ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Someday ซักวัน...ฉันจะทำให้นายเป็นเกย์!!! [Dooseob]

    ลำดับตอนที่ #5 : 04 : ซั่ม...?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 786
      1
      31 ม.ค. 56

    4

    ซั่ม...?

     

                    "มึงไปเจอเค้าที่ไหนมาวะ?"

                    "ฮะ?" ผมหันไปมองหน้าอีจุนที่นั่งเป่าลมใส่แก้วสเลอปี้มาซักพักใหญ่แล้วจู่ๆก็ถามขึ้นมาไม่เรียกผมซักคำ

     

                    สงสัยมันจะเมาน้ำตาล- -

     

                    "กูคุยกะมึงนะดูจุน มีแฟนแล้วหยิ่งเรอะ"

                    "อะไรมึง จู่ๆก็โพล่งขึ้นมากูจะรู้มั้ย?"

                    "กูคิดว่ากูเรียกไปแล้วซะอีก...ยังหรอกหรอ=..=a"

                    "เออ กูว่ามึงเลิกแดกเถอะสเลอปี้เนี่ย ชักเพี้ยนขึ้นทุกวันละ"

                    "เออๆๆ ช่างกูเถอะ ว่าแต่มึงเถอะ สรุปคำตอบคืออะไร"

                    "คำตอบอะไร?"

                    "ก็ที่ถามว่ามึงกับโยซอบไปเจอกันที่ไหนไง"

                    "อ่อ...นั่นหรอ?" ผมทิ้งช่วงว่างคิดถึงคำที่จะมาอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ดูดีที่สุด

                    "วันนั้นกูบังเอิญมีเหตุบังเอิญให้ต้องเข้าไปใน..."

     

                    เนเวอร์แลนด์...ไม่ๆๆๆๆ

     

                    "เอ่อ...ที่ๆกูไม่ควรอยู่ แล้วตอนนั้นกูก็มึนๆใช่มั้ย ทีนี้เค้าก็มาช่วยกูไว้ เออ! นั่นแหละ" ผมพูดออกไปรัวๆให้มันจบก่อนจะปิดท้ายด้วยการตบโต๊ะและตะโกนเสียงดังกลบเกลื่อน

                    "มึงไม่ต้องมากลบเกลื่อน กูเป็นเพื่อนมึงมาตั้งแต่ยังแย่งนมหม่าม๊ามึงกิน กูดูมึงออก"

                    "เอ๊อะ =[]="

                    "แต่ไม่เป็นไร เรื่องตอนต้นกูไม่ได้อยากจะเสือกมาก กูเกรงใจ"

                    "อาฮะ"

                    "กูสนใจตอนกลางมากกว่า-w-+" อีจุนหมอบลงกับโต๊ะและเงยหน้าหรี่ตามองผมอย่างมีเลศนัย

     

                    อีจุนเวอร์ชั่นอยากเจือกขั้นสูงสุดมาแล้วครับ...

     

                    "เห็นพวกมึงรักกันหวานแหววปานจะกลืนกิน ไหนจะแหล่งข่าวมาว่ามึงถึงขนาดย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกัน"

                    "..."

                    "กูอยากรู้เรื่องนึง"

                    "อ...อะไรล่ะ?"

                    "พวกมึงสองคน..."

                    “...”

                    "ซั่มกันยัง...?"

                    "อ...ไอ้ฟวย! ถามอะไรเนี่ย?!?" ผมแหกปากขึ้นมาทันที ไม่วายเบิ๊ดหัวกลวงๆของมันไปรอบนึง

                    "เอ๊าทำไมวะ คนเป็นแฟนกันซั่มกันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ถึงมึงสองคนจะต้องใช้วิธีผิดแปลกจากเพศปกติไปนิดก็เถอะ...สรุปคือยัง?"

                    "เออ ยัง! ก็กูไม่ใช่พวกซั่มไม่เลือกเหมือนมึงนิ อีกอย่างโยซอบเค้ายังไม่เคย กูไม่เอา...ไม่กล้าหรอก" ผมเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทันก่อนจะฉีกยิ้มพ่อพระกลบเกลื่อน

                    "เหอะ ไว้มึงถึงจุดนั้นเมื่อไหร่ ความคิดพวกนั้นหายไปจากกะโหลกมึงเกลี้ยงแน่เชื่อดิ"

                    "จุดนั้น...จุดไหน?"

                    "จุดที่..." อีจุนเหล่มองจีฮุนที่นั่งหน้านิ่งไม่รู้ร้อนเหมือนไม่ได้ยินเรื่องที่พวกผมคุยกันเลยซักนิดก่อนจะโน้มตัวข้ามโต๊ะมาสะกิดให้ผมยื่นหูไปใกล้ๆ

     

                    "มึงเป้าตุงไง"

                    "ห...ห...เหี้ย!!! กูไม่คุยกับมึงแล้ว เฮ้ยจีฮุนมากับกู" ผมหันไปกวักมือเรียกเพื่อนหน้าเฉยให้ลุกเดินตามมา

                    "เฮ้ย อย่างอนดิวะดูจุน กูพูดเล่น!!!" และแน่นอนอีจุนที่เกลียดการถูกงอนเป็นที่สุดตะโกนตามหลังมาไหวๆ ผมชะลอฝีเท้าลงก่อนจะยกยิ้มเมื่อมุขเดิมๆก็ยังคงใช้ได้เสมอ เห็นดังนั้นอีจุนก็ตะโกนประโยคง้อผมตามมาอีกระลอก

     

                    "จริงๆมันก็ไม่เป็นงั้นเสมอไปหรอกเว่ย"

                    “...”

                    "มึงไปปล่อยในส้วมก็ได้..." แต่ไม่ยักเห็นว่ามันจะทำให้ทุกๆอย่างมันดีขึ้นซักนิด- -*

     

     

    'กริ๊ง กริ๊ง'

                    "ใครเปิดโทรศัพท์ในห้องเรียน!!!" อาจารย์ปาร์คสุดโหดประจำวิชาฟิสิกส์โวยวายดังมาจากหน้าห้อง ผมเงยหน้าจากสมุดเลคเชอร์ก่อนจะเจอสายตายุกยิกของอีจุนที่นั่งฟุบอยู่ข้างๆ

                    'มือถือมึง' มันขยับปากให้ผมรู้ตัวก่อนผมจะล้วงมือลงไปในกระเป๋าเป้แล้วเจอว่ามือถือของผมกำลังสั่นแล้วสั่นอีก

                    "ข...ของผมเองครับ" ผมยกมือตอบแล้วยิ้มแหยๆ เท่านั้นแหละ อาจารย์ปาร์คก็หันมาปล่อยลำแสงจากหนังศีรษะใส่ผมวิ้งๆ

                    "ออกไปรับสายข้างนอก แล้วไม่ต้องกลับเข้ามาเรียนวิชาครู ออกไป!" อาจารย์แหกปากซะลั่นพลางชี้หน้าประจานผมต่อประชาชี

                    "คุณก็ด้วยอีจุน กล้ามากนะหลับในห้องครู ออกไปทั้งคู่นั่นแหละ"

                    "อ้าวจารย์ ไหงงี้ล่ะ?"

                    "ไม่ต้องมาถาม พ่อแม่ส่งพวกคุณมาเรียนไม่ได้ให้มาหลับ ถ้าจะนอนก็กลับบ้านไป"

                    "ทีไอ้จีฮุนมันนั่งอ่านการ์ตูนจารย์ยังไม่ว่ามันเลย" นั่นๆ หาพวกพ้องตลอดไอ้นี่- -"

                    "อ้าว ไรกูเนี่ย?" จีฮุนที่โดนพาดพิงหันมาเลิกคิ้วใส่อีจุนแต่ก็ยังมีอาราเล่อ้าอยู่คามือ

                    "ออกไปทั้งสามคนนั่นแหละ!!!" ไม่รอให้หัวล้านๆของอาจารย์พ่นลำแสงเผาไหม้ใส่ไปมากกว่านี้ พวกผมใส่ตีนหมาวิ่งออกมาทันที

     

     

                    "มึงเป็นเชี่ยไรวะอีจุน?"

                    "ถ้าจะโทษก็โทษดูจุนมันเลย มันทำให้กูซวย"

                    "พวกมึงสองคนเงียบแป๊บดิ๊กูจะรับโทรศัพท์" ผมขัดไอ้เพื่อนรักสองคนที่เดินเถียงกันนำหน้าผมไปนิดหน่อยก่อนจะก้มลงมองชื่อเบอร์ที่โทรเข้ามา

     

                    สุดที่รัก

     

                    หื๊มมมมมมม? ผมมีเบอร์ชื่อนี้เมมไว้ในเครื่องด้วยเรอะ=[]=?!?

    แต่จะว่าไป คนที่ผมมีเบอร์เมมไว้ และจะกล้ามายุ่งกับมือถือผมตอนที่ผมไม่รู้ได้ก็มีคนเดียวนั่นแหละ

                    "เมียมึงเหรอ?" อีจุนถามขึ้นมาพลางทำตาปิ๊งๆ ขัดความคิดผมตลอดสิเพื่อนคนนี้-*-

    ผมไม่ได้ตอบแต่กดรับสายก่อนอีกฝ่ายจะโมโหเอา และไม่ทันได้พูดอะไรเสียงของคนที่คุณก็รู้ว่าใครก็ดังมาทันที

                    (นายรับช้ามาก)

                    "รับก็บุญแล้ว นายไม่รู้หรอกว่ากริ๊งเดียวที่นายโทรมามันทำให้ฉันเจอกับอะไรมาบ้าง"

                    (เหอะ จะยอมลำบากเพื่ออนาคตภรรยาหน่อยไม่ได้เลยเหรอครับ?)

                    "อย่ามั่วๆ และฉันก็ยังไม่ได้เคลียร์เรื่องที่นายมายุ่งกับมือถือ

    ฉันด้วย"

                    (โถ่ ฉันเล่นๆไปงั้นล่ะน่า ก็นายเล่นเมมว่ายังโยซอบ มันดูห่าง

    ไกลอ่ะ-3-)

                    "เออๆ ขอโทษแล้วกัน แล้วนี่ที่โทรมามีอะไรรึเปล่า?"

                    (เออใช่ จะบอกว่าห้องเราทิชชู่หมดอ่ะ)

                    "ฮะ...แล้ว?"

                    (ขากลับซื้อมาหน่อยดิ)

                    "..."

                    (...)

                    "แค่เนี้ย?"

                    (อืม แบบม้วนนะ แค่นี้ล่ะ...ติ๊ด) สั่งเสร็จมันก็วางสายไปเลย

     

                    เอ่อ...

     

                    แล้วที่กูอุตส่าห์โดนถีบส่งออกมาจากห้องเรียนเพื่ออะไรวะครับ

    =[]=?!?

     

     

                    "กลับมาแล้วครับ" ผมพูดเสียงพอให้อีกคนในห้องนอนได้ยินก่อนจะปิดประตูวางแพ็คทิชชู่ลงบนพื้น

                    "เฮ่! ฉันกลับมาแล้วนะเฮ่ย" เมื่อคนที่สั่งให้ผมโดดเรียนไปซื้อทิชชู่ยังไม่มีท่าจะโผล่หัวออกมาผมก็เร่งเสียงขึ้นอีกหน่อย

                    "อ...อือ ดูจุน อ...อึก" เสียงพึมพำที่พอจะจับความได้ว่าเป็นชื่อผมทำขนแขนผมลุกซู่อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แถมน้ำเสียงที่ใช้ก็ไม่น่าจะมาจากจุดประสงค์ที่น่าพึงพอใจนัก

                    "ดูจุน อ...อ๊า ฉ...ฉันไม่ไหวแล้ว อ...อื้มมมม" เสียงครางดังลั่นห้องและน่าจะทะลุไปห้องข้างๆเป็นฟินาเล่ก่อนเสียงจากในห้องจะเงียบไป

     

                    "..." ผมยืนมองบานประตูตรงหน้าอยู่อย่างนี้มาได้เกือบห้านาทีได้ ก็ไม่ได้อยากจะรู้อะไรไปมากกว่านี้หรอกนะ แต่อยู่ๆขาสองข้างมันก็ก้าวไม่ออกไปซะเฉยๆ TT^TT

                    'แกร่ก...' ปล่อยให้ผมบ่นอยู่กับความคิดตัวเองตัวซักพัก ประตูบานข้างหน้าก็แง้มเปิดออก ตามมาด้วยใบหน้าของคนคุ้นเคยในผมยุ่งเหยิง ไหนจะใส่เสื้อกล้ามคว้านแขนคว้านคอซะลึก แล้วดูกางเกงดิ๊

    บ็อกเซอร์บ้านไหนมันสั้นเป็นกางเกงลิงงี้?!?

                    "มองไร? ฉันเซ็กซี่อ่ะเด้?" พอเห็นผมมองไล่หัวจรดเท้าจรดหัวซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบโยซอบก็ย้ายที่ด้วยความเร็วแสงมายืนข้างหน้าผมแล้วถือโอกาสยกมือกอดเอวผมไว้เฉย

     

                    แจ้งตำรวจข้อหาโดนเคะลวนลามได้มั้ยเนี่ย?

     

                    ในขณะที่หัวผมคิดไปต่างๆนาๆ คนตัวเล็กก็ยังคงยืนเงยหน้ายิ้มแฉ่งใส่ผมตาแป๋ว ไม่ได้รู้ตัวเอาซะเลยว่าด้วยความเตี้ยของตัวเองกับเสื้อกล้ามตัวโคร่งที่สวมอยู่มันทำให้ผมก้มหน้าทีนี่เห็นตั้งแต่คอลงไปยันขอบกางเกง แล้วไหนจะเสียงประหลาดๆจากห้องนอนเมื่อกี๊ทำเอาหน้าผมร้อนขึ้นมาไม่ได้

     

                    อกอียุนดูจุนจะแตกตายแล้วพี่น้องTT[]TT

     

                    "เงียบแปลว่าใช่ โฮะๆๆ นี่ยังแค่น้ำจิ้มยุนดูจุน..." เมื่อผมไม่ตอบโยซอบก็ดูได้ใจไปใหญ่ มือเล็กเริ่มย้ายมารุ่มร่ามที่หน้าอกของผมก่อนจะเลื่อนมาคล้องคอผมเอาไว้

                    "รอตอนไม่ใส่อะไรเลยก่อนเถอะ"

                    "พรวดดดดดดด" ไม่รู้ว่าได้ยังไง จู่ๆที่จมูกของผมก็ร้อนแปลกๆก่อนความรู้สึกแฉะๆจะไหลขึ้นมาจากโพรงจมูก

                    "ด...เดี๋ยวนะยุนดูจุน นาย...เลือดไหลอ่ะ..."

                    "หา =.,=?" ผมเลิกคิ้วถาม โยซอบไม่ตอบแต่ยกนิ้วชี้ตรงมาที่จมูกของผม

                    "นาย...เลือดกำเดาไหลอ่ะ..."

                    "...?"

                    "เฮ้ยยยยย ดีใจอ่ะๆ นายเลือดกำเดาไหลเพราะฉันด้วยอ่ะ ปลื้มมมม TTwTT" โยซอบกุมมือสองข้างไว้ที่อกก่อนจะเพ้ออะไรก็ไม่รู้ยิ้มๆประมาณว่าเข้ามิติของตัวเองไปเรียบร้อย

     

                    "ฉันไม่ได้เกิดอารมณ์จนเลือดพุ่งเหมือนนายหรอกนะอย่าเพิ่ง

    ฟินไปเอง"

                    "ถ้าฉันไม่ฟินไปเองนายจะมาฟินให้ฉันป่ะล่ะ?"

                    "ถุ๊ย! แปลกคน ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้วเว้ย" สะบัดมือไล่เจ้าตัวกลับเข้าห้องก่อนผมจะเดินมาทิ้งตัวนั่งบนโซฟา

                    "เออ วันนี้ที่ร้านข้างหอมันเซลล์ปลาแซลมอนอ่ะฉันเลยซื้อมา เดี๋ยวทำสเต็กให้กิน"

                    "ทำแล้วจะกินได้เร๊อ?" ผมถามลอยๆก่อนจะหันไปเท้าแขนกับโซฟาแล้วมองหน้ากวนตีนอีกคนเล็กน้อย ถือว่าแก้แค้นที่ทำให้ผมโดนด่ามาเมื่อตอนบ่ายแล้วกัน=w=

                    "ลืมรึเปล่าว่าฉันเรียนคหกรรม เห็นอย่างงี้เอบวกตลอดป่ะเหอะ" โยซอบเบะปากก่อนจะเถียงด้วยท่าทางภูมิใจสุดขีด

                    ร่างเล็กยกมือขึ้นมาที่ปากก่อนจะกัดอะไรบางอย่างสีชมพูๆออกนิ้วชี้และนิ้วกลางและโยนมันทิ้งถังขยะ

     

                    เฮ้ยเดี๋ยว!

     

                    บอกผมทีว่าบนโลกนี้มันมีวัตถุอะไรบ้างที่สีใสๆ บางๆ ยืดได้ แล้วคนมันจะเอามาสวมนิ้วตัวเองเล่นมั่ง...ถ้าไม่ใช่ถุงยางTT[]TT?!?

     

     

                    "มองทำไม?" เสียงถามของโยซอบที่จัดการล้างมือแล้วยกแซลมอนจากช่องฟรีซมาตั้งรอให้ละลายเรียบร้อยทำให้ผมได้สติ ผมอ้าปากพะงาบๆคิดคำที่จะใช้แถ และพอคิดไม่ออกซักทีผมก็เลยเลือกที่จะเงียบ แต่เหมือนโยซอบจะอ่านผมออกมากกว่าที่ผมคิด...

                    "นายกลับมาทันเหรอ?"

                    "หา?"

                    "กลับมาทันได้ยินฉัน..." ร่างเล็กเว้นเสียงเงียบไปในระยะที่ทุกคนเข้าใจก่อนจะกลับไปก้มหน้าล้างผักต่อ

     

                    ทีนี้ล่ะมาอาย ถุยยยยยย!!!

     

                    "ได้ยินชัดกระจ่างแจ่มแจ้งทั้งหูซ้ายและหูขวา"

                    "เห้ยยยยย?"

                    "ยังจะมาเห้ย แล้วใครอนุญาตให้นายมาเรียกฉันตอนทำอู้อ้า

    นั่นล่ะ?"

                    "ก็คนที่ฉันชอบคือนาย แล้วจะให้ฉันไปมีอารมณ์กับหมีควายที่ไหนล่ะโถ่!!" โยซอบเถียงออกมาเสียงดังก่อนความเงียบจะเข้ามาปกคลุมห้องอีกครั้ง...

     

                    "เฮ่ย! มันไหลอีกแล้วอ่ะ!!! เส้นเลือดเปราะบางป่ะเนี่ย?" แต่แล้วจู่ๆคนตัวเล็กก็โวยวายขึ้นมาอีกครั้ง

                    "ฮะ?"

                    "จมูกไงจมูก!!!"

                    "ฮ...ฮ...เฮ้ย" และแล้วทิชชู่ที่ผมแวะซื้อมาก็หมดไปกับการห้ามเลือดที่รูจมูกผมซักครึ่งม้วนได้...อาเมน= =

     

                    "นี่ อย่างนั้นไม่ได้นะ ต้องหั่นลงไปทีเดียวให้มันขาดออกจากกัน มือก็ไม่ต้องลงแรงมาก เดี๋ยวเนื้อปลามันจะบุบแล้วช้ำได้" โยซอบเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆผมก่อนจะดึงเขียงและมีดในมือผมไปหั่นปลาให้ดูเป็นตัวอย่าง

                    ใบหน้าหวานตอนนี้ยิ้มแย้มมากกว่าปกติ คนตัวเล็กดูจะมีความสุขกับการทำอาหารไม่น้อย มุมนี้ของยังโยซอบก็ดูไม่มีพิษมีภัยอะไรนักนะ แถมยังรู้สึกสบายใจเวลาอยู่ใกล้ซะด้วยซ้ำ

                    "นายชอบทำอาหารมากเลยเหรอ?"

                    "อืม เวลาได้ทำอะไรอร่อยๆให้คนอื่นกินน่ะ ฉันเองก็มีความสุขนะ แล้วถ้าคนกินมีความสุขหรือชอบสิ่งที่ฉันทำฉันก็ดีใจ" โยซอบอธิบายไปยิ้มไปมือก็ยังค่อยๆหั่นปลาต่อไปอย่างชำนาญ ผมเท้ามือสองข้างลงกับเคาน์เตอร์และมองซีกหน้าด้านซ้ายของโยซอบอยู่เงียบๆ

     

                    จริงๆถ้าให้อยู่ด้วยกันแบบนี้ผมก็ไม่เดือดร้อนอะไรหรอก

     

                    ไม่เลย...จริงๆนะ

     

                    "เดี๋ยวนายไปล้างมือแล้วก็รอกินได้แล้วล่ะที่เหลือฉันทำเอง"

    โยซอบหันมายกยิ้มบางๆให้ผมโดยที่ผมก็หันกลับมาได้อย่างหวุดหวิด ผมพยักหน้ารับก่อนจะปลีกตัวมาล้างมือที่อ่างข้างเตา หลังจากนั้นซักพัก

    คนตัวเล็กก็ตามมาล้างบ้างและไปตั้งกระทะที่เตาไม่ห่างไปนัก

                    "แล้วทำไมวันนี้นายกลับเร็วจังอ่ะ?"

                    "จริงๆก็ไม่ได้หมดเวลาเรียนหรอก แต่โดนไล่ออกมา" ผมยักไหล่ตอบก่อนจะเดินไปยืนดูปลาในกระทะข้างอีกคน โยซอบหันมามองผมด้วยแววตาครุ่นคิดซักพัก ก่อนสีหน้ารู้สึกผิดจะเข้ามาแทนที่

                    "เพราะฉันโทรไปใช่มั้ย?"

                    "..." ผมพยักหน้า

                    "ปลาเริ่มสุกแล้วเดี๋ยวก็ไหม้หรอก"

                    "อ...เอ้อ!" เมื่อผมทักขึ้นมาโยซอบก็หันกลับไปพลิกด้านปลาแซลมอนบนกระทะ

                    "ขอโทษนะ ทำนายเดือดร้อนแท้ๆ"

                    "ไม่เป็นไรหรอกน่า จริงๆวิชานี้ฉันก็เข้าใจอยู่แล้วแถมอาจารย์ก็สอนน่าเบื่อมาก ได้โดดออกมาบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก"

                    "ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น ฉันหมายถึงทุกเรื่องเลยนะ ตั้งแต่นายเข้ามาอยู่ที่นี่กับฉัน ไหนฉันจะรุกนายจนนายกลัวไปบ้าง ไหนจะข่าวลือว่านายเป็นเกย์ที่ไม่ใช่ความจริงอีก" โยซอบเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่ดีนักแต่ตาทั้งสองข้างก็ยังมองอยู่ที่กระทะไม่ไปไหน

                    "แต่สิ่งที่นายตั้งใจจะทำก็คือทำให้ฉันเป็นพวกเดียวกับนายไม่ใช่รึไง? ทำมาขนาดนี้นายจะยอมแพ้จริงๆหรอ?"

                    "..."

                    "ฉันเองก็พูดไม่ได้หรอกนะว่าตัวเองเป็นแล้ว แต่จะให้บอกว่าไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่นายทำเลยก็คงไม่ได้หรอก"

                    "..."

                    "เอาจริงๆ...ถ้าฉันจะต้องกลายเป็นเกย์แล้วคนๆนั้นของฉันเป็นนาย..."

                    "..."

                    "มันก็คงไม่ได้แย่อะไรหรอกมั้ง"

                    "ดูจุน..." ถึงตอนนี้โยซอบปิดเตาไฟและย้ายแซลมอนไปพักไว้ที่เตาด้านใน คนตัวเล็กหันมามองผมตาโตอย่างไม่เชื่อหู

                    "นายจะเลิกล้มความตั้งใจรึเปล่าก็ขึ้นอยู่กับนายนะ เพราะฉันก็ไม่รู้ว่าซักวันนั่นน่ะจะเป็นเมื่อไหร่"

                    "..."

                    "แต่จากนี้ไปฉันจะลองเปิดใจรับนายให้มากขึ้นแล้วกัน" ผมระบายยิ้มก่อนจะวางมือลงบนไหล่ของอีกคนและบีบเบาๆสองสามครั้ง ผมยกมือข้างที่ว่างขึ้นชูกำปั้นหลวมๆ เมื่อโยซอบเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าหวานก็ผุดขึ้นมาให้เห็น

                    "ไฟท์ติ้ง"

                    "อื้ม :)"

     

                    แล้วมื้อเย็นของวันนี้ก็ดำเนินไปบนโซฟาสีเขียวอ่อนตามปกติอย่างวันอื่นๆ

     

                    จะมีก็แต่เสียงพูดคุยและรอยยิ้มที่มีให้เห็นมากขึ้นของเราสองระหว่างบทสนทนาเท่านั้น

     

     

                    “อะไรนะ? ปาร์ตี้วันเกิด?”

                    “นะๆๆๆ ไปกับฉันนะ ถ้าเป็นของคนอื่นฉันจะไม่ว่าเลยอ่ะ แต่นี่มันงานของเควินไง ถ้าฉันไม่มีนายไปด้วยมันต้องรู้แน่ว่าฉันกับนายยังไม่ได้เป็นแฟนกัน” โยซอบที่นั่งอยู่ข้างๆผมบนโซฟาหันมาจับไหล่ผมโยกไปมาพลางกระพริบตาปริบๆ

                    หลังจากวันที่ผมกับโยซอบทำความเข้าใจกันได้นี่ก็ปาเข้าไปสองเดือนกว่าแล้ว โยซอบตัดสินใจที่จะค่อยเป็นค่อยไป ส่วนผมก็ไม่ได้คิดว่านี่เป็นวิธีที่แย่อะไร เพราะหลังจากอยู่ด้วยกันเป็นปกติ (ไม่นับที่โยซอบหลุดขีดจำกัดสองสามครั้ง) ผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นเวลามีโยซอบอยู่ใกล้ๆนะ

                    “นี่เควินยังไม่เลิกสงสัยเรื่องเราอีกเหรอวะ= =?” ผมขมวดคิ้วลงอย่างหน่ายกับชีวิต เออ ผมคงยังไม่ได้เล่าที่เควินชอบมาถามความคืบหน้าเรื่องผมกับโยซอบเวลาที่ผมอยู่คณะแล้วโยซอบไม่ได้มานั่งเม้าท์กับอีจุนที่โต๊ะหน้าตึก (ซึ่งก็ดูจะมาทุกวันซะด้วย) หรอกใช่มั้ย...?

    แน่นอน ผมทำผิดศีลข้อสี่ไปนับไม่ถ้วน เรื่องของเราที่ผมแต่งคงเขียนนิทานขายเด็กได้แล้วมั้ง= =”

                    “ก็เออสิ แล้วอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะที่เควินไปถามนายเรื่องของเราบ่อยๆน่ะ อีจุนมาบอกฉันหมดแล้ว นายไม่เห็นต้องปิดบังกันเลยนี่” ว่าแล้วก็พองแก้มเล็กน้อย น้อยใจที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการแต่งดูซอบสตอรี่เรอะ!?!

                    “ช่างเถอะน่า ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายนี่ ส่วนเรื่องงานวันเกิดฉันไปด้วยก็ได้” ผมยักไหล่อย่างไม่เดือดร้อน โยซอบยิ้มร่าก่อนจะนั่งพึมพำงุ้งงิ้งบิดไปบิดมาอยู่อย่างนั้น...สรุปคือเข้ามิติไปอีกแล้ว

                    “งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปบ้านฉันกัน”

                    “ฮะ?”

                    “ก็บ้านฉันเป็นเจ้าของไทม์สแควร์นี่ จะพาไปซื้อเสื้อใส่”

                    “อ่อ...”

                    “จะได้พาลูกเขยไปแนะนำกับพ่อกับแม่ฉันด้วยไง ดีมะ?”

                    “วกเข้าเรื่องนี้อีกแล้วนะ!!

     

     

                    “ออมม่า~” โยซอบแหกปากซะลั่นบ้านทันทีที่แม่บ้านเปิดประตูหน้าบ้านออกให้เราสองคนเดินเข้าไป แม่บ้านทุกคนมองตามพวกผมสองคนมาตั้งแต่ลงจากมินิลูกรัก แต่คงเพราะที่บ้านผมก็มีล่ะมั้งถึงไม่ได้รู้สึกระคายอะไรนัก

                    “โยลูกแม่ ไม่กลับมาบ้านตั้งนานเป็นไงมั่งลูก...แล้วนั่น?” ผู้หญิงอายุสี่สิบปลายๆที่ดูเด็กกว่าวัยพอดูโผล่หน้าออกมาจากประตูห้องบนระเบียงห้องนอนชั้นสูงและมองลงมา ก่อนจะยกยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้า

    โยซอบ อ่อ นี่คงเป็นแม่โยซอบสินะ ไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าไปเอาหน้าตามาจากใคร

                            “อ๋อ...นี่เพื่อน”

                    “ผมดูจุนแฟนโยซอบ สวัสดีครับ” ผมโค้งให้น้าเค้าเล็กน้อยก่อนจะกลับมายืนตรงและเจอสีหน้าช็อคเข้าขั้นของโยซอบ

                    “ตายจริงๆ งั้นแม่ต้องไปแต่งตัวหน่อยแล้ว เดี๋ยวคนอื่นจะเอาไปว่าเอาได้ว่าแม่โทรมให้ลูกเขยเห็น”

                    “แม่!” โยซอบยู่หน้าใกล้ร้องไห้เต็มที่หลังจากแม่ของตัวเองขอกลับเข้าห้องนอนไปอีกรอบ

                    “นายบอกแม่ฉันอย่างนั้นทำไมอ้ะT0T?

                    “อ้าว ไม่ชอบหรอกหรอ”

                    “ชอบดิ้ โคตรชอบเลยด้วย นี่น้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจเลยเนี่ย” ว่าพลางชี้น้ำตาที่ปริ่มขอบตาของตัวเอง

                    “จริงๆอยู่ที่นี่นายไม่ต้องโกหกก็ได้นะ”

                    “ก็เควินเพื่อนสนิทนายไม่ใช่รึไง ถ้าพ่อแม่นายเกิดไม่รู้แล้ว

    เควินมาเล่าให้ฟัง ฉันมีหวังโดนสั่งเก็บไร้ร่องรอยข้อหาหลอกลูกชายเค้า

    มาแน่”

                    “อ้อ~ ยังไงก็ขอบใจนะ ฉันอยากให้ถึงวันที่นายจะพูดแบบนี้แล้วไม่ผิดศีลจังTT^TT” โยซอบพูดใส่ผมหน้าหงอย ผมยกมือยีหัวคนตัวเล็กไปนิดนึง แต่ก่อนจะได้พูดอะไรกลับเสียงประตูห้องก็ดังขึ้นอีกรอบ แต่คราวนี้มาจากอีกบานทางห้องในสุดของทางเดินชั้นล่าง

                    “พ่อฮะ~” โยซอบตะโกนขึ้นมาก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊กๆไปหาชายวัยกลางคนที่เดินขยี้ตาออกมาจากประตู และไม่ทันจะได้ปรับสายตาก็โดนคนตัวเล็กกระโจนกอดจนแทบหงายหลัง

                    “คิดถึงพ่อจัง ฮี่ๆ” โยซอบยิงฟันในขณะที่กอดพ่อตัวเองไว้หลวมๆ ผมมองภาพตรงหน้ายิ้มๆก่อนจะก้มหัวให้พ่อของโยซอบเมื่อเขามองมา

                    “นี่อย่าบอกนะว่าตอนโยไม่อยู่ พ่อมานั่งทำงานจนดึกดื่นแล้วไม่นอนกับออมม่าน่ะ ไม่เชื่อโยออมม่างอนไม่รู้ด้วย”

                    “ไม่ต้องมาสอนพ่อเลยเรา แล้วนั่นใครล่ะน่ะ?” พ่อของโยซอบยีหัวลูกชายตัวเองเบาๆก่อนจะพเยิดหน้ามาทางผม

                    “นั่นยุนดูจุน...แฟนผม”

                    “ห๊ะ?!? ว่าไงนะโย นั่นแฟนลูกหรอ” เสียงตะโกนลั่นบ้านทำให้ทั้งผมทั้งโยซอบสะดุ้ง ชิบหายแน่ดูจุนเอ๊ย

                    “แล้วทำไมไม่โทรมาบอกล่ะโย จะให้พ่อเจอลูกเขยในสภาพนี้ได้ยังไง?” ทิ้งท้ายไว้เสียงดังก่อนจะวิ่งขึ้นชั้นสองแล้วหายเข้าห้องนอนไปอีกคน ทิ้งผมกับโยซอบมองตากันปริบๆ ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาทั้งคู่

     

                    ไม่รู้ทำไม ผมถึงรู้สึกโล่งใจแปลกๆ...

     

                    “อ่ะนี่ บัตรพ่อ จ่ายด้วยบัตรนี้ไปก็ได้ เดี๋ยวให้เค้ามาคิดเงินกับพ่อ” คุณชายยังยื่นบัตรเครดิตสีดำมันให้ลูกชาย โยซอบก็ขอบคุณคนเป็นพ่อก่อนจะรับมันมาไว้ในมือ

                    “จริงๆคุณอาไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้นะครับ ผมจ่ายเองดีกว่า มาใช้บัตรคุณอาจ่ายอย่างนี้ผมเกรงใจ บ้านผมก็ไม่ได้ฐานะแย่อะไรด้วย”

                    “ไม่เป็นไรหรอกน่าดูจุน แล้วฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพ่อก็ได้ ไหนๆเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” พ่อของโยซอบกอดอกพลางหันไปหัวเราะคิกคักกับภรรยา แต่ผมกับโยซอบเนี่ยสิได้แต่มองหน้าขอความช่วยเหลือกันไปมา

                    “ค...ครับ คุณพ่อ แต่ผมรู้สึกไม่ดีที่ต้องมาใช้เงินของพ่อแฟนตัวเอง แล้วผมก็ควรจะเป็นฝ่ายดูแลโยซอบใช่มั้ยล่ะครับ ผมว่ามันดูเป็นแฟนที่แย่ที่ไม่มีปัญญาจ่ายค่าเสื้อผ้าให้แฟนตัวเองน่ะครับ” ผมยิ้มตอบก่อนจะแถลื่นไหลอย่างแทบจะไม่ต้องปั้นคำพูดอะไร โยซอบที่จับมือผมมาซักพักออกแรงบีบมือผมแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

                    คุณชายยังมองผมอึ้งๆไปซักพัก ก่อนจะหลุดยิ้มกว้างแทบฉีกถึงหู คุณนายยังก็เช่นกัน

                    “แหม่ โยซอบเลือกแฟนไม่ผิดคนจริงๆนะคะคุณ”

                    “นั่นสิ เอ้อ แล้วเมื่อกี๊เธอบอกว่าเธอนามสกุลอะไรนะดูจุน”

                    “ยุนครับ...มีอะไรรึเปล่า?”

                    “ยุน...ใช่ตระกูลยุนที่นำเข้ารถจากยุโรปนั่นรึเปล่า?”

                    “ถ้าหมายถึงยุนจงฮยอน...ก็ใช่ครับ นั่นพ่อผมเอง”

                    “โอ้ว โลกกลมจริงๆ” คุณชายยังดีดนิ้วดังเป๊าะและตบโต๊ะเบาๆทีนึง เรียกสายตาสงสัยจากผมกับคนข้างๆไปอีกรอบ

                    “ฉันกับพ่อเธอน่ะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนประถมเลยนะรู้มั้ย แล้ววันนี้เราก็กำลังจะนัดคุยกันเรื่องที่พ่อเธอจะมาเปิดร้านขายรถที่ไทม์

    สแควร์ โอกาสดีเลยเชียว เดี๋ยวฉันจะได้คุยเรื่องเธอสองคนให้เป็นเรื่องเป็นราว ดีมั้ย?”

                    “เอ่อ ผมว่าอย่าดีกว่าครับ” และดูเหมือนการที่ผมขัดขึ้นมาจะทำให้ทุกคนในห้องตกใจไม่น้อย

                    “ผมยังไม่อยากให้พ่อรู้เรื่องนี้”

                    “ทำไมล่ะ?” คุณชายยังที่จู่ๆก็เปลี่ยนไปทำสีหน้าไม่พอใจนักถามขึ้นเสียงเรียบ

                    “คุณพ่อฟังผมอธิบายก่อนนะครับ ที่ผมไม่อยากให้พ่อรู้เรื่องผมกับโยซอบเนี่ยเป็นเพราะพ่อผมค่อนข้างต่อต้านเรื่อง...รักร่วมเพศ”

                    “...”

                    “ผมเลยคิดว่าอยากให้ความสัมพันธ์ของผมกับลูกชายของคุณแข็งแรงพอก่อนแล้วค่อยบอกให้พ่อรู้ จะได้มั่นใจว่ามันจะไม่พังลงถ้าพ่อผมไม่ยอมรับเท่านั้นเอง”

                    “อืม...โอเค เรื่องนี้ฉันเข้าใจ ฉันว่าป่านนี้ห้างน่าจะเปิดแล้วล่ะ เธอพาลูกชายฉันไปซื้อของตามใจแล้วกัน” พ่อของโยซอบระบายยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืน ผมกับโยซอบลุกขึ้นยืนบ้างก่อนคุณชายยังจะยื่นมาข้างหน้า

                    “ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของฉัน ยุนดูจุน...”

     

     

                    “ถ้าพ่อรู้ว่าเราโกหกพ่อต้องโกรธแน่เลย” หลังจากเรากลับขึ้นรถและออกตัวมาได้ซักพักโยซอบก็ถอนหายใจและพิงหัวลงกับกระจกรถ ก่อนจะพึมพำออกมาลอยๆ

                    “ไม่ต้องเครียดหรอกน่า”

                    “ฉันกลัวพ่อจะโกรธจนสั่งคนไปดักฆ่านายจริงๆน่ะสิ โห่ ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องเนียนขนาดนั้น จะได้รางวัลออสการ์แล้วน่ะ ลูกเขยผู้แสนดี~ พ่อจะรู้มั้ยนะว่าอีลูกเขยนี่ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกันด้วยซ้ำ” จิ๊ปากเล็กน้อยไม่วายหันมาค้อนผมอีกตะหาก

                    “แล้วอะไรทำให้นายคิดว่าฉันแสดงล่ะ?”

                    “ฮะ?”

                    “สิ่งที่ฉันพูด...ฉันก็ไม่ได้โกหกไปซะหมดหรอกนะ”

                    “เห?” โยซอบยันตัวขึ้นจากเบาะและหันมาเลิกคิ้วให้ผมอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะหันหน้ากลับไปซุกเบาะตลอดทางเมื่อผมพูดประโยคถัดมา

                    “แล้วที่ฉันไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ชอบนาย...จริงป่ะ?”

     

     

                    “ฮิ้ววววววววว” ทันทีที่เปิดประตูบานใหญ่หน้างานเข้าไปในตัวปาร์ตี้ เสียงจอแจก็ดังกระแทกหน้าเข้ามาจนผมกับโยซอบแทบหงายท้อง เราสองคนหันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าเหวอพอๆกันก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา

                    “คนเยอะจัง ไหนเควินบอกว่างานเล็กๆไง”

                    “แล้วถ้างานใหญ่มันไม่ชวนโอบาม่ามาตัดริบบิ้นให้เลยรึไงวะเนี่ย?” โยซอบหัวเราะออกมาก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมไว้

                    “เดี๋ยวหลง ที่นี่เคะน่ารักเยอะ ฉันหวง”

                    “มาหวงมาเหิง อะไรๆ บอกแล้วไม่ได้ชอบแบบนั้น”

                    “ทำม่ะ หวงอนาคตสามีว่อย เดี๋ยวจะแปดเปื้อน ยิ่งงานที่มีเหล้าเป็นแกลลอนเงี้ยนะ เหอะ อย่าหวังจะรอด” ว่าก่อนจะดึงผมเข้าไปใกล้กว่าเดิม เดินไปข้างในอีกลึกพอดูนั่นแหละถึงเจอโต๊ะเจ้างานที่มีอีจุนกับจีฮุนนั่งเสนอหน้าอยู่ก่อนแล้ว

                    “พวกมึงมากันได้ไงวะ?”

                    “แลมโบ”

                    “ส่วนกูเบนซ์” อีจุนตอบพลางยิ้มกวนตีนก่อนจีฮุนที่ไปกัดสีผมมาใหม่จะตอบหน้าเรียบแล้วกระดกเหล้าในมือลงไปอึกใหญ่

                    “ส่วนกูมินิ ถุ๊ย! กูถามว่ามึงมาได้ยังไง ใครชวนพวกมึงมา”

                    “ก็นี่งานเควิน เควินก็ต้องเชิญสิครับ” อีจุนยักไหล่พลางหันไปยิ้มให้คนที่ตัวเองพาดพิง ซึ่งโยซอบก็แยกไปนั่งข้างๆเจ้าของงานแล้วเรียบร้อย

                    “ส่วนกูโดนอีจุนลากมา บอกจะพาไปหาคนน่ารักๆกูเลยไปเปลี่ยนสีผมมา ที่ไหนได้...เหอะ” จีฮุนตอบอย่างไม่ชอบใจนักก่อนจะหันไปสั่งเหล้าอีกแก้ว...แม่งจะแดกให้บวมเหล้าตายเลยรึไง= =”

                    ผมส่ายหัวให้ไอ้เพื่อนรักทั้งสองคนที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะสามัคคีกลมเกลียวกันได้ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่ที่ว่างปลายเก้าอี้ และด้วยความที่ม้านั่งเป็นแบบครึ่งวงกลมล้อมรอบโต๊ะกลมเอาไว้ ผมกับโยซอบที่นั่งอยู่ปลายคนละด้านเลยนั่งตรงข้ามกันพอดี

    เราสองคนเงยหน้ามาเจอกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผมเลยชูแก้วไวน์ในมือขึ้นเล็กน้อยซึ่งโยซอบก็ทำแบบเดียวกัน ก่อนต่างคนจะต่างดื่มเครื่องดื่มของตัวเองไป

                    “ไปหวานกันไกลๆได้มั้ยพวกมึงอ้ะ ฮรือออออ TT^TT” ไม่พ้นอีจุนแหกปากขึ้นมาอีกเล่นเคย= =

     

                    “เฮ่อ~” ผมถอนหายใจพ่นควันขาวๆเพราะอากาศข้างนอกที่หนาวไม่น้อยออกมาจากปากช้าๆ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปไม่ต่ำกว่าหกแก้วทำให้ผมเริ่มจะมึนหัวขึ้นมาบ้าง เลยต้องออกมาสูดอากาศกับพักสมองจากเสียงโหวกเหวกกับเสียงเพลงดังๆในงานซักพัก ส่วนโยซอบน่ะเหรอ? รายนั้นเค้าคอแข็ง เห็นออกไปเต้นที่ฟลอร์ได้ซักพักใหญ่ๆแล้วล่ะ

                    กริ๊ง กริ๊ง

                    “หือ?” แรงสั่นจากโทรศัพท์มือถือเรียกสติเลือนๆของผมให้กลับมาก่อนผมจะหยิบมันขึ้นมาดูชื่อคนโทรเข้า

                    “อีจุน...?” อะไรวะ อยู่ห่างกันแค่นี้จะโทรมาเพื่อ= =?

                    “มีไร?”

                    (มึงอยู่ไหนเนี่ย?)

                    “อยู่นอกงานมีอะไร?”

                    (เมียมึงอ่ะ)

                    “โยซอบทำไม?”

                    (ออกไปเต้นแป๊บเดียวกลับมานั่งบ่นร้อนๆ)

                    “ก็คนมันเมาแล้วร้อนก็ปกตินี่ ทำไมวะ”

                    (แต่คือร้อนมาห้านาทีแล้วนะเว่ย เหงื่องี้ตกซกๆ ปากก็แดงแจ๋เลยเนี่ย)

                    “ฮะ? แล้วไง?”

                    (โอ๊ย นี่มึงโง่หรือแกล้งโง่วะ? เมียมึงโดนยาไงไอ้ควาย ถ้ามึงไม่มาภายในกูนับสิบกูจะไม่เกรงใจแฟนเพื่อนแล้วนะเว้ย สงสารโยซอบว่ะ นั่งทรมานเรียกชื่อมึงมาตั้งนานแล้วเนี่ย) อีจุนยังพ่นคำด่าผมใส่โทรศัพท์มาไม่หยุด แต่ผมกลับไม่ได้ยินมันซักนิด...เอาแล้วไง

                    “ก็แล้วทำไมมึงไม่โทรมาเรียกกูแต่แรกวะไอ้ควาย!!!

     

     

                    ตุบผมค่อยๆวางร่างเล็กชุ่มเหงื่อของโยซอบลงบนเตียงอย่างเบามือที่สุด ตอนนี้เจ้าตัวผล็อยหลับไปเรียบร้อยแล้วด้วยความเหนื่อย ทั้งๆที่ตอนอยู่บนรถก็ร้องเพ้อเรียกผมไม่หยุด ดีแล้วล่ะจะได้ไม่ต้องมาทนฤทธิ์ยาให้มันทรมานกว่านี้

                    “ใครนะบอกให้ฉันระวัง เป็นไงล่ะสุดท้ายตัวเองนั่นแหละไม่รอด” ผมทิ้งตัวนั่งที่ที่ว่างข้างเตียงก่อนจะเอาผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อของอีกคนออกเบาๆ พอร่างเล็กดูจะหลับสนิทไปผมก็เดินออกมาจากห้องบ้าง

                    “ร้อน...ร...ร้อน” แต่เพียงแค่ผมลุกขึ้นยืน โยซอบก็พึมพำขึ้นมา มือเล็กเริ่มย้ายขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อที่เหลือแต่เชิร์ตตัวบางตัวในของตัวเองออก

                    “ฮ...เฮ่ย ฉันทำนายตื่นเหรอเนี่ย โอยให้ตายเถอะ” ผมวิ่งกลับไปนั่งลงข้างเตียงอีกครั้งอย่างใจหาย โยซอบขมวดคิ้วพลางกัดฟันแน่นอย่างอัดอั้น

                    “ดูจุน...ช่วยฉันด้วย...ขอร้องล่ะ” ดวงตาโตที่บัดนี้ฉ่ำไปด้วยอารมณ์ข้างในเหลือบมองผมอย่างออดอ้อน แต่ผมกลับไม่เห็นความขี้เล่นของเจ้าตัวในนั้นเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย

                    “แต่...”

                    “ฉันรู้ว่านายไม่ใช่...แต่ขอร้องล่ะ...ฉันจะตายอยู่แล้ว...นะ” น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาจากขอบโต ก่อนโยซอบจะดึงผมขึ้นไปบนเตียง คนตัวเล็กยันตัวขึ้นนั่งก่อนจะดึงผมเข้าไปใกล้

                    ไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวโยซอบก็กดริมฝีปากลงมาก่อนลิ้นเล็กจะส่งเข้ามาในปากของผมอย่างไม่ประสีประสา มือเล็กปัดป่ายไปทั่วหลังของผมก่อนจะย้ายไปปลดกระดุมเสื้อของตัวเอง ผมที่ได้สติขึ้นมาก่อนรวบมือทั้งสองข้างของอีกคนเอาไว้ โยซอบผละออกไปก่อนจะมองตาผมนิ่ง

                    “รังเกียจฉันหรอ” ริมฝีปากแดงเจ่อเอ่ยคำตัดพ้อพลางมองหน้าผมด้วยแววตาเยิ้ม ผมกลั้นใจกลืนน้ำลายก่อนจะหลบหน้ามองไปทางอื่น

                    “ป...เปล่า ฉันแค่คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา”

                    “ไม่ถึงเวลาอะไร...” เสียงเล็กเริ่มเบาลงแทนที่ด้วยเสียงหอบจากแรงอารมณ์

                    “ตรงนี้ของนาย...ก็พร้อมแล้วไม่ใช่รึไง” ไม่ว่าเปล่า มือเล็กที่ผมปล่อยให้เป็นอิสระแล้วก็เลื่อนมาแปะลงที่กึ่งกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของผมพอดี ทำเอาขนผมลุกซู่ไปทั้งตัว

    ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่อีกครั้ง เหงื่อจากไหนไม่รู้ไหลเอาๆ ในหัวก็วับวนไปหมดดูจะหาทางออกไม่ได้เลย

                    และในจังหวะที่ผมกำลังสับสนคำพูดของอีจุนเมื่อเดือนก่อนก็ลอยเข้ามาในหัวของผม

     

                    "เหอะ ไว้มึงถึงจุดนั้นเมื่อไหร่ ความคิดพวกนั้นหายไปจากกะโหลกมึงเกลี้ยงแน่เชื่อดิ"

                "จุดนั้น...จุดไหน?"

                "จุดที่..."

                “…”

                "มึงเป้าตุงไง"

     

                “อึก...” ไม่รู้อะไรสั่งให้ผมย้ายสายตาจากใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเล็กน้อยของคนข้างหน้าต่ำลงไปยังแผ่นอกสีขาวที่มีให้เห็นประปราย

    ระหว่างรอยแยกของสาบกระดุมเสื้อเชิร์ตทั้งสองข้าง

                    “ดูจุนนา...” โยซอบเขยิบตัวเข้ามาใกล้ผมจนชิด รู้ตัวอีกทีคนตัวเล็กก็นั่งคร่อมตักหันหน้าเข้าหาผมอยู่แล้ว แววตาอ้อนวอนสุดขีดที่ได้รับเริ่มทำให้ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ แล้วจู่ๆในหัวก็มีคำๆนึงที่อีจุนเคยยัดใส่หัวผมแล้วยัดใส่หัวผมอีกลอยมา

     

                    ซั่ม

     

                ผมเบิ่งตากว้างเมื่อความคิดที่ผมไม่คิดว่าจะเกิดเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชายด้วยกันเกิดขึ้น รู้ตัวอีกทีแขนทั้งสองของผมก็รั้งท้ายทอยของโยซอบมาใกล้ๆและโน้มตัวลงครอบครองริมฝีปากนั่นด้วยตัวเองไปแล้ว คนตัวเล็กยกมือกอดผมไว้ก่อนจะขยับริมฝีปากจูบตอบกลับมาช้าๆ

                    ในขณะที่จิตใจของตัวเองเริ่มดำดิ่งลงกับไปกับสัมผัมอ่อนหวานระหวางผมกับคนตัวเล็กตรงหน้าที่ปลายริมฝีปาก คำถามหนึ่งก็ดังขึ้นมาในโสตประสาท

     

                    นี่ผมเป็นเกย์ไปแล้ว...จริงๆเหรอวะ?

     

                    ไม่ทันจะได้ตอบคำถามในใจของตัวเอง สมองก็สั่งให้ผมดันไหล่บางลงแนบกับพื้นเตียงก่อนจะยกตัวไปคร่อมไว้ด้านบนเสียแล้ว

                    แผ่นอกขาวที่ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะตามเสียงหอบหายใจของคนด้านล่างใกล้ทำให้ผมคลั่งเต็มทน อาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ทำให้ส่วนนึงในหัวของผมเรียกร้องให้ทำสิ่งที่คนตัวเล็กร้องขอ

                    ผมมองต่ำลงไปยังเสื้อเชิร์ตสีขาวที่เปียกเหงื่อจนแนบไปกับเอวคอดเล็กของคนตัวเล็กก่อนจะหลับตาลง หลังจากคิดอยู่ซักพักผมก็ตัดสินใจได้

     

                    ขอโทษนะป๊า...ผมว่าลูกชายป๊าเป็นเกย์แล้วล่ะ...

     

                    ผมลอบถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยให้ร่างกายขยับไปตามที่สมองสั่ง

                    “เอาวะ...”


    © Tenpoints !
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×