ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Someday ซักวัน...ฉันจะทำให้นายเป็นเกย์!!! [Dooseob]

    ลำดับตอนที่ #7 : [Special] Today ผมเป็นเกย์แล้วครับ : 01 อย่างอนสิ~

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 687
      1
      3 ก.พ. 56

    BGM



    1

    อย่างอนสิ~

     

                    “โย่วโฮ่ว ฉันมาแล้วนะโยซอบ~” คนตัวสูงเจ้าของผิวสีเข้มวิ่งร่าเข้ามาหาร่างบางเจ้าของชื่อที่นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนอีกสองสามคนที่โต๊ะแถวหน้าสุดของห้องทำอาหารด้วยท่าทางเบ๊อะบ๊ะปัญญาอ่อนผิดกับหน้าตาเข้มๆกับเสื้อผ้าเนี๊ยบๆสไตล์เด็กนักวิศวะนั่นโดยสิ้นเชิง

    ช่วยไม่ได้นี่ วันนี้แฟนเค้าเล่นใส่เสื้อกันเปื้อนสีชมพูหวานแหววแบบเห็นจากหน้าต่างตึกข้างๆก็ละลายเอาง่ายๆสมกับเป็นดาวคณะ ตอนแรกที่กะจะมาเยี่ยมก่อนไปเรียนที่ตึกตัวเองเฉยๆ เห็นสุดที่รักแต่งตัวแบบนี้ก็อดทนเก็บหน้าเคลิ้มๆไว้ไม่ไหวซะอย่างนั้น

                    “มาทำไมเนี่ย?” ตรงกันข้ามกับที่คิดไว้ คนตัวเล็กยู่หน้าลงและถามเสียงค้อนเหมือนไม่พอใจนัก ร่างสูงหยุดยืนตรงหน้าคนที่สูงเลยไหล่ตัวเองมานิดเดียวแล้วเลิกคิ้วครุ่นคิดเป็นคำตอบว่าตัวเองก็ไม่ได้มีเหตุผลหรอกนะที่เดินใจลอยหยองแหยงมาหาคุณแฟนถึงห้องแต่เช้า

                    โยซอบยกมือสองข้างเท้าเอวแล้วหันหน้าหนีไปที่โต๊ะ จัดการเทแป้งลงในถ้วย ตามด้วยน้ำและไข่ที่เพื่อนร่วมกลุ่มยืนยื่นให้อยู่จากปลายโต๊ะคนละโยดนู่น มีแขนยาวๆของดูจุนคอยรับถุงกระดาษกับอุปกรณ์นู่นนี่มายื่นให้คุณแฟนอีกทอด

                    “บอกแล้วว่าวันนี้ไม่ต้องมาไง”

                    “เอ๊ะ ได้บอกด้วยหรอ?”

                    “ก็บอกอยู่ทุกวันล่ะฟระ บอกอยู่ทุกเช้าเลยเนี่ย บอกตั้งแต่วันจันทร์ ยันวันนี้วันศุกร์แล้วก็ไม่ยักมีวันไหนนายจำได้ซักวัน เรียนการคำนวณแรงต้านทานของโครงสร้างจนสมองเสียศูนย์เลยรึไงยุนดูจุน!!

    โยซอบหยุดทำทุกสิ่งทุกอย่างแล้วโวยวายลั่นห้องจนทุกๆคนหยุดขยับและส่งเสียงพลางหันมามองดาวมหาลัยทั้งสองคนที่หน้าห้องกันอย่างพร้อมเพรียง พ่วงด้วยคนจากห้องข้างๆอีกห้าหกคน

     

                    ผัวเมียเขาทะเลาะกัน...

     

                    ก็ต้องเสือกสิครับ ;)

     

                    “อ...เอ่อ แต่ฉันจำไม่ได้จริงๆนะว่านายบอก”

                    “ก็จำเด้!! ทีนี้ก็ไปได้แล้วคนจะทำขนม อยากตายเพราะโดนแป้งขนมปังทับรึไง?!?” ไม่ว่าเปล่า แขนบางชูก้อนโดขนมปังก้อนเบ้อเริ่มบนโต๊ะขึ้นมาไว้เหนือหัวเตรียมทุ่มมันลงพื้นอย่างไม่เกรงกลัวน้ำหนักของมันและส่วนสูงที่ดูจะเกินเขย่งเกินเอื้อมของอีกคนเลยซักนิด

                    “ป...ไปแล้วครับไป=[]=” ดูจุนยกมือปรามก่อนจะหมุนตัววิ่งหางจุกตูดกลับตึกเรียนของตัวเองไปราวกับไม่มีใครยืนอยู่ตรงนี้เมื่อกี๊

                   

                    “นี่โยซอบอา ไล่เค้าไปอย่างงั้นจะดีเหรอ? ถ้าดูจุนเอาไปงอนขึ้นมาล่ะเอาไง นี่เรื่องใหญ่เลยนะ” ฮโยซองค่อยๆกระเถิบตัวเข้าไปชิดเพื่อนตัวเล็กที่ยืนทุบแป้งขนมปังดังตุบๆอยู่อย่างลืมตัว ใบหน้าสวยยกยิ้มเจื่อนแล้วจิ้มไหล่โยซอบสองสามครั้ง

                    “ฮื่ออออออ=[+++++]=!!

                    “กรี๊ดดดดดดดด!!” แต่จู่ๆคนที่ถูกถามก็หันมายิงฟันพลางทำเสียงขู่จนสาวๆสองสามคนในโต๊ะส่งเสียงกรี๊ดลั่น ฮโยซองยกมือทาบอกด้วยความช็อคอยู่ซักพักกว่าจะกลับมายืนปกติได้ ก่อนจะเดินอ้อมไปยืนที่ฝั่งตรงข้ามกับที่โยซอบยืนอยู่

                    “ฉันรำคาญน่ะสิ คนอะไร พอตกลงคบกันก็ลายออกเลย”

                    “เห? อย่างดูจุนน่ะนะเจ้าชู้ ไม่น่าม้าง เห็นเค้าก็ติดเธอจะตาย”

                    “ไม่ได้หมายความว่าเจ้าชู้นี่...ฉันหมายถึงลายหื่นต่างหาก หื่นได้หื่นดีจริงๆหมอนั่นน่ะ”

                    “เอ๊ะ ได้ยินว่านายเป็นคนยืนยันแล้วยืนยันอีกว่าจะยั่วเค้าให้ได้เองไม่ใช่รึไงยะ?” หญิงสาวหัวเราะอย่างไม่เชื่อหูและเคาะนิ้วลงกับโต๊ะไม้มองหน้าโยซอบอย่างมีเลศนัย

                    ก่อนหน้านี้คงไม่ได้พูดถึงเพราะดูจุนเป็นคนเอาหน้าที่ในการเล่าไปเองคนเดียวหมด แต่ฮโยซองก็เป็นอีกคนที่มีบทบาทสำคัญพอดูเลยล่ะในกระบวนการการอ่อยดูจุน ทั้งเรื่องการเรียกร้องความสนใจ การทำหน้ายั่วยวนอย่างมีจริต ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้ให้คำแนะนำทั้งนั้น

     

                    แค่ให้คำแนะนำหรอกนะ...แต่ทักษะน่ะ มาจากสัญชาตญาณเคะล้วนๆ

     

                    “ก็ตอนนั้นฉันไม่คิดว่าหมอนี่มันจะหื่นเรียกพ่อจนาดนี้น่ะเสะ เหอะ ตอนที่ยังไม่คบกันนะ ฉันยั่วทีนี่กลัวจนขนลุกเลยเถอะ”

                    “ฮะๆ แต่ฉันก็เห็นนายมีความสุขดีนิ ร่างกายก็ครบสามสิบสอง ไม่มีรอยช้ำที่ไหน” ฮโยซองยักไหล่และกัดขนมปังช็อคโกแลตในมือหน้าตาเฉย

                    “แน่ใจ๊?

                    “แล้วไอแน่ใจ๊? ของนายมันหมายความว่าไงล่ะ?”

                    “เฮ้อ~ นี่เธอเป็นเพื่อนฉันจริงๆรึเปล่าเนี่ย?”

                    “หือ?”

                    “ไม่สังเกตรึไงว่าเดี๋ยวนี้ฉันติดกระดุมครบทุกเม็ด ไหนจะไม่เคยใส่ขาสั้นออกนอกบ้านอีกต่างหาก”                         

                    “ไม่แฮะ...รู้แค่เดี๋ยวนี้นายไม่ค่อยออกไปนั่งม้านั่งไม้หน้าตึกกับพวกดูจุนแล้วมาทำขนมกับพวกฉันบ่อยขึ้น เลยคิดว่าสงสัยนายจะแค่รักพวกฉันมากขึ้น”

                    “ไอ้รักน่ะฉันรักพวกเธออยู่แล้ว...แต่ลองไม่เคยคิดบ้างเลยรึไงว่าทำไมฉันถึงไม่ไปนั่งที่นั่นเหมือนเดิม ทั้งๆที่ปกติฉันกับดูจุนก็ตัวติดกันจะตาย ไหนจะเม้าท์กับอีจุนทุกเช้าจนเป็นกิจวัตรขนาดนั้น”

                    “เดี๋ยวนะ...ม้านั่งนั่นมันเป็นม้าไม้ใช่มะ” ฮโยซองเงยหน้ามองไปนอกหน้าต่างพลางทำหน้าครุ่นคิด

                    “อ่าฮะ”

                    “เอ้อใช่! ฉันเคยนั่งครั้งนึง...เก้าอี้อะไรไม่รู้นั่งแล้วปวดตูดชิบ...”

                    “อืม...”

                    “...”

                    “อ้อ~ เก็ทละ!!

     

     

                    “พวกมึงงงงงTT^TT” เสียงหมดอารมณ์จะเฮฮาของดูจุนดังขึ้นจากทางเดินที่เชื่อมกับตึกเรียนข้างๆ (หรือตึกเมียมัน) พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินหน้าบูดเป็นหมาหงอยมากลายๆทำให้เพื่อนสุดที่รักทั้งสองที่เงยหน้าขึ้นไปมองตามหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้

                    “เป็นอะไรวะ? มานั่งนี่ๆ เฮ้ยจีฮุน ขอทิชชู่” อ๊จุนดึงแขนเพื่อนหน้าคมให้นั่งลงข้างๆก่อนจะหันไปแบมือขอกระดาษทิชชู่จากจีฮุน คนที่ถูกเรียกมองซ้ายมองขวาไม่เจออะไรเลยอาศัยตอนที่อีจุนหันไปถามไถ่เรื่องนู่นนี่กับดูจุนลอกกระดาษทิชชู่แผ่นนอกสุดที่แปะอยู่กับแก้วมัคคิอาโต้มายื่นให้ด้วยสีหน้านิ่งเหมือนเคย

                    “ฮึก...คืองี้...โยเค้า...เค้า”

                    “อะไร? โยซอบทำไม?”

                    “เค้า...งอนอะไรกูไม่รู้อ่ะ อยู่ๆก็ไล่กูมาเนี่ย งืออออออ” ร่างสูงเล่าพลางปล่อยเสียงสะอื้น

                    “งี้ได้ไงวะ!?!” อีจุนตบโต๊ะด้วยสีหน้ากังวล ดูจุนเห็นดังนั้นรอยยิ้มมีหวังก็ยกขึ้นบนมุมปากทันที

                    “มึงจะช่วยกูใช่มั้ยอีจุน...TTvTT?

                    “ไม่ใช่! กูโมโหที่มึงไม่ดูแลเมียมึงให้ดีๆต่างหาก ทีนี้ที่กูอุตส่าห์มาเช็ดที่นั่งรอแต่เช้างี้ก็ไม่เป็นผลดิ! ทำไมมึงเป็นแฟนที่แย่งี้วะยุนดูจุน?”

                    “อ้าวไอ้นี่ กูยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะเว้ย เมื่อเช้ากูก็พาเค้ามาส่งมหาลัยตามปกติ ใช่ว่ากูเอารถไปเปลี่ยนสีเป็นสีที่เค้าไม่ชอบหรืออะไรซะที่ไหน อีกอย่างมึงก็ไม่ต้องมาปรนนิบัติเอาใจโยซอบนักหรอก ก็รู้ว่าเมียกูและกูคงไม่ยอมให้มึงมางาบไปง่ายๆ ดังนั้นเอาเวลาไปดูแลน้องนานะแฟนมึงเถอะ”

                    “กูกับโยซอบคบกันในฐานะลูกพี่กับลูกน้องคนสนิทเว่ย ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเกินกว่ามึงจะเข้าใจ=..=” อีจุนกอดอกพูดอย่างภาคภูมิ แต่พอเจอสายตาหวงก้างของเพื่อนตัวสูงข้างๆไปก็ต้องกลับมานั่งสงบเสงี่ยมเช่นเดิม

                    “เอาล่ะๆ เข้าเรื่องเถอะ แล้วนี่มึงไปทำอะไรให้เค้าไม่พอใจมา

    รึเปล่า? ที่มึงอาจจะไม่รู้ตัวอ่ะ นึกดีๆ”

                    “อืม...ก็ไม่นะ เค้าสั่งให้กูทำอะไรกูก็ไม่เคยขัด แถมยังไม่เคยไป

    เดทสายด้วย” ดูจุนกอดอกและนาบตัวลงกับพื้นโต๊ะอย่างครุ่นคิด โดยมี

    อีจุนปล่อยลำแสงอิจฉาออกจากตาใส่อยู่เงียบๆ

                    “กูว่ามึงถามผิดประเด็นนะอีจุน” คราวนี้จีฮุนที่ดูดมัคคิอาโต้หยดสุดท้ายหมดพอดีแทรกขึ้นมาบ้าง

                    “หมายความว่าไงล่ะนั่น?”

                    “กูว่าคำถามที่มึงควรถามน่ะ...คือ...”

                    “คือ...?” อีจุนเลิกคิ้วถามก่อนจีฮุนจะกระดิกนิ้วให้เพื่อนร่วมโต๊ะอีกสองคนชะโงกหัวเข้ามาใกล้ๆ

                    “มึงกับเค้า...คืนละกี่ครั้งวะ?” จีฮุนถามหน้าเรียบแต่ก็มีสีแดงอ่อนๆปรากฏขึ้นบนใบหน้า เป็นเพราะได้พูดประโยคยาวๆขึ้นมาครั้งแรกในหลายอาทิตย์หรือเพราะพูดเรื่องที่ไม่คุ้นปากก็ไม่ทราบได้

                    “ก็ครั้งสองครั้งเองเถอะ” ดูจุนตอบพลางยักไหล่

                    “งั้นเรื่องนี้คงต้องข้ามไป...” อีจุนยกมือลูบคางคิดหาสาเหตุอื่นที่น่าจะเป็นไปได้

                    จริงๆถ้าดูจุนทำอะไรไม่น่าพอใจโยซอบก็น่าจะโทรมาปรึกษากับลูกน้องแสนภักดีอย่างเขาเหมือนทุกครั้งสิ แต่ครั้งนี้นอกจากโทรมาชวนเขาไปดูคอนเสิร์ตมารูน ไฟฟ์ ด้วยกันอาทิตย์หน้าแล้วก็ไม่ได้พูดถึงคุณสามีเลยนะ

                    “นี่พวกมึงสมองตื้นหรือกูฉลาดเกินไปกันแน่วะเนี่ย!” จีฮุนถอนหายใจและปล่อยประโยคยาวๆออกมาจากปากอีกครั้ง

                    จะว่าไปจริงๆคนในกลุ่มที่พึ่งได้ที่สุดเวลามีปัญหาก็คือจีฮุนนั่นแหละ ถึงจะเห็นขอบตาคล้ำๆเพราะนอนน้อยด้วยฤทธิ์คาเฟอีนเกินขนาดในเลือดแล้ว เวลาเพื่อนซักคนหนึ่งเกิดเรื่องขึ้นมา คำพูดที่ยาวจนไม่น่าเชื่อก็จะออกมาจากปากของคนเงียบๆคนนี้เสมอ

     

                    และแน่ใจเถอะ...มีประโยชน์กว่าที่เพื่อนหล่อๆอีกสองคนพล่ามนู่นนี่นั่นอยู่ทั้งวันร้อยเท่า= =

     

                    “มึงหมายความว่าไงวะ?” อีจุนกับดูจุนมองหน้ากันเมื่อจีฮุนเริ่มพูดมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงทางสว่างของคนฉลาดน้อยกว่านิดหน่อยทั้งสองคน ก่อนดูจุนจะเป็นคนถามขึ้นมา

                    “ก็วันละครั้งสองครั้งน่ะมันอาจจะดูไม่เยอะ แต่ถ้าหลายๆวันต่อกันมันก็มีสิทธิระบมได้นะครับเพื่อนๆ”

                    “อ่อ...จริงเหรอวะ?” ดูจุนกลืนน้ำลายแล้วถามจีฮุนสียงเจื่อน

    อีจุน (ที่เคยผ่านมาแต่ผู้หญิง) เองก็ทำหน้าสงสัยพอๆกัน

                    “เออสิ แล้วพวกมึงสองคนอาทิตย์ล่ะกี่วัน? อย่าเอ่ยนะว่าทุกวัน”

                    “...” ไม่มีคำตอบจากดูจุนนอกจากเสียงกลืนน้ำลาย

                    “อ้าวเงียบทำไมวะ? จีฮุนถามมึงไม่ได้ยินเรอะ”

                    “ก็มันบอกไม่ให้กูเอ่ย...” ดูจุนยกยิ้มเจื่อนและหลบตาเพื่อนทั้งสองคนไปมองแก้วกาแฟเปล่าตรงหน้าแทน

                    “ถุ๊ย! งั้นเค้าจะงอนมึงคงไม่แปลกหรอกนะ” อีจุนโวยวายขึ้นมาบ้าง

                    “เดี๋ยว! มันยังไม่ถึงคำถามสุดท้าย” จีฮุนยกมือห้ามก่อนจะเท้าแขนลงกับโต๊ะสบตากับดูจุนนิ่ง

                    “อ...อะไรอีกเนี่ย? กูโดนแฟนงอนนะ ทำไมพวกมึงมาลงกะกูหมดงี้TT[]TT

                    “เงียบเลยมึง! ในสถานการณ์แบบนี้พวกกูสองคนไม่สามารถเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้” อีจุนแกว่งนิ้วชี้ไปมา ส่วนจีฮุนก็พยักหน้าเห็นด้วย

                    “ก็แล้วถ้ากูบอกว่าโยซอบเชื้อเชิญเองพวกมึงจะเข้าข้างกูป่ะล่ะ?” ทั้งสองคนมองหน้ากันซักพัก ก่อนอีจุนจะส่ายหน้ารัว จีฮุนก็แค่ยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้

                    “เห็นมั้ยล่ะ? ก็ไม่มีใครเข้าข้างกูยู่แล้วนี่TT^TT

                    “เดี๋ยวเลยยุนดูจุน อย่าเพิ่งนอกเรื่อง คำถามสุดบรรเจิดอันสุดท้ายของกูกูยังไม่ทันได้ถามเลย”

                    “เออๆ จะถามอะไรก็ถามมาเลย ยังไงกูก็หนีไม่พ้นแล้วนี่”

                    “รู้ตัวก็ดี...คืออย่างนี้...”

                    “...”

                    “ตามหลักการแล้ว ถ้าวันละครั้งทุกวันมันก็ไม่น่าจะทำให้เพศรับถึงขนาดระบมจนไม่อยากเจอหน้าเลยได้หรอกนะ”

                    “งั้นก็ดีดิ”

                    “แต่!! มันยังมีแต่”

                    “แต่อะไรอี๊ก?”

                    “ถ้ามึงใส่แรงเยอะ...มันก็อีกกรณี” จีฮุนชูนิ้วขึ้นและดันกรอบแว่นเปล่าอย่างมีหลักการ

                    “อ...อาฮะ”

                    “สรุปแล้ว...ที่กูจะถามก็คือ มึงเป็นพวกเรื่อยๆแต่ปลอดภัย หรือช้ำในแต่เร่าร้อนกันวะ?”

     

                    “ถ้ากูตอบว่าอันที่สอง...พวกมึงจะโกรธกูมั้ยอ่ะ?” ดูจุนยกมือเกาหัวและก้มลงมองพื้น หลังจากคาดว่าคำตอบจากปากของตนจะเรียกสายตาอาฆาตจากเพื่อนทั้งสองที่ดูจะทะนุถนอมโยซอบนักหนาได้แน่ๆ

                    “มึงจะบ้าเหรอยุนดูจุน?!? ลูกพี่โยซอบของกูออกจะบอบบาง ถ้ามึงทำเค้าชำรุดขึ้นมาจะทำไง?” อีจุนโวยวายพลางยกมือทึ้งหัวด้วยสีหน้าอารมณ์เสียขั้นสุดขีด ดูจุนยกมือปรามก่อนจะตอบด้วยสีหน้าสำนึกผิดไม่แพ้กัน

                    “ก็กูจะไปรู้มั้ยล่ะ? เห็นว่าวันละครั้งเองแล้วเท่าที่รู้ มันก็ไม่น่าจะทำให้ระบมอะไรได้ขนาดนั้นนิ”

     

     

                    “นั่นมันผู้ชายผู้หญิงนี่ ฉันเป็นผู้ชายนะ โดนอย่างนั้นมันเจ็บ

    จะตาย!

                    “เฮ้ๆ โยซอบ ใจเย็นๆน่า”

                    “เย็นไม่ไหวแล้วล่ะ ฉันก็เคยบอกแล้วนะว่ามันเจ็บ แต่ดูจุนก็เอาแต่พูดล้อมฉันจนต้องยอมตลอด บอกว่าไม่เจ็บหรอกๆ ให้ตายเถอะ ลองกลับบ้านไปเอาดิลโด้ยัดตูดให้ไม่เจ็บก่อนเถอะแล้วค่อยมาพูดกัน คนอะไรปลิ้นปล้อนจริงๆ” โยซอบว่าฟึดฟัด ก่อนจะยกแก้วชาไข่มุกขึ้นมาดื่มแล้วเคี้ยวแจ่บๆอย่างอารมณ์เสีย

                    “แต่นายก็เป็นคนสมยอมเค้าอยู่ดีไม่ใช่รึไงยะ? จะว่าเค้าฝ่ายเดียวก็ไม่ได้เถอะ” โบราชี้หน้าโยซอบไปมาแล้วเอ่ยปากบ่น

                    “ช่วยไม่ได้นี่ คนมันเคลิ้ม เธอลองไปหาแฟนแบบดูจุนให้ได้เถอะแล้วจะเข้าใจความรู้สึกฉัน แล้วถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าดูจุนไม่บ้ากามเรียกร้องทุกวันแบบนี้ ฉันก็คงไม่โมโหหรอก และคงจะไม่โกรธจนไม่อยากเห็นหน้าขนาดนี้ด้วยถ้าหมอนั่นยอมออมแรงลงอย่างที่ขอทุกวันซะบ้างน่ะ”

                    “อ่อ~ สรุปแล้วที่นายงอนเค้าไม่เข้าเรื่องอยู่ทุกวันก็เพราะความชอบในกิจกรรมยามค่ำคืนของนายสองคนไม่ตรงกันสินะ...เด็กน้อยจริงๆเพื่อนฉัน” ฮโยซองส่ายหัวเนือยๆก่อนจะหันไปพูดกระซิบกระซาบกับโบราอยู่เงียบๆ

                    “ย่าห์! ฉันเรียกให้มาปลอบนะไม่ใช่ให้มาซ้ำเติม แล้วเรื่องนี้จะมองยังไงฉันก็เป็นคนเสียหายชัดๆ คนที่เจ็บจนลุกไม่ชึ้นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นทั้งฉันทั้งดูจุนซะเมื่อไหร่ ให้ตายเถอะทำไมฉันต้องเคะด้วยวะ?”

                    “นั่นสิ จะเป็นเกย์ทำไมล่ะ?”

                    “อย่าซ้ำเติมเด้TT[]TT” โยซอบทุบโต๊ะไปมาแล้วเบะหน้าเหมือนจะร้องไห้ก็ไม่ปาน ฮโยซองมองการกระทำนั้นและหลุดหัวเราะออกมากับความน่ารักในที่สุด

                    “เอาน่าๆ นายก็ลองมองอีกแง่นึงสิ จริงๆนายเองก็คงไม่ได้เป็นฝ่ายเจ็บอยู่ฝ่ายเดียวหรอก...ดูจุนเองก็อาจจะมี...ปวดเอวบ้าง...ไรบ้าง”

                    โบรากระแอมก่อนจะพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันแต่ในโต๊ะตรงกันข้ามกับโยซอบกับฮโยซองที่แทบจะพ่นไข่มุกในปากออกมาซะให้ได้

                    “สรุปแล้วจะมีอะไรที่ฉันพึ่งพวกเธอสองคนได้มั้ยเนี่ยฮะ?”

                    “โอ๋ๆ เดี๋ยวสิ ฉันก็แค่ไม่อยากให้นายสองคนทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เท่านั้นเอง อีกอย่างดูจุนก็หล่อเกินกว่าฉันสองคนยอมทำร้าย...” ฮโยซองกุมมือของเพื่อนหนุ่มไว้และพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ มีโบราพยักหน้าเป็นแบ็คอัพอยู่ข้างหลัง

                    “คำแนะนำจากผู้หญิงมีจริตทั้งสองคนเลยนะ...”

                    “...”

                    “เปิดโอกาสให้เค้าง้อซักครั้งนึง...แล้วปรับความเข้าใจกันซะ”

                    “อืม”

                    “แต่ยังไงก็ตาม...นายต้องเถียงให้ชนะนะ...แล้วคุณแฟนจะตกอยู่ใต้กำมือของเธอแต่เพียงผู้เดียว เชื่อสิ”

     

     

                    “วันหลังต้องเลี้ยงข้าวคืนฉันมั่งนะ อุตส่าห์โดดคาบเรียนพานายมาหาแฟนให้เลยเนี่ย สำนึกบุญคุณด้วย” เควินเดินสะบัดกลุ่มผมสีทองที่เพิ่งไปย้อมมาใหม่และโบกมือให้คนที่ยิ้มให้รอบตัวไปเรื่อยๆ ปากก็บ่นคนตัวสูงที่เดินล้วงกระเป่าตามมาด้านหลังอย่างไม่ค่อยจะเห็นแก่ตัวนัก(?)

                    ดูจุนเองก็อยากโวยวายไม่ก็พูดเหน็บอีกคนอย่างทุกครั้งแต่ก็ต้องอดทนเก็บไว้เพราะทำเพื่อนรักคุณแฟนโกรธทั้งๆที่สุดที่รักก็ยังงอนอยู่อย่างนี้คงไม่ดีเท่าไหร่นัก

                    จะว่าไปเขาเองก็สงสัยอยู่นะ ว่าทำไมโยซฮบจะต้องไปรอเค้าที่ดาดฟ้าตึกวิศวะแทนที่จะคุยกันในห้องนอนสองต่อสองไม่มีใครได้ยินก็คงจะง่ายกว่า แถมยังโทรเรียกเควินให้มาคุมตัวเขาไปหา ทั้งๆที่มือถือเขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ในเมื่อคุณแฟนงอน ก็คงเถียงอะไรไม่ได้ล่ะนะ

                    “เอ้าถึงแล้ว” ร่างบางหยุดยืนหน้าประตูบันไดที่เชื่อมกับดาดฟ้า ดูจุนพยักหน้าก่อนจะเอื้อมไปจับลูกบิดประตู แต่ก็โดนรั้งไว้ซะก่อน

                    “เดี๋ยว”

                    “หือ?”

                    “มันล็อคอยู่ไม่เห็นเหรอ?”

                    “เอ๊า! แล้วก็ไม่บอก แล้วจะให้ฉันขึ้นไปยังไงล่ะเนี่ย?”

                    “ถอยดิ๊ โด่ว กากว่ะ” ร่างบางส่ายหัวเนือยๆ เป่าหมากฝรั่งในปากให้เป็นฟองก่อนจะเดินแทรกกลับเข้ามาหน้าประตู มือข้างหนึ่งจับแม่กุญแจที่คล้องประตูไว้ขึ้นมา อีกข้างก็แปะไปมาบนหัวของตัวเองสองสามทีจนได้กิ๊บติดผมอันเล็กออกมาหนึ่งอัน

                    “นี่อย่าบอกนะว่า...”

                    “พ่อฉันเป็นช่างซ่อมรถ เรื่องสะเดาะกุญแจนี่จิ๊บจ๊อย” เควินคาบกิ๊บไว้ในปาก เอามันออกมาดัดเล็กน้อยก่อนจะเสียบเข้าไปในรูกุญแจ หมุนไปหมุนมาอีกสองสามครั้งก่อนเสียงกริ๊กจะดังขึ้นอย่างง่ายดาย

                    “แล้วนี่โยซอบ...”

                    “โยจังขึ้นจากบันไดอีกฝั่งโน่น”

                    “แล้วทางนั้นไม่ล็อคหรอ?

                    “ไม่รู้อะไรซะแล้ว...โยจังกับฉันน่ะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถม แถมยังไปขลุกที่บ้านฉันเกือบทุกคืน จะไม่ได้อะไรกลับบ้านเลยก็คงไม่ใช่”

                    “อึก...”

                    “แล้วก็นะ...โยจังเคยเล่าให้ฟังว่าเข้าไปดูนายหลับบ่อยๆ” เควินยกยิ้มและขยิบตาครั้งหนึ่ง ก่อนจะวางมือเล็กลงบนไหล่ข้างขวาของดูจุนและเดินจากไป

     

     

                    “โย” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากด้านหลังเรียกร่างบางที่ยืนกอดอกมองวิวในแคมปัสรอบตึกอยู่เพลินๆให้หันกลับมาตามชื่อของตน แต่ชายตามองเพียงนิดเดียวก็หันกลับไปทางเดิมอีก

                    “อ่า...งอนอะไรเนี่ย?” เมื่อเห็นคุณแฟนไม่สนใจตัวเองซักนิด ดูจุนก็สาวเท้าเข้าไปด้านหลังของอีกคน สอดแขนเข้ากอดร่างบางจากด้านหลังและเกยคางวางลงบนไหล่เล็ก

                    “ไม่ได้งอน เค้าเรียกรำคาญ”

                    “แหม่ คนอะไรหว่า ปากบอกรำคาญแต่ก็อุตส่าห์มาหากันถึงตึกเพราะไม่อยากให้ฉันเสียเวลาอ่านหนังสือสอบ”

                    “ก็แค่ไม่อยากให้นายเสียเวลาเรียน จะสอบแล้วไม่ใช่รึไง? ยังไงเราก็เป็นแฟนกัน ฉันไม่ใช่คนแย่พอจะงอนจนพาแฟนการเรียนตกต่ำหรอกนะ ถ้านายเกิดสอบรอบนี้ตกแล้วจบไปไม่มีงานทำทำไง? ฉันยังไม่อยากมีสามีจน” โยซอบพูดเสียงเรียบ แต่มือก็ยกขึ้นมาวางทับมือหนาที่เอวของตนไว้หลวมๆ

                    “ขอโทษนะ”

                    “หืม?” จู่ๆดูจุนก็พูดขึ้นมา ทำเอาโยซอบตามไม่ทัน ร่างบางดึงมือของอีกคนออกและหมุนตัวมามองหน้าคนตัวสูงกว่างงๆ

                    “ขอโทษเรื่อง?”

                    “ก็เรื่องที่ฉันลงแรงกับนายมากเกินไปน่ะสิ ฉันเองก็ไม่ได้นึกถึงนายเลย”

                    “อ...เดี๋ยวนะ”

                    “แต่ว่าอย่าโกรธเลยนะ ฉันแค่ทนไม่ไหวเวลาอยู่ใกล้ๆนาย ใครใช้ให้แฟนฉันน่ารักเองล่ะ”

                    “ฮ...เฮ่ยไม่ใช่...”

                    “วันหลังฉันจะออมแรงลงโอเคมั้ย? แล้วก็ถ้าวันไหนนายไม่อยากหรือว่าเจ็บจริงๆก็บอกแล้วกัน ฉันจะไม่ทำโอเคมั้ย?” เอวคอดเล็กถูกดึงเข้าหาคนตัวสูง ก่อนปลายจมูกโด่งจะแตะลงกับของอีกคนเบาทำให้ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อย โยซอบทำท่าอึกอักอย่างพูดไม่ถูก ดูจุนจึงพูดต่อไปอีก

                    “ที่หื่นมากก็เพราะรักมากหลงมากนะครับ...โยซอบอา” และการเรียกชื่อที่ดูสนิทสนมที่ไม่ค่อยได้เรียกบ่อยนักแม้จะเป็นแฟนกันมาได้เทอมกว่าๆก็ทำให้ใบหน้าหวานขึ้นสีได้อย่างทุกครั้ง โยซอบเหลือบตาขึ้นสบกับร่างสูงแวบหนึ่งก่อนจะตีหน้าขรึมและหลุบมองพื้นไป ดูจุนคลี่ยิ้มอย่างโล่งใจก่อนจะกุมมือนิ่มทั้งสองไว้หลวมๆ

                    “เพราะฉะนั้น...อย่าโกรธนะ...”

     

     

                    “ไม่”

                    “ฮะ?!?” อ้อมกอดที่เกือบจะโอบรอบเอวบางไปได้ทั่วถึงถูกชักกลับไปพร้อมกับเควสชั่นมาร์คตัวใหญ่เท่าบ้านที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม โยซอบคลี่ยิ้มมุมปากก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้าหาอีกคนแทน

                    “ไปเอามาจากใครน้า เรื่องที่ฉันงอนเพราะโดนนายจัดทุกคืนจนปวดน่ะ”

                    “อ...เอ่อ จีฮุนกับอีจุน”

                    “เป็นประโยคคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบตะหาก”

                    “ค...ครับ”

                    “ไอถามว่าเจ็บมั้ย...แน่นอนอยู่แล้ว ฉันเป็นผู้ชายฉันเจ็บ เนี่ยยังเจ็บอยู่เลย” ขาเรียวก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวพลางจับมือของอีกคนมาวางที่บั้นท้ายของตนและดึงมันลากวนไปมา ดูจุนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะพยายามก้าวขาหนีมาด้านหลัง

                    “แต่...ฉันก็ไม่ได้บอกนี่ว่าไม่ชอบ” รอยยิ้มยั่วยวนปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวานอีกครั้ง ก่อนแขนเล็กทั้งสองจะยกขึ้นโอบต้นคอดูจุนไว้ไม่ให้เดินไปไหนได้

                    “ที่ฉันงอนน่ะ...”

                    “...”

                    “เพราะฉันไม่เคยได้อยู่ข้างบนเลยต่างหาก”

                    “อ...อึก”

                    “ดูจุนก็เอาแต่บอกว่าอยากๆ แล้วก็จับฉันกดเลย รู้มั้ยว่าพอนายอยู่ข้างบนทีไรฉันเจ็บจะตาย บอกจะออมแรง บอกจะช้าๆแต่ก็ไม่เคยทำได้ซักครั้ง นี่ถ้ายอมให้ฉันเป็นคนคุมเองบ้างมันก็คงไม่เจ็บขนาดนี้หรอก แล้วไอโลชั่นที่บอกให้ใช้ก็ไม่ยักเคยใช้ สงสารกันบ้างเห๊อะ”

                    “ค...ครับ”

                    “แล้วที่บอกว่าไม่ต้องมาหาตอนเช้าน่ะ ก็ไม่ใช่เพราะไม่อยากเจอหน้าหรอกนะ แฟนใครใครก็ต้องอยากอยู่ด้วยทั้งนั้นล่ะ”

                    “...”

                    “แต่เพราะตอนกลางคืนนอนดึก ตื่นมาหน้ามันบวมแถมตาก็ดำ บางวันปากแตกอีกตะหาก เป็นนายนายจะอยากให้แฟนมาเห็นในสภาพนั้นป่ะเหอะ? แค่นายมาส่งถึงตึกเรียนฉันก็ซุกเบาะรถแทบตายแล้ว” มือหนายกขึ้นประคองเอวบางของอีกคนไว้ก่อนจะยกยิ้มกับเหตุผลสุดท้าย ใบหน้าเล็กจ้องตาร่างสูงแป๋วแล้วกระพริบปริบๆพอน่ารัก

                    “อ่อ~สรุปรำคาญที่ฉันมาเห็นตัวเองตอนไม่น่าประสงค์ต่อการถูกเห็นนักบ่อยว่างั้น?”

                    “อื้อ” ไม่ว่าเปล่า โยซอบก็พยักหน้าตอบสองสามครั้งจนกลุ่มผมนิ่มสั่นเล็กน้อย

                    “โถ่ๆๆ นายไม่รู้หรอกว่าหน้านายตอนแรงรวยรินแบบเพิ่งตื่นนอนน่ะเซ็กซี่สุดๆ=.,=

                    “นั่นก็อันตรายต่อสุขภาพเบื้องล่างฉันเหมือนกัน ยังไงก็ไม่ได้”

                    “อ้าว แต่เรานอนห้องเดียวกัน ไปกลับด้วยกัน ยังไงฉันก็ต้องเห็นอยู่ดีแหละ”

                    “นายก็ย้ายออกไปอยู่บ้านตัวเองดิ้ คุณป๊ากับคุณม๊าไม่ว่าอะไรแล้วไม่ใช่ไง?”

                    “ไม่ได้ๆ บอกป๊าแล้วว่าจะอยู่ดูเมีย”

                    “ใครเมีย? แฟนเว้ยแฟน ไปบอกคุณป๊าให้มาขอฉันก่อนแล้วกันค่อยเรียกเมีย”

                    “อีกไม่นานหรอกครับป๊ากำลังเก็บออม...แล้วจะให้ฉันทำยังไงอ่ะนายถึงจะเลิกงอน...เอ้ย รำคาญ”

                    “ง่ายนิดเดียว ก็ยอมให้ฉันออนท๊อปบ้างอะไรบ้าง จะได้ไม่เจ็บมากและนอนหลับได้อย่างสบายใจ แค่นั้นเอ๊ง~” โยซฮบว่าพลางยักไหล่ชิลล์ๆ ดูจุนมองใบหน้าหวานที่ดูยังไงก็ไม่ได้ล้อเล่นแล้วก็อดใจเต้นไม่ได้ สุดท้ายก็พยักหน้ารัวอย่างไม่ลังเล

     

                    จริงๆถ้าเอ่ยปากขออย่างนี้แต่แรกยุนดูจุนก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้วล่ะนะ=.,=

     

                    “งั้น...ถือว่าเคลียร์แล้วใช่ป่ะ? นายกลับมาอยู่กับฉันตอนเช้าได้แล้วใช่มะ?”

                    “อืม เหมือนเดิมแล้วก็ได้” เมื่อได้ยินคำยืนยันดูจุนก็อดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ได้ ร่างสูงโน้มใบหน้าลงก่อนจะสัมผัสริมฝีปากบางเบาๆ หยอกเย้ากับกลีบปากบนล่างของอีกคนอยู่ซักพักก่อนเสียงกระทบกันของกุญแจจะดังขึ้นขัดบรรยากาศ

                    “นี่พวกเธอสองคนมาทำอะไรกันบนนี้เนี่ย? นี่มันเวลาเรียนนะ แล้วเธอก็ไม่ใช่เด็กคณะนี้นี่...เลยว่าล่ะประตูถูกงัดทั้งหัวตึกท้ายตึกเลย เด็กสมัยนี้มันไวไฟกันจริง”

                    ลุงภารโรงโวยวายเสียงดังและยกนิ้วชี้ทั้งสองสลับไปมา ดูจุนและโยซอบยิ้มตอบเจื่อนๆก่อนจะหันมามองหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง

                    “ขอโทษครับคุณลุง...งั้นฉันไปเรียนต่อก่อนนะ ห้าโมงไปรับ”

                    “อื้ม” โยซอบยิ้มตอบก่อนจะโบกมือบ๊ายบายจนดูจุนเดินลงบันไดหายไป หันไปโค้งขอโทษลุงภารโรงอีกครั้งก่อนจะวิ่งไปลงที่ท้ายตึกบ้าง

     

                    ตี๊ดๆเสียงเตือนข้อความเข้ากับแรงสั่นจากมือถือในกางเกงเรียกให้ร่างสูงที่เดินยิ้มแป้นหยุดขาทั้งสองลงและหยิบเครื่องสี่เหลี่ยมขึ้นมาเปิดดู

     

                    ถ้าอยากให้หายรำคาญเร็วๆ...เย็นนี้มาเร็วๆล่ะ ;)

     

                    ใบหน้าคมยกยิ้มกว้างเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน ก่อนมือหนาจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงไปทั้งใจเบิกบานจนจะล้นออกมาจากอกซะให้ได้ แล้วดูจุนก็เดินพึมพำประโยคเดิมๆและหลุดหัวเราะอยู่คนเดียวเป็นระยะๆไปอีกซักพักเลยล่ะ            

                    “พูดงี้เดี๋ยวคืนนี้จัดหนักช่วยไม่ได้นะเถอะเอ้ย! หนักไม่ได้สิ”

     

                    ก็คืนเนี้ย...เคะออนท๊อป!!!

     

    © Tenpoints !
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×