ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ex-Lover (มันจบไปแล้ว...) [Fic BEAST]

    ลำดับตอนที่ #20 : [16] จับกุม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 732
      1
      29 พ.ค. 55

     โย่ววววว เอฟเวอรี่วัน เป็นไงกันบ้างคะ

    เมื่อวานซีนเราไปดูคอนบตฟช.มา

    มันตื่นเต้นจนเล่าไม่หมดเลย><

    แต่แอบน้อยใจ มีโมเม้นต์ทูจุน กะ จุนซอย แต่ไม่ยักกะมีดูซอบ จะมีก็แค่เบาๆ

    ยังไงก็เถอะ ยังดีที่โมเม้นต์ดูซอบมีให้เห็นในคลิปแถลงข่าว งุ้งงิ้งกันอยู่สองคน

    ใครที่ยังไม่ได้ดูไปหาดูนะคะ แล้วโฟกัสที่ลุงกะหลาน

     

    สำหรับคนที่ไม่ได้ดูคอนฯ ไม่ต้องเสียใจน้า เราเชื่อว่าต้องมีครั้งหน้าอีกแน่นอนถ้าบิวต้ไทยทุกคนรักและซัพพอร์ตอสูรหนาแน่นอย่างนี้ (ซึ่งเราเชื่อว่าจะหนาแน่นขึ้นๆด้วย)

     

    สุดท้ายก่อนไปอ่าน ดีใจมากเลยยยยยย บีสท์ใกล้คัมแบ็คแล้ว เรามานับถอยหลังรอลุ้นไปกับเฮียทั้งหกด้วยกันเนอะ^^!!!

     

     

     

     

     

     

    “แตร่งงงงงงงงงงงงงงง”

    “แว๊ก!!!!!!! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย???”เสียงกดเปียโนไม่เป็นโน๊ตดังขึ้นไม่ไกลจากหูนักทำให้ร่างบางที่นอนเหยียดอยู่บนโซฟาสะดุ้งตื่นขึ้น

    “อ่าว ฉันทำนายตื่นหรอซอรี่ๆ”ต้นเหตุของเรื่องหันมายิ้มแหยๆโชว์ตาหยี ทำเอาคนโวยวายโกรธไม่ลง

    “แหมฮยอง ในห้องไม่ได้มีกันแค่สองคนนะคร้าบ ผมก็ตกใจพอกัน ขอโทษผมมั่งสิ โอ๊ยอิจฉาคนมีแฟนจังวุ้ย”มินฮยอกที่กลับมาหลั่นล้าเหมือนเดิมโวยขึ้นมาจากมุมห้องอีกด้าน

    “ขอโทษนะครับบบบบบบบทุกคนที่ทำให้ตกใจ”จุนฮยองลากเสียงยาวแล้วมองมินฮยอกกวนๆ เรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นในห้องซ้อมได้เป็นอย่างดี

    “แล้วจู่ๆทำไมนายถึงได้อยากบรรเลงเพลงฮาร์ดร็อกกับเปียโนขึ้นมาซะล่ะ”

    “ตลกและ มันไม่ใช่ฮาร์ดร็อคหรอก แค่หาไอเดียแต่งเพลงไม่ได้น่ะ นั่งคิดมาตั้งหลายวันแล้วยังคิดไม่ออกเลย...อารมณ์เสียนิดหน่อย”

    “นี่นิดหน่อยแล้วนะ ถ้าอารมณ์เสียมากฮยองจะไม่ทุบเปียโนหักครึ่งด้วยมือข้างเดียวเลยเรอะ= =”จงฮุนพูดขึ้นมาบ้างแล้วส่ายหัวหน่ายๆ

    “เกรงว่ากระผมคงไม่โง่ทำเปียโนราคาแพงนี่พังหรอกครับ... แต่คงจะหักคอเด็กปากดีบางคนหมกแม่น้ำไนล์มากกว่า”

    “โหย ที่นั่นอากาศร้อนไปว่ะฮยอง ถ้าจะเอาผมไปหมกทั้งทีขอยอดเขาเอเวอร์เรสต์ได้มะ”

    “โหย ไม่ไหวมั้ง ถ้าฉันเอานายไปฝังที่นั่นฉันคงได้อยู่เฝ้าหลุมแกไปด้วยว่ะ”จุนฮยองทำหน้าเสียดายแล้วกุมขมับให้ดูเหมือนจริงจัง ทำเอาเพื่อนร่วมวงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกรอบ

    “โอ๊ยๆ พอๆ ฉันหัวเราะจนซิกแพ็คจะขึ้นละ แล้วนายแต่งเพลงไปทำไมอ่ะ มีคนจ้าง?”ฮยอนซึงปัดมือไปมาให้คู่หูคู่ฮาอย่างจุนฮยองกับจงฮุนหยุดปล่อยมุขทรมานกล้ามท้อง ก่อนจะกลับเข้าเนื้อหาจริงๆอีกรอบ

    “เปล่าหรอก แค่อยากแต่งเพลงให้วงเราขึ้นแสดงน่ะ ไหนๆก็เข้ามาอยู่ในวงได้เป็นเดือนแล้ว ก็อยากจะทำอะไรให้วงบ้าง”

    “งั้นฉันช่วยนายแต่งดีมะ”

    “ยังไงอ่ะ? ไม่ยักรู้ว่านายแต่งเพลงเป็นด้วย”

    “ใครบอกว่าจะช่วยแบบนั้นล่ะ ฉันจะพานายออกไปเดินเล่นมข้างนอก เผื่อสมองโปร่งขึ้นแล้วจะหาแรงบันดาลใจเจอไง”

    “งั้น...ไปเลยป่ะ แต่โดดซ้อมมันจะดีหรอ?”

    “จะไปก็ไปเถ๊อะ แค่อย่ามาสวีทออกหน้าออกตาที่นี่ก็พอแล้ว สงสารคนโสดกันบ้าง”จงฮุนเจ้าเดิมพูดขึ้นมาอีกรอบ โดยได้มินฮยอกเป็นสปอนเซอร์

    “กลับมาตกลงคิวแสดงให้ทันก็พอแล้ว ไปสวีทกันให้หมดแรงเลยนะ ถ้ากลับมายังมีโมเม้นต์ให้เห็นอีกผมถีบพี่ขันไม่ได้ไปอีกนานแน่”

    “อย่าเล้ยยยยยย สงสารฮยอนซึงฮยองเค้าหน่อยหน้าแดงหมดแล้ว”จงชินที่นั่งเงียบมานานขัดขึ้นเพราะเห็นพี่ชายสุดที่รักอายแทบมุดดิน

    “ป..ป..ไปกันเถอะจุนฮยองอา เดี๋ยวจะเลยเวลาซะก่อน”

    “อื้ม Let’s Go!!!

     

     

     

     

    “เอาล่ะ เดินผลาญเงินฉันมาสองชั่วโมงแล้ว ได้ไอเดียอะไรเพิ่มขึ้นมั่งป่ะ?”ฮยอนซึงถามร่างสูงที่เดินอยู่ข้างๆเขาพลางกินไอติมชอคโกแล็ตในมือ

    “ก็.....เกือบละ”

    “หมายความว่าไงเนี่ย?”

    “ก็ถ้าได้แรงบันดาลใจอีกนิดนึง....”จุนฮยองยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วชูมือขวาที่ว่างอยู่ขึ้นมาสะบัดเบาๆ

    “ได้คืบเอาศอกนะ แหม เดี๋ยวนี้มีต่อรอง”

    “ไม่ได้ได้คืบเอาศอกซะหน่อย”

    “แล้วจะให้ใช้คำอะไรมาเปรียบเทียบแทนได้อี๊ก”

    “ได้ไอติมจะเอามือไง ตรงกว่าเยอะ”

    “ย่าห์!!! ขำเนอะขำ”

    “เอ้า หรือจะเถียงว่าแป้กล่ะ”

    “เออ..ขำมากกกกกก”

    “แล้วสรุปจะให้ป่ะ มือเนี่ย”

    “...”ฮยอนซึงไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่เฉมองไปทางอื่นแล้วยกมือตัวเองขึ้นมาวางบนมือหนาที่แบะรออยู่แล้ว

    “ฮ้าาาา อย่างงี้ค่อยดีขึ้นมาหน่อย”

    “งั้นกลับห้องซ้อมกันมั้ย”

    “ฉันแค่มีแรงบันดาลใจ แต่ไม่ได้มีไอเดียแล้วซะหน่อย”

    “ง่ะ=[]=…พูดงี้จะยังไม่กลับใช้ป่ะ”

    “เยส เพิ่งจะจับมือกันเอง ขอเดินจับมือแฟนอีกซักชั่วโมงดิ”

    “ครบชั่วโมงแล้วต้องไปนะ”

    “คร้าบบบบบบบบบ”จุนฮยองยิ้มแฉ่งแล้วดึงฮยอนซึงให้เดินตามไปทันที

     

     

     

    “นี่ จุนฮยองอาาาาาาา อีกห้านาทีต้องกลับกันแล้ว ได้ไอเดียยางงงงง?”ฮยอนซึงถามเสียงยานคางก่อนจะหย่อนก้นลงบนม้านั่งใกล้ๆอย่างหมดแรง ก็ทั้งชั่วโมงที่ผ่านมาจุนฮยองลากเขาเดินไปนู่นไปนี่ไม่ได้นั่งพักเลยนี่นะ

    “จะว่าไป...ได้ตั้งแต่สิบห้านาทีแรกแล้วล่ะ แต่อุตส่าห์ได้โปรโมชั่นดีๆทั้งทีก็ต้องใช้ให้คุ้มกันหน่อยจริงป่ะ”

    “หา?!? แล้วทำไมไม่บอกฉันอ่ะ? ลากมาปวดขาตั้งนาน”

    “ก็กลัวนายจะบอกให้กลับนี่นา แล้วอยากรู้ป่ะว่าเพลงที่ฉันคิดออกเป็นไง”

    “อื้มๆ อยากๆๆๆ ร้องให้ฟังหน่อย”

    “......”จุนฮยองเริ่มฮัมทำนองที่คิดออกเบาๆพลางตบตักทำจังหวะ ฮยอนซึงก็นั่งโยกตัวไปมาตามจังหวะเพลง คนอื่นๆอาจจะไม่รู้ว่านักร้องแร็พอย่างจุนฮยองจะร้องเพลงเพราะ แต่สำหรับเขาที่นั่งฟังร่างสูงร้องเพลงมาแต่ไหนแต่ไร เสียงนุ่มทุ้มของจุนฮยองเป็นเสียงร้องเพลงที่เขาชอบมากเลยทีเดียว

    “เท่าที่นึกได้ก็ประมาณนี้แหละ”

    “แปะๆๆ เพราะจังเลย สมกับที่เป็นยงจุนฮยองเลยเนอะ แฟนใครหว่า?”

    “นั่นสิแฟนใครหว่า แต่ที่เพลงเพราะเนี่ยสาเหตุก็มาจากนายนั่นแหละรู้ป่าว”

    “ทำไมต้องเป็นฉันด้วยอ่ะ?”

    “ก็นายเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้ของฉัน...เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันทำสิ่งที่ฉันรัก...เป็นแรงบันดาลใจให้ฉัน...มีชีวิตไง”

    “โอ่ว...เน่าได้อีกว่ะ=/////=

    “เฮ้ ฉันอุตส่าห์นึกตั้งนานเลยนะประโยคเนี้ย เอ้อ เพลงนี่น่ะฉันแต่งให้นาย เพราะฉะนั้นนายต้องเป็นคนร้องนะโอเค๊?”

    “ฮะๆ ก็มันเขินนี่ โอเคๆเดี๋ยวฉันจะร้องให้ กลับกันได้แล้วใช่ป่ะ”

    “ไปคร้าบๆ แต่อย่าเพิ่งปล่อยมือฉันนะเดี๋ยวลืมเพลง”

    “มีงี้ด้วย??? ไม่ยักกะเคยได้ยินไม่ได้จับมือแฟนแล้วความจำสั้นเนี่ย”

    “มีดิ ก็ฉันนี่ไง หรือจะปล่อย ถ้านายปล่อยฉันจูบอ่ะเอาดิ”

    “โอ๊ย ไม่จับอ่ะ บีบเลย”ฮยอนซึงคว้ามือจุนฮยองมาบีบแน่นทันที ก่อนทั้งสองคนจะหัวเราะเสียงดังจนลืมเวลากลับห้องซ้อมกันไปเลย

     

     

     

     

    “นี่โยซอบฮยอง ทำงี้อ่ะผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ไม่ได้จะยุ่งกับชีวิตคู่(?)ของฮยองทั้งสองคน แต่คือ..ถ้ากลับไป..ดูจุนฮยองคงไม่ปล่อยผมรอดไปง่ายๆแน่อ่ะ”

    “ถ้าดูจุนฮยองทำไรนายรายงานฉันได้เลย ฉันไม่ปล่อยไว้แน่”

    “แต่ผมอาจจะตกงานได้เลยนะฮยองTT[]TT

    “ถ้าตกงานฉันจะถีบดูจุนฮยองออกจากตำแหน่งแล้วอ้อนเจ้าของร้านให้เอานายเป็นผู้จัดการแทนเอง เชื่อใจฮยองคนนี้เถอะ”

    “อย่าผิดสัญญานะฮยอง”

    “สาบานเอาชีวิตดูจุนฮยองเป็นประกันเลย”

    “ฮ่าๆๆๆๆๆ เฮ้ยชอบมุกอ่ะ ขอเอาไปใช้มั่งๆ”เด็กเส้นตื้นทั้งสองคนนั่งเมาท์มอยกันอยู่ในร้ายเค้กชื่อดังไม่ไกลจากร้านWest Coastมากนัก ถึงจะบอกอีกสองคนไว้ว่าจะไปต่อที่โรงแรมก็เถอะ แต่ที่พูดไปก็ขี้จุ๊ทั้งนั้นอ่ะนะ จะให้ไปจริงๆมันก็...เอ่อ..เปลืองตังค์ไปนิด

    “เอ้อฮยอง ตอนก่อนออกมาผมได้ยินอีจุนฮยองบอกว่า ปิ๊งคนใหม่แล้ว มันหมายความว่าไงหรอ?”

    “อ้อออออออออออ ก็...เขยิบหูเข้ามาใกล้ๆสิ”

     

     

    “อีจุน!!/โยซอบฮยอง!!!

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ เรื่องของฮยองกับดูจุนฮยอง...โอเคดีมั้ย?”อีจุนพูดพลางยิ้มเจื่อน โยซอบเองก็ยิ้มกลับไปแบบไม่ต่างกันเท่าไหร่

    “อ..อืม”

    “นี่ฮยอง ไม่ต้องทำท่ากลัวขนาดนั้นก็ได้ รู้อะไรมั้ย...ผมว่าผมเจอคนที่ใช่จริงๆแล้วล่ะ”

    “จริงอ่ะ*0*?!?”หน้าเจื่อนๆก่อนหน้าหายไปทันที เหลือแต่ความตื่นเต้นสุดขีดบนใบหน้าของคนตัวเล็ก

    “จริงสิ ผมจะโกหกทำไมล่ะ”

    “ใครๆๆๆๆๆๆๆ”

    “ใจเย็นเย้นนนนนนน ผมก็เพิ่งเจอเค้าเหมือนกัน เค้าย้ายมาอยู่ดพาร์ทเม้นต์ห้องข้างๆแล้วแบบ...น่ารักมว๊ากกกก”

    “แล้วเค้ามีแฟนยัง?”

    “ก็ไม่เคยเห็นมีสาวมาหาเลยนะ มีแต่เพื่อนแล้วแต่ละคนก็...เคะๆทั้งนั้น ผมว่าไม่น่าจะกินกันเองหรอกนะ”

    “ชอบผู้ชายหรอกหรอ?”

    “แล้วที่ผมเคยชอบฮยองเนี่ยฮยองเป็นผู้หญิงเรอะ”

    “เออะ...ว่าแต่นี่กำลังจะไปไหนล่ะ?”

    “กะจะไปหาดูจุนนีฮยองเหมือนกันว่าให้เลิกคิดมาเรื่องผมกะฮยองได้แล้ว ฮ่าๆๆ แล้วฮยองอ่ะ”

    “ก็เหมือนนายนั่นแหละ งั้นไปด้วยกันเลยป่ะ นายจะได้เล่าเรื่องนายให้ฉันฟังไปด้วยไง”

    “โอเค”

     

     

     

    “เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละฮยอง โด่ว ฮยองก็หึงแฟนซะลืมสิ่งรอบข้าง เป็นไงล่ะโดนงอนเข้าไป”

    “ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ แถมคราวก่อนนายก็พูดซะหนักแน่นว่าไม่ยอมแพ้เรื่องโย พอเห็นกลับมาด้วยกันฉันเลยกลัวแกจะมาแอบงาบโยไปอ่ะดิ”

    “ดูๆๆใช้คำเข้า นี่น้องนะเว้ยไม่ใช่หมา”

    “ฮะๆๆๆๆ เฮ้ยซอรี่ พอดีไม่เห็นความต่างว่ะ”

    “งั้นเดี๋ยวผมกลับไปจีบโยซอบฮยองดีกว่า ดูเหมือนฮยองเค้าก็ยังลืมผมไม่ได้...โอ๊ย!! เจ็บนะฮยอง”อีจุนยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วหมุนตัวออกจากห้อง แต่ก่อนจะก้าวพ้นประตูก็โดนดูจุนเกี่ยวคอไว้แล้วเหงกหัวไปทีนึง น้องชายแสนดี(?)ก็เลยอดไม่ได้ที่จะโวยวายพี่ชายสุดที่รัก(?)กลับไปบ้าง

    “เค้าไม่ได้ลืมแกไม่ได้หรอกว้อย แต่เพราะในใจเขามีแต่ฉันมาตั้งแต่แรกแล้วตะหาก”

    “อ้วกกกกกกกกกกกกก เออฮยอง แล้วจะง้อโยซอบฮยองยังไงเนี่ย”

    “ฉันมีวิธีของฉันล่ะน่า เชื่อใจฮยองได้เลย แต่แกต้องช่วยฉันนะ”

    “เชื่อไม่ลงอ่ะ แล้วก็ไม่อยากช่วยด้วย อย่าลืมดิว่าผมกับฮยองยังเป็นคู่แข่งขันกันอยู่ ให้ผมไปช่วยฮยองคงไม่ง่ายเท่าไหร่มั้ง”

    “แล้วเด็กข้างห้องผู้น่ารักของแกอ่ะ ไม่ได้จะจีบเค้ารึไงจะมาแย่งโยของฉันเนี่ย”

    “จีบดิ แต่ตราบใดที่ยังจีบไม่ติดผมก็ต้องหาplan B เตรียมไว้ก่อนไง”

    “งั้นถ้าฉันจะช่วยแกจีบเด็กน่ารักมว๊ากของแกล่ะจะยอมมั้ย”

    “โห่ พูดยังกะจีบคนเก่งนักล่ะ”

    “เก่งกว่าแกล่ะไอ้น้องชาย หรือจะเถียง”

    “เออๆไม่เถียง แล้วแผนง้อโยซอบฮยองที่ว่าเนี่ย... เป็นยังไงอ่ะ?”

    “คืออย่างงี้.....”

     

     

     

    I’m so Curious Yeah~”ชายหนุ่มร่างเล็กสองคนที่กระโดดร้องเพลงเสียงดังไม่คิดชีวิตพลางเต้น(หรือดิ้นไปดิ้นมาจะดีกว่า)อยู่ในห้องคาราโอเกะที่ถึงจะมีระบบเก็บเสียงแต่ก็ไม่ได้กันเสียงจากข้างในให้ออกมาได้เลยตอนนี้กำลังเป็นจุดสนใจของคนอื่นๆในร้าน

    อาจเป็นเพราะหน้าตาน่ารัก เสียงที่ถึงไม่ตั้งใจร้องมันก็ออกมาเพราะ และท่าเต้นแบบไม่กลัวเสียลุคที่ออกมาดูดีเวลาทั้งสองทำ ยิ่งทำให้คนที่เดินผ่านมามองอมยิ้มไปตามๆกัน ไม่ต่างจากชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา แต่งตัวดีมีภูมิฐานอีกสองคนที่เพิ่งเข้ามาไม่นาน

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยจะดูจุน”

    “ครับ คุณป้าสบายดีมั้ยครับ?”

    “สบายดีจ้ะ ว่าแต่ทั้งสองคนเถอะมีงานอะไรพิเศษรึเปล่าถึงได้มา หรือว่ามาเซอร์ไพรซ์อีกสองคนในห้องนั้นกันเอ่ย”ป้าเจ้าของร้านคาราโอเกะถามแล้วมองร่างสูงทั้งสองอย่างรู้ทัน ดูจุนไม่ได้ตอบกลับอะไร แค่พยักหน้าแล้วยิ้มบางๆกลับไปเท่านั้น

    “แต่ผมต้องขอให้ป้าช่วยอะไรซักนิดหน่อยนะครับ”

    “จ้า เพื่อคู่นี้ที่ป้าสุดจะซัพพอร์ตป้าทำได้อยู่แล้ว”(ขนาดป้าเค้ายังซัพพอร์ตดูซอบเลยแนอะ 555)

     

     

     

     

    “นอรึล มานี มานี โจวาแฮ”

    “พรึ่บ”

    “เฮ้ย!!!”ร่างเล็กร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ดีๆไฟในห้องก็ดับลง ก็สิ่งเดียวที่ยังโยซอบคนนี้กลัวก็มีแต่ความมืดกับผีเท่านั้นนี่นา

    “ช..ช..ชอลยงอา นายอยู่ตรงไหนเนี่ย”

    “...”ไม่มีเสียงตอบรับจากรุ่นน้องคนสนิท อย่าว่าแต่เสียงพูดเลย เสียงขยับหรือเสียงหายใจก็ไม่มี โยซอบพยายามหันไปรอบตัวเผื่อจะมีแสงสว่างเล็ดลอดมาจากที่ไหนซักที่แต่กลับไม่เป็นผล ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ความมืด

    “ฮ...ฮึก ฉันกลัว...ช..ช่วยด้วย”

    “บรู๊ววววววววววว”เสียงหมาหอนดังมาจากข้างนอก ก่อนจะอากาศรอบตัวจะเย็นขึ้นมาทันตา โยซอบค่อยๆย่อตัวลงนั่งกอดเข่าท่ามกลางความมืด ความกลัวเริ่มเข้าครอบนำเหมือนเด็กเล็กๆ ก่อนจะร้องไห้ออกมาเบาๆ

    “ฮ..ฮึก ฮยอง...ดูจุนฮยอง ฮ..ฮยองได้ยินผมมั้ย ผ..ผมกลัว”

    “...”ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ร่างเล็กซุกหน้าลงกับอ้อมแขนตัวเอง นี่เขาฝันร้ายอยู่รึเปล่า? ทั้งๆที่เขาอยู่ในร้านคาราโอเกะ ถ้าดับแบบนี้ปกติก็ควรจะมีเสียงจากคนห้องข้างๆบ้าง แต่นี่มันไม่เลย

    “ดูจุนฮยอง...ขอร้องล่ะ มาช่วยผมที ผมจะไม่แกล้งให้ฮยองหึงเล่นแล้ว แต่..ต..แต่”

    “บอกรักพี่ก่อนสิ พี่จะได้มั่งใจว่าโยไม่ได้รักชอลยง”

    “รักสิ...ผมรักฮยองที่สุดเลย”

    “พรึ่บ”ไฟในร้านติดขึ้นมาทันทีขนคนที่นั่งร้องไห้อยู่ปรับสายตาไม่ทัน เสียงเพลงที่เล่นค้างไว้ดังกระหึ่มแต่ก็ไม่ดังเท่าเสียโห่ร้องจากคนอื่นๆข้างนอกประตูที่เปิดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    “ฮิ้ววววววววววววววววววววว”

    “น่ารักอ่ะตัวเองงงงงงงง เราอยากได้อย่างงี้มั่งอ่ะ”

     

    “ห...เห นี่มันอะไรกัน0[]0???”โยซอบอ้าปากพะงาบๆมองไปรอบตัวที่มีดูจุนนั่งกอดเขาไว้หลวมๆและยิ้มหวานให้เขา และมีพยานรู้เห็นเหตุการณ์เป็นคนอื่นในร้านยืนยิ้มแฉ่งอยู่นอกประตู

    “พี่ขอโทษนะโยที่แกล้ง แต่ว่าพี่แค่หึงไม่อยากให้โยไปรักกับคนอื่นเท่านั้นเอง พี่..ขอโทษนะโยที่หึงออกนอกหน้า พี่รู้ว่าโยไม่ชอบ..แต่พี่อยากให้รู้นะว่าที่พี่หวง..เพราะพี่รัก พี่รักยังโยนะ”

    0//////////////0”โยซอบมองดูจุนที่นั่งจ้องหน้าเขาเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ได้แต่นั่งหน้าแดงให้ร่างสูงกอดอยู่อย่างนั้น

    “โยไม่โกรธพี่นะ”

    “อ...อื้ม”

    “รักนะ...เด็กน้อย”

    “ร..รักเหมือนกันฮะ”มีเพียงประโยคสุดท้านที่ได้ยินกันเพียงสองคน ก่อนร่างสูงจะมองจูบอ่อนหวานให้คนในอ้อมกอด ทำเอาผู้เห็นเหตุการณ์หน้าแดงไปตามๆกัน

     

     

     

     

     

     

    “ฉันมารับแกกลับบ้าน”

    “เหอะ...บ้านเหรอ ถ้าไม่มีเรื่องงานแต่งงานบ้าๆนี่พ่อก็คงไม่คิดจะให้ผมกลับไปเหยียบบ้านนี่แล้วไม่ใช่รึไง”

    “ปากดีต่อไปเถอะ อีกไม่นานแกก็ต้องแต่งงานอยู่ดี”

    “เหอะ อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ ว่าที่พ่อให้ผมแต่งงานน่ะไม่ใช่เพราะแม่ต้องการ แต่เพราะกองสมบัติของตระกูลยุนต่างหาก”

    “หุบปากเสียๆของแกไปซะซนดงอุน ถ้าแกพูดออกมาอีกคำเดียวอย่าหวังจะได้อยู่ในกองสมบัติตระกูลซนเลย”

    “ก็ไม่ได้อยากได้อยู่แล้ว แล้วผมถามจริงเถอะ ถ้าไม่ได้เพราะเรื่องแต่งงานเนี่ย พ่อจะยังจำได้อยู่รึเปล่าว่ามีผมเป็นลูกน่ะ”

    “หนอย!! ปากดีนักนะแก เฮ้ยพวกแกจับมัน ถ้ามันยังขีนอีกล่ะก็...ซัดให้สลบ”

    “ให้ตายผมก็ไม่ไปหรอก”

    “งั้นถ้าให้คนที่จะตายเป็นอีกีกวังล่ะ...แกจะยอมไปมั้ย”

    “ว..ว่าไงนะ?!?

     

     

     

     

     

    “อื้อๆๆ”ร่างเล็กส่งเสียงอู้อี้และบิดตัวไปมาเหมือนจะสื่อว่าให้ร่างสูงปล่อยตัวเอง ซึ่งเหมือนเจ้าของอ้อมแขนแกร่งจะเข้าใจและยอมปล่อยแต่โดยดี แต่ก็ไม่ลืมเอานิ้วชี้แตะปากตัวเองไว้เชิงว่าอย่าเพิ่งส่งเสียงอะไร

    “คุณเป็นใครกันครับ แล้วคุณลากผมออกมาอย่างนี้ทำไม?”

    “ใจเย็นๆก่อนครับ ผมชื่อชานซอง เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ แล้วที่ผมต้องเอาตัวคุณออกมาเนี่ยก็เพื่อไม่ให้เกิดเหตุอันตรายแทรกซ้อนระหว่างการจับกุม”

    “การจับกุม..? คืออะไร หมายความว่ายังไงกันครับ? ดงอุน..ไปทำอะไรไว้หรอ???”

    “เดี๋ยวครับๆ เราไม่ได้จะจับคุณซนดงอุน แต่เราจะเข้าจับกุมคุณชายซน...คนพ่อต่างหาก”

    “ฮะ...?”

    “เราสืบพบว่าคุซน...แอบทำธุรกิจขายยาเสพติดน่ะครับ แต่ในนิวยอร์คคุณซนจะมีอำนาจมาก พอพวกเราเห็นประกาศตามหาคุณดงอุนแล้วผมก็มาเจอพวกคุณที่นี่เราเลยวางแผนมาจับกุมเขาที่นี่”

    “อย่าบอกนะว่าคนที่โทรไปแจ้งคุณท่านคือ...คุณ?!?”

    “ครับ...ผมเอง แต่ใจเย็นๆนะครับ หลังจากการจับกุมครั้งนี้มันจะไม่ส่งผลกับแฟนของคุณแน่ ดีที่เขาทั้งสองคนไม่ได้มีความสัมพันธ์สนิทกัน..ไม่สิ แทบจะไม่ติดต่อกันเลยด้วยซ้ำ ทำให้ไม่ค่อยมีคนรู้ว่าทั้งสองคนเป็นพ่อลูกแท้ๆกัน”

    “อ...อืม แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหรอครับ?”

    “ก็อีกไม่นานหรอกครับ น่าจะอีกสาม...สอง..หนึ่ง”

    “ทิ้งอาวุธแล้วยกมือขึ้น นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ!!!

    “อ่า...นั่นไงพูดถึงก็มาเลย งั้นคุณกีกวังนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ ถึงคิวผมออกแล้วล่ะ  ฮะๆ”ชานซองส่งยิ้มหวานให้ร่างบาง ก่อนจะชักปืนในกระเป๋าที่เหน็บไว้ข้างตัวขึ้นมาควงพลางผิวปากชิวๆ เหมือนไม่กลับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเลยซักนิด

    “อะไรเนี่ย!!! มีอะไรถึงจะมาจับฉันไม่ทราบ”

    “ผมว่าคุณเองก็คงรู้ดี...แต่ผมขอแนะนำให้คุณปล่อยลูกคุณก่อนดีกว่ามั้ย เดี๋ยวเค้าจะรู้สึกไม่ดีที่มายืนฟังผมแฉวีรกรรมของพ่อตัวเอง”

    “น..นี่มันอะไรกันเนี่ย ...พ่อ?!?

    “เด็กอย่างแกไม่ต้องมาฟังหรอก... เฮ้ยพวกแก ปล่อย!!”หลังจากนายใหญ่สั่ง ลูกน้องร่างกายบึกบึนทั้งสองคนที่จับตัวดงอุนไว้ก็ปล่อยให้ร่างโปร่งเป็นอิสระ ดงอุนเซไปเล็กน้อยก่อนจะหยุดลงข้างหน้านายตำรวจที่ตัวเขาคาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้า

    “ผมต้องอยู่รึเปล่าครับ?”

    “ไม่เป็นไรครับ แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ไม่เสียถึงคุณแน่นอน แต่เรื่องงานแต่งงาน...ก็คงต้องขึ้นอยู่กับคุณนะครับว่าจะแต่ง หรือจะเลือกหนุ่มน้อยน่ารักคนนั้น”ชานซองยิ้มเป็นมิตรให้ดงอุนแต่แววตากลับมีแววแฝง ร่างสูงมองนายตำรวจอย่างไม่พอใจน้อยแต่ก็โค้งขอบคุณเล็กน้อยแล้วเดินฝ่าวงล้อมตำรวจออกไปโดยไม่ลืมทิ้งประโยคสุดท้ายที่เรียกรอยยิ้มพอใจของชานซองได้ไม่น้อย

    “ไม่ต้องกลัวพ่อผมจะได้กลับบ้านนะครับ...ส่วนกีกวังน่ะผมคงต้องเสียใจด้วย เค้าเป็นผู้ชายของผม...และเค้าก็คงคิดแบบเดียวกัน”

     

     

     

    “รอนานมั้ย..?”

    “ดงอุนนา!!!”เสียงนุ่มคุ้นหูที่ดังขึ้รข้างหลังทำให้ร่างบางลุกขึ้นแล้วโผเข้ากอดคนข้างหน้าแน่นราวกับไม่ได้เจอกันมาเป็นปี

    “โอยยยย แน่นไปแล้วๆหายใจไม่ออก”ดงอุนพูดขำก่อนกีกวังจะคลายอ้อมกอดออกแทบจะทันที

    “ข..ขอโทษนะ ฉันก็แค่กลัว กลัวว่าจะไม่ได้เจอนายอีก...”

    “ฉันไม่มีทางให้ใครมาแยกฉันไปจากนายหรอกถ้าฉันไม่ได้ตัดสินใจจะไปเอง...ซึ่งก็คงไม่มีวันนั้น”

    “ถ้านายพูดอย่างนั้น...ฉันก็สบายใจ”

    “แต่ฉันชักไม่แน่ใจแล้วสิ...ว่านายรักฉันอย่างที่ฉันรักนายมั้ย”

    “เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะเนี่ย?”

    “ก็นายไม่ค่อยบอกรักฉันเลย...ทั้งๆที่ฉันบอกนายจนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วเนี่ย”

    “อา...งั้น..ถ้านายต้องการอย่างนุ้นจริงล่ะก็นะ”

    “ขอดังๆเต็มๆปากนะ จะได้ชื่นใจ”

    “ฉัน..ฉ..ฉัน”

    “อย่าอึกอักเส่ เดี๋ยวก็งอนเลย”

    “อ่ะๆ เอาจริงแล้วก็ได้”

    ^^

    ฉัน รัก น...

    “ปัง!!!”ก่อนที่กีกวังจะได้พูดให้จบประโยค เสียงๆหนึ่งที่ไม่ประสงค์ว่าจะเป็นจริงๆก็ดังขึ้นขัดมาซะก่อน ทำให้ร่างบางกลืนประโยคนั้นลงคอไปในทันที ไม่เพียงเพราะเสียงนั้นอย่างเดียว...แต่เป็นเพราะ...

    “ดงอุนนา...เลือด...”

    “ห..หืม....อึก”ร่างสูงก้มลงมองตามสายตาของร่างเล็กก่อนจะหน้าซีดไป

    “น...นาย..โดน..ยิง”

    “ฉัน...โดน..ยิง..?”ดงอุนพูดเสียงสั่นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าด้วยความช็อคและเริ่มเสียเลือดมาก ก่อนร่างกายจะเริ่มโอนเอนและสลบไปในที่สุด

    “ด..ดงอุนนา!!!!!!!!!!!! นายอย่าเป็นอะไรนะ ดงอุนนา”กีกวังเขย่าร่างคนรึกเบาๆหวังว่ามันจะช่วยทำให้คนตรงหน้ารู้สึกตัวขึ้นมาซักเล็กน้อยก็ยังดี เลือดที่ขยายตัวมากขึ้นเป็นเท่าตัวอย่างรวดเร็วทำให้เขายิ่งขวัญเสียขึ้นกว่าเดิม ปากก็ร้องเรียกชื่อร่างสูงและร้องให้ใครซักคนมาช่วยไม่หยุด

    “ดงอุนนา...ตื่นมาฟังสิ่งที่นายอยากฟังก่อนสิ...ตื่นมาฟัง...”

     

     

     

     

     

     

     

     


    “ว่าฉัน...รักนาย”

    เป็นยังไงบ้างคะ เรารู้ว่ามันไม่ค่อยคุ้มค่าแก่การรอคอย แต่เราตั้งใจเขียนเต็มที่แล้วน้าTT TT
    หวังว่าทุกคนจะชอบและยังติดตามกันนะ เราจะรีบลงให้จบเร็วๆนี้เนอะ

    สุดท้ายนี้เราขอฝากบ้านฟิคสั้นคู่ดูซอบที่เราแสนจะซัพพอร์ตด้วยนะคะ
    http://writer.dek-d.com/Yeah-Yeah/writer/view.php?id=826773
    จิ้มลิงค์เลยจ้าาาาาาาาาาา^^

    แก้คำผิดครั้งแรก 29/5/55 ถ้ามีตรงไหนที่ไรเตอร์ตาถั่วมองไม่เห็น(= =)ก็เตือนกันหน่อยละกันเนาะ 55 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×