบเธอก็คิดไปถึงเรื่องที่โทโมยะตาย เธอไม่แน่ใจว่ามันคือความฝันหรือเปล่า จิตใจเธอบอกว่ายังไงมันก็เป็นแค่ความฝัน แต่ทำไมทั้งที่มันบอกแบบนั้นแต่กลับเจ้าหัวใจเสียที่กำลังสั่นระรัวเพราะความกลัว
ร่างบางที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินไปรับประทานอาหารตามปกติ แต่วันนี้มันกลับไม่ปกติเมื่อ...
"โทโมะคุงล่ะคะคุณแม่?"ใช่... สิ่งที่ไม่ปกติคือโทโมยะที่ควรจะนั่งรับประทานอาหารอยู่ข้างๆเธอแต่มันกลับไม่ใช่ มันมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้นบนเก้าที่ประจำของเขา เธอหันไปมองมารดาผู้ให้กำเนิดเธออย่างต้องการคำตอบ และคำตอบที่ได้ก็ทำให้หัวใจเธอกระตุกอย่างแรงราวกับมีใครมาดึงมัน
"โทโมยะคุงตายแล้วจ่ะ"
โลกใบนี้ช่างตลกร้ายเหลือเกิน...
___________________________________
ไอราอายุ21ปี
ไอราถอนหายใจออกมาในขณะที่สายตาก็ยังคงจดจ่ออยู่หนังสือแพทย์ มือบางพลิกกระดาษไปอีกหน้าและใช้สายกลมโตกวาดไปทั่วหนังสือ มีบ้างที่เธอยังงๆกับพวกหลักสูตรในหนังสือแต่ก็พยายามคิดทบแล้วทวนอีกจนกว่าจะเข้าใจ
"ขออนุญาตนะคะคุณหนู ดิฉันนำของว่างมาเสิร์ฟค่ะ"ร่งเล็กถอนสายตาจากหนังสือตรงหน้าและหันมาพยักหน้าเป็นการบอกว่าเธอรับรู้แล้ว
ปึง!
เมื่อเมดสาวออกไปแล้วเธอก็เดินไปที่เปียโนสีดำขลับ มือบางลูบไปตามคีย์ก่อนจะกดมันทีละโน๊ต ตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้นเธอก็มักจะมาหมกอยู่ที่ห้องนี้เวลาว่างตลอด แต่ไม่มีเลยสักครั้งที่จะได้แตะมัน และวันนี้อะไรดลใจเธอก็ไม่รู้ถึงมาจับเจ้าเปียโนตัวนี้
ตั้งแต่ที่โทโมยะเสียไปเธอตัเงใจเรียนมาตลอด แต่ชีวิตของเธอก็ยังดีกว่าตอนที่ยังไม่เจอกับโทโมยะเพราะตอนนั้นเธอเจอเรื่องเครียดเยอะมากจนลืมวิธีการยิ้มไป แต่ตอนนี้ไม่ใช่ต่อให้เธอโดนคนรอบข้างกดดันมากแค่ไหนเธอก็ยังคงยิ้มได้อยู่ อาจเป็นเพราะคำสัญญาที่โทโมยะเคยบอกเธอไว้
นิ้วเรียวบรรเลงเพลงลงบนเปียโน มีบ้างที่อาจจะฟังแล้วดูเพี้ยนๆไปหน่อยเพราะเธอไม่ได้แตะมันอีกเลยตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา ยิ่งเธอเล่นนานเท่าไหร่ความทรงจำที่เธอทำร่วมกับโทโมยะก็หลั่งไหลเข้ามา แม้ว่าเธอจะรู้จักกับโทโมยะได้เพียงไม่กี่ปีแต่มันก็เป็นเรื่องราวท่น่าจดจำมากเหลือเกิน
แต่ในบางครั้งเธอก็อดสงสัยกับโลกใบนี้ไม่ได้จนเผลอตั้งคำในความคิดตัวด้วยความไร้เดียงสา แต่หากคิดอีกทีทำไมคำถามที่เธอตั้งเอาถึงฟังดูเจ็บปวดจังนะ?
ทำไมโลกใบนี้ต้องพรากเราไปจากกันด้วยคะ?
----------------------------------------------
"มิสอาเชลเล่สอบครั้งที่แล้วคุณได้19.5จาก20เต็มนะคะ"อาจารย์สาวทรงโตบอกพร้อมกับดันแว่นขึ้น ใบหน้าสวยติดหยิ่งจ้องมองไปยังเจ้าของนามสกุลก่อนจะเอ่ยคำพูดออกมา"ดูท่าคุณคงยังพยายามยังไม่มากพอที่จะได้เต็มสินะคะ พวกเราคาดหวังกับคุณมากนะคะมิสอาเชลเล่ กรุณาตั้งใจมากกว่านี้ด้วยนะคะ"
"อา.... ขอโทษนะคะอาจารย์เรวี่"ไอราลุกขึ้นยืนก่อนจะก้มหน้าขอโทษคนเป็นอาจารย์อย่างสำนึกผิด
"นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดิฉันอยากได้ยินจากปากคุณค่ะมิสอาเชลเล่"เอ่ยคำพูดไร้เยื่อใย ต่อให้ไอราเป็นผู้หญิงที่น่าถนุถนอมมากแค่ไหนสำหรับเธอคนแบบอาเชลเล่ ไอราก็เป็นได้แค่สตรีน่าสมเพชที่ต้องมีคนมาปกป้อง
"คราวหน้าฉันจะทำให้ดีกว่านี้ค่ะ"
"นั่นล่ะค่ะ"เธอว่าและหันหลังเพื่อเตรียมตัวสอนต่อ"วันนี้เราจะมาเรียนเรื่อง..."
--------------------------------------------
"กลับมาแล้วค่ะ"ไอราเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มเฉกเช่นทุกวัน
"กลับมาหรอจ๊ะ ไปทานข้าวกันเถอะพ่อเขามีเรื่องจะคุยด้วย"ยูราที่เดินมาพอดีว่าพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน หอมแก้มทั้งสองข้างของคนเป็นลูกก่อนจะเดินนำไปทางห้องอาหาร
"ค่ะ"
ตลอดทางเดินพวกเธอทั้งสองไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาเลยราวกับว่าใครพูดก่อนคนนั้นจะกลายเป็นคนแพ้ทันที
"คุณคะ ลูกมาแล้วค่ะ มีอะไรจะคุยกับลูกหรอคะ?"
ยูราที่เดินนำไอรามาถึงห้องอาหารก่อนก็เอ่ยปากถามทันที ล็อตโตเงยฟน้าจากเอหสานก็พบว่าภรรยาของตนกำลังส่งยิ้มน่ารักมาให้ ส่วนคนเป็นลูกก็ไม่ต่างส่งรแยยิ้มน่านัหที่ได้มาจาหคุณปม่ส่งไปให้คนเป็นพ่อ
"วันนี้... อาจารย์เรวี่ มาร์แตงเขาบอกพ่อมาว่าลูกสอบควิซได้19.5 จริงหรือเปล่า"เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและใช้สายตาคมกริบจ้องมองลูกสาวอย่างเค้นคำตอบ
"จริงค่ะ"เธอไม่เคยคิดที่จะโกหกพ่อกับแม่ เธอบอกไปตามความจริงต่อให้ความจริงที่เธอพูดออกไปอาจจะทำให้เธอโดนดุก็ตาม
"ไอราพ่อคิดว่าพ่อเคยบอกเราแล้วนะว่าเราต้องทำให้ได้เต็มทุกอย่าง แล้วนี้อะไร ลูกทำให้พ่อผิดหวังมากนะ ครอบครัวเราต้องเป็นที่หนึ่งเข้าใจไหมไอรา"ไอราก้มหน้าลงทันทีที่เขาพูดจบ
"หนูเข้าใจแล้วค่ะ คราวหน้าหนูจะไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้อีกแล้ว"ไอราพยักหน้าลงพร้อมกับเอ่ยประโยคที่ทำให้คนเป็นพ่อพอใจ
"ดี งั้นเรามารับประทานอาหารกันเถอะ"
--------------------------------------------
"เหนื่อยจัง... "ร่างเล็กว่าพลางล้มตัวลงนอนจนกระโปรงถลกขึ้นเห็นขาอ่อนขาวๆ แต่เธอก็ไม่ได้แคร์อะไรเพราะยังไงเธออยู่ห้องนี้คนเดียวอยู่แล้ว
ฟึ่บ!
ร่างบางที่พึ่งนึกอะไรบางได้ก็ลุกจากเตียวด้วยความรวดเร็วและตรงดิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าไม้สีสวย มือบางหยิบแม็คบุ๊คเครื่องสวยออกมาด้วยความเบามือ เปิดเครื่องพร้อมกับกรอกรหัสลงไปด้วยความชำนาญ
ตากลมกวาดไปทั่วแม็คบุ๊ค นิ้วมือเรียวพยายามกดค้นหาข้อมูลที่ต้องการแต่หัวใจก็ต้องห่อเหี่ยวเฉกเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา เธอไม่เคยได้ข้อมูงอะไรเพิ่มเลย ข้อมูลที่จะหาตัวคนร้ายที่ฆ่าโทโมยะ เธอไม่เคยได้ข้อมูลอะไรเลยตั้งแต่หามันมา
ถ้าถามว่าเธอจะเลิกหาไหม ขอตอบเลยว่า ไม่มีทาง!
เธอจะไม่เลิกตามหาความจริงจนกว่าจะเจอ เธอไม่อยากยอมแพ้ให้กับเรื่องแบบนี้ โทโมยะทำให้เธอมามากพอแล้วถึงเวลาที่เธอจะต้องทำเพื่อเขาบ้างแล้ว...
เพิ่มเติมสักนิดจิตแจ่มไสย
ไอยาซากิ โทโมยะ ( Aiyasaki Tomoya )
คุณครูสอนร้องเพลงตอนไอราอายุ13จนถึง14 เป็นคนไอรารักและเคารพนับถือจนความสัมพันธ์แปรเปลี่ยนกลายเป็นความรักนะหว่างทั้งคู่
เรวี่ มาร์แตง ( Ravee Martang )
อาจารย์สาวที่มหา'ลัยของไอรา เป็นคนที่เห็นความผิดพลาดนิดๆหน่อยๆของไอราเป็นอันต้องฟ้องพ่อของไอรา ชอบกดดันไอราทุกอย่ง เห็นความอ่อนแอของไอราเป็นเพียงความน่าสมเพช ( นางจะใส่แว่นเฉพาะตอนที่จะสอนเท่านั้น , นางสอนวิชาชีวและจิตวิทยาต่างๆ )
(ภาพไม่ชัดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้)
อาเชลเล่ ล็อตโต ( Achelle Lotto )
พ่อของไอราที่คอยกดดันไอราทุกอย่างเพื่อให้เธอได้ดีจนบางทีก็ลืมไปว่าไอราก็เป็นคนมีความรู้สึกเหมือนกัน
อาเชลเล่ ยูรา ( Achella Yura )
แม่ของไอราคอยดูแลไอราอยู่ห่างๆ ไม่กดดันแต่ก็ไม่ปล่อยปละ เป็นคนไม่สองมาตรฐานอยู่กึ่งกลางและเลือกความพอดีให้ให้ไอรา
N.Noey
สวีดัด สวัสดีค่ะ ขออภัยด้วยนะคะที่ทำอะไรดูน่ารำคาญเยอะแยะเต็มไปหมด ถ้าเบื่อหรือรำคาญสามารถบอกเค้าได้นะคะ
ในส่วนนี้จะขออธิบายบางอย่างนะคะ ในส่วนที่โทโมยะบอกให้ไอราห้ามตายนั้นจริงๆแล้วสิ่งที่เค้าจะสื่อคือ ใช้ชีวิตในส่วนที่เค้านั้นไม่สามารถมีมันได้อีกแทนเค้าที แต่อาจเป็นเพราะสถานการณ์ที่โทโมยะตายทำให้เธอเข้าใจผิดคิดว่าอย่าตายและให้ตามหาตัวคนร้ายจนกว่าจะเจอห้ามตายเด็ดขาด
จบแล้ว! ขอบคุณค่ะ! ( แค่เนี้ยะ! )
ปล.ขอไม่เปิดก็อปปี้นะคะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น