ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dooseob's House!!!

    ลำดับตอนที่ #15 : [OS Project] Midnight Sun - When I miss you

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 55


    *คำเตือน ฟิคเรื่องนี้ยาวมว้ากกกกก(วิบัติเพื่อเสียง)*

     

    จิ้มฟังเพลง <= แต่เชื่อว่าบิวตี้คงมีเพลงนี้ในเครื่องอยู่แล้ว แนะนำให้เปิดในคอมหรือมือถือแล้วรีเพลย์ไปเรื่อยๆดีกว่าเพราะน่าจะต้องฟังซักสองสามรอบกว่าฟิคจะจบ^^

     

     

     

     

    "ดูจุนนา..."

     

    "หืม? มีไรหรอ?"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "เรา... ชอบนาย"

     

     

     

     

     

     

    "หวัดดีทุกคน! ปิดเทอมเป็นไงมั่ง?"เสียงใสดังขึ้นทันทีที่ขาก้าวเข้าไปในห้อง

     

    "ก็ดีแหละ ว่าแต่นายเถอะไอ้ยัง เพื่อนสุดเลิฟไม่อยู่ทั้งคนไม่หงอยอะไรมั่งเลยเหรอวะ?"

    เพื่อนคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นจากการบ้านก่อนจะถามผู้มาใหม่ขำๆ

     

    "อ..อะไรนะ? ใครไม่อยู่..ยังไง? พูดไรวะไม่เห็นรู้เรื่องเลย"

     

    "อ้าว ก็ไอ้ดูจุนไง แม่งย้ายไปเรียนม.ปลายโรงเรียนหรูเชียว เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้จริงๆ???"

     

    "อ...อืม ไม่รู้..."ร่างบางก้มลงมองพื้นเล็กน้อย รอยยิ้มหุบไปจนไม่มีหลงเหลืออยู่บนใบหน้าเล็ก

     

    "ไม่เอาน่าไอ้ยัง... มันอาจจะไม่ได้บอกเพราะกลัวแกไม่ให้มันไปก็ได้นะ..."

    เพื่อนหนุ่มลุกขึ้นลูบหลังคนตัวเล็กอย่างเห็นใจ

     

    "อื้ม.. นั่นสินะ"โยซอบเงยหน้ายิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะขอตัวไปยังที่นั่งของตัวเอง

     

     

     

     

     

     

     

    ก็คงไม่อยากให้รู้จริงๆน่ะแหละ...

     

     

     

     

     

     

    “เรา...ยังไม่อยากมีความสัมพันธ์แบบนั้นน่ะโย...ขอโทษนะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เฮ้ย!!! ดูจุนมาเยี่ยมโรงเรียนเว้ยเฮ้ย”

    “หืม?”

    ร่างเล็กที่นั่งวาดรูปอยู่กระเด้งตัวขึ้นมาทันที ก่อนจะหันไปมองต้นเสียงอย่างสงสัย

     

     

    “อย่ามัวแต่มองๆ มาสิๆ เพื่อนนายทั้งคนนะ”

    “อ้อ อืมๆ”

    โยซอบพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเก็บของบนโต๊ะและวิ่งตามเพื่อนๆออกไป

     

     

    “เฮ้ย โรงเรียนใหม่เป็นไงมั่งวะ? สาวติดน่าดูอ่ะดิ”

    “ก็...ไม่มั้ง แต่ก็ต้องมีบ้างแหละ คนมันหล่อ ฮะๆๆ”

    เสียงถามไถ่ของกลุ่มเพื่อนและคนที่ไม่ได้เจอหน้ามานานทำให้ใจดวงเล็กเต้นไม่เป็นจังหวะ

    ขาเล็กเริ่มก้าวยาวและถี่ขึ้นหวังจะได้เห็นหน้าเพื่อนรักให้เร็วที่สุด

     

     

    “แล้วถามจริงเถอะ ทำไมย้ายโรงเรียนไปไม่บอกกันมั่งเลยวะ ขนาดโยซอบเพื่อนเลิฟนายยังไม่รู้เลย”

    “เอ่อ... เรื่องนั้น”

    คำถามจากปากเพื่อนคนหนึ่งทำให้ขาสองข้างของคนตัวเล็กหยุดชะงักลง

     

     

     

     

     

     

    นั่นสิ...ขนาดย้ายดรงเรียนเค้ายังไม่อยากให้เรารู้ แล้วเค้าจะอยากเห็นหน้าเราเหรอ?

     

     

     

     

     

     

    คิดได้ดังนั้นรอยยิ้มสมเพชตัวเองก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากบาง ก่อนขาเล็กจะลดความเร็วลงจนเป็นปกติ...

     

     

     

     

     

     

    “แค่เดินผ่านไป...มันคงไม่ทำให้อารมณ์เสียหรอกนะ...”

    ร่างเล็กถอนหายใจเบาๆก่อนจะกระชับกระเป๋าเป้ให้แน่นขึ้นและเดินไปยังกลุ่มเพื่อนให้ดูเป็นปกติที่สุด

     

     

     

    ตึก... ตึก...

    เท้าสองข้างค่อยๆก้าวผ่านกลุ่มเพื่อนบริเวณโถงทางเดินไป

    ตาก็เหลือบหาคนที่ไม่ได้เจอมาหลายเดือนท่ามกลางวงล้อมนั่น ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับสีเสื้อนักเรียนที่เด่นออกมา

     

     

     

     

    “...”

    สะดุ้งไปเล็กน้อยเมื่อคนที่ตัวเองมองเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน ก่อนจะตีหน้าเรียบเดินผ่านไปราวกับไม่มีอะไรเกิดชึ้น

     

     

     

     

     

     

     

    “ย่า โยซอบมาถ่ายรูปกัน ดูจุนมันจะกลับแล้วนะ ไม่รู้จะได้กลับมาเยี่ยมอีกเมื่อไหร่”

    เสียงเพื่อนคนหนึ่งตะโกนมาจากข้างหลัง ก่อนมือหนาจะดึงแขนโยซอบเข้าไปที่กลุ่ม

     

     

     

     

     

     

    “อย่าเลย... ฉันจะกลับบ้าน”

    “อะไรกัน รถนายก็ยังไม่มานี่ มาๆๆ แป๊บบบบบเดียวจริงๆ”

    “อ...เอ่อ”

    “เอาน่าๆ ไม่ต้องรีบ มาๆยืนตรงนี้นี่”

    ว่าแล้วเพื่อนตัวสูงก็ดึงเขาเข้าไปยืนตรงกลางวงจนได้...

     

     

     

     

     

     

     

    “ไม่เจอกันนานนะ...”

    “อืม...”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    มีเพียงเท่านี้...

     

     

     

     

     

     

     

     

    คำทักทายของคนสองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่จำความได้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ทั้งๆที่ยืนอยู่ข้างกัน... แต่กลับไม่มีบทสนทนาหรือแม้แต่รอยยิ้ม

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เฮ้ยๆ สองคนนี้เป็นไรไป ยิ้มหน่อยดิๆ”

    “เปล่าๆ แล้วเมื่อไหร่จะถ่ายซักทีฉันจะกลับบ้านแล้ว”

    โยซอบพูดขึ้นเสียงเรียบที่สุดเท่าที่ทำได้พลางก้มหน้าหลีกสายตาของร่างสูงที่รู้ดีว่าต้องมองมาในไม่ช้า

     

     

     

     

     

     

     

     

    แล้วยังโยซอบเคยเดาใจดูจุนผิดเสียที่ไหน...

     

     

     

     

     

     

     

    “ถ้าไม่อยากถ่าย...ก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าอยากกลับบ้าน..ก็กลับเถอะ”

    เสียงอีกคนพูดขึ้นมาเบาๆด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่มันกลับทำใจดวงเล็กเจ็บขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

     

     

     

     

     

     

     

     

    “จะถ่ายล่ะน้า 1     2       3

    “กิมจิ!!!!!!!!!

    ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองกล้องอย่างเลิกลัก ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างออกมาพร้อมกัน

    รวมทั้งคู่เพื่อนรักประจำชั้นที่ยกมือโอบไหล่กันแน่นอย่างสนิทสนม

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    กึก

    ร่างเล็กยัดรูปในมือลงในกระเป๋าสตางค์เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากนอกห้องเรียน

     

     

     

     

    ”อ้าวไอ้ยัง มาทำไรตรงนี้วะ มาๆๆๆ มาถ่ายรูปกัน วันสุดท้ายแล้วอย่าหงอยดิวะ”

    เพื่อนตัวสูงยกยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาล็อคคอโยซอบแล้วยีหัวเล่นอย่างหมั่นไส้

     

     

     

    “กูก็แค่ตกใจนี่หว่า เหมือนเพิ่งจะขึ้นม.ปลายมาแป๊บเดียว รู้ตัวอีกทีก็จบม.6ซะแล้ว”

    “เฮ้ยๆๆๆ มึงอย่ามาดราม่า ป่ะๆๆ เดี๋ยวจะไปร้องเกะกันต่อ ไปมะ?”

    “ไม่อ่ะ เดี๋ยวกูไปงานเลี้ยงรุ่นเดือนหน้าโน่นทีเดียว วันนี้มันเกิดฟีลอยากเศร้า กะจะไปเดินเล่นในโรงเรียนซะหน่อยว่ะ”

    “อ่า... โอเช ถ้ามึงอยากทำงั้น งั้นกูไปนะ เจอกันวันงานละกันเน่อ”

    “อื้ม บายยยย~

    โยซอบยิ้มกว้างแล้วโบกมือลาเพื่อนสนิท ก่อนร่างสูงจะวิ่งออกจากห้องไป

     

     

     

    มือเล็กหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาและเปิดมันออกอีกครั้ง

    มุมปากบางยกขึ้นเล็กน้อยพลางใช้หัวนิ้วโป้งลูบรูปใบเก่าหลังพลาสติกหุ้มนั้นเบาๆ

     

     

     

     

     

    ยิ้มหน่อยน่า อย่างน้อยเราก็เป็นเพื่อนรักกันนะ... นี่อาจจะเป็นรูปสุดท้ายกับฉัน มาสร้างความทรงจำดีๆกันหน่อยดีกว่า

     

     

     

     

     

     

    ประโยคที่ทำให้ยอมยิ้มจนปากแทบฉีกออกมาอย่างที่ปรากฏในรูปดังขึ้นมาในหัวก่อนเจ้าตัวจะหัวเราะเบาๆ

     

     

     

     

     

    “จริงๆประโยคนั้นฟังแล้วเฮิร์ทจะตาย... โอยเด็กโง่ยังโยซอบ”

     

     

     

     

     

     

    ตึก... ตึก...

    ขาทั้งสองของชายหนุ่มตัวเล็กกว่าอายุจริงดังก้องไปตามทางเดิน ทำให้รู้ได้ไม่ยากว่าในโรงเรียนคงมีคนเหลืออยู่ไม่กี่คน

    และแถวนี้น่ะเหรอ... คงไม่มีซักคนด้วยซ้ำ

     

     

     

     

    ตาโตกวาดมองไปตามส่วนต่างๆของโรงเรียนที่อยุ่มาตั้งแต่ส่วนสูงยังไม่ถึงเมตรยิ้มๆ

     

     

     

     

     

    “เดี่ยวก็ไม่ได้มาแล้วหรอเนี่ย... อ่า... แล้วเวลาตื่นเช้าๆก็ไม่มีที่ให้มาลอกการบ้านแล้วนะ...”

    เดินลัดเลาะไปตามต้นไม้ต้นสุงคู่โรงเรียนก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆ

    นึกถึงว่าจะต้องไปจากที่นี่แล้วก็ใจหายไม่น้อย ดูอย่างน้ำตาที่ไหลลงมานี่สิ...

     

     

     

     

    ขาเรียวยังคงก้าวไปเรื่อยๆจนถึงตึกเรียนส่วนมัธยมต้น

    ก่อนจะหยุดลงซักพักเมื่อเดินผ่านทางเดินหน้าประตูรั้ว...

     

     

     

     

     

     

    ปากบางยกยิ้มก่อนจะยกรูปในกระเป๋าสตางค์ขึ้นมามองอีกครั้ง

     

     

     

     

     

     

    “ถ้ากลับไปวันนั้นได้อีกรอบเราคงรีบกลับบ้านไปซะให้รุ้แล้วรู้รอด ฮะๆๆ”

     

     

     

     

     

     

    กึก

    ไม่นานนักร่างบางก็เดินมายังบริเวณลานสนามหญ้าใกล้อาคารประถมที่เขามักจะมานั่งปั่นการบ้านเป็นประจำ

     

     

     

     

    อ่ะนี่ กินซะมั่ง ผอมจะเป็นไม้เสียบผีแล้วนายน่ะ

    อ้อ แต๊งกิ้ว ฮี่ๆๆ

    คนตัวสูงทิ้งตัวลงนั่งข้างๆร่างบางก่อนจะยีหัวอีกคนจนยุ่ง

     

     

    ย่าๆๆๆ ทำไรเนี่ย หัวคนนะไม่ใช่หมา เสียทรงหมด

    หน้าตาไม่ดีงี้ ไม่ต้องห่วงลุคหรอกมั้งนาย

    อ้าวพูดงี้ก็สวยดิ

    หล่อ...

    เออ ไม่เถียง กร๊ากกก เออ แล้วข้อนี้ทำไงเนี่ย ถามมาตั้งนานแล้วไม่ตอบซักที

    อันไหนนะ?

    เอ๊ะ เมื่อกี๊ก็เพิ่งจะชี้ให้ดู ไปซื้อหนมแป๊บเดียวลืมอีกและ?

    เออ เราขอโทษ= = แล้วสรุปข้อไหนอ่ะ?

    นี่ๆๆ ข้อนี้

    คนตัวเล็กกัดขนมในปากแล้วเคี้ยงหนุบหนับ พลางชี้การบ้านข้อที่ทำไม่ได้ให้อีกคนดู

     

     

     

    หมับ

    แขนยาววางลงบนไหล่เล็กจนอีกคนสะดุ้งโหยง แล้วมองหน้าอีกคนอย่างตกใจ

     

     

    เฮ้ย แต๊ะอั๋งหรอ?

    เปล่านิ ก็เพื่อนกันโอบไม่ได้หรอฟระ มันเมื่อยแขนอ่ะ

    เออๆ จะทำไรก็ทำเถอะพ่อคุณ ทีนี้จะสอนเราทำการบ้านได้ยัง?

    มาๆๆ

    ทั้งสองคนพยักหน้าหงึกๆเชิงช่างมันเถอะ ก่อนจะหันกลับมาสนใจการบ้านกันอีกครั้ง

    แต่ร่างสูงคงไม่รู้สึกหรอก...

     

     

     

     

     

     

     

    ถึงหัวใจดวงน้อยของอีกคน...ที่ก็เพิ่งเคยเต้นแรงขนาดนี้เป็นครั้งแรก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    และนั่น..คือวันแรก ที่เขารู้ตัว...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ว่าชอบเพื่อนสนิทคนนี้เข้าให้เสียแล้ว...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แกร่ก

    เก้าอี้ไม้ตัวเก่าส่งเสียงออกมาเล็กน้อยเมื่อร่างเล็กทิ้งตัวนั่งลง

    มือป้อมไล้ไปตามผิวไม้สีน้ำตาลช้าๆสายตาก็มองหาบางอย่าง

    ที่น่าจะยังอยู่ที่เดิมถ้าโรงเรียนไม่ได้เปลี่ยนโต๊ะหรือทำความสะอาด

     

     

     

     

     

     

     

    โยซอบไฟท์ติ้งงงง

    รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นเมื่อเจอกับสิ่งที่ตามหา

    ข้อความที่เขียนไว้ด้วยปากกาสีดำที่อีกคนเขียนไว้ด้วยลายมือหวัดๆสไตล์เจ้าตัว

    ในวันสอบปลายภาควันแรกของชั้นม.3 ยังคงอยู่ที่เดิมของมันไม่ไปไหน

     

     

     

    ขอบคุณมาก เขียนชื่อเราไว้บนโต๊ะงี้ ถ้าเค้าจะจับก็คงมาจับเราไม่ใช่นาย= =’

    เฮ่ย นี่ยันต์ท่ายยุนดูจุนเลยนะเว้ย เขียนไว้แล้วยังโยซอบคนนี้ไม่มีทางสอบตกแน่ แล้วนายจะขอบคุณเรา หึๆ

    เออนี่ดูจุนนา...ขึ้นม.ปลายนี่จะย้ายไปไหนป่ะ?

    อืม... คงไม่อ่ะทำไมหรอ?

    เปล่า... ถามเฉยๆ

    แล้วนายล่ะ?

    ก้ถ้านายไม่ไปไหน... เราก็คงไม่ย้ายมั้ง ขี้เกียจหาเพื่อนใหม่

    นั่นสิ ถ้าให้ย้ายไปโรงเรียนที่นายไม่อยู่ เหงาตายแน่เลย คงโล่งๆแปลกๆ

    งั้นสัญญานะว่าจะไม่ย้ายโรงเรียน

    คนตัวสูงไม่ได้ตอบ เพียงแค่จับมือเล็กมาเกี่ยวนิ้วก้อยไว้แล้วยิ้มให้บางๆ

     

     

     

    เห่ย หน้าแดงหมดแล้ว เป็นไรป่ะนาย?

    อ่อ... ป..เปล่า

    โยซอบส่ายหัวเป็นพัลวัน ก่อนจะหันไปหยิบน้ำข้างๆตัวดื่ม

     

     

     

     

    เออนี่ดูจุน นายมีสเป็คเป็นไงมั่งอ่ะ?

    ถามเพื่อ?

    ก้อยากรู้นี่หว่า ทำไมถามไม่ได้?

    ก็... เราชอบคนตัวเล็กๆ ขาวๆ อารมณ์ดี เวลายิ้มแล้ว...น่ารักๆอ่ะ

    เฮ้ย ไม่หายากไปหรอวะ?

    ไม่นี่... เรามีเล้งๆไว้แล้วด้วย รู้แล้วนายจะอึ้งคอยดู

    อ้อเหรอ

    แซวเพื่อนรักเสียงหลง ก่อนจะหันกลับมาอ่านหนังสือสอบต่อ

     

     

    จะแอบคิดไปเองได้มั้ย... ว่ามันเหมือนตัวเองมากเลย...

     

     

     

     

     

    “อ...อือ”

    “นักเรียนๆ ตื่นได้แล้วนะ ลุงจะปิดโรงเรียนแล้ว”

    “ครับ? อ้อ ขอโทษครับ”

    โยซอบยิ้มให้ลุงรปภ.ที่คุ้นหน้าก่อนจะเกาหัวเล็กน้อย

     

     

    “หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย... อุ่ย”

    พรึ่บ

    ร่างบางดันตัวขึ้นนั่งหลงตรงก่อนจะอุทานออกมาเมื่อเสื้อสูทตัวหนึ่งตกลงจากหลัง

     

     

    “เสื้อนี้ของลุงหรอครับ?”

    “อะไรกันนักเรียน สูทแพงๆอย่างนี้ลุงไม่มีใส่หรอก อ้าว แล้วมันไม่ใช่ของเราเหรอ?

    ตอนลุงมาเจอเราเราก็มีสูทนี่ห่มอยู่แล้วนา”

    “หรอครับ?”

    โยซอบพยักหน้างงๆก่อนจะก้มลงเก็บสูทผ้ากำมะหยี่สีแดงบนพื้นขึ้นมาปัดฝุ่นออกเบาๆ

     

     

     

    พารัน ไฮสคูล

     

     

     

     

     

     

    ยุน ดูจุน

     

     

     

     

     

     

     

    “นี่มัน... ไม่น่า...”

     

     

     

     

     

     

     

     

    “โย่ววววววววว โอยคิดถึงพวกมึงจังTT^TT

    โยซอบผลักประตูเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ที่จัดงานเลี้ยงอำลารุ่น

    ก่อนจะตะโกนดังลั่นจนเพื่อนที่นั่งๆอยู่ก่อนหันมาหัวเราะกันดังลั่น

     

     

    “เป็นไงล่ะ อยากไม่มาเกะกะพวกกู มัวแต่ไปนั่งดราม่าให้ยุงกัด”

    “เออ เรื่องของกู กูอยากเป็นพระเอกเอ็มวี กูอยากดราม่าาาา”

    หันไปประชดเพื่อนหน้าหวานที่โต๊ะข้างๆเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะร่วนกับเพื่อนๆรอบตัวอย่างสะใจ

     

     

    “นี่กูมาช้าไปนิดนึงรึเปล่าวะ?”

    “ไม่หรอก พอดีพวกกูกำลัง..อ...”

    คำพูดและรอยยิ้มถูกกลืนลงไปทันทีเมื่อหันเจอกับคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก

    ยืนยิ้มพร้อมถือถุงของขวัญเต็มมืออยู่ข้างหน้า

     

     

     

     

     

    “ดู...จุน...?”

     

     

     

     

     

    “แล้วพี่คนนั้นเค้าก็บอกว่า...”

    ตากลมที่ตอนนี้เริ่มพร่าเหลือบไปมองคนตัวสูงที่ดูหล่อขึ้นมากเทียบจากคราวล่าสุดที่เห็นที่นั่งเล่าเรื่องในรั้วโรงเรียนใหม่ให้คนอื่นๆในโต๊ะฟังอย่างออกรสเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน ก่อนจะกระดกไวน์ในแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง

     

     

    “เห้ย ไอ้ยัง กูว่ามึงพอเหอะ เมาแล้วนะ อายุก้ยังไม่ถึง ไม่กลัวโดนจับหรือไง?”

    “กูจบม.6แล้ว แถมกูก็ยังฟังมึงพูดรู้เรื่อง ยังพูดชัดถ้อยชัดคำ ดังนั้นกูไม่เมา โอเค๊?”

    “เอ่ยๆๆ อย่ากวนตีน พอเหอะๆ เดี๋ยวมึงเมาหลับไปงานไม่หนุก”

    “เหรอ? คงไม่ใช่เพราะเสียดายค่าไวน์หรอกนะ เพราะไวน์ขวดนี้มันของมึง”

    “เอ๊า รู้แล้วมึงจะยังแดกไปอีกทำไมล่ะวะ”

    “อยากกินว้อย อยากเมา!!! วู้ววววววววววว”

    ว่าแล้วร่างเลกก้ลุกขึ้นเต้นเลื้อยไปมาตามจังหวะเพลงด้วยท่ารั่วๆ เรียกสายตาและเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆในโต๊ะ

     

     

     

    “เออ ทำไมวันนี้มึงสองคนไม่คุยกันเลยวะ? ไม่ใช่เพื่อนสนิทกันหรอกหรอ?”

    เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นพบางชี้ดูจุนกับโยซอบสลับไปมา คนที่ถูกถามก็หันมองหน้ากันแวบกนึ่ง ก่อนโยซอบจะเป็นฝ่ายหลบตามายังคิ้วให้คนถามเล็กน้อยและส่ายหัวรัว

     

     

     

    “แค่เคยสนิทต่างหาก ไม่ได้เจอกันเลย แถมยังไม่ได้คุยกันซักประโยคมาตั้งสามปี กูชื่ออะไรเค้าจะยังจำได้มั้นก็ไม่รู้ววว”

    ร่างบางตอบเสียงยานคางเป็นสัญญาณว่าเริ่มจะเมามาซักหน่อยแล้ว ดูจุนหน้าเจื่อนไปซักพักก่อนจะหยิบไวน์ข้างตัวมาดื่มเป็นอึกแรกทั้งๆที่ปกติไม่ใช่คนชอบดื่มซักนิด

     

     

     

     

    “เฮ้ย ไอ้มิน กูกลับแล้วนะ สงสัยจะเมาจริงๆละ”

    “นั่นไง กูบอกมึงแล้วไอ้ยัง”

    “เออๆ งั้นเดี่ยวกูไปเรียกแท็กซี่กลับบ้านล่ะ ไว้นัดรวมรุ่นอีกเมื่อไหร่ค่อยเจอกันใหม่เน่อ บ๊ายบุย~

    หันไปโบกมือลาเพื่อนๆทุกคนก่อนจะเดินโซเซออกจากห้องจัดงานออกมาช้าๆ

    โดยไม่ลืมดบกมือให้เพื่อนร่วมรุ่นอีกหลายๆคนระหว่างทางด้วย

     

     

     

     

     

     

     

    “โอยยยยย แผ่นดินไหวรึงายยย ทำไมโลกมันหมุนอย่างเง้~

    ร่างเล็กเดินพูดเสียงงัวเงีย แถมยังเดินแบบจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ไปตามทางเดินว่างเปล่าของโรงแรมยามตีหนึ่งกว่าๆ

     

     

     

     

     

     

    “เหวยๆๆๆ”

    “ระวัง!!

    และแล้วก็เกิดเหตุอย่างที่คิด ขาเล็กสะดุดเข้ากับขาตัวเองอีกข้างหนึ่งก่อนจะหงายล้มลง

    แต่โชคดีที่มีใครอีกคนเข้ามารับไว้ได้พอดิบพอดี

     

     

     

    “ระวังหน่อยสิ...นายซุ่มซ่าม”

    อ...อือ ขอบคุณครับ ถ้าจะให้ดี..ปายเรียก แท๊กซี่~ ให้ด้วยเส่...“

    เงยหน้าขึ้นยิ้มให้อีกคนทั้งตาปิดๆ ก่อนจะพูดเสียงยานคาง

     

     

    “อ่า...ก็ได้ๆ”

    คนตัวสูงพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะค่อยๆพยุงคนในอ้อมแขนไปขึ้นแท็กซี่

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “โยซอบ... ตื่นได้แล้ว.... แท็กซี่เค้ามาส่งได้แค่นี้ เดี๋ยวเราต้องเดินเข้าไปเองนะ”

    “อ...อืม ไม่อาววว ม่ายยยตื่น คิก”

    “เฮ้อ~ หวังว่านายจะยังผอมเหมือนเมื่อก่อนนะ ถ้าเป็นประมาณนั้นเราน่าจะแบบไหว”

    ร่างสูงส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะดึงอีกคนมาขี่หลังและจัดแขนทั้งสองข้างให้กอดคอตัวเองไว้

     

     

     

     

    “เอ... เบาลงซะด้วยซ้ำนะ”

    ร่างสูงถามขึ้นพลางหันหน้าไปมองคนตัวเล็กที่หลับเหมือนเด็กๆอยู่บนหลัง

     

     

     

     

     

    “นี่โยซอบ... ที่เราย้ายโรงเรียนไป... นายโกรธเรามากเลยหรอ?”

     

     

     

     

     

    “เราขอโทษนะที่ไม่ได้ติดต่อมา...”

     

     

     

     

     

    “เราแค่คิดว่าสิ่งที่นายคิดว่าชอบเรา... มันอาจจะเป็นแค่ความสนิทสนมแบบเด็กๆ”

     

     

     

     

     

     

    “ถ้าเรายังสนิทกันต่อไปนายอาจจะต้องเจ็บ...”

     

     

     

     

     

     

    “เหมือนกับที่เราเจ็บ...ที่ต้องย้ายหนีนายมา...”

    ร่างสูงพูดลอยพลางถอนหายใจจนควันออกจากปากเพราะอากาศที่หนาวขึ้นจากฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามา

     

     

     

     

     

     

     

     

    “คนบ้า...”

    “หืม?”

    เสียงเบาๆจากคนตัวเล็กเรียกให้ขาทั้งสองข้างหยุดเดินและหันไปมอง

     

     

     

     

     

     

    “คนบ้า... ใครว่าทำแบบนั้นแล้วมันจะแก้ปัญหาได้”

     

     

     

     

     

     

    “ใครบอกว่าหายไปอย่างนั้นแล้วเราจะไม่เจ็บ”

     

     

     

     

     

     

    “ใครบอกนายกัน...ว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกสนิทสนมแบบเด็กๆ...ฮึก”

    เสียงเล็กเริ่มอู้อี้ ก่อนเจ้าตัวจะซุกหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างและกอดคออีกคนแน่นขึ้น

    ความรู้สึกเปียกที่หลังทำให้รู้ได้ไม่ยากว่าอีกคน...กำลังร้องไห้

     

     

     

     

     

     

     

    “ถ้ามันเป็นอย่างนั้น...ฮึก.... ป่านนี้เราก็คงลืมนายได้แล้ว”

     

     

     

     

     

     

    “ป่านนี้เราคงได้พบเจอเพื่อนใหม่ๆ ได้ลองเปิดใจรับความรักใหม่ๆ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “แต่มันไม่ใช่ไงเข้าใจมั้ย???    ฮึก...”

    เสียงใสหายไปอีกครั้ง มีเพียงเสียงสะอื้นดังมาเป็นพักๆ

    ขายาวทั้งสองยังคงยืนอยู่ที่เดิม น้ำตาของอีกคนมันช่างทำร้ายหัวใจเขาเหลือเกิน

     

     

     

     

     

    “เมื่อวันที่เรียนจบ....เราไปนั่งเล่นที่ตะที่เราเคยนั่งด้วยกันบ่อยๆ แล้วก็เผลอหลับไป”

     

     

     

     

     

     

     

    “รู้มั้ย...ว่าตอนตื่นมา...เราเจออะไร”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เสื้อของนาย...มันมาอยู่กับเราได้ยังไงถ้านายไม่ได้มาที่โรงเรียน?”

     

     

     

     

     

     

    “ถ้ามา...อย่างน้อยก็ปลุกกันบ้างสิ”

     

     

     

     

     

     

     

    “สงสาร...คนที่ยังลืมนายไม่ได้ซักที...คนนี้บ้างสิ...ฮึก”

     

     

     

     

     

    “ถึงความรักของเรา...นายจะตอบรับมันไม่ได้... แต่อย่างน้อย...ก็อย่าทำร้ายมันไม่ได้หรอ”

    ดยซอบถามเสียงสั่น ก่อนจะดึงแขนอีกคนให้ปล่อยตัวเองลง

     

     

     

     

     

    “ส่งเราแค่นี้ก็ได้ เรา..สร่างเมาแล้วล่ะ ขอบใจนะ..ที่มาส่ง ฮ่ะๆ เจอกันวันหลังนะ..บาย”

    ร่างบางยิ้มเจื่อนให้อีกคน ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าซอยบ้านตัวเองต่อไป

     

     

     

     

     

     

    หมับ

    “อึก...”

    อ้อมกอดจากด้านหลังทำให้ขาทั้งสองชะงักไป น้ำตาที่เพิ่งจะหยุดไหลกลับไหลออกมาอีกครั้ง

     

     

     

     

    “ปล่อย...ปล่อยเราเถอะ..นะ...ขอร้อง”

    “ไม่โย... เราจะไม่ปล่อยนายไปอีกแล้ว”

    ดุจุนพูดเสียงสั่น พลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

     

     

     

     

     

    “ข..ขอร้อง ฮึก... ให้เราได้... ลืมนายไปซักที...ฮึก”

    “ไม่โยซอบ... เราจะไม่ปล่อยนายไปไหนอีก”

     

     

     

     

     

    “เราจะไม่ทำร้ายนาย...เราจะไม่ทำผิดซ้ำสอง”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เราจะไม่ยอมให้คนที่เรารัก.... เจ็บอีกแล้วโยซอบ”

     

     

     

     

     

     

    “เราขอโทษ...”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    THE END

     

     

     

     

     

     

     

    โอ้วเย่ ยาวสมใจ ฮ่าๆๆๆๆ

    แต่เพลงนี้มันโดนจริงๆนะ แล้วฟีลมันก็ตรงกับไรเตอร์มากมันเลยมา

    ชอบมั้ยเอ่ย? พูดจริงๆว่าตอนแต่งไรเตอร์จะร้องไห้

    แต่เราอาจสื่อมันออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร

    แต่ก็หวังว่ารีดเดอร์จะชอบนะ^^ คงไม่เบื่อใช่มั้ยยาวไปหน่อย?

     

     

     

     

     

     

    เม้นดีเป็นศรีแก่ไรเตอร์ฮะ~

    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×