ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Department in the night (เรื่องส่งประกวด ตะวันส่องอะวอด#3)

    ลำดับตอนที่ #4 : 04: 'Til the light comes

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 53


    ชลปิติเดินลงมาชั้นล่างอย่างคล่องแคล่ว ฉายไฟกราดไปทั่วไร้ซึ่งความระมัดระวัง ไม้ซอฟต์บอลที่ถือไว้แน่นในมือหมายจะหวดฟาดทุกสิ่งทุกอย่างที่ตรงปรี่เข้ามาหาเธออย่างไม่เกรงกลัว ถ้าอยากจะฆ่าแกงกันขนาดนั้นก็มาลงที่เธอคนเดียว อย่าริอาจไปยุ่งกับผู้เป็นที่รักยิ่งของเธอเป็นอันขาด

     

    ที่ที่เธอมั่นใจว่าจะต้องมีหุ่นปีศาจอยู่อย่างแน่นอน ก็คือโซนเสื้อผ้าสตรีที่เก่านั่นเอง ในตอนนี้เธอไม่สนใจเหตุผลต่างๆ นานาเกี่ยวกับการมาของเหล่าภูตผีวิญญาณเหล่านี้แล้ว เธอคิดว่าใครหรืออะไรก็ตามที่บุกมา เธอก็ต้องรุกกลับอย่างไม่ลดละ และเธอก็จะไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ด้วยแม้ว่าอีกด้านนั้นจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตปกติทั่วไปบนโลกนี้ก็ตาม

     

    หล่อนเดินมาจนใกล้ถึงโซนเสื้อผ้าสตรี ก็พบเสียงเอะอะโวยวายดังลั่นราวกับมีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ท่ามกลางความมืด เสียงหัวเราะคิกคักฟังดูแปลกพิลึกของหญิงสาวที่เดินสะบัดชายเสื้ออย่างรื่นเริง ฟังดูก็รู้ว่านั่นไม่ใช่เสียงของมนุษย์!

     

    อาถรรพ์ของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ หรือจะว่าไปก็เป็นเพียงอาถรรพ์ของหุ่นโชว์เก่าๆ ที่ทางห้างจะนำมาปัดฝุ่นตั้งโชว์เฉพาะในงานสินค้าหมุนเวียนเท่านั้น ความโดดเดี่ยว เปลี่ยวเหงา และความอ้างว้างของเหล่าหุ่นโชว์ที่ถูกทอดทิ้งไว้ในห้องเก็บของเก่าๆ คร่ำครึในเวลาที่พวกมันไร้ประโยชน์ กลายเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณร้ายได้เป็นอย่างดี แม้ร่างจะไม่ใช่มนุษย์แต่ก็เหมือนมนุษย์ และพวกมันจะสามารถออกมาเริงระบำ อาละวาดและแผลงฤทธิ์ได้เฉพาะวันสุดท้ายของการจัดงานเสื้อผ้าสตรีเท่านั้น

     

    แต่ไม่ว่าจะมีเหตุผลที่ดีเลิศเพียงใดชลปิติก็ไม่สน ไม่มีความจำเป็นที่หล่อนจะมาสงสารพวกหุ่นกระบอกที่ทำร้ายผู้คนเพียงเพราะนึกสนุก อยากลองฆ่ามนุษย์เล่นเพื่อความสำราญ แม้เธอจะไม่สามารถกำจัดพวกมันได้หมด แต่อย่างน้อยก็ขอกำจัดไอ้ตัวที่บังอาจมาทำร้ายแฟนหนุ่มของเธอให้ได้สักตัว

     

    ในขณะที่ชลปิติไม่ทันได้ตั้งตัว หุ่นปีศาจตัวหนึ่งที่แอบซุ่มอยู่ด้านหลังก็พุ่งเข้าใส่เธอ จนทั้งคู่ล้มลงไปเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น ครั้งนี้โชคไม่ดีที่ศีรษะของหล่อนกระแทกกับพื้นทำให้มึนงงไปชั่วขณะ และทั้งไม้ซอฟต์บอลทั้งไฟฉายก็กระเด็นไปคนละทาง เป็นโอกาสเหมาะที่หุ่นผีจะตรงเข้าบีบคอชลปิติโดยไร้ซึ่งการป้องกัน หัวก็เจ็บ คอก็หายใจไม่ออก จนมือเท้าของชลปิติเริ่มเกร็งเนื่องจากขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน

     

    คิกๆๆ คิกๆๆ หุ่นปีศาจหัวเราะชอบใจที่กำลังจะได้ฆ่าคน เสียงหัวเราะที่ผ่านเข้าโสตประสาตของชลปิติทำให้เธอรู้สึกว่า เหมือนเสียงของมันจะดังมาจากด้านข้างมากกว่าด้านหน้า แสดงว่า เจ้านี่จะต้องเป็นหุ่นตัวเดียวกับที่ทำร้ายเมฆ และถูกเธอถีบจนหัวหันไปอีกด้านหนึ่งอย่างแน่นอน

     

    ชลปิติปัดป่ายมือไปมาอย่างยากลำบาก พยายามจะคว้าไฟฉายซึ่งตกอยู่ใกล้ๆ มาให้ได้ แต่ขณะเดียวกันเธอก็เริ่มขาดอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ หล่อนยืดแขนออกไปจนเกือบจะหลุดออกจากไหล่ และกรีดนิ้วออกไปให้ได้ไกลที่สุด จนสามารถเขี่ยด้ามไฟฉายมาได้ เธอรีบคว้าเอาไว้ทันทีแล้วส่องใส่หน้าของมัน ใช่จริงๆ ด้วย หัวของหุ่นตัวนี้บิดไปทางด้านขวา มันจึงมองไม่เห็นด้วยว่าเธอพยายามจะเอื้อมหยิบไปฉาย และคงเข้าใจว่าที่เธอตะเกียกตะกายนั่นเป็นเพียงเพราะเธอกำลังจะตายเท่านั้นเอง อีกประการหนึ่ง ชุดที่มันใส่อยู่ก็เป็นชุดราตรีสีชมพูสด มันก็คือตัวเดียวกับที่เหยียบโทรศัพท์มือถือของเธอ และดันประตูไว้ไม่ให้เธอออกมาในตอนแรกนั่นเอง!

     

    ชลปิติเงื้อมือขึ้นขณะที่ลำคอถูกบีบจนแน่น กะจังหวะที่ลงตัว แล้วปักด้ามเข้าที่เบ้าตาขวาของมันจนเกือบมิดด้าม

     

    กรี๊ด มันร้องเสียงโหยหวนและปล่อยมือออกในทันที ชลปิติพยุงตัวขึ้นและสูดอากาศเข้าไปให้มากที่สุด ก่อนจะสะบัดมือตบเข้าใส่อย่างแรงจนหน้าของมันหันไปอยู่ด้านหลังและล้มลง

     

    หึ ร้ายนักใช่มั้ย? ชลปิติจิกหัวมันขึ้นและหมุนหัวมันกลับมา ก่อนจะถอดรองเท้าข้างที่ส้นหักแล้วฟาดเข้าใส่หน้ามันเต็มแรง

     

    ไปตายซะๆๆๆ หนึ่งประโยคที่เจ้าหล่อนกู่ร้อง ก็คือหนึ่งครั้งที่ตะบันส้นเข้าใส่หน้าของหุ่นผีตัววายร้าย ส้นแหลมที่ปักทะลุใบหน้าของมัน เมื่อยกขึ้นออกจากหน้าก็ทำให้เลือดกระฉูดออกมาหนึ่งครั้ง และเมื่อปักเข้าไปอีกครั้งแล้วกระชากออก เลือดชั่วร้ายก็ยิ่งพุ่งกระฉูดมากขึ้นกว่าเดิมจนเปื้อนเปรอะไปทั่วทั้งร่างของชลปิติ

     

    แกเป็นตัวอะไรมากจากไหนฉันไม่สน แต่ในเมื่อแกมาทำร้ายคนที่ฉันรักมากที่สุด ฉันก็ขอให้แกไปลงนรกชดเชยบาปสักร้อยชาติก่อนก็แล้วกันย่ะ!” หล่อนระเบิดอารมณ์ใส่ไม่ยั้ง จนรอยเท้าสุดท้ายที่ประทับลงบนหน้าของหุ่นปีศาจนั้นทำให้ใบหน้าของมันบี้แบนแทบจะติดกับพื้น เลือดจากสมองไหลเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ โดนไปขนาดนี้ถึงจะเป็นปีศาจก็ไม่รอดเช่นกัน

     

    ชลปิติหายใจเหนื่อยหอบ มองดูผลงานที่เกิดจากความอาฆาตแค้น และเธอก็แก้แค้นได้สำเร็จแล้ว แต่เธอลืมไปว่า ยังมีพลพรรคหุ่นผีอยู่อีกนับสิบตัวที่กำลังร่วมงานสังสรรค์กันอยู่ และบัดนี้พวกมันก็ยืนรุมล้อมรอบด้านเธอ เพื่อจะล้างแค้นให้กับผองเพื่อนของพวกมันที่ถูกสังเวยชีวิตไปถึงสองตนเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว ทั้งมีด ค้อน ขวาน และอีกสารพัดอาวุธที่พร้อมอยู่ในมือของพวกมัน รอคอยที่จะดื่มด่ำโลหิตของหญิงสาวเบื้องหน้าพวกมัน ชลปิติอับจนหนทาง ไม่มีทางหนีใดๆ แล้ว

     

    ฮิๆๆ

     

    คิกๆๆ

     

    โฮะๆๆ

     

    เสียงหัวเราะของพวกมันดังก้องอยู่ในหัวสมองของชลปิติราวกับเป็นใบเบิกทางสู่นรก พวกมันค่อยๆ ก้าวเดินเข้ามาจนวงล้อมเริ่มแคบลงเรื่อยๆ ชลปิติหลับตานิ่ง รอคอยชะตากรรมอันโหดร้ายที่ไม่อาจหลีกหนีได้

     

    แต่ทันใดนั้น ไฟทั่วทั้งห้างก็สว่างพรึ่บ จนชลปิติต้องรีบกระพริบตาถี่เพื่อจะปรับสายตาให้ชินโดยเร็ว พวกมันก็เช่นกัน ต่างหันซ้ายหันขวาด้วยความตกใจ บ้างถึงกับกรีดร้องเพราะไม่ชินกับแสงสว่าง และชลปิติก็ใช้โอกาสนี้ ผลักตุ๊กตาผีตัวที่อยู่ตรงหน้าให้ล้มลง แล้วรีบก้าวผ่านไปโดยเร็ว ทว่าเธอก็ต้องหยุดตะลึงกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า ภาพแห่งความเหี้ยมโหดและเลวทรามต่ำช้าที่สุดเท่าที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน

     

    รอยเลือดถูกลากเป็นทางยาวเกือบทั่วทั้งชั้น ก่อนจะมาหยุดตรงโซนเสื้อผ้าสตรี และที่แห่งนั้น มีซากศพของวารี และรปภ.หนุ่มคนหนึ่งที่อาบโชกไปด้วยเลือดถูกจับสวมทับเสื้อราตรีชุดงาม กับเสื้อสูทสีดำขลับ พวกมันฆ่าสองคนนี้แล้วจับมาทำเป็นหุ่นโชว์แทนพวกมัน ซ้ำร้ายยังกัดกินซากและดื่มเลือดอันโอชะของทั้งสองด้วยความวิปริต ชลปิติมองพวกเขาทั้งสองด้วยความสงสารจับใจยิ่งนัก แต่ในวินาทีนี้ เธอก็จำเป็นต้องรักษาชีวิตของตัวเองให้รอดเช่นกัน เธอกำลังจะวิ่งหนีแต่พวกมันกรูกันมาเกือบจะประชิดตัวของเธอแล้ว

     

    ปัง! กระสุนปืนพุ่งทะลุแสกหน้าหุ่นตัวที่อยู่ใกล้ชลปิติที่สุด มันล้มลงแน่นิ่งไปในทันที

     

    ปัง ปัง ปัง! เสียงลั่นไกยังคงบรรเลงต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับหุ่นที่ล้มลงทีละตัวๆ จนเหลือตัวสุดท้ายที่ตรงเข้ามาพร้อมกันสองตัว ตัวหนึ่งถูกยิงไปแล้ว แต่อีกตัวกำลังเงื้อมีดเข้ามาหาชลปิติ ซึ่งเจ้าหล่อนก็เงื้อรองเท้าอีกข้างเตรียมรอไว้แล้ว

     

    ส่งแขก หล่อนฟาดลงที่หน้าของมันอย่างแรงจนล้มแน่นิ่งไปไม่ต่างกับพวกที่ถูกยิง

     

    ชลปิติรีบหันไปหาผู้ช่วยชีวิต เบื้องหน้าของเธอนั้น เมฆกำลังเดินกะเผลกเข้ามาหาเธอพร้อมกับปืนสั้นจากร้านขายปืนซึ่งถือไว้ในมือ เขานั่นเองคือผู้ที่ไปเปิดไฟ และรีบลงมาช่วยชลปิติโดยเร็ว

     

    ปลอดภัย...ใช่มั้ย? ทันทีที่เมฆเอ่ยปากถาม เขาก็ทรุดลงทันที ชลปิติรีบเข้าไปช่วยพยุงไว้ได้ทัน

     

    ขอบคุณมากเลยนะเมฆ ชลปิติซุกหน้าเข้าที่แผงอกของเมฆ ก่อนจะเริ่มร้องไห้อีกครั้ง

     

    มันจบแล้วนะชล

     

    ค่ะ

     

    ทั้งสองนั่งกอดกันอยู่ครู่ใหญ่ ท่ามกลางงานศพของเหล่าดวงวิญญาณทั้งหลาย พรุ่งนี้เช้า แม่บ้านและตำรวจคงจะทำงานเก็บกวาดกันหนักหน่อย แต่อย่างน้อยชลปิติและเมฆก็สามารถทำลายอาถรรพ์ตุ๊กตาผีสิงลงได้ และนี่จะเป็นเหตุการณ์ที่ชลปิติไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิตเลยว่า เธอเกือบจะต้องสูญเสียคนที่เธอรัก และมีคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องรับเคราะห์ร้ายถึงสองรายเพียงเพราะความสิ้นคิดของเธอที่ทำอะไรเพียงเพราะความเอาแต่ใจ เธอมองลอดอ้อมแขนของเมฆไปที่วารีและรปภ.หนุ่ม พวกเขาล้วนต้องมาตายเพราะเธอคนเดียว ส่วนพวกซากศพตุ๊กตาเหล่านั้น...มันจะไปลงนรกขุมไหนก็เรื่องของพวกมัน!

     

    ราตรีอันมืดมิดยังคงขับกล่อมให้หลากหลายชีวิตอยู่ในห้วงนิทรา แต่อย่างน้อยในเวลานี้ ก็ยังหลงเหลือบุคคลอยู่อีกสองคนที่ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ และสำหรับพวกเขา ค่ำคืนนี้ก็ดูเหมือนจะอีกยาวนาน ตราบนานเท่านาน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×