ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ex-Lover (มันจบไปแล้ว...) [Fic BEAST]

    ลำดับตอนที่ #2 : [02] ความรู้สึกที่แสดงออกไม่ได้..

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 55


    "จุนฮยอง... ฉันรักนายนะ... รักมากที่สุดเลย:)"
    อ่า....ฮยอนซึง...นั่นนายหรอ?
    "ฉันคิดถึงนายมากเลยรู้มั้ย?"
    ฉันก็คิดถึงนาย...คิดถึงนายที่สุดเลย
    "ไม่มีอะไรจะแยกเราออกจากกันได้อีกแล้ว^^"
    "ฮ...ฮยอนซึง...ฉันรักนายนะ..."

    "เอ่อ...เจย์...เจย์ดราก้อน...จุนฮยอง"
    เสียงหวานที่คุ้นหูดังขึ้นข้างหู จุนฮยองส่ายหัวเล็กน้อย
    "จุนฮยอง...ตื่นได้แล้ว"คนข้างๆเขย่าแขนเขาเล็กน้อย
    จุนฮยองเริ่มรู้สึกตัว เขาบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะลืมตา เขาเห็นคนหน้าสวยที่คุ้นตายืนยิ้มให้เขาอยู่ข้างๆ
    "ฮ...ฮยอนซึง..."
    "ใช่ ฉันเอง ขอโทษนะที่มากวนเวลานอนของนาย แต่จียงฮยองบอกว่าจะพานายไปปาร์ตี้รับน้องใหม่..เฮ้ย!!”
    “พรึ่บ”
    “ตุบ”
    “อุ๊บ!!”
    ยังไม่ทันที่ฮยอนซึงจะพูดจบ จุนฮยองก็ดึงฮยอนซึงลงบนเตียง ก่อนจะขึ้นคร่อมเขาไว้แล้วระดมจูบปากฮยอนซึงอย่างเร่าร้อน

    นายกลับมาแล้ว...กลับมาหาฉันแล้ว..

    “อื้อออ จุนฮยอง อุ๊บ!!”
    ฮยอนซึงพยายามขัดขืนแต่สุดท้ายก็ตอบรับความรู้สึกของจุนฮยองไปอย่างไม่รู้ตัว
    หลังจากจูบอันดูดดื่มที่ยาวนาน จุนฮยองค่อยๆถอนริมฝีปากออกมาอย่างแผ่วเบา เขามองหน้าฮยอนซึงอยู่ครู่หนี่งก่อนฮยอนซึงจะพูดอะไรขึ้นมา
    “ดูท่าทาง คนที่นายคิดว่าฉันว่าฉันเป็น คงเป็นคนพิเศษมากสินะ”
    ฮยอนซึงถามก่อนจะยิ้มให้จุนฮยองอย่างเห็นใจ
    เขายอมรับว่าเขาก็ตกใจกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่จากสายตาที่จุนฮยองมองเขา เขาจึงเข้าใจความรู้สึกของจุนฮยองได้เป็นอย่างดี...

    ความห่วงหาคนรักน่ะ...เค้ารู้จักดี...

    จุนฮยองได้ยินดังนั้นก็หน้าถอดสีไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนตัวออกมาแล้วลุกขึ้นนั่งข้างเตียง
    “เอ่อ...จุนฮยอง ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้ แล้วก็...ถ้าสงสัยว่าฉันเข้ามาได้ยังไง เอ่อ...จียงฮยองเค้าให้กุญแจมานะ ฉันไม่ได้แงะเข้ามาหรอก ไม่ต้องห่วง แหะๆ”
    ฮยอนซึงพูดเบาๆ ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ
    “ขอโทษนะ...เรื่องที่ฉันทำไปเมื่อกี๊...”
    จุนฮยองพูดขึ้นมาเบาๆด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เขาจุกหน้าอกจนแทบพูดไม่ออก
    “ฉันน่ะไม่ถือหรอก...แต่นายน่ะไหวรึเปล่า...? ถ้าไปงานไม่ไหวก็..”
    “ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอก สงสัยเพิ่งตื่นเลยเห็นนายเป็นแฟนเก่าแล้วลืมตัว ขอโทษนะ”
    “อืม ฉันเข้าใจดี รักแรกสินะ...”
    “ใช่...ช่วยออกไปรอข้างนอกแป๊บนึงนะ ขอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะรีบตามลงไป”จุนฮยองยิ้มให้ฮยอนซึงเล็กน้อย ก่อนคนสวยจะยิ้มกลับมาแล้วเดินออกจากห้องไป

    เฮ้อ... สิ่งที่ฉันทำลงไป มันไม่ได้ทำให้นายจำฉันขึ้นมาได้บ้างเลยหรือไงกันนะ...?

    จุนฮยองนั่งกุมขมับอยู่บนเตียง ทั้งความเสียใจ ความโกรธ ความสงสัย ความไม่เข้าใจ มันอัดอั้นอยู่ในหัวเขาเต็มไปหมด

    “นายต้องทำได้ ยงจุนฮยอง!!!”


    ณ ร้านคาราโอเกะ
    “อ่าฮู้วววววววววววว เวลคัม เอฟเวอรี่วัน ทู มาย ปาร์ตี้ ฮ่าๆๆๆ วันนี้เรามีแขกพิเศษนามว่า ยงจุนยอง หรือ เจย์ ดราก้อน ผู้ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวงของพวกเราตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนะคร้าบผมมมมมมมมมม”
    จียง เปิดงานอย่างร่าเริงแบบเมานิดๆ ดูเหมือนเขาจะแอบวอร์มอัพมาก่อน ซักแก้วสองแก้วแล้ว
    “ไหนๆ เมื่อวานเราก็อดฟังการเปิดตัวอันยิ่งใหญ่ของเขาไปเพราะคนบางคนไม่อยู่”
    จียงพูดขึ้นลอยๆแต่หันไปมองโยซอบแบบจงใจ โยซอบจิ๊ปากเล็กน้อย
    “ก็บอกไว้แล้วว่าให้เชิญไปก่อนเลย วุ้ย!”

    “เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ขอเชิญคุณ เจย์ ดราก้อนออกมาด้วยครับ เอ้าทุกคน ปรบมือ!!!”
    จุนฮยองลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนจะเดินออกไปหาจียง
    “วันนี้ จะโชว์เพลงอะไรดีครับผม?”
    “อืม...”
    จุนฮยองคิดอยู่นาน แต่แล้วเขาก็นึกอะไรออกบางอย่าง เขาเหลือบไปมองฮยอนซึง ก่อนจะยิ้มบางๆ
    “ผมขอร้องเพลง Love the way you lie ละกันครับ”
    เพลงนี้เคยเป็นเพลงโปรดของเราทั้งคู่...ขอให้นายจำอะไรขึ้นมาได้บ้างเถอะ
    “ฮู้วววววววว”
    “ฮิ้วววววววว”
    เหล่าสมาชิกวงที่นั่งดูอยู่ก็ส่งเสียงให้กำลังใจ รวมไปถึงหนุ่มหน้าสวยที่นั่งอยู่ที่โซฟาตัวยาว
    ฮยอนซึงมองจุนฮยองด้วยสายตาคาดหวัง 
    เพลงโปรดของฉันเลย.... จะแร๊ปเป็นยังไงบ้างนะ...




    Just gonna stand there and watch me burn…
    But that’s alright because I like the way it hurts.
    Just gonna stand there and hear me cry…
    But that’s alright because I love the way you lie.
    I love the way you lie…
    และแล้วดนตรีก็เริ่มขึ้น ฮยอนซึงหยิบไมโครโฟนมาร้องท่อนของริฮานน่าให้พร้อมมองจุนฮยองอย่างยิ้มๆ จุนฮยองหันไปมองฮยอนซึงอย่างตกใจก่อนจะยิ้มให้คนสวย ฮยอนซึงผงกหัวให้เล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นเหมือนเชิญให้จุนฮยองเริ่มร้องท่อนของตัวเอง

    และแล้วโชว์ก็เริ่มขึ้น…
    I can’t tell you what it really is
    I can only tell you what it feels like
    And right now there’s a steel knife
    In my windpipe I can’t breathe
    But I still fight While I can fight

    ทำไม...เสียงนี้ถึงได้คุ้นหูจังนะ...

    As long as the wrong feels right
    It’s like I’m in flight
    High of a love
    Drunk from the hate
    It’s like I’m huffing paint

    ทำไมเสียงถึงได้เหมือนกันจัง...เหมือนกับคนๆนั้น

    And I love it the more that I suffer
    I sufficate
    And right before I’m about to drown
    She resuscitates me
    She fucking hates me

    เป็นไปไม่ได้หรอก...สงสัยจะฉันจะเมาซะแล้วล่ะมั้ง

    And I love it Wait
    Where you going
    I’m leaving you
    No you ain’t
    Come back

    “โอ๊ย..”ฮยอนซึงร้องออกมาเบาๆ ก่อนจะกุมขมับเบาๆ
    เขาเริ่มปวดหัวเล็กน้อย อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้แตะต้องเหล้ามานานพอสมควร

    We’re running right back
    Here we go again
    It’s so insane
    Cause when it’s going good
    It’s going great

    โอ๊ย...ปวดหัวไปหมดแล้ว... ฮยอนซึงกุมหัวตัวเองหนักกว่าเดิม
    จุนฮยองที่มองฮยอนซึงอยู่ตลอดเวลาเริ่มสังเกตุ อยากจะวิ่งเข้าไปช่วย แต่ก็หยุดร้องไม่ได้

    I’m Superman
    With the wind in his bag
    She’s Lois Lane
    But when it’s bad
    It’s awful

    “ฉันขอออกไปสูดอากาศแป๊บนึงนะ”ฮยอนซึงบอกจงชินเสียงแห้ง
    ก่อนจะค่อยๆลุกแล้วเดินออกจากห้องไป จุนฮยองมองตามแผ่นหลังเล็กๆไปจนสุดสายตา


    เป็นอะไรมากรึเปล่านะ...


    I feel so ashamed I snap
    Who’s that dude
    I don’t even know his name
    I laid hands on her
    I’ll never stop so low again
    I guess I don’t know my own strength…

    “ตุบ!!!”
    เสียงดังออกมาจากข้างนอกประตู ทำเอาทุกคนในห้องตกใจกันไปตามๆกัน
    “ฮยอนซึงรึเปล่าน่ะ?”จียงถามขึ้นมา จุนฮยองถึงกับตกใจทิ้งไมค์ลง
    “เดี๋ยวผมไปดูให้แล้วกัน ผมดื่มไม่ค่อยเป็นด้วย ทุกคนเชิญปาร์ตี้กันต่อเถอะนะครับ”
    “แต่นี้เป็นปาร์ตี้ของนายน้า”จียงลุกขึ้นก่อนเซเล็กน้อยเพราะความเมา
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ห่วงความปลอดภัยของฮยอนซึงดีกว่า เดี๋ยวผมไปดูก่อนนะครับ”
    จุนฮยองรีบวิ่งออกมาจากห้องก่อนจะพบร่างบางสลบอยู่หน้าห้อง

    “ฮยอนซึง!!!!!”






    “พี่เจย์นี่ ใจดีจังเลยเนอะ...”
    “ช่ายๆ ได้อย่างนี้มาเป็นแฟนซักคนคงจะดีไม่น้อยเลยเนอะ ฮ่าๆๆๆ”
    เสียงคุยของมินฮยอกกับกีกวังดังอยู่ไม่ไกลที่ๆโยซอบนั่งอยู่นัก
    “นิสัยแบบนี้ บางทีมันก็เป็นแค่ฉากบังหน้าเท่านั้นแหละนะ...เฮ่อออ”
    โยซอบพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบแก้เครียด

    “พาวงนายมาเล่นที่นี่ แล้วที่เหลือฉันจัดการเอง”

    เสียงดูจุนยังดังอยู่ในหัวของเขา จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้บอกใครในวงเรื่องนี้เลย

    “ฉันจะจีบมินฮยอก!”

    เขายอมรับว่าประโยคนี้มันทำร้ายจิตใจเขาเล็กน้อย แต่เรื่องของพวกเขาก็จบไปนานแล้ว
    “จะบอกหรือไม่บอกดีเนี่ย..”เขานั่งหมุนนามบัตรร้านอาหารที่ได้มาจากดูจุนไปมาในมือ
    จริงๆเขาก็อยากจะทำๆให้เรื่องมันจบๆไป แต่ถ้ามินฮยอกต้องมาเจอเรื่องแบบที่เขาเคยเจอ...ก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก
    “อะไรน่ะโย?”เสียงจียงดังขึ้นข้างตัวโยซอบ เขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเก็บนามบัตรใส่กระเป๋ากางเกง
    “อะ...เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกฮยอง แค่บัตรร้านอาหาร”
    “ร้านอาหาร...นี่นายหันมาสะสมบัตรร้านอาหารตั้งแต่เมื่อไหร่ ปกติจะร้านอะไรก็กินไม่เลือกอยู่แล้วนี่”
    “พูดให้ดีๆหน่อยฮยอง มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกนะ”โยซอบทำหน้างอนนิดๆ จียงขำออกมาเล็กน้อย
    “งั้นตกลงมันคืออะไรล่ะฮะ?”โยซอบกัดปากตัวเองอย่างครุ่นคิด

    เอาวะยังโยซอบ!!!  เพื่ออนาคตที่ดีของแกเอง ขอโทษนะมินฮยอกน้องรัก

    “พี่จำยุนดูจุนได้มั้ย?”
    “อืม...ฟ...แฟนเก่านาย”จียงได้ยินชื่อนั้นก็หน้าเจื่อนลงเล็กน้อย เขารู้เรื่องในอดีตของทั้งคู่ดี
    เป็นไปได้เขาเองก็ไม่อยากเจอดูจุนเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าโยซอบจะพูดชื่อนี้ได้อย่างสบายใจ
    “โหยไม่ต้องเศร้าขนาดนั้น เรื่องผมกับนายนั่นน่ะ จบไปนานแล้ว”
    “อ่า...โอเค งั้นเล่าต่อๆ”
    “โอเค คือดูจุนเค้าทำงานอยู่ที่ร้านนี้ แล้วเขาบอกว่าผู้จัดการร้านอยากให้เราไปร้องเพลงที่ร้าน”
    “อืมมมม จะดีเหรอ นาย...แน่ใจนะ”จียงมองตาโยซอบอย่างเป็นห่วง
    “โอ๊ย สบายๆฮยอง คนในร้านนั้นหล่อๆเยอะแยะ ผมอาจจะได้พบรักครั้งใหม่ก็ได้”
    “อ่า...จะยังไงดีล่ะ...”
    “อาหารที่นั่นอร่อยมากเลยนะ เค้าจะเลื้ยงอาหารฟรีทุกครั้งที่ไปร้องเลยด้วย”
    “โอ้โห! แต่ว่า...”
    “เค้าให้วันละสองชั่วโมง ชั่วโมงละหมื่นเชียวนะ”
    “โอเค งั้นพรุ่งนี้ไปที่ร้านนั้นกัน”จียงตอบตกลงในทันที ก่อนจะลุกไปเลือกเพลงร้องอย่างหลั่นล้า
    “หึ ถ้าจะใช้งานฉันทั้งที ค่าแรงก็ต้องหนักหน่อยล่ะ ยุนดูจุน!!!”โยซอบยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนจะจิบไวน์อึกใหญ่
    “เดี๋ยวฉันมานะ ไปโทรศัพท์แป๊บนึง”โยซอบหันไปยิ้มหวานให้จงฮุนก่อนจะเดินออกมาจากห้องคาราโอเกะ

    우리 사랑했잖아 제발 날 울리지마 오직 내겐 너 하나뿐야
    อู รี ซา ราง แฮซ จัน นา เช บัล นา รุล ลี จี มา โอ จิก แน เกน นอ ฮา นา ปู นยา
    เราเคยรักกัน ได้โปรดอย่าทำให้ฉันร้องไห้ สำหรับฉันแล้วต้องเป็นคุณเท่านั้น
    눈을 감아도 보여 귀를 막아도 들려 제발 날 떠나가지마
    นู นึล คา มา โด โพ ยอ ควี รึล มา กา โด ทึล รยอ เช บัล นัล ตอ นา กา จี มา
    เมื่อฉันหลับตาลง ฉันก็มองเห็นเพียงคุณ เมื่อฉันปิดหูไว้ ฉันก็ได้ยินแต่เสียงคุณ ได้โปรเอย่าจากฉันไปเลย

    เสียงเพลงรอสายเศร้าๆทำให้โยซอบเคลิ้มไปชั่วครู่ก่อนที่คนปลายสายจะรับโทรศัพท์
    “ว่ายังไง?”ดูจุนถามเสียงห้วน
    “เหอะ นี่แสดงว่านายยังมีเบอร์ฉันอยู่ในเครื่อง  อู๊ว น่าประทับใจ”โยซอบทำเสียงประชดเล็กน้อย
    “ถ้าจะโทรมาประชดฉันขอวางก่อน เสียเวลา”
    “กึก” โยซอบเงียบไปชั่วครู่ เขารู้สึกเจ็บที่หัวใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
    “สรุปว่าเรื่องที่ฉันสั่ง เป็นยังไงบ้างล่ะ?”เสียงจากปลายดังขึ้น เสียงของดูจุนดูนุ่มลงจากเมื่อกี๊ หรือเขาจะคิดไปเอง
    “ฮยองบอกว่าจะไปหานายที่ร้านพรุ่งนี้ เตรียมตัวหน่อยก็แล้วกัน มินฮยอกน่ะชอบคนมีคลาส”
    “หะๆ ตอนนี้เรียกคนอื่นว่าฮยองได้แล้วเหรอ เมื่อก่อนยังพูดว่า ‘ฉันจะเรียกนายว่าฮยองเพราะนายเป็นคนเดียวที่ฉันรัก’อยู่เลย”
    ดูจุนทำน้ำเสียงล้อเลียนโยซอบ ก่อนจะหัวเราะเยาะให้อีกฝ่ายได้ยิน
    โยซอบกัดฟันแน่นก่อนจะพูดออกไป
    “พอดีว่าฉันเข้าใจแล้วว่ามีคนอีกมากมายที่ ดีพอที่จะรัก แล้วเขาก็รักฉันมากพอที่จะทำให้ฉันมีความสุขน่ะนะ”
    ดูจุนที่ได้ยินดังนั้นถึงกับพูดไม่ออก
    “อ้อใช่ แล้วฉันก็บอกจียงฮยองไปว่า นายจะเลี้ยงอาหารเราทุกครั้งที่เราไปเล่น แล้วก็จะให้เราเล่นวันละสองชั่วโมง ชั่วโมงละหมื่น เตรียมตัว เอ้ย เตรียมเงินไว้ให้พอก็แล้วกัน!!”
    “ฮ...เฮ้ย เดี๋ยว!!!”
    “ติ๊ดๆๆๆ”
    โยซอบพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยอย่างสะใจก่อนจะวางสายแล้วปิดเครื่องทันที
    “ให้รู้ซะบ้าง ว่าตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของนายอีกต่อไปแล้ว ยุนดูจุน!!!”





    “ว้าว ว้าว ว้าว ว้าวววววววววววว”กีกวังร้องอย่างตื่นเต้น หลังจากเห็นร้านอาหารที่พวกเขากำลังจะเป็นวงดนตรีประจำตั้งแต่วันนี้ไป เขาวิ่งนำคนอื่นไปที่ประตูอย่างตื่นเต้น ทำให้คนตัวสูงที่เดินอยู่ข้างหลังอดยิ้มไม่ได้
    “เวสต์โคสต์...ชื่อร้านมันดูเหมือนบาร์เกย์ยังไงไม่รู้แฮะ”ดงอุนมองป้ายหน้าร้านเล็กน้อยแล้วพูดกับตัวเองก่อนจะเดินเกาหัวแกรกๆผ่านซุ้มดอกไม้ซุ้มใหญ่หน้าร้านเข้าไป
    “สวัสดีครับทุกคน” ชายร่างสูงหน้าตาดีผิวคล้ำเล็กน้อยคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูของร้าน
    “ว้าววววว หล่อจังเลยอ่า เนอะอุนจิ”กีกวังกระซิบกับดงอุนก่อนจะดึงแขนเสื้อของดงอุนเบาๆ
    “นายชอบแบบนี้เหรอเนี่ย...เตี้ย ล่ำ ดำ ถึก ซะ”เขาแซวกีกวังก่อนจะหัวเราะเยาะ
    “อะไรกัน เค้าก็ไม่ได้ดำขนาดนั้น แถมยังเตี้ยกว่านายแค่นิดเดียวเอง”
    “เออๆ ขอโทษครับที่ผมไม่ได้ชอบของแปลก”ดงอุนยิ้มบางๆ ก่อนจะขยี้หัวของกีกวังเบาๆ
    “อ้าวทุกคนมากันแล้วหรอครับ”เสียงอีกเสียงดังขึ้นก่อนประตูร้านจะเปิดออก
    “ดูจุน...ฮยอง...”ทุกคนหันไปมองดูจุนอย่างตกใจ พวกเขานิ่งเงียบกันไปสักครู่ก่อนที่จียงจะพูดขึ้นมา
    “อ...เอ่อ ทุกคน ฉันคิดว่าพวกนายน่าจะจำดูจุนได้นะ อ้อจุนฮยอง นี่ยุน ดูจุน ดูจุน นี่ ยงจุนฮยอง หรือว่าเจย์ดราก้อน”
    จียงพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าต่างฝ่ายต่างเงียบอย่างน่ากลัว
    “สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”ดูจุนยื่นมาให้จุนฮยองก่อนจะโดค้งให้อย่างสุภาพ
    “เช่นกันครับ”จุนฮยองยื่นมือไปเช็คแฮนด์ก่อนจะโค้งกลับ
    “นี่ มีร์ เดี๋ยวฉันต้องไปรับแขกข้างใน นายช่วยพาทุกคนไปที่ห้องเตรียวตัวหน่อยสิ”
    “อ้อ โอเคๆ”ชายหนุ่มชื่อมีร์หันไปตอบดูจุน ก่อนจะหันกลับมาพูดกับทุกคน
    “ตามผมมาเลยครับ”เขาโปรยยิ้มหวาน เหล่าหนุ่มหน้าเคะทั้งหลายที่เห็นก็เคลิ้มไปตามๆกัน
    “ว้าว ชื่อก็เพราะ มีร์ คนอะไรชื่อหล่อจัง><”กีกวังออกเดินตามไปอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดแล้วบิดตัวไปมา
    “ชอบนักก็จีบเค้าซะเลยสิ”ดงอุนหุบยิ้มแล้วพูดออกมาลอยๆ เค้าก้มหน้าเล็กน้อยไม่ให้คนข้างๆเห็นว่าเค้ากำลังเสียใจ แต่เสียงพูดของเขาดันไปเข้าหูกีกวังเข้า
    “ก็อยากจีบอยู่หรอก แต่ถ้าฉันจีบติดขึ้นมา นายจะไปอยู่กับใครล่ะ จริงมั้ย?”กีกวังยิ้มกว้างก่อนจะขเย่งขึ้นคล้องคอดงอุน
    ทั้งสองคนยิ้มให้กันก่อนจะเดินไปห้องเตรียมตัวด้วยกัน

    ณ ห้องเตรียมตัว
    “เอาล่ะ เดี๋ยวเราต้องไปร้องให้ผู้จัดการร้านฟังก่อน แล้วถ้าอาจจะต้องปรับปรุงอะไรนิดหน่อยก่อนขึ้นแสดง แต่คิวก็เหมือนเดิมนะ...”
    จียงเรียกน้องๆในวงมารวมก่อนจะอธิบายเรื่องคิวให้ฟัง
    “นี่อุนจิ”กีกวังเรียกคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ดงอุนหันมายิ้มให้
    “หือ มีอะไรรึเปล่า?”
    “โยซอบฮยองนี่น่าสงสารเนอะ”
    “ทำไมอ่า”
    “ก็ต้องมาเผชิญหน้าแฟนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน แถมยังจบกันไม่ดีซะด้วยสิ”
    ดงอุนหันไปมองหน้ากีกวังด้วยสายตาเจ็บปวด

    ฉันก็ก็กำลังเผชิญหน้ากับนายเหมือนกัน

    “อย่าทำหน้าอย่างงั้นสิ เอ่อ...ยังไงเราก็จบกันด้วยดีใช่มั้ยล่ะ...เอ่อ...แล้วเราก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมแล้วด้วย”
    กีกวังกระสับกระส่ายทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นเพื่อนรักหน้าเศร้า
    เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกต่างไปจากดงอุนตอนนี้หรอก...แต่มันมีเหตุผลที่เขาต้องทำแบบนี้
    “ฉันน่ะ...เสียใจนะ...”ดงอุนพูดเสียงสั่น
    “เอ่อ...ฉันขอโทษดงอุน ฉันรู้ที่ฉันำกับนายตอนนั้นมันโหดร้าย แต่...”
    “ซะที่ไหนล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ อย่างที่นายพูดนั่นแหละ ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วนี่เนอะ”
    ดงอุนเปลี่ยนมายิ้มก่อนจะหัวเราะสะใจ แต่ในใจเขาตอนนี้ตรงข้ามกันเลย

    นายคิดแบบนี้ ฉันก็โล่งใจ...ดงอุน...


    “ฮ้า  โล่งอกจัง สุดท้ายก็ไม่มีอะไรต้องแก้มาก นี่ถ้าเค้าไม่พอใจนี่ คงซ้อมใหม่กันไม่ทันแน่”
    จียงเดินตะโกนอย่างโล่งอกเข้ามาในห้องเตรียมตัว หลังการแสดงให้ผู้จัดการร้านดู
    “โอ๊ย”เสียงร้องของฮยอนซึงที่หน้าประตูห้องทำให้ทุกคนหันไปมอง
    “เป็นอะไรมากมั้ย ฮยอนซึงฮยอง?”กีกวังหันไปมองก่อนจะถามอย่างเป็นห่วง แต่พอเห็นจุนฮยองเข้ามาพยุงไว้ก็โล่งใจ
    “ไม่เป็นอะไรมากหรอก อุ๊บ!”ฮยอนซึงยกมือขึ้นปิดปาก ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำโดยมีจุนฮยองกับจียงวิ่งตามเข้าติดๆ
    “ฮยอง...เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว...”กีกวังพูดขึ้นอย่างห่วงๆ
    “คงจะแค่แฮงก์ไม่หายเฉยๆมั้ง ปกติฮยองเค้าไม่ค่อยดื่มเหล้า พอมาดื่มเข้าก็เลยมึนหนัก”
    “เอ่อ...พี่ว่า วันนี้ฮยอนซึงคงร้องไม่ไหวแล้วล่ะ คงต้องกลับไปพักก่อน”
    จียงเดินเกาหัวอย่างกังวลๆออกมาจากห้องน้ำ
    “งั้นเดี๋ยวผมพาฮยอนซึงกลับบ้านไปก่อนนะครับ”
    จุนฮยองพูดขึ้น ก่อนจะพยุงฮยอนซึงออกจากห้องไป
    “อ่า...แล้วใครจะร้องเพลงคู่กับดงอุนแทนฮยองล่ะครับ”
    มินฮยอกถามขึ้นมาเบาๆระหว่างบรรยากาศตึงเครียด
    “จริงด้วย!!! ในวงนี้ยังมีใครเล่นเปียโนเป็นอีกบ้าง?”จียงถามก่อนจะมองไปยังน้องๆ
    ทุกคนต่างมองหน้ากันและกัน แล้วหันมาส่ายหัวอย่างพร้อมเพรียง
    “เฮ้อออออ แล้วจะทำยังไงล่ะ”จียงกุมขมับ
    “จริงๆแล้ว...ก็มีอยู่คนนึงนะ”โยซอบพูดขึ้น
    “ใครอ่า โยซอบ ใครๆๆๆ?”จียงยิ้มอย่างมีความหวัง
    “ยุน...ดูจุน”สิ้นเสียงโยซอบ ทุกคนกลืนน้ำดังเอื้อก
    “งั้นนายก็...ไปคุยกับเค้าให้ทีนะ...แหะๆ”จียงพูดเจื่อนๆ ถ้าเขาไปคุยเองอาจเผลอหาเรื่องเกี่ยวกับโยซอบได้


    “เอาล่ะ ผลการขอร้องอันยาวนาน ผมต้องขอเสียใจด้วย...”โยซอบเดินเข้ามาในห้องหลังจากหายไปนาน
    “อ่า...แย่จังเลยอ่าอุนจิ สงสัยต้องเก็บเพลงไปแสดงครั้งหน้าซะแล้ว”
    “ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่เพลงน่ะ มันจะเล่นวันไหนก็ได้”ดงอุนยิ้มให้คนตัวเล็กก่อนจะยีหัวเบาๆ
    “ขอเสียใจกับดงอุนนี ที่ต้องนั่งร้องเพลงคู่กับคนอย่างยุนดูจุน”
    “ไม่เป็นไรครับ..หา!!! สำเร็จหรอเนี่ย”ดงอุนอึ้งเล็กน้อย
    “ดูถูกฮยองคนนี้ไปหน่อยม้างงง”โยซอบเดินอ้อมมาหลังโซฟาที่ดงอุนนั่งอยู่
    “โชว์ของเต็มที่นะน้อง ให้เค้ารู้ว่าเค้าเทียบนายไม่ติด”
    “ครับ” ดงอุนชูสองนิ้วขึ้นก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่น



    และแล้วคอนเสิร์ต ณ ร้านเวสต์โคสต์ วันแรกของวง Da best ก็ใกล้จะจบลง
    “เอาล่ะครับ มาถึงเพลงสุดท้ายกันแล้ว โชว์นี้ เป็นโชว์พิเศษจากพวกเรา โดยคุณยู ดูจุน ผู้บริหารที่พวกเราคุ้นตากันดีจะมาร่วมร้องกันด้วย จะเพราะแค่ไหนมาฟังกันเลยดีกว่า”
    หลังพิธีกรพูดจบดงอุนและดูจุนก็เดินขึ้นเวทีไป เสียงกรี๊ดดังอย่างสนั่นหวั่นไหว
    “คนกรี๊ดดูจุนฮยองเยอะมากนะเนี่ย ผมเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันนะว่าเค้าจะเล่นเปียโนกับร้องเพลงเป็นด้วย”
    เสียงใครบางคนดังขึ้นข้างหูกีกวังที่นั่งรอดูเพื่อนรักอยู่หน้าเวที ทำให้เจ้าตัวหันไปมอง
    “อ้าว คุณมีร์”
    “ไม่ต้องมีคุณก็ได้ครับ ผมอายุน้อยกว่าคุณ..เอ่อ คุณ”
    “กีกวังครับ”กีกวังตอบกลับ
    “ว่าแต่ เมื่อกี้คุณมีร์ เอ้ย...”
    “นายก็ได้ ไม่ต้องสุภาพกับผมหรอก”
    “อ้อ นายพูดอะไรนะตะกี๊”
    “อ่อ แค่ไม่น่าเชื่อน่ะครับว่าดูจุนจะร้องแล้วก็เล่นเปียโน”
    “อ่อ...อย่างนี้นี่เอง”

    เราเองก็ไม่ได้ตกใจอะไรหรอกนะ...ก็เขาเคยอยู่วงเดียวกับเรามาก่อนนี่นา...



    “เค้าจะเริ่มร้องกันแล้วล่ะครับ”มีร์พูดขึ้นก่อนจะสะกิดกีกวังให้หันไปดู

    เพลงเริ่มบรรเลงขึ้น ดงอุนมองกีกวังไม่วางสายตาก่อนจะละไปมองสาวๆที่มายืนกรี๊ดข้างเวทีแล้วโปรยยิ้มหวานเล็กน้อย
    กีกวังใจสั่นเล็กน้อย เขาไม่ชอบเห็นดงอุนแบบนั้นเลย แต่ก็ไม่แปลก เพราะดงอุนหล่อซะขนาดนั้น

    “เพื่อนของคุณนี่หล่อจังเลยนะครับ ผมเองครั้งแรกก็คิดว่าหลุดมาจากทีวี”มีร์พูดขึ้นก่อนจะจ้องหน้ากีกวัง
    “ใช่มั้ยล่า แต่คนนี้น่ะ ห้ามจีบนะ เค้ามีคนชอบอยู่แล้ว!”กีกวังตอบกลับ ก่อนทั้งสองคนจะหัวเราะอย่างสนุกสนาน

    ดงอุนที่อยู่บนเวทีหันมาเห็นทั้งสองกำลังคุยกันอย่างออกรส
    เขารู้สึกหึงมาก แต่ก็ลงไปทำอะไรไม่ได้ เขาเลยต้องร้องเพลงต่อไป แต่ตาก็จับจ้องไปที่อีกสองคนข้างล่างเวทีไม่หยุด


    “ฮิ้ววววววววววววววว”เสียงกรี๊ดร้องดังมากไม่หยุดหย่อน ดงอุนและดูจุนลุกขึ้นโค้งก่อนจะเดินลงเวทีไป
    “สุดยอดไปเลยอุนจิ!!” กีกวังวิ่งเข้ามาหาดงอุนทันทีที่เข้าลงจากเวที
    “ใช่ม้าๆๆๆ”ดงอุนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
    “สุดยอดจริงๆนะครับ คุณดงอุน อย่างที่กีกวังฮยองบอกเลย เนอะฮยอง”

    แค่แป๊บเดียวเปลี่ยนสรรพนามเป็นฮยองเชียวนะ ฮึ่ย!!!

    “ใช่ป่ะๆ ฮ่าๆๆๆ”กีกวังยกมือขึ้นจะไฮไฟฟ์กับมีร์
    “หมับ”ดงอุนยกมือจับข้อมือกีกวังโดยอัตโนมัติ เรียกสายตาสงสัยจากมีร์และกีกวัง
    ดงอุนรู้สึกตัวเลยปล่อยมือออก
    “อย่าไปโดนมือหมอนี่เลยครับ เดี๋ยวติดเชื้อบ้า”ดงอุนหันไปยิ้มหวานให้มีร์ ก่อนจะหันกลับมาแลบลิ้นใส่กีกวังอย่างสะใจ
    “บู่ววววววววววว์”กีกวังหันกลับไปแลบลิ้นใส่คนตัวสูงก่อนทั้งสองคนจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน
    “งั้นผมไปทำงานต่อก่อนนะครับ”มีร์โค้งให้ดงอุน กอ่นจะโบกมือบ๊ายบายให้กีกวัง
    “บายยยยยยยยยย”กีกวังโบกมือให้อย่างมีความสุข ดงอุนก้มลงมองกีกวังพร้อมยิ้มบางๆ


    นายก็เป็นซะแบบนี้...ใครเห็นเค้าก็รักนายทั้งนั้น แล้วฉันจะตัดใจจากนายได้เมื่อไหร่กันล่ะ

    “เป็นอะไรไปอุนจิ”
    “เอ่อ...ไม่มีอะไรๆ หาเหาใครบางคนเฉยๆ”
    “อุนจิบ้า ไม่คุยด้วยแล้ว”กีกวังสะบัดหัวใส่ดงอุนหนึ่งครั้งก่อนจะเดินหนีไป
    “อ้า!! อย่างอนเลยนะคร้าบบบบบบบบ”แล้วดงอุนก็ต้องเดินตามไปง้อเหมือนเคย...

    ในที่สุดตอนที่สองก็มาแล้วครับพ้มมมมมมมมมมม
    หลังจากดองมาค่อนข้างนาน
    เรื่องมันอาจจะวกไปวนมานิดนึงนะคะ ขอโทษด้วย ฮ่าๆๆๆ
    อยากจะสปอยล์ว่าคู่ห้อยกะสวยดราม่ามาก ช่วยรออ่านกันด้วย
    ส่วนคู่ยังโยกัลุงนี่ อดีตเป็นยังไงคงได้รู้ในไม่ช้านี้... ติดตามได้ค่า

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×