คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 02 : หวั่นไหว
2
หวั่นไหว
'เป๊าะ'
"โอ๊ย! อะไรล่ะ? เจ็บนะว้อย!!!" โยซอบเด้งดึ๋งไปนั่งกุมหัวอยู่อีกฝั่งของโซฟาทันทีที่ผมดีดนิ้วลงไปที่หว่างคิ้วของเขาเต็มแรง ใบหน้าหวานยู่ลงและจิ๊ปากก่นด่าผมไม่หยุด
"ฮึ่ย! ไอ้คนมือหนัก ไม่เห็นใจเด็กตาดำๆเอาซะเลย ไอ้คนรังแกคนอ่อนแอกว่า=*=!!"
"นี่ๆพอเลยนะ นี่อะไรจะต้องด่ากันยาวเป็นบทสวดมนต์ขนาดนั้นด้วยวะครับ? ที่ฉันดีดหน้าผากนายก็เพราะนายเล่นไม่เข้าเรื่องหรอกเถอะ ปกติฉันก็เจนเทิลแมนพอ"
"ครับๆคุณเจนเทิลแมน โถ่! แล้วใครว่าฉันเล่นล่ะ ก็นายบอกเองว่าขอวิธีง่ายๆ ฉันก็เลยเสนอให้ ใช่ว่าฉันไปหลงเสน่ห์อยากจับนายทำสามีซะเมื่อไหร่"
"แล้วเมื่อกี๊ใครหว่าเห็นฉันแก้ผ้าแล้วเลือดพุ่ง"
"ย๊ากกกกก อย่าพูดถึงเรื่องนั้นอีกเชียวนะ ฉันแค่แพ้ซิกซ์แพ็คว้อย ไม่ได้อ่อนไหวกับส่วนอื่นของนายแต่อย่างใด ม่ายๆๆๆๆๆๆ" โยซอบยกมือขึ้นปิดหูก่อนจะสะบัดตัวดิ้นไปมา ผมยกยิ้มก่อนจะจิ้มหว่างคิ้วคนข้างหน้าอย่างหมั่นไส้
"ว้อยยยยย เจ็บๆๆๆๆๆๆ นี่ถ้านายยังไม่เอานิ้วของนายออกไปจากหน้าฉันภายในสามวินะ ฉันจะถีบตูดนายไปที่ห้องเคะบอสของหอเลยคอยดู!" และดูเหมือนคำขู่ของโยซอบจะได้ผล สมองผมสั่งการให้หยุดการกลั่นแกล้งทุกอย่างแล้วกลับมานั่งสงบเสงี่ยมเจี๋ยมเจี๊ยมอยู่อย่างเดิมทันที
"โด่ว...แค่นี่้ก็กลัว ไอ้ตุ๊ดเอ๊ย~" โยซอบที่น่าจะกำลังยิ้มเย้ยใส่ผมอย่างสะใจเต็มที่อยู่แค่นหัวเราะ
"เหอะ เราก็ไม่ต่างกันนักหรอก นายเกย์ ฉันตุ๊ด เห็นมะเหมาะ
กันดี"
"เออว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ" โยซอบหัวเราะร่วนเหมือนเมื่อตอนเช้า ก่อนผมจะหลุดหัวเราะออกมาบ้าง
"นี่ฉันเล่นมุขอะไรไปวะ ทุเรศชิบ= ="
"นั่นดิ"
"..."
"..." ผมกับกับโยซอบอยู่ดีๆก็ต่างคนต่างนั่งเงียบจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น เดี๋ยวๆก็เอียงคอไปทางซ้ายเดี๋ยวๆก็เอียงคอไปทางขวา...เอ๊ะเราทำอะไรกัน= =?
"งั้นเดี๋ยวฉันไปนอนล่ะ"
"อ้อ อืม แต่นี่ยังไม่ห้าทุ่ม ฉันยังไม่นอน ทนเสียงทีวีหน่อยแล้วกัน" โยซอบโบกมือไล่ผมเข้าห้องของตัวเองแล้วกระเถิบมานั่งกลางโซฟาตอนผมลุกขึ้น
"เออครับๆ ผมหือคุณเจ้าของห้องไม่ได้อยู่แล้วครับ" ผมส่ายหัวขำๆก่อนจะหมุนตัวเข้าห้องของผมบ้าง แต่หลังจากผมปิดไฟหัวถึงหมอนไม่นาน ก็มีเสียงดังลอดเข้ามาจากข้างนอก
"ดูจุน...หลับยัง?"
"หือ? อ้อ ยังๆๆ มีอะไรรึเปล่า?"
"เปล่า..."
"..."
"จะบอกว่า...ฝันดีนะ"
"อือ...เหมือนกัน" บทสนทนาสุดท้ายของวันของเราจบลงแค่นั้น สิ่งสุดท้ายที่ผมรู้คือเสียงทีวีที่หรี่ลงจนไม่ได้ยินก่อนผมจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด
"ลูกพ่ออออออ โอยรักป๊า=w=" ผมแทบจะลงไปจูบกระโปรงรถมินิที่เพิ่งจะถอยมาก่อนเอาเบ็นซ์ป๊าไปชนแค่ไม่กี่วันที่ป๊าสั่งให้คนขับรถเอามาให้ หลังวางสายจากม๊าแล้ววิ่งลงมาเจอมันอยู่ที่จอดริมฟุตบาทหน้าหอ
'ก็แค่กลัวแกเดินหลงทางในแคมปัสหรอกนะ' และนี่คือสาเหตุที่ทำให้ผมได้ลูกรักคืนมา แหม่... ถึงมันจะน่าเคืองไปหน่อยแต่ก็ถือว่าเพราะม๊าห่วงอ่ะนะ
แถมคุณป๊าก็น่ารักใช่เล่นนะ โฮะๆๆๆ
ไม่รอให้เคะที่เดินผ่านไปมาส่งสายตาหยึกหยึยใส่ไปมากกว่านี้ ผมกระโดดขึ้นรถแล้วสตาร์ทเครื่องทันที แต่ก่อนจะได้ขับมินิคันโปรดออกไปไหนเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาซะก่อน
'กริ๊ง กริ๊ง' โอ่วเย่ริงโทนสิ้นคิด-..-
"ครับ?" ผมหยิบโทรศัพท์มากรอกเสียงตอบไปส่งๆ
(เฮ่ย อยู่ไหนอ่ะ?) เสียงคุ้นหูดังขึ้นมาทำให้ผมยกยิ้มและหันไปมองนาฬิกา อืม...เจ็ดโมงสองนาที คูณหนูตื่นละ
"อยู่บนรถ กำลังจะไปเรียนแล้ว มีอะไรรึเปล่า?"
(เฮ้ย! รอฉันซักสิบนาทีได้ป่ะ? ไปส่งที ไหนๆจะไปวิศวะก็ต้อง
ผ่านคหฯก่อนอยู่ดี) โยซอบตอบมาน้ำเสียงกระวนกระวาย ผมก็ว่าจะปฏิเสธอ่ะนะ แต่นึกถึงคำขู่ของเจ้าตัวเล็กนี่เมื่อครั้งก่อนต่อมป๊อดของผมมันก็ทำงานขึ้นมาซะงั้น
"ก็ได้ แต่ฉันมีเรียนเจ็ดครึ่งนะ เอาให้ทันแล้วกัน"
(โอเคๆๆ เดี๋ยวรีบไป...เฮ้ย! ตุบ) เสียงอะไรบางอย่างกระทบกับพื้นดังขึ้นมาไม่ห่างจากหูโทรศัพท์นัก เล่นเอาผมสะดุ้งไปข้าง
"เฮ่ย เป็นไรป่ะเนี่ย?"
(อ้อไม่เป็นไรๆๆ โอย เจ็บตูดชิบ... นายนั่นแหละบอกให้ฉันรีบ!!) อ้าวโทษผมเฉย =[]="
"ก็ไม่ได้ให้รีบขนาดนั้นนิ" ผมตอบพลางกลั้นหัวเราะ ซึ่งดูเหมือนโยซอบจะได้ยินจึงจิ๊ปากไม่พอใจ
(งั้นแค่นี้ล่ะ จะออกไปละ) แล้วโยซอบก็วางสายไป
'ก๊อกๆ'
"หือ?" เสียงเคาะข้างกระจกเรียกผมที่นั่งสัปหงกอยู่ให้ตื่นขึ้นมา ผมหันไปมองต้นเสียงก่อนจะเจอหน้ากลมๆของเพื่อนร่วมห้องแปะอยู่กับกระจก แก้มป่องๆทั้งสองข้างแนบลงกับกระจก ตาก็หรี่ลงเหมือนพยายามจะมองผ่านฟิล์มดำลงมา
แต่แหม่... ลืมไปรึเปล่าว่าฟิล์มมันมีด้านเดียว... แปลว่ายังไงน่ะเหรอ?
ก็ลองมานั่งในรถแล้วมองหน้าหมอนี่กับผมสิ...น่ารักเป็นบ้า!!
เอ้ย! ฮาเป็นบ้า!!
"ย่าห์ ยุนดูจุน!! ฉันรู้นะว่านายอยู่ในนั้น เปิดประตูๆ" โยซอบเคาะกระจกอีกครั้งแล้วชี้ที่ล็อคประตู พอผมกดเปิดปุ๊บเขาก็กระเด้งลงมานั่งปั๊บ
"มินิสีดำ รสนิยมดีนี่" ร่างเล็กชมขึ้นมาลอยๆในขณะที่คาดเข็มขัดนิรภัยและมองสำรวจไปรอบๆคันรถ
"ขอบใจ แล้วนี่มีเรียนกี่โมง?"
"บ่ายสอง"
"โอเค... ฮะ? แล้วจะรีบตื่นมาทำไมวะครับ? ดูดิ๊ฉันไปหาเพื่อนสายกว่าเวลานัดไปห้านาทีแล้วเนี่ย"
"คิดว่าฉันอยากตื่นนักรึไงฟระ? ก็เควินอ่ะเดะ เควินเรียนวิศวะคอม ถ้าเห็นว่านายไม่ได้ไปส่งฉันเควินต้องรู้ความจริงแน่ นี่ก็เพราะเดี๋ยวนายจะโดนเควินฆ่าเพราะเกิดมาหล่อแล้วเสือกโกหกว่ามีแฟนจนมันอดฟันหรอกนะ"
"อ่อ...ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงเลยครับพี่" ผมพยักหน้าก่อนแล้วยิ้มเจื่อนพลางนึกเจ็บดั้งขึ้นมาตะหงิดๆ แล้วออกรถตรงไปยังตึกเรียน
"เอ้อ ไปตึกวิศวะเลยก็ได้นะ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน"
"แล้วนาย?"
"บอกแล้วไงว่าเรียนบ่ายสอง อีกอย่างตึกคณะฉันก็อยู่ห่างจาก
วิศวะนิดเดียว เดินแป๊บเดียวก็ถึง"
"ถ้านายว่างั้นอ่ะนะ" ผมพยักหน้าก่อนจะตรงไปตึกวิศวะอย่างที่โยซอบบอก
"นี่"
"อะไรอี๊ก?"
"ก็แค่ชวนคุยมีปัญหาไรป่ะวะ? เดี๋ยวจับปล้ำข้างทางแม่ง ฮึ่ย!"
"เห้ย! ครับๆ ฟังครับฟัง ไม่ทราบคุณยังโยซอบมีอะไรจะพูดครับ"
"จำได้มั้ย ที่ฉันจูบนายเมื่อวานอ่ะ"
"อ...อือ" ผมพยักหน้าตอบแล้วพยายามไม่ระบายความตื่นเต้นลงกับคันเร่งแล้วไปสอยเสาไฟที่ไหนเข้าอีก ให้ตายเถอะ นึกถึงแล้วก็หน้าแดงขึ้นมาซะงั้น-/////-
"รู้สึกอะไรมั่งป่ะ?"
"อืม... ก็ไม่นะ"
"ไม่เลยหรอ? แบบใจเต้นแรง หรืออยากทำอะไรมากกว่านี้ไรเงี้ย?"
"ก็...ไม่นะ"
"ไม่เลยเรอะ?!?"
"เห้ยเบาๆดิ้" โยซอบยกมือกอดอกอย่างไม่พอใจแล้วหายใจฮึดฮัด
"จริงๆ...มันก็มีนิดนึงนะ"
"..."
"มันใจเต้นแรงๆใช่มะ"
"หืม*0*?"
"แล้วก็..."
"แล้วก็...?"
"ขนลุก=..="
"อ...อ...ไอ้บ้า ไอ้ตายด้าน ไอ้ฟวยยยยยยย!!!" ดูเหมือนความซื่อตรงของผมจะทำโยซอบขึ้นซะยิ่งกว่าเดิม ร่างบางหันมาดึงผมผมไว้แล้วโยกหัวผมไปมา ยังดีที่ยังเช้าอยู่ทั้งถนนเลยมีรถของผมคันเดียว ผมเลยแค่เสียหลักไปเล็กน้อยแล้วกลับมาประคองรถไว้ได้ ไม่กลัวคนขับรถพาตายทั้งคู่รึไงวะเนี่ยTT[]TT?
"เล่นไรเนี่ย? เดี๋ยวได้ตายทั้งคู่หรอก ว้อยยยยยยย"
"เฮอะ! ถึงฉันตาย คนที่ผิดก็คือนาย เพราะนายเป็นคนขับรถ แล้วนายก็คงไม่ปล่อยให้รถไปชนอะไรให้คุณป๊าของนายตัดค่าใช้จ่ายไปมากกว่านี้หรอก" หลังจากระบายกับหัวผมเสร็จ โยซอบก็กลับไปนั่งเจาะนมกล้วยดูดสบายใจเฉิบ ยุนดูจุนตามไม่ทันแล้วว้อย!!
"เหอะ ถึงเราตาย นายรู้ได้ไงว่านายไม่ผิด? จริงๆคนที่ผิดที่สุดคือนายเพราะนายเป็นคนทำให้ฉันเสียสมาธิในการขับ"
"ไม่ใช่ซักหน่อย"
"รู้ได้ไง?"
"เพราะฉันวิจัยเอง และนายต้องอยู่ในโอวาทของฉัน อีกอย่าง คนที่เจือกได้จูบดาวคณะอย่างฉันแล้วไม่รู้สึกอะไรเลย ทำให้คุณยังโยซอบไม่พอใจอย่างยิ่งก็คือนาย ดังนั้นยังไงนายก็ผิด และหมดสิทธิเถียงฉันทุกประการ โอเคนะ?" ว่าแล้วก็ยักไหล่และยกยิ้มอย่างผู้ชนะ เหอะ ไว้ได้กลับไปอยู่บ้านเมื่อไหร่ล่ะจะเอาคืนให้เข็ดเลยคอยดู!!
"เอ้า ทีนี้ก็แยกย้ายไปเรียนได้แล้ว" ผมล็อคประตูรถและเงยหน้าขึ้นบอกโยซอบที่ยืนมองผมข้ามหลังคารถมาตาแป๋ว เมื่อเก็บกุญแจใส่กระเป๋าสะพายเรียบร้อย ผมก็โบกมือลาคนตัวเล็กและเดินเลี้ยวไปทางโต๊ะไม้หน้าคณะที่กลุ่มเพื่อนของผมจะมานั่งกันทุกเช้า
"โย่ว!" ผมยกมือทักทุกคนที่มานั่งกันอยู่ก่อนแล้ว ไอ้จีฮุนเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมคนแรกก่อนจะทักกลับเสียงเรียบ
"มึงมาสาย...ตั้งสิบห้านาที" นี่แหละครับ...เป็นมิตรที่สุดที่มันจะทำได้ละ- -"
"โทษทีว่ะ พอดีมีคนติดรถมาด้วยเลยช้าไปนิด"
"อ้าว เบนซ์ซ่อมเสร็จละเหรอ?" คราวนี้อีจุนที่เพิ่งสอนการบ้านรุ่นน้องอกอึ๋มนั่นเสร็จเป็นคนถามขึ้นมาบ้าง
แหม...เห็นหน้าโง่ๆกันแบบนี้ แต่กลุ่มผมก็ไม่ได้มีดีแต่หน้าตาซักหน่อยอ่ะนะ
"บ้านพ่องดิ ถึงซ่อมเสร็จป๊าก็ไม่ให้แตะไปตลอดชาติแล้ว มินิเว้ยมินิ"
"อ่อ...โหยไหนมึงบอกจะเก็บที่นั่งข้างคนขับไว้ให้ว่าที่ภรรเมียในอนาคตไงวะ?"
"มึงอ่ะไม่รู้อะไร..." ผมหันมองซ้ายขวาก่อนจะกระดิกนิ้วเรียกเพื่อนหน้าหล่อ (น้อยกว่าผม) ทั้งสองคนให้ยื่นหน้ามาใกล้ๆ
"คนเนี้ย...แรงควาย เผด็จการ แถมยังปากกล้าซะยิ่งกว่าม๊ากูอีก ถ้ากูไม่ยอมเค้านะพวกมึง..." กูได้กลายเป็นเมียมันเองแน่ TT^TT… ผมละไว้ในฐานที่เข้าใจ จีฮุนพยักหน้าแล้วดูดกาแฟในมือต่อหน้าตาเฉย ส่วน
อีจุนก็ยิ้มมุมปากแล้วมองผมอย่างมีเลศนัย
เชี่ยเอ๊ย!! ไม่ชอบหน้ามันแบบนี้เลยให้ตายเถอะ
"นี่ไอ้ยุนดู อย่าบอกนะ ว่าคนที่ติดรถมึงมาคือน้องหน้าขาวผมน้ำตาลแดง ตาโตๆปากแดงๆ ตัวเล็กๆเอวบางๆผ้าพันคอสีดำๆที่กำลังเดินตรงมาทางเราที่ยี่สิบห้าองศาตะวันตกเฉียงเหนือของกูอ่ะ?" อีจุนยกมือตะปบหน้าผมไว้แล้วมองข้ามไหล่ของผมไปตาเยิ้ม
ก็มันเป็นไบอ่ะนะ- -
"ดูจุนนน นายทำไอ้นี่ตกไว้อ่ะ" ไม่ทันผมจะได้ตอบคุณเพื่อนรัก เสียงของคนที่อีจุนพูดถึงก็ดังขึ้นข้างหลัง อีจุนปล่อยพันธนาการหัวผมออก ก่อนผมจะหันไปมองคนตัวเล็กที่เดินมาหยุดยืนแกว่งกุญแจห้องไปมาอยู่ตรงหน้าผมเรียบร้อย
"ฉันเรียนเสร็จตั้งหกโมงเย็น ถ้าไม่มีกุญแจจะเข้าห้องยังไง
วันหลังก็อย่าเบ๊อะบ๊ะอย่างงี้อีกล่ะ...นั่งด้วยได้ป่ะ?" โยซอบจับมือข้างขวาของผมขึ้นมาก่อนจะวางพวงกุญแจลงไป และเอนตัวไปถามเพื่อนร่วมโต๊ะอีกสองคนด้านหลังของผม จีฮุนพยักหน้าสองสามครั้ง ส่วนอีจุนก็เขยิบตูดเข้าไปเบียดจีฮุนจนแทบจะนั่งตักมัน ปัดที่นั่งข้างตัวเองไปมาพร้อมส่งรอยยิ้มอยากได้เมียอย่างปิดไม่อยู่
"ที่นั่งฝั่งกูยังว่าง มึงไม่ต้องเลยเหี้ยอีจุน อ่ะนั่งดิ" ผมหยิบกระเป๋าบนม้านั่งลงวางที่พื้น ก้าวขาข้ามม้านั่งลงไปนั่งที่ฝั่งนึง และหันไปตบเก้าอี้ด้านข้างให้โยซอบนั่งลงบ้าง คนตัวเล็กพยักหน้าก่อนจะทำตาม
“แต๊งกิ้ว อ้อ อีจุนใช่มะ? เห็นเมื่อกี๊นายเรียกฉันว่าน้อง ถ้านายอายุเท่าอีหน้าแก่ข้างๆฉันนี่ล่ะก็ เราอายุเท่ากันนะ เข้าใจว่าหน้าเด็กแต่อย่าเข้าใจผิด ขี้เกียจอธิบาย” ผมแทบหลุดขำแล้วเหลือบมองโยซอบเล็กน้อย เค้าเข้าใจผิดเพราะส่วนสูงของนายป่ะเห๊อะ??
"แหมๆๆ หวงจังนะ นี่ใช่ป่ะอนาคตเมียมึง?"
"เหอออ?” ผมแทบจะสำลักเอนไซม์ในช่องปากเมื่ออยู่ดีๆไอ้อีจุนก็เท้าคางถามโยซอบเสียงหวาน ผมหันไปมองคนถูกพาดพิงที่อาการอึ้งแดกไม่ต่างไปจากผม เราหันมามองหน้ากันซักพักก่อนจะหันไปมองอีจุนสลับไปมาอยู่อย่างนั้น
“เอ่อ คืองี้นะ”
“ครับ เราเป็นแฟนกัน ดูจุนคงไม่เคยเล่าเรื่องของเราให้ฟังสินะ” ผมหันไปยิ้มแหยๆให้อีจุนพยายามจะอธิบายความจริงทั้งหมดให้มันฟังเผื่อมันจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่อยู่ดีๆโยซอบก็คว้าแขนผมเข้าไปควงไว้แล้วตอบเสียงดังฟังชัด...และผลลัพธ์ทีได้น่ะเหรอ...?
‘พรวดดดดดดด’ คาปูชิโน่เย็นๆ กาแฟสูตรโปรดจากร้านประจำติดที่ว่ามันมาจากปากอีเพื่อนหน้าหล่อต่อมรับอารมณ์ไม่มีเช่นซอมบี้นามว่าจีฮุนข้างหน้านี่พุ่งใส่หน้าผมเต็มๆ
“เหี้ย!! เปียกหมดเลยไอ้ควายฮุน”
“สม...เพราะมึงไม่บอกกู- -” จีฮุนยักไหล่ไม่ได้สะทบสะท้านกับอาการลุกขึ้นชี้หน้าด่าของผมเลยซักนิด ไหนจะดูดกาแฟต่อหน้าตาเฉยและยักคิ้วท้าทายผมอีก
“เดี๋ยวนะ... นี่จะบอกว่าไอ้คนที่ด่ากูอยู่ทุกวันว่าผิดเพศ แม่งเป็นเกย์ซะเอง แถมยังได้เมียน่ารักโช๊ะเด๊ะอย่างกับนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นเจ็ดร้อยห้าสิบงี้หรอวะ? แม่งไม่เมคเซ็นซ์เลยครับคุณยุนดูจุน!!!” อีจุนตบโต๊ะอย่างไม่เกรงใจชาวบ้านก่อนจะชี้หน้าผมแล้วโวยวายเป็นเด็กๆ ด้วยความที่มันสูงกว่าผมพอควรทำให้มันข่มผมซะมิด
“ทำอะไรลงไปเนี่ยยังโยซอบ?” ผมลดตัวนั่งลงและกัดฟันถามคนข้างๆช่วงที่เพื่อนอีกสองคนหันไปไฮไฟฟ์กันหลังจากข่มผมอยู่หมัด ร่างเล็กดึงแขนผมเข้าไปและซบไหล่ลงมา ก่อนที่ผมจะหันไปโวยอะไรโยซอบก็พูดสวนขึ้นมาก่อน
“หันซ้ายไปสิ ไม่ๆๆๆ ใช้เหล่ตาเอานะ เหล่ไปโต๊ะที่สองทางซ้าย” ผมก้มลงมองซีกหน้าของคนบนไหล่งงๆ ก่อนจะเหลือบตาไปทางซ้ายอย่างที่อีกคนบอก แล้วผมก็ป๊ะกับคนคุ้นเคยเข้าให้
“เชี่ย...” ทายสิครับใคร... คนหน้าหวานๆตาตี่ๆผมทองๆเมื่อวานไง เจ้าของห้องผนังติดกรอบรูป คนที่ต่อยจมูกโด่งๆที่ป๊ากะม๊าอุตส่าห์ให้ผมมาซะเกือบแบนกู่ไม่กลับเมื่อวาน...
เควิน!!! นางมารผจญชีวิตมหาลัยของผ๊มมมมมTT^TT กำลังจ้องมาตาเป็นมันเลยครับทุกท่าน
“เออ โทษทีว่ะ พอดีเราเพิ่งเจอกัน...แล้วก็เพิ่งเป็นแฟนกันไม่นาน”
“เพราะกลัวฉันแย่งล่ะสิ เหอะๆๆ” อีจุนลูบคางตัวเองแล้วเหล่ไปมองโยซอบที่นั่งยิ้มตอบไปเงียบๆ ก่อนจะอาศัยช่วงที่อีจุนกลับเข้าโลกเวิ่นเว้อของมันเข้าไปอีกครั้งเอนลงมาพูดกับผมอีกครั้ง
“ยืนยันให้ฉันชื่นใจทีดิ๊ว่านายไม่ได้เพ้อเหี้ยๆแบบเพื่อนหน้าตี๋ของนาย”
“ไม่มีทางหรอก ยืนยันนอนยัน=..=”
“เออดี ฉันหยะแหยงเพื่อนนายว่ะพูดตรงๆ ขนาดหน้าตาดีเป็นเกย์ฉันยังไม่หวั่นไหวเลยให้ตาย” ผมหลุดขำกับอาการจิ๊ปากและสีหน้าคลื่นไส้วูบหนึ่งของคนข้างๆ ก่อนจะกลับมาตีหน้านิ่งเมื่ออีจุนหันมาหรี่ตามองผมนิ่ง
“มึงหัวเราะไรกู?”
“ไม่นี่”
“ไม่ มึงหัวเราะ กูรู้ว่ามึงหัวเราะกู เพราะในโต๊ะนี้ไม่มีใครทำตัวเหี้ยได้น่าขำเท่ากูอีกแล้ว” อ้าวมันรู้ตัว!
“ไม่...คือกู...”
“...?”
“กูหัวเราะเพราะมึงบอกว่าจะแย่งโยซอบไปจากกูไง เค้าไม่รักใครนอกจากกูหรอก จริงมั้ย?” ผมเถียงไปข้างๆคูๆก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือจากคนตัวเล็ก โยซอบจ้องตาผมนิ่งอยู่ซักพักอย่างลังเล ก่อนจะยอมพยักหน้าตอบไปด้วยรอยยิ้มแหย
“อ้วกกกกก”
“หืม?” ผมหันไปมองต้นเสียงที่นั่งหน้านิ่งมานานแล้วจู่ๆก็หันไปทำท่าโก่งคอ (แกล้ง) อ้วกข้างโต๊ะ โยซอบเองก็ดูตกใจไม่น้อย
“เป็นอะไรอ่ะ?”
“ไม่ต้องตกใจหรอกโยซอบ อีนี่มันไม่ยอมอ้วกเอาอะไรที่ตัวเองแด๊กไปแล้วออกมาหรอก= =” ผมหันไปยกมือปรามโยซอบที่ยันตัวลุกขึ้นแล้วก้มลงมองหน้าหล่อๆของเพื่อนหน้านิ่งใต้โต๊ะ
“โทษว่ะ กูปรับตัวกับมึงในสภาพนี้ไม่ทัน” จีฮุนกลับมาตีหน้าเฉยอีกครั้งก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพาย
“ไม่ได้จะขัดจังหวะนะ แต่มันถึงเวลาเรียนแล้ว” ว่าพลางชี้นาฬิกาข้อมือ ผมก็ก้มลงมองนาฬิกาเรือนแพงบนข้อมือตัวเองบ้างก่อนแล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าอีกห้านาทีจะถึงเวลาเข้าคลาส
“เออว่ะ งั้นฉันไปก่อนนะโยซอบ บาย” ผมหันไปโบกมือให้คนตัวเล็กข้างๆก่อนจะออกวิ่งตามเพื่อนอีกสองคนที่เดินนำไปนู่นก่อนแล้ว
“เดี๋ยวดูจุน!”
“หือ?”
‘ฟึ่บ...จุ๊บ’ ผมหันหลังไปตามเสียงเรียก แต่ไม่ทันจะเห็นอะไร
ผ้าผืนยาวก็พาดลงรอบคอของผม ตามมาด้วยริมฝีปากนิ่มๆที่ประกบปิดปากผมลงมาทันทีที่ผมหมุนตัวไป
มือเล็กทั้งสองข้างของเจ้าตัวจัดการมัดผ้าพันคอของตัวเองให้ผม โดยที่ปากก็ยังติดอยู่กับผมไม่ไปไหน จนผูกเสร็จนั่นแหละ ใบหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงนิดๆถึงจะผละออกไป
“จะไปเรียนทั้งคอเลอะกาแฟอย่างนี้รึไง...ฉันไปล่ะ ตั้งใจเรียนด้วยนะ ที่รัก~” กระซิบเบาๆอยู่ข้างหน้าผมก่อนจะเน้นที่สองพยางค์สุดท้ายให้คนรอบๆได้ยินซักนิด พอจัดความเรีบยร้อยให้ผ้าสีดำที่คอของผมอีกทีเรียบร้อย เจ้าตัวก็โบกมือบ๊ายบายให้ผมสองสามครั้งแล้วเดินหายไปทางทางเดินไปตึกคหฯ
“อีเหี้ย กูอิจฉามึงว่ะดูจุน!!!” เสียงอีจุนดังมาจากข้างหลังเรียกให้ผมหมุนตัวเดินกลับไปตบหัวมันแล้วขึ้นตึกเรียนไปให้ทันเข้าเช็คชื่อ แต่ไม่รู้อะไรเหมือนกันที่เรียกให้ผมหันกลับไปมองทางเดินว่างๆที่โยซอบเพิ่งเดินไป
และมันก็คงเป็นสิ่งเดียวกันกับที่ทำให้โยซอบหันมามองผมพร้อมๆกัน...
“นี่”
“ฮะ?” เสียงเรียกจากมุมทางเดินดังขึ้นตามมาด้วยแรงดึงที่ข้อมือ
“ค...ค...เควิน?!?”
“เออฉันเอง ทำไม จะกลัวอะไรซะเสียงดัง?”
“ป...เปล่าๆ แล้วมีอะไรเนี่ย คงไม่ได้จะฉุดฉันมาทำมิดีมิร้ายหรอกนะ บอกไว้ก่อนว่า....ฉันมีโยซอบแล้ว ไม่เอานายหรอกว้อย”
"ที่เรียกมาก็เพราะอย่างนี้นั่นแหละ...นายน่ะ เป็นแฟนกับโยจังจริงๆอ่ะ?"
"หา?" ผมเลิกคิ้วถามคนข้างหน้าอย่างไม่เชื่อหูที่กระผมกับ
โยซอบลงทุนทำกันไปมันไม่ได้เข้าในระบบประสาทของหมอนี่เลยรึไงวะ?
"ก็อย่างที่เห็น..."
"อ่า...นั่นสินะ ก็นายหน้าคล้ายซัมชินจะตาย"
"อะไรซัมชิน?"
"อ้าว โยจังไม่ได้เล่าให้นายฟังหรอ? แฟนกันแท้ๆ..." เควินแบะปากแล้วห่อไหล่เล็กน้อย ภาพที่เห็นปกติน่าจะทำให้ผมต่อยหน้าหวานๆทิ้งแล้ววิ่งไปอ้วก แต่คราวนี้แปลก...ผมกลับเลือกที่จะถามเรื่องคนชื่อซัมชินต่อ
"ใครคือซัมชิน?" ผมกดเสียงลงให้ดูจริงจัง เควินมองหน้าผมซักพักก่อนจะยิ้มมุมปากกรุ้มกริ่ม
"ก็...รูมเมทเก่าโยจังไง หน้าเหมือนนายเด๊ะ" เควินชี้หน้าผมแล้วมองอย่างเอาเรื่อง
"วันนึง...นายนั่นมาเคาะประตูฉันถึงห้อง รู้มั้ยว่าทำไม?"
"ทำไมล่ะ?"
"มาหาเคะควีนถึงห้องคิดว่าทำไมล่ะวะ? ไม่เข้าใจจริงๆทำไม
โยจังถึงเลือกแฟนดีแต่หน้างี้" เควินกลับไปยืนกอดอกปกติแล้วจิ๊ปากไม่พอใจ แต่เพราะไม่อยากจะหยุดการเจือกเรื่องชาวบ้านของตัวเองลงกลางคัน ผมจึงได้แต่ฉีกยิ้มเป็นมิตรอยู่อย่างนั้น
"ก็หมอนั่นน่ะ มาขอมีอะไรกับฉันถึงห้อง ที่แย่กว่านั้น ก็คือโยจังมาเห็นเข้าพอดี"
"แล้ว?"
"แล้วมันก็คงไม่แย่มากที่สุด ถ้าโยจังไม่ได้ชอบไอ้เหี้ยหน้าหล่อนั่นน่ะสิ!!" เควินเสียงดังขึ้นอย่างหัวเสียและขมวดคิ้วโมโหขึ้นมาทันทีที่นึกถึงหน้าซัมชินอะไรนั่น
"ที่ฉันจะพูดก็คือ..." กลับมาหรี่ตาโหดใส่ผมอีกครั้ง ก่อนเควินจะยกมือจิ้มจมูกที่ยังไม่หายเจ็บดีของผม
"อย่าทำให้โยจังเสียใจ ถ้านายทำอย่างนั้นล่ะก็...ฉันจะฆ่าหั่นศพนายแล้วโยนให้แมลงสาบแทะเลยคอยดู ไม่ได้ขู่" ทิ้งท้ายเสียงเย็นก่อน
เควินจะกลับมาตีหน้าแจ๋นแล้วเดินจากไป
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผ๊ม???
...เอ๊ะหรือเกี่ยว?
“กลับมาแล้วครับ~” ผมส่งเสียงให้อีกคนในห้องรู้เรื่องก่อนจะเปิดประตูห้อง เหวี่ยงกระเป๋าเป้ลงเตียงแล้วเดินไปหาน้ำในตู้เย็นดื่ม
“ฮึก...ฮือออออ” เสียงร้องให้อู้อี้ดังมาจากหลังโซฟา ผมเงยหน้ามองข้ามไปเล็กน้อยแล้วก็ต้องช็อคกับภาพที่เห็น
อีเหี้ยยยยย!!! จูอนเต็มทีวีเลยป๊ากะม๊าที่รัก!!!
“อย่าเข้าม๊าาาาาา” เสียงโวยวายคุ้นหูดังขึ้นพร้อมๆกับผ้าห่มลายการ์ตูนที่ลอยข้ามโซฟาแหมะอยู่บนหัวผมเต็มๆทำผมตกใจไปด้วย ผมดึงมันลงจากหัวช้าๆก่อนจะเดินอ้อมโซฟาไปดูหน้าคนที่คิดว่าน่าจะเป็นต้นเรื่องทั้งหมด
“ย...โย่ นายเองเหรอ คิดว่าจูออน...แหะๆๆ” ทันทีที่ผมโผล่หน้าข้ามโซฟาไป รอยยิ้มมันก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ตั้งมากมายเมื่อเห็น
โยซอบนอนขดเป็นแมวเปียกอยู่บนที่นั่ง
“โซฟาก็ตั้งกว้าง มานั่งขดอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย?”
“กลัวผี...” ตอบสั้นๆด้วยรอยยิ้มเจื่อน ใบหน้าก็ยังซีดอย่างกับอดข้าวอดน้ำมาเป็นวัน แหม่ เห็นปากหมาๆ เจอผีเข้าไปล่ะเงิบเชียวนะ= =
“ระวังเหอะ เดี๋ยวเค้าจะมานั่งข้างๆเป็นเพื่อน”
“เฮ้ยจริง?!?” เบิกตาอย่างตกใจก่อนจะกลิ้งไปนอนแผ่ซะเต็มโซฟา
“ไม่ต้องทำอย่างนั้นหรอกน่า เถิบๆๆ จะดูด้วย” ผมจับขาทั้งสองข้างของคนตัวเล็กกว่าลงไปวางบนพื้น ก่อนจะเบียดก้นนั่งลงไปข้างๆและคว้าถ้วยป๊อปคอร์นมาวางที่ตักตัวเอง
“แล้วตอนฉันยังไม่มาอยู่ที่นี่นายดูหนังผียังไงวะเนี่ย?”
“ก็ดู...แล้วก็วิ่งเข้าห้องล็อคประตูคลุมโปงไง” ยักไหล่ตอบหน้าตาเฉย ก่อนจะหันไปหยิบป๊อปคอร์นเข้าปากแล้วดูผู้หญิงเสื้อขาวผมยาวปิดหน้านั่นต่อ
“เออ วันนี้เควินเล่าเรื่องคนที่ชื่อซัมชินอะไรนั่นให้ฉันฟังอ่ะ”
“หื้มมมมม?” ดูจะได้ผล โยซอบหันมามองผมตาโต แถมยังละความสนใจจากทีวีมาหมด
“นายว่าไงนะ?”
“ก็เรื่อง...รูมเมทเก่านายไง”
“นายว่าไงน....อ๊ากกกกกกกก” ไม่ทันจะถามอะไรผม จูออนใน
ทีวีก็ออกฤทธิ์อีกครั้ง รู้ตัวอีกทีมือเล็กก็ปัดถ้วยป๊อปคอร์นบนตักผมตกพื้น แล้วเซลงมาหน้าทิ่มตักผมเรียบร้อย ตามมาด้วยข้าวโพดเคลือบคาราเมลสี่ห้าเม็ดที่ราดแหมะลงมาบนหัวกลม
“ไอ้ซุ่มซ่าม...” ไม่มีคำอะไรจะมาบรรยายเด็กหัวแดงไม่รู้จักระวังตัวบนตักผมได้ดีกว่านี้อีกแล้ว อาเมน=..=
“ต้องโทษอีผีบ้านั่นต่างหากว้อย คนเราทำไมต้องสร้างหนังผีทำใจตุ้มๆต่อมๆอย่างงี้ออกมาด้วยวะ เดี๋ยวฉันจะไปโวยคนจัดทำ ไอ้ฟาย!!” ลูกขึ้นมานั่งได้ก็โวยวายเอาเรื่องชาวบ้านเค้าใหญ่ ผมหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะดึงผมของอีกคนมาใกล้ๆ
“จะโทษเค้าได้ไงล่ะ ก็ใครมันเบ๊อะกลัวผีแล้วนั่งปิดไฟเปิดแอร์หนาวชิบหายวายวอดดูมันเอง...อยู่นิ่งๆ ป๊อปคอร์นติดผมแล้วไม่เอาออก จะเข้านอนทั้งอย่างงี้เลยรึไง?”
“เออ พอดีเมื่อคืนเหาบนหัวมันมากระซิบว่าต้องการอาหารหวานๆไว้ทานตอนว่าง”
“พรวดดด ซกมกว่ะ”
“ทำไม?...” คนตัวเล็กหมุนตัวมาจะเอาเรื่องผมเหมือนทุกครั้งก่อนจะเงียบไป ตาโตทั้งสองข้างเบิ่งมองตาผมค้างนิ่ง สะท้อนภาพทีวีข้างๆมาเป็นระยะๆ วูบหนึ่งที่เหมือนเสียงรอบตัวของผมเงียบไป ก่อน
โยซอบจะใช้แขนยันตัวเองขึ้นและยื่นหน้าขึ้นมาใกล้ๆกับผมขึ้นเรื่อยๆ
และราวกับต้องมนต์สะกด
ทั้งๆที่ผมไม่ใช่เกย์...ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับคนข้างหน้าเลยซักนิด
แต่ผมกลับก้มหน้าลงหวังจะสัมผัสริมฝีปากคู่นั้นอย่างบังคับไม่ได้...
‘ฟรึ่บ’
“แง๊!!!!!!” แต่จู่ๆหนังผีบนทีวีก็ดับมืดไป ทำให้ในห้องมืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากนอกผ้าม่านลอดเข้ามาเป็นเส้นๆเท่านั้น
รู้ตัวอีกทีน้ำหนักบนตักก็ถูกยกขึ้นไปแล้ว ไฟห้องถูกเปิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นานทำให้ผมรู้ว่าโยซอบลุกออกไปยืนอยู่หน้าห้องนอนของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คนตัวเล็กมองผมตาลอยแปลกๆอยู่ซักพักก่อนจะกลับมารู้สึกตัวตอนผมหันไปมองแล้วยกยิ้มเจื่อนๆ
“เรื่องเมื่อกี๊...ลืมมันไปแล้วกัน บอกแล้วนะว่าอย่าทำดีกับฉันนัก เหอะๆๆๆ”
“นายเองก็ระวังหน่อยเดะ ฉันเข้าใจอ่ะนะว่านายอาจจะเกิดหวั่นไหวเพราะจำฉันสลับกับรูมเมทคนเก่า แต่อย่าเป็นงี้บ่อยนักล่ะ ตกใจ” ผมยิ้มกลับก่อนจะหมุนตัวกลับมาดูทีวีต่อ....ถ้าไม่โดนแก้วน้ำจากไหนไม่รู้ลอยเฉียดหัวมาเต็มอ่ะนะ
“ย่าห์!!! ทำไรเนี่ยยังโยซอบ ถ้าฉันโดนเขกหัวความจำเสื่อมขึ้นมาใครจะรับผิดชอบวะ?”
“เออดี จะได้ลบความคิดปัญญาอ่อนๆของนายออกไปไง”
“เออะ=[]=”
“ไม่ต้องมาเออะมาแอะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเควินเล่าอะไรให้นายฟัง แต่ดูท่าจะยังเล่าไม่ถึงตอนที่ฉันกับเควินขับไสไล่ส่งถีบตูดทุเรศๆของไอ้เหี้ยนั่นออกไปจากรั้วมหาลัยสินะ ขอโทษเถอะฉันบ้านรวยพอจะทำได้ แล้วคนอย่างฉันคงไม่ไปนั่งจมปลักกับอดีตให้ใครมาสงสารอย่างที่นายคิดหรอกนะ!” ทิ้งระเบิดไว้ก้อนเบ้อเริ่ม ก่อนโยซอบจะสะบัดบ๊อบกลับเข้าห้องนอนตัวเองไป ทิ้งผมนั่งเอ๋อแดกอยู่บนโซฟาต่อไป
‘ปัง!!’ แต่ไม่ทันใจจะเย็นลงได้เสียงประตูก็ดังขึ้นมาอีกรอบ
“เหยยย!! อย่าทำงี้บ่อยได้มั้ยวะ? ใจจะวายตายแล้วTT[]TT”
“ฟังก่อน ฉันจะพูดครั้งเดียว”
“...?”
“รู้มั้ย คนอย่างยังโยซอบไม่เคยลากใครเข้าห้องก่อน แต่ฉันก็ช่วยนายเข้ามาเมื่อวันก่อน ฉันไม่เคยจูบใครก่อน แต่ฉันก็ยอมเสียเฟิร์สคิสให้คนที่ไม่ยักกะเป็นแม้แต่เกย์ตั้งสองครั้ง ฉันไม่เคยรีบอาบน้ำแต่งตัวไม่ให้คนที่รอไปสาย แต่ฉันก็ทำไปแล้วเมื่อเช้า ฉันไม่เคยปล่อยให้ใครเข้าห้องนอน ถ้าใครได้เหยียบเข้ามาตอนฉันไม่อนุญาตฉันจะอาละวาดบ้านแตก แต่ตอนนายทำฉันกลับไม่รู้สึกโกรธ ตอนฉันเห็นนายแก้ผ้า ฉันอยากจับนายกดแทบตายแต่ก็ต้องทำเป็นไม่สนใจอะไรเพราะกลัวนายจะโกรธ”
“...”
“แล้วก็รู้ไว้นะ ต่อให้นายหน้าเหมือนซัมชิน เหมือนนิชคุณ เหมือนตัวเห้ที่ไหน ยังไงฉันก็รู้สึกอย่างงี้กับนายไปแล้วยุนดูจุน รู้สึกกับนายคนเดียว”
“ย...โยซอบ...”
“แล้วถ้าจะถามว่าฉันรู้สึกอะไรเกินเลยกับนายมั้ย...”
“...” ผมยังคงนั่งนิ่งไม่พูดอะไร ตาของเราทั้งสองคนจ้องตอบกันนิ่ง แต่ปากผมกลับไม่ได้ขยับอย่างที่หัวใจผมเป็น... เหมือนมันเลือกที่จะเงียบเพื่อฟังคำพูดของคนข้างหน้าผมให้จบ
โยซอบทิ้งท้ายไว้ลั่นห้องอีกประโยคยาวๆอย่างไม่กลัวคนข้างห้องจะได้ยิน ก่อนจะปิดประตูห้องนอนเต็มแรงจนผนังห้องสะเทือน พร้อมๆกับหัวใจของผมที่สั่นจนอึดอัดขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุทั้งๆที่มันไม่ควรจะเป็น...
“เออ! ฉันหวั่นไหวกับนายไปแล้วยุนดูจุน...ฉันอาจจะรักนายไปแล้วก็ได้!!!”
ความคิดเห็น