คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [03] Old memories
สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะที่หายไปนาน
พอดีมีสอบโอเน็ทก็เลยไม่ได้มาอัพ แล้วก็ขอโทนะคะที่มีปัญหานิดหน่อย อยู่ดีๆมันก็กลายเป็นภาษาต่างดาว 555
ตอนนี้เราแก้ให้แล้วล่ะค่ะ แล้วก็คนที่อ่านไปก่อนหน้านี้ เราเพิ่งเอาเนื้อเรื่องตอนต้นตอนมาเพิ่มไว้ด้วยนะคะ
ไปอ่านต่อกันเลยค่าาาาาาาาาาา
“ฮยอนซึง!!!”
จุนฮยองรีบวิ่งเข้าไปหาฮยอนซึงที่ล้มไม่ได้สติอยู่หน้าห้องคาราโอเกะอย่างกระวนกระวาย
“ฮยอนซึง เป็นอะไรรึเปล่า? ฮยอนซึง นายได้ยินฉันมั้ย”
จุนฮยองเขย่าตัวฮยอนซึงอย่างตกใจ เขาเรียกคนที่นอนอยู่บนพื้นเผื่อจะยังมีสติ ก่อนจะยกหัวคนบนพื้นให้ขึ้นมาอยู่บนตัก
“อื้มมม เงียบๆหน่อยเสะ แจ่บๆๆๆ”ฮยอนซึงเอามือปัดหน้าจุนฮยองเนื่อยๆ ก่อนจะเคี้ยวอากาศเสียงดังด้วยความง่วง
“เฮ้อ ที่แท้ก็เมา จางฮยอนซึงยังไงๆก็เป็นจางฮยอนซึงคนเดิม...ดื่มเหล้าแล้วเฝ้าพระอินทร์ ฮ่าๆ”
จุนฮยองหัวเราะก่อนจะลูบหัวคนบนตักอย่างเอ็นดู เขาก้มมองหน้าคนสวยบนตักก่อนจะค่อยๆขยับใบหน้าของตนเข้าใกล้กับคนตรงหน้าเรื่อยๆอย่างควบคุมไม่ได้
“ฉันอาจจะแค่หน้าคล้ายชื่อเหมือนก็ได้นะ”
ประโยคที่ฮยอนซึงพูดกับเขาเมื่อตอนเช้าทำให้จุนฮยองหยุดการกระทำของตัวเองแล้วกลับมานั่งปกติ
เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะอุ้มฮยอนซึงอย่างนุ่มนวล แล้วเดินไปที่รถของตัวเอง
เขาวางฮยอนซึงลงบนเบาะที่นั่งข้างคนขับ ขึ้นรถแล้วรัดเข็มขัดให้คนสวย
“นายตัวเบาลงเยอะเลยนะ...กินข้าวน้อยลงรึเปลาเนี่ย อย่าบอกนะว่ากลับไปอดมื้อเย็นอีกแล้วน่ะ”
จุนฮยองพูดกับฮยอนซึงที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง ก่อนจะจูบเข้าที่หน้าผากของเขาหนึ่งครั้ง
“ในเมื่อนายยังจำกันไม่ได้ ฉันก็ไม่ควรล่วงเกินนายไปมากกว่าจูบหน้าผากล่ะนะ”
จุนฮยองยิ้มเศร้าๆ ถึงเขาอยากจะทำอะไรอย่างที่เคยทำกับฮยอนซึงในอดีต แต่ตอนนี้เขายังเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับฮยอนซึงเท่านั้น ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมฮยอนซึงถึงจำไม่ได้ แต่เขาก็จะรออย่างตั้งใจ
เรารอแบบไร้ความหวังมาได้ตั้งหกปี ได้รรออยู่ใกล้ๆแบบนี้อีกซักพักจะเป็นอะไรไปล่ะ
จุนฮยองปลอบใจตัวเองในใจ ก่อนจะออกรถมุ่งหน้าไปยังอพาร์ทเมนท์ของฮยอนซึง...
“อื้มมม นอนสบายจังงงง”ฮยอนซึงตื่นขึ้นมาบิดตัวเบาๆก่อนจะพูดอย่างสดใส“เอ๊ะเดี๋ยวนะ!!!”เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมาได้
“เมื่อคืน ฉันไปปาร์ตี้ แล้วฉันก็ออกไปสูดอากาศข้างนอก แล้วก็...แล้วก็...”
“แล้วนายก็เมาจนเป็นลมอยู่หน้าห้องไง”
“ใช่ๆๆ เฮ้ย!! จุนฮยอง นายมาอยู่นี่ได้ยังไงเนี่ย”ฮยอนซึงเบิกตากว้าง เขาปะติดปะต่อเรื่องไม่ถูกจริงๆว่าตกลงเรื่องมันเป็นยังไง
“ก็ฉันได้ยินเสียงดังตุ้บ แล้วพอวิ่งออกมาก็เจอนายนอนฝันหวานอยู่หน้าห้อง พอเห็นว่าไม่มีใครที่ไม่เมาเลย ฉันก็เลยพานายมาที่นี่"
“แล้วนี่..นายเปลี่ยนเสื้อให้ฉันด้วย นายคงไม่ฉวยโอกาสลักหลับฉันหรอกนะ”ฮยอนซึงทำหน้าจับผิด
“งั้นก็ลุกเบาๆแล้วกัน...ถ้ารีบลุกระวังสะโพกจะเจ็บจนเดินไม่ได้”คนบนเตียงอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อ
“เฮ้ยๆๆ!! ฉันพูดเล่นเฉยๆ อะไรจะจริงจังขนาดนั้น”คนสวยจับหน้าอกตัวเองอย่างโล่งใจ คนตัวสูงยิ้มเล็กๆให้ความไร้ดียงสาของคนข้างหน้า
“อ้อ ฉันทำข้าวเช้าไว้ให้ข้างนอกนะ ออกมาแล้วกินด้วย ของโปรดนี่”
“นั่นไง รู้ของโปรดฉันอีกต่างหาก”ฮยอนซึงหรี่ตามองจุนฮยองอย่างจับพิรุธ
“ก็จียงฮยองบอกมานครับ”จุนฮยองหัวเราะแล้วส่ายหน้าเบา
“ไปล่ะ ตัวฉันเหม็นกลิ่นเหล้าไปหมดแล้ว เพราะใครก็ไม่รู้”
“เอ่อ...ข...ข..”
“อะไรนะ”
“ขอบคุณนะ!!!”คนสวยตะโกนลั่นห้องก่อนมัดตัวไปอยู่ใต้ผ้าห่มเช่นเดิม
“อิอิ”จุนฮยองหัวเราะเบาๆ ก่อนจะปิดประตูห้องให้คนสวยได้นอนพักผ่อน
"เน กา อี รอล จุล อา ลัด ซอ Uh
ฉันรู้ว่ามันเป็นแบบนี้
นี กา คือ นัม จัล มัน นา รอ คัน ดา โก แฮด ซึล เต
ตอนที่เธอบอกว่าจะไปเจอกับผู้ชายคนนั้น
เว นอล คือ แต บุด จับ จี มด แทด ซึล กา
ทําไมตอนนั้นฉันถึงคว้าเธอเอาไว้ไม่ได้นะ
เสียงโทรศัพท์ของจุนฮยองดังขึ้นหลังจากปิดประตู
"ฮัลโหล"
(สวัสดีๆ นี่ฉันจียง)
"ครับ ฮยอง"
(นี่นายอยู่ที่ไหนเนี่ย)
"ผมอยู่บ้านฮยอนซึงครับ"
(งั้นก็ดีละ เดี๋ยวนายกับฮยอนซึงมาซ้อมที่ห้องซ้อมด้วยนะ ซักสิบเอ็ดโมง)
"อ่าว วันนี้วันหยุดไม่ใช่หรอครับ"
(อืม แต่พอดีเรารับงานใหม่ เลยต้องมาซ้อมกันหน่อยน่ะ)
"โอเคครับ งั้นเดี๋ยวเจอกัน"
(อืม ซียู)
"ฮยอนซึง..."
"เฮ้ย"
"โอ๊ย"
จุนฮยองเปิดประตูเข้าไปเพื่อจะบอกเรื่องงานใหม่ให้ฮยอนซึง แต่ก่อนจะได้พูดอะไร หมอนใบยักษ์ก็โดนเหวี่ยงเต็มแรงใส่หน้าเขาอย่างจัง
"อะไรเนี่ย?!?...อุ๊บ...ฮ่าๆๆๆๆๆ"จุนฮยองกำลังจะโวยวาย แต่เมื่อเห็นสภาพของคนตัวเล็กก็อดขำไม่ได้
ฮยอนซึงที่ตอนนี้ทั้งตัวถูกห่อไปด้วยผ้าม่านและมัไหล่เนียนๆโผล่มาเล็กน้อยเมื่อโดนหัวเราะก็หน้าแดงแจ๋
"ขำอะไรล่ะ ก็นายเข้ามาไม่เคาะประตู ฉันก็ยังแต่งตัวไม่เสร็จแล้วจะให้ทำไงล่ะ ฉันก็ต้องหาผ้ามาห่มตามสัญชาตญาณสิ
ฮยอนซึงแก้ตัวออกมายาวเป็นพรืด ทำให้คนตัวโตหัวเราะหนักมากขึ้นไปอีก คนตัวเล็กเห็นก็ทำหน้างอน
"เอ่อ...ขอโทษนะๆ คราวหลังฉันจะเคาะประตูก่นเข้ามาล่ะกัน"
"ไม่ต้องหรอก เพราะมันจะไม่มีครั้งหน้าแน่นอน บู่ว์"ฮยอนซึงค้อนใส่คนตัวโตนิดๆ
"ว่าแต่นายกลับเข้ามามีอะไรล่ะ?" ฮยอนซึงเปลี่ยนเข้าเรื่อง มือก็ยังกำผ้าม่านที่พันตัวแน่น
"อ่อ ตะกี๊จียงฮยองโทรมา บอกว่าเรารับงานใหม่ แล้วจะให้เราไปซ้อมตอนสิบเอ็ดโมง แล้วนี่ก็เก้าโมงครึ่งแล้ว..."
"โอเคๆ งั้นนายไปรอข้างนอกก่อน ฉันจะแต่งให้เสร็จแล้วออกไป"
"ไม่ต้องอายหรอก บอกแล้วไง เมื่อคืนน่ะ ฉันเห็นหมดทั้งตัวแล้ว"
"ออกไปเลยไป!!!"
หมอนอีกใบลอยมา แต่จุนฮยองออกจากประตูไปได้ก่อน
"เออนี่...ฮยอนซึง"จุนฮยองพูดออกมาในน้ำเสียงที่ดังพอที่คนในห้องจะได้ยิน
"มีอะไรอีกล่ะฮะ ขอเปลี่ยนเสื้ออย่างสงบหน่อย"
"ห้องนอนอีกห้องนี่ห้องใครน่ะ แม่หรอ?"
"อืม ฉันอยู่กับแม่สองคนน่ะนะ แต่ตอนนี้แม่ไม่อยู่หรอกไม่ต้องห่วง แม่ฉันเป็นแอร์ฯ รู้สึกจะกลับมาตอนบ่ายๆวันนี้ ถามทำไมล่ะ?"
"ไม่มีอะไรหรอก เผื่อว่าถ้าไม่มีใคร วันไหนฉันนึกถึงแฟนเก่าจะได้ย่องมาหานายสะดวกๆไง ฮ่าๆๆๆ"
จุนฮยองพูดปัด ก่อนจะแสร้งหัวเราะ ยังไงคนในห้องก็คงจับพิรุธเขาไม่ได้ เพราะคงไม่เห็นหน้าของเขา ว่าเขาไม่ได้ยิ้มอย่างที่เสียงเป็น
แม่เป็นแอร์...อยู่กับแม่สองคน...
"นี่ๆ ฮยอนซึง"
"อะไรอี๊กกกกกกกกก???"
"นายอยู่อเมริกามากี่ปีแล้วน่ะ"
"ปีนี้ก็หกปีแล้วล่ะ"
"แล้วตอนอยู่เกาหลี นายเรียนม.ปลายที่ไหนอ่า?"
"โรงเรียนXX ทำไมหรอ"
"อ่อ เปล่า ฉันแค่อยากรู้เผื่อว่าเคยเจอนายที่ไหนเฉยๆ"
"งั้นหรอ...อืม"
เรียนโรงเรียนXX ซะด้วย...ถ้านี่ไม่ใช่นายคนที่ฉันตามหา แล้วจะเป็นใครได้อีก จางฮยอนซึง...
"แกร๊ก"
"เสร็จแล้ว ไปกันเถอะ"ฮยอนซึงเปิดประตูออกมาหลังจากผ่านไปไม่นาน
"เดี๋ยวก่อน ฉันอุตส่าห์ทำข้าวต้มไว้ให้ ก็ช่วยกินหน่อยสิ"
จุนฮยองขว้าข้อมือฮยอนซึงไว้ ก่อนจะทำแววตาเศร้าให้คนตัวเล็ก
"อ่ะๆ ไปกินก็ได้ไป ว่าแต่นายจะไม่ไปเปลี่ยนเสื้อหน่อยเหรอ? เหม็นเหล้าหมดเลย"
"ก็อยากเปลี่ยนล่ะนะ แต่ไม่มีเสื้อจะให้ทำไง"
"อืม...อ้อใช่ แม่ฉันเค้าเก็บเสื้อใหญ่สองสามตัวไว้ น่าจะซื้อมาผิดไซส์ มไ่มีใครใส่อยู่แล้วล่ะนะ นายเอาไปใส่ก็ได้ รอแป๊บนึง"
"งั้นฉันไปเตรียมข้าวต้มให้ก่อนละกันนะ"
"อืมๆ"ฮยอนซึงพยักหน้าเบาๆก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของแม่ตัวเองไป
มาแล้วๆ อ่ะนี่เสื้อกับกางเกง นายจะใส่ได้มั้ยเนี่ย
เสียงฮยอนซึงดังมาจากประตู ทำให้จุนฮยองที่กำลังนั่งจ้องชามข้าวต้มอยู่หันไปมอง
"ขอบคุณมากนะ..."จุนฮยองอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นชุดที่ฮยอนซึงถืออยู่
"ดูเสื้อกับกางเกงนี่สิ...ตกหลุมรักเลย สวยคอดดดดด"
"นายอยากได้หรอ?"
"แน่นอนสิ แต่ก็นะ...มันแพงมากเลย ให้ซื้อมาใส่นี่...ได้กินแต่น้ำไปเป็นเดือนแน่ๆ"
"โธ่...ฉันเองก็อยากเห็นนายใส่เสื้อแบบนี้เหมือนกันนะ"
"ช่างมันเถอะๆ ป่ะ! ไปกันดีกว่า..."
ภาพในอดีตที่ไหลพรั่งพรูเข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งตอกย้ำให้จุนฮยองแน่ใจว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาคือจางฮยอนซึงที่เขาตามหามานานแสนนาน
"นี่ๆ จุนฮยอง จะเหม่ออีกนานมั้ย จะเปลี่ยนมั้ยเสื้อน่ะ อ้อ ใส่เสร็จแล้วซักกลับมาคืนด้วยล่ะ เดี๋ยวแม่ฉันจะว่าเอา"
"อ่อ...อืม"จุนฮยองพยักหน้าก่อนจะหันไปมองเสื้อยืดสีดำลายสีเขียว และกางเกงเดฟยีนส์สีเทาที่เขาเคยใฝ่ฝันอยากได้มากๆเมื่อหกปีก่อน...เสื้อผ้าที่เขาอยากใส่ไปออกเดทกับคนที่เขารักมากที่สุด...
"งั้นฉันไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ..."เขาพูดก่อนจะรับไม้แขวนเสื้อแล้วเลี้ยวเข้าห้องน้ำไป
ฮยอนซึงมองตามคนหลายบุคลิกไปอย่างงงๆก่อนจะหันมาสนใจถ้วยข้าวต้มบนโต๊ะ
"ว้าววววววววววว น่ากินจัง นายก็มีความสามารถเหมือนกันนะ ยงจุนฮยอง"เขานั่งลงก่อนจะตักข้าวต้มกิน
"อ่า...รสชาติเหมือนเคยกินมาก่อนเลยแฮะ คงรสเหมือนที่ร้านล่ะมั้ง"เขาพูดยิ้มๆแต่แล้ว...
"โอ๊ย
"เพล้ง""
จู่ๆเขาก็ปวดหัวขึ้นมาอย่างกระทันหัน ทำให้เขาปัดมือไปโดนแก้วน้ำที่ริมโต๊ะตกแตก
คนอีกคนที่อยู่ในห้องน้ำก็รีบใส่เสื้อก่อนจะวิ่งออกมาด้วยความตกใจ
"เป็นอะไรรึเปล่าฮยอนซึง ไหวมั้ย"
"อืม ไหวๆ"จุนฮยองยื่นมือให้ฮยอนซึงจับ คนตัวเล็กยื่นมือมาจับตอบโดยอีกมือยังคงกุมขมับอยู่แล้วค่อยๆลุก
"ดีนะที่แค่แก้วแตก...ถ้านายจะเป็นอะไรมากกว่านี้คงแย่น่าดู"
"ไปกันเถอะ สายแล้ว เดี๋ยวแก้วพวกนี้ ฉันกลับมาเก็บตอนเย็นก็ได้"
"เวสต์โคสต์...ชื่ออลังการงานสร้างได้อีก"เสียงของคนข้างๆทำให้จุนฮยองหันไปยิ้มให้บางๆแต่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้ตัว
ฮยอนซึงที่ยังคงยืนชื่นชมป้ายหน้าร้านไม่หยุดก็ไม่รู้ตัวเลยว่าถูกคนรอบตัวมองเกือบหมด
"ตามผมมาเลยครับ"มีร์พูดขึ้น ทำให้คนที่มองและถูกมองรู้สึกตัวแล้วพากันเดินเข้าไปในร้าน
"นายไหวแน่นะ ดูซีดๆมาตั้งแต่ตอนซ้อมแล้ว"
"ไหวอยู่แล้วครับจียงฮยอง"ฮยอนซึงยิ้มให้จียงบางๆ
"โอ๊ย"แต่กลับสะดุดขอบประตูล้มลง
"ฮยอนซึง เป็นอะไรมั้ย?"จุนฮยองวิ่งเข้าไปพยุง
"เป็นอะไรมากมั้ยฮยอง"
"ไม่เป็นอะไรมากหรอก อุ๊บ!"ฮยอนซีงรีบปิดปากตัวเองก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำ โดยมีจียงและจุนฮยองตามไปติดๆ
ฮยอนซึงอาเจียนออกมาจนเหนื่อย เขาลุกขึ้นกดชักโครก ก่อนจะออกมาบ้วนปากที่อ่างโดยมีอีกสองคนยืนมองอย่างเป็นห่วง
"ฉันว่านายกลับบ้านไปก่อนดีกว่านะฮยอนซึง"
"แต่ว่า...คอนเสิร์ต..."
"ไม่มีแต่ นายต้องกลับบ้านไปพักให้หายแล้วค่อยกลับมา ไม่หายไม่ต้องมา โอเค๊"
"อืม ครับ"
"งั้นเดี๋ยวผมพาไปส่งก็ได้ครับ ไหนๆผมก็ไม่ต้องขึ้นเพลงวันนี้อยู่แล้ว"
"อ่า...งั้นฝากด้วยนะ"
บรืนนนนนนนนนนน
"เฮ้อ...สุดท้ายฉันก็ต้องติดรถนายกลับบ้านอีกแล้วสินะ รถนายจะมีทั้งกลิ่นเหล้ากลิ่นอ้วกแล้วเนี่ย"
"รู้ตัวก็อย่าเมาสิ วันหลังน่ะ"
"อืม...ขอโทษนะ เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วันแท้ๆ"
"ไม่เป็นไรหรอกน่า...ซักวันนึงเราก็ต้องเป็นคนสนิทกัน ถ้าฉันช่วยเหลือนายไว้ตั้งแต่ตอนนี้ มันก็ดีต่อเราทั้งคู่นี่นาใช่มั้ยล่ะ?"
จุนฮยองพูดก่อนหันมายิ้มให้คนสวย
ตึกๆ ตึกๆ
หัวใจของคนตัวเล็กเต้นแรงขึ้นๆ หลังจากไม่เคยใจเต้นให้ใครมานานจนจำไม่ได้
เขาเริ่มปวดหัวขึ้นมาเบาๆและจุกหน้าอกเล็กน้อยแต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาก
เป็นเพราะนายทำดีกับฉันมากไป...ร่างกายฉันเลยยิ่งป่วยให้นายมาดูแลยิ่งกว่าเดิมเลยดูสิ...
"เป็นอะไรรึเปล่า ดูนายอึดอัดๆ"จุนฮยองยื่นมือข้างหนึ่งมาจับไหล่ฮยอนซึง
"อืม ไม่เป็นไรๆ คงยังมึนๆนิดหน่อยเท่านั้นแล่ะ"ฮยอนซึงยิ้มกลับเจื่อนๆ
"แน่ใจนะ หน้านายซีดมากเลย"มือใหญ่เลื่อนมาที่หน้าผาก แต่คนตัวเง็กเอามือตัวเองมาจับไว้
"หืม"จุนฮยองมองอย่างตกใจนิดๆ
"นี่จุนฮยอง รู้ตัวมั้ยว่าที่นายทำให้ฉันน่ะ...มันไม่เหมือนคนที่เป็นเพื่อนเค้าจะทำให้กันเลยนะ"
"งั้นเหรอ งั้นฉันจะลดลงซักหน่อยละกัน สงสัยฉันจะเห็นนายเป็นแฟนเก่าอีกแล้ว ก็นายเหมือนกันซะทุกอย่างเลยนี่นา ก็ช่วยไม่ได้อ่ะ"
"ถ้านายจะทำดีกับฉันเพียงเพราะฉันเหมือนกับแฟนเก่านายน่ะ...หยุดเถอะนะ มันอาจไม่ได้อะไรกับนายมาก แต่กับฉันมันเหมือนให้ความหวัง...ฉันกลัวว่าถ้าฉันเกิดชอบนายขึ้นมาซักวันนึง...ฉันจะต้องเสียใจ..."
ฮยอนซึงก้มหน้าพูดออกมา จุนฮยองหันมามองด้วยสายตาไม่เข้าใจ แต่คนตัวเล็กก็ไม่เงยหน้ามาสบตาเขาเลย
สงสัยฉันคงต้องทำแบบนี้แล้วล่ะ...ฉันอดทนไม่ไหวแล้ว ฉันคงรออย่างที่ตั้งใจจะทำตอนแรกไม่ไหวหรอก...ฮยอนซึง
เอี๊ยดดดดดดดดด
รถเบรกเข้าขางทางกระทันหัน ทำให้คนสวยหันไปมองคนข้างๆอย่างตกใจ
"แล้วถ้าฉันบอกว่าที่ฉันทำไป...เพราะนายคือคนที่ฉันรักจริงๆล่ะ...?"
"เฮ่อๆๆ"โยซอบยืนหอบอยู่หน้าร้านเวสต์โคสต์
"โอเค มาก่อนเวลาห้านาทีพอดี คิดว่าจะมาสายแล้วนะเนี่ย"เขาพูดกับตัวเองก่อนจะปาดเหงื่อเล็กน้อย
"แล้วหมอนั่นก็เหมือนกัน จะมาตายตอแยอะไรนักหนาก็ไม่รู้"
"ฮะ?!? จะให้ฉันขึ้นคอนเสิร์ต"
"ใช่ อย่างที่บอก ฮยอนซึงฮยองเค้าป่วย เลยไม่มีคนขึ้นแทน ในวงก็ไม่มีใครเล่นเปียโนเป็นเลยด้วย"
"อ่าฮะ... แล้วไง"
"ก็เลยต้องให้นายขึ้นแทนไง โง่รึเปล่า???"
"ไม่ได้โง่ แต่ฉันต้องจ่ายให้นายวันละตั้งสองหมื่น แต่ฉันดันต้องขึ้นไปร้องเองเนี่ยนะ"
"เหอะน่าๆๆ ขอร้องเถอะ ฉันยอมทำทุกอย่างเลย แค่ขึ้นครั้งนี้ครั้งเดียวจริงๆ ไหว้เลยเนี่ย"
โยซอบเริ่มใช้วิชาอ้อนวอนด้วยตากระพริบปริบๆ
"เออๆ ก็ได้ แต่ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน"ดูจุนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
"อะไรล่ะๆ พดๆมาเหอะ ฉันทำได้หมด"
"นายต้องมาเป็นภารโรงประจำร้านฉันทุกวัน ตั้งแต่เวลาบ่ายโมงถึงห้าโมงเย็น วงของนายซ้อมเสร็จเที่ยงสี่สิบห้า ด้งนั้น ไม่มีข้ออ้างใดๆทั้งสิ้น"
"แต่...มันอยู่ไกลกันมากเลยนะร้านกับห้องซ้..."
"ไม่มีแต่ นายตกลงแล้ว พรุ่งนี้อย่ามาสายล่ะ อ้อ เรื่องครั้งนี้ไม่ถืออยู่ในสัญญาของเรา เพราะนายเป็นคนต่อรองกับฉันเอง ถ้าเข้าใจแล้วก็เชิญออกไปได้แล้วครับ"
ด้วยเหตุฉะนี้ เขาเลยต้องบึ่งมาที่นี่ทันทีหลังซ้อมเสร็จโดยที่ยังไม่ได้กินข้าวเลยด้วยซ้ำ
แกร๊ก
"เอาอุปกรณ์มาเร็วๆ ฉันจะได้ไปทำงานให้เสร็จๆซะที"
"ไม่คิดจะขออนุญาติขอเข้าห้องหน่อยหรือไง?"ดูจุนที่นั่งทำงานอยู่โต๊ะพูดขึ้นห้วน แต่ก็ไม่ได้เงยหน้ามามองคนที่ประตูเลย
"ขออนุญาติเข้าห้อง พอใจรึยัง ทีนี้เอาไม้กวาดมาได้แล้ว"
"นายตาถั่วรึเปล่า มันก็วางอยู่หลังประตูที่นายเพิ่งเปิดเข้ามานั่นแหละ"
คนตัวเล็กอ้าปากค้างก่อนจะขมวดคิ้วอย่างอารมณืเสีย หยิบอุปกรณทำความสะอาด แล้วเดินออกจากห้องไป
"นี่ เดี๋ยวก่อน"แต่ดูจุนกลับเรียกรั้งเขาไว้ เขาหันไปมองอย่างหงุดหงิด
"มีอะไร"
"เปล่า ฉันแค่จะถามว่านายกินข้าวมารึยัง แต่อารมณ์ไม่ดีแบบนี้คงจะอิ่มแล้วล่ะนะ"
"ถึงยังไม่ได้กิน ฉันก็ไม่กินของที่นายให้หรอกโว้ย"คนตัวเล็กตะโกนดังจนดูจุนตกใจ ก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้องทำงานของดูจุน
"วันนี้มาแปลก...ยังโย...ก็มีมุมนี้กับเค้าด้วยแฮะ"ดูจุนมองไปที่ประตูยิ้มๆ ก่อนจะส่ายหัวเบาๆแล้วทำงานของตัวเองต่อไป
"แกรกๆ"
โยซอบยืนกวาดพื้นอย่างหมดอารมณ์
ยิ่งหิวๆอยู่ ยังจะมากวนประสาทกันอีก...ความเป็นคนดีของนายมันไม่เหลืออยู่ซักนิดเลยจริงๆ ยุนดูจุน
"เฮ้อออออออออออออออออ"คนตัวเล็กเกยคางขึ้นเกาะไม้กวาด ก่อนจะถาอหายใจออกมาาวยืด
"แหม ใครมายืนถอนหายใจอยู่ตรงนี้กันเนี่ย?....อ้าว โยซอบฮยอง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ"
เสียงที่คุ้นหูดังมาข้างหลังทำให้คนตัวเล็กหันไปมอง
"อืม...สวัสดี...เอ่อ...นาย...เป็นใครอ่ะ"
"นี่ฮยองจำผมไม่ได้จริงๆหรอเนี่ย ผมไงอึจุน ที่เคยไว้ผมเหม่งๆ แล้วก็อ้วนๆหน่อย"
"อ๋อออออออ โหไม่ได้เจอกันมานาน นายกลายเป็นป๋าหล่อไปแล้วนะเนี่ย"
"อื้ม ก็ตั้งแต่พี่เลิกกับพี่ชายผม..."โยซอบหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย เค้าไม่อยากกลับไปนึกถึงอดีตเหล่านั้นเท่าไหร่
"ขอโทษนะฮยอง ผมหลุดปาก"อีจุนเกาหัวอย่างรู้สึกผิด เมื่อเห็นคนตรงหน้าหุบยิ้ม
"ไม่เป็นไรๆ"
"แล้วนี่ฮยองมายืนกวาดพื้นอยู่ตรงนี้ทำไมล่ะครับ"
"เรื่องมันยาวน่ะ...เอาเป็นว่าเพราะพี่ชายงี่เง่าของนายนะแหละ..."
"ฮัดเช้ย โอ๊ย อะไรเนี่ย ใครนินทาวะ"ดูจุนเกาจมูกเล็กน้อยก่อนมองซ้ายมองขวา
"ไม่มีอะไรมั้ง สงสัยฝุ่นเข้าจมูก แล้วนี่กี่โมงแล้วเนี่ย"เขายกข้อมือมาดูเวลา
"บ่ายสองแล้วหรอเนี่ย ป่านนี้คุณยังโยจะหิวรึยังนะ"ดูจุนยิ้มกับตัวเอง
พอนึกถึงคนตัวเล็ก เขาก็อดหัวเราะกับตอนคอนเสิร์ตเมื่อคืนไม่ได้
เขาบอกให้โยซอบพามินฮยอกมานั่งข้างหน้าเวที จะได้โปรยสเน่ห์ใส่ได้เต็มที่ แต่โยซอบก็ตามมานั่งข้างหน้าพร้อมมองเขาด้วยสายตาขู่ เหมือนกับจะไม่ให้ล่วงเกินรุ่นน้องของตัวเอง สุดท้ายเลยกลายเป็นว่า ตลอดเวลาที่ร้องเพลง แทนที่เขาจะมองมินฮยอก เขากลับต้องหันไปมองโยซอบอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ แต่พอคนตัวเล็กรู้ตัวเขาก็ต้องเบนหน้าหนีกลับมามองมินฮยอกแล้วฉีกยิ้มโปรยสเน่ห์ให้แทนสลับไปมาอย่างนี้เรื่อยๆจนเมื่อยกรามเมื่อยคอเลยทีเดียว
"เว่ยๆๆ นายคิดอะไรเนี่ยยุนดูจุน ไม่ได้ๆๆ"เขายกมือขึ้นปัดหัวตัวเองเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัวว่าเริ่มเหม่อลอย เขาจึงลูกขึ้นและไปยังร้านกาแฟใกล้เพื่อหาอะไรให้ตัวเอง(กับโยซอบ)กินแก้หิว
ณ ร้านกาแฟ
"คาปูชิโน่ร้อนหนึ่งกับนมอุ่นหนึ่งครับ"
"ขอบใจนะ อีจุน แต่จะดีหรอโดดงานออกมาอย่างนี้อ่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอก ดูจุนฮยองเค้าเคยดุอะไรผมที่ไหน"
"นั่นแหละ...เค้าไม่ดุนาย แต่จะด่าฉันเลยต่างหาก"
"ฮ่าๆๆๆๆๆ ผมไม่ปล่อยให้ฮยองโดนด่าหรอกครับ เชื่อใจผมเถอะ"
ทั้งสองคนเดินมานั่งที่โต๊ะๆหนึ่งไม่ห่างจากทางเข้านัก
"มอคค่าหนึ่ง นมอุ่นหนึ่งครับ"
เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นที่เคาน์เตอร์ ทำให้สองคนหันไปมองก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายดังเอือก
"ตายยากจริงๆนะ ฮยองของนายน่ะ"
"แหะ แหะๆ"อีจุนหัวเราะแห้ง ก่อนจะมองไปยังคนอีกคนที่อยู่ข้างหลังเก้าอี้ของโยซอบและกำลังขยายออร่าอำมหิตแรงกล้า
"ยัง...โย...ซอบ...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน...รู้สึกว่าจะยังไม่หมดเวลางานเลยนะ"
"ใจเย็นๆน่ะฮยอง ก็โยซอบฮยองเค้ายังไม่ได้กินข้าวเที่ยง ผมก็เลยพามาหาอะไรกินเฉยๆน่า"
อีจุนพูดขึ้น ก่อนจะยกมือห้ามศึกพี่ชายตัวเอง
"หึ พอพี่ชายไม่เอา ก็มาเกาะน้องชายต่อเลยนะ"ดูจุนยิ้มมุมปาก เยาะโยซอบ ทำเอาคนตัวเล็กเจ็บแปล๊บที่หัวใจอย่างแรง
"ฮยอง...ไม่แรงไปหน่อยเหรอ"อีจุนหันไปมองโยซบที่กำหมัดแน่น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสงสารคนตรงหน้า
"ไม่ต้องหรอกอีจุน ใช่ ฉันจะเกาะน้องชายของนาย แล้วจะทำไมล่ะ ก็น้องนายเค้าทั้งดูแลฉัน ใส่ใจฉัน เห็นค่าของฉัน ให้เกียรติฉัน ทำดีกับฉันมากกว่าที่นายทำหลายร้อยหลายพันเท่า ทำไมฉันจะไม่รักน้องชายของนายล่ะ แถมเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว นายจะมายุ่งอะไรกับชีวิตฉันนักหนาล่ะ!!!"โยซอบห้ามอีจุนก่อนจะมองหน้าดูจุนแล้วพูดออกมาเสียงดังไม่อายคนอื่นในร้านก่อนน้ำตาใสๆจะหยดลงมาจากตาทั้งสองข้าง
"แล้วก็รู้ไว้ด้วยว่าน้ำตาที่นายเห็นในวันนี้ ฉันไม่ได้ร้องให้นาย...แต่ฉันสมเพชตัวเองเมื่อก่อน ว่ามองข้ามน้องชายดีๆของนายไปรักคนเลวๆอย่างนายได้ยังไง...จะนี้ไปยังโยซอบที่จะร้องไห้ให้เรื่องปัญญาอ่อนแบบนั้นน่ะ ได้ตายไปแล้ว!!!"
พูดจบโยซอบก็วิ่งออกจากร้านไปทั้งน้ำตา
"โอ้โห...ทำเอาอึ้งไปเลย...เนอะฮยอง"อีจุนหลุดยิ้มออกมาก่อนจะสะกิดพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ
"อืม...แต่ฉันไม่ทำร้ายจิตใจเขาเกินไปเหรอ?"
"ดีแล้วล่ะ...เขาจะได้ตัดใจจากพี่ไปได้ซักทีไง"อีจุนยิ้มกว้างก่อนจะตบหลังพี่ชายเบาๆ
"ต่อจากนี้ ผมจะรับช่วงต่อเอง ไม่ต้องห่วงนะฮยอง ผมจะดูแลเขาดีๆ"
"อ...อืม ถ้านายแน่ใจฉันก็สบายใจล่ะนะ"
"แต่ฮยองน่ะ จะทำใจได้เหรอ ผมรู้นะว่าฮยองยังรักเขาอยู่"
"ฉันน่ะไม่เป็นไรหรอก ระหว่างความรักกับครอบครัว ความสุขของครอบครัวก็ต้องมาก่อนอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ"ดูจุนยิ้มเศร้าๆก่อนจะลูบหัวน้องชายคนเดียวของตัวเองช้าๆ
"นายตามยังโยไปเถอะ ไม่อยู่ที่ร้านซีดี ก็ ร้านคาราโอเกะน่ะแหละ"
"อิม พี่ทำได้ดีมากเลยครับ ผมไปล่ะ"อีจุนหันมายกนิ้วโป้งให้พี่ชายก่อนจะวิ่งออกจากร้านไป
ดูจุนเดินขึ้นรถอย่างหมดแรง เขาเงยหน้าขึ้นมองเพดานรถแล้วหลับตาลง
น้ำตาที่อั้นมานานเริ่มไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้
"ตุบ"
เขาพิงหัวลงกับพวงมาลัย ก่อนจะปล่อยตัวเองให้ร้องไห้ออกมาอย่างหยุดไม่ได้
"ฉันขอโทษจริงๆยังโย...ฮึก...ฉันขอโทษ...ฮึก...ฉันรักนายนะ...รักนายมากที่สุด...ฮึก..."
ดูจุนยังคงปล่อยให้น้ำใสๆไหลออกจากตาอย่างไม่มีทีท่าจะหมดลง
เวลายังคงผ่านไปเรื่อยๆอย่างเนิ่นนาน...แต่เค้าจะยังอดทนทำร้ายตัวเองและคนที่เขารักต่อไปได้อีกนานแค่ไหนเชียว
"กริ๊งงงงงงงงงงงง"เสียงกริ่งเลิกเรียนที่ดังขึ้นปลุกคนสองคนที่ฟุบหัวชุกกันอยู่หลังห้องให้ตื่นขึ้น
"อืม....หมดคาบแล้วใช่มั้ยเนี่ย"ดงอุนพูดอย่างงัวเงียก่อนจะยืดเส้นยืดสายแล้วจัดทรงผมให้เข้าที่
"กีกวังอ่าาาาาาาา กีกวังงงงงงงง ตื่นได้แล้ว"ดงอุนจับคนที่ยังหลับไม่ตื่นขึ้นก่อนจะกระซิบเข้าไปในหูของเขาเบาๆ
"ว๊ากกกกกกกก พอเลยๆๆๆๆ ตื่นแล้วๆๆๆ"กีกวังสะดุ้งแล้วตะโกนเสียงดังจนคนทั้งห้องหันมามอง คนตัวสูงทำเป็นกอดอกแล้วเบนหน้าไปทางอื่นเหมือนว่าตัวเองไม่เกี่ยวอะไร กีกวังหันไปมองคนอื่นแล้วก้มหัวเบาๆเชิงขอโทษก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วลากหูคนตัวสูงออกจากห้อง
"ทำอะไรเนี่ย เจ๊บนะ โอ๊ยๆๆๆๆๆๆ ปล้อยยยยยยยย"คนตัวสูงร้องเสียงไปตลอดโถงทางเดินจนคนรอบๆมองตามอย่างงงๆแต่กีกวังก็ลากต่อไปอย่างไม่แคร์สื่อ
"เฮ้อ ปล่อยซะที หูกางหมดแน่เลยเนี่ย ฮืออออออ"กีกวังพาดงอุนไปที่หลังตึกเรียนจึงปล่อยมือออก ดงอุนลูบหูแดงๆของตัวเองด้วยน้ำตาคลอเบ้า
"ทำร้ายร่างกายฉันทำไมเนี่ยกีกวัง"ดงอุนทำหน้าน่าสงสารก่อนมองหน้าเพื่อนสนิทตาปริบๆ
"นายนั่นแหละ ก็รู้ๆอยู่ว่าฉันไม่ชอบเวลาโดนกระซิบยังจะทำอีก ดูสิอายคนอื่น พรุ่งนี้ฉันจะแบกหน้ามาเรียนยังไงเนี่ย"
"พรุ่งนี้มาไม่ไหว ก็ค่อยมามะรืนดิ ง่ายๆ"
"ไอ้บ้า คนเค้าซีเรียสยังจะมาปล่อยมุกกวนส้นได้อีก"
"โธ่ๆ ขอโทษน้าๆ ก็ฉันเห็นนายหลับน้ำลายยืดอยู่เลยอยากแกล้งขึ้นมาอ่ะ"
"ใครบอกว่าฉันนอนน้ำลายยืด มีแต่เด็กอนุบาลเค้าทำเท่านั้น"
"นี่ไง คราบน้ำลายเป็นทางเลยเนี่ย งั้นนายก็เป็นเด็กอนุบาลอ่ะดิ"
"เฮ่ย!!! ไมคุยด้วยแล้ว ไม่ประเทืองสมองเลยคุยกับนายเนี่ย"กีกวังหมุนตัวเดินออกไป
"อ่าาาาาาาา อย่างอนดิคุณเพื่อนรัก รอด้วยๆๆๆๆ"ดงอุนก้าวขายาวๆของตัวเองตามคนตัวเล็กไปทันที
"ฮยองงงงงงงงงงงงง"เสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง ทำให้กีกวังต้องหันไปมอง เขายิ้มกว้างทันทีที่เห็นต้นเสียง
"มีร์!!! นายมาทำอะไรที่นี่เนี่ย???"กีกวังถามอย่างดีใจก่อนะเข้าไปกอดตามหลวมๆ
"กีกวังงงงงงง รอด้วยยยยยย แฮ่กๆๆ"คนตัวสูงที่วิ่งตามมาหยุดวิ่งก่อนจะหอบอย่างเหนื่อยๆ แต่พอเขาเห็นทั้งสองยืนกอดกันอยู่ ตาก็ลุกเป็นไฟขึ้นมาทันที
"ทำอะไรกันเนี่ย กอดกันกลางวันแสกๆ ไม่อายฟ้าดินกันมั่งเหรอพวกนาย"ดงอุนถามขึ้นแล้วจิ๊อย่างแสดงออกว่าไม่พอใจ
กีกวังหันมามองด้วยสายตาไม่พอใจเล็กน้อย เพราะยังไม่หายโกรธจากเร่องเมื่อครู่ แต่มีร์กลับมองคนสูงหล่อด้วยสายตาเป็นประกาย
"อะไรล่ะ ก็แค่กอดกันตามมารยาทอเมริกัน ไม่เห็นต้องอายฟ้าดินอะไรเลยนี่ ถ้าพวกฉันจูบกันสิค่อยว่าไปอย่าง"
"ขอโทษนะมีร์ หมอนี่เค้าหวงเพื่อนมากน่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกฮะๆ ผมว่าคนหวงเพื่อนเนี่ยก็เท่ห์ดีออก ถ้ามีแฟนคงรักน่าดูเลย"
"ถูกต้อง ยิ่งถ้ารักไปแล้วเนี่ยนะ ลืมไม่ลงหรอก"ดงอุนหันไปพยักหน้าให้มีร์อย่างสนับสนุน
"เฮ้ออออออ ดันมาเข้าข้างกันอีก ไม่อยู่แล้วๆ"กีกวังทำเป็นเหวี่ยงใส่ทั้งคู่ก่อนจะเดินออกมาจากวงคุยเพื่อซ่อนไม่ให้ใครเห็นว่าตอนนี้หน้าของเขาแดงไปหมดแล้วเพราะสิ่งที่ดงอุนพูด
"อะไรกันเนี่ย นายห้ามไปเผลอใจให้คำพูดของหมอนั่นอีกนะ ลีกีกวัง ไม่ได้ๆๆๆ"คนตัวเล็กพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะขยี้หัวให้ลืมเรื่องเมื่อซักครู่
"แกกับลูกชายฉัน...เป็นอะไรกันแน่"
"เอ่อ...คือ..."
"เหอะ ว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็นแฟนกัน น่าสมเพชจริงๆ"
"แต่ว่า..คุณพ่อ..."
"แกไม่มีสิทธิ์เรียกฉันว่าพ่อ...ฉันไม่ใช่พ่อแก"
"แต่ว่า...พวกเรา...รักกันจริงๆนะครับ...ท่าน"
"ถ้าแกเป็นผู้หญิงฉันคงไม่ว่าอะไรหรอกนะ...แต่นี่แกเป็นผู้ชาย...กันทั้งคู่!!!"
"มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนี่ครับ"
"แต่มันอับอาย เข้าใจมั้ย แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าตระกูลซนของพวกฉันน่ะ เป็นตระกูลสูงส่ง แล้วพวกเราก็เป็นตำรวจสืบทอดกันมากี่รุ่นต่อกี่รุ่น นี่ที่ฉันยอมให้ลูกชายไปอยู่ในวงกระจอกๆของพวกแกก็ดีแค่ไหนแล้ว ยังจะมาทำให้ลูกชายของฉันผิดเพศอีก คิดซะบ้างว่าแกเป็นใคร แล้ว ดงอุนเป็นใคร"
"ครับ...งั้นผมจะเลิกยุ่งกับดงอุน..."
"ไม่ต้อง เพราะถ้าแกเลิกยุ่งกับลูกชายฉัน มันต้องรู้แน่นอนว่าฉันสั่ง แค่เลิกเป็นแฟนกับมัน แล้วทำยังไงก็ได้ให้มันมีแฟนเป็นผู้หญิง ถ้าแกทำได้ ฉันจะยอมให้มันอยู่ในวงพวกแกตอไป แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าหวังจะได้เห็นหน้าแฟนสุดที่รักของแกอีก เข้าใจที่ฉันพูดมั้ย!!"
"ครับ...ท่าน"
เขาหยุดเดินหลังจากออกมาไกลพอควรแล้วคิดถึงคำสั่งของพ่อดงอุนที่เคยสั่งเขาไว้เมื่อสองปีก่อน
เขาบอกเลิกกับดงอุนทันทีหลังจากวันนั้น ทำให้เรื่องไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่ และยังคอยหาผู้หญิงดีๆมาแนะนำให้ดงอุนอยู่ตลอด แต่มีเหรอที่ดงอุนจะเอา กีกวังก็เลยท้อใจ แล้วปล่อยตามชะตากรรม ถ้าเขาทำให้ดงอุนรู้สึกว่าเขาตัดใจได้แล้ว ดงอุนอาจจะกลับไรักผู้หญิงเหมือนเดิมก็ได้...
ใช่...ตะกี๊คุณอ่านไม่ผิดหรอก...ดงอุนเคยชอบผู้หญิง แถมยังเจ้าชู้เปลี่ยนแฟนรายวันเลยด้วย แต่พอรู้จักกับกีกวังและได้มาอยู่กับเขานานๆ
ความเป็นเพื่อนก็พัฒนาเป็นความรัก กีกวังเองก็ไม่ได้รักดงอุนน้อยไปกว่าที่ดงอุนรักเขา แต่เพราะรักเขาเลยต้องทำแบบนี้เพื่ออนาคตที่ดีของดงอุน
"ฆันมารักผู้หญิงซะทีเถอะ ฉันหนักใจนะไอ้สูงเอ๊ยยยยยยย"กีกวังแหกปากเสียงดังเพื่อลบเรื่องต่างๆออกจากหัว หลังจากเห็นว่ารอบตัวไม่มีคนอยู่เลย
"เฮ้อออออออออออ ถ้าฉันเกิดมาเป็นผู้หญิง เรื่องของเราคงเป็นไปได้ดีกว่านี้นะ...ดงอุน"กีกวังถอนหายใจเสียงดังอีกเฮือกใหญ่
"ฮยองงงงงงงงงงงงงง ผมขอโทษ ต่อไปนี้ผมจะอยู่ฝั่งเดียวกับฮยองแล้วฮะ"
"นี่ คุณนักกล้ามคร้าบบบบบบบบบ ผมผิดไปแล้วววววว หยุดก๊อนนนนน"
เสียงมีร์ดังมาจากข้างหลัง ตามมาด้วยเสียงทุ้มๆของคนที่คุณก็คงรู้ว่าใคร
"เออ ฉันลืมไปเลยว่าฉันเดินหนีอะไรมา ฮ่าๆๆๆ นี่อุนจิวันนี้ฉันอยากไปแดนซ์ ไปกันเถอะๆ มีร์ด้วยๆ"
"ก็ได้ฮะ...แต่หลังคอนเสิร์ตที่ร้านจบก่อนนะ พวกเราก็ต้องทำงานกันหมด"
"เออเนอะ ลืมไปเลยว่ามีงานงั้นก็ตามนั้น อุนจิก็ไปด้วยนะ"
"ไม่ดีมั้ง...ฉันเต้นไม่เป็นอ่า..."
"เถอะน่า น้าๆๆๆๆๆๆ"กีกวังใช่วิชาง้อด้วยตากระพริบปริบๆแบบที่เรียนมาจากปรมาจารย์นามยังโยซอบ แล้วมีเหรอคนตัวสูงจะไม่ยอม...
"วู้ววววววววว งานจบซะที!!! ในที่สุดก็ถึงเวลา..."
"ไปแดนซ์!!!"
"ไปแดนซ์!!!"
กีกวังและมีร์ที่ดูจะเข้าขากันได้ดีเหลือเกิน กระโดดโลดเต้นไปมาอยู่หน้าร้านอาหาร
"โอ๊ยๆๆ ใครปล่อยลิงออกมาเนี่ย ฉันไปก่อนดีกว่า"ดงอุนที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อเสร็จเดินตามออกมา
แต่เมื่อเห็นทั้งสองคนก็เดินเบี่ยงออกไปอีกทางพร้อมปิดหน้าอย่างระอา แต่ก็แอบยิ้มกับคนตัวเล็ก
"อ้าาาาาาาา อุนจิ ไม่กระโดดแล้วๆ รอฉันด้วยๆๆ"กีกวังวิ่งตามคนตัวสูงที่ก้าวขายาวจนเขาตามไม่ทัน
"รอด้วยๆ ฮยอง"มีร์วิ่งตามเข้ามาเกี่ยวแขนกีกวัง คนตัวสูงเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วเหมือนหมาหวงกระดูกแต่ก็ต้องเบนหน้าหนีไป เพราะถ้ากีกวังเห็นได้มีเรื่องอีกแน่ๆ
"ไปๆๆ ไปกันได้แล้ว"
"เส็ทซ์ โก!!!"
"วู้วววววววววว"
"ฮิ้วววววววววววว"
เสียงดังหนวกหูในผับทำให้ดงอุนต้องยกมือขึ้นปิดหูอย่างรำคาญ
จริงๆเขาไม่ชอบมาที่แบบนี้เลย แต่เพราะต้องมาคุมความประพฤติของคนตัวเล็กที่ตอนนี้ดิ้นแด่วๆอยู่บนฟลอร์กับเพื่อนใหม่ที่ชักจะพาเขาเสื่อมลงไปทุกวันๆ เขาเลยต้องจำทนมาด้วย
"ตรงนี้มีคนนั่งมั้ยคะ...?"ผู้หญิงสวยหุ่นดีคนนึงเดินมาที่โต๊ะแล้วถามดงอุนอย่างหว่านสเน่ห์
"เอ่อ มีครับ...แต่ไม่อยู่"ดงอุนตอบไปห้วนๆ ตาก็ยังคงมองคนตัวเล็กที่อยู่บนฟลอร์เต้นรำไม่วางตา
"งั้นเหรอคะ...เอ แล้วนี่ เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า?"ผู้หญิงคนเดิมยังคงถามดงอุนต่อ
"ไม่น่านะครับ..."
"เอ ยังไม่เห็นหน้ากันเลยแล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ แต่ฉันว่าคุหน้าคุ้นมากเลยนะ"
"ผมบอกแล้วไงว่าไม่น่า...โบรา!!!"
"ดงอุน!!!"ทั้งสองชี้หน้ากันแล้วตะโกนเสียงดัง จนทั้งสองคนบนฟลอร์หันมามอง
"นาย...นาย มาอยู่นี่ได้ไง...ไอ้ลูกตำรวจ"
"พูดมาได้ ตัวเองก็ลูกตำรวจเหมือนกันล่ะวะครับ"
"เหอะ ฉันน่ะเป็นผู้หญิง แถมกำลังอยู่ในวัยเที่ยว จะมาที่นี่ก็ไม่แปลก แต่นายน่ะ เห็นคราวก่อนยังบอกว่า ฉันไม่ชอบเสียงดังๆกับคนดิ้นไปดิ้นมาหรอก น่ารำคาญ อะโด ที่แท้ก็เที่ยวเก่งเหมือนกันน่ะแหละ...วะคะ"
ทั้งสองยังคงเถียงกัน่อไป ทำให้คนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่ห่างๆอ้าปากค้างอย่างงงๆ
"ฉันไปดีกว่า...รำคาญยายแก่ปากจัด แบร่"ดงอุนแลบลิ้นใส่โบรา ก่อนจะเดินมาดึงแขนกีกวังออกจากผับอย่างรวดเร็ว คนที่ถูกลากก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ แล้วยอมตามขึ้นรถไป
"ตะกี๊...ใครเหรอ"กีกวังถามขึ้นหลังจากั่งเงียบมานาน
"โบราน่ะ ลูกเพื่อนพ่อฉันเอง"
"เค้า...สวยจังเลยเนอะ"กีกวังหัวเราะเสียงแห้ง เขายอมรับว่าเขาก็ใจสั่นๆอยู่เหมือนกัน ที่ดงอุนรู้จักคนสวยขนาดนี้
แถไม่เคยพูดถึงให้เขาฟังเลยด้วย
"ทำไม หึงฉันเหรอ?"
"เปล่าหรอก...แค่คิดว่ามีแฟนแล้วไม่บอกกันเฉยๆ"
"ไม่ใช่หรอกน่า.."
"เอ๊ะ หรือว่าแฟนกันจริงๆเนี่ย"
"ก็บอกว่าไม่ใช่.."
"นี่ รู้จักสาวสวยขนาดนี้แล้วทำไมไม่แนะนำกันหน่อยล่ะ เขามีเพื่อนบ้างมั้ย?"
"ก็บอกว่าไม่ใช่ไงล่ะ!!!"ดงอุนที่พยายามแก้ข้อเข้าใจิดแต่โดนขัดตลอดตะโกนลั่นรถอย่างหมดความอดทน
เขาเหยียบคันเร่งจนเกือบมิดด้วยความโมโห เขาไม่ได้โมโหที่กีกวังเข้าใจผิด แต่โมโหที่คนข้างๆไม่ฟังอะไรที่เขาพูดเลยต่างหาก
"นี่ใจเย็นๆสิอุนจิ...ฉันล้อเล่น ก็แค่เห็นพวกนายเหมาะสมกันดีเท่านั้นเอง..."
"ก็บอกไปแล้วว่าไม่ใช่แฟน"
"แต่ถ้าพวกนายจะรักกันซักวันนึงก็คงจะดีนะ ดูสนิทกันดีออก"
ใช่...ดีต่อนายและฉัน ต่อเราทั้งคู่...
"ตอนนี้...ฉันยังรักใครไม่ได้หรอกกีกวัง"
"โหย...หล่ออย่างนาย เดี๋ยวก็หาได้ซักวันนึงแหละ"
"ไม่มีวันหรอก...ที่ฉันจะรักใครได้น่ะ..."
"นายแน่ใจได้ยังไงล่ะฮะ...? นายไม่มีไทม์แมชชีนซะหน่อย ไม่มีใครรู้อนาคตแท้จริงหรอกนะ"กีกวังหันไปมองหน้าคนที่กำลังขับรถอยู่ด้วยสายตาไม่เข้าใจ
"ฉันแน่ใจ...ก็ในเมื่อฉันยังรักนายอยู่...แล้วจะให้ฉันไปรักคนอื่นลงได้ยังไงกันล่ะ ลีกีกวัง!?!"
โอยๆๆๆ สงสารทั้งสามคู่จัง (แกก็แต่งเองไม่ใช่เรอะ= =)
เริ่มจะดราม่าเสียแล้ว หลายคนคงงงว่าโบรามาจากแห่งหนใด...
v
v
v
v
v
v
v
v
แห่งไหนล่ะเอ่ย?? ฮ่าๆๆๆ บอกไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวจะสปอยล์
เอาเป็นว่า ไปหาคำตอบได้ในตอนต่อไปแล้วกันค่ะ
ความคิดเห็น